ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ ดร.สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ และที่ปรึกษานโยบายคมนาคมพรรคอนาคตใหม่ จัดแถลงข่าว ‘ไฮเปอร์ลูป: ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย’ โดยธนาธรเริ่มต้นโดยการอธิบายหลักวิธีคิดและวิธีการออกแบบนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ โดยยึดหลักการสร้าง ‘คนไทยเท่าเทียมกัน ประเทศไทยเท่าทันโลก’ ทำให้นโยบายที่ออกแบบมาแต่ละด้านร้อยรัดกัน มีลักษณะพลิกประเทศ เพราะแก้ปัญหาที่ต้นตออย่างยั่งยืน ที่ผ่านมาตนและพรรคอนาคตใหม่แสดงออกชัดเจนเกี่ยวกับจุดยืนและนโยบายทางด้านการ ‘สร้างคนเท่าเทียมกัน’ มาตลอดหลายเดือนแล้ว แต่ที่ตนและพรรคยังไม่ได้แสดงให้ประชาชนเห็นชัดก็คือ นโยบาย ‘สร้างไทยเท่าทันโลก’
ธนาธรกล่าวย้อนถึงการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงยุคทศวรรษที่ 1980-1990 ประเทศไทยเคยได้รับการขนานนามว่าเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย ที่จะกลายเป็นประเทศร่ำรวยต่อจากฮ่องกง, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และไต้หวัน แต่กลับทำไม่สำเร็จ แถมประเทศไทยยังถูกทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ในขณะที่ประเทศที่ตามหลังไทยอย่างเวียดนามและอินโดนีเซียก็เริ่มไล่กวดไทยจนใกล้จะแซงหน้าไทยแล้วเช่นกัน
เมื่อพูดถึง ‘วิกฤตต้มยำกุ้ง’ ปี 2540 คนส่วนใหญ่จะนึกถึงแค่ปัญหาการจัดการเศรษฐกิจมหภาค หรือการต่อสู้กับการเก็งกำไรค่าเงินบาท แต่นั่นเป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ปัญหารากฐานของเศรษฐกิจที่อยู่ลึกกว่านั้นคือ การเติบโตที่ผ่านมาของไทยตั้งอยู่บนเป้าหมายการเป็น ‘ฐานการลงทุน’ ให้กับกิจการต่างชาติ เนื่องจากเป็นวิธีที่ทำให้ตัวเลขส่งออกและ GDP สูงขึ้นภายในเวลาสั้นๆ และมีการจ้างงาน รายได้เข้าประเทศแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่ยั่งยืน แต่เราไม่เคยสนใจการพัฒนาเทคโนโลยีและทักษะความสามารถของเราเองอย่างจริงจัง จนงานวิชาการหลายชิ้นเรียกการพัฒนาของไทยว่าเป็น Technologyless Industrialization หรือ ‘การพัฒนาอุตสาหกรรมโดยไร้เทคโนโลยี’ ซึ่งทำให้ในระยะยาวไทยไม่สามารถไล่กวดทันกับประเทศอื่นได้
ซึ่งในแต่ละอุตสาหกรรมมีเทคโนโลยีเฉพาะตัว ประเทศที่มาทีหลังมี 3 ทางให้เลือกก็คือ
1. Path-following Strategy การเดินตามผู้นำ โดยให้ผู้นำถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้มาให้ทีละขั้นตอน ซึ่งประเทศไทยมักเดินตามเส้นทางนี้มาตลอด แต่เกาหลีใต้และไต้หวันประสบความสำเร็จมาแล้วจากการเดินตาม 2 ทางเลือกต่อไปนี้ คือ
2. Path-skipping Strategy อาศัยความได้เปรียบจากการมาทีหลัง ข้ามลัดขั้นตอนลองผิดลองถูกของผู้นำ และ
3. Path-creating Strategy กล้าเลือกเส้นทางใหม่
ดังนั้น เทคโนโลยี ‘ไฮเปอร์ลูป’ (Hyperloop) ถือเป็นหนึ่งในหลายความเป็นไปได้ที่ทำให้เรามุ่งสู่เส้นทางใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย
ทางด้าน ดร.สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ กล่าวแนะนำไฮเปอร์ลูปว่า เป็นระบบขนส่งมวลชนรูปแบบใหม่ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาพัฒนา มีระบบการทำงานลักษณะคล้ายตู้ทรงกระบอกความยาวประมาณ 25 เมตร ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังแม่เหล็กไฟฟ้าภายในท่อที่มีแรงกดอากาศต่ำใกล้เคียงสุญญากาศ เพื่อลดแรงเสียดทานจากปัจจัยต่างๆ โดยหวังว่าในอนาคตจะสามารถเดินทางได้ด้วยความเร็วถึง 1,100 กม./ชม. แต่ใช้พลังงานและปล่อยมลพิษน้อยกว่าการเดินทางแบบอื่นๆ
ส่วนรายละเอียดผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนและประโยชน์ที่จะได้รับจากไฮเปอร์ลูปในประเทศไทย ต้นแบบการศึกษาเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต พบว่า ในอนาคตมีความเป็นไปได้สูง เพราะอาจมีต้นทุนการก่อสร้างที่ต่ำกว่ารถไฟความเร็วสูง และได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ไม่น้อยไปกว่ากัน (คาดว่าประมาณ 9.7 แสนล้านบาท) โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างงานในประเทศได้ถึง 1.8 แสนตำแหน่งงาน และไฮเปอร์ลูปมีความปลอดภัยและความเสถียร และโดยเฉพาะความสะดวกรวดเร็วที่ถือว่าดีที่สุดเมื่อเทียบกับการเดินทางแบบอื่นๆ
สุดท้าย ธนาธร กล่าวสรุปว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เสนอนโยบายให้สร้างไฮเปอร์ลูปทันที แต่จะเสนอนโยบายตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับไฮเปอร์ลูปทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างอุตสาหกรรมไฮเปอร์ลูป อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผลการศึกษาหรือการวิจัยพัฒนานั้นไม่สามารถทำได้จริง ก็ยังมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อีกมากมายที่ได้องค์ความรู้ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น เทคโนโลยีไฟฟ้า อวกาศ เกษตร คมนาคม ระบบการขึ้นรูปโลหะ ระบบปรับแรงดันอากาศ ฯลฯ
หากเทคโนโลยีไฮเปอร์ลูปประสบความสำเร็จ ไทยจะเป็นประเทศที่ขยับจากผู้ตามไปเป็นผู้นำ สามารถผลิตเพื่อใช้ในประเทศ และส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ได้ สามารถขยับที่ทางของประเทศไทยไปเป็นแนวหน้าของประเทศอุตสาหกรรมโลกได้ ตามแนวทาง Path-skipping Strategy และ Path-creating Strategy
และนี่คือวิสัยทัศน์ของการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมประเทศไทยของพรรคอนาคตใหม่
ธนาธรกล่าวว่า จะเปิดเผยรายงาน Preliminary Feasibility Report ในช่วงหลังการเลือกตั้ง เพราะหากเปิดเผยในช่วงนี้ มีความเป็นไปได้ว่าอาจขัดกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งได้ ดังนั้นคาดว่าจะเปิดเผยในวันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2562 โดยรายงานผลการศึกษาชิ้นนี้เป็นการศึกษาเบื้องต้น แต่ทุกคนสามารถนำไปศึกษา พัฒนา อ้างอิง ทำซ้ำ ดัดแปลง และวิพากษ์วิจารณ์ได้เต็มที่ โดยถือว่าผลการศึกษาชิ้นนี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของสาธารณะ