- สถานการณ์สงครามอาจเพิ่มความเสี่ยงในเรื่องความมั่นคงของพลังงาน มีผลต่อเนื่องต่อเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกว่าคาด ทำให้นโยบายการเงินมีความไม่แน่นอนมากขึ้น
- สัปดาห์นี้ต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ว่าจะยังอยู่ในระดับสูงอยู่หรือไม่ โดยตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 7.8% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 7.5%
- แนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่ายังแกว่งตัวตาม Sentiment หุ้นโลก โดยต้องติดตามทิศทางเงินทุนต่างชาติและราคาน้ำมันดิบ เพราะระยะสั้นมีผลต่อดัชนีหุ้นไทย
- SCBS เลือกแนะนำ บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) หรือ SECURE เนื่องจาก 3 เหตุผลหลัก
สัปดาห์นี้ต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ว่าจะยังอยู่ในระดับสูงอยู่หรือไม่ โดยตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 7.8% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 7.5% และความคาดหวังเงินเฟ้อสหรัฐฯ จาก U of Michigan ว่าจะลดลงจากระดับปัจจุบันที่ 4.9% หรือไม่
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) ประเมินว่า สถานการณ์สงครามที่กำลังรุนแรงในปัจจุบันมีโอกาสส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องความมั่นคงของพลังงาน และมีโอกาสส่งผลให้ราคาพลังงานอยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่งมีผลต่อเนื่องทำความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงขึ้นกว่าที่เคยคาด รวมถึงทำให้นโยบายการเงินมีความไม่แน่นอนมากขึ้น (Policy Risk)
แนะลุยหุ้นพลังงานสะอาด และ Cyber Security
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นโลก คาดว่าจะยังคงมีความผันผวนต่อไป จากผลกระทบของสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ซึ่งกระทบต่อราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นและผันผวนแรง นอกจากนี้คาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับการประชุม FOMC ในสัปดาห์ถัดไปมากขึ้น ซึ่งล่าสุดยังคงมีความไม่ชัดเจน
ทั้งนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กำลังจะประกาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีโอกาสกระทบตลาดในระยะสั้น หากเงินเฟ้อประกาศออกมาสูงเกินคาด จากปัจจัยความเสี่ยงข้างต้น ส่งผลให้เราแนะนำลงทุนในหุ้นประเภท Defensive สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำธีมการลงทุนในหุ้นพลังงานสะอาด และ Cyber Security
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย คาดว่ายังคงเป็นการแกว่งตัวตาม Sentiment หุ้นโลก โดยต้องติดตามทิศทางของเงินทุนต่างชาติและราคาน้ำมันดิบ เพราะจะมีผลกระทบในระยะสั้นต่อ SET Index กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีลักษณะเชิงรับ ได้ประโยชน์จากกระแสเงินไหลเข้าและมีอำนาจการกำหนดราคาสูงอย่าง BDMS, BJC, ADVANC, CPALL และแนะนำให้เพิ่มความระมัดระวังสำหรับหุ้นที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นอย่าง KEX, AAV, EPG, STANLY, DCC, BGRIM, SCCC, UTP
ชูหุ้น SECURE ได้ประโยชน์จากโลกยุคดิจิทัล
สัปดาห์นี้ SCBS เลือกแนะนำ บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) หรือ SECURE เนื่องจาก 3 เหตุผลหลัก ดังนี้
- เป็นตัวแทนชั้นนำของไทยในการจำหน่ายสินค้าด้าน Cyber Security จาก Brand ชั้นนำทั่วโลก และมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น Network Security, End Point Security, Network Performance and Monitoring และอื่นๆ
- โมเมนตัมกำไรอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยปี 2022 คาดกำไรสุทธิยังเติบโตก้าวกระโดดเกิน 50%YoY ตามภาพอุตสาหกรรม ขณะที่อัตรากำไรสุทธิคาดปรับตัวดีขึ้น YoY จากการมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นในรายได้ของสินค้า Cyber Security ที่เกี่ยวข้องกับ PDPA ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง
- ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนกำไรที่จะเติบโตก้าวกระโดด โดยราคาหุ้นปัจจุบันของ SECURE ปรับตัวลง -9.8%YTD สวนทางกับ SET และ MAI ที่ปรับขึ้น 1.9%YTD และ 9.4%YTD ตามลำดับ โดยเราประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่ 35 บาท และมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2021 หุ้นละ 0.18 บาท (XD 9 พฤษภาคม) คิดเป็นอัตราส่วนผลตอบแทนต่อเงินปันผล (Div. Yield) 0.6%
สถานการณ์ความรุนแรงระหว่างรัสเซียและยูเครนยังยืดเยื้อและไม่มีพัฒนาการเชิงบวก ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวนในระยะสั้น แนวโน้มราคาน้ำมันและดอกเบี้ยต้องมีการปรับความคาดหวังกันใหม่ แต่อย่างไรก็ดี เรามองว่าจะมีสองธีมที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ความขัดแย้งในครั้งนี้ ได้แก่ ธีมพลังงานสะอาดและธีมความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์
ธีมพลังงานสะอาด ข้อสรุปหลักจาก COP26 ชัดเจนว่าในระยะยาวการลงทุนในพลังงานสะอาดจะเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้เป็นกลางในการปล่อยคาร์บอนในปี 2030-2050 โดยความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนนั้นทำให้หลายประเทศพิจารณาลดการพึ่งพิงพลังงานจากฟอสซิลลง จาก
- ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจนส่งผลต่อการเติบโตและกำลังซื้อ
- ยุโรปมีแนวโน้มจะลดการพึ่งพิงแหล่งพลังงานจากรัสเซียลง
ทั้งนี้ ปัจจุบันไม่มีแต้มต่อในการต่อรองมากนัก โดยในกลุ่มนี้เราชอบ ETF อย่าง ICLN และชอบหุ้น Vestas, Orsted, Enel, Linde
ธีมความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์
- งานวิจัยร่วมกันเผยแพร่โดย UK National Cyber Security Center และหน่วยงานของสหรัฐฯ โดยเตือนว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐของรัสเซียซึ่งรู้จักกันในชื่อ Sandworm ได้พัฒนามัลแวร์ประเภทใหม่ที่เรียกว่า Cyclops Blink ซึ่งมุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์ไฟร์วอลล์ที่ผลิตโดย Watchguard เพื่อป้องกันคอมพิวเตอร์จากการถูกแฮ็ก
- มีการโจมตีด้านไซเบอร์ในยูเครน
- รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่าเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ถล่มสายพานการผลิตชิ้นส่วนให้กับโตโยต้า ค่ายรถยักษ์ญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนให้โตโยต้าต้องระงับการผลิต 28 สายพานในโรงงาน 14 แห่งทั่วญี่ปุ่น
เรามองว่าจะมีการลงทุนในการป้องกันด้านไซเบอร์มากขึ้น การลงทุนในกลุ่มนี้จึงค่อนข้างน่าสนใจ ในกลุ่มนี้เราชอบ CIBR (ETF), Palo Alto, Cisco, Crowd
มุมมองการลงทุนต่อตลาดต่างๆ โดย SCB CIO
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว
ความน่าสนใจระดับ 3
SCB CIO ได้รับลดความน่าสนใจในตลาดหุ้นพัฒนา (DM) แล้ว ลงเหลือระดับ 3 โดยมองว่าตลาดยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน จากความกังวลวิกฤตยูเครนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น รวมทั้งการทยอยเพิ่มขึ้นของ Bond Yield สหรัฐฯ ตามแนวโน้มการลดการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลักใน DM
อย่างไรก็ดี ปัจจัยเรื่องผลกระทบของโอไมครอนไม่ได้รุนแรงเท่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของกลุ่ม DM ที่ยังขยายตัวได้ดี จะยังสามารถช่วยประคองตลาดหุ้น DM ได้
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความน่าสนใจระดับ 3
SCB CIO ได้ปรับลดความน่าสนใจในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เหลือระดับ 3 เนื่องจากตลาดมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนตาม Bond Yield ของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น จากการที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ และ Fed อาจมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ลง แต่ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้ขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตยูเครน
อย่างไรก็ดี ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการระบาดของโควิดที่ลดลงไปค่อนข้างมาก และผลประกอบการของ บจ. สหรัฐฯ ที่ยังขยายตัวได้ ประกอบกับแนวโน้มการซื้อคืนหุ้นมากขึ้นของ บจ. สหรัฐฯ จะยังสามารถช่วยประคองตลาดฯ ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำสัดส่วนการลงทุนหุ้นกลุ่ม Growth ต่อหุ้นกลุ่ม Value อยู่ที่ 50:50
ตลาดหุ้นยุโรป
ความน่าสนใจระดับ 3
SCB CIO ได้ปรับมุมมองที่มีต่อหุ้นยุโรปเหลือระดับ 3 เช่นเดียวกัน เนื่องจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของยุโรป โดยยุโรปพึ่งพาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจากรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนที่สูง ดังนั้นระดับราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกดดันอำนาจซื้อของประชาชนและต้นทุนการผลิต ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการใช้จ่ายลงทุนของบริษัทต่อไป
อย่างไรก็ดี Valuation หุ้นยุโรปที่ลดลงมามาก และผลกระทบทางตรงของรายได้ บจ. ยุโรป ในดัชนี Eurostoxx 600 ที่มาจากรัสเซียอยู่ต่ำ จะช่วยจำกัด Downside ตลาด
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ความน่าสนใจระดับ 3
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นแม้ Valuation ของหุ้นยังถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น DM อื่น แต่มองตลาดได้รับรู้ข่าวมาตรการกระตุ้นไปมากแล้ว ขณะที่ในช่วงสั้นตลาดเริ่มขาดปัจจัยสนับสนุนและดัชนี TOPIX และ Nikkei 225 ยังมีแนวโน้มผันผวนในช่วงที่ตลาดการเงินยังเผชิญความไม่แน่นอน
ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศ ขณะที่ BOJ ยังมีท่าที Dovish แต่เริ่มชะลอการเข้าซื้อสินทรัพย์ในส่วนของ Commercial Paper และ Corporate Bond แม้ยังคงวงเงินการเข้าซื้อ ETF และ J-REITs
ตลาดหุ้นจีน H-Share
ความน่าสนใจระดับ 3
ตลาดหุ้นจีน H-Share ดัชนีฯ เริ่มอยู่ในระดับที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Internet ประกอบกับทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการคุมเข้มกฎระเบียบที่รุนแรงลดลงจากปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยเฉพาะ ADR Delisting และการกีดกันด้านเทคโนโลยี และจากผลประกอบการ บจ. จีน ที่มีแนวโน้มขยายตัวปานกลาง และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งวิกฤตยูเครนและข้อพิพาทจีน-ไต้หวัน จะยังกดดันการฟื้นตัวของดัชนีฯ โดยรวม
ตลาดหุ้นจีน A-Share
ความน่าสนใจระดับ 3
ตลาดหุ้นจีน A-Share ดัชนีฯ มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการที่ทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการต่างๆ เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจ เช่น การเร่งเพิ่มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการปรับลด RRR ลงเพิ่มเติมอีก โดยในการประชุม NPC ที่จะเริ่มในวันที่ 5 มีนาคมนี้ เราคาดว่าจะเห็นความชัดเจนของแผนกระตุ้นต่างๆ มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การระบาดในฮ่องกงที่น่ากังวลมากขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงที่ทางการจีนจะคงมาตรการควบคุมการระบาดโดยรวมภายใต้ Zero-Covid Policy ไว้นานขึ้น ซึ่งจะกดดันการฟื้นตัวของการบริโภค นอกจากนี้ข้อพิพาทสหรัฐฯ-จีน / ไต้หวัน-จีน ที่ยังคงมีอยู่ อาจกดดัน Sentiment การลงทุนในช่วงสั้น
ตลาดหุ้นไทย
ความน่าสนใจระดับ 4
SCB CIO ได้ปรับเพิ่มความน่าสนใจในตลาดหุ้นไทยเป็นระดับ 4 โดยตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มได้รับปัจจัยสนับสนุนตามเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจากอุปสงค์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่ได้อานิสงส์จากการเปิดเศรษฐกิจ ขณะที่ผลกระทบจากวิกฤตยูเครนต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยมีจำกัด โดยสัดส่วนการลงทุนของรัสเซียในไทยค่อนข้างต่ำ ซึ่งเราแนะนำการลงทุนในหุ้น Domestic Play เป็นหลัก จากปัจจัยภายในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
กองทุนแนะนำ
- SCB Selected Equity Fund
กองทุน SCBSEA เป็นกองทุนหุ้นไทยที่เน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 หลักทรัพย์ ซึ่งมีความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนการลงทุนโดยผู้จัดการในแต่ละสภาวะตลาด
- TISCO Strategic Fund
กองทุน TSF-A ลงทุนในหุ้นไทยที่เน้นการคัดเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี โดยลงทุนในหุ้นประมาณ 10-15 บริษัท รวมทั้งมีการปรับเปลี่ยนตามสภาวะตลาดที่เหมาะสม
ตลาดหุ้นเวียดนาม
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการเปิดเศรษฐกิจมากขึ้นของเวียดนาม โดยทางการเวียดนามจะเปิดภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศและจากต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่หลังวันที่ 15 มีนาคมนี้ นอกจากนี้ตลาดฯ ยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มการทยอยเบิกจ่ายมาตรการกระตุ้นรอบล่าสุด วงเงิน 15 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ประกอบกับการที่ EPS Growth ของ VN-Index ใน 4Q2021 ที่ยังขยายตัวแข็งแกร่ง จะช่วยหนุนให้ Consensus ทยอยปรับประมาณการ EPS ของดัชนีฯ ในปี 2022 และ 2023 เพิ่มขึ้นต่อ ขณะที่ผลกระทบจากวิกฤตยูเครนต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเวียดนามมีจำกัด
กองทุนแนะนำ
- Principal Vietnam Equity Fund
กองทุน PRINCIPAL VNEQ-A ลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตสูงในอนาคต โดยทางผู้จัดการกองทุนคัดสรรหุ้นเวียดนามด้วยตนเอง และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวให้สูงกว่าดัชนี VN30 Total Return
ทองคำ
ความน่าสนใจระดับ 3
ทองคำได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีแนวโน้มถูกกดดันจากการที่ Fed ยังคงส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ แม้ยังคงมีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ตาม
น้ำมัน
ความน่าสนใจระดับ 3
ช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับค่อนข้างสูง หลังตลาดกังวลว่าการคว่ำบาตรรัสเซียและการที่บริษัทพลังงานหลายแห่งถอนการลงทุนในรัสเซียจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันยังคงมีแนวโน้มอยู่ในภาวะตึงตัวต่อเนื่อง หลังกลุ่มโอเปกพลัสยังคงยืนยันเพิ่มการผลิตตามแผนเดิมที่ 400,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายน
REITs ประเทศพัฒนา
ความน่าสนใจระดับ 3
โดย REITs ประเทศพัฒนาแล้ว เริ่มได้รับปัจจัยบวกจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนที่ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางคุมเข้มนโยบายการเงินของ Fed และการระบาดในบางประเทศที่ยังคงมีอยู่ ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงถูกกดดัน และ Upside ของตลาดยังถูกจำกัด
REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น)
ความน่าสนใจระดับ 3
แม้ REITs ไทย ยังคง Laggard และได้รับประโยชน์จากการกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระดับสูงยังคงเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของ REITs ไทยอยู่ ขณะที่สิงคโปร์มีแนวโน้มผ่อนคลายมาตรการลงอย่างต่อเนื่อง และเริ่มทยอยกลับมาใช้โครงการ Vaccinated Travel Lane อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์ที่ยังคงสูงอยู่ อาจเป็นปัจจัยกดดันต่อ REITs สิงคโปร์ในระยะข้างหน้า