- ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มกลับมาสดใส หุ้นสหรัฐฯ ทำ ‘นิวไฮ’ หลัง อย. สหรัฐฯ ไฟเขียนวัคซีน Pfizer สามารถใช้งานได้เต็มรูปแบบ นักลงทุนคาดหวัง Fed ไม่รีบลด QE
- กลยุทธ์การลงทุนยังเน้น Defensive รอซื้อเมื่ออ่อนตัว ทั้งนี้ ยังคงแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุนในหุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจและหุ้นพลังงาน ที่ราคาฟื้นตัวแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- กองทุนรวมกรุงศรีตราสารเพิ่มทรัพย์ (KFSPLUS) นับเป็นอีกทางเลือกน่าสนใจลงทุน หลัง สคฝ. ลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท
- SCB CIO ลดน้ำหนักหุ้นไทย และหุ้นจีน H-share เหลือระดับเกือบต่ำสุด โดยหุ้นไทยโดนแรงกดดันจากโควิด ที่ทำเศรษฐกิจทรุดตัวหนัก แนวโน้มกำไร บจ. อาจต่ำลง ส่วนจีนยังเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนด้าน Regulation ยังสูง
สัปดาห์ที่ผ่านมา ‘ตลาดหุ้น’ เริ่มกลับมาสดใส โดยหุ้นสหรัฐฯ ทำ ‘นิวไฮ’ หลัง อย. สหรัฐฯ อนุมัติให้วัคซีน Pfizer สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงนักลงทุนบางส่วนมีความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจจะยังไม่รีบประกาศลดทอน QE สำหรับตลาดหุ้นไทยฟื้นแรงจากความหวังการคลายล็อกดาวน์ในบางธุรกิจ
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) เชื่อว่านโยบายการเงินของ Fed ในที่สุดจะตึงตัว ด้านความเสี่ยงเงินเฟ้อยังคงสูงในปี 2021 การระบาดของ Delta Variant ในภาพรวมทั่วโลกคาดว่าจะดีขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 4 ปี 2021 (ส่วนความเสี่ยงเรื่องการกลายพันธุ์ยังมีความไม่แน่นอน)
ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศต้องติดตามใกล้ชิดขึ้น ดังนั้น ยังคงแนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยง และเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี
นัยต่อตลาดการเงิน SCBS ประเมินว่า ตลาดการเงินได้เตรียมพร้อมสำหรับการลดทอน QE ไประดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น คาดว่าผลการประชุมจะไม่กระทบต่อตลาดการเงินอย่างมีนัยสำคัญ โดยเชื่อว่าสินทรัพย์เสี่ยงในสัปดาห์หน้ามีโอกาสพักตัว หลังจากฟื้นตัวแรงมากในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญมาจากตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
กลยุทธ์ลงทุน ยังเน้น Defensive
SCBS ยังแนะนำกลยุทธ์ Defensive โดยรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ทั้งนี้ ยังคงแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุนในหุ้นวัฏจักรเศรษฐกิจและหุ้นพลังงาน ที่ราคาฟื้นตัวแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับตลาดหุ้นไทย แม้ฟื้นตัวแรงเกินคาด แต่ประเมินว่า Upside จำกัด แนะนำ ลดน้ำหนักการลงทุน และระมัดระวังหุ้น Reopening และพลังงาน ที่ราคาฟื้นตัว
แรง โดยยังคงเน้นการลงทุนในหุ้น Defensive ที่มีการเติบโตดีในช่วงครึ่งหลังปี 2021 ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้น 1.3% ได้รับแรงหนุนจาก
- FDA อนุมัติใช้วัคซีน Pfizer เต็มรูปแบบ
- ผลประกอบการของกลุ่ม Consumer ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่คาด
- ราคาน้ำมันฟื้นตัวแรง จากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์
- ความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นทางการคลังของสหรัฐฯ ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอตัวลงและต่ำกว่าที่คาด
สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานปรับเพิ่มขึ้น 4.2% ตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวแรง ในขณะที่หุ้นกลุ่ม Healthcare Utilities Consumer Staples ปรับลดลง 1-2% ตามแรงขายทำกำไร
ส่วนประเด็น QE Tapering และตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้ความเสี่ยง
ในภาพรวมยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่การคลายล็อกดาวน์ในบางธุรกิจ
และกิจกรรมภายในประเทศคาดว่าจะยังคงมีข้อจำกัด เพราะการระบาดใน
ประเทศยังอยู่ในระดับที่สูง
นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงในเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2021 ที่รออยู่ เนื่องจากเราคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เบื้องต้น Consensus ประเมินว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังปี 2021 จะลดลง 31% จากครึ่งปีแรก
ส่วนหุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ คือ บมจ.ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (IIG) เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีในไทย โดยบริการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM), วางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP), วางแผนกลยุทธ์แบรนด์ บริหารประสบการณ์ลูกค้า (CEM), ให้เช่าระบบซอฟต์แวร์ Salesforce, ตัวแทนจําหน่ายซอฟต์แวร์ Oracle
นอกจากนี้ช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ากำไรของบริษัทจะเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจ ERP บน Cloud หลังสถานการณ์โควิดในไทยยังยืดเยื้อ โดยคาดปีนี้รายได้มีโอกาสสูงกว่าเป้าหมาย 650-700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20-25%YoY และปีหน้าคาดรายได้เพิ่มแตะระดับ 1 พันล้านบาท มองเป็น Growth Stock ที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโตชัดเจน
SCBS ประเมินด้วยว่า ในช่วง 3 ปีนี้ (2021-2023) คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 30% ทั้งนี้ ประเมินกรอบราคาเป้าหมายปี 2022 อยู่ที่หุ้นละ 27-33 บาท อิงอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (PER) ที่ 25-30 เท่า
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้
- ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ได้แก่ การจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) และอัตราการว่างงาน
- การประกาศดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ยุโรป และจีน
- ติดตามสถานการณ์โควิดในประเทศไทย ภายหลังจาก ศบค. เตรียมผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มระยะที่ 1 ในวันที่ 1 กันยายนนี้
วงเงินคุ้มครองเงินฝากลดเหลือ 1 ล้านบาท ส่วนที่เกินลงกองทุนอะไรดี?
ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564 สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงมาเหลือ 1 ล้านบาท หากต้องการกระจายความมั่งคั่ง และลงทุนในกองทุนที่มีความมั่นคง มีสภาพคล่องสูง ได้ผลตอบแทนมากกว่าบัญชีออมทรัพย์ กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นอย่าง กองทุนรวมกรุงศรีตราสารเพิ่มทรัพย์ (KFSPLUS) จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับกองทุนนี้ ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นภาครัฐ สถาบันการเงิน หรือเอกชนที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทนดี โดยกองทุนสามารถลงทุนตราสารหนี้ เงินฝาก หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด หรือให้ความเห็นชอบให้ลงทุนได้ โดยไม่มีนโยบายจ่ายปันผล
มุมมองการลงทุนต่อตลาดต่างๆ โดย SCB CIO
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว
ความน่าสนใจระดับ: 4
โดยตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว ยังได้รับแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย ความคืบหน้าการฉีดวัคซีน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้น จากความกังวลผลกระทบการระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์เดลตาต่อเศรษฐกิจ การเกิด Sector Rotation และแนวโน้มของ Fed ที่จะส่งสัญญาณปรับลดวงเงิน QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด
กองทุนแนะนำ
- Krungsri Global Brands Equity Fund หรือ KFGBRAND-A
กองทุน KFGBRAND-A ลงทุนในกองทุน Morgan Stanley Investment Funds-Global Brands Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่คัดเลือกหุ้นของบริษัทต่างๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ที่มีคุณภาพสูง มีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่แข็งแกร่ง ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยอำนาจการต่อรองด้านราคา ความสำเร็จ และยากที่จะลอกเลียนแบบของสินทรัพย์ไม่มีตัวตน อาทิ แบรนด์สินค้า
- SCB Global Experts Fund หรือ SCBGEX(A)
กองทุน SCBGEX(A) เป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ลงทุนในสไตล์ Core-Satellite Portfolio คัดเลือกกองทุนโดย บล.ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ โดยกองทุนหลัก (Core) ลงทุนในกองทุน Julius Baer Global Excellence Equity เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโต และกำไรสูง และกองทุนเสริม (Satellite) ในหุ้นธีมเมกะเทรนด์หลักของโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความน่าสนใจระดับ: 4
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าของการผ่านร่างงบประมาณ (Budget Resolution) มูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ และร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infra Bill) มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2 ปี 2021 ส่วนใหญ่ออกมาแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ยังคงแนะนำสัดส่วนถือครองหุ้นสไตล์ Growth อยู่ที่ 60% / หุ้นสไตล์ Value และ Defensive ที่ 40%
กองทุนแนะนำ
- SCB Semiconductor Fund หรือ SCBSEMI(A)
กองทุน SCBSEMI(A) ลงทุนในกองทุน VanEck Vectors Semiconductor UCITS ETF ซึ่งจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ London Stock Exchange ซึ่งลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ รวมถึงหุ้นต่างประเทศที่จดทะเบียนซื้อขายที่สหรัฐฯ (ADR) ในหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรม Semiconductor
ตลาดหุ้นยุโรป
ความน่าสนใจระดับ: 4
ผลประกอบการ บจ. ในตลาดหุ้นยุโรปช่วงไตรมาส 2 ปี 2021 ออกมาดีกว่าคาด นำโดยหุ้นกลุ่ม Value/Cyclical ที่งบบริษัทออกมาโดดเด่นในทุกอุตสาหกรรมจะช่วยหนุนการปรับขึ้นของดัชนีฯ การฉีดวัคซีนที่ต่อเนื่อง และแผนการเปิดประเทศจะช่วยหนุน Sentiment ตลาด
นอกจากนี้ นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม Fit for 55 ล่าสุดของสหภาพยุโรปที่มุ่งเป้าลดการปล่อยก๊าซให้ได้อย่างน้อย 55 ภายในปี 2030 และการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มยังไม่ส่งสัญญาณ QE Taper ชัดเท่า Fed และ EU Bond Yield ในระดับต่ำยังเป็นปัจจัยบวกต่อเนื่อง
กองทุนแนะนำ
- MFC Continental European Equity Fund หรือ MEURO
กองทุน MEURO ลงทุนในกองทุน BGF Continental European Flexible Fund ซึ่งลงทุนในหุ้นยุโรปภาคพื้น (ไม่รวมสหราชอาณาจักร) โดดเด่นในการสร้างผลตอบแทนย้อนหลัง รวมทั้งลงทุนแบบยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุนและขนาดของหุ้นได้ตามสภาวะตลาด
ตลาดหุ้นจีน H-share
ความน่าสนใจระดับ: 2
SCB CIO ได้ลดน้ำหนักความน่าสนใจในตลาดหุ้นจีน H-share ลงมาเหลือระดับ 2 เนื่องจากความไม่แน่นอนด้าน Regulation ยังสูง จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของทางการจีนตามแผนปฏิรูปเศรษฐกิจและธุรกิจ ที่สอดรับกับแนวคิด Common Prosperity จะยังเป็นปัจจัยกดดันความสามารถในการทำกำไร Valuation และผลประกอบการของบริษัทเทคฯ รวมทั้ง Platform รายใหญ่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคาดว่ายังคงส่งผลกระทบเชิงลบต่อเนื่องในปีนี้
นอกจากนี้ ข้อพิพาทระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ยังมีอยู่ ทั้งในด้านการค้า เทคโนโลยี และกฎระเบียบทางการเงิน รวมทั้งความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติบนหุ้นกลุ่ม Offshore Internet ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า จะเป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีฯ ต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นจีน A-share
ความน่าสนใจระดับ: 3
ส่วนตลาดหุ้นจีน A-share ยังมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางจีน(PBoC) มีแนวโน้มการผ่อนคลายทางการเงินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ผ่านการปรับลดอัตราการดำรงเงินสำรอง (RRR) และการผ่อนคลายนโยบายด้านเครดิต รวมถึงการกระตุ้นด้านการคลัง ขณะที่กลุ่มที่สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวของจีน เช่น Semiconductor, Green Energy และภาคการผลิตขั้นสูง ยังมีศักยภาพเติบโตอีกมาก
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนในการออกระเบียบที่เข้มงวดของทางการจีน จะยังสร้าง Sentiment เชิงลบต่อดัชนีหุ้นจีน Onshore นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่เริ่มชะลอลงทั้ง PMI, Retail Sales, Industrial Profit, Fixed Asset Investment ฯลฯ จะเป็นปัจจัยที่กดดันดัชนีฯ ในช่วงสั้น
ตลาดหุ้นไทย
ความน่าสนใจระดับ: 2
SCB CIO ได้ลดระดับความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยลงมาเหลือระดับ 2 จากการระบาดของโควิด ที่ยังกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจ การฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าแต่ยังคงห่างไกลจากการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ แม้เริ่มมีมาตรการคลายล็อกดาวน์แล้วก็ตาม
โดยมองแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปียังมีความเสี่ยงด้านต่ำอยู่มาก เห็นได้จากการปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยปีนี้ลดลงต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสสูงที่ผลประกอบการของ บจ. ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาจถูกปรับประมาณการลง และมีแนวโน้มออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม
ตลาดหุ้นเวียดนาม
ความน่าสนใจระดับ: 4
แม้ตลาดหุ้นเวียดนามอาจยังผันผวนสูงจากความกังวลของการแพร่ระบาดและการล็อกดาวน์รอบล่าสุด แต่เศรษฐกิจยังมีพื้นฐานแข็งแกร่ง โดยคาด GDP เติบโตได้ราว 5-6% ในปี 2021-2025 จากการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว การบริโภคภายใน และการใช้จ่ายภาครัฐที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการ บจ. ยังมีแนวโน้มออกมาดี แม้จะเริ่มเห็นการชะลอลงในไตรมาส 3 ปี 2021 แต่สถานการณ์ลงทุนของต่างชาติยังไม่สูงและ Valuation ยังไม่แพงเท่าตลาดอื่นในภูมิภาค เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย
กองทุนแนะนำ
- Principal Vietnam Equity Fund
กองทุนลงทุนในหุ้นเวียดนามซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตสูงในอนาคต โดยทางผู้จัดการกองทุนคัดสรรหุ้นเวียดนามด้วยตนเอง และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวให้สูงกว่าดัชนี VN30 Total Return