วันนี้ (4 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับครองราชย์ ก็เหลือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งก็มี 2 ช่วงด้วยกัน ช่วงแรกคือการทำงานของรัฐบาลในการเตรียมงานเพื่อจะเข้าสู่ช่วงพระราชพิธี ซึ่งจะมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา เพราะรัฐบาลกำหนดเองไม่ได้
เพราะฉะนั้นเมื่อมีงาน 2 ช่วง ในช่วงนี้ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรในเรื่องของการเดินหน้าและขับเคลื่อนประเทศทั้งหมด รวมถึงการเลือกตั้งจะทำอย่างไรให้สงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องของ กกต. ในการพิจารณาว่าจะทำอย่างไร
แต่ทั้งหมดก็ต้องเข้าใจว่ามีหลายกลไก นายกฯ คนเดียวสั่งทั้งหมดไม่ได้ บางอย่างก็ไม่ควรจะสั่ง บางอย่างก็ไม่ควรจะไปยุ่ง ถึงจะมีอำนาจก็ตาม ถ้ายุ่งไปเสียทั้งหมดนายกฯ ก็ตายคนเดียว
หลายอย่างแก้ปัญหาไม่ได้ก็ให้ใช้มาตรา 44 ซึ่งก็ต้องพิจารณาว่าควรหรือไม่ กฎหมายอื่นจะเสียไหม จะทำอย่างไรให้มันเดินหน้าได้
เมื่อถามย้ำว่าพระราชพิธีมี 2 ช่วงคืออย่างไรบ้าง พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงแรกรัฐบาลก็ต้องเตรียมน้ำเตรียมดินจากทุกจังหวัด พระราชพิธีฯ มีตั้งสิบกว่าอย่าง มีเวลาตั้งหลายวัน ในช่วงที่ 2 ที่เป็นหมายกำหนดการที่ทรงโปรดเกล้าฯ ลงมา ซึ่งคิดว่าคงไม่นานนัก
เมื่อถามว่าช่วงนี้รัฐบาลจะจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อยก่อนใช่หรือไม่
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบว่า ก็ต้องดูว่าจะทำอย่างไรถ้าเวลาเกิดพอดีในช่วงเดียวกัน จะทำอย่างไรให้สงบเรียบร้อย ตนก็ไม่อาจจะไปสั่งอะไรได้ อย่าให้ความสำคัญอะไรมากจนเกินไป ต้องให้ความสำคัญพอๆ กัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของเหนือหัว และตนยังไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น แค่อยากจะเตือนทุกคนเพราะลืมกันไปแล้ว
โดยหลังชี้แจงเรื่องดังกล่าวเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ เดินออกจากโพเดียมแถลงข่าวทันที
โดยนักข่าวถามว่า “อย่างนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งก่อนหรือหลังพระราชพิธีหรือไม่”
พล.อ. ประยุทธ์ ตอบว่า “ยังไงก็เลือกตั้งก่อนอยู่แล้ว”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่ามีชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคว่า พรรคพลังประชารัฐเขาก็ชัดเจนของเขา แต่ตนไม่จำเป็นต้องชัดเจนกับเขาด้วย ทุกพรรคก็เสนอตนทั้งนั้น แต่ก็ยังไม่เห็นจะมีใครมาเชิญเสียที เขาพูดก็พูดไป ตนยังไม่ตัดสินใจ
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เคยร่วมงานในรัฐบาลกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา พรรคไหนก็ตามที่ทำงานแล้วสอดคล้องกับที่ทำอยู่วันนี้ ถ้าตนตัดสินใจเข้าไปสู่การเมือง ตนก็ต้องหนุนพรรคเหล่านี้ เพราะได้ทำงานต่อในสิ่งที่ทำไว้ แต่ตนจะเป็นนายกฯ หรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะไม่ใช่เลือกตนแล้วจะได้เป็นนายกฯ เลย แต่ต้องมีการพิจารณาในสภาฯ
“ธงของผมคือสนับสนุนพรรคการเมืองที่เดินหน้าประเทศอย่างมียุทธศาสตร์ พรรคอื่นก็ว่ามาสิว่ายุทธศาสตร์ว่าอย่างไร อาจจะดีกว่าพรรคพลังประชารัฐก็ได้ ลองเสนอยุทธศาสตร์มาสิ ดีกว่ามาติฉินกันอยู่อย่างนี้ แต่ไม่เคยพูดว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า