- ตลาดหุ้นมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาด แต่ผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกและไทยมักเป็นบวกในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
- สัปดาห์นี้แนะจับตาถ้อยแถลงของประธานาธิบดีจีนในการประชุมครบรอบพรรค 100 ปี ซึ่งจะได้เห็นนโยบายของจีนในระยะยาว และการประชุม OPEC+ ต่อแนวโน้มการเพิ่มกำลังการผลิต
- ความน่าสนใจในตลาดหุ้นยุโรปเริ่มลดระดับลง แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากตลาดได้ปรับขึ้นไปเร็วและมากในช่วงก่อนหน้านี้ และยังต้องจับตาการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธ์เดลต้าที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
- REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะ REITs ไทย น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว Valuation ยังไม่แพง ได้รับอานิสงส์จากแผนการเปิดประเทศไทยภายใน 120 วัน
เหตุการณ์สำคัญในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ท่าทีของประธาน Fed ยังสนับสนุนตลาด
เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เปิดเผยว่า จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยเพียงเพราะความกลัวเรื่องเงินเฟ้อเท่านั้น เพราะมองว่าเป็นแค่ระยะสั้นจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวเร็วจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปทานมีปัญหา
บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินว่า ความผันผวนจากการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดอาจจะมีมากขึ้นแต่ผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเป็นบวกในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น คราวนี้เองก็เช่นเดียวกันที่เศรษฐกิจอยู่ในภาพการฟื้นตัวและการขึ้นดอกเบี้ยไม่เร็วและสูงได้มากนัก
หุ้นกลุ่ม EV ในสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรง
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 2% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดประเมินว่ามาตรการโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯ มีแนวโน้มได้ข้อสรุป โดยในมาตรการนี้ประกอบไปด้วยการสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงโครงข่ายไฟฟ้า ทำให้หุ้นกลุ่มนี้มีการปรับตัวขึ้น หุ้นที่โดดเด่น คือ Volkswagen, LG Chem และ Samsung SDI
ราคา Bitcoin มีความผันผวน
ราคาของค่าเงินดิจิทัลมีความผันผวนมากหลังจากที่ทางการจีนออกมาตรการสนับสนุนหยวนดิจิทัล ขณะเดียวกันยังมีความกังวลกับการปราบปรามการขุดค่าเงินดิจิทัลของรัฐบาลจีน
นอกจากนั้นยังมีความกังวลเรื่องการเป็นสื่อกลางทางการเงินที่ใช้ในการโจมตีเรียกค่าไถ่ และมีหลายประเทศเข้ามาตรวจสอบระบบมากยิ่งขึ้น ปัจจัยกดดันด้านนโยบายภาพใหญ่อาจจะทำให้แนวโน้มการเก็งกำไรลดลงบ้างหลังจากราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่าแนวรับเชิงจิตวิทยา
ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
- ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีจีนในการประชุมครบรอบพรรค 100 ปี ซึ่งจะได้เห็นนโยบายของจีนในระยะยาว
- การประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ เยอรมนี และจีน ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากเดือนพฤษภาคม
- การประชุม OPEC+ ต่อแนวโน้มการเพิ่มกำลังการผลิต
มุมมองต่อตลาดต่างๆ
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว
ความน่าสนใจระดับ: 4
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วยังได้รับแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย ความคืบหน้าการฉีดวัคซีน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาดในหลายภูมิภาค
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นพัฒนาแล้วมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้น จากการเกิด Sector Rotation หลัง Valuation ในบาง Sector ที่เริ่มตึงตัว และแนวโน้มของ Fed ที่ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาด รวมถึง Bond Yield อายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
กองทุนแนะนำ
- Principal Global Opportunity Fund หรือ PRINCIPAL GOPP-A
กองทุน PRINCIPAL GOPP-A ลงทุนในกองทุน Morgan Stanley Investment Funds Global Opportunity Fund ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความน่าสนใจระดับ: 4
ตลาดหุ้นสหรัฐ มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการทยอยเปิดเมืองและข้อมูลเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นจากแผนการลงทุนระยะยาวของประธานาธิบดีไบเดน
บล.ไทยพาณิชย์ ได้แนะนำปรับสัดส่วนการถือครองหุ้นสไตล์ Growth และ Value เท่ากัน (Barbell Strategy) เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จาก US Yield Curve ที่มีแนวโน้มปรับลดความชันลงในช่วงสั้น ขณะที่ธีม Reflation Trade และ Reopening ยังคงสนับสนุนการลงทุนหุ้นสไตล์ Value และ Cyclical
กองทุนแนะนำ
- SCB US Equity DJI Fund
กองทุน SCBDJI(A) เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี Dow Jones Industrial Average ซึ่งประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ 30 บริษัท ซึ่งเป็นธุรกิจชั้นนำของประเทศ และผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ
ตลาดหุ้นยุโรป
ความน่าสนใจระดับ: 4
บล.ไทยพาณิชย์ ได้ปรับลดความน่าสนใจที่มีต่อตลาดหุ้นยุโรปลงหนึ่งระดับ เนื่องจากตลาดได้ปรับขึ้นไปเร็วและมากในช่วงก่อนหน้าแล้ว หลังจากนี้ต้องจับตาดูการแพร่ระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์เดลตาที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร (UK)
อย่างไรก็ตามแนวโน้มอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 2021 และ 2022 ยังเติบโตโดดเด่น เศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการคลัง EU Recovery Fund และ ECB ที่ยังคงนโยบายการเงินผ่อนคลาย นอกจากนี้ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนที่เด่นชัด รวมถึงแผนการเปิดประเทศและการท่องเที่ยวจะช่วยหนุนการฟื้นตัวภาคบริการ
กองทุนแนะนำ
- MFC Continental European Equity Fund หรือ MEURO
กองทุน MEURO ลงทุนในกองทุน BGF Continental European Flexible Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นยุโรปภาคพื้น (ไม่รวมสหราชอาณาจักร) โดดเด่นในการสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง รวมทั้งลงทุนแบบยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุนและขนาดของหุ้นได้ตามสภาวะตลาด
ตลาดหุ้นจีน
ความน่าสนใจระดับ: 4
ทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการที่สอดรับตามแผน 5 ปี และตลาดหุ้นจีนยังมีแนวโน้มได้อานิสงส์จากการทยอยเพิ่มสัดส่วนกลุ่ม New Economy ในดัชนีหลัก ขณะที่ Valuation ตลาดหุ้นจีนยังไม่แพงเมื่อเทียบตลาดหุ้นโลก โดยมองว่า ประเด็นการออกมาตรการควบคุมการผูกขาดตลาดในกลุ่มบิ๊กเทคฯ ของทางการจีน อาจส่งผลกดดันกลุ่มไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
อย่างไรก็ตามข้อพิพาทระหว่างจีน-กลุ่ม G7 โดยเฉพาะในประเด็นสิทธิมนุษยชนในซินเจียง เอกราชของฮ่องกง และช่องแคบไต้หวัน จะส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนต่อในช่วงสั้น
กองทุนแนะนำ
- SCB China A-Shares Fund หรือ SCBCHA
กองทุน SCBCHA เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นจีน A-share โดยลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี CSI 300 ซึ่งประกอบด้วยหุ้นของบริษัทที่มีการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจำนวน 300 บริษัท คาดหวังผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนโดยรวมของหุ้นจีน A-share
- SCB Active All China Equity Fund หรือ SCBCHINA
กองทุน SCBCHINA ลงทุนในกองทุน UBS (Lux) Equity SICAV - All China Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นจีน ทั้งที่ซื้อขายในประเทศจีน (Onshore) และนอกประเทศจีน (Offshore) เช่น ฮ่องกง มีความยืดหยุ่นในการเลือกลงทุน เน้นคัดเลือกหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตได้สูงในอนาคตจำนวน 20-50 บริษัท
ตลาดหุ้นไทย
ความน่าสนใจระดับ: 4
ตลาดหุ้นไทยยังมี Valuation ที่เริ่มน่าสนใจและความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงแผนการเปิดประเทศในช่วงเดือนตุลาคมและการนำร่องเปิดเกาะภูเก็ตตามโมเดล ‘Phuket Sandbox’ ในเดือนกรกฎาคม โดยนักลงทุนคาดหวังอานิสงส์จากการทยอยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงก่อนหน้าที่จะช่วยประคองอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ
นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีสัดส่วนหุ้นกลุ่ม Value และ Cyclical ค่อนข้างสูง เช่น ภาคพลังงาน ทำให้ดัชนีได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวต่อ
การลงทุนทางเลือก
ทองคำ
ความน่าสนใจระดับ: 2
ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ Fed กลับมาใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวเร็วกว่าที่คาด รวมถึงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามทองคำได้แรงหนุนบางส่วน หลังประธาน Fed ออกมาส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอลง
น้ำมัน
ความน่าสนใจระดับ: 4
เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากการที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกที่ลดลง สต๊อกน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับต่ำและลดลงต่อเนื่อง และ Oil Futures Curve ยังอยู่ในสภาวะ Backwardation (ราคา Spot สูงกว่าราคา Futures ซึ่งบ่งชี้ถึงทิศทางราคาขาขึ้น)
อย่างไรก็ดีต้องเฝ้าระวังแรงกดดันด้านอุปทานจากกลุ่ม OPEC+ ในการปรับเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันในเดือนสิงหาคม จากผลการประชุมกลุ่ม OPEC ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
REITs ประเทศพัฒนาแล้ว
ความน่าสนใจระดับ: 2
บล.ไทยพาณิชย์ ได้ปรับลดระดับความน่าสนใจในกอง REITs กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วลงเหลือระดับ 2 เนื่องจากราคาปัจจุบันในหลายอุตสาหกรรมหลักได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับก่อนเกิดโควิดแล้ว ทำให้มองว่า Upside ค่อนข้างจำกัดและ Valuation เริ่มตึงตัว
รวมทั้งระยะสั้น Momentum เริ่มมีสัญญาณที่อ่อนแรงลง หลังตลาดได้รับ Sentiment เชิงลบจากความกังวลที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด จึงแนะนำให้ขายทำกำไรกอง REITs ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แม้ผลประกอบการจะมีแนวโน้มฟื้นตัวจากความคืบหน้าการฉีดวัคซีนและการทยอยเปิดเมืองก็ตาม
REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น)
ความน่าสนใจระดับ: 4
REITs ไทย ถือว่าได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ Valuation ยังไม่แพง ได้รับอานิสงส์จากแผนการเปิดประเทศไทยภายใน 120 วัน ช่วงเดือนตุลาคม ส่วนราคาปัจจุบันยัง Laggard REITs ต่างประเทศและหุ้นไทยอยู่มาก
อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อและความล่าช้าในการฉีดวัคซีนยังเป็นปัจจัยกดดันราคาในระยะสั้น
กองทุนแนะนำ
- SCB Property and Infrastructure Flexible Fund หรือ SCBPINA
กองทุน SCBPINA เป็นกองทุนที่คัดเลือกลงทุนใน Property Fund REITs และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั้งของไทยและสิงคโปร์ โดยคัดเลือกกองทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector) ที่มีโอกาสเติบโต มีสภาพคล่อง และคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ