พรรคอนาคตใหม่ยืนยันการเลือกตั้งครั้งนี้ต้องดำเนินไปอย่างเสรีและมีความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ธนาธรเชื่อ เป็นการเซตซีโร่ทางการเมือง ปัดไม่เคยพูดคุยกับพรรคใดหรือฝ่ายใด กรณีร่วมจัดตั้งรัฐบาล
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค พร้อมสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ได้จัดงานแถลงข่าวที่อาคารไทยซัมมิต ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ เพื่อแถลงจุดยืนต่อกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐและพรรคไทยรักษาชาติ
โดยทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ยืนยันว่า จุดยืนสำคัญของพรรค 3 ประการ คือ การยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช. แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งฉบับ และลบล้างผลพวงจากรัฐประหาร การจะร่วมงานกับพรรคการเมืองใดในการจัดตั้งรัฐบาล จะขึ้นอยู่กับหลักการทั้ง 3 ข้อนี้
นายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวว่า เรายังไม่ทราบว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร แต่ด้วยจุดยืนที่มั่นคงในทางประชาธิปไตย นโยบายที่มุ่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างทั้งระบบ เรามั่นใจว่าจะได้รับเสียงในสภาผู้แทนราษฎร และยืนยันว่า จะเสนอชื่อของ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยจุดยืนที่มั่นคงทางประชาธิปไตย
ต่อกรณีที่พรรคไทยรักษาชาติได้เสนอชื่อ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ มหิดล เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครายชื่อเดียว พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า การแข่งขันในการเลือกตั้งจะต้องมีความเป็นเสรีและเป็นธรรม ต้องมีความเท่าเทียม บุคคลใดก็ตามที่เสนอตัวเข้ามาสู่แวดวงการเมืองจะต้องถูกการอภิปราย โต้แย้ง ถกเถียงเป็นเรื่องปกติในทางประชาธิปไตย
“ด้านหนึ่งเองก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีว่า ทางทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ก็ออกมาโพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า ท่านไม่นิยมชมชอบกับระบอบอภิสิทธิ์ ในด้านนี้ก็แสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสที่จะแข่งขันกันอย่างเสรีและเป็นธรรม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกคนจำเป็นต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์และอภิปรายโต้แย้งทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เนื่องจากเป็นการเข้าสู่การแข่งขันแบบประชาธิปไตย
“สิ่งที่เราต้องการเห็นคือ การที่แคนดิเดตทุกคนควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งต่อหน้ากฎหมายและประชาชน การวิพากษ์วิจารณ์แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทุกคนได้อย่างเท่าเทียม คือเรื่องปกติของการเลือกตั้งและการแข่งขันภายใต้กติกาที่เท่าเทียมกัน”
ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แสดงความเห็นในประเด็นเดียวกันนี้ว่า เปรียบเสมือนการเซตซีโร่ สีเสื้อทางการเมืองในอดีตที่ผ่านมาไม่สามารถใช้อธิบายความขัดเแย้งในสังคมไทยได้อีกต่อไป ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เลือกข้างทางการเมืองใหม่ที่แตกต่างจากการเลือกข้างครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะมีพรรคอนาคตใหม่
“ผมเชื่อว่า ใครก็ตามที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ก็มีสิทธิ์เข้าสู่การเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ทั้งนั้น”
นอกจากนี้ นายธนาธรยังเปิดเผยอีกด้วยว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่เชื่อว่า ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน สามารถสร้างได้โดยการพูดคุยต่อรองระหว่างกลุ่มชนชั้นนำเพียงอย่างเดียว
“เราเชื่อว่า ประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน จะต้องมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างร่วมกัน ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์หลายครั้งแล้วว่า การพูดคุยต่อรองระหว่างกลุ่มชนชั้นนำ ทำให้ประชาธิปไตยไม่ยั่งยืน
“ผมยืนยันเสมอว่า ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมาในปีที่แล้วจนถึงวันนี้ เราไม่เคยมีการเจรจาต่อรองใดๆ กับ คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณทักษิณ ชินวัตร คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ เราเรียกร้องผ่านจุดยืนทางการเมืองของเรามาตลอด จุดยืนทางการเมืองจะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะร่วมงานกับใคร”
ด้านปิยบุตรกล่าวทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้งจะเป็นการเลือกตั้งที่ส่งผลได้อย่างแท้จริง และมองประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ได้เกิดหลังจากการเจรจารัฐบาล ไม่ควรมีการพูดคุยเรื่องการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลก่อน เพราะนั่นหมายความว่ากำลังดูถูกประชาชน
สำหรับรายละเอียดในแถลงการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ มีใจความสำคัญ ดังนี้
1. เรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพราะการดำรงตำแหน่งนายกฯ และหัวหน้า คสช. พร้อมกับเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน และส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินไปได้โดยเสรีและเป็นธรรม
2. ยืนยันเสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคอนาคตใหม่ เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันในข้อเสนอทางการเมือง 3 ข้อ ได้แก่ (1) หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. (2) แก้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ทั้งฉบับ และ (3) ลบล้างผลพวงรัฐประหาร
3. พรรคการเมืองที่ยืนหยัดกับหลักการประชาธิปไตย จะต้องยึดถือหลักการนายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.
4. เรียกร้องให้การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องดำเนินไปอย่างเสรี เป็นธรรม และแข่งขันกันอย่างเสมอภาคเท่าเทียม บุคคล สื่อมวลชน ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพรรคการเมืองทุกพรรค ต้องมีเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคขัดขวางในทางกฎหมายและในทางประเพณีค่านิยม เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นกระบวนการสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย
5. ยืนยันว่า หากพรรคอนาคตใหม่ได้เสียงข้างมากเพียงพอ ก็พร้อมเป็นรัฐบาล และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากเกิดกรณีจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่รวบรวมทุกพรรคการเมืองเข้าด้วยกัน ก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน เพราะประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาจำเป็นต้องมีฝ่ายค้านที่คอยตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลด้วย
ภาพ: พรรคอนาคตใหม่
