เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระแสข่าวลือการรัฐประหารตลอดคืนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ว่าในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีกระแสข่าวลือการรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงปัญหาของสังคมไทยให้เห็นว่า เกิดการเผชิญหน้าระหว่างอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งกับอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งกำลังจะไปต่อไม่ได้ จนกลายเป็นกระแสเรื่องการรัฐประหารอีก ซึ่งถ้ามีการยึดอำนาจ อนาคตใหม่ยืนยันว่าจะคัดค้านอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ทีมข่าวของพรรคกำลังติดตามประเมินข่าวสารอย่างใกล้ชิด ส่วนแนวทางการต่อต้านจะเป็นอย่างไรนั้นยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ เพราะเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากก่อนการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีต ผบ.ทบ. ก็บอกตลอดว่าจะไม่ทำ แต่ไปยอมรับในการสัมภาษณ์นิตยสาร Time ว่าเตรียมการล่วงหน้ามา 6 เดือน ซึ่งทางออกของสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้คือ เดินหน้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมที่กำหนดไว้ เพื่อกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย” ธนาธร กล่าว
เมื่อถามถึงความเห็นต่อการเคลื่อนไหวให้มีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ธนาธร กล่าวว่า อนาคตใหม่คงไม่ไปก้าวล่วงพรรคไหน ไม่ว่าจะเป็นการส่ง ส.ส. แบบแบ่งเขตบัญชีรายชื่อหรือบัญชีนายกฯ อนาคตใหม่ยืนยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการเจรจาทางการเมืองใดๆ ขอเตรียมพร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพื่อเป้าหมาย 3 ข้อคือ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และล้มล้างผลพวงการรัฐประหาร พร้อมกันนี้ขอยืนยันข้อเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ ลาออกจากทั้งตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกฯ
ธนาธร กล่าวอีกว่า เพราะรัฐบาล คสช. ไม่เป็นรัฐบาลรักษาการตามหลักสากล ที่จะไม่มีอำนาจออกนโยบายที่ใช้งบผูกพันกับรัฐบาลหน้า แต่รัฐบาล คสช. ยังสามารถดำเนินการได้ ทั้งยังมีมาตรา 44 อยู่ ซ้ำร้ายกว่านั้น พล.อ. ประยุทธ์ ยังมีอำนาจเลือก 250 ส.ว. ที่จะกลับไปเลือก พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีก ก็เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างแท้จริง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์