- ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเร่งตัวขึ้นทั่วโลก กดดันตลาดการเงินช่วงสัปดาห์แรกปี 2022 ผันผวนรุนแรง
- ปัจจัยเสี่ยงใหม่ล่าสุดที่มีน้ำหนักมากกว่า คือการที่ Fed ส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดขนาด Balance Sheet หรือการทำ QT ส่งผลบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งแตะ 1.7%
- สัปดาห์นี้ต้องจับตาการระบาดของโอมิครอน ที่ส่อเค้าว่าจะเริ่มระบาดรุนแรงในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่ความเสี่ยงเงินเฟ้อยังกดดันเศรษฐกิจ
- หุ้นธีม Reflation ยังเด่น โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์และพลังงาน ท่ามกลางตลาดทั่วโลกที่ปรับลดลง
ตลาดการเงินผันผวนแรงในสัปดาห์แรกของปี 2022 เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนเร่งตัวขึ้นทั่วโลก จนทำให้บางประเทศต้องเริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่ปัจจัยเสี่ยงใหม่ล่าสุดที่มีน้ำหนักมากกว่า คือการที่ Fed ส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดขนาด Balance Sheet หรือการทำ Quantitative Tightening (QT) ในทันทีหลังจากเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่เข้มงวดมากกว่าคาด (รวม 3 มาตรการ ได้แก่ ลด QE ปรับขึ้นดอกเบี้ย และ QT) ซึ่งหาก Fed ทำจริงจะมีผลกระทบด้านลบต่อตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ดังนั้นจึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นถึง 1.7%
ประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้
ติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อจากโอมิครอนเป็นสำคัญว่าจะรุนแรงมากขึ้นแค่ไหน ท่ามกลางกระแสล็อกดาวน์และปิดพรมแดนที่มากขึ้น รวมทั้งติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ เช่น เงินเฟ้อ รวมถึงยอดค้าปลีก โดยหากยอดค้าปลีกยังไปได้ด้วยดีขณะที่เงินเฟ้อสูงขึ้นต่อเนื่อง (ตลาดคาด 7.1% จาก 6.8% ในเดือนพฤศจิกายน) อาจเห็น Fed ส่งสัญญาณ Hawkish หรือการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มากขึ้นก็ได้
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ ประเมินว่า การระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนจะรุนแรงขึ้นอย่างมากในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนบรรเทาลง ในขณะที่ความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อยังคงกดดันต่อไปจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้ธนาคารกลาง เช่น Fed ตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดกว่าที่ควรจะเป็น และมีผลกระทบด้านลบต่อตลาดการเงิน เช่น ล่าสุดมีการระบุถึงการทำ QT
หุ้นธีม Reflation ยังเด่นท่ามกลางตลาดทั่วโลกที่ปรับลดลง
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทั่วโลกปรับตัวลดลง 1.4% แบ่งเป็น ตลาดเกิดใหม่ (EM) -1.2% และตลาดพัฒนาแล้ว (DM) -1.5% จากความกังวลที่ Fed จะดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากกว่าที่ตลาดคาด ทั้งเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยและการทำ QT ท่ามกลางความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเชิงวัฏจักรในธีม Reflation ได้แก่ กลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน ให้ผลตอบแทนโดดเด่นเพิ่มขึ้น 5-7% ตามการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและราคาน้ำมัน
ตลาดหุ้นโลกสัปดาห์หน้าติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ และบอนด์ยีลด์ ประเมินว่าในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ตลาดหุ้นโลกจะได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นแรงก่อนบรรเทาลง ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ (สัปดาห์หน้าติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือนธันวาคม 2021 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 7.1%YoY สูงกว่าเดือนพฤศจิกายน) และนโยบายการเงินเข้มงวดของ Fed ยังคงมีโอกาสกดดันต่อเนื่อง โดยต้องติดตามระดับของบอนด์ยีลด์ 10 ปี ซึ่งจะมีผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สาธารณูปโภค และอสังหาริมทรัพย์ ที่แปรผกผันกับการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
‘หุ้นไทย’ ส่อย่อตัวจากแรงกดดันโอมิครอนที่ระบาดแรงขึ้น
สำหรับไทยในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า มีโอกาสได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้น ก่อนบรรเทาลง ซึ่งจะมีผลกระทบมากสุดต่อธุรกิจท่องเที่ยว ในขณะที่ผลกระทบต่อกิจกรรมในประเทศคาดว่าไม่มาก ดังนั้นจึงคาดว่า SET Index มีโอกาสอ่อนตัว แต่ไม่มาก อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของ SET Index ขึ้นกับภาพรวมตลาดหุ้นโลกด้วย ซึ่งต้องติดตามต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำรอซื้อเมื่อ SET Index อ่อนตัวบริเวณ 1,600 +/- เน้นหุ้นพื้นฐานดี กำไรเติบโตได้ พร้อมมีเงินปันผล ได้แก่ ADVANC, KBANK, GULF, LH และ AMATA สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำ HMPRO, CPN, COM7 และ ONEE
เหตุการณ์สำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
- สถานการณ์แพร่ระบาดของโอมิครอนทั่วโลก รวมถึงการออกมาตรการควบคุม ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแถลงแผนกลยุทธ์ประจำปี 2022 ในวันที่ 11 มกราคมนี้
- รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯ ธันวาคม 2021 ซึ่งยังคงมีแนวโน้มขยายตัว YoY ในระดับสูง
ONEE หุ้นเด่นประจำสัปดาห์ หลังเม็ดเงินโฆษณาฟื้น
สัปดาห์นี้แนะนำ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ONEE เนื่องจากเหตุผลหลัก ดังนี้
- จัดเป็นหุ้น Proxy ของการฟื้นตัวในเม็ดเงินโฆษณา โดยมองเม็ดเงินโฆษณาในไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งเมื่อบวกกับบริษัทมีแผนขยายรายได้เพิ่มในทุกช่องทางและคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพขึ้น จึงคาดนับจากนี้ ONEE จะมีผลการดำเนินงานอยู่ในทิศทางขาขึ้น
- แม้ 4Q2021 คาดกำไรอ่อนตัว YoY จากฐานปีก่อนสูง แต่ยังเติบโตดี QoQ หลังการคลายล็อกดาวน์ทำให้เม็ดเงินโฆษณาดีขึ้น หนุนให้ทั้งปี 2021 คาดมีกำไรสุทธิเติบโต 30%YoY และโตต่ออย่างน้อย 18%YoY ในปี 2022 ตามการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาและแผนรุกขยายรายได้เพิ่มเติมในทุกช่องทาง
- ประเมินกรอบราคาเป้าหมายอยู่ที่ 12.30-13.10 บาท (อิง PER 30-32x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยธุรกิจเดียวกัน) และคาดเริ่มจ่ายปันผลครั้งแรกจากกำไรปี 2022
มุมมองการลงทุนต่อตลาดต่างๆ โดย SCB CIO
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วยังได้รับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ mRNA ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 4Q2021 ยังมีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นฯ มีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้น จากความกังวลผลกระทบของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนต่อเศรษฐกิจ แรงกดดันเงินเฟ้อที่สูง ปัญหาอุปทานขาดแคลน และแนวโน้มการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของ Fed
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน จากแนวโน้มที่ Fed อาจส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น และอาจเริ่มหารือเกี่ยวกับการลดขนาดของ Balance Sheet รวมทั้งตลาดฯ ยังเผชิญความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการระบาดของโอมิครอนที่ยังมีอยู่
ประกอบกับนักลงทุนยังรอความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนการลงทุนระยะยาว Build Back Better อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ 4Q2021 ที่มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่งและดีกว่าที่ตลาดคาด จะยังสามารถช่วยประคองตลาดฯ ได้
กองทุนแนะนำ
-
SCB Global Experts Fund
กองทุน SCBGEX(A) เป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ลงทุนในสไตล์ Core-Satellite Portfolio คัดเลือกกองทุนโดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ โดยกองทุนหลัก (Core) ลงทุนในกองทุน Julius Baer Global Excellence Equity เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโต และกำไรสูง และกองทุนเสริม (Satellite) ในหุ้นธีมเมกะเทรนด์หลักของโลก
ตลาดหุ้นยุโรป
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนจากแนวโน้มการเปลี่ยนนโยบายจากทางธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ปัญหาความกังวลการแพร่ระบาดบรรเทาลงไปมาก ขณะที่ปัญหาฝั่งอุปทานเริ่มบรรเทาลง ภาคธุรกิจเริ่มสร้างสินค้าคงคลังได้ต่อเนื่อง ทำให้ภาวะเงินเฟ้อและงบดุลของภาคธุรกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ ECB ยังมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายการเงินและคาดว่าจะเข้มงวดได้ช้ากว่ากลุ่มประเทศอื่น แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่ม Growth จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
กองทุนแนะนำ
-
Krungsri Europe Equity Hedged Fund
กองทุน KFHEUROP-A ลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นยุโรปที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งผู้จัดการกองทุนหลักมีความสามารถในการคัดเลือกหุ้น รวมทั้งผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่น ปัจจุบันเน้นลงทุนในกลุ่ม Technology และ Industrial
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น DM อื่น มองภาพเศรษฐกิจและตลาดยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวได้ต่อ จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังเดินหน้า และ BOJ ยังมีท่าที Dovish แม้ผลการประชุมล่าสุดจะมีมติเริ่มชะลอการเข้าซื้อสินทรัพย์ในส่วนของ Commercial Paper และ Corporate Bond ให้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อนเกิดการแพร่ระบาด แต่ยังคงวงเงินการเข้าซื้อ ETF และ J-REITs นอกจากนี้ BOJ เผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อน้อยกว่า ทำให้ความจำเป็นในการขึ้นดอกเบี้ยมีอยู่ต่ำ
ตลาดหุ้นจีน H-Share
ความน่าสนใจระดับ 3
ตลาดหุ้นจีน H-Share เริ่มมี Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก ตลาดสหรัฐฯ และตลาดหุ้นเอเชีย ประกอบกับทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบแบบเฉพาะจุดมากขึ้น และเน้นสำรวจความเห็นภาคธุรกิจก่อน
อย่างไรก็ตาม ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ-จีน ในด้านตลาดทุน เช่น ทั้งในประเด็น VIE และความเสี่ยง Delisting ของหุ้นจีน ADRs และในด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประกอบกับ EPS ของ บจ. ในดัชนีจีน Offshore ใน 4Q2021 ที่มีแนวโน้มขยายตัวปานกลาง จะยังคงกดดันการฟื้นตัวของดัชนีหุ้นจีน Offshore ในภาพรวม
ตลาดหุ้นจีน A-Share
ความน่าสนใจระดับ 3
ตลาดหุ้นจีน A-Share มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการที่ทางการจีนอาจออกมาตรการต่างๆ เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจ เห็นได้จากการปรับลด RRR การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR 1 ปี และการปรับลด Relending Policy ในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งการประชุม CEWC ทางการจีนส่งสัญญาณเน้นส่งเสริม SMEs กลุ่ม Tech และกลุ่ม Green Energy และเร่งการใช้จ่ายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในช่วงต้นปี 2022
อย่างไรก็ตาม ภาคอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อ และทางการจีนยังมีแนวโน้มคงมาตรการคุมการระบาดและคุมการผลิตที่ก่อมลพิษเข้มงวด ไปจนสิ้นสุดการจัดการแข่งโอลิมปิกและพาราลิมปิกฤดูหนาวในช่วงเดือนมีนาคม จะยังคงกดดันภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของจีน
ตลาดหุ้นไทย
ความน่าสนใจระดับ 3
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ว่าแผนการเปิดประเทศและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดและการยกเลิกแผน Test & Go ขณะที่ตลาดอาจผันผวนจากการเปลี่ยนผ่านนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับ Valuation หุ้นไทยยังคงตึงตัว ทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และ Upside ของตลาดยังถูกกดดัน อย่างไรก็ดี นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายต่อเนื่องและนโยบายการคลังจะสนับสนุนหุ้นกลุ่มการบริโภคภายในประเทศ
ตลาดหุ้นเวียดนาม
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นเวียดนามแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในเวียดนามจะทยอยเพิ่มสูงขึ้น แต่การฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็ว ทำให้เราคาดว่าโอกาสที่จะเกิดการล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบยังต่ำ และทางการกำลังพิจารณาแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นในเดือนมกราคม นอกจากนี้ เศรษฐกิจมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากความคาดหวังในการผ่านแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับปี 2022-2023 ที่มีวงเงินเบื้องต้นอยู่ที่ 347 ล้านล้านดอง ภายในเดือนมกราคมนี้ ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า EPS Growth ของ VN-Index ในปี 2022 จะเพิ่มขึ้น 25%YoY
กองทุนแนะนำ
-
Principal Vietnam Equity Fund
กองทุนลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตสูงในอนาคต โดยทางผู้จัดการกองทุนคัดสรรหุ้นเวียดนามด้วยตนเอง และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวให้สูงกว่าดัชนี VN30 Total Return