(25 ก.พ.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงที่จังหวัดสุโขทัยว่า พรรคเพื่อไทยเห็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในภาคการเกษตร โดยเฉพาะที่จังหวัดสุโขทัยซึ่งปลูกข้าวและยาสูบ โดยที่ผ่านมารัฐบาลปรับลดการรับซื้อใบยาสูบลง 48% แต่ไม่มีมาตรการรองรับ ทำให้ผลกระทบตกอยู่ที่เกษตรกร เพราะปกติการปรับลดการรับซื้อราคาจะต้องเพิ่มขึ้น แต่กรณีของใบยาสูบราคากลับเท่าเดิม ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงอยากให้ทบทวนนโยบายยาสูบ โดยเฉพาะการนำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศ เพราะถือว่าเป็นการผลักภาระให้กับเกษตรกร นำบุหรี่จากนอกประเทศมาแข่งขันกับบุหรี่ไทย
ส่วนข้าวพรรคมีนโยบายที่เตรียมไว้แล้ว หลังจากนี้จะมีการแถลงเปิดตัวนโยบายภาคการเกษตร แต่เบื้องต้นจะทำให้ภาคการเกษตรของไทยมุ่งสู่การเป็นอาหารสุขภาพให้กับคนทั้งโลก
โดยจะปรับเปลี่ยนการผลิตหน้าดิน มีกองทุนปรับหน้าดินมุ่งสู่ออร์แกนิกอินทรีย์ จะพักชำระหนี้ 3 ปี เพื่อให้เกษตรกรตั้งตัวได้ เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน และมีนโยบายผลักดันราคาสินค้าการเกษตรแบบแม่นยำ โดยเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในลักษณะตัน หรือเกวียนละ 5,000 บาท ไม่เกิน 15 เกวียน จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ 75,000 บาทต่อราย และหากเป็นเกษตรกรรายเล็ก มีผลผลิตไม่เกิน 7 เกวียน จะได้เงินช่วยเหลือ 36,000 บาท เพื่อเตรียมการพัฒนาการผลิตให้สินค้ามีคุณภาพ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี
ขณะที่ภาพรวมยืนยันว่าจะผลักดันราคาสินค้าเกษตรให้ขึ้นอย่างน้อย 30% ภายใน 6 เดือน
นอกจากนี้จะมีการอบรมพัฒนาภาคการผลิต และหาตลาดจากต่างประเทศมารองรับ ขณะเดียวกันจะส่งเสริมกองทุนหมู่บ้านและวิสาหกิจชุมชนให้รับซื้อข้าวมาแปรรูปและขายในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ข้าวคุณภาพดีมาบริโภค
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย โดยเป็นคลิปเสียงพูดคุยทางโทรศัพท์อ้างว่า ให้เลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองหนึ่ง หากต้องการให้คงนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยระบุว่าพรรคได้รับการร้องเรียนเรื่องในลักษณะดังกล่าวมาต่อเนื่องและเกิดขึ้นในหลายจังหวัด ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่รับทราบการกระทำในลักษณะนี้ แต่เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองที่ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐก็รับทราบเช่นกัน ว่ามีพฤติกรรมของ ส.ส. จากพรรคการเมืองหนึ่งนำนโยบายของรัฐบาลมาใช้หาเสียง
“บางพื้นที่มีการเรียกให้ผลประโยชน์โควต้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 60,000 ใบ หากได้รับเลือกเป็น ส.ส. จึงอยากฝากไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อมีคลิปเสียงที่ชัดเจนก็ควรที่จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความหวังของประชาชนที่อยากเห็นโอกาสของประเทศเดินไปข้างหน้า ดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องสร้างความเชื่อมั่น” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐสามารถประชาสัมพันธ์โครงการของรัฐบาลได้ แต่ไม่ใช่การสัญญาว่าจะให้หรือนำงบประมาณของรัฐมาใช้ในลักษณะที่เข้าข่ายเป็นการซื้อเสียงผ่านโครงการของรัฐบาล ซึ่ง กกต. ต้องไปตรวจสอบสำหรับกรณีที่บางพรรคการเมืองโจมตีว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยจะกลับไปสู่ความขัดแย้งและเป็นเผด็จการรัฐสภานั้น ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะนำพาประเทศไปสู่ความสงบ ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคเคารพในหลักการประชาธิปไตย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดเผด็จการรัฐสภา และอยากตั้งข้อสังเกตถึงการหาเสียงของบางพรรคการเมืองว่า แม้จะบริหารประเทศมานาน แต่อาจไม่มีนโยบายที่จะสร้างแรงจูงใจให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก จึงนำเรื่องของความขัดแย้งมาใช้ในการหาเสียง เปรียบเสมือนกับการปลุกผีความขัดแย้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องก้าวข้าม ทั้งนี้ตนมองว่าเมื่อทุกฝ่ายอยากเห็นบ้านเมืองมีความปรองดอง ควรที่จะแข่งขันในการนำเสนอนโยบาย
“บางพรรคอาจไม่มีนโยบายขายให้กับประชาชนทั้งที่บริหารประเทศมานาน จึงปลุกผีเรื่องความขัดแย้งโดยเฉพาะคนพูดเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อยิ่งพูดยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก พรรคเพื่อไทยเราไม่สนใจเราไม่เล่นเกมนี้ด้วย เรามุ่งเสนอแต่นโยบายเพราะเราเห็นว่าควรที่จะยุติความขัดแย้งได้แล้ว ซึ่งคนที่พูดเรื่องนี้ปากก็บอกว่าอยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ แต่คำพูดกับการกระทำกลับตรงกันข้าม และตนอยากเชิญชวนพลเอก ประยุทธ์ มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการดีเบตของเวทีพรรคการเมือง เพราะในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องน่ายินดี และประชาชนจะได้ประโยชน์จากการนำเสนอแนวคิดของผู้นำแต่ละพรรค” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์