- ประเด็นสำคัญช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงอยู่ที่การออกกฎเกณฑ์กำกับดูแลธุรกิจต่างๆ ทำให้ บล.ไทยพาณิชย์ ปรับลดความน่าสนใจในตลาดหุ้นจีนลงมา 1 ระดับ แม้ Valuation ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่น
- ทองคำเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยระยะสั้นได้ปัจจัยสนับสนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และ Real Yield ที่ลดลง แต่ระยะยาวยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการทำ QE Tapering ของ Fed
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนวโน้มยังสดใส จากการทยอยเปิดเมืองและมาตรการกระตุ้นการคลังจากแผนการลงทุนระยะยาว เชียร์ซื้อหุ้นกลุ่ม Quality ในกลุ่ม Tech Hardware และ Semiconductor
- ส่วนประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาสัปดาห์นี้ คือ การประชุม BOE และ กนง. รวมทั้งการประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เยอรมนี อังกฤษ และจีน เดือนกรกฎาคม
- หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ บล.ไทยพาณิชย์ แนะนำ ADVANC โดยถือเป็นหุ้น Defensive ที่คาดราคาสามารถชนะตลาดได้ในยามตลาดผันผวน
สัปดาห์ที่ผ่านมามีประเด็นสำคัญเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะกรณีที่ ‘ทางการจีน’ ออกกฎระเบียบกำกับดูแลธุรกิจด้านการศึกษา บริษัทเทคโนโลยีด้านการศึกษา โรงเรียนและสถาบันกวดวิชาต่างๆ ในจีน เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
ทั้งนี้ ตั้งแต่ในช่วงเดือนพฤษภาคม ทางการจีนได้ออกนโยบายควบคุมธุรกิจด้านเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลด้านลบต่อตลาดหุ้นจีน และยังไม่สามารถประเมินได้ว่าในระยะข้างหน้าจะมีการออกกฎเกณฑ์ควบคุมกลุ่มอุตสาหกรรมใดบ้าง ด้วยเหตุนี้ บล.ไทยพาณิชย์ จึงแนะนำให้นักลงทุนกลับมาเน้นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย เช่น รถยนต์ไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก สินค้าจำเป็น และการบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ
ส่วนท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีอะไรใหม่ โดย Fed ยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed กล่าวว่า Fed ยังคงอยู่ห่างไกลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ประเมินว่ามาตรการการลดซื้อสินทรัพย์นั้นจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ในภาพรวมเรามองว่าท่าทีของ Fed ไม่มีอะไรใหม่ และตลาดรับรู้และตั้งสถานะไปในระดับหนึ่งแล้ว
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงของการประกาศผลประกอบการ โดยทุกกลุ่มอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ยุโรป เอเชีย และไทยนั้นออกมาดีกว่าคาดจากภาพของการกระจายวัคซีนและการเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจมากขึ้น โดยมีกำไรดีกว่าคาด 10-20%
อย่างไรก็ดี ตลาดตอบสนองกับบริษัทที่มีกำไรดีกว่าที่คาดในกรอบแคบ ซึ่งสะท้อนว่าตลาดรับรู้ไปในระดับหนึ่ง และอาจจะมองข้ามไปดูแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ที่ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทานที่มีปัญหา ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการระบาดของโควิด
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้
- การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยต้องติดตามประมาณการเศรษฐกิจของอังกฤษรอบใหม่
- การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยติดตามการออกกฎเกณฑ์ค่าบริการและค่าธรรมเนียมทางการเงินใหม่ รวมถึงการประกาศตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจไทย
- การประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เยอรมนี อังกฤษ และจีน เดือนกรกฎาคม
หุ้นเด่นประจำสัปดาห์
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
โดย ADVANC เป็นผู้นำธุรกิจให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมในไทย ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประเทศไทยในด้านจำนวนผู้ใช้บริการสูง 45% อีกทั้งยังมีจำนวนคลื่นในมือมากที่สุดในกลุ่ม ช่วยให้บริการลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ และผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ดีในระยะยาว
ผลดำเนินงานไตรมาส 2/64 คาดว่าจะมีกำไรปกติ 6.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) หลังมองค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลงจะช่วยชดเชยต้นทุน 5G ที่สูงขึ้นได้บางส่วน
ส่วนไตรมาส 3/64 ประเมินกำไรปกติจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากไตรมาสก่อน(QoQ) และ YoY จากการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง แม้รายได้จากบริการหลักจะค่อนข้างทรงตัว
ทั้งนี้ ADVANC ถือเป็น Defensive ที่คาดราคาหุ้นจะสามารถชนะตลาดได้ในยามตลาดผันผวน ขณะที่ บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินราคาเป้าหมายที่หุ้นละ 220 บาท และคาดมีประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 3.20 บาท คิดเป็น Div. Yield 1.9%
มุมมองการลงทุนต่อตลาดต่างๆ
บรีฟอาร์ต: ระดับความน่าสนใจของตลาดต่างๆ รบกวนทำกราฟิกแถบพลังตาม format ลิงก์นี้จ้ะ https://thestandard.co/120-days-opening-the-country-support-thai-reit-exclusive-summary/
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว
ความน่าสนใจระดับ: 4
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว ยังได้รับแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย ความคืบหน้าการฉีดวัคซีน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาดในหลายภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้น จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา การเกิด Sector Rotation และแนวโน้มของ Fed ที่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาด
กองทุนแนะนำ
Krungsri Global Brands Equity Fund หรือ KFGBRAND
กองทุน KFGBRAND ลงทุนในกองทุน Morgan Stanley Investment Fund - Global Brands Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่คัดเลือกหุ้นของบริษัทต่างๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกที่มีคุณภาพสูง มีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่แข็งแกร่ง ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยอำนาจการต่อรองด้านราคา ความสำเร็จและยากที่จะลอกเลียนแบบของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน เช่น แบรนด์สินค้า
SCB Global Experts Fund หรือ SCBGEX(A)
กองทุน SCBGEX(A) เป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ลงทุนในสไตล์ Core-Satellite Portfolio คัดเลือกกองทุนโดย บล.ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ โดยกองทุนหลัก (Core) ลงทุนในกองทุน Julius Baer Global Excellence Equity เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโต และกำไรสูง และกองทุนเสริม (Satellite) ในหุ้นธีมเมกะเทรนด์หลักของโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความน่าสนใจระดับ: 4
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการทยอยเปิดเมือง มาตรการกระตุ้นการคลังจากแผนการลงทุนระยะยาวของประธานาธิบดี โจ ไบเดน และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/64 ที่มีแนวโน้มออกมาดี
บล.ไทยพาณิชย์ แนะนำสัดส่วนการถือครองหุ้นสไตล์ Growth และ Value อยู่ที่ 70:30 เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จาก US Yield Curve ที่มีแนวโน้มปรับลดความชันลงในช่วงสั้น เช่น หุ้นกลุ่ม Quality ในกลุ่ม Tech Hardware และ Semiconductor ขณะที่ธีม Reflation Trade และ Reopening ยังคงสนับสนุนการลงทุนหุ้นสไตล์ Value และ Cyclical ในกลุ่ม Banking Industrials และ Materials
กองทุนแนะนำ
SCB Semiconductor Fund หรือ SCBSEMI(A)
กองทุน SCBSEMI(A) ลงทุนในกองทุน VanEck Vectors Semiconductor UCITS ETF ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ London Stock Exchange ซึ่งลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ รวมถึงหุ้นต่างประเทศที่จดทะเบียนซื้อขายที่สหรัฐ (ADR) ในหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรม Semiconductor
ตลาดหุ้นยุโรป
ความน่าสนใจระดับ: 4
ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนต่อเนื่องจากภาคบริการที่ฟื้นตัวดี ผลประกอบการ บจ. ไตรมาส 2/64 มีแนวโน้มออกมามากกว่าที่ตลาดคาด การฉีดวัคซีนที่ต่อเนื่อง และแผนการเปิดประเทศจะช่วยหนุน Sentiment ตลาดต่อเนื่อง
ด้านการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธ์เดลตาที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นใน UK และ EU บางประเทศคาดยังไม่ส่งผลกระทบมาก เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตต่ำ ผลกระทบจากน้ำท่วมในเยอรมนีและการประท้วงในฝรั่งเศสคาดส่งผลกระทบเพียงช่วงสั้น และความเสี่ยงการเมืองในภูมิภาคยังคงต่ำ
กองทุนแนะนำ
MFC Continental European Equity Fund หรือ MEURO
กองทุน MEURO ลงทุนในกองทุน BGF Continental European Flexible Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นยุโรปภาคพื้น (ไม่รวมสหราชอาณาจักร) โดดเด่นในการสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง รวมทั้งลงทุนแบบยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุนและขนาดของหุ้นได้ตามสภาวะตลาด
ตลาดหุ้นจีน
ความน่าสนใจระดับ: 3
บล.ไทยพาณิชย์ ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนลงมา 1 ระดับ แม้ตลาดหุ้นจีนยังน่าจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการในไตรมาส 2/64 และครึ่งแรกปี 2564 ที่มีแนวโน้มออกมาดี และ Valuation ที่ยังไม่แพงเมื่อเทียบตลาดหุ้นโลก
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากมาตรการเข้มงวดด้าน Financial De-risking, Antitrust, Capital Markets, Data Security อาจออกมาเพิ่มเติมในหลายธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่ม Property และ Health care ประกอบกับดัชนี PMI รวมและ Industrial Profit เริ่มชะลอลง ส่งผลกดดันตลาดหุ้นจีนทั้งในฝั่ง Offshore และ Onshore ทำให้ดัชนียังมีโอกาสเผชิญความผันผวน หากเกิด Downward Earning Revision ขณะที่ข้อพิพาทจีน-สหรัฐฯ ยังคงมีอยู่
การลงทุนทางเลือก
ทองคำ
ความน่าสนใจระดับ: 3
บล.ไทยพาณิชย์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน ‘ทองคำ’ เพิ่มขึ้น 2 ระดับ จากระดับ 1 ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3 โดยประเมินว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นระยะสั้น ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริงของสหรัฐฯ ที่ปรับลดลง หลังผลการประชุม Fed บ่งชี้ว่า Fed ยังคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินจนกว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม บอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป และความเสี่ยงจาก Fed QE Tapering ยังเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำในระยะยาว
REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น)
ความน่าสนใจระดับ: 3
บล.ไทยพาณิชย์ ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกอง REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ลง 1 ระดับ เนื่องจากการระบาดของโควิดในไทยรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อ Sentiment REITs ไทยมาก จึงมองโอกาสการปรับขึ้นในระยะสั้นค่อนข้างจำกัด
โดยกลุ่มพาณิชย์และโรงแรมมีแนวโน้มได้รับผลกระทบยาว แม้ Valuation REITs ไทยยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ด้าน REITs SG ได้รับผลกระทบจำกัด แม้รัฐบาลจะยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเป็นเฟส 2 ก็ตาม ผลประกอบการมีแนวโน้มค่อนข้างดี และยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่อง
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล