เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงภาพรวมการหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐว่า กระแสภาพรวมของพรรควันนี้ถือว่าดีมาก ถึงขนาดที่หลายพรรคหลายกลุ่มต้องไล่อัดโจมตีเพื่อดิสเครดิต เช่น การโจมตีนโยบายของพรรคว่าทำไม่ได้จริง หรืออาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศ และการกล่าวหา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ว่าเป็นพวกสืบทอดอำนาจ เผด็จการ ซึ่งตรงนี้เป็นการโจมตีเรื่องเดิมๆ ที่ตนตั้งสมมติฐานไว้แล้วว่าพวกเขาจะต้องโจมตีเรื่องนี้ พรรคคู่แข่งไม่มีมุกใหม่ๆ ประชาชนฟังจนเบื่อแล้ว ตนยืนยันอีกครั้งว่า พลเอก ประยุทธ์ ไม่ใช่เผด็จการ หากเป็นเผด็จการต้องแบบ นายอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำพรรคนาซี เยอรมนี
“ความวุ่นวายที่ผ่านมาเกิดจากนักการเมืองแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จนต้องยึดอำนาจเพื่อเอาความขัดแย้งออกไป พรรคพลังประชารัฐอยากเห็นประเทศปราศจากความขัดแย้ง ผมเชื่อว่าประชาชนเข้าใจภาพรวมในแต่ละพื้นที่ ผมคิดว่าไม่มีจุดไหนต้องกังวล มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส. ตามเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ คือ 130 ที่บวกลบ” นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าสโลแกนใหม่ของพรรค ‘เลือกความสงบจบที่ลุงตู่’ หลังการเลือกตั้ง จะไม่มีมาตรา 44 พลเอก ประยุทธ์ จะยังสามารถสร้างความสงบได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มาตรา 44 เป็นเครื่องมือของหัวหน้า คสช. ที่ช่วยจัดระเบียบประเทศให้เข้าร่องเข้ารอย ในช่วงที่ผ่านมาประเทศเกิดความวุ่นวาย ดังนั้นจึงต้องมีมาตรานี้ขึ้นมาเป็นภาคบังคับ แต่ขณะนี้ประเทศเรากลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติ และได้ผ่อนปรนไประดับหนึ่งแล้วแต่ยังต้องระวังไว้บ้าง ซึ่งหลังจากเลือกตั้งปัญหาความวุ่นวายน่าจะไม่รุนแรง ประเทศจะเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าแม้จะไม่มีมาตรา 44 หาก พลเอก ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ ก็จะสามารถรักษาความสงบสุขได้ และพรรคพลังประชารัฐจะเอามาตรา 44 และ คสช. คืนไป เอาลุงตู่กลับมาเป็นนายกฯ สานงานนโยบายที่ดีๆ ต่อไปเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์