- โควิดสายพันธุ์โอไมครอน และการยุติ QE เร็วขึ้นกว่าเดิม จะสร้างความผันผวนให้ตลาดเงินใน 1-3 เดือนข้างหน้า
- ตลาดพัฒนาแล้ว (DM) จะกลับมาน่าสนใจกว่าตลาดเกิดใหม่ (EM) ในช่วงการระบาดรอบใหม่ของโควิด
- จับตาแนวรับสำคัญของ SET Index ที่ระดับ 1,570 จุด จะเป็นจุดตัดสินทิศทางหุ้นไทย ขณะที่หุ้นในธีม Reopening จะยังคงความผันผวนสูงต่อเนื่อง
- SCBS แนะนำให้ติดตามการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลให้รัฐบาลกลับมาใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทั่วโลกปรับตัวลดลง 0.5% (EM +1.1%, DM -0.7%) โดยตลาดกังวลต่อการกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นอกจากนั้นธนาคารกลางสหรัฐฯ เปลี่ยนท่าทีเรื่องเงินเฟ้อที่อาจจะไม่ใช่ชั่วคราวและจะมีการลดการทำ QE เร็วขึ้น ทำให้ตลาดมีความผันผวน แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่เปลี่ยนและมีภาพของห่วงโซ่อุปทานที่ดีขึ้น
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) ประเมินว่า โอไมครอนและการยุติ QE เร็วกว่าเดิมจะเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง และใช้จังหวะของตลาดที่ลดลงในการซื้อสะสมเพื่อการลงทุน โดยยังคงเน้นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี ทั้งนี้ ประเมินว่าตลาดพัฒนาแล้ว (DM) จะกลับมาน่าสนใจมากกว่าตลาดเกิดใหม่ (EM) ในช่วงที่ความเสี่ยงการระบาดรอบใหม่ของโควิด ไม่ว่าจะเป็นเดลตาหรือโอไมครอน
แนวโน้มตลาดหุ้นโลกคาดว่า Downside เริ่มจำกัด และมีโอกาสฟื้นตัว หากมีการเปิดเผยว่าวัคซีนปัจจุบันยังคงมีประสิทธิภาพเพียงพอ โดยเฉพาะตลาดหุ้น DM ที่มีความพร้อมเรื่องวัคซีนมากกว่า EM ในทางกลับกันหากวัคซีนขาดประสิทธิภาพคาดว่าจะส่งผลลบต่อหุ้น Global Reopening รวมถึงราคาน้ำมันดิบต่อไป
จับตา SET Index ที่ 1,570 จุด ตัดสินทิศทางต่อไป
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยคาดว่ายังคงเคลื่อนไหวตาม Sentiment ตลาดหุ้นโลก จากประเด็นโอไมครอน ทั้งนี้ SET Index จะมีแนวรับสำคัญบริเวณ 1,570 จุด เป็นจุดตัดสินทิศทางต่อไป ทั้งนี้ หุ้นในธีม Reopening ยังคงเป็นหุ้นที่มีความผันผวนสูงจากแรงเก็งกำไร
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น แนะนำเริ่มซื้อ 25% ของพอร์ต หาก SET Index อ่อนตัวลงอีกจากประเด็นโอไมครอน โดยเน้นหุ้น Global Reopening เนื่องจากประเมินว่าประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ยุโรป จะไม่ใช้การล็อกดาวน์ที่รุนแรง แต่จะใช้มาตรการอื่นๆ แทน แนะนำซื้อสะสมหุ้นเด่นไตรมาสที่ 1 เช่น ADVANC, AH, BLA, KBANK, NYT
ประเด็นที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้
- การปรับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มพุ่งชนเพดานหนี้ในวันที่ 15 ธันวาคม หลังกระทรวงการคลังจะจัดสรรเงินเข้าสู่กองทุน Highway Trust Fund
- การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลให้รัฐบาลกลับมาใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง
- ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายน มีแนวโน้มขยายตัว YoY
GFPT หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์
SCBS เลือกแนะนำ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เนื่องจากเหตุผลหลัก ดังนี้
- เป็นผู้ประกอบธุรกิจไก่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงไก่ ชำแหละและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่ และผลิตอาหารแปรรูป โดยจัดเป็นผู้ส่งออกไก่ไทยอันดับ 3 ซึ่งอิงส่วนแบ่งตลาด 12% และผู้ผลิตไก่ไทยอันดับ 8 ซึ่งอิงส่วนแบ่งตลาด 6%
- ปี 2022 คาดผลประกอบการฟื้นตัว 166%YoY จากฐานกำไรปีก่อนต่ำและราคาไก่ในประเทศเริ่มฟื้นตัว อีกทั้งการเพิ่มอัตราใช้กำลังผลิตของเครื่องจักรใหม่และสัดส่วนยอดขายที่ดีขึ้นจากการส่งออกไก่ปรุงสุกที่ให้มาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น จะหนุนยอดขายและมาร์จิ้นของบริษัทให้ปรับตัวดีขึ้น
- ราคาหุ้น GFPT ปรับลง 16.9%YTD แย่กว่า SET ที่ปรับขึ้น 9.8%YTD ซึ่งสะท้อนธุรกิจไก่ปีนี้ที่ฟื้นตัวช้าไปมากแล้ว อย่างไรก็ดี ผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ 4Q21 จึงคาดราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป
มุมมองการลงทุนต่อตลาดต่างๆ โดย SCB CIO
บรีฟอาร์ต: ระดับความน่าสนใจของตลาดต่างๆ รบกวนทำกราฟิกแถบพลังตาม format ลิงก์นี้จ้ะ https://thestandard.co/120-days-opening-the-country-support-thai-reit-exclusive-summary/
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วยังได้รับแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายการเงินและการคลังที่ผ่อนคลาย และความคืบหน้าการฉีดวัคซีน ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าคาดการณ์ค่อนข้างโดดเด่น อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วมีแนวโน้มผันผวนในระยะสั้น จากความกังวลผลกระทบการระบาดโควิดสายพันธ์ุโอไมครอนต่อเศรษฐกิจ แรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาอุปทานขาดแคลน และแนวโน้มการทยอยปรับลดวงเงิน QE ของ Fed
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน จากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งตลาดฯ กำลังรอประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนต่อโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ภายหลังจากหลายประเทศรีบดำเนินการปิดเมืองค่อนข้างเร็วเพื่อคุมการระบาด อย่างไรก็ดี แนะนำลงทุนหุ้นกลุ่ม Quality Growth ที่ได้อานิสงส์จากความกังวลโควิดที่เพิ่มขึ้น และจาก US Yield Curve ที่มีแนวโน้มปรับลดความชันลง และแนะนำหุ้นกลุ่ม Healthcare ในขณะที่หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่ม Reopening และ Travel
กองทุนแนะนำ
SCB Global Experts Fund
กองทุน SCBGEX(A) เป็นกองทุนหุ้นทั่วโลกที่ลงทุนในสไตล์ Core-Satellite Portfolio คัดเลือกกองทุนโดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ โดยกองทุนหลัก (Core) ลงทุนในกองทุน Julius Baer Global Excellence Equity เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพ เติบโต และกำไรสูง และกองทุนเสริม (Satellite) ในหุ้นธีมเมกะเทรนด์หลักของโลก
ตลาดหุ้นยุโรป
ความน่าสนใจระดับ 4
ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนจากความกังวลผลกระทบจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ขณะที่ประเทศต่างๆ ในยุโรปทยอยออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น อย่างไรก็ดี มองว่างบดุลของประชาชนนั้นแข็งแกร่ง ซึ่งจะมี Pent-Up Demand หลังการแพร่ระบาดบรรเทาลง นอกจากนี้ ECB ยังคงผ่อนคลายและมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้ากว่ากลุ่มประเทศอื่น โดยเราแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Growth เป็นหลัก
กองทุนแนะนำ
Krungsri Europe Equity Hedged Fund
กองทุน KFHEUROP-A ลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นยุโรปที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งผู้จัดการกองทุนหลักมีความสามารถในการคัดเลือกหุ้น รวมทั้งผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่น ปัจจุบันเน้นลงทุนในกลุ่ม Technology และ Industrial
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ความน่าสนใจระดับ 4
สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้น Valuation ของหุ้นญี่ปุ่นยังถูกเมื่อเทียบกับตลาดหุ้น DM อื่น มองภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเข้าสู่ช่วง Peak Growth และ Peak Earning ใน 4Q21 เราประเมินผลกระทบต่อการปิดรับการเดินทางเข้าของชาวต่างชาติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ส่งผลลบต่อตลาดเพียงช่วงสั้น แต่จะส่งผลบวกในระยะกลาง เนื่องจากญี่ปุ่นมีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงมากและติดเชื้อต่ำกว่ากลุ่มประเทศ DM อื่นอยู่แล้ว ในขณะที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ยังเดินหน้าและ BOJ พร้อมผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม
ตลาดหุ้นจีน H-Share
ความน่าสนใจระดับ 3
เรามีมุมมอง Neutral ต่อหุ้นจีน H-Share เนื่องจาก Valuation ของดัชนีหุ้นจีน Offshore อยู่ในระดับที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับต้นปี และเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นโลกและดัชนีหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่ม Internet Platform ทำให้ตลาดฯ มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น หากทางการจีนเริ่มชะลอการออกมาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบกับ Internet Platform ลง ประกอบกับกลุ่มฯ ยังได้รับอานิสงส์บางส่วนจากการระบาดของโอไมครอน อย่างไรก็ตาม Earnings 4Q21 ของ บจ.จีน Offshore มีแนวโน้มขยายตัวปานกลาง จากผลกระทบมาตรการคุมเข้มด้านกฎระเบียบที่ยังมีอยู่
ตลาดหุ้นจีน A-Share
ความน่าสนใจระดับ 3
สำหรับหุ้นจีน A-Share ดัชนีฯ มีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการที่ทางการจีนมีแนวโน้มออกมาตรการต่างๆ เพื่อจำกัดความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจสำหรับปี 2565 ช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้
นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นมีแนวโน้มเร่งออกพันธบัตรท้องถิ่นพิเศษ เพื่อใช้จ่ายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับในช่วงที่เหลือของปีนี้จนถึงต้นปีหน้า ประกอบกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ทางการจีนยังมีแนวโน้มคงมาตรการคุมการระบาดตามนโยบาย Zero-Tolerance หลังมีการระบาดของโอไมครอน อาจกดดันต่อการฟื้นตัวของภาคบริโภค
ตลาดหุ้นไทย
ความน่าสนใจระดับ 3
เรามีมุมมอง Neutral ต่อหุ้นไทย การผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดจะสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ โดยเรามองเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและมีแนวโน้มการฟื้นตัวต่อ สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวยังถูกกดดันจากการแพร่ระบาดในยุโรปและสายพันธุ์โอไมครอน ขณะที่ Valuation หุ้นไทยยังคงตึงตัว ทำให้การเติบโตของหุ้นไทยยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง อย่างไรก็ดี นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงหลังเปิดประเทศจะช่วยหนุนหุ้นไทยให้มีความตึงตัวได้น้อยลง
ตลาดหุ้นเวียดนาม
ความน่าสนใจระดับ 4
เรามีมุมมอง Slightly Positive ต่อตลาดหุ้นเวียดนาม โดยทางการเวียดนามตั้งเป้า GDP ในปี 2565 ขยายตัว 6-6.5% ซึ่งดีขึ้นจากในปีนี้ที่อาจขยายตัวเพียง 1-2% ด้าน Consensus คาดการณ์ว่า EPS Growth ของ บจ. ในตลาดหุ้นเวียดนาม ปี 2565 จะ +25%YoY ขณะที่การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเวียดนามยังไม่สูง และ Valuation ของตลาดฯ ยังคงไม่แพง เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยในอดีต และเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่มอาเซียน ประกอบกับความเชื่อมั่นนักลงทุนรายย่อยที่ยังฟื้นตัว จะช่วยหนุนตลาดฯ ในระยะถัดไป
กองทุนแนะนำ
Principal Vietnam Equity Fund
กองทุนลงทุนในหุ้นเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตสูงในอนาคต โดยทางผู้จัดการกองทุนคัดสรรหุ้นเวียดนามด้วยตนเอง และคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวให้สูงกว่าดัชนี VN30 Total Return
ทองคำ
ความน่าสนใจระดับ 2
แม้ว่าระยะสั้นราคาทองคำมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากความกังวลการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และนำมาสู่การปิดเมืองอย่างรวดเร็วของหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ในระยะกลาง-ยาว ราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และ Bond Yield ของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มทยอยปรับเพิ่มขึ้น
น้ำมัน
ความน่าสนใจระดับ 3
ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามที่หลายประเทศเริ่มใช้มาตรการจำกัดการเดินทางอีกครั้ง หลังพบการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ด้านที่ประชุมโอเปกพลัสได้มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนมกราคม 2564 ตามเดิม แม้ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้กดดันให้เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นก็ตาม ขณะที่สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร ยังคงระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองออกสู่ตลาด เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบต่อไป
REITs ประเทศพัฒนาแล้ว
ความน่าสนใจระดับ 3
เราเปลี่ยนมุมมองต่อ REITs ประเทศพัฒนาแล้วจาก Slightly Positive เป็น Neutral เนื่องจาก REITs ประเทศพัฒนาแล้ว ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการพบโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ทำให้หลายประเทศประกาศระงับเที่ยวบินจากประเทศในแถบแอฟริกาใต้แล้ว นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อในยุโรปที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลให้หลายประเทศในยุโรปกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง
REITs เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น)
ความน่าสนใจระดับ 3
แม้ REITs ไทยและสิงคโปร์ ยังคง Laggard และได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่แพร่ระบาดได้เร็วและหลบภูมิคุ้มกันได้ดี อาจส่งผลให้หลายประเทศจำเป็นต้องยกเลิกมาตรการผ่อนคลาย และกลับมาใช้มาตรการจำกัดการเดินทางอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่อ REIT ในกลุ่ม Reopening Theme ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดก่อนหน้านี้อยู่แล้ว