- เอมี แซลแมน หรือ @amyzalman เป็นนักอนาคตศาสตร์ เจ้าของบริษัทที่ปรึกษา Prescient ที่ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต เธอเขียนบทความลงใน latimes.com ว่าสายเกินไปแล้วที่จะจินตนาการถึงโลกอนาคตที่ไม่มี Facebook เพราะหาก Facebook ‘ล่มสลาย’ พ่ายแพ้ให้กับเครือข่ายสังคมคู่แข่งไป แต่โลกที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็ยังมีอิทธิพลโดยตรงต่อชาวเน็ตทุกคนอยู่ดี
- ข้อเขียนของเอมีสะท้อนภาพรวมอนาคตบริษัทต้นสังกัด Facebook อย่าง Meta ว่า ไม่น่าเป็นไปได้ที่ Facebook จะรักษา Total Dominance หรืออำนาจเหนือเครือข่ายสังคมออนไลน์แบบเบ็ดเสร็จ เพราะคู่แข่งทั้ง TikTok, Twitter, YouTube, LinkedIn และ WeChat รวมถึงบริษัทโซเชียลมีเดียอีกหลายร้อยแห่งนั้นสามารถเรียกความสนใจจากพวกเราได้อยู่ตลอดเวลา
- ถ้า Facebook ล้มหายตายไปในวันพรุ่งนี้ สิ่งที่ไม่ตายตามไปด้วยคือ อิทธิพลของ Facebook ที่จะยังทรงพลังอยู่ เพราะ Facebook ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลของชาวโลกอย่างลึกซึ้งในลักษณะที่ไม่สามารถหยุดหรือยกเลิกได้ ดังนั้นไม่ว่า Facebook จะอยู่รอดหรือไม่ ก็แทบจะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงวิถีการท่องเน็ตของผู้คนเลย โดยปัญหาเดิมที่วนเวียนอยู่รอบ Facebook ก็จะยังคงมีอยู่เช่นเดิม
เดือนกุมภาพันธ์ 2022 คือเดือนที่สื่อมวลชนทั่วโลกรายงานข่าวว่าเครือข่ายโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Facebook อาจกำลังเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของการล่มสลาย ตั้งแต่ต้นเดือน หลังจากต้นสังกัด Facebook เปิดเผยว่า สูญเสียผู้ใช้รายวันนับล้านรายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 18 ปี ซึ่งนำไปสู่ภาวะหุ้นร่วง 27% มูลค่าตลาดบริษัทดิ่งเหว 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.7 ล้านล้านบาท หรือเกือบ 1 ใน 4 ของมูลค่าของบริษัท
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงอีกเมื่อ Facebook ประเมินว่า ข้อจำกัดของฟีเจอร์ใหม่บนระบบปฏิบัติการ iOS ของ Apple ที่เพิ่มการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ในการถ่ายโอนข้อมูลอัตโนมัติไปยังผู้ลงโฆษณานั้นอาจทำให้ Facebook สูญรายได้ราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2021
ขณะเดียวกัน Google ก็เพิ่งออกประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่คล้ายกันสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งน่าจะทำให้ Meta บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก สูญรายได้มากขึ้นอีก
นอกจากรายได้จะหด แนวโน้มฐานผู้ใช้ของ Facebook ยังถดถอยสู้คู่แข่งไม่ได้ เพราะผู้ใช้ Facebook ส่วนใหญ่มีอายุมาก และคนรุ่นใหม่หันมาใช้แพลตฟอร์มแชร์วิดีโออย่าง TikTok จนดูเหมือนว่าบริษัทกำลังจะไม่สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ได้ดีเหมือนเคย
ทางแก้เกมที่ถูกเตรียมไว้คือ Metaverse หรือการสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงแบบสมจริง ซึ่งจะมีอิมแพ็กต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของโลกอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม เกมนี้ยังต้องใช้เวลาหลายปีในการวิจัยและการลงทุนเพิ่มเติมอีกหลายพันล้านดอลลาร์ ทำให้ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า Metaverse จะลูกผีหรือลูกคน
แน่นอนว่าสถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้คว่ำ Meta จนไปต่อไม่ได้ เพราะ Facebook ยังมีผู้ใช้รายเดือน 2,910 ล้านราย และยังคงเป็นเครือข่ายโซเชียลที่ใหญ่ที่สุดในโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 2547 สามารถครองแชมป์โดยเข้าถึงผู้ใช้มากกว่า 50% ของประชากรโลก
แม้มูลค่าตลาดปัจจุบันจะลดเหลือ 565,000 ล้านดอลลาร์ จากระดับที่เคยสูงสุด 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ส่งให้ Meta เป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับที่ 11 ของโลก
กอดเก้าอี้ไม่ไหว
เอมี แซลแมน หรือ @amyzalman นักอนาคตศาสตร์ เจ้าของบริษัทที่ปรึกษา Prescient เชื่อว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ 2547 จะสามารถรักษาตำแหน่งแชมป์ใหญ่ที่กินรวมส่วนแบ่งตลาดเครือข่ายสังคมออนไลน์ไว้รายเดียว
เพราะคู่แข่งสำคัญอย่าง TikTok, Twitter, YouTube, LinkedIn และ WeChat รวมถึงบริษัทโซเชียลมีเดียอีกหลายร้อยแห่งจะสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดได้ต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งหากบริษัทเหล่านี้แซงหน้า Facebook ได้ ก็เชื่อว่าเป็นเพราะโมเดลหรือรูปแบบที่ Facebook สร้างขึ้นมา
เอมีอธิบายว่า Facebook ได้ทำให้สภาพแวดล้อม ‘การเข้าสังคมออนไลน์’ ของชาวโลกตกผลึกในแบบที่ทุกคนเคยมองข้ามไป โดย Facebook ทำให้ความคิดที่ว่า “พวกเราสามารถมีส่วนร่วมในเครือข่ายสังคมที่มีขนาดเท่าประชากรโลก” เป็นเรื่องปกติ
Facebook ยังทำให้เราเชื่อมต่อกับ ‘เพื่อนของเพื่อนๆ’ และรักษาความสัมพันธ์กับผู้คนทั่วโลกได้ ทำให้เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครสักคนจะลุกขึ้นมาสร้างกลุ่มและการเคลื่อนไหวทั้งหมดผ่านการเชื่อมต่อออนไลน์
เอมีสรุปอีกว่า เพราะ Facebook พวกเราจึงเคยชินกับการใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมแบบใหม่คือ ทั้งแบบสาธารณะและแบบใกล้ชิดในเวลาเดียวกัน (Public และ Intimate) ความเคยชินนี้ฝังรากจนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกได้ ซึ่งไม่ว่า Facebook จะอยู่รอดหรือไม่ ก็แทบจะไม่มีผลกับการใช้งานในอนาคต
เอมีย้ำด้วยว่า ปัญหาที่วนเวียนอยู่รอบ Facebook จะยังคงมีอยู่ และไม่ว่าบริษัท Meta จะล่มสลายในวันไหน พวกเราชาวโลกก็ยังคงต้องแก้ไขจุดเจ็บปวด หรือเพนพอยต์ พื้นฐานของโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ชาวโลกมีชีวิตอยู่และเจริญรุ่งเรืองร่วมกันบนโลกดิจิทัลกันได้ต่อไป
ปัญหาข้อมูลส่วนบุคคลสำคัญที่สุด
สิ่งที่ตอกย้ำว่า ‘ปัญหาที่สำคัญที่สุดของวงการเครือข่ายสังคมคือ การจัดการพลังมหาศาลของข้อมูลส่วนบุคคล’ คือรายได้ของ Facebook เพราะเม็ดเงินมหาศาลแสดงให้เห็นว่า ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีคุณค่าทางการเงินเพียงใดเมื่อมีการสร้างรูปแบบธุรกิจที่อนุญาตให้ผู้โฆษณากำหนดเป้าหมายผลิตภัณฑ์แบบเจาะไปยังบุคคล
วันนี้ ‘คู่แข่งหลัก’ ของ Facebook อาศัยหลักการเดียวกันในการโฆษณาตามเป้าหมาย หลายบริษัทติดตามข้อมูลประชากรและพฤติกรรมของผู้ใช้ทางออนไลน์ในระดับที่กฎหมายเปิดช่องให้สามารถทำได้ และพยายามคัดสรรเครื่องมือมากำหนดเป้าหมายกลุ่มย่อยจากฐานผู้ใช้ทั้งหมด ซึ่งเป็นลูกค้าที่มีแนวโน้มซื้อสินค้ามากที่สุด
ประเด็นนี้ยิ่งมีความชัดเจนขึ้นอีก เมื่อทุกธุรกิจต้องย้ายไปทำมาหากินผ่านระบบดิจิทัล พฤติกรรมของผู้ใช้ที่สามารถติดตามได้ทั้งบนโลกออนไลน์และบนโลกจริงล้วนมีค่ามากขึ้น
โดยนอกจากเรื่องเศรษฐกิจ พลังของข้อมูลยังเปลี่ยนโฉมการเมืองของโลกอีกด้วย อิทธิพลของโซเชียลมีเดียต่อการเลือกตั้งอาจก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาว เพราะสามารถทำแคมเปญที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนปัจจุบัน การกำหนดเป้าหมายบนสื่อดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการหาเสียงทางการเมืองในวงกว้างของสหรัฐอเมริกา รวมถึงเมืองไทยไปแล้วเรียบร้อย
อีกปัญหาที่ยังมะรุมมะตุ้ม Facebook อยู่คือ ความท้าทายเรื่องคำพูดแสดงความเกลียดชัง เรื่องนี้ต้องไปดูกรณีที่ ฟรานเซส ฮอเกน อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของส่วนงานแก้ปัญหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องของเฟซบุ๊ก ออกมาเปิดเผยเอกสารภายในของ Facebook ที่ระบุว่า คำพูดแสดงความเกลียดชังที่โพสต์บน Facebook มากกว่า 95% นั้นยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ถูกลบไป
กลายเป็นข้อมูลที่แสดงให้เห็นความล้มเหลวที่ชัดเจนของระบบแก้ไขปัญหา Hate Speech ของ Facebook ที่เน้นใช้อัลกอริทึมและการรายงานโดยผู้ใช้ ซึ่งยังไม่มีแผนปรับใช้ระบบที่ดีกว่าในขณะนี้
นอกจากนี้ความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งแบบทวีคูณของ Facebook แม้ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ ยังทำให้ความรู้สึกต่อต้านการผูกขาดกำลังเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดจากการที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกากำลังฟ้องร้อง Facebook โดยตั้งข้อหาว่า Facebook มีส่วนร่วมในการต่อต้านการแข่งขันและผูกขาดตลาดเครือข่ายสังคมออนไลน์
ซึ่งหากรัฐบาลชนะ Meta อาจถูกบังคับให้ต้องแตกเป็นบริษัทขนาดเล็กกว่าปัจจุบัน ขณะเดียวกัน Facebook ยังขัดแย้งกับบางประเทศในยุโรป เรื่องกฎระเบียนด้านการถ่ายโอนข้อมูล ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดบริการในอนาคต
ในบทความเอมีทิ้งท้ายว่า วันนี้เครือข่ายโซเชียลหลายแห่งกำลังทดลองระบบใหม่ เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่มากขึ้น บางแห่งเลือกเก็บข้อมูลไว้ในเซิร์ฟเวอร์หลายจุดทั่วโลก โดยเปิดให้ผู้ใช้เลือกจุดเก็บในประเทศที่เชื่อถือว่ามีการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่แข็งแกร่ง ยังมีบางโซเชียลที่โฟกัสตัวเองเป็นเครือข่ายสังคมที่ใช้บล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ที่ปลอดภัยกว่าเดิม รวมถึงบางค่ายที่ชูตัวเองเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลที่ไม่มีโฆษณา
ทั้งหมดนี้ถือเป็นการสร้างขึ้นบนรากฐานที่ Facebook วางเอาไว้ในโลกที่เชื่อมต่อแบบดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผู้ใช้ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าต้นทุนหรือราคาที่ต้องเสียเพื่อใช้งานเครือข่ายสังคมเหล่านี้คือเท่าใดกันแน่
ที่สุดแล้วภาพใหญ่ ‘อนาคต Facebook’ จึงเด่นชัดว่า ไม่ว่าตัว Facebook จะอยู่หรือไป แต่อิทธิพลมหาศาลจะยังคงอยู่ไม่จืดจาง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้นของ Facebook ลดลงกว่า 20% หลังรายงานผลกำไรที่ลดลง ขณะที่ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ยอมรับ ผู้คนหันไปใช้แอปคู่แข่งมากขึ้น เช่น TikTok
- ภายใน 1 วัน ความร่ำรวยของ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ลดลง 1.02 ล้านล้านบาท ทำสถิติความมั่งคั่งลดลงมากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก จากราคาหุ้น Facebook ที่ดิ่งลงเหว
- ‘Meta’ ขู่ปิดบริการ ‘Facebook-IG’ ในยุโรป ประท้วงกฎหมายแบ่งปันข้อมูลฉบับใหม่
- Facebook เตรียมรับศึกหนัก! เมื่อ Google เตรียมยกเครื่อง Android ด้วยระบบ Privacy แบบใหม่ ทำให้ยิง ‘โฆษณา’ ได้ยากขึ้นในอนาคต
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/technology/2022/feb/13/meta-facebook-metaverse-zuckerberg-future
- https://www.theguardian.com/commentisfree/2022/feb/06/first-time-history-facebook-decline-has-tech-giant-begun-crumble
- https://www.emarketer.com/content/facebook-s-metaverse-future-gets-reality-check-declining-user-numbers-record-losses
- https://www.latimes.com/opinion/story/2022-02-20/op-ed-its-too-late-to-envision-a-future-without-facebook
- https://www.nbcnews.com/news/us-news/facebook-stalling-growth-says-social-media-users-freedom-choice-rcna14803
- https://www.npr.org/2022/02/03/1077820355/facebooks-transition-to-metaverse-has-eaten-into-the-social-media-giants-profits