THE STANDARD WEALTH - สำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน และการลงทุน

×
THE STANDARD HOME ECONOMIC MARKET BUSINESS CRYPTOCURRENCY OPINION WEALTH MANAGEMENT WORK & LEADERSHIP LIFESTYLE & PASSION
ความเสี่ยงเงินเฟ้อ
EXCLUSIVE CONTENT BY SCB WEALTH

ความเสี่ยงเงินเฟ้อเริ่มกดดันตลาดโลกหนักขึ้น บอนด์ยีลด์ 10 ปีพุ่งต่อเนื่อง ส่วนตลาดหุ้นไทยลุ้นไปต่อ จับตากลุ่ม Reopen

... • 17 ม.ค. 2022

HIGHLIGHTS

6 mins. read
  • ตลาดการเงินให้น้ำหนักต่อเงินเฟ้อและนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในช่วงหลังปีใหม่อย่างชัดเจน ในขณะที่ความกังวลต่อโอมิครอนลดลง
  • SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยภาพรวมคาดว่าจะเคลื่อนไหวตาม Sentiment ตลาดหุ้นโลก ระยะสั้นแนะจับตากลุ่ม Reopen
  • SCBS ชู LH เป็นหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ รับผลบวกมากสุดจากการผ่อนปรน LTV 
  • SCB CIO ลดความน่าสนใจในหุ้นญี่ปุ่นลงหนึ่งระดับ แม้ Valuation ของหุ้นญี่ปุ่นยังถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นพัฒนาแล้วอื่นๆ แต่ตลาดรับรู้ข่าวมาตรการกระตุ้นหมดแล้ว

ตลาดการเงินให้น้ำหนักต่อเงินเฟ้อและนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในช่วงหลังปีใหม่อย่างชัดเจน ในขณะที่ความกังวลต่อโอมิครอนลดลง หากพิจารณาจากมาตรการคุมเข้มที่ไม่รุนแรง แลกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงไปมาก 

 

ความกังวลต่อเงินเฟ้อส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ แกว่งตัวขึ้นแรง โดยรุ่นอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปีที่ 1.80% ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาบริเวณ 1.70% ในช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนอายุ 2 ปี (ตัวแทนของดอกเบี้ย Fed Funds Rates) เพิ่มขึ้นถึง 0.90% จากระดับ 0.12% ในช่วงเดือนมกราคม 2021 

 

จับตาตัวเลขเศรษฐกิจและนโยบายการเงินการคลังของจีน

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีน (Data Dump) ทั้ง GDP ไตรมาส 4/21 และทั้งปี 2021 รวมถึงยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนสินทรัพย์ถาวร ซึ่งส่วนใหญ่ตลาดคาดว่าจะชะลอลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามปัจจัยเสี่ยงที่มากขึ้น ซึ่งหากเศรษฐกิจจีนชะลอมากกว่าที่คาด อาจเห็นการส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินการคลังของจีน ซึ่งอาจเป็นบวกต่อการลงทุนได้

 

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) ประเมินว่า สัปดาห์นี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการประเมินความเสี่ยงของโอมิครอน ว่าจะผ่านช่วงที่อันตรายที่สุดหรือยัง หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณการระบาดชะลอตัวลงบ้างแล้วในหลายประเทศ โดยหากการระบาดมีความรุนแรงลดลงจริง จะส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง 

 

สำหรับประเด็นเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อไปใน 1Q22 ก่อนชะลอตัวลงบ้างใน 2Q22 ซึ่งทำให้ความกังวลว่า Fed จะดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดเกินไปยังคงอยู่ต่อไป 

 

ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% แบ่งเป็น ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) เพิ่มขึ้น 3% ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (DM) เพิ่มขึ้น 0.1% 

 

หุ้นกลุ่ม Value เพิ่มขึ้น 1.2% ให้ผลตอบแทนมากกว่ากว่าหุ้นกลุ่ม Growth ที่ลดลง -0.3% หุ้นกลุ่มเชิงวัฏจักรในธีม Reflation ในกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานให้ผลตอบแทนโดดเด่นเพิ่มขึ้น 2-4% ตามการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและราคาน้ำมัน ในขณะที่หุ้นเทคโนโลยีลดลง 1% ยังเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทน

 

ตลาดหุ้นโลกสัปดาห์นี้ติดตามโอมิครอน จีน และการประกาศผลประกอบการ

 

ภาพรวมตลาดหุ้นโลกคาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับการระบาดของโอมิครอน เนื่องจากการระบาดกินระยะเวลามาแล้วกว่า 45 วัน ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่าความรุนแรงจะเริ่มลดลงในสัปดาห์หน้า ทำให้น้ำหนักของปัจจัยเสี่ยงจะอยู่ที่เศรษฐกิจจีน เนื่องจากจะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยตลาดคาดว่า GDP งวด 4Q21 ของจีนจะเติบโต 3.6%YoY ต่ำสุดตั้งแต่ช่วง 3Q20

 

นอกจากนี้ ต้องติดตามผลประกอบการงวด 4Q21 ของบริษัท Goldman Sachs, Morgan Stanley, Bank of America, ASML, Netflix, P&G, Schlumberger, UnitedHealth 

 

ตลาดหุ้นไทยลุ้นไปต่อ จับตากลุ่ม Reopen

 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย หุ้นโภคภัณฑ์ และหุ้น Reopen น่าสนใจในระยะสั้น  ประเมินว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยภาพรวมคาดว่าจะเคลื่อนไหวตาม Sentiment ตลาดหุ้นโลก อย่างไรก็ตาม ประเด็นระยะสั้นคือการระบาดของโควิด หากมีสัญญาณชะลอตัวจะส่งผลบวกต่อหุ้นท่องเที่ยว ขนส่ง และ อาหาร   

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำหาจังหวะเพิ่มหุ้นประเภท Reopen เข้าพอร์ต เพื่อการเก็งกำไรระยะสั้น ในขณะที่พอร์ตการลงทุนหลักยังคงเน้นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานเติบโตดี ได้แก่ ADVANC, AH, BLA, KBANK, NYT

 

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้

 

  • สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงการออกมาตรการควบคุม ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีน อาทิ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วง 4Q21 และยอดค้าปลีกในเดือนธันวาคม 2021
  • รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทย อาทิ ดุลการค้า (ยอดส่งออก-นำเข้า) และยอดการผลิดและส่งออกรถยนต์ในเดือนธันวาคม 2021 

 

LH หุ้นเด่นประจำสัปดาห์ รับผลบวกมากสุดจากผ่อนปรน LTV 

 

สัปดาห์นี้เราเลือกแนะนำ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เนื่องจากเหตุผลหลักดังนี้

 

  • เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับแนวหน้าของไทย ซึ่งโครงสร้างธุรกิจมีการกระจายตัวของรายได้ที่ดี ทั้งอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย อสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า (โรงแรมและศูนย์การค้า) และยังมีการลงทุนในธุรกิจอื่นผ่านบริษัทร่วมอื่นๆ อย่าง HMPRO, LHFG, QH, LHPF 
  • 4Q21 พบสัญญาณที่ดีจากความต้องการซื้อที่ค้างจากช่วงก่อนหน้า ขณะที่ปี 2022 คาดได้ประโยชน์มากที่สุดจากการผ่อนคลายเพดาน LTV ของ ธปท. เพราะมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่แนวราบทั้งหมดในทุกกลุ่ม มูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 50%YoY และลูกค้า 60% ของบริษัทอยู่ในกลุ่มที่ซื้อบ้านราคา 3-15 ล้านบาท ซึ่งคาดเป็นกลุ่มได้อานิสงส์บวกมากสุดจากการผ่อนปรน LTV 
  • ประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่ 10.50 บาท (อิง PER 15.7x) และคาดจ่ายเงินปันผลจากกำไรช่วง 2H21 อีกหุ้นละ 0.23 บาท คิดเป็น Dividend Yield ราว 3%

 

มุมมองการลงทุนต่อตลาดต่างๆ โดย SCB CIO

 

ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว

ความน่าสนใจระดับ 4

 

 

ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว ยังได้รับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนใน 4Q21 ยังมีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นมีแนวโน้มผันผวน ในระยะสั้น จากความกังวลการระบาดของโอมิครอน แรงกดดันเงินเฟ้อที่สูง และการเพิ่มสูงขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ตามแนวโน้มการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของ Fed 

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ความน่าสนใจระดับ 4

 

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน จากการที่ Fed อาจเปิดเผยแผนในการลดขนาดของ Balance Sheet ในการประชุมเดือนนี้ และมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนมีนาคม รวมทั้งตลาดยังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการระบาดของโอมิครอนที่ยังมีอยู่ 

 

ประกอบกับนักลงทุนยังรอความคืบหน้าบนแผน Build Back Better อย่างไรก็ดี ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ 4Q21 ที่มีแนวโน้มออกมาดีกว่าตลาดคาด จะยังสามารถช่วยประคองตลาดได้  ทั้งนี้ เราปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนหุ้นกลุ่ม Growth ต่อหุ้นกลุ่ม Value จาก 70:30 เป็น 60:40

 

กองทุนแนะนำ

 

  

 

 

SCB Global Experts Fund

กองทุน SCBGEX(A) เป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ลงทุนในสไตล์ Core-Satellite Portfolio คัดเลือกกองทุนโดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด โดยกองทุนหลัก (Core) ลงทุนในกองทุน Julius Baer Global Excellence Equity เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโต และกำไรสูง และกองทุนเสริม (Satellite) ในหุ้นธีมเมกะเทรนด์หลักของโลก

 

ตลาดหุ้นยุโรป

ความน่าสนใจระดับ 4

 

 

ตลาดหุ้นยุโรป มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนจากการเปลี่ยนนโยบายของทางธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ปัญหาความกังวลการแพร่ระบาดบรรเทาลงไปมาก ขณะที่ปัญหาฝั่งอุปทานเริ่มบรรเทาลง ภาคธุรกิจสร้างสินค้าคงคลังได้ต่อเนื่อง ทำให้ภาวะเงินเฟ้อและงบดุลของภาคธุรกิจมีแนวโน้มปรับดีขึ้น 

 

นอกจากนี้ ECB ยังมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงิน และคาดว่าจะเข้มงวดได้ช้ากว่ากลุ่มประเทศอื่น แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่ม Growth จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

 

กองทุนแนะนำ

 

 

Krungsri Europe Equity Hedged Fund

กองทุน KFHEUROP-A ลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นยุโรปที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งผู้จัดการกองทุนหลักมีความสามารถในการคัดเลือกหุ้น รวมทั้งผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่น ปัจจุบันเน้นลงทุนในกลุ่ม Technology และ Industrial

 

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ความน่าสนใจระดับ 3

 

 

SCB CIO ได้ปรับลดความน่าสนใจในตลาดหุ้นญี่ปุ่นลงมาหนึ่งระดับ เหลือระดับ 3 แม้ Valuation ของหุ้นญี่ปุ่นยังถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น DM อื่น แต่มองตลาดได้รับรู้ข่าวมาตรการกระตุ้นหมดแล้ว โดยช่วงสั้นตลาดเริ่มขาดปัจจัยสนับสนุนและดัชนี TOPIX และ Nikkei 225 ยังมีแนวโน้มผันผวน Sideway ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นขยายเวลาห้ามต่างชาติเข้าประเทศจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 

 

อย่างไรก็ดี BOJ ยังมีท่าที Dovish แต่เริ่มชะลอการเข้าซื้อสินทรัพย์ในส่วนของ Commercial Paper และ Corporate Bond แม้ยังคงวงเงินการเข้าซื้อ ETF และ J-REITs 

 

ตลาดหุ้นจีน H-Share

ความน่าสนใจระดับ 3

 

 

ตลาดหุ้นจีน H-Share มี Valuation เริ่มอยู่ในระดับที่ไม่แพง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม Internet ประกอบกับทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบที่ชัดเจนต่อนักลงทุนมากขึ้น และมีความรุนแรงลดลง 

 

อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังมีอยู่ เช่น ประเด็น VIE และการทบทวนข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างกัน ประกอบกับ EPS ของ บจ. ในดัชนีจีน Offshore ใน 4Q21 และ 1Q22 ที่มีแนวโน้มขยายตัวปานกลาง จะยังคงกดดันการฟื้นตัวของดัชนีหุ้นจีน Offshore ในภาพรวม

 

ตลาดหุ้นจีน A-Share

ความน่าสนใจระดับ 3

 

 

ตลาดหุ้นจีน A-Share โดยดัชนีมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการที่ทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการต่างๆ เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจ เช่น การปรับลด RRR ลงเพิ่มเติม การเร่งการใช้จ่ายทางการคลังในช่วงต้นปี โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการผ่อนคลายนโยบายภาคอสังหาฯ เฉพาะจุด 

 

อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และแนวโน้มการออกมาตรการควบคุมการระบาดภายใต้ Zero-COVID Policy ที่ยาวนานขึ้น จะยังกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนโดยรวม

 

ตลาดหุ้นไทย

ความน่าสนใจระดับ 3

 

 

ตลาดหุ้นไทย เรามองเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ว่าแผนการเปิดประเทศและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาด และการยกเลิกแผน Test & Go ขณะที่ตลาดอาจผันผวนจากการเปลี่ยนผ่านนโยบายของ Fed ประกอบกับ Valuation หุ้นไทยยังคงตึงตัว ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และ Upside ของตลาดยังถูกกดดัน 

 

อย่างไรก็ดี นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายต่อเนื่อง และนโยบายการคลังจะสนับสนุนหุ้นในกลุ่มการบริโภคภายในประเทศ

 

ตลาดหุ้นเวียดนาม

ความน่าสนใจระดับ 4

 

 

ตลาดหุ้นเวียดนาม แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในเวียดนามจะทยอยเพิ่มสูงขึ้น แต่เราคาดว่าโอกาสที่จะเกิด Full Lockdown ยังต่ำ เห็นได้จากการที่ทางการเวียดนามได้เปิดเส้นทางบินจากต่างประเทศมากขึ้นตั้งแต่เริ่มปี และมีแผนเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบในช่วงครึ่งหลังของปี 

 

นอกจากนี้ เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากความคาดหวังในการผ่านแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของปี 2022-2023 ที่มีวงเงินอยู่ที่ 347 ล้านล้านดอง ภายในเดือนมกราคมนี้ ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า EPS Growth ของ VN-Index ปีนี้ จะ +27%YoY

 

กองทุนแนะนำ 

  ​​

 

Principal Vietnam Equity Fund

กองทุนลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตสูงในอนาคต โดยทางผู้จัดการกองทุนคัดสรรหุ้นเวียดนามด้วยตนเอง และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวให้สูงกว่าดัชนี VN30 Total Return

กรุณาเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความ EXCLUSIVE CONTENT ฟรี!

... • 17 ม.ค. 2022

READ MORE



Latest Stories