วันนี้ (11 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงจุดยืนทางการเมือง ตอบคำถามเพื่อให้เกิดความชัดเจนหลังแสดงจุดยืนผ่านวิดีโอคลิป 2 ตัวคือ “ไม่ยอมให้พรรคที่ทุจริตมานำประเทศ” และ “ไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี”
นายอภิสิทธิ์ ออกตัวว่า ได้ติดตามกระแสและคำถามหลังประกาศจุดยืนออกไป โดยรวบรวมมาได้เป็น 5 ประเด็นหลักคือ 1. จุดยืนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของตนหรือไม่ 2. ทำไมต้องมาพูดเรื่องนี้ 3. ทำไมจึงมาพูดตอนนี้ และการพูดแบบนี้จะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง-แบ่งขั้วหรือไม่ 4. หลังการเลือกตั้งจะจัดตั้งรัฐบาลกันได้อย่างไร-จะร่วมกับใครบ้าง และ 5. ถ้าไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่กลัวหรือว่าจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้ง
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ไล่เลียงตอบคำถามที่เตรียมมาเองทีละประเด็น ดังนี้
1. จุดยืนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของตนหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “การพูดของผมเป็นการพูดในฐานะหัวหน้าพรรค และเป็นไปตามอุดมการณ์พรรค เพราะฉะนั้นไม่ควรจะมีคำถามว่าเป็นจุดยืนของพรรคหรือไม่
“แน่นอนถ้าไปดูข้อบังคับ เรื่องนี้ในที่สุดมันต้องมีมติพรรค แต่โดยสถานการณ์มติพรรคไม่สามารถเกิดขึ้นช่วงนี้ได้ เพราะต้องรอการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว แต่ยืนยันว่าการพูดเมื่อวานนี้ (ไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี) เป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์”
2. ทำไมต้องมาพูดเรื่องนี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นอกจากประเด็นอุดมการณ์ของพรรค เราคิดว่าเป็นสิทธิ์ของผู้เลือกตั้งที่จะได้ทราบถึงจุดยืนของแต่ละพรรคการเมืองอย่างชัดเจน
ไม่ใช่ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปสนับสนุนพรรคการเมืองใดบนความเข้าใจแบบหนึ่ง และสุดท้ายเมื่อพรรคนั้นได้รับเลือกตั้งเข้าไปแล้วกลับไม่ได้ทำตามที่เขาเข้าใจหรือที่คิดไว้
“สำหรับผมนี่คือการเมืองที่ต้องการให้เกิดขึ้น คือการเมืองที่ตรงไปตรงมา ถ้าสิ่งที่ผมประกาศมีผลทำให้เสียคะแนน ผมก็ยินดี เพราะผมคิดว่ามันคือความเป็นธรรมสำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง”
3. ทำไมจึงมาพูดตอนนี้ และการพูดแบบนี้จะนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง-แบ่งขั้วหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า “ผมและพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมานานแล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนมี 3 ทางเลือก ซึ่งมีจุดยืนและแนวความคิดที่แตกต่างกันชัดเจน ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยอยากพูดเรื่องพวกนี้ เพราะคิดว่าเรามีความชัดเจนอยู่ในตัวอยู่แล้ว และการให้สัมภาษณ์ทุกครั้งก็อยู่บนหลักการนี้มาตลอด และต้องการให้การเลือกตั้งแข่งกันนำเสนอนโยบายเป็นหลัก”
แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่า ในเวทีต่างๆ ที่องค์กรหรือสื่อมวลชนจัด พรรคการเมืองได้นำเสนอนโยบายอยู่ไม่กี่นาที สุดท้ายก็วนเวียนอยู่กับเรื่องแบบนี้ สุดท้ายประชาชนเสียโอกาสไปเยอะในการที่จะได้รับทราบและเปรียบเทียบนโยบาย ตนจึงต้องการแสดงความชัดเจนตรงนี้ จะได้ไม่ต้องถามกันอีก
นายอภิสิทธิ์ยืนยันการประกาศไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งใดๆ เพิ่มเติม เพราะจุดยืนที่แตกต่างกันทางการเมืองถือเป็นเรื่องปกติ
4. หลังการเลือกตั้งจะจัดตั้งรัฐบาลกันได้อย่างไร-จะร่วมกับใครบ้าง
นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ตนได้ยืนยันไปแล้วว่า ขณะนี้ประชาธิปัตย์มุ่งสู่การเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
“เราจะต้องจัดตั้งรัฐบาลบนพื้นฐานของอุดมการณ์และนโยบาย และสิ่งที่ผมแสดงเป็นจุดยืนออกไป 2 ครั้งก็ชัดเจนว่าเราจะตั้งรัฐบาลที่ไม่มีการทุจริตและไม่มีการสืบทอดอำนาจ ส่วนการประกาศเช่นนี้แล้วจะมีพรรคการเมืองใดบ้าง
“ส่วนหนึ่งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องดูผลการเลือกตั้ง และในฐานะที่ประกาศตัวจะเป็นแกนนำรัฐบาลและหัวหน้ารัฐบาล ผมยืนยันว่าผมไม่ยอมที่จะเอาใครมาร่วมและทำให้รัฐบาลนั้นทุจริตหรือสืบทอดอำนาจ
“ผมทราบดีว่าประกาศแบบนี้ก็มีปฏิกิริยาจากอีก 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็กลับไปสู่วาทกรรมเดิม หรือสร้างการบังคับการเลือกข้างเดิม ทำนองว่าถ้าไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ แปลว่าจะต้องไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย
“เมื่อวานนี้ก็ทราบว่าก็มีการปราศรัยทำนองนี้กันอยู่จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งผมก็บอกว่าให้กลับไปดูคลิปแรก ผมก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเงื่อนไขที่พูดมาตลอดเกี่ยวกับปัญหาการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยคือ ตราบเท่าที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถออกมาจากการครอบงำของคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีผลประโยชน์ที่ขัดกับผลประโยชน์ของประเทศ ประชาธิปัตย์ก็ไม่สามารถร่วมงานด้วยได้ และถึงนาทีนี้ผมยังไม่เห็นสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า “อีกด้านหนึ่งผมก็ไม่ไปตกหลุมพรางเครือข่ายของพรรคคุณทักษิณ ที่พยายามจะบีบเพื่อที่จะไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
“มีความพยายามที่จะต้องมาถามต่ออีก เป็นเงื่อนไขใหม่นะครับ ตกลงร่วมกับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ ผมก็ตอบ ผมก็ชัดนะว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐจะคิดสืบทอดอำนาจ ประชาธิปัตย์ก็ไม่ร่วมด้วย
“ผมยังแปลกใจว่าพอตอบแบบนี้ ก็มีกองเชียร์ที่บอกว่าตอบไม่ชัด ผมก็ขออนุญาตเปรียบเทียบกับคำตอบที่พรรคอนาคตใหม่ขึ้นเวทีดีเบตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อถูกถามว่าจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐได้ไหม
“พรรคอนาคตใหม่ตอบว่า ถ้าพลังประชารัฐจะบอกว่าโอเค เราไม่เอาแล้วสืบทอดอำนาจ คสช. ไม่เอาแล้ว พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เรายังร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐได้เลย
“ทำไมเวลาผมพูดบอกไม่ตอบ ทำไมเวลาผมพูดบอกว่ากั๊ก ถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็มีอนาคตใหม่เป็นเพื่อน”
นายอภิสิทธ์ ย้ำว่า วันนี้ประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และทุกคนมั่นใจได้ว่าเป้าหมายของเราคือการนำไปสู่รัฐบาลที่ไม่ทุจริตและไม่สืบทอดอำนาจ
และ 5. ถ้าไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่กลัวหรือว่าจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้ง
นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า “สถานการณ์หลังการเลือกตั้ง ชอบถามกันว่า จะเอาอยู่ไหม ผมเรียนว่า สถานการณ์วันนี้หลังคนไทยทั้งประเทศผ่านประสบการณ์ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผมว่าเกือบทุกฝ่ายเรียนรู้และยืนยันแล้วว่าไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์ความวุ่นวาย ผมเองก็เรียนรู้และมีประสบการณ์จากการทำงานครั้งที่ผ่านมา ก็รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไรกรณีมีปัญหาเกิดความวุ่นวาย และผมก็ประกาศชัดไปแล้วว่าไม่เกรงใจใคร”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าส่วนตัวไม่มีปัญหากับ พล.อ. ประยุทธ์ และค่อนข้างผูกพันกันตั้งแต่ตอนที่ตัวเองเป็นรัฐบาล แต่การตัดสินใจวันนี้ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ประเทศในระยะยาว เพราะเล็งเห็นว่าเงื่อนไขนำไปสู่ความขัดแย้งมากสุดคือการสืบทอดอำนาจ พล.อ. ประยุทธ์ จึงกลายเป็นศูนย์กลางความขัดแย้ง
“ผมออกมาประกาศไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ผมไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับท่าน ผมค่อนข้างที่จะมีความผูกพันส่วนตัวกับท่าน เพราะทำงานมาด้วยกันในช่วงที่ยากลำบาก และก็ขอบคุณท่านเสมอในงานที่ท่านช่วยทำแก้ปัญหาตอนที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์รวมเสียง ส.ส. จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ และพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ประชาธิปัตย์พร้อมเป็นฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่าหลังประกาศไม่สนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวติดตลกว่า “กระแสตอบรับดีมาก เฟซบุ๊กผมมีคนมากดไลก์มากกว่าทุกครั้งที่เคยมี”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า