LIFE | BODY & MIND – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 02 May 2024 06:23:40 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.1 รู้จัก Then I Met You สกินแคร์ที่เปิดตำนานความงามจากเกาหลี https://thestandard.co/life/then-i-met-you-korean-skincare-pioneer Thu, 02 May 2024 06:21:18 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=929070 Then I Met You

THE STANDARD LIFE ชวนทุกคนมาเปิดประตูสู่โลกแห่งความงามใ […]

The post รู้จัก Then I Met You สกินแคร์ที่เปิดตำนานความงามจากเกาหลี appeared first on THE STANDARD.

]]>
Then I Met You

THE STANDARD LIFE ชวนทุกคนมาเปิดประตูสู่โลกแห่งความงามในแบบฉบับเกาหลีกับแบรนด์ที่หน้าตาสุดมินิมัลอย่าง Then I Met You ซึ่งเป็นแบรนด์สกินแคร์ที่ก่อตั้งโดย Charlotte Cho ผู้หลงใหลในวิธีการดูแลผิวแบบดั้งเดิมของเกาหลีใต้ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยพัฒนาผสานเข้ากับนวัตกรรมความงามสมัยใหม่ จนเกิดเป็นแบรนด์ดูแลผิวพรรณที่ครองใจสาวเกาหลีใต้ และแน่นอนว่ากำลังจะเข้าครอบครองใจสาวไทยยุคใหม่ด้วยเช่นกัน

 

Then I Met You

 

What is it?

Charlotte Cho ผู้ก่อตั้งแบรนด์เล่าเรื่องราวของแบรนด์ซึ่งเริ่มต้นจากการที่เธอเติบโตในยุค 90 ที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้ ในความคิดของเธอตอนนั้นความงามคือการที่เธอได้ทาลิปกลอสเงาวับและมีผิวสีแทนเข้ม จนกระทั่งเธอใช้ชีวิตที่เกาหลีใต้ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อแม่ของเธอเป็นเวลา 5 ปี เธอจึงได้สัมผัสกับมนตร์เสน่ห์ของการดูแลผิวแบบเกาหลีด้วยตัวเอง เธอสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับวัฒนธรรมและผิวของตัวเอง และพัฒนาความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับรากเหง้าความเป็นเกาหลีใต้ มันเปลี่ยนชีวิตเธอ และเป็นแรงผลักดันที่ทรงพลัง โดยเธอใช้เวลา 10 ปีในการคัดสรรสินค้าให้กับ Soko Glam ซึ่งเธอเปิดตัวธุรกิจบิวตี้ในปี 2012 และศึกษาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปรากฏการณ์ K-Beauty แต่เธอไม่อยากหยุดอยู่แค่นั้น กับแบรนด์เธอจะเจาะลึกยิ่งขึ้นในการเสาะแสวงหา ไม่ใช่แค่การคัดสรร แต่ยังรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่แท้จริงอันน่าทึ่ง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนรักผิวต่อไป


แบรนด์จึงได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่ผสมผสานภูมิปัญญาความงามแบบเกาหลีกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างลงตัว Charlotte ใช้เวลาถึง 5 ปีในการศึกษาและค้นคว้าเคล็ดลับความงามของชาวเกาหลี ก่อนจะนำมาพัฒนาเป็นสูตรต่างๆ ในแบรนด์ของเธอ ส่วนผสมที่เป็นไฮไลต์ของแบรนด์ล้วนได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นอย่างยาวนาน

 

Then I Met You

 

The Ingredients

ส่วนผสมเด่นๆ ในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ประกอบด้วยเพอร์ซิมมอน, โสม และข้าวหมัก แต่ถูกนำมาปรับใช้ด้วยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการดูแลผิว นอกจากตัวส่วนผสมสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากธรรมชาติแล้ว Then I Met You ยังมีส่วนผสมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากซากุระ, ชาเขียว, องุ่น, Centella Asiatica, Jojoba Oil และสารสกัดจาก Snail Mucin ที่อุดมไปด้วยสรรพคุณบำรุงผิวอย่างล้นเหลือ

 

Then I Met You

 

The Product Range

เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ในดวงใจของสาวๆ แบรนด์นี้ ก็ต้องยกให้ Living Cleansing Balm ครีมทำความสะอาดเนื้อบาล์มนุ่มละมุน และ Birch Milk Refining Toner โทนเนอร์สูตรน้ำนมเบิร์ชที่มอบการ Peeling ผิวอย่างอ่อนโยน ส่วน Bong² Bounce Cream มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบา และ Giving Essence เอสเซนส์บำรุงผิวเนื้อนุ่มชุ่มชื่น ก็ขายดีไม่แพ้กัน

 

 

Then I Met You

 

The Sustainability Efforts

ที่สำคัญแบรนด์ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แพ็กเกจหลักทำจากพลาสติก PETG และแก้วที่นำกลับมารีไซเคิลได้ กล่องขนส่งก็ทำจากกระดาษรีไซเคิล 100% ไม่มีถุงพลาสติกเพิ่มขยะ ยิ่งไปกว่านั้น แบรนด์ยังพยายามใช้วัสดุให้คุ้มค่าที่สุด เช่น นำขวดเก็บครีม Living Cleansing Balm ไปใช้ใส่แผ่นสำลีเวลาเดินทาง หรือใช้เป็นถ้วยดื่มชาจากขวดเทียนหอม Cup of Glow เป็นต้น

 

The post รู้จัก Then I Met You สกินแคร์ที่เปิดตำนานความงามจากเกาหลี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ใจดีกับแฟนเก่า อาจทำให้รักของเราร้าวฉาน https://thestandard.co/life/being-kind-to-ex-strains-relationship Wed, 01 May 2024 09:39:58 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=928851

การให้ความช่วยเหลือแฟนเก่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อาจส่ […]

The post ใจดีกับแฟนเก่า อาจทำให้รักของเราร้าวฉาน appeared first on THE STANDARD.

]]>

การให้ความช่วยเหลือแฟนเก่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ปัจจุบันได้ แม้ว่าเราจะมีเจตนาดีและต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แต่การกระทำดังกล่าวอาจถูกมองว่าเป็นการให้ความสำคัญกับอดีตมากกว่าปัจจุบัน ซึ่งอาจทำให้คนรักเกิดความไม่สบายใจ และนำไปสู่ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ได้

 

วิธีรับมือกับสถานการณ์ที่ให้ความช่วยเหลือแฟนเก่าแบบเป็นกลาง โดยไม่ทำให้แฟนปัจจุบันเสียความรู้สึก และรักษาความรู้สึกไม่ให้ร้าวฉานหรือทะเลาะกัน จึงต้องใส่ใจอย่างมาก



ต้องยอมรับว่าการรับมือกับสถานการณ์ที่ต้องให้ความช่วยเหลือแฟนเก่า โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ปัจจุบันนั้น ต้องอาศัยการสื่อสารที่ดี ระมัดระวัง ใช้ความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันอย่างเปิดเผยและจริงใจ สิ่งสำคัญคือ ต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกของแฟนปัจจุบันเป็นอันดับแรก และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการหรือยุติการติดต่อหากจำเป็น เพื่อรักษาความไว้วางใจและความมั่นคงในความสัมพันธ์เอาไว้ให้ยั่งยืนที่สุด 

 

  • สื่อสารกับแฟนปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา บอกถึงเหตุผลที่ต้องให้ความช่วยเหลือแฟนเก่าอย่างจริงใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด
  • ควรตั้งขอบเขตที่ชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือ โดยคำนึงถึงความรู้สึกของคนรักปัจจุบันเป็นหลัก และไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์มากเกินไป
  • ให้แฟนปัจจุบันมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ลองปรึกษาและรับฟังความคิดเห็น เพื่อร่วมกันหาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ 
  • รักษาระยะห่างที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือสนิทสนมกับแฟนเก่ามากเกินไป และไม่ควรติดต่อสื่อสารในเรื่องส่วนตัวที่ไม่จำเป็น
  • ไม่ปกปิดหรือโกหก หากมีการติดต่อหรือให้ความช่วยเหลือแฟนเก่า ควรบอกกล่าวกับแฟนปัจจุบันแบบจริงใจ เพื่อรักษาความไว้วางใจในความสัมพันธ์ของคนสองคน 
  • ให้ความมั่นใจกับคนรักปัจจุบัน แสดงความรักและทำให้แฟนปัจจุบันรู้สึกมั่นคงในความสัมพันธ์ ย้ำเตือนเสมอว่าเขาหรือเธอคือคนสำคัญที่สุด 
  • รับฟังความรู้สึกของแฟนปัจจุบัน หากแฟนปัจจุบันรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่เห็นด้วยกับการให้ความช่วยเหลือแฟนเก่า ให้รับฟังและทำความเข้าใจความรู้สึกของเขาหรือเธอ 
  • เคารพการตัดสินใจของแฟนปัจจุบัน หากแฟนปัจจุบันไม่ต้องการให้ติดต่อกับแฟนเก่าอีก ให้เคารพการตัดสินใจนั้นและยุติการติดต่อ แสดงให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะเสียสละเพื่อรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้
  • หาทางช่วยเหลือทางอ้อม หากการติดต่อโดยตรงกับแฟนเก่าอาจสร้างปัญหากับความสัมพันธ์ปัจจุบัน ควรแนะนำให้แฟนเก่าติดต่อขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่สามารถช่วยได้ 

The post ใจดีกับแฟนเก่า อาจทำให้รักของเราร้าวฉาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายถ้าลดน้ำตาลได้ติดต่อกัน 1 เดือน? https://thestandard.co/life/effects-of-reducing-sugar-for-1-month Tue, 30 Apr 2024 05:48:51 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=928409 น้ำตาล

คุณเคยลองนึกภาพตัวเองไหมว่าถ้าเรา ลดน้ำตาล เลิกกินขนมหว […]

The post จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายถ้าลดน้ำตาลได้ติดต่อกัน 1 เดือน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
น้ำตาล

คุณเคยลองนึกภาพตัวเองไหมว่าถ้าเรา ลดน้ำตาล เลิกกินขนมหวาน น้ำอัดลม ชานมไข่มุก เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม ร่างกายของเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง?

 

ใช่แล้ว! น้ำตาลแอบแฝงอยู่ในอาหารหลายชนิดที่เรากินเป็นประจำ บางทีเราอาจรู้ตัวอยู่แล้วว่ากำลังกินมากเกินไป แต่ก็เลิกไม่ได้สักที เพราะมันให้รสชาติที่อร่อยถูกใจ แถมยังทำให้เราหายเครียด มีความสุขได้ชั่วคราว 

 

แต่เชื่อไหมว่าถ้าเราตัดสินใจลดน้ำตาลลงสักนิด ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งเรื่องสุขภาพ หุ่นสวย ผิวใส แถมยังฟิตแอนด์เฟิร์มขึ้นด้วย ถ้าอย่างนั้นมาดูกันดีกว่าว่าการงดน้ำตาลแค่เดือนเดียวจะทำให้อะไรดีขึ้นบ้าง จะได้มีแรงใจเริ่มลดน้ำตาลกันแบบจริงจังสักที!

 

น้ำตาล

 

ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง

การลดน้ำตาลจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต

 

 

น้ำหนักลดลง

อาหารที่มีน้ำตาลสูงมักให้พลังงานมากโดยไม่อิ่ม การงดน้ำตาลจะช่วยลดปริมาณแคลอรีที่ได้รับต่อวัน ส่งผลให้น้ำหนักลดลง โดยเฉพาะไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง

 

น้ำตาล

 

ความอยากอาหารลดลง

น้ำตาลกระตุ้นสมองให้หลั่งสารความสุข ทำให้เกิดการติดและอยากกินในปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อลดน้ำตาลลงความอยากอาหารจะลดลงตามไปด้วย ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น

 

 

ผิวพรรณดูดีขึ้น

น้ำตาลทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชันในร่างกาย ส่งผลให้ผิวหนังเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เกิดริ้วรอยก่อนวัย การลดน้ำตาลจะช่วยชะลอความเสื่อมของผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระจ่างใสขึ้น

 

น้ำตาล

 

พลังงานและสมาธิดีขึ้น

น้ำตาลให้พลังงานระยะสั้น เมื่อระดับน้ำตาลตกลงอย่างรวดเร็วจะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า เมื่อเลิกกินน้ำตาลร่างกายจะปรับตัวใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานแทน ทำให้มีพลังงานสม่ำเสมอตลอดวัน สมองแจ่มใส มีสมาธิมากขึ้น

 

 

การลดน้ำตาลอาจช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าได้ เพราะน้ำตาลมีผลกระทบโดยตรงต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอร์โมนความเครียด

 

น้ำตาล

 

การลดน้ำตาลควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรหักดิบทันที เพราะอาจทำให้เกิดอาการถอนยา ปวดหัว หงุดหงิด นอนไม่หลับได้ในช่วงแรก

 

 

ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ให้พลังงานเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ในระยะยาว

 

อ้างอิง:

The post จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายถ้าลดน้ำตาลได้ติดต่อกัน 1 เดือน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
30 พิกัด ‘ซาวด์ฮีลลิ่ง-เรกิ-เปิดไพ่’ เพื่อการ ‘ฮีลใจ’ ในกรุงเทพฯ https://thestandard.co/life/30-healing-places-in-bangkok Mon, 29 Apr 2024 04:25:49 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=927846 ฮีลใจ

กรุงเทพฯ มีสถานที่มากมายที่พร้อมจะเป็นโอเอซิสให้คุณได้พ […]

The post 30 พิกัด ‘ซาวด์ฮีลลิ่ง-เรกิ-เปิดไพ่’ เพื่อการ ‘ฮีลใจ’ ในกรุงเทพฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฮีลใจ

กรุงเทพฯ มีสถานที่มากมายที่พร้อมจะเป็นโอเอซิสให้คุณได้พักกาย พักใจ เยียวยาความเจ็บปวด และเติมเต็มพลังชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำสมาธิ การบำบัดด้วยเสียง เรกิ โยคะ การนวดแผนไทย รวมถึงสปาและการล้างพิษต่างๆ ซึ่งล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ การคืนสมดุลให้แก่กายและใจนั่นเอง

 

วันนี้ LIFE ได้รวบรวม 30 สถานที่เพื่อการ ‘ฮีลใจ’ ในกรุงเทพฯ มาฝากผู้อ่านทุกคน ซึ่งแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมนำพาคุณออกเดินทางสู่การค้นพบความสงบในจิตใจ ความเบิกบานทางอารมณ์ ตลอดจนการเยียวยารักษาโรคทางกายและใจอย่างแท้จริง ถ้าใครกำลังมองหาวิธีการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ปรารถนาจะยกระดับคุณภาพชีวิตและเข้าใจตนเองในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราขอแนะนำให้ลองเปิดใจสำรวจ 30 สถานที่ต่อไปนี้ รับรองว่าคุณจะได้ค้นพบประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จะช่วยจุดประกายความสดชื่น ความหวัง และพลังชีวิตอันงดงามในตัวคุณอย่างแน่นอน 

 

ฮีลใจ

 

1. RAKxa Wellness

 

RAKxa Wellness มีศาสตร์การบำบัดที่หลากหลายทั้งตะวันตกและตะวันออก และยังมีการบำบัดด้วยพลังงานของเสียงที่ช่วยทำให้จิตใจสงบ เพิ่มสมาธิ และทำให้คุณรู้สึกสบายใจมากขึ้น การบำบัดด้วยเสียงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มันส่งผลต่อการเชื่อมต่อระหว่างลำไส้และสมอง ในบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงามที่ RAKxa Wellness จะช่วยชำระล้างร่างกาย นำพาจิตใจที่สงบ และสร้างเสริมระบบลำไส้ที่ดีมากขึ้นด้วย

 

RAKxa Wellness

Address: จังหวัดสมุทรปราการ

Open: 24 ชั่วโมง

Tel: 0 2055 3100

Facebook: RAKxa Wellness

 

 

2. Kiss My Soul ❊ Holistic Wellness

 

สถานที่ฮีลใจแห่งนี้ช่วยให้คุณเห็นภาพความฝันของตัวเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้นผ่านการทำสมาธิแบบ Visualization พร้อมปรับพลังงานในตัวคุณด้วยคลื่นเสียงบำบัด นอกจากนี้ยังมีเวิร์กช็อปสอนทำ Vision Board และ Positive Affirmations ผ่านการใช้ Oracle Cards เพื่อวางแผนและเสริมพลังให้ความฝันของคุณในบรรยากาศที่สวยงามและผ่อนคลาย

 

Kiss My Soul ❊ Holistic Wellness

Open: เวลา 10.00-16.00 น. 

Address: Slowcombo

LINE: @kissmysoul.journey

Facebook: Kiss My Soul ❊ Holistic Wellness 

 

ฮีลใจ

 

3. Ice Sound Healing

 

ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ได้รับความนิยมจากผู้คนที่สนใจในศาสตร์บำบัดด้วยเสียง ทำการสอนโดยครูไอซ์ ซึ่งได้รับการรับรองเป็นผู้ประกอบวิชาชีพบำบัดเสียงที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ขันหิมาลายัน จุดเด่นของคลื่นการสั่นของขันทำให้เกิดความรู้สึกสงบและกระจ่างแจ้ง ผู้คนที่เข้าคลาสจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกผ่อนคลายจากความเจ็บปวดทางร่างกายหรือทางอารมณ์ และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม นอกจากนี้ยังสร้างความสงบสุขและปรับสมดุลให้สุขภาพในทุกมิติ

 

Ice Sound Healing

Address: Attuned Studio จตุจักร

Open: เวลา 15.00-18.00 น.

LINE: @icesoundhealing

Instagram: Ice Sound Healing

 

 

4. Atha Yoga Lifestyle Studio

 

สตูดิโอโยคะแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิทในย่านทองหล่อ โดยสามารถนัดหมายเข้ามาฮีลร่างกายและจิตใจ ออกกำลังกายไปกับสเต็ปของโยคะ และยังมี Sound Healing ที่ช่วยบำบัดความเครียดให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย ช่วยปลุกพลังงานบวกในตัวคุณ พร้อมสร้างสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจด้วยคลื่นเสียงบำบัดจากขันคริสตัล

 

Atha Yoga Lifestyle Studio

Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-21.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 07.00-16.00 น.

Address: ชั้น 2 Noble Remix Thonglor (สถานี BTS ทองหล่อ ทางออก 2)

LINE: @AthaLifestyle

Facebook: Atha Yoga Lifestyle Studio 

 

ฮีลใจ

 

5. Lotus Wellness Bangkok

 

ที่นี่ใช้เทคนิคบำบัดจิตใจด้วยคลื่นเสียงบำบัด ทั้งจากฆ้อง ขันทิเบต ขันคริสตัล และอุปกรณ์ศาสตร์บำบัดด้วยเสียงอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก บรรยากาศของที่นี่เงียบสงบ อยู่ในบ้านสองชั้นที่เนรมิตพื้นที่ของบ้านให้กลายเป็นสตูดิโอ Sound Healing ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะอยากบำบัดความเครียด ปรับสมดุลจิตใจ หรืออยากพักผ่อนไปกับช่วงเวลาแห่งความสงบ จึงสามารถตอบโจทย์สำหรับคนเมืองที่โหยหาความสุขสงบได้เป็นอย่างดี

 

Lotus Wellness Bangkok

Address: Pitak Court สาทร ซอย 1

Open: เวลา 09.30-20.00 น.

Tel: 08 2283 3442

Website: www.lotuswellnessbangkok.com 

 

 

6. Bangkok Sound Healing

 

สถานที่แห่งนี้โดดเด่นในเทคนิคการวางขันทิเบตที่มีคลื่นความถี่ต่างๆ กันไว้บริเวณศีรษะ แล้วตีหรือเคาะด้วยไม้ที่มีขนาดและวัสดุต่างกัน และกำหนดให้ผู้รับการบำบัดภาวนาด้วยการออกเสียงไปพร้อมๆ กับการสั่นสะเทือนของขัน ให้ผลลัพธ์เป็นความสงบและผ่อนคลายทั้งกายและใจ คลาสนี้เหมาะสำหรับคนที่มีอาการนอนไม่หลับที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพการนอนให้ดีขึ้น และยังช่วยเรื่องลดความเครียดได้ดีอีกด้วย

 

Bangkok Sound Healing

Address: หมู่บ้านเมืองเอก พหลโยธิน 87 

Open: ตามเวลานัดหมาย

Tel: 08 1741 8141

Website: https://www.bangkoksoundhealing.com 

 

ฮีลใจ

 

7. The Green Room Yoga Studio

 

ที่นี่มีคลาสทุกประเภทที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ไม่ว่าจะต้องการเยียวยาจิตใจ หรืออยากมาเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อสร้างความแข็งแรงก็มีศาสตร์โยคะไว้รองรับด้วย นอกจากนี้ยังมีศาสตร์การผ่อนคลายในคลาส Sound Bath Relaxation ที่ช่วยเรื่องการปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ เป็นหนึ่งในสถานที่สำหรับหลุดพ้นจากความวุ่นวายภายนอก ให้กลับเข้าสู่ความสงบภายในจิตใจของตนเองได้อีกครั้ง สามารถเลือกคลาสเป็นแบบ Private Session ได้หากต้องการเรียนแบบส่วนตัว

 

The Green Room Yoga Studio

Address: สุขุมวิท ซอย 31

Open: ตามเวลานัดหมาย

Booking: https://thegreenroomyogastudio.as.me 

Instagram: The Green Room Bangkok

 

 

8. Vedana Wellbeing Event Space

 

ที่นี่ออกแบบคลาสในการดูแลกายและใจแบบองค์รวม ซึ่งจะช่วยให้คุณผ่อนคลายจากความเครียดในชีวิตประจำวัน ให้ความสำคัญกับการฝึกสมาธิ การยืดเหยียดร่างกาย และการพัฒนาความสุขทางอารมณ์ ผ่านกิจกรรมฮีลใจมากมาย เช่น Pop Up Art Studio, Tibetan Evening Sound Bath, Journey Inwards with Sound & Oracle หรือ Natural High Ice Bath Community

 

Vedana Wellbeing Event Space

Open: ทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.

Address: ซอยพร้อมพรรค คลองตันเหนือ 

Tel: 09 8793 9494

Facebook: Vedana Wellbeing 

 

ฮีลใจ

 

9. Jaan Healing

 

ครูแจน เจ้าของสตูดิโอทำการบำบัดโดยศาสตร์ที่ผสมผสานทั้งการใช้เสียง เรกิ และคริสตัล ที่นี่พร้อมจะช่วยให้ผู้คนมากมายได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริง เพื่อรักษาร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ และสามารถกลายเป็นคนที่มีเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง การบำบัดด้วยเสียงของที่นี่จะช่วยให้ผู้เข้ารับการบำบัดได้เชื่อมต่อกับพลังภายในของตนเอง เพื่อปลดล็อกความเครียดและค้นพบกับความสงบผ่อนคลายทางจิตใจ

 

Jaan Healing

Address: สุขุมวิท ซอย 71

Open: ตามเวลานัดหมาย

LINE: @jaanhealing

Facebook: Jaan Healing 

 

 

10. Bangkok Meditation

 

ที่นี่คือชั้นเรียนสำหรับทำสมาธิโดยเฉพาะ มีคลาสในการฝึกสมาธิที่มี 7 ขั้นตอนในการช่วยให้ผู้ฝึกสมาธิไตร่ตรองและรู้จักตัวเองมากขึ้น เป็นอีกแห่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลองฝึกอย่างมีแบบแผน มีระบบ ในบรรยากาศของสถานที่สุดผ่อนคลายที่ฮีลใจได้เป็นอย่างดี ที่นี่สอนทำสมาธิด้วยภาษาไทย อังกฤษ และเกาหลี

 

Bangkok Meditation

Open: เวลา 11.00-00.00 น. 

Address: สุขุมวิท ซอย 52(สถานี BTS อ่อนนุช ทางออก 4) 

Tel: 09 9858 0527

Website: https://thailandmeditation.org

 

ฮีลใจ

 

11. Urban Healing Space

 

ที่นี่คือพื้นที่เล็กๆ ใจกลางสุขุมวิทที่เป็น Destination ของการบำบัดกายและใจ เพื่อช่วยเติมเต็มความสุขจากภายในผ่านศาสตร์ Holistic และ Spirituality โดยการบำบัดเด่นๆ ที่ได้รับความนิยมคือ Sound Healing ที่นี่จะเป็น Safe Space ที่นำพาทุกคนไปสู่โลกแห่งความสงบ หลีกหนีจากความวุ่นวาย ให้ได้สัมผัสกับพลังงานของตนเอง เพื่อเยียวยาจิตใจและลดความเครียดผ่านศาสตร์ เรกิ (Reiki), เสียงบําบัด (Sound Healing) และโยคะ (Goddess Yoga)

 

Urban Healing Space

Open: ตามเวลานัดหมาย 

Address: ชั้น 5 บนร้าน Craft Cafe สุขุมวิท ซอย 44

LINE: @rathahealing

Website: www.rathahealing.com 

 

 

12. Safe & Sound Healing Space

 

บริการ Sound Healing, Reiki และ Oracle เพื่อบำบัดสุขภาพองค์รวม Reiki ช่วยบรรเทาและปรับสมดุลพลังงานในแต่ละจักระ เมื่อจักระใดไม่สมดุล ไม่ว่าจะอ่อนแอหรือแรงเกินไปก็จะส่งผลทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ แต่ด้วยพลังบำบัดของ Reiki จะช่วยฟื้นฟูความกลมกลืนภายใน ทำให้ผู้รับรู้สึกผ่อนคลาย โล่งเบา และเข้าที่เข้าทางมากขึ้น

 

Safe & Sound Healing Space

Open: ตามเวลานัดหมาย

Address: เปลี่ยนโลเคชันตามอีเวนต์ ติดตามและจองได้ใน Instagram

Instagram: SafeSound.HealingSpace 

 

 

13. Moonzpell Studio

 

เป็นสถานที่ที่ช่วยให้คุณปลดปล่อยพลังงานด้านลบและเติมเต็มพลังงานดีๆ ผ่านคลื่นเสียงบำบัดจากขันทิเบต (Himalayan Singing Bowls) ซึ่งทำจากโลหะ 7 ชนิด มีเสียงไพเราะ กังวาน และแรงสั่นสะเทือนที่ช่วยให้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ เหมาะสำหรับการทำสมาธิ คลายเครียด และช่วยให้นอนหลับได้ดี ที่นี่พร้อมช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับตัวตนภายในและปรับสมดุลพลังงานในร่างกายอีกครั้ง

 

Moonzpell Studio

Open: ตามเวลานัดหมาย

Address: เปลี่ยนโลเคชันตามอีเวนต์ ติดตามได้ใน Instagram 

LINE: itizzz

Instagram: MoonspellStudio

 

 

14.Consciouslywithnanki

 

นำเสนอการบำบัดแบบผสมผสานด้วยเรกิและการบำบัดด้วยเสียง เพื่อช่วยให้คุณแสดงศักยภาพสูงสุดของตนเอง ผ่านการปรับสมดุลพลังงานและการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ ที่นี่มีบริการหลากหลาย ทั้งเรกิ (Reiki), การบำบัดด้วยคลื่นเสียง (Sound Healing) และการวางแผนความฝัน (Manifestation) เพื่อส่งเสริมให้คุณมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างองค์รวม

Consciouslywithnanki

Open: ตามเวลานัดหมาย

Address: เปลี่ยนโลเคชันตามอีเวนต์

LINE: ติดตามและจองได้ใน IG/LINE

Instagram: @consciouslywithnanki

 

 

ฮีลใจ

 

15. Unity Bangkok

 

ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการเปิดไพ่ Oracle ที่นำโดยครู Alyssa เธอทำงานด้านการส่งเสริมสุขภาพองค์รวม โดยมีประสบการณ์มากกว่า 7 ปี และเป็นเรกิมาสเตอร์ ผู้บำบัดด้วยเสียง ครูสอนการปลุกพลังดีๆ ในชีวิต และนักบำบัดด้วยน้ำ สำหรับไพ่ Oracle สามารถให้คำแนะนำที่ทรงพลังและงดงามจากเหล่าเทวดาได้ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล) ถือเป็นการได้รับคำแนะนำดีๆ จากไพ่ที่จะลดทอนความวิตกกังวลในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

 

Unity Bangkok

Open: เวลา 17.00-00.00 น. 

Address: The Fig Lobby Bangkok

WhatsApp: chat.whatsapp.com/HhqcOk44PCjL446HGzu2OI 

Instagram: Unity Bangkok 

 

 

16. The Oriental Spa

 

ที่ The Oriental Spa ของโรงแรม Mandarin Oriental, Bangkok มีกิจกรรมเพื่อสุขภาพหลากหลายที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างทั้งร่างกายและจิตใจ และมีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป เช่น ตัวเลือกการนวดผ่อนคลาย คลาสโยคะที่มุ่งเน้นไปที่การผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียด หรือการเข้าร่วม Feminine Circle เพื่อการเยียวยาจิตวิญญาณ เซสชันเหล่านี้ให้โอกาสพิเศษในการเชื่อมต่อกับตัวคุณเอง

 

The Oriental Spa, Mandarin Oriental, Bangkok 

Open: 24 ชั่วโมง 

Address: ซอยโอเรียนเต็ล อเวนิว เขตบางรัก 

Tel: 0 2659 9000

Facebook: The Oriental Spa 

 

ฮีลใจ

 

17. Wasu Healing Studio

 

ที่นี่มีบริการบำบัดหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือกตามความต้องการ ทั้งแบบส่วนตัว 1 ต่อ 1, แบบคู่ และแบบกลุ่ม นอกจากการบำบัดให้บุคคลแล้ว ยังมีบริการบำบัดพลังงานให้กับสถานที่ด้วย รวมถึงมีบริการอ่านไพ่ทาโรต์ เพื่อช่วยให้เข้าใจตัวเองและมองเห็นแนวทางชีวิตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

Wasu Healing Studio

Open: ตามเวลานัดหมาย

Address: ซอยพระยาสุเรนทร์ 13 แขวงบางชัน 

Tel: 09 3561 6397

Instagram: Wasu Healing Studio 

 

 

18. Healing by Niorn

 

ที่นี่มี Soundbath Session เพื่อฟังเสียงแห่งการเยียวยาหัวใจ ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าในแต่ละวัน ให้คุณได้กลับบ้านไปนอนหลับฝันดี หรือถ้าอยากเปิดไพ่เพื่อตรวจสอบสิ่งที่วิตกกังวลในจิตใจก็มีบริการเปิดไพ่ สอนเปิดไพ่ มีศาสตร์ฮีลลิ่งกายและใจด้วยเรกิ ทั้งแบบ Offline และ Online ใครที่อยากโยคะฝึกสมาธิที่นี่ก็มีสอนด้วยเช่นกัน ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ฮีลลิ่งใจกลางลาดพร้าว ซอย 71 ที่ครบครัน อบอุ่น และเป็นกันเอง

 

Healing by Niorn

Open: เวลา 10.00-20.30 น. 

Address: Butterfly Studio @Dynasty Condominium ลาดพร้าว ซอย 71

Direct Message: Direct Messages ใน Instagram เพื่อจองคิว หรือแอด LINE @niornsuk

Instagram: Healing by Niorn

 

ฮีลใจ

 

19. Sound of Santi

 

คลาสน่าสนใจของที่นี่คือ Crystal Bowl Sound Healing ที่พร้อมมอบพลังงานบวกผ่านการบำบัดด้วยคลื่นเสียงความถี่ 432Hz ที่จะช่วยปรับคลื่นสมองให้ผ่อนคลาย เยียวยาความเครียดและความวิตกกังวลของทุกคน พร้อมกับประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างการได้สัมผัสพลังแห่งเฟมินีนจากดอกไม้นานาพรรณ ที่จะนำทางให้คุณค้นพบวิธีรักและดูแลตัวเองอย่างลงตัว เติมเต็มสุขภาพกายและใจให้สมบูรณ์แบบ

 

Sound of Santi 

Open: ตามเวลานัดหมาย 

Address: เปลี่ยนโลเคชันตามอีเวนต์

LINE: @soundofsanti

Instagram: Sound of Sant


 

20. Lurmarn Official

 

สัมผัสประสบการณ์การฮีลลิ่งกายและใจให้สงบด้วยบริการ Reiki Healing, Crystal Balancing และ Quantum-Touch ที่พร้อมช่วยปรับสมดุลพลังงานในร่างกาย คลายความตึงเครียด และปลดปล่อยสิ่งที่คั่งค้างในจิตใจ ทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้นและเปิดรับความสุขได้อีกครั้ง เพื่อค้นพบความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่

 

Lurmarn Official 

Open: ตามเวลานัดหมาย 

Address: เปลี่ยนโลเคชันตามอีเวนต์ 

LINE: lin.ee/NW85Nqa 

Instagram: Lurmarn Official

 

ฮีลใจ

 

21. Akasha Wellness Bangkok

 

ที่นี่เป็นสถานที่หรูหราเพื่อการดูแลสุขภาพ ซึ่งทุ่มเทให้กับศิลปะแห่งการดูแลตนเอง มีการเสนอการฝึกปฏิบัติที่หลากหลาย ทั้งโยคะ พิลาทิส การบำบัดด้วยเสียง และการเจริญสติ สตูดิโอทั้ง 3 แห่งถูกออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อบำรุงจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณของคุณ ล้อมรอบด้วยสวนสวรรค์กลางแจ้งอันแสนสงบจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน 

 

Akasha Wellness Bangkok

Open: เวลา 10.00 น.

Address: ถนนเจริญนคร

Tel: 09 3448 3481

Instagram: Akasha Wellness Bangkok

 

 

22. Soul Friend Healing

 

Himalayan Singing Bowls Sound Healing Session เป็นเซสชันที่น่าไปมากๆ เหมาะกับคนที่ต้องการบำบัดด้วยเสียง รองรับทั้งเซสชันแบบกลุ่มและแบบส่วนตัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้บริการ ได้แก่ หมอน หน้ากากปิดตา ผ้าห่ม / ผ้าขนหนูขนาดเล็ก เสื่อ ห้องอาบน้ำ / ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า น้ำดื่ม และที่จอดรถ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสุดๆ

 

Soul Friend Healing

Open: ตามเวลานัดหมาย

Address: สตูดิโอ เอกมัย ซอย 12
Tel: 09 2442 5999
Instagram: Soul Friend Healing

 

ฮีลใจ

 

23. PAÑPURI Wellness

 

เฉพาะวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ PAÑPURI Wellness จัดกิจกรรมเวิร์กช็อปในชื่อ ‘Eternal Sunshine: Ignite Your Eternal Light’ โดยเชิญ นี-ชาลิสา วีรวรรณ มาร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมสุดพิเศษที่จะช่วยให้คุณค้นพบและจุดประกายแสงสว่างภายในตัวเอง พร้อมค้นหาความเชื่อมโยงให้พบกับความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจด้วย Personal Astrological Blueprint และ Star Readings นำเสนอการเข้าใจตัวเองที่เชื่อมโยงพลังงานผ่านระบบของดวงดาว และกิจกรรม Botanical Mandala ที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด ฝึกสมาธิและสติ ให้อยู่กับปัจจุบัน

 

PAÑPURI Wellness

Open: มีรอบเวลา 13.00 น. และ 15.30 น. (จำกัดรอบละ 9 ท่าน) 

Address: PAÑPURI Wellness ชั้น 12 เกษร ทาวเวอร์

Tel: 0 2253 8899

Facebook: PAÑPURI Wellness

 

 

24. Sol Star Wellness 

 

คลาสเด่นๆ ของที่นี่คือ Sound Bath Relaxation ที่คุณจะได้นอนอาบคลื่นเสียงแบบสบายๆ โดย Sound Therapist จะเล่นเครื่องดนตรีทั้ง Crystal Bowls, Tibetan Bowls, Chimes ที่จะช่วยล้างพลังงาน โดยมีการนำทำสมาธิขณะฟังการเสียงดนตรี ที่สำคัญก็คือแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องดนตรี (Vibration) จะช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจของเพื่อนๆ ได้รับการอาบให้คลื่นเสียงเข้าไปไหลเวียนในร่างกาย เพราะร่างกายเรามีน้ำ 70-90% เลยตามส่วนต่างๆ คลื่นเสียงจะเข้าไปกระจาย Molecule และปรับจูนคลื่นพลังงานให้สมดุลมากยิ่งขึ้น โดยเสียงของเครื่องดนตรีที่เราใช้ได้ปรับจูน Frequency of Love 432Hz ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ เราจะรู้สึกเบา โล่ง เหมือนกับเราได้อาบน้ำให้กับน้ำในร่างกายของเรา

 

Sol Star Wellness 

Open: เวลา 09.00-20.00 น.

Address: ชั้น 2 ร้าน OUMI ORGANIC CAFE

Tel: 06 5884 4141

Instagram: Sol Star Wellness 

 

ฮีลใจ

 

25. The Green Room Bangkok 

 

หากคุณต้องการอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังงานดีๆ เชิงบวก ที่นี่ตอบโจทย์คุณได้แน่นอน เพราะรายล้อมไปด้วยผู้คนที่มีความเชื่อในพลังงาน และสามารถสร้างแรงบันดาลใจ ผ่อนคลายความเครียด ด้วยการสอนคุณฝึกฝนสมาธิ พร้อมกับการนำทางด้วยแสงเทียนส่องสว่าง ตามด้วยการอาบเสียง Sound Bath ที่จะฮีลลิ่งกายและใจคุณให้เพลิดเพลินไปกับการเดินทางของเสียงที่บำบัดลึกซึ้ง ซึ่งจะปรับจูนเราในระดับความถี่ใหม่ เพื่อให้ตื่นขึ้นมาเป็นเวอร์ชันที่ใหม่กว่าเดิมของตัวคุณ

 

The Green Room Bangkok

Open: เวลา 08.00-19.00 น. 

Address: สุขุมวิท 31 ซอย
Tel: 08 6360 0209
Facebook: The Green Room: A Yoga & Wellness Sanctuary

 

 

26. Bird of Yoga 

 

นอกจากจะเป็นสตูดิโอเพื่อการฝึกโยคะแล้ว ที่นี่ยังมีคลาสพิเศษที่เสริมเข้ามาเพื่อช่วยเรื่องผ่อนคลายกายและใจอย่าง Sound Healing, Himalayan Singing Bowl, Chakra Balancing for Relaxation & Inner Stillness ด้วย ซึ่งช่วยในเรื่องการฝึกสมาธิ ปราณ และท่ายืดเหยียดผ่อนคลายง่ายๆ 15 นาที ผู้เข้าร่วมจะได้นอนอาบคลื่นเสียง Sound Healing 45 นาที และตามด้วยเซสชันพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์อีก 15 นาที ถือเป็นการฮีลใจได้ดีอีกเซสชันหนึ่งเลย

 

Bird of Yoga

Open: เวลา 07.00-21.00 น.

Address: สตูดิโอ @birdofyoga เอกมัย ซอย 12

Tel: 09 2442 5999

Instagram: Bird of Yoga 

 

ฮีลใจ

 

27. Virgin Active

 

คลาส Yoga Sound Bath ผสานการบำบัดด้วยเสียงจากคริสตัลโบวล์และโยคะอาสนะเข้าด้วยกัน เพื่อการผ่อนคลายและหลับพักผ่อนอย่างสมบูรณ์ สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทั้งร่างกายและจิตใจ คลาส Yoga Sound Bath ผสมผสานการผ่อนคลายด้วยเสียงแห่งความเงียบสงบและโยคะสบายๆ เพื่อการผ่อนคลายที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น ลดความตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ

 

Virgin Active

Open: เวลา 08.00-21.00 น.

Address: Virgin Active, Empire Tower
Tel: 0 2017 9798
Website: https://www.virginactive.co.th/locations

 

 

28. Absolute Boutique Fitness

 

พบกับพลังของคลื่นเสียงที่จะช่วยฮีลใจคุณจากความเหนื่อยล้า ด้วย Sound Bath ที่สามารถบำบัดเยียวยาเซลล์และอวัยวะภายใน ช่วยลดความเครียด ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับให้หลับได้ดีขึ้นและหลับลึกอย่างมีคุณภาพ ช่วยลดความวิตกกังวลต่างๆ เป็นกิจกรรมฮีลลิ่งสำหรับทุกคนในวันหยุดสุดสัปดาห์

 

Absolute Boutique Fitness

Open: เวลา 17.30-18.30 น. 

Address: Absolute สาขา The Crystal Ekamai-Ramindra

Tel: 0 2252 4400

Website: www.absoluteboutiquefitness.co

 

ฮีลใจ

 

29. Yoga with Air

 

มาค้นพบประสบการณ์อาบคลื่นเสียง Sound Bath เพื่อการฟื้นฟูกาย ใจ และจิตวิญญาณ เพียงแค่ตั้งใจฟังเสียงและสังเกตปฏิกิริยาภายในของเรา คุณจะได้เรียนรู้การทำสมาธิ เยียวยาอาการปวดเมื่อย ปรับสมดุลพลังงาน และชะลอวัยด้วยคลื่นสมองที่จัดเรียงใหม่ในระดับที่ลึกขึ้น คุณยังสามารถสำรวจอารมณ์ ความรู้สึก และความคิดที่ผุดขึ้นในใจขณะฟังเสียง เพื่อเพิ่มการตระหนักรู้ในตัวเองอีกด้วย โดยจะมีการประกาศให้เปิดจองของแต่ละเดือน พร้อมอัปเดตคลาสผ่านทาง Instagram

 

Yoga with Air

Open: ตามเวลานัดหมายแต่ละรอบ 

Address: เปลี่ยนโลเคชันตามอีเวนต์ ติดตามได้ใน Instagram

Tel: 06 1691 9209

Instagram: Yoga with Air 

 

 

30. Yogania Yoga Studio

 

ที่นี่มีคลาสโยคะเจ๋งๆ และยังมีคลาสพิเศษอย่าง ‘Safe and Sound’ ทุกวันอังคาร เวลา 18.00 น. กับครู Gabi ที่จะพาเราเชื่อมต่อกับลมหายใจของตัวเอง เรียนรู้ที่จะสร้างความสงบให้กับจิตใจผ่านการฟังเสียงหายใจเข้าออก เป็นการผ่อนคลายผ่านการเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล ช้าๆ และปลอดภัย ไปกับจังหวะของลมหายใจ เพื่อค้นพบความเบิกบานและความสุขอย่างเรียบง่ายจากภายในที่ส่งผลดีต่อสุขภาพจิตใจเป็นอย่างยิ่ง

 

Yogania Yoga Studio 

Open: เวลา 08.00-19.00 น. 

Address: สุขุมวิท ซอย 53

Booking: จองผ่านเว็บไซต์ https://yoganiayoga.as.me/schedule/892fa4a1

Instagram: Yogania Bangkok

The post 30 พิกัด ‘ซาวด์ฮีลลิ่ง-เรกิ-เปิดไพ่’ เพื่อการ ‘ฮีลใจ’ ในกรุงเทพฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
18 ข้อที่ต้องรู้ก่อนทำ Oligio นวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวแน่นฟู ลดเหนียงแบบความเจ็บเป็นศูนย์ https://thestandard.co/life/18-things-you-need-to-know-before-doing-oligio Sun, 28 Apr 2024 03:00:16 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=927505

เทรนด์ความงามเรื่องรูปหน้ามักเปลี่ยนไปตามแต่ละยุคสมัย แ […]

The post 18 ข้อที่ต้องรู้ก่อนทำ Oligio นวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวแน่นฟู ลดเหนียงแบบความเจ็บเป็นศูนย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เทรนด์ความงามเรื่องรูปหน้ามักเปลี่ยนไปตามแต่ละยุคสมัย แต่สำหรับปัจจุบันการมีรูปหน้าที่ให้ความสวยธรรมชาติแบบไม่ตะโกน และยังคงไว้ซึ่งเค้าโครงเดิมแต่เพิ่มเติมด้วยการเก็บทรงให้ผิวดูยกกระชับ เสริมด้วยการดูแลให้ผิวดูอิ่มฟูสุขภาพดีนี่แหละคือสิ่งที่ใครต่างมองหา

 

ในส่วนของนวัตกรรมในปัจจุบันที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวนั้นมีให้เลือกอยู่หลายตัว แต่ตัวที่มาแรงที่สุดในนาทีนี้ก็คงต้องยกให้ Oligio นวัตกรรมยกกระชับผิวโดย WONTECH บริษัทที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความงามจากเกาหลีใต้ ที่ล่าสุดเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ WONTECH ASIA (วอนเทค เอเชีย)

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

A post shared by Oligio Thailand (@oligio_thailand)

 

 

เชื่อว่าใครที่เป็นสายเครื่องจะต้องสงสัยแน่นอนว่า Oligio มีความพิเศษดีเด่นอย่างไร แตกต่างจากนวัตกรรมที่มีอยู่ในท้องตลาดในปัจจุบันแค่ไหน งานนี้เราเลยถือโอกาสล้วงลึกข้อมูลและไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ Oligio กับ หมอเจี๊ยบ-พญ.ศรินทิพย์ สุนทรัช แพทย์ประจำ / Medical Director แห่ง The Clover Clinic ผู้มีประสบการณ์ในเวชศาสตร์ความงามมากว่า 17 ปี พร้อมพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยตัวเอง มาดูกันว่าก่อนจะตัดสินใจเลือกรับบริการ Oligio มีอะไรที่คุณควรรู้บ้าง

 

 

เห็นว่าล่าสุดมีงานเปิดตัว Oligio ในไทยอย่างเป็นทางการ แต่อันที่จริงนวัตกรรมนี้มีมานานหลายปีแล้ว และบางคลินิกก็มีการใช้มาก่อนหน้านี้เหมือนกัน รุ่นที่นำมาเปิดตัวในไทยนั้นมีความพิเศษหรือเหมือนกับรุ่นที่มีในไทยก่อนหน้านี้อย่างไร

Dr.Jeab: งานนี้ Distributor มาเอง คือบริษัท WONTECH ตัวเครื่องผ่าน อย. ทั้งไทย, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัย วางใจได้ และยังมีการอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ซึ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องไปที่เกาหลีแล้วสาวไทยก็สามารถสวยได้ ตัวหมอได้ลองเองแล้วชอบเลยตัดสินใจนำเข้าคลินิกเลย (หัวเราะ)

  

 

Oligio เป็นเครื่องที่ช่วยอะไร

Dr.Jeab: ช่วยทำให้ผิวแน่น กระชับได้รูปและเป็นธรรมชาติ ลดไขมันได้ด้วย เช่น เหนียง เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเหี่ยวย่นที่ไม่ได้เกิดจากการแสดงสีหน้า

 

 

จริงๆ จะคล้าย Thermage เพราะเป็นเทคโนโลยี Monopolar RF เหมือนกัน แต่ Range อายุที่ทำจะกว้างกว่า อย่างพรีเซนเตอร์นี่ก็ใช้นักแสดงหนุ่มเกาหลีอย่าง โรอุน (Rowoon)

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

A post shared by Oligio Thailand (@oligio_thailand)

 

 

เครื่องนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่วัยเลข 2, 3, 4 ซึ่งจะช่วยเรื่องงานผิวเยอะ บางคนทำ Thermage แล้วกลัวว่าหน้าจะตอบเกิน แต่เครื่องนี้สามารถปรับฟังก์ชันได้ทั้งงานผิวฟูและยืดหยุ่น ซึ่งยืดหยุ่นในที่นี้คือยืดแล้วหดดี จับแล้วแน่น ต่างจาก Lifting นะ

 

 

Oligio นิยมทำส่วนไหนบ้าง

Dr.Jeab: ทำที่หน้า, เหนียง, คอ, ผิวใต้ตา, หน้าผากก็ทำได้ ช่วยลิฟต์คิ้ว ในอนาคตจะมีนำเข้าหัวสำหรับบอดี้และตาด้วย

 

 

จุดเด่นที่สุดของ Oligio คืออะไร

Dr.Jeab: เครื่องนี้ไม่เจ็บเลย ไม่ต้องทายาชา นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีพิเศษ OSCA Optimal Shot Control Algorithm ที่มีระบบ Auto Mode ช่วย Control Pain ง่าย เพราะมี Cooling 4 Phrase ให้ความรู้สึกสบายๆ ตอนทำ ใช้เวลาทำเพียง 20-30 นาทีก็เสร็จ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา

 

 

แสดงว่าก่อนทำ Oligio ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษเลย

Dr.Jeab: ใช่ค่ะ ไม่ต้องงดหรือเลี่ยงอาหารเสริมอะไรเลย หากมีการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ให้เว้นระยะอย่างน้อย 1 เดือนก่อนทำ Oligio ส่วนขั้นตอนก่อนทำ Oligio มีเพียงถอดเครื่องประดับออกก่อนและติดแผ่นสื่อที่หลัง

 

 

บางหัตถการเราจะเห็นได้ว่าผิวแห้งขึ้นหลังทำ Oligio มีส่วนทำให้ผิวแห้งขึ้นหรือไม่

Dr.Jeab: ที่ผิวแห้งส่วนใหญ่เป็นเพราะยาชา แต่การทำ Oligio ไม่ต้องทายาชาเลยไม่มีปัญหาผิวแห้ง ไม่มี Downtime ใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาจมีรอยแดงบนใบหน้าแต่จะหายไปได้เองภายใน 1 ชั่วโมง

 

หลังทำ Oligio มีข้อห้ามอะไรไหม

Dr.Jeab: ใช้ชีวิตตามปกติได้เลยค่ะ บำรุงผิว ทากันแดด ไม่มีข้อห้ามอะไรเป็นพิเศษ

 

 

ผลลัพธ์หลังทำทันทีเป็นอย่างไร

Dr.Jeab: สิ่งที่รู้สึกหลังทำเลยคือผิวจะดูแน่นขึ้น ผิวดีขึ้นทันที 20% เพราะ Oligio ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวและตัวเนื้อเจลของทาง WONTECH ที่ใช้กับเครื่องนี้ก็ยังมีการผสม Glycerin ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและนุ่มขึ้น ผิวจะดูยกกระชับแบบเต็มที่ในอีก 2 เดือน

 

ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน

Dr.Jeab: ราวๆ 8 เดือน

 

ใครไม่เหมาะที่จะทำ Oligio บ้าง

Dr.Jeab: ห้ามทำในคนที่ตั้งครรภ์หรือใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ เทคโนโลยี RF ทุกตัวจะห้ามในกลุ่มคนเหล่านี้ รวมถึงใครที่ติดเชื้อทางผิวหนัง เป็นเริม ผิวอักเสบติดเชื้อ หากมีอาการติดเชื้อลักษณะดังกล่าวให้ทำการรักษาก่อนจนกว่าจะหาย

 

แล้วคนที่ใบหน้าอ้วนมากสามารถทำ Oligio ได้ไหม

Dr.Jeab: ต้องดูว่าใบหน้าอ้วนเกิดจากอะไร หากเป็นเพราะกรามใหญ่ก็อาจจะต้องฉีดโบท็อกซ์ก่อน แต่ถ้าแฟตเยอะตัวนี้ก็ช่วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ควรให้แพทย์ประเมินก่อนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา

 

 

ปัจจุบันนวัตกรรมยกกระชับผิวในวงการมีให้เลือกหลายตัวจนอาจสร้างความสับสนแก่ผู้บริโภค หากเทียบ Oligio กับนวัตกรรมตัวอื่นๆ โดยเฉพาะเหล่าตัวท็อป คุณหมอมีคำแนะนำในการเลือกอย่างไร

Dr.Jeab: ถ้าอยากผิวแน่นไป Thermage หรือ Oligio ถ้าอยากผิวยกไป Ulthera หรือ Ultraformer ต่อมาถามตัวเองว่าทนเจ็บได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่ได้เลยไป Oligio เหมาะกับคนที่ปัญหาผิวมีไม่มาก แต่ถ้าทนเจ็บได้ ปัญหาผิวเยอะ ไป Thermage

 

Oligio มีนับจำนวนช็อตหรือไม่

Dr.Jeab: มีค่ะ คนที่มีปัญหาไม่มากจะแนะนำอยู่ที่ 300-600 ช็อต ปัญหาปานกลางอยู่ที่ 600-900 ช็อต ส่วนคนที่ปัญหาค่อนข้างเยอะจะแนะนำ 900-1,200 ช็อต แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะเริ่มต้นที่ 600 ช็อต ครอบคลุมหน้าและเหนียง

 

 

หากไม่ใช้จำนวนช็อต มีวิธีการประเมินพลังงานในการยิงอย่างไร

Dr.Jeab: พลังงานในการใช้จะขึ้นอยู่กับค่าแรงต้านไฟฟ้าของแต่ละบุคคล แพทย์จะปรับลด-เพิ่มพลังงานโดยอิงฟีดแบ็กของคนไข้เป็นหลัก และจะสังเกตลักษณะผิวขณะทำ

 

 

ทางบริษัทมีการวิจัยมาแล้วว่าความร้อนที่เหมาะสมจะอยู่ที่ปริมาณ 40-60 KJ แต่ทั้งนี้คนไข้แต่ละคนจะมีสภาพผิวที่บางและหนาต่างกัน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์ในการควบคุมพลังงาน

 

 

คนไข้สามารถรับหัตถการอื่นในวันเดียวกันได้หรือไม่

Dr.Jeab: ทำได้หลังจากพักหน้าประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้อุณหภูมิบนพื้นผิวลดลง สามารถจิ้มหน้าต่อได้เลย เครื่องอื่นก็ทำได้เช่นกัน ตัวหมอเองชอบทำ Combination เช่น Oligio จะลงลึกใต้ชั้นผิว 3 มิลลิเมตร ในขณะที่ Ulthera ลงลึก 4.5 มิลลิเมตร มันลงคนละชั้นผิว ดังนั้นการทำพร้อมกันก็จะได้ผลลัพธ์ที่ปังยิ่งขึ้น ช่วยทั้ง Tightening และ Lifting

 

Oligio มีข้อเสียบ้างไหม

Dr.Jeab: ไม่มีข้อจำกัด แต่ต่อให้เป็นงานเครื่องก็ต้องอาศัยประสบการณ์ของแพทย์เช่นกัน และต้องตรวจสอบว่าเป็นเครื่องแท้หรือไม่

 

 

คุณหมอมีข้อแนะนำอะไรสำหรับมือใหม่ที่เริ่มอยากเข้าวงการยกกระชับบ้าง

Dr.Jeab: เน้นการป้องกัน เริ่มดูแลตัวเองได้เร็ว ก็จะทำให้เราคงสภาพและแลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น ที่สำคัญคือต้องคำนึงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เลือกรับบริการกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีประสบการณ์

 

อัตราค่าบริการของ Oligio

Dr.Jeab: 30,000-35,000 บาทต่อ 600 ช็อต

 

Result

หลังทำทันทีจะเห็นได้ว่าบริเวณแก้มที่หย่อนคล้อยมีความยกกระชับขึ้น ในส่วนของเหนียงมีความยกกระชับขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดขึ้นทันที หลังผ่านไป 1 สัปดาห์สัมผัสได้ว่าผิวหน้ามีความเนียนละเอียด อิ่มฟูขึ้นจริง แต่งหน้าติดขึ้น และผิวยังดูสดใสขึ้นจนถูกทัก

 

 

 

 

Good for

จากที่ได้ลองทำแล้วกล้าพูดได้เต็มปากว่า Oligio เหมาะกับคนที่กลัวเจ็บจริงๆ เพราะระหว่างที่ทำนั้นไม่มีความรู้สึกเจ็บเลย มีเพียงความรู้สึกอุ่นๆ เท่านั้น นอนสบายๆ ได้ ไม่ต้องเสียเวลารอยาชา เรียกว่าตอบโจทย์ทั้งคนที่อยากได้ผิวยกกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น ลดแฟต เก็บเหนียง พร้อมอัปงานผิวให้สุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน

 

The Clover Clinic

Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น.

Address: ตรวจสอบสาขาได้ทางเว็บไซต์ The Clover Clinic

Budget: 30,000-35,000 บาทต่อ 600 ช็อต

Tel: 09 2761 1931

Website: https://thecloverskinclinic.com/

The post 18 ข้อที่ต้องรู้ก่อนทำ Oligio นวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวแน่นฟู ลดเหนียงแบบความเจ็บเป็นศูนย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปั้นหุ่น ลดพุงแบบไหน ไม่ให้เสี่ยงอาการบาดเจ็บ? https://thestandard.co/life/workout-without-injury-for-belly-fat-loss Fri, 26 Apr 2024 17:16:57 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=927268 ลดพุง

ในปัจจุบันทุกช่องทางโซเชียลต่างก็มีการแนะนำสูตรในการดูแ […]

The post ปั้นหุ่น ลดพุงแบบไหน ไม่ให้เสี่ยงอาการบาดเจ็บ? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลดพุง

ในปัจจุบันทุกช่องทางโซเชียลต่างก็มีการแนะนำสูตรในการดูแลตัวเองมากมาย มีหลายวิธีในการลดหุ่นสร้างร่อง 11 หรือซิกซ์แพ็กเฟิร์มๆ เพื่ออวดหุ่นสวย บุคลิกดี และมั่นใจเวลาแต่งตัว ไม่ว่าจะของหนุ่มๆ หรือสาวๆ แต่เรามีวิธีในการเลือกอย่างไรให้เหมาะสมและปลอดภัยกับตัวเองมากที่สุด ไปดูกันเลย 

 

  

ทำไมวิธีที่ได้ผลกับคนอื่น อาจไม่ได้ผลกับตัวเรา?

เพราะร่างกายของมนุษย์แต่ละคนมีความแตกต่างกันทางพันธุกรรม ซึ่งมีความหลากหลายในระดับที่ลึกที่สุด บางยีนก็ส่งผลแบบเด่นด้อย แต่บางยีนก็แสดงออกแบบหลากหลาย (Multifactorial Phenotype) ที่ทำให้คนเราแม้ว่าจะเกิดมาในครอบครัวเดียวกัน แต่ก็มีสีผิว ความสูง ฯลฯ ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการตอบสนองต่อสิ่งเร้า หรือสิ่งที่เราเลือกทำเพื่อให้เกิดผลต่างๆ เช่น การลดน้ำหนัก จึงมีการตอบสนองที่ต่างกันในแต่ละคนเช่นกัน 

 

 

แล้วเราควรพิจารณาอย่างไรในการเลือกวิธีการลดหุ่นที่เหมาะกับเรา และปลอดภัยกับเรามากที่สุด

จากเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น การที่เราจะเลือกทำอะไรให้ส่งผลต่อสุขภาพหรือสิ่งต่างๆ ในชีวิตก็ควรจะกลับมามองที่ตัวของเราก่อน ไม่ว่าจะเป็นกิจวัตรประจำวัน การทำงานหรือตารางการใช้ชีวิต อาหารที่กินได้หรือแพ้ โรคประจำตัว ความถนัด สภาวะทางสังคม สภาวะเศรษฐกิจของตัวเอง และรวมถึงสภาวะทางจิตใจของเรา เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราเองอย่างแน่นอน

 

ยกตัวอย่างเช่น หากเราเป็นคนทำงานกะดึกทุกวัน และช่วงกลางวันเป็นเวลานอนพักผ่อน การเลือกวิธีการงดอาหารหลัง 5 โมงเย็นจึงไม่เหมาะสม หากเรามีโรคประจำตัวเป็นโรคกระเพาะอาหารแล้วเลือกวิธีการกินอาหารแบบ Intermittent Fasting (IF) ก็อาจทำให้โรคกระเพาะมีอาการมากขึ้น หรือหากเรามีโรคประจำตัวเป็นโรคไขมันในเลือดสูงและเบาหวาน การเลือกวิธีกินอาหารคีโตเพื่อการลดน้ำหนักโดยไม่ได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก 

 

บทความนี้อยากขอเสนอวิธีการในการเลือกวิธีที่ดีที่สุดในการลดพุงของแต่ละคน โดยลองพิจารณาดังนี้ 

 

  1. ความหนักเบาของโปรแกรมทั้งการออกกำลังกายและการคุมอาหาร หากมีข้อกำหนดที่สุดโต่งมากๆ มักทำให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิต เช่น การออกกำลังกายคาร์ดิโออย่างหนัก โดยการเวตเทรนนิ่งและไม่มีวันพักเลย หรือการงดอาหารเหลือแค่วันละ 1 มื้อแบบทันทีทันใด มักทำให้ร่างกายอ่อนล้าและเกิดการบาดเจ็บหรือไม่สบายได้ง่าย 

 

  1. ควรเลือกวิธีที่ทำให้ไม่มีความเครียดเกิดขึ้นในการปฏิบัติ เช่น หากเป็นคนที่มีความสุขกับการรับประทานอาหารครบ 3 มื้อ แล้วเลือกวิธีที่มีการอดอาหารอย่างหนัก นอกจากจะทำให้ร่างกายอ่อนแอจากการขาดอาหารแบบทันทีแล้ว ความเครียดยังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอีกหลายชนิด และทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อีกทั้งผลในการลดหุ่นก็จะไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย

 

  1. พิจารณาจากโรคประจำตัวของเราว่ามีข้อจำกัดหรือข้อห้ามในการกินอาหารประเภทไหนบ้าง และสามารถออกกำลังกายได้หนักแค่ไหน และเลือกวิธีที่ไม่รบกวนการรักษาหรือควบคุมโรคและสภาวะดังกล่าว เช่น หากเราเลือกออกกำลังกายด้วย High Intensity Interval Training (HIIT) ซึ่งช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายได้ดีมากวิธีหนึ่ง แต่เรามีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจขาดเลือดอยู่เดิม ก็จะทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนในการออกกำลังกายได้มาก ฯลฯ

 

  1. เลือกวิธีที่บอกแนวทางการคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กัน ไม่ใช่มีแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะการลดพุงและการปั้นกล้ามต้องอาศัยทั้ง 2 ปัจจัยเพื่อให้เกิดผลได้รวดเร็วและยั่งยืน ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างกายลดการสะสมไขมันจากอาหารที่กินเข้าไป และยังเสริมให้มีกล้ามเนื้อ ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกินได้ 

 

  1. เมื่อไม่สามารถทำตามโปรแกรมได้ ไม่ว่าจะมีอาการป่วย งานยุ่ง หรือเหตุผลใดก็ตาม ให้เลือกพักรักษาตัวก่อน และพยายามลดความเครียดจากการพลาดโปรแกรมลง เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นจากความเจ็บป่วยได้เต็มที่

 

  1. หากลองทำในวิธีต่างๆ ในระยะเวลาหนึ่งแล้วไม่ได้ผลดี หรือทำให้ร่างกายทรุดโทรม ให้ลองพิจารณาอีกครั้งว่าวิธีที่เลือกนี้เหมาะสมกับเราจริงหรือไม่ เพราะวิธีที่ได้ผลกับผู้อื่นก็อาจไม่ได้เหมาะสมกับตัวเรานั่นเอง

 

จากประสบการณ์ของหมอที่ได้เจอคนไข้ที่มาปรึกษาด้วยอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูกจากการลดพุงหลากหลายแบบ เช่น คนไข้หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนเอวทับเส้นประสาทจนทำให้มีอาการปวดหลังร้าวลงขา เมื่อถามประวัติย้อนกลับไปก็พบว่าก่อนหน้านี้ 2-3 เดือน คนไข้ท่านนี้มีการลดน้ำหนักโดยการลดปริมาณอาหารลงมากอย่างเฉียบพลันและเคร่งครัด ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมากกว่า 10 กิโลกรัมใน 2 เดือน จึงสันนิษฐานว่ากล้ามเนื้อที่พยุงกระดูกสันหลังเกิดความอ่อนแอลงนั่นเอง ทั้งนี้ เป็นเพียงข้อสังเกตแต่ก็ควรระมัดระวังหากจะเลือกวิธีใดๆ ในการลดพุงและปั้นหุ่น เพื่อลดโอกาสการเกิดผลเสียกับร่างกายในระยะยาว

ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเลือกทดลองวิธีไหนแล้ว อย่าลืมวิธีมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก สถาบันโรคหัวใจ และทุกสถาบันที่ศึกษาการออกกำลังกายทั่วโลกแนะนำก็คือ การเพิ่มกิจวัตรประจำวัน หรือกิจกรรมทางกายในแต่ละวันให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคต่างๆ และยังเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายตามธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งยาหรือวิธีที่ซับซ้อน ซึ่งแน่นอนว่าหากทำได้เป็นปกติก็จะทำให้การลดน้ำหนัก รักษาหุ่น และลดพุงได้ผลชัดเจนขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

คนแต่ละคนมีความแตกต่างทางพันธุกรรม ซึ่งมีความหลากหลายในระดับที่ลึกที่สุด บางยีนก็ส่งผลแบบเด่นด้อย แต่บางยีนก็แสดงออกแบบหลากหลาย (Multifactorial Phenotype) ทำให้การตอบสนองต่อวิธีลดน้ำหนักแตกต่างกัน

 

 

ควรเลือกวิธีลดน้ำหนักที่เหมาะกับตัวเอง โดยพิจารณาจากกิจวัตรประจำวัน โรคประจำตัว อาหารที่แพ้ สภาวะทางสังคม เศรษฐกิจ และจิตใจ 

 

 

หลีกเลี่ยงโปรแกรมที่สุดโต่งหรือหักโหมจนเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้าและเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย

 

 

เลือกวิธีที่ไม่ทำให้เกิดความเครียด เพราะความเครียดทำให้ผลการลดน้ำหนักไม่ดีและอาจเจ็บป่วยได้

 

 

พิจารณาโรคประจำตัวและข้อจำกัดในการกินอาหารและออกกำลังกาย เลือกวิธีที่ไม่รบกวนการดูแลโรค

 

 

เลือกวิธีที่ควบคู่ทั้งการคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อลดไขมันและเพิ่มกล้ามเนื้อ ให้ผลรวดเร็วและยั่งยืน

 

 

เมื่อทำตามโปรแกรมไม่ได้ ให้พักรักษาตัวและลดความเครียดที่เกิดจากการพลาดโปรแกรม

 

 

หากไม่ได้ผลหรือทำให้ร่างกายทรุดโทรม ให้ทบทวนว่าวิธีนั้นเหมาะสมกับเราจริงหรือไม่

 

 

การลดน้ำหนักและออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและกระดูกได้

 

 

แนะนำให้เพิ่มกิจกรรมทางกายและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ลดน้ำหนัก ลดพุง และมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ดีที่สุด อย่าลืมวิธีมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลก สถาบันโรคหัวใจ และทุกสถาบันที่ศึกษาการออกกำลังกายทั่วโลกแนะนำก็คือ การเพิ่มกิจวัตรประจำวัน หรือกิจกรรมทางกายในแต่ละวันให้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคต่างๆ และยังเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายตามธรรมชาติ 

The post ปั้นหุ่น ลดพุงแบบไหน ไม่ให้เสี่ยงอาการบาดเจ็บ? appeared first on THE STANDARD.

]]>
เวิร์กช็อป Eternal Sunshine ค้นพบและจุดประกายแสงสว่างภายในตัวเอง https://thestandard.co/life/panpuri-wellness-eternal-sunshine-workshop Fri, 26 Apr 2024 03:40:21 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=926936 Eternal Sunshine

เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับความวุ่นวายและความเครียดมากมาย กา […]

The post เวิร์กช็อป Eternal Sunshine ค้นพบและจุดประกายแสงสว่างภายในตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Eternal Sunshine

เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับความวุ่นวายและความเครียดมากมาย การค้นหาแสงสว่างภายในตัวเองอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ถ้าเรามีเครื่องมือและแนวทางที่เหมาะสม เราก็สามารถจุดประกายพลังบวกและค้นพบความสุขที่แท้จริงได้ นี่คือสิ่งที่ PAÑPURI Wellness ต้องการมอบให้กับทุกคนผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อปสุดพิเศษในชื่อ ‘Eternal Sunshine: Ignite Your Eternal Light’ ที่จะพาคุณออกเดินทางค้นหาตัวตนที่แท้จริง ปลดปล่อยความเครียด และเติมเต็มพลังงานด้วยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

 

งานนี้ LIFE ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ นี-ชาลิสา วีรวรรณ ที่จะช่วยนำทางผู้เข้าร่วมเวิร์กช็อปไปสู่การค้นพบแสงสว่างภายในด้วยแบบฉบับของตัวเราเอง ผ่านกิจกรรมที่ผสมผสานองค์ความรู้ในศาสตร์แห่งดวงดาวและพลังแห่งธรรมชาติกับกิจกรรม Botanical Mandala เข้าด้วยกันอย่างลงตัว นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ช่วยให้ภายในจิตใจเปิดรับพลังแห่งความสุขและแรงบันดาลใจได้อย่างน่าประทับใจ 

 

Eternal Sunshine

 

What is it?

 

Eternal Sunshine: Ignite Your Eternal Light เป็นกิจกรรมเวิร์กช็อปที่จัดโดย PAÑPURI Wellness ซึ่งได้เชิญ นี-ชาลิสา วีรวรรณ มาร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมสุดพิเศษ ที่จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมค้นพบและจุดประกายแสงสว่างภายในตัวเอง พร้อมค้นหาความเชื่อมโยงให้พบกับความผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจในแบบของคุณเอง โดยกิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมภายใต้คอลเล็กชันล่าสุด Eternal Sunshine กลิ่นหอมที่เน้นความสดชื่นของซิตรัส ความหอมของผิวมะนาว และใบกะเพราไทย ที่ผสมผสานจากแรงบันดาลใจของแสงแดดทรงพลังยามเช้า เป็นกลิ่นที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มพลังงานที่ดี และพร้อมเปิดรับความสุขในวันใหม่ได้อย่างสดชื่น 

 

 

Try

 

เมื่อได้มีโอกาสเข้าร่วมเวิร์กช็อป Eternal Sunshine ในรอบนี้ต้องบอกเลยว่าประทับใจมากๆ ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมแรกที่ทำความรู้จักกับ Personal Astrological Blueprint และ Star Readings ซึ่งเป็นการนำเสนอแนวทางการเข้าใจตัวเองผ่านการเชื่อมโยงพลังงานจากระบบของดวงดาว ตอนแรกก็แอบตื่นเต้นและไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่พอได้ฟังคำอธิบายจากวิทยากรแล้ว ทำให้เห็นภาพและเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าเราเป็นใคร มีจุดเด่นหรือพลังงานแบบไหน และควรใช้ศักยภาพนั้นอย่างไร มันเจ๋งมากที่ได้เห็นภาพตัวเองผ่านสายตาของดวงดาว เหมือนโลกใบเล็กๆ ของเราได้เชื่อมต่อกับจักรวาลภายนอก

 

Eternal Sunshine

 

และอีกกิจกรรมที่ชอบมากๆ คือ Botanical Mandala ที่ให้เราได้สัมผัสกับความสวยงามจากส่วนประกอบของธรรมชาติ และนำมาจัดเรียงเป็นงานศิลปะในแบบของเราเองตามแต่จะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ กลีบดอกไม้ หรือกิ่งไม้ ที่นำมาจัดวางเป็นลวดลายอย่างเป็นระเบียบทีละชั้นๆ ซึ่งเป็นการฝึกสมาธิ ความตั้งใจ และการอยู่กับปัจจุบันขณะได้เป็นอย่างดี พอได้ทำไปเรื่อยๆ จิตใจก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย ความเครียดหรือความกังวลต่างๆ เหมือนถูกปลดปล่อยออกไป เหลือแต่สมาธิและสติที่อยู่กับงานศิลปะตรงหน้า ราวกับพบแสงสว่างใสที่อยู่ในใจเรานั่นเอง มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก 

 

 

Result

หลังจากเข้าร่วมเวิร์กช็อปนี้ทำให้รู้สึกว่าได้เดินทางเข้าใกล้ตัวตนของตัวเองมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เหมือนได้ปลดปล่อยสิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งหลายทิ้งไป แล้วเริ่มต้นมองหาความสุขที่แสนเรียบง่ายรอบตัว ช่างเป็นประสบการณ์สุดพิเศษที่ได้ทั้งเรียนรู้ ได้ทั้งผ่อนคลาย และได้พลังบวกกลับมาแบบเต็มเปี่ยมจริงๆ

 

Eternal Sunshine


Good For

กิจกรรมนี้เหมาะกับใครก็ตามที่พร้อมจะเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และอยากค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง เพื่อปลดปล่อยพลังแห่งแสงสว่างออกมาจากภายใน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลายและเข้าถึงอย่างลงตัวในคราวเดียวกัน ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อป Eternal Sunshine: Ignite Your Eternal Light พบกับกิจกรรมนี้ได้อีกครั้งในวันที่ 8 พฤษภาคม เวลา 13.00 น. และ 15.30 น. (จำกัดคลาสละ 9 ท่านเท่านั้น) โดยเวิร์กช็อปนี้มีค่าใช้จ่ายที่ 5,900 บาทต่อ 1 ท่าน โดยจะได้รับของขวัญสุดพิเศษมูลค่า 5,320 บาท (เวาเชอร์นวด 60 นาที 1 ใบ, Public Onsen Day Pass 1 ใบ, Eternal Sunshine Body Mist 250 ml 1 ชิ้น และเครื่องดื่ม) สำรองและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ PAÑPURI Wellness ชั้น 12 เกษร ทาวเวอร์ โทร. 0 2253 8899

 

 

ภาพ: PAÑPURI

The post เวิร์กช็อป Eternal Sunshine ค้นพบและจุดประกายแสงสว่างภายในตัวเอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
พาสำรวจความเก๋ของ Aesop Thonglor Signature Store https://thestandard.co/aesop-thonglor-signature-store/ Wed, 24 Apr 2024 03:35:43 +0000 https://thestandard.co/?p=926001 Aesop Thonglor Signature Store

Aesop แบรนด์สกินแคร์ชั้นนำจากออสเตรเลีย ได้เปิดตัว ‘Aes […]

The post พาสำรวจความเก๋ของ Aesop Thonglor Signature Store appeared first on THE STANDARD.

]]>
Aesop Thonglor Signature Store

Aesop แบรนด์สกินแคร์ชั้นนำจากออสเตรเลีย ได้เปิดตัว ‘Aesop Thonglor’ ซิกเนเจอร์สโตร์แห่งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ ย่านทองหล่อซอย 13 ด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากเสน่ห์และวัฒนธรรมท้องถิ่นของกรุงเทพฯ ผสานกับสไตล์ทันสมัย โดยได้ Sher Maker Studio สถาปนิกสัญชาติไทยมาร่วมออกแบบ จนเกิดเป็นความกลมกลืนของความเป็นไทยและความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว

 

ภายในร้าน Aesop Thonglor ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนพื้นที่หลัก ซึ่งประกอบไปด้วยงานไม้จากเทคนิคต่างๆ ส่วนฝาผนังนั้นตกแต่งด้วยขวดแก้วสีอำพันเรียงรายอวดโฉมผลิตภัณฑ์จาก Aesop ละลานตา ทั้งสำหรับผิวหน้า ผิวกาย เส้นผม และสำหรับใช้ภายในบ้าน นับเป็นการผสมผสานงานฝีมือท้องถิ่นและศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเข้ากันอย่างลงตัว เปรียบดั่งการหลอมรวมชีวิตของผู้คนในชุมชนเข้าด้วยกัน โดยหนึ่งในรายละเอียดสำคัญคืออ่างล้างมือที่สร้างขึ้นจากหินแกรนิตชนิดเดียวกับที่นิยมใช้ในห้องครัวท้องถิ่นซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของร้าน เกิดเป็นความลื่นไหลของดีไซน์รอบด้าน อีกทั้งในส่วนของห้องฝาไหลจากเทคนิคของบ้านไทยโบราณที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ความเงียบและเป็นส่วนตัว ประกอบกับประตูบานเลื่อนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือนไม้ทางภาคเหนือของประเทศไทย ที่ถูกประยุกต์ขึ้นเพื่อช่วยปรับโฉมให้ห้องแห่งนี้มีความสัมพันธ์กันระหว่างความสันโดษและความเปิดเผย เชื้อเชิญให้เกิดความสงสัยใคร่รู้และการค้นพบที่น่าสนใจ ส่วนภายใต้ซุ้มคือตู้เก็บกลิ่นหอมที่รอต้อนรับทุกคนเข้าสู่โลกของ Aesop ด้วยคอลเล็กชันความหอมจาก Eaux de Parfum รวมถึงผืนผ้าสำหรับการบ่มเพาะความหอมด้วยกลิ่นที่คุณเลือก พร้อมเชิญชวนคุณให้เข้าสู่ความสงบเงียบและรื่นรมย์ไปกับทุกสัมผัสอันละเมียดละไมของ Aesop

 

Catherine O’Dea ตัวแทนจาก Aesop กล่าวว่า “การขยายสาขามายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะการเลือกทำเลทองหล่อในกรุงเทพฯ เป็นกลยุทธ์สำคัญในการผลักดันความเติบโตอย่างมั่นคง เพราะเป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ ผสานกับความทันสมัยในปัจจุบัน”

 

Aesop Thonglor Signature Store พร้อมให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งท่ามกลางบรรยากาศศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยและเสน่ห์เฉพาะตัวของแบรนด์ ณ ทองหล่อซอย 13 แล้ววันนี้

 

Aesop Thonglor Signature Store Aesop Thonglor Signature Store Aesop Thonglor Signature Store

 

ภาพ: Courtesy of Aesop

The post พาสำรวจความเก๋ของ Aesop Thonglor Signature Store appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจาะลึก MEDMAKER แบรนด์เวชสำอางสัญชาติไทยน่าลอง https://thestandard.co/life/medmaker Mon, 22 Apr 2024 04:44:49 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=925278 MEDMAKER

หากใครยังไม่เคยรู้จักกับแบรนด์ MEDMAKER มาก่อน ต้องรีบร […]

The post เจาะลึก MEDMAKER แบรนด์เวชสำอางสัญชาติไทยน่าลอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
MEDMAKER

หากใครยังไม่เคยรู้จักกับแบรนด์ MEDMAKER มาก่อน ต้องรีบรู้จักให้ไวแล้ว เพราะนี่คือแบรนด์เวชสำอางคุณภาพอีกหนึ่งแบรนด์ที่คนรักผิวไม่ควรพลาด โดย MEDMAKER เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้บริโภค เภสัชกรร้านขายยา ร้านโมเดิร์นเทรด และคลินิกด้านผิวหนังและความงาม บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่มีคุณภาพสูง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาผิวให้ผู้บริโภคทุกวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ดาวเด่นของ MEDMAKER คือ MEDMAKER Vitamin E Cream (เมดเมเกอร์ วิตามินอี ครีม) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและผิวกายที่มีส่วนผสมของวิตามินอีเข้มข้นถึง 5.5% ซึ่ง LIFE จะพาทุกคนไปรู้จักกับแบรนด์และสำรวจผลิตภัณฑ์เด็ดๆ ของแบรนด์ให้มากขึ้น 

 

MEDMAKER

 

What is it?

หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์ MEDMAKER (เมดเมเกอร์) มาก่อน นี่คือแบรนด์เวชสำอางคุณภาพสูงที่ได้มาตรฐาน ผลิตโดยเภสัชกรและแพทย์ และได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP อย่างต่อเนื่อง แบรนด์นี้ถือกำเนิดมาจากบริษัท 2 เอ็ม (เมด-เมเกอร์) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาและเวชสำอางที่ก่อตั้งมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี 2534 โดยมุ่งมั่นผลิตยาครีม ขี้ผึ้ง เจล และยาเม็ดที่ได้มาตรฐานสูง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ 

 

ต่อมาบริษัทก็ยึดมั่นในการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ระบบการผลิต และการควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน ตามปณิธานที่ว่า ‘มุ่งมั่น คิดค้น วิจัย พัฒนาคุณภาพ’ ตลอดการเดินทางกว่า 30 ปี บริษัทได้พัฒนาและออกผลิตภัณฑ์เวชสำอางหลากหลาย ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์วิตามินอีครีม ปิโตรเลียมเจลลี่ มอยส์เจอไรเซอร์ครีม ไปจนถึงสบู่ทำความสะอาดผิวหน้า นอกจากนี้ยังได้ยกระดับมาตรฐานการผลิตเป็น GMP PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลสำหรับโรงงานผลิตยาและเวชสำอาง และทำให้ไอเท็มต่างๆ ของแบรนด์นี้กลายเป็นที่นิยมในหมู่คนที่มีปัญหาผิว เพราะตอบโจทย์ทั้งส่วนผสมที่ช่วยแก้ปัญหาผิวอย่างตรงจุด และขึ้นชื่อว่าเป็นเวชสำอางคุณภาพสูงก็ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่สบายใจที่จะใช้ดูแลผิวของตนเอง

 

MEDMAKER

 

The Ingredients

ส่วนผสมที่เป็นดาวเด่นของแบรนด์ในไอเท็ม Vitamin E Cream คือ วิตามินอีเข้มข้นถึง 5.5% ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่โดดเด่นในการลดเลือนรอยแผลเป็น รอยแดง รอยดำจากสิว และริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น แลดูกระจ่างใส นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมสำคัญอื่นๆ เช่น น้ำมันโจโจบา ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันที่คล้ายคลึงกับไขมันจากผิวหนังของเรา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความนุ่มนวลให้แก่ผิว และดีแพนทีนอล (โปรวิตามินบี 5) ที่ช่วยในการสร้างเซลล์ใหม่ เร่งการสมานผิว ลดการอักเสบ และรักษาความชุ่มชื้นของผิว

 

The Product Range

นอกจากผลิตภัณฑ์วิตามินอีครีมแล้ว MEDMAKER ยังมีผลิตภัณฑ์เวชสำอางอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น 

 

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเจลลี่ ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว ป้องกันผิวแห้งและผื่นคันจากการระคายเคือง มีทั้งสำหรับผู้ใหญ่ เด็ก และผู้สูงอายุ
  • กลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์ครีม U1 และ U2 ที่เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวแห้งมากในผู้สูงวัยโดยเฉพาะ
  • แอคเน่คลีน สบู่ล้างหน้าสำหรับผิวมัน ช่วยป้องกันการเกิดสิว 

 

ล่าสุด MEDMAKER Vitamin E Cream ได้ปรับโฉมใหม่ทั้งโลโก้ กล่อง และหลอด พร้อมปรับสูตรเพิ่มดีแพนทีนอลเป็น 2 เท่า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็นด้วย 

 

The Sustainability Efforts

ความพยายามเพื่อสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับสากล GMP PIC/S ที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้การผลิตภายใต้ระบบห้อง Clean Room มาตรฐาน HVAC ยังช่วยลดการปล่อยฝุ่นละอองและสารปนเปื้อน ลดมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับมาตรฐาน ASEAN Cosmetic GMP ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ MEDMAKER ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภคและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ธุรกิจก้าวหน้าไปพร้อมกับความยั่งยืนของโลกใบนี้

 

MEDMAKER

 

ภาพ: THE STANDARD LIFE

The post เจาะลึก MEDMAKER แบรนด์เวชสำอางสัญชาติไทยน่าลอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไม่เป็นไรนะ ถ้าอยากร้องไห้ออกมา https://thestandard.co/life/let-it-out-and-cry Sun, 21 Apr 2024 08:29:29 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=925120

เวลาที่เรารู้สึกเศร้า ผิดหวัง หรือกดดัน สิ่งที่อยากทำที […]

The post ไม่เป็นไรนะ ถ้าอยากร้องไห้ออกมา appeared first on THE STANDARD.

]]>

เวลาที่เรารู้สึกเศร้า ผิดหวัง หรือกดดัน สิ่งที่อยากทำที่สุดเดี๋ยวนั้นคือการปล่อยโฮออกมาให้สุดเสียง แต่หลายคนกลับกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะกลัวคนจะมองว่าการร้องไห้เป็นสัญญาณของความอ่อนแอ ทั้งที่จริงๆ แล้วการร้องไห้เป็นกลไกธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจมากมาย โดยเฉพาะในด้านการจัดการกับความเครียดและความกดดันทางอารมณ์

 

เมื่อเรากำลังเผชิญกับอารมณ์ที่รุนแรง สมองจะส่งสัญญาณให้ต่อมน้ำตาทำงาน น้ำตาที่ไหลออกมาพร้อมกับการสะอื้นจะช่วยผ่อนคลายความเครียดที่สะสมอยู่ภายใน เปรียบเสมือนการระบายลมออกจากลูกโป่งที่กำลังจะแตก ยิ่งปล่อยให้ลมค่อยๆ รั่วออกมา ความดันภายในลูกโป่งก็จะลดลงจนกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ การร้องไห้ก็เช่นกัน ยิ่งเราปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพร้อมกับสำรวจและซึมซับความรู้สึกที่เกิดขึ้น สภาพจิตใจของเราก็จะเริ่มสงบนิ่งและกลับมามีความสมดุลอีกครั้ง

 

รู้ไหมว่าการร้องไห้ยังกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยลดความเจ็บปวดและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย คล้ายกับการออกกำลังกายที่ปล่อยให้เอ็นดอร์ฟินออกมา ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นหลังจากเหนื่อยล้า การร้องไห้ปริ่มๆ สักพักก็เหมือนได้ออกกำลังกายให้กับใจ ช่วยเติมพลังให้จิตใจของเรากลับมาแข็งแรงด้วยนะ 

 

นอกจากนี้ยังมีอีกสารสำคัญที่หลั่งออกมาขณะร้องไห้คือออกซิโทซิน หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ‘ฮอร์โมนแห่งความรัก’ ออกซิโทซินจะช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอล และมันช่วยให้เรารู้สึกใกล้ชิดผูกพันกับคนรอบข้าง รู้จักเห็นอกเห็นใจทั้งตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น หลายครั้งที่เรามักจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ร้องไห้กับใครสักคน จริงไหมล่ะ? ที่เรารู้สึกดีขึ้นเพราะนอกจากจะได้ระบายความรู้สึกแล้ว ออกซิโทซินยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยที่ได้มีคนคอยรับฟังนั่นเอง 

 

แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีวิธีการจัดการกับอารมณ์แบบเดียวกัน บ้างก็ชอบร้องไห้คนเดียว บางคนต้องการให้มีคนคอยปลอบหรือกอด บางคนก็รู้สึกไม่สบายใจที่จะร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น ซึ่งเราอยากบอกว่าทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรผิดเลย ขอแค่เราได้มีช่วงเวลาส่วนตัวในการทำความเข้าใจกับตัวเอง ไม่หนีอารมณ์ที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วก็จะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความทุกข์นี้ไปได้

 

สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่ตัดสินตัวเองหรือรู้สึกผิดที่ร้องไห้ การแสดงอารมณ์ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกนึกคิด ทุกวันนี้สังคมให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากขึ้นและพยายามสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกคนได้เปิดใจ พูดคุย และแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา โดยไม่ต้องกลัวการถูกตัดสิน 

 

ดังนั้นเอาใหม่นะ ถ้าวันไหนที่เรารู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่พยายามฝืนกลั้นเอาไว้ ลองถามตัวเองดูว่า “ทำไมฉันถึงไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้?” บางทีคำตอบอาจทำให้เราเข้าใจบางอย่างมากขึ้นก็ได้ 

 

และถ้ามีโอกาส ลองเปิดใจคุยกับคนที่ไว้ใจให้เขาได้รับรู้ความในใจของเรา เราอาจค้นพบมุมมองใหม่ๆ หรือได้รับกำลังใจดีๆ ที่จะช่วยให้เราก้าวข้ามอุปสรรคไปได้ ขอให้จำไว้ว่าไม่มีอะไรผิดเลยกับการร้องไห้ มันเป็นหนทางหนึ่งที่ธรรมชาติมอบให้เรารับมือและเยียวยาจิตใจ ใช้มันให้เป็นประโยชน์แล้วเดินหน้าต่อไป เพราะชีวิตยังมีเรื่องดีๆ รออยู่ข้างหน้าเสมอ

 


 

รู้ไหมว่าการร้องไห้ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยลดความเจ็บปวดและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย 

 

การร้องไห้ออกมาช่วยระบายความเครียดและความกดดันทางอารมณ์ที่สะสมอยู่ภายใน ทำให้จิตใจสงบและมีความสมดุลมากขึ้น

 

จำไว้ว่าการร้องไห้ไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ แต่เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีอะไรผิดหรือน่าอาย

 

ถ้าวันไหนที่เรารู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่พยายามฝืนกลั้นเอาไว้ ลองถามตัวเองดูว่า “ทำไมฉันถึงไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้?” บางทีคำตอบอาจทำให้เราเข้าใจบางอย่างมากขึ้นก็ได้ 

 

ตอนที่ร้องไห้มันจะกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ต่างจากการออกกำลังกายให้จิตใจ

 

บางครั้งน้ำตาก็เป็นหนทางหนึ่งที่ธรรมชาติมอบให้เรารับมือ จัดการ และเยียวยาจิตใจ เมื่อต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก

 

การร้องไห้ช่วยส่งเสริมการหลั่งออกซิโทซิน ช่วยลดฮอร์โมนความเครียด เพิ่มความรู้สึกผูกพันใกล้ชิดและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้ด้วยนะ 

 

หากได้ร้องไห้กับคนที่ไว้ใจ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและได้รับกำลังใจที่ดี

 

ร้องออกมาเถอะ อย่าเก็บไว้ ลองเปลี่ยนเป็นโอกาสให้ตัวเองได้ระบายและเปิดใจพูดคุยกับคนอื่น ก็อาจทำให้มองเห็นมุมมองใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ 

 

หลังจากปาดน้ำตาแล้ว บอกตัวเองให้ฮึบและเชิดหน้าขึ้น ได้เวลาเดินหน้าต่อไปแล้วนะ อย่าลืมว่าชีวิตยังมีสิ่งดีๆ รออยู่ข้างหน้าเสมอ

The post ไม่เป็นไรนะ ถ้าอยากร้องไห้ออกมา appeared first on THE STANDARD.

]]>