งานสถาปนาครบ 112 ปี กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ขุมกำลังรบหลัก ของกองทัพภาคที่ 1 และได้ฉายาว่า ‘ขุมกำลังปฏิวัติ’ ถูกใช้เป็นวาระการเปิดใจถึงสถานการณ์การเมืองของ พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
พล.อ. อภิรัชต์ ตั้งใจแถลงข่าวฝากข้อความผ่านสื่อมวลชน เจาะจงทำความเข้าใจไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา ฝากตำหนิต่อว่าฝ่ายการเมือง นักวิชาการ และคนแดนไกล
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวว่า ตนนั่งคิดทบทวนมา 2 คืน สรุปเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น อยากให้สื่อมวลชน ประชาชน และนิสิต นักศึกษา ทำความเข้าใจ
“เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ผมพูดกับสื่อต่างประเทศว่า Gen.Prayuth have to be on his own path. คือ พล.อ. ประยุทธ์ ต้องเดินไปบนวิถีทางการเมืองของท่าน
“Army have to straight back. นั้นหมายความว่า กองทัพบกจะต้องกลับมาอยู่ในส่วนของกองทัพบก มาพัฒนากองทัพบก มาเป็นทหารอาชีพ
“ที่ผมมั่นใจและพูดไปถึงประชาชนและนิสิต นักศึกษาได้เข้าใจว่า ปัจจุบันกองทัพบกเปลี่ยนแปลงไปมาก ท่านจะเห็นว่ากองทัพบกมีความสง่างามในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังพล เนื่องจากในปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกทั้งผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพ ผบ.หน่วย เป็นต้นแบบให้กับทหารในกองทัพบก ในนามของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ทั้งเรื่องระเบียบวินัยและการสร้างลักษณะทหารที่ดี”
ผบ.ทบ. ฝากถึงคนรุ่นใหม่ รับสื่อโซเชียลทรงอานุภาพกว่าอาวุธของกองทัพ
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวว่า อยากให้ทุกคน นิสิต นักศึกษา เข้าใจกองทัพเสียใหม่ ยอมรับว่า เรามีช่องว่างทางการสื่อสารระหว่างกองทัพกับนิสิต นักศึกษา ซึ่งสื่อสารคนละภาษากับที่ท่านอยากจะฟัง
ตนย้ำเสมอถึงพระราชดำรัสว่า ทหารจะต้องอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมให้คำมั่น ทหารจะเคียงข้าง วางตัวในบทบาทของทหาร เพื่อปกป้องประเทศ ประชาชน ช่วยเหลือประชาชน ตราบใดที่ตนยังอยู่ ผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดทำไม่ได้ ก็ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อได้ เช่นเดียวกับตำแหน่งของตนที่ไม่มีข้อยกเว้นที่จะทำงานน้อยกว่าคนอื่น
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า วันนี้ขอพูด แล้วจะไม่พูดอีกจนกว่าจะหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพราะเป็นพิธีสำคัญของคนไทย
ผบ.ทบ. ยังย้ำอีกว่า ช่วงนี้ยังมีความบิดเบือนข้อมูลในเรื่องการเมือง ขณะที่กองทัพ ยอมรับว่า มีจุดอ่อนการใช้โซเชียลมีเดีย ในขณะที่สื่อบางชนิด บางแบบ เข้าถึงจิตใจคนอีกรุ่นหนึ่ง และปฏิเสธไม่ได้ว่า โซเชียลมีเดียทรงอานุภาพยิ่งกว่าอาวุธที่กองทัพมีอยู่
ผบ.ทบ. ขอยอมรับผลเลือกตั้ง หยุดวาทกรรม ‘ประชาธิปไตย-เผด็จการ’
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวถึงผลการเลือกตั้ง และการแบ่งฝ่ายระหว่าง ‘ฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ’ ว่าการไม่ยอมรับกติกา กกต. ทำหน้าที่ เปรียบเหมือนการแข่งขันฟุตบอล ถ้าฟุตบอลแพ้ แต่คนเชียร์ไม่แพ้ มันไม่ใช่
ประเทศไทยไม่ยอมรับกติกาที่มีอยู่ แบ่งแยกระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับเผด็จการ ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมา
ทั้งคำว่าประชาธิปไตยและเผด็จการ เป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อแบ่งแยกประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเลือกพรรคใดก็ตาม
พร้อมย้อนถามว่า ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมือง เหมือนที่เกิดขึ้นมาแล้วหรืออย่างไร
“ณ วันนี้ ยังคิดถึงการแบ่งฝ่าย แบ่งแยกกันอยู่เหรอครับ ทำไมไม่เคารพกติกา แล้วไปสู้ในสภาฯ”
ผบ.ทบ. ถึงการลงสัตยาบันของฝ่ายการเมือง
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวว่า “ชีวิตผมผ่านการรัฐประหาร หรือแม้กระทั่งการลงสัตยาบันที่ทำกันตั้งแต่สมัยปี 2534 มีพรรคการเมืองหลายท่านลงสัตยาบันกัน ซึ่งไม่อยากเอ่ยนาม ทั้งหมดลงสัตยาบันเพื่อจะตั้งพรรคการเมืองกัน ท้ายที่สุดก็ฉีกสัตยาบันทิ้ง นี่คือเกมและกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งถูกชี้นำโดยนักการเมืองแบบเดิมๆ หรือพวกซ้ายตกขอบ
“ผมถามว่า นักเรียน นิสิต นักศึกษา ท่านออกไปใช้เสียงครั้งแรก ผมชื่นชม พวกเรา ทหารเราชื่นชมที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิกัน แต่เมื่อท่านใช้สิทธิแล้ว ท่านจะเลือกใคร ท่านเลือกไปแล้ว ทำไมนักการเมืองไม่มาจับมือกันแล้วไปต่อสู้กันในสภาฯ ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ
“ทำไมต้องเถียงกันให้ชาวโลกนั่งขำเรา กองทัพบกเป็นเพียงองค์กรหนึ่งที่ไม่สามารถทำให้คนไทยมารักกันทั้งประเทศได้ แต่ถามว่า เราเป็นคนไทยด้วยกันหรือเปล่า และยืนยันว่า ด้วยความที่เราเป็นคนไทยด้วยกัน กองทัพบกก็จะยืนเคียงข้างพวกท่าน”
ผบ.ทบ. ฝากถึงคนแดนไกล ทำผิดแต่ไม่รับคำตัดสิน
ผู้บัญชาการทหารบกย้ำว่า โซเชียลมีเดียคืออาวุธที่ทรงอานุภาพมากกว่าอาวุธที่กองทัพบกมีอยู่ จึงขอฝากสื่อมวลชนช่วยสื่อสารสิ่งเหล่านี้สู่ประชาชน นิสิต นักศึกษา เพราะเราเติบโตที่ประเทศนี้ เรียนที่ประเทศไทยกันส่วนใหญ่ รับปริญญาจากพระบรมวงศานุวงศ์หรือสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เติบโตมีเงินทองก็เพราะแผ่นดินไทยหรือเปล่า
ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวชื่นชมเศรษฐีผู้มีอำนาจที่ผิดพลาดกระทำความผิด ทุจริตต่างๆ แต่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ยอมรับในคำตัดสินของศาลไทย หลายท่านถูกจับติดคุกทั้งที่มีเงิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ตนต้องขอยกย่อง นี่คือคนมีน้ำใจนักกีฬา ยอมรับกระบวนการตัดสิน หลายท่านมีเงินพร้อมที่จะหนีออกนอกประเทศ แต่ก็ยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ใช่ทำอะไรผิด แล้วบอกยอมรับไม่ได้ แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร
ผบ.ทบ. ลั่น อย่าซ้ายจัดดัดจริตคิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ผู้บัญชาการทหารบกขอร้องนิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ และข้าราชการที่ไปเรียนต่างประเทศ บางท่านได้ทุนของราชการและทุนจากในวัง
“สิ่งที่ท่านไปร่ำเรียนมา ผมขอเน้นย้ำว่า ท่านจะไปเรียนระบอบประชาธิปไตยของประเทศอะไรมาผมไม่ได้ว่า แต่ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมในระบอบประชาธิปไตยของตนเอง
“เราอยู่กันแบบไทยๆ นี่คือวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ขอให้รักกันเถิดครับ ท่านจะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศไหนมา เอาเขามาแล้วมาดูด้วยว่า ควรจะมาดัดแปลงอะไรอย่างไร แต่ไม่ใช่พยายามมาเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่ามาเอาความเป็นซ้ายจัดที่ไปเรียนมาแล้วดัดจริต” พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า “วันนี้ผมพูดเยอะ พูดแรง และฝากไปด้วยว่า ให้หยุดวาทกรรมที่เกิดขึ้น และปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง ทุกคนขอให้โอกาสกัน เกมใครเกมมัน ในเมื่อกรรมการตัดสินแล้วก็มาโทษกรรมการ ถ้าเป็นแบบนี้มันไม่มีวันจบ
“ทำอย่างไรถึงจะจบ…เดี๋ยวพูดแรงไป เลิก” พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวก่อนเดินออกจากโพเดียมแถลงข่าว
“ถ้าสุดท้ายแล้วพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ กองทัพจะยืนอยู่จุดไหน” เสียงนักข่าวถาม
พล.อ. อภิรัชต์ หยุดตอบ และเดินกลับมาที่โพเดียม พร้อมกล่าวว่า ก็บอกแล้วไง ต้องยอมรับกติกาทุกอย่าง กองทัพไม่สามารถจัดรัฐบาลได้ กองทัพเป็นของประชาชน ไม่ต้องถาม กองทัพจะทำอย่างไร ซึ่งวาทกรรมเดิมๆ ถามแล้วถามเล่า ทำให้เด็กรุ่นใหม่ ที่มีประสบการณ์น้อยเข้าใจผิด
พร้อมย้อนถามว่า ที่ผ่านมาใครกันที่ช่วยประชาชน ใครเป็นผู้นำ ระดมสรรพกำลัง ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนทุกวันนี้ ต่างชาติเขาขำเราที่ตีกันเอง เศรษฐกิจถดถอย คนที่ได้ประโยชน์คือ คนที่อยู่ต่างประเทศใช่หรือไม่ คนรวย คนมีอำนาจ ไม่ต้องติดคุกหรืออย่างไร