ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองวันนี้ (9 ก.พ.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่รับฟังปัญหาผู้ค้าเขตสายไหม พบการค้าขายฝืดเคือง กำลังซื้อหดหาย ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น ขอประชาชนอดทน พรรคเพื่อไทยเตรียมแนวทางแก้ปัญหาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 06.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และนาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ว่าที่ผู้สมัครหมายเลข 12 เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดวัดเกาะสุวรรณาราม ทักทายผู้ค้า พร้อมสอบถามปัญหาการค้าขายรวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค
จากการพูดคุยพบว่าผู้ค้าสะท้อนเรื่องยอดขายที่ตกลงตลอด 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำต่อเนื่อง ในส่วนของผู้บริโภคก็ลดกำลังซื้อตามรายได้ที่น้อยลง
ขณะที่ผู้ค้าบางรายสะท้อนว่าต้นทุนของสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้นมีผลต่อการค้า เนื่องจากต้องปรับราคาสินค้าหน้าร้านให้สอดคล้องกับราคาต้นทุน จากปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าในปริมาณที่น้อยลง
ประชาชนยังได้สะท้อนถึงปัญหายาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาสังคมที่หลายชุมชนแสดงความกังวล ขณะเดียวกันก็ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปปรับปรุงระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะขั้นตอนการส่งตัวระหว่างโรงพยาบาลและจำนวนโรงพยาบาลที่ต้องเพียงพอหรือสอดคล้องกับอัตราการเจ็บป่วย
จากตลาดวัดเกาะสุวรรณาราม ทีมงานพรรคเพื่อไทยเดินทางมารับฟังปัญหาจากผู้ค้าที่ตลาดวงศกร เขตสายไหม ตลอดเส้นทางที่ขึ้นรถกระบะ นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ ได้แนะนำตัวในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งเขตสายไหม พร้อมทักทายประชาชน โดยได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น ทั้งการโบกมือทักทาย ลดกระจกพูดคุย และขอถ่ายรูปตลอดเส้นทาง
เวลา 08.30 น. ที่ตลาดวงศกร นายชัชชาติ และนาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ เดินทักทายผู้ค้าเพื่อนำปัญหาไปสู่การแก้ไข ซึ่งปัญหาของผู้ค้าภายในตลาดวงศกรและตลาดวัดเกาะสุวรรณารามมีความคล้ายคลึงกัน ทั้งเรื่องราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น กำลังซื้อหดหาย จึงส่งผลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ทำให้การค้าขายฝืดเคือง
เมื่อได้รับฟังปัญหา นายชัชชาติขอให้ประชาชนรวมถึงผู้ค้าอดทนกับความลำบากที่เกิดขึ้น และหากมีโอกาสเข้าไปทำงาน ยืนยันว่าจะนำสิ่งที่พี่น้องเรียกร้องและสะท้อนทุกเรื่องไปสู่การแก้ไขให้เป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยวางแนวทางและยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ทั้งปัญหาการค้า ปัญหาภาคการเกษตร และปัญหา SMEs ไว้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะผลักดันผ่าน 6 กลไกสำคัญ ประกอบด้วย ไทยทำ ไทยทันสมัย ไทยเท่าเทียม ไทยเชื่อมไทย ไทยเชื่อมโลก และไทยยั่งยืน