เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561 พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เลือกตลาดปัฐวิกรณ์ เขตบึงกุ่ม เปิดตัวรับสมัครสมาชิกพรรคเป็นที่แรกในกรุงเทพมหานคร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรคและอดีตเลขาธิการ กปปส. นำทีมโดยกรรมการบริหารพรรค ได้แก่ พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์, นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ และนายจุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ เหรัญญิกพรรค เดินทางมาร่วมรับสมัครสมาชิกพรรคด้วยตัวเอง
เสียงนกหวีดดังสนั่นต้อนรับลุงกำนัน ขณะที่พิธีกรก็เร่งเร้าให้บรรยากาศคึกคัก
หลังพบปะพูดคุย ถ่ายรูป แจกลายเซ็นกับมวลชน นายสุเทพจับไมค์ปราศรัยชี้แจงที่มาของการตั้งพรรค รปช.
ยืนยันว่าตนไม่เคยตระบัดสัตย์ เพียงต้องการช่วยตั้งพรรคการเมืองของประชาชนเพื่อสานงานปฏิรูปที่ คสช. ทำไว้บ้างแล้ว พร้อมย้ำว่าจะไม่รับตำแหน่งใดๆ ในพรรค ไม่ลงสมัคร ส.ส. และไม่รับตำแหน่งใดๆ หากพรรค รปช. ได้ร่วมเป็นรัฐบาล ซึ่งนายสุเทพมั่นใจว่า รปช. ได้ร่วมรัฐบาลแน่นอน
ในส่วนของเงินทุนจัดตั้งพรรคการเมือง นายสุเทพชี้แจงการระดมทุนอย่างเป็นขั้นตอน
เริ่มจากระดมเงินผู้ริเริ่มก่อตั้งพรรคลงขันคนละ 50,000 บาท ขณะนี้มีจำนวน 608 คน ตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 คน รวมเป็นเงิน 50,000,000 บาท
ที่เหลือเป็นการระดมเงินจากค่าสมัครสมาชิกพรรควันละ 1 บาท หรือปีละ 365 บาท หากใครจะสมัครสมาชิกตลอดชีพต้องจ่าย 3,650 บาท
นายสุเทพคำนวณจากฐานผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส. ว่ามีไม่ต่ำกว่าล้านคน เฉลี่ยคาดว่าจะได้เงินปีละ 400 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าทุนจำนวนนี้สามารถสามารถสู้กับพรรคอื่นๆ ได้
นอกจากนี้นายสุเทพยังชูธงปฏิรูป 5 ประการ ได้แก่ การปฏิรูปการเมือง การป้องกันทุจริต การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูปตำรวจ และการปฏิรูปความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะประเด็นการศึกษาจะเสนอให้เด็กไทยมีสิทธิ์เรียน ปวช. – ปวส. ฟรีทั่วประเทศ และประเด็นสาธารณสุขซึ่งต้องให้ทุกคนมีสิทธิ์รักษาพยาบาลเท่าเทียมกัน
นายสุเทพให้สัมภาษณ์ด้วยว่าเงื่อนไขที่พรรค รปช. จะเลือกร่วมรัฐบาลกับใครคือเงื่อนไขสานงานปฏิรูปเป็นสำคัญ และยึดขั้นตอนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหลักโดยไม่สนใจว่าพรรคนั้นต้องได้ ส.ส. ในสภาเกินครึ่งหรือไม่
ส่วนการประชุมสมัชชาพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง ตั้งเป้าให้ได้สมาชิกประมาณ 1 แสนคนก่อนจึงจะจัดประชุม