เมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) ที่ตลาดนัดเซฟวัน จังหวัดนครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน, นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค, นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค, นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้อำนวยการพรรค และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานผู้สมัครภาคอีสาน ร่วมกันขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคหาเสียง ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมรับฟังกว่า 25,000 คน ขณะที่แกนนำเมื่อเดินเข้าสู่พื้นที่จัดงาน มีประชาชนจำนวนมากมอบพวงมาลัยดอกดาวเรืองเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของการให้กำลังใจและสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ทำให้แกนนำต้องใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงสามารถเดินขึ้นสู่เวทีปราศรัยได้
นายอุตตม กล่าวว่า 10 ปีที่ผ่านมามีแต่ความขัดแย้ง แก่งแย่งชิงอำนาจ รัฐบาลเหล่านั้นแทบไม่มีเวลาทำงานเพื่อประชาชน พรรคพลังประชารัฐจึงตั้งใจเข้ามาเพื่อนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ด้วยการนำเสนอผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งในจังหวัดนครราชสีมาและทั่วประเทศ ที่จะเข้าไปทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในรัฐสภา พรรคเรามีนโยบายที่ตอบโจทย์ มีผู้นำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เราจึงขอโอกาสอาสาพาประเทศ พี่น้องคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง มองไปข้างหน้าสู่อนาคตที่สดใส ประเทศเราสงบมาแล้ว 5 ปี ทำมาหากินได้ บ้านเมืองเดินหน้าได้ วันนี้พรรคมาเสนอตัวในการร่วมกันเดินหน้า เราไม่ตีกับใคร แต่ใครจะตีเรามากไม่ได้ เพราะพี่น้องประชาชนอยู่กับเรา พรรคพลังประชารัฐมาทำงานเพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมานาน แก้ตรงจุด ทำได้จริง และทำได้ทันที ที่สำคัญพรรคเราจะเปลี่ยนโคราชไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
“เราต้องการผู้นำที่สามารถนำพาประเทศในห้วงเปลี่ยนผ่านประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญคือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นคนโคราช แต่วันนี้มีวาทกรรมที่พูดกันมากคือ พวกเรามาเพื่อสืบต่ออำนาจ ทั้งที่เราไม่มีสี ไม่มีขั้ว เรามีขั้วเดียวคือ ขั้วคนไทย เราจะสืบทอดอะไร สิ่งที่เราจะสืบทอดมีเพียงอย่างเดียวคือ สืบทอดความสงบ เพื่อนำพาบ้านเมืองไปต่อ” นายอุตตมกล่าว
ด้าน นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐเสียใจที่สุดที่พา พล.อ. ประยุทธ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคมายืนบนเวทีนี้ มาพบพี่น้องชาวโคราช ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่านไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมให้มา แต่ท่านนายกฯ บอกไม่เป็นไร ให้พวกผมมาแทน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คือการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของประเทศ เนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองติดหล่ม เกิดการแบ่งแยก แบ่งสี แบ่งฝ่าย ดังนั้นวันนี้สิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องตัดสินใจคือ ต้องเลือกไม่ให้บ้านเมืองกลับไปเหมือนเดิม เนื่องจากหากขัดแย้งนโยบายอะไรก็เดินหน้าต่อไม่ได้ หากอยากเห็น พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อยากเห็นประเทศเดินหน้าต่อ พวกเราอาสาทำให้ แต่ชาวโคราชก็ต้องร่วมพาประเทศก้าวข้ามไปด้วยกัน โดยเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 14 เขต
“วันนี้มีแกนนำตั้งสามขั้วคือ พรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศเอาคนโคราชอย่าง พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคที่ 2 คือพรรคที่ถูกครอบงำ ไม่รู้ใครเป็นหัวหน้าตัวจริง ซึ่งตนไม่ขอพูดถึง และอีกพรรคคือ ประชาธิปัตย์ ที่ล่าสุดประกาศไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้จึงมาถึงจุดที่พวกเราต้องช่วยกัน เพราะหากบ้านเมืองเป็นสามขั้วแบบนี้ หลังเลือกตั้งประเทศคงเดินต่อไม่ได้ ซึ่งพรรคเราไม่ปรารถนา เนื่องจากประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องเห็นแก่ประชาชน วันนี้ผมจึงวิงวอนว่า อย่าให้ใครเอาเราเป็นเครื่องมือ อย่าให้ใครมาหลอกเราอีก ขอพี่น้องพาประเทศไทยไปกับพรรคพลังประชารัฐ เลือกลุงตู่เป็นนายกฯ เลือกพลังประชารัฐทั้งจังหวัด” นายสนธิรัตน์กล่าว
ขณะที่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้ส่งตนเองมาฝังตัวที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นเดือน เพราะเห็นความสำคัญของโคราช ที่ต้องการทำให้โคราชดีกว่านี้ รวมถึงโคราชเป็นบ้านเกิดของ พล.อ. ประยุทธ์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นลูกหลานย่าโม โดยวันนี้ พล.อ. ประยุทธ์ อยากเดินทางมาด้วยตัวเองแต่ไม่สามารถมาได้ จึงส่งอดีต 4 รัฐมนตรีมาพบกับประชาชน พร้อมเขียนกลอนมาฝากด้วยตัวเอง ซึ่งกลอนมีชื่อว่า พลังประชารัฐ
โดยนายสุวิทย์ได้อ่านกลอนที่ พล.อ. ประยุทธ์ เขียนมาฝากชาวโคราชว่า
“จากใจ ถึงใจ ไทยทุกผู้
เรารวมอยู่ เป็นชาติ นานนักหนา
ทั้งบ้านเรือน ก่อสร้าง พัฒนา
เพื่อวันนี้ วันหน้า เชื่อมโยงกัน
“อยากจะให้ มีใคร จิตอาสา
ประชารัฐ พัฒนา อย่างสร้างสรรค์
ทั้งคนรวย รายได้น้อย คอยช่วยกัน
สร้างสวรรค์ แผ่นดินทอง พี่น้องไทย
“อย่ายอมให้ คนพาล มาผลาญชาติ
ป่าวประกาศ ศักดิ์ศรี ที่ไหนไหน
ให้โลกรู้ แผ่นดินนี้ มีคนไทย
ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่า พร้อมยอมพลี
“หวังเพียงให้ เกิดพัฒนา นำพาชาติ
กวาดบ้านเมือง ให้สะอาด เกิดสุขขี
เราจะพร้อม ยอมตาย สามัคคี
แผ่นดินนี้ พลังประชารัฐ รวมคนไทย”
ด้าน นายสุริยะ ที่เชิญชวนให้ประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล พร้อมประกาศปลดหนี้ให้กับประชาชนที่เป็นหนี้กองทุนหมู่บ้าน ผ่านนโยบายของพรรคพลังประชารัฐคือ พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนผ่านการตั้งกองทุนประชารัฐหมู่บ้านละ 2 ล้านบาท พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ต้องกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งเพราะเห็นความยากจนของประชาชน ที่สำคัญ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาขอให้ช่วยกันทำงานเพื่อประเทศ เพราะ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นคนดี ตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ
ขณะที่ นายอนุชา ขึ้นปราศรัยต่อว่า ตนรู้ถึงหัวใจของประชาชนส่วนใหญ่ และชาวนาของประเทศที่ลำบากเพราะเป็นหนี้ ไม่ว่าผ่านมากี่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทุกวันนี้มีแต่คนพูดถึงการสืบทอดอำนาจ แต่ไม่เคยพูดถึงความกินดีอยู่ดีและการปลดหนี้ให้ประชาชน ทั้งที่เงินบาทแรกที่หมุนเวียนและเป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจในประเทศคือเงินของเกษตรกร ดังนั้นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐตกผลึกเพื่อช่วยแก้ปัญหาคือ เริ่มจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ ต่อจากนั้นคือการการันตีราคาพืชผลและเติมเงินให้เกษตรกร โดยราคาอ้อยต้องไม่ต่ำกว่า 1,200 บาท และราคายางไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 65 บาท การันตีราคาข้าว 2,000 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ ขณะที่การปลูกข้าวจะเติมเงินให้ 1,500 บาทต่อไร่ ทั้งนี้พวกเราตั้งใจและสู้ตาย เพื่อทำงานให้ประชาชนทั้งประเทศหายจากความยากจน เราจะไม่เข้าสู่การเมืองเพื่อแสวงหาอำนาจหรือสร้างความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง
ส่วน นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองก็เป็นชาวโคราช เพราะครอบครัวเป็นคนโคราช รวมถึงตนก็เคยบวชแถวนี้ จึงมาขอเสียงชาวโคราช และถึงแม้ พล.อ. ประยุทธ์ จะไม่ได้มา แต่ก็ได้ยินเสียงประชาชน ขณะเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐ เริ่มมาเป็นระยะเวลา 4 เดือน แต่ทุกโพลคะแนนไม่ลำดับ 1 ก็ลำดับ 2 เพราะมีนโยบายต่างๆ ที่ตอบโจทย์ประชาชน อาทิ บัตรประชารัฐ พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 5 ปี มารดาประชารัฐ สปก. 4.0 ช่วยค่าเก็บเกี่ยวข้าว รวมถึงจากนี้จะช่วยคนจนที่ไม่มีบ้านด้วยการเดินหน้าบ้านล้านหลัง บ้านมั่นคง บ้านพอเพียง
ภาพ: PR พรรค
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า