อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายพิชัย นริพทะพันธุ์, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายนิคม ไวยรัชพานิช, นายประภัสร์ จงสงวน, นายแพทย์เหวง โตจิราการ, นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์, นางสาวอรุณี กาสยานนท์, นายพชร ธรรมมล, และนางสาวชญาภา สินธุไพร เปิดเวทีปราศรัย ‘ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย’ ครั้งแรกที่ลานข้างที่ทำการป่าไม้ตลาด อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด มีประชาชนร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก และมีหลายคนมาขอถ่ายรูปร่วมกับแกนนำ
นายแพทย์เหวง กล่าวว่า 4-5 ปีที่ผ่านมาผู้บริหารประเทศใช้เงินไปแล้ว 16 ล้านล้านบาท แต่ยิ่งใช้เงินไปแล้วคนยิ่งจนลง จากการสำรวจปี 2558 ประเทศไทยมีความช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนเป็นอันดับ 3 ของโลก และปีล่าสุดกลายเป็นความเหลื่อมล้ำที่สุดในโลก และหากปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปก็จะย่ิงดำดิ่งลงเหว 5 ปีที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์แล้วว่าเผด็จการทำลายบ้านเมืองอย่างย่อยยับ เพราะฉะนั้นอย่าไปเลือกพรรคเผด็จการ ให้เลือกพรรคประชาธิปไตย เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคฝ่ายประชาธิปไตยทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า มีคนมุกดาหารเล่าให้ฟังว่าพรรคที่สนับสนุนทหารแจกเงินประชาชนจำนวนมาก เวลามาปราศรัยก็มีคนมาฟังเยอะ เพราะหลังจากปราศรัยจะไปแจกเงินถึงบ้าน พี่น้องหลายๆ จังหวัดในภาคอีสาน ตนเชื่อว่าเป็นเหมือนกัน คือเวลาใครเอาเงินมาให้ก็รับไว้ แต่เวลาเลือกตั้งจะกาพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ผู้สมัครบางคนหาเสียงเลยต้องหาเสียงโดยไม่บอกพรรค แต่ให้เลือกที่ตัวบุคคล เพราะตัวเองไปอยู่พรรคทหาร
แต่สำหรับจังหวัดร้อยเอ็ดตนเองรู้ดีว่าพรรคฝ่ายเผด็จการถ้าคิดจะใช้อำนาจและเอาเงินมาให้ จะต้องได้รับการสั่งสอนจากชาวร้อยเอ็ด เมื่อก่อนจะมีคนพูดว่าถ้าคิดจะซื้อเสียงให้ไปซื้อที่ภาคอีสาน เพราะเมื่อปี 2522 มีอดีตรัฐมนตรีมาลงสมัครรับเลือกตั้งและวางแผนการซื้อเสียงอย่างเป็นระบบ จึงเป็นที่มาของคำว่า ‘โรคร้อยเอ็ด’ แต่พอต่อมาเริ่มมีหลายพรรคการเมืองเข้ามาแข่งขันกันด้วยนโยบาย
ในปี 2544 เกิดพรรคไทยรักไทยที่เอานโยบายมาเสนอให้ชาวอีสาน ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น และนโยบายเหล่านั้นถูกใจคนอีสาน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำให้เข้าถึงราคาพืชผลการเกษตรที่ดี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ประชาชนจึงเลือกพรรคนี้อย่างถล่มทลายได้จัดตั้งรัฐบาล และไม่ทำให้ชาวอีสานทั่วประเทศผิดหวัง
ปี 2548 พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งถล่มทลาย และสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งไทย รวมทั้งประชาชนที่มาเลือกตั้งมากที่สุดคือคนอีสาน หลังจากนั้นจึงเป็นที่รู้กันไปทั่วว่าประชาชนที่ใส่ใจการเลือกตั้งมากที่สุดคือประชาชนชาวอีสาน ดังนั้นหากใครจะมาแจกเงินก็รับให้หมด แต่สุดท้ายแล้วชาวอีสานก็จะเลือกที่พรรค ว่าใครเป็นผ่านประชาธิปไตยหรือฝ่ายเผด็จการ
5 ปีที่ผ่านมาประชาชนเดือดร้อน ซึ่งบริหารโดย คสช. และหากให้บริหารต่อ คสช. ก็จะบริหารต่อไปอีก 20 ปี แถมกติกาในรัฐธรรมนูญก็ไม่เป็นธรรม ชาวร้อยเอ็ดทั้งจังหวัดเลือก ส.ส. ได้ 7 คน แต่พลเอก ประยุทธ์ คนเดียวเลือก ส.ว. ได้ถึง 250 คน และมีสิทธิมาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการไม่ไปลงคะแนนบ้าง แบ่งคะแนนไปให้คนโน้นคนนี้บ้าง ก็จะไม่ชนะการเลือกตั้ง แต่ต้องลงคะแนนเสียงกันอย่างถล่มทลาย เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา แม้จะมีการวางกติกาเพื่อป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองสายไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายพรรคพลังประชาชนก็ได้บริหารประเทศ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์อีกครั้ง ว่าชาวร้อยเอ็ดไม่เอาเผด็จการหวังสืบทอดอำนาจ เงินซื้อไม่ได้ และจะเลือกฝ่ายประชาธิปไตยเท่านั้น
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมาตนไม่ได้มาพูดคุยกับประชาชน เพราะมีทหารเข้ามารัฐประหารยึดอำนาจ ห้ามชุมนุมทางการเมือง ห้ามชูสามนิ้ว หรือบางคนแค่กินแซนด์วิชก็โดนจับ แต่วันนี้ได้มีโอกาสเข้ามาพูดคุยกับประชาชนแล้ว จึงอยากจะมาบอกให้ประชาชนฟังถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่าไม่ใช่แค่การเลือกผู้แทนเขตหรือพรรครัฐบาล แต่เป็นการเลือกอนาคตของประเทศ ถ้าเลือกการสืบทอดอำนาจก็จะยาวไปอีก 20 ปีตามยุทธศาสตร์ชาติ ที่ผ่านมาถ้าประชาชนอยู่ดีกินดี ค้าขายคล่อง เวทีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมี แต่ 5 ปีที่ผ่านมาพืชผลการเกษตรราคาตกทุกตัว
การเลือกตั้งคราวนี้คือการทำให้ประเทศไปสู่หลักการที่ถูกต้อง มีรัฐบาลที่ฟังเสียงจากประชาชนมาแก้ปัญหาให้ประชาชน รัฐบาลปัจจุบันไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่มี ส.ส. ในพื้นที่ มีแต่ สนช. ที่ พลเอก ประยุทธ์ เลือกมา งบประมาณของประเทศในแต่ละปีผ่านด้วยเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง เมื่อก่อนมีปัญหาก็ไปร้องเรียนกับผู้แทนประชาชน ถ้าไม่ดูแลสมัยหน้าก็ไม่เลือก ผู้แทนก็กลัวต้องรีบแก้ แต่สมัยนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่รู้จะไปร้องทุกข์ที่ไหน แล้วถ้าไปนายกรัฐมนตรีจะอารมณ์ดีหรือไม่ก็ไม่รู้
ดังนั้นผู้ที่จะไปออกกฎหมายต้องมาจากตัวแทนประชาชน เลือกตั้งครั้งนี้ตนจะไม่กาคะแนนให้เผด็จการ แต่จะเลือกฝั่งประชาธิปไตย รัฐบาลชุดนี้พอใกล้เลือกตั้งก็ประกาศจะแก้ปัญหาโน่นนี่ แต่ตนตั้งคำถามว่าแล้ว 4-5 ปีที่ผ่านมาทำไมไม่แก้ปัญหา และการสร้างรากฐานประชาธิปไตยก็ไม่ได้สร้างมาจากรอยล้อรถถัง ที่ผ่านมานักการเมืองหลายคนร่วมฝ่าฟันมาพร้อมกันกับตน แต่ก็ย้ายไปอยู่กับฝ่ายเผด็จการ แต่หลายคนก็ยังยืนยันที่จะสู้ด้วยกันต่อไป และถือเป็นการวัดใจนักการเมืองและวัดใจประชาชน ถ้าหากการเลือกตั้งครั้งนี้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง ส.ว. ก็จะต้องฟังเสียงของประชาชน
หลังจากนั้น ‘กลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย’ ปราศรัยอีก 2 เวทีที่อำเภอธวัชบุรี และวัดป่าทรงธรรม อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ส่วนในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปปราศรัยที่อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา เวลา 17.00 น. และวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม จะเดินทางไปปราศรัยที่ศาลากลาง จังหวัดฉะเชิงเทรา เวลา 17.00 น.
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์