Business – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 25 Oct 2025 08:00:03 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สรุป! คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลังครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม https://thestandard.co/summary-postponed-canceled-events/ Sat, 25 Oct 2025 08:00:03 +0000 https://thestandard.co/?p=1135383 สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 10

ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบร […]

The post สรุป! คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลังครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 10

ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

 

รัฐบาลยืนยันว่า ‘ไม่มีมติงดจัดงาน 15-30 วัน’ โดยเอกชนที่ได้ดำเนินการ เตรียมการแล้ว สามารถจัดได้ แต่ขอให้ผู้จัดพิจารณาปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับกาลเทศะ

ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลขอความร่วมมือ ให้พี่น้องประชาชนและภาคเอกชน พิจารณาปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับบรรยากาศแห่งความอาลัย โดยมิได้มีคำสั่งห้ามหรือมติให้ระงับกิจกรรมใดเป็นการเฉพาะ

 

“รัฐบาลมีความเข้าใจว่าภาคธุรกิจบันเทิง การท่องเที่ยว และการบริการมีการวางแผนกิจกรรมล่วงหน้าไว้แล้ว จึงขอให้ใช้ดุลยพินิจ ปรับรูปแบบให้เหมาะสม และสมพระเกียรติ เพื่อแสดงออกถึงความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลไม่ได้มีเจตนาจะจำกัดเสรีภาพทางเศรษฐกิจหรือกิจกรรมทางสังคมของเอกชนแต่อย่างใด” ไตรศุลี กล่าว

 

THE STANDARD WEALTH สรุปคอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง

 

1. ผู้จัด ‘2025 BamBam HOMETOWN Concert in Bangkok’ แจ้ง เลื่อนการเปิดจำหน่ายบัตร รอบวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ย. 2568 ออกไปก่อนชั่วคราว พร้อมย้ำจะประกาศกำหนดการใหม่ให้ทราบภายหลัง

 

สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 6

 

2. 2025 LEE JAE WOOK ASIA FANMEETING TOUR <pro’log’> in BANGKOK บริษัท Grandprix Xpectrum ประกาศแจ้งการ เลื่อนกำหนดการจำหน่ายบัตร ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 ออกไปก่อนจนกว่าจะมีการแจ้งวันจำหน่ายบัตรใหม่ให้ทราบโดยเร็วที่สุด

 

สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 3

 

3. Wednesday Song Vol.15 วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 เลื่อนขายบัตรออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเดิมมีกำหนดเปิดจองในวันที่ 25 ตุลาคม 2568 ที่จะถึงนี้

 

สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 1

 

4. BNK48 19th Single ‘Colorcon Wink’ Roadshow เพจ BNK48 ประกาศยกเลิกการจัด กิจกรรม ‘Mini Concert’ ภายในงาน BNK48 19th Single ‘Colorcon Wink’ Roadshow ในวันที่ 25-26 ตุลาคม 2025

 

สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 2

 

5. ฟุตบอลจตุรมิตรปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 15 – 22 พฤศจิกายน ประธานอนุกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การแข่งขันแจ้งว่า คณะกรรมการฯ มีมติ เลื่อน ‘การแถลงข่าว’ การแข่งขัน ในวันอังคารที่ 28 ตุลาคม ออกไปก่อน เพื่อประชุมหารือในที่ประชุมใหญ่ และหาข้อสรุปในการจัดการแข่งขันต่อไป

 

สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 4

 

6. ธี่หยด3 Run ช่อง 3 แจ้งว่า คณะผู้จัดงานขอ เลื่อนการจัดกิจกรรม ‘Instagram ธี่หยด3 Run’ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 ที่ประปาแม้นศรี (หลังเก่า) ตั้งแต่เวลา 18.30-24.00 น. ออกไปก่อน โดยจะแจ้งวันจัดกิจกรรมใหม่ให้ทราบอีกครั้ง

 

สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 5

 

7. BLACKPINK WORLD TOUR (DEADLINE) IN BANGKOK ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 25-26 ตุลาคม ไม่เลื่อนการแสดง ขอความร่วมมือผู้เข้าชมสวมเครื่องแต่งกายสีขาว-ดำ ร่วมชมการแสดง

 

สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 7

 

8. CENTRAL CHIANGMAI AIRPORT งดจัดกิจกรรม

  • Halloween Dance Challenge 2025 | 25 ต.ค.
  • BamBam EP [HOMETOWN] 26 ต.ค.
  • Halloween Spooky Parade | 31 ต.ค.

 

สรุป คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลัง ครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม 8

 

นอกจากนี้ ตามรายงานข่าว ระบุว่า อีเวนต์ 25-26 ตุลาคม ที่มีการเลื่อนออกไป ยังมีจากค่าย GMMTV อาทิ งาน Gemini, Fourth, Winny, Stang, Tay tawan ส่วนงานที่ไม่มีการเลื่อน ผู้จัดของดแต่งกายสีสัน และเหมาะสม

 

         

The post สรุป! คอนเสิร์ต-อีเวนต์ งานไหนเลื่อนหรือยกเลิกบ้าง หลังครม. ยืนยันไม่มีมติงด 15-30 วัน ขอปรับรูปแบบเหมาะสม appeared first on THE STANDARD.

]]>
เช็ก 7 ความพร้อม ก่อน Early Retire https://thestandard.co/check-7-readiness-factors-early-retire/ Sat, 25 Oct 2025 06:36:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1135345 เช็ก 7 ความพร้อม ก่อน Early Retire

ความฝันในการมีชีวิตที่ไม่ต้องทำงาน ใช้ชีวิตทุกวันเป็นวั […]

The post เช็ก 7 ความพร้อม ก่อน Early Retire appeared first on THE STANDARD.

]]>
เช็ก 7 ความพร้อม ก่อน Early Retire

ความฝันในการมีชีวิตที่ไม่ต้องทำงาน ใช้ชีวิตทุกวันเป็นวันหยุด เป็นที่สุดปรารถนาของใครหลายคน การได้โบกมือลาชีวิตการทำงานที่แสนวุ่นวายตั้งแต่อายุยังน้อย ดูเหมือนจะเป็นรางวัลสำหรับความเหน็ดเหนื่อยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ แค่มีเงินเก็บอย่างเดียวอาจไม่พอ

 

แท้จริงแล้ว เบื้องหลังกระแส Early Retire หรือ ‘เกษียณก่อนวัย’ ไม่ได้มีแค่ความปรารถนาอยากมีอิสระเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การถูกเลย์ออฟ ปัญหาสุขภาพ หรือความเบื่อหน่ายจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน การเกษียณก่อนวัยจึงเป็นทั้งทางเลือกและบางครั้งก็เป็นทางออกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางนี้ด้วยเหตุผลใด การเตรียมตัวที่รอบด้านจะช่วยให้ชีวิตอิสระนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน หากเราอยากเกษียณก่อนวัยอย่างมีความสุขและไม่กลับไปทำงานอีก เราต้องมี 7 ข้อนี้เพื่อชีวิตหลังเกษียณที่ปลอดภัยและมั่นคง

 

1. ไร้หนี้สิน

 

นี่คือด่านแรกที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล หรือหนี้รถยนต์ (ยกเว้นอาจเป็นหนี้บ้านที่มีดอกเบี้ยต่ำที่ยังพอรับได้) เพราะหนี้สินเหล่านี้จะกัดกินกระแสเงินสดและผลตอบแทนจากการลงทุนของเรา

 

การไม่มีภาระหนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายรายเดือนลงได้อย่างมหาศาล ทำให้เงินที่เราต้องเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณลดลงตามไปด้วย

 

2. ตั้งงบค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ

 

การคำนวณเงินเกษียณต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง เราต้องรู้ว่า ‘เงินที่ต้องใช้ต่อเดือนหลังเกษียณคือเท่าไหร่’ ซึ่งค่าใช้จ่ายอาจไม่ได้เหมือนตอนทำงาน เช่น ค่าเดินทางอาจลดลง แต่ค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพอาจเพิ่มขึ้น ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียดเพื่อกำหนดตัวเลขค่าใช้จ่ายรายปีที่แท้จริง ซึ่งจะเป็นฐานในการคำนวณเงินเก็บที่เราต้องการ

 

การประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นตลอดช่วงเกษียณ ต้องระวังไม่ให้ประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะจะทำให้เงินไม่พอใช้ได้ เช่น ถ้าเราคาดการณ์ค่าใช้จ่ายโดยมีสมมติฐานว่าจะมีอายุถึง 80 ปี เราก็ควรวางแผนตั้งงบเผื่อเรามีชีวิตที่ยืนยาวไปถึง 90 ปี เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนของอนาคต

 

การตั้งงบใช้จ่ายรายปีไว้ ยังช่วยเตือนให้เราใช้เงินอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ใช้จ่ายเกินตัวในวันที่เราหยุดทำงานและไม่มีรายได้หลักๆ เข้ามาอีกแล้ว

 

3. มีเงินเก็บที่มากเกินพอ

 

เมื่อเราทราบค่าใช้จ่ายรายปีแล้ว เราก็จะสามารถคำนวณจำนวนเงินเก็บที่เพียงพอในชีวิตเกษียณของเราได้ ซึ่งนอกเหนือจากการเงินเก็บขั้นต่ำที่ต้องใช้แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องมี เงินสำรอง ที่มากพอเพื่อรองรับความเสี่ยงที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจทำให้แผนเกษียณสะดุดได้

 

  • เผื่อเงินเฟ้อสูงเกินคาด

 

หากช่วงที่เราเกษียณแล้ว อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จะทำให้มูลค่าเงินที่เราเก็บไว้ลดลงอย่างมาก และทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพสูงขึ้นกว่าที่ประเมินไว้แต่แรก การมีเงินเก็บส่วนเกินจะช่วยรองรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อรุนแรงได้

 

  • รองรับค่าใช้จ่ายสุขภาพ

 

แม้จะมีประกันแล้ว แต่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุมีแนวโน้มสูงกว่าวัยอื่นมาก ควรมีเงินก้อนสำรองสำหรับการรักษาพยาบาลโดยเฉพาะ ซึ่งแยกต่างหากจากเงินทุนที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มั่นใจว่าปัญหาสุขภาพจะไม่มาทำลายความมั่นคงทางการเงิน

 

  • ครอบคลุมเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในชีวิต เช่น การซ่อมแซมบ้านครั้งใหญ่ การช่วยเหลือครอบครัว หรือวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลก จำเป็นต้องใช้เงินก้อนฉุกเฉิน การมีเงินเก็บที่ ‘เกินพอ’ จึงเป็นเหมือน เบาะรองรับความเสี่ยง ที่สร้างความอุ่นใจและยืดหยุ่นให้แก่แผนเกษียณก่อนวัยของคุณ

 

หลักการคือ กำหนดเป้าหมายเงินเก็บที่เราต้องมีตามค่าใช้จ่ายรายปี แล้วบวกเพิ่มไปอีกอย่างน้อย 20%-30% ของจำนวนนั้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีเงินเหลือไว้อุ่นใจกว่าเงินขาดมือ

 

4. เตรียมแหล่งรายได้หลายทาง

 

การเกษียณก่อนวัยไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องหยุดสร้างรายได้โดยสิ้นเชิง แต่หมายถึงการมีอิสระในการเลือกที่จะทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ และการมีแหล่งรายได้สำรองหรือ Passive Income ที่มั่นคง ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้แผนเกษียณของเรามีความยืดหยุ่นและยั่งยืน

 

แหล่งรายได้หลายทางนี้จะทำหน้าที่เป็น ‘กระแสเงินสดสำรอง’ ที่ช่วยลดการพึ่งพาเงินต้นที่เราเก็บไว้ และป้องกันความเสี่ยงที่เงินลงทุนจะหมดก่อนวัยอันควร แหล่งรายได้เหล่านี้อาจมาจาก

  • ผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุน (เงินปันผล ค่าเช่า)
  • รายได้จากงานอดิเรกที่ทำเงินได้ (เช่น ขายงานฝีมือ)
  • รายได้จากทรัพย์สินให้เช่า
  • เงินบำนาญจากประกันหรือสวัสดิการจากรัฐ

 

5. มีแผนดูแลสุขภาพ

 

ยิ่งเกษียณเร็ว สวัสดิการสุขภาพจากบริษัทก็จะหมดไป และเราต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเป็นระยะเวลานานขึ้น วางแผนเตรียมเงินก้อนสำหรับค่ารักษาพยาบาลโดยเฉพาะ และพิจารณาทำประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงที่ครอบคลุมไปจนถึงวัยชรา

 

สิ่งที่ต้องเตรียมและวางแผน

  • ความคุ้มครองที่เพียงพอ: เลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับโรงพยาบาลที่เราต้องการใช้บริการ โดยพิจารณาวงเงินรักษารวมที่เพียงพอในกรณีเจ็บป่วยหนัก และเบี้ยประกันอยู่ในระดับที่เราจ่ายไหวอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต

 

  • คุ้มครองยาวนานตลอดชีพ: ซื้อแผนที่ คุ้มครองถึงอายุ 90-99 ปี ตั้งแต่ตอนที่สุขภาพยังดี เพื่อ ‘ล็อก’ อัตราเบี้ยและความคุ้มครองไว้ เพราะการซื้อประกันใหม่ในวัยสูงอายุทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

 

  • สร้างกองทุนสุขภาพเฉพาะกิจ: จัดสรรเงินก้อนแยกต่างหากสำหรับค่าใช้จ่ายเล็กน้อย (เช่น ค่าหาหมอ OPD หรือค่าทำฟัน) เพื่อสงวนความคุ้มครองของประกันไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาลก้อนใหญ่และวิกฤตสุขภาพเท่านั้น

 

  • ดูแลสุขภาพ: ป้องกันดีกว่าแก้ด้วยการออกกำลังกาย ทานอาหารที่ดี และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ เพราะสุขภาพที่ดีคือการประหยัดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่ดีที่สุด

 

 

6. มีกิจวัตรประจำวัน

 

การเกษียณคือการมีเวลาว่าง ‘ตลอดไป’ หากเราไม่มีแผนหรือกิจกรรมที่ชัดเจน ชีวิตจะขาดความกระตือรือร้นและอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหรือความเบื่อหน่าย วางแผนกิจกรรมที่เราหลงใหล เช่น เรียนรู้ภาษาใหม่ ออกกำลังกาย ทำสวน หรือเป็นอาสาสมัคร การมีตารางกิจกรรมที่เติมเต็มจะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านจากวัยทำงานเป็นวัยเกษียณเป็นไปอย่างราบรื่น

 

พิจารณาทำงานพาร์ทไทม์หรืองานฟรีแลนซ์ที่สนใจและไม่ต้องรับผิดชอบหนักมาก นอกจากจะช่วยให้ได้เข้าสังคมและได้กระตุ้นสมอง การมีเงินรายได้เข้ามาบ้างจากการทำงานที่สนุกสนาน จะช่วยลดความรู้สึกผิดในการใช้เงินเก็บ และทำหน้าที่เป็นกระแสเงินสดสำรองที่ช่วยให้ไม่ให้รู้สึกเบื่อหน่ายจากการอยู่บ้านเฉยๆ ทั้งวัน

 

7. มีจุดมุ่งหมายในชีวิต

 

เงินและเวลาว่างเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ ‘จุดมุ่งหมาย’ คือเชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนชีวิต การเกษียณไม่ใช่จุดจบของการใช้ชีวิต แต่คือการเริ่มต้นของบทบาทใหม่ที่เราเป็นคนกำหนดเอง ค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญต่อจิตใจของคุณ อะไรคือคุณค่าที่คุณต้องการสร้างให้แก่โลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลครอบครัว การช่วยเหลือสังคม หรือการทำตามความฝันที่ถูกเก็บซ่อนไว้ การมีจุดมุ่งหมายจะทำให้ชีวิตหลังเกษียณของคุณมีความหมายและเปี่ยมสุขอย่างแท้จริง

 

การเกษียณก่อนวัยเป็นไปได้จริงสำหรับทุกคนที่มีวินัยในการออมและการลงทุนอย่างหนัก แต่ความสำเร็จที่ยั่งยืนนั้นไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขในบัญชีเพียงอย่างเดียว การเตรียมความพร้อมทั้งด้านการเงิน สุขภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ ความพร้อมทางด้านจิตใจ และการมีแผนชีวิตหลังเกษียณที่ชัดเจน จะช่วยให้เรามีอิสรภาพทางการเงินมาพร้อมกับความสุขในชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ภาพ: Colin Anderson Productions pty ltd/ Getty Images

 

อ้างอิง:

The post เช็ก 7 ความพร้อม ก่อน Early Retire appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ศิลปาชีพ’ พระพันปีหลวง น้อมรำลึกราชินีแห่งไหมไทย ต้นแบบอนุรักษ์ผ้าไทยก้องโลก สร้างเศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน https://thestandard.co/queen-mother-royal-speech-thai-craftsmanship-art-pride/ Sat, 25 Oct 2025 06:01:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1135311

“…ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทย มีสายเลือดของ […]

The post ‘ศิลปาชีพ’ พระพันปีหลวง น้อมรำลึกราชินีแห่งไหมไทย ต้นแบบอนุรักษ์ผ้าไทยก้องโลก สร้างเศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน appeared first on THE STANDARD.

]]>

“…ข้าพเจ้านั้นภูมิใจเสมอมาว่า คนไทย มีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ ชาวนา หรืออาชีพใด อยู่สารทิศใดคนไทยมีความละเอียดอ่อน และไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้เขาได้โอกาสฝึกฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็นได้…”

 

พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2532

 

พระราชดำรัส สมเด็จพระพันปีหลวง ช่างฝีมืออยู่ทุกคน ศิลปะ

 

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกลในการสร้างรากฐานของประชาชนจากภูมิปัญญาท้องถิ่นอันเป็นการส่งเสริมอาชีพและความมั่นคงให้แก่พสกนิกรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ส่งผลให้เกิดความมั่นคงทางวัฒนธรรมของไทยให้คงอยู่ต่อไปและสืบต่อจนปัจจุบัน ก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันให้ราษฎรได้มีอาชีพที่มั่นคง และมีความอบอุ่นในครอบครัว ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานไปประกอบอาชีพที่อื่น

 

พระราชดำรัส สมเด็จพระพันปีหลวง ช่างฝีมืออยู่ทุกคน ศิลปะ

 

‘ศิลปาชีพ’ เป็นงานสําคัญที่เกิดขึ้นเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงงานช่วยเหลือประชาชนในชนบทอย่างใกล้ชิด ด้วยความละเอียดและประณีตของพระองค์ ได้ทรงสังเกตเห็นว่า หัตถกรรมพื้นบ้านที่มีอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ นั้น ล้วนแต่มีคุณค่าและมีความงดงามซ่อนอยู่ อันเป็นเอกลักษณ์ประจําในแต่ละท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องจักสาน เครื่องปั้นดินเผา ที่ชาวบ้านทําขึ้นใช้เองในการดํารงชีวิต ด้วยสายพระเนตรที่กว้างไกล 

 

จึงทรงเห็นว่า ถ้าได้มีการส่งเสริมและพัฒนางานด้านศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านอย่างจริงจังแล้ว จะเกิดประโยชน์ถึงสองทาง คือ ประการแรก เป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวบ้าน และประการที่สอง คือ เป็นการอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้านโบราณ อันเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติไทยให้คงอยู่ต่อไป

 

พระราชดำรัส สมเด็จพระพันปีหลวง ช่างฝีมืออยู่ทุกคน ศิลปะ

 

ด้วยเหตุนี้เอง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงก่อตั้งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2519 เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ยากไร้ในชนบท โดยการส่งเสริมอาชีพเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 

 

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการอนุรักษ์งานศิลปะหัตถศิลป์พื้นบ้าน ที่มีความงดงามหลากหลายสาขาไม่ให้สูญหาย เช่น การปั้น การทอ และการจักสาน สนับสนุนอาชีพทางด้านหัตถกรรมไหมลวดลายต่าง ๆ มาตั้งแต่ปี 2513 จนเป็นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวางและเป็นที่มาของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 

 

พระราชดำรัส สมเด็จพระพันปีหลวง ช่างฝีมืออยู่ทุกคน ศิลปะ

 

พระองค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมไทยในทุกโอกาส เพื่อทรงเป็นแบบอย่าง เนื่องด้วยมีพระราชนิยมเรื่องการใช้ผ้าไทยมาตั้งแต่ครั้งทรงเป็นหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร และทรงงานด้านหม่อนไหมด้วยพระวิริยอุตสาหะมาโดยตลอด และมีพระราชดำริว่า สมควรจะมีหน่วยงานหลักที่จะรับผิดชอบ ดูแลการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม รักษาพันธุ์ไหมพื้นเมืองซึ่งมีเอกลักษณ์ของไทย การย้อมสีธรรมชาติ 

 

ตลอดจนสนับสนุนการทอผ้าไหมไว้อย่างครบวงจร ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไหม ทอผ้าไหม ได้มีอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้พึ่งพาตนเองได้ จึงทรงเป็น ‘พระมารดาแห่งไหมไทย’ ชื่อดังไกลก้องโลก 

 

พระราชดำรัส สมเด็จพระพันปีหลวง ช่างฝีมืออยู่ทุกคน ศิลปะ

 

ปัจจุบัน มูลนิธิฯ มีศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง ทุกแห่งล้วนประสบความสําเร็จเป็นอย่างดี ได้โอบอุ้ม ช่วยเหลือชาวนาชาวไร่ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น สามารถส่งลูกหลานได้เรียนหนังสือและครอบครัวมีชีวิตที่ดี เป็นการขยายโอกาสและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ราษฎร ด้วยผลิตภัณฑ์อันวิจิตรบรรจงที่ยังคงสืบสานวัฒนธรรมอันเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศชาติตลอดไป

 

ปวงชนชาวไทย…น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ‘สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง’

 

น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ผู้ทรงอุทิศพระวรกายตลอดหลายทศวรรษ เพื่อยกระดับชีวิตและศักดิ์ศรีของราษฎร ทรงเป็นแรงบันดาลใจแห่งความเสียสละ ความเมตตา และการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้แผ่นดินไทย ‘อยู่ดี มีสุข’ ตามพระราชปณิธานตลอดกาล…

 

อ้างอิงข้อมูลและภาพ

 

The post ‘ศิลปาชีพ’ พระพันปีหลวง น้อมรำลึกราชินีแห่งไหมไทย ต้นแบบอนุรักษ์ผ้าไทยก้องโลก สร้างเศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สหรัฐฯ เผย CPI เดือนกันยายนชะลอตัวอยู่ที่ 3.0% ต่ำกว่าที่คาดการณ์นักวิเคราะห์ฟันธง Fed เตรียมหั่นดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า https://thestandard.co/us-cpi-september-lower-than-expected-fed-rate-cut/ Sat, 25 Oct 2025 04:13:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1135247 us-cpi-september-lower-than-expected-fed-rate-cut

รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ เผยให้เห็นข่าวดีท […]

The post สหรัฐฯ เผย CPI เดือนกันยายนชะลอตัวอยู่ที่ 3.0% ต่ำกว่าที่คาดการณ์นักวิเคราะห์ฟันธง Fed เตรียมหั่นดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
us-cpi-september-lower-than-expected-fed-rate-cut

รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สหรัฐฯ เผยให้เห็นข่าวดีท่ามกลางภาวะ Government Shutdown โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนกันยายนขยายตัวเพียง 3.0% รายปี และ Core CPI (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) ก็อยู่ที่ 3.0% เช่นกัน ซึ่งทั้งสองตัวเลข ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้อย่างชัดเจน 

 

ทั้งนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อนับเป็นการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจทั่วโลกเฝ้ารอ ท่ามกลางนโยบายระงับการเปิดเผยข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ และยังเป็นข้อมูลที่เปิดทางให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สามารถตัดสินใจ ลดอัตราดอกเบี้ยได้อย่างสบายใจในการประชุมสัปดาห์หน้า (28-29 ตุลาคม) 

 

ตามรายงานของสำนักงานสถิติแรงงาน (BLS) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระบุว่า ราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่ายสำหรับสินค้าและบริการหลากหลายประเภทในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ 

 

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน ทำให้อัตราเงินเฟ้อต่อปีอยู่ที่ 3.0% ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% และ 3.1% ตามลำดับ ส่วนอัตราเงินเฟ้อรายปีสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้น 0.1 จุดเปอร์เซ็นต์จากเดือนสิงหาคม

 

เมื่อไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน Core CPI เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และอัตราต่อปีอยู่ที่ 3.0% เทียบกับการคาดการณ์ที่ 0.3% และ 3.1% ตามลำดับ ก่อนหน้านี้ Core CPI รายเดือนเคยเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม

 

รายงาน CPI ฉบับนี้ถือเป็นข้อมูลเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการเพียงชุดเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ออกมาในช่วงภาวะรัฐบาลปิดทำการ (Government Shutdown)

 

John Kerschner หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ที่มีหลักประกันทั่วโลกของ Janus Henderson กล่าวว่า เหมือนโอเอซิสกลางทะเลทราย ตัวเลข CPI เป็นข้อมูลชิ้นแรกที่เปิดเผยให้กับนักลงทุนจากรัฐบาล นับตั้งแต่การปิดทำการเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

 

“นักลงทุนไม่ผิดหวัง เงินเฟ้อออกมาอ่อนตัวกว่าที่คาดไว้ นำไปสู่การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของตลาดพันธบัตร และทำให้มั่นใจได้ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุม Open Market Committee สัปดาห์หน้า” Kerschner กล่าว 

 

การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซิน 4.1% เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันรายงานในครั้งนี้ ในขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออื่นๆ ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างเงียบ หมวดอาหารเพิ่มขึ้น 0.2% ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายปี พลังงานเพิ่มขึ้น 2.8% และอาหารเพิ่มขึ้น 3.1%

 

ภายในดัชนีอาหาร ราคาเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา และไข่พุ่งขึ้นถึง 5.2% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 5.3% ในหมวดพลังงาน แม้ว่าราคาไฟฟ้าจะสูงขึ้น 5.1% และก๊าซธรรมชาติพุ่งขึ้น 11.7% ในปีที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันเบนซินกลับลดลง 0.5% ในช่วงเวลาดังกล่าว

 

ค่าที่พักอาศัย (Shelter costs) ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของน้ำหนักใน CPI เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% และเพิ่มขึ้น 3.6% จากปีก่อนหน้า ค่าบริการที่ไม่รวมค่าที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกัน

 

ยานพาหนะใหม่เพิ่มขึ้น 0.8% แต่ราคารถยนต์และรถบรรทุกมือสองกลับลดลง 0.4%

 

ดัชนีฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นหลังจากรายงานเปิดเผย ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลงเล็กน้อย

 

“เงินเฟ้ออาจไม่ได้ชะลอตัวลง แต่ก็ไม่ได้สร้างความประหลาดใจในด้านขาขึ้นอีกต่อไปแล้ว” David Russell หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดโลกของ TradeStation กล่าว

 

รายงานนี้ให้ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่การเผยแพร่ข้อมูลอื่น ๆ ทั้งหมดถูกระงับ แม้จะมีผลกระทบที่จำกัดจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่นักวิเคราะห์ระบุว่าผลกระทบเต็มรูปแบบอาจยังไม่ปรากฏออกมา

 

ราคาสินค้าหลักเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ต่อเดือน James Knightley หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของ ING ชี้ว่าข้อมูลในรายงาน CPI ประกอบกับรายได้ศุลกากรที่เกิดจากภาษี บ่งชี้ว่าอัตราภาษีศุลกากรที่รับรู้ (realized tariff rate) อยู่ที่เพียง 10%

 

Knightley เขียนว่ามีสัญญาณของ “ผลกระทบจากการทดแทนที่รุนแรง” เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งหมายถึงบริษัทในสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนไปจัดหาสินค้าจากประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า และองค์ประกอบของการนำเข้ากำลังเปลี่ยนแปลงไป

 

“ผลที่ได้คือบริษัทต่างๆ สามารถดูดซับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นซึ่งไม่รุนแรงเท่าที่กลัวได้ดีขึ้น และมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้จนถึงขณะนี้” เขากล่าว “ในที่สุด เราคาดว่าอัตราภาษีที่รับรู้จะเพิ่มขึ้นและราคาสินค้าจะได้รับผลกระทบมากขึ้น แต่เรายังคงยืนยันว่าภาษีจะเป็นการเปลี่ยนแปลงราคาระดับเดียว (one-off step change) ไม่ใช่สิ่งที่จะนำไปสู่เงินเฟ้อที่คงอยู่ยาวนาน”

 

รายงานสุดท้ายก่อนการประชุม Fed

 

BLS เปิดเผยข้อมูลนี้โดยเฉพาะ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานในการปรับค่าครองชีพ (COLAs) ในเช็คเงินสวัสดิการ ขณะที่การรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลของรัฐบาลกลางถูกระงับทั้งหมดจนกว่าความขัดแย้งทางการคลังในวอชิงตันจะได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ รายงาน CPI เดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 15 ตุลาคม

 

นอกจากการเป็นแนวทางสำหรับ COLA แล้ว การเปิดเผย CPI ยังเป็นข้อมูลสำคัญสุดท้ายที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะได้รับก่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า Fed มีเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ซึ่งตัวเลขหัวข้อข่าว (Headline CPI) อยู่ต่ำกว่าระดับนั้นครั้งล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2564

 

“รายงานนี้จะทำให้ Fed ยังคงเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ย อย่างแน่นอน” Art Hogan หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของ B. Riley Wealth กล่าว พร้อมกับเสริมว่า “Fed ชัดเจนว่าพวกเขามุ่งเน้นไปที่ข้อมูลตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลงมากกว่า และจะยังคงปกป้องพันธกิจด้านการจ้างงานเต็มที่ แม้ว่า Core CPI จะอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของพวกเขาก็ตาม”

 

ตลาดกำลังเชื่อมั่นว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนลง 0.25% จากช่วงเป้าหมายปัจจุบันที่ 4% – 4.25% และนักลงทุนยังคาดการณ์อีกว่าการปรับลดอีกครั้งในเดือนธันวาคม

 

อย่างไรก็ตาม เส้นทางหลังจากนั้นยังคงไม่ชัดเจน ความกังวลยังคงอยู่ว่าภาษีของ ทรัมป์อาจก่อให้เกิดเงินเฟ้อรอบใหม่ที่รุนแรง ในขณะเดียวกัน ผู้กำหนดนโยบายของ Fed ก็กังวลว่าการชะลอตัวของการจ้างงานในปีนี้อาจจะลุกลาม แม้ว่าการเลิกจ้างยังคงอยู่ในระดับต่ำ

 

ราคาสินค้าที่อ่อนไหวต่อภาษีอย่างเครื่องนุ่งห่ม เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนกันยายน ขณะที่สินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 0.3%

 

Jerome Powell ประธาน Fed และเพื่อนร่วมงานได้แสดงท่าทีระมัดระวังโดยทั่วไปเกี่ยวกับอัตราการลดดอกเบี้ย เนื่องจากพวกเขาชั่งน้ำหนักภัยคุกคามของเงินเฟ้อกับความอ่อนแอในตลาดแรงงาน ขณะที่ทรัมป์นั้น ยืนกรานว่าเงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป และ Fed ควรลดดอกเบี้ยอย่างเต็มที่ได้แล้ว

 

ภาพ: Liao Pan/China News Service/VCG via Getty Images 

 

อ้างอิง:

The post สหรัฐฯ เผย CPI เดือนกันยายนชะลอตัวอยู่ที่ 3.0% ต่ำกว่าที่คาดการณ์นักวิเคราะห์ฟันธง Fed เตรียมหั่นดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำรวจ ‘เซ็นทรัล กระบี่’ โครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 4,500 ล้านบาท ของเซ็นทรัลพัฒนา เปิดอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้! https://thestandard.co/central-krabi-mix-used-project-opening/ Fri, 24 Oct 2025 13:43:29 +0000 https://thestandard.co/?p=1135079

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (24 ต.ค.) สำหรับ ‘เซ […]

The post สำรวจ ‘เซ็นทรัล กระบี่’ โครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 4,500 ล้านบาท ของเซ็นทรัลพัฒนา เปิดอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้! appeared first on THE STANDARD.

]]>

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (24 ต.ค.) สำหรับ ‘เซ็นทรัล กระบี่’ โครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกของจังหวัดกระบี่และแห่งที่ 6 ในภาคใต้ ด้วยมูลค่าการลงทุน 4,500 ล้านบาท ซึ่งนี่ถือเป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 44 ของเซ็นทรัลพัฒนา

 

“เซ็นทรัล กระบี่จะช่วยเสริมศักยภาพของเมืองในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิตของผู้คน และเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกของไทยที่มุ่งสู่มาตรฐาน EDGE Zero เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และศูนย์กลางของประสบการณ์ Sustainable Tourism แห่งใหม่ของไทย” วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าว 

 

เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส

 

ตัวโครงการมีพื้นที่โครงการรวม 114 ไร่ ประกอบด้วยศูนย์การค้าพื้นที่ 54 ไร่ พื้นที่อาคารรวม (GBA) 86,609 ตารางเมตร, โครงการที่อยู่อาศัย BAAN NINYA KRABI วิลล่าหรูวิวภูเขา , คอนโดมิเนียมหรูบรรยากาศรีสอร์ต PHYLL และ โรงแรม ที่อยู่ระหว่างคัดเลือกเชนที่จะเข้ามาบริหาร 

 

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา ให้เหตุผลที่เลือกมาเปิดศูนย์การค้าที่นี่ว่า กระบี่เป็นหนึ่งในจังหวัดศักยภาพสูงของภาคใต้ เป็น Tourism Powerhouse of Andaman ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567 กว่า 91,000 ล้านบาท ติด Top 5 ของประเทศ (ไม่รวมกรุงเทพฯ) และ Top ของภาคใต้

 

คาดว่าปี 2568 รายได้จากการท่องเที่ยวจะเติบโตแตะ 1 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 6.3 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากยุโรป, มาเลเซีย, อินเดีย และสิงคโปร์ 

 

นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งของจังหวัดกำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะการขยายท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ เทอร์มินอลใหม่ ที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 8 ล้านคนต่อปี โดยล่าสุดมีจำนวนเที่ยวบินในเดือนต.ค. 2568 เฉลี่ย 900 เที่ยว 

 

และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวไฮซีซั่น โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรป สแกนดิเนเวีย อินเดีย ตะวันออกกลางและเอเชียที่มีการเชื่อมต่อเส้นทางบินใหม่กว่า 40 เที่ยวต่อสัปดาห์

 

เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส

 

อีกทั้งยังมีโครงการ ท่าเรือวงแหวนอันดามัน ที่เชื่อม กระบี่–ภูเก็ต–พังงา เป็น Triangle of Andaman รองรับเรือเฟอร์รี่ความเร็วสูง สร้าง Seamless Connectivity ครบทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล 

 

แน่นอนการที่ CPN จะไปปักหลักที่ไหนย่อมต้องดูว่า มีโอกาสด้านธุรกิจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งด้านประชากรในจังหวัดมีกำลังซื้อเติบโตต่อเนื่องจากทั้งคนในพื้นที่ และแรงหนุนของนักท่องเที่ยวคุณภาพ 

 

โดยกระบี่มีประชากรราว 480,000 คน แต่อยู่ในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงของภาคใต้ โดยกว่า 70% เป็นคนวัยทำงาน วัยรุ่น และครอบครัวรุ่นใหม่ที่มีกำลังใช้จ่ายและเปิดรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ 

 

อีกทั้งยังมีกลุ่มผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว นักลงทุนรุ่นใหม่ รวมถึง Expats และ Long-Stay Residents ที่เข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่แข็งแกร่งของจังหวัดกระบี่

 

ที่น่าสนใจคือข้อมูลจาก The 1 Insight คนกระบี่ส่วนใหญ่มีกำลังซื้อสูง ด้านภาพรวมการใช้จ่ายภาคใต้ พบมีการใช้จ่ายสูงสุด เฉลี่ยกว่า 10,000 บาทต่อบิล ในกลุ่มสินค้า Luxury ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศถึง 2 เท่า และเพิ่มขึ้นกว่า 22% ในช่วง High Season โดยเฉพาะกลุ่มแฟชั่น มียอดใช้จ่ายเฉลี่ยเกือบ 20,000 บาทต่อบิล 

 

เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส

 

“ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงศักยภาพของกลุ่มลูกค้าภาคใต้ที่มีกำลังซื้อสูง และมีความพร้อมในการจับจ่ายสินค้าพรีเมียม การเปิดศูนย์การค้าใหม่ในพื้นที่จึงช่วยตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว

 

ในศูนย์การค้าได้รวมกว่า 300 แบรนด์ชั้นนำ ครบทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งกิน ดื่ม ช้อป สุขภาพ และความบันเทิง รวมแบรนด์ยอดนิยมจากกรุงเทพฯ เช่น Souri, Bonchon, Boost Juice, Bearhouse, Adidas, Beautrium, LUSH พร้อมดึงร้านอาหารดังท้องถิ่นและคาเฟ่ชื่อดังของภาคใต้มาไว้ในที่เดียว อาทิ Much & Mellow, ธงทะเลซีฟู้ด, Kopi Tiam, และ Kinlenn Eatery & Play 

 

ครบด้วยแบรนด์ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป ได้แก่ Tops, Auto1, Supersports, B2S, Power Buy และไฮไลต์สำหรับครอบครัว เช่น Jetts Fitness 24 ชั่วโมง , HarborLand ครั้งแรกของภาคใต้ และ SF Cinema ระบบ All Laser Projection รวมทุกประสบการณ์การใช้ชีวิตไว้ในที่เดียว สำหรับทั้งคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยว และครอบครัวรุ่นใหม่

 

ที่สำคัญ ‘เซ็นทรัล กระบี่’ ยังได้มุ่งสู่การเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรอง EDGE Zero ด้วยมาตรฐานอาคารสีเขียวระดับโลก ครอบคลุม 4 ด้านหลัก

 

เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส เซ็นทรัล กระบี่ เปิดตัว Central Krabi มิกซ์ยูส

 

  1. Energy Saving: ลดพลังงานกว่า 40% พร้อม Solar Cell 14,400 ตร.ม. ผลิตไฟฟ้า 3.2 เมกะวัตต์ มากที่สุดของศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล 
  2. Waste Management: ถนน Green Road ยาวกว่าครึ่งกิโลเมตร ทำจากพลาสติกรีไซเคิลและ Biochar พร้อม Recycle Station แลกขยะเป็นเงินได้ 
  3. Upcycling & Art: แปลงขยะทะเลเป็นงานศิลป์และตกแต่งแลนด์สเคป 
  4. Krabi CSR Collection: ร่วมกับ แบรนด์ Sabina, Good Goods แปรรูปแหอวนทะเลรีไซเคิลเป็นเสื้อผ้า และคอลเลกชันรักษ์โลกจาก Hug Craft

 

ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ได้ตั้งเป้าทราฟฟิกกว่า 25,000 คน/วัน สำหรับเซ็นทรัล กระบี่

 

The post สำรวจ ‘เซ็นทรัล กระบี่’ โครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 4,500 ล้านบาท ของเซ็นทรัลพัฒนา เปิดอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้! appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุป! การประชุม 4th plenum จีนมุ่งมั่นพึ่งพาตนเอง ด้านเทคโนโลยี ตั้งเป้าโตอย่างมีคุณภาพ https://thestandard.co/china-tech-self-reliance-growth/ Fri, 24 Oct 2025 10:31:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1134991 สรุป การประชุม 4th plenum จีนมุ่งมั่นพึ่งพาตนเอง ด้านเทคโนโลยี ตั้งเป้าโตอย่างมีคุณภาพ

การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวน […]

The post สรุป! การประชุม 4th plenum จีนมุ่งมั่นพึ่งพาตนเอง ด้านเทคโนโลยี ตั้งเป้าโตอย่างมีคุณภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุป การประชุม 4th plenum จีนมุ่งมั่นพึ่งพาตนเอง ด้านเทคโนโลยี ตั้งเป้าโตอย่างมีคุณภาพ

การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (4th plenum) ในวันที่ 20-23 ตุลาคม 2025 สิ้นสุดลงแล้ว ซึ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ทางการจีนได้เตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น และระยะกลาง

 

โดยเป้าหมายทางเศรษฐกิจ คาดว่าจะระบุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ซึ่งคาดว่าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในการประชุมสองสภาช่วงเดือนมีนาคม 2026

 

แม้ทางการจีนไม่ได้เปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่ได้เน้นย้ำถึงแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในด้านต่างๆ ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

 

1. ทางการจีนจะให้ความสำคัญกับ ‘วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี’ เพื่อที่จะพึ่งพาตนเองในเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นผู้นำของโลกทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีภายในปี 2035 โดยจะสนับสนุนเทคโนโลยีควอนตัม และ การผลิตทางชีวภาพ (Biomanufacturing) เป็นต้น ความมุ่งมั่นดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาความขัดแย้งทางการค้าและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีนในปัจจุบัน โดยจีนเองเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีในหลายด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐาน 5G แต่จีนเองยังพึ่งพาอุตสาหกรรม Semiconductor จากทางสหรัฐฯ

 

2. การให้ความสำคัญกับการบริโภคในประเทศ ประเด็นนี้ถูกเน้นย้ำในการประชุมสำคัญของจีนมาหลายครั้ง ซึ่งในการประชุม 4th plenum นี้จีนยังคงเน้นย้ำถึงความพยายามในการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะระบุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ของจีน

 

3. การจัดการเรื่องปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน และสงครามราคา (Involution) เป็นประเด็นที่ทางการให้ความสนใจ และเตรียมมาตรการที่จะเข้ามาจัดการ แต่ไม่ได้ระบุถึงแนวทางหรือรายละเอียดที่ชัดเจนเพิ่มเติม

 

4. แนวทางการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ผ่านการสนับสนุนในภาคการบริการ และมองหาโอกาสต่างๆ ร่วมกัน รวมถึงสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศเพิ่มขึ้น เช่น การเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาแข่งขันในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ และทางรถไฟฟ้าเป็นครั้งแรก เป็นต้น

 

5. การสนับสนุน ‘Silver Economy’ แถลงการณ์หลังประชุมระบุว่าอาจมีการเลื่อนอายุเกษียณ รวมถึงจะสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุในกิจกรรมทางสังคมต่างๆ และให้เงินอุดหนุนสำหรับระบบการดูแลระยะยาว (Long–term care) และภาวะสมองเสื่อมของผู้สูงอายุ

 

6. การให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรม Healthcare service โดยจะให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นอันดับที่ 1 ซึ่งระบุว่าจะยืดอายุขัยเฉลี่ยจาก 79 ปี เป็น 80 ปีในอีก 5 ปี ข้างหน้า

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การประชุม 4th plenum ของจีนครั้งนี้ทางการจีนไม่ได้มีประเด็นใหม่ แต่ได้เน้นย้ำจุดยืนที่สำคัญในหลายเรื่องเพื่อที่จะให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีที่จีนต้องการพึ่งพาตนเองเพื่อรับมือกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยังมีต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันหลายบริษัทในจีนได้เตรียมความพร้อมและพัฒนาการผลิต semiconductor อย่างก้าวหน้ามากขึ้น

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังแนะนำให้ติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่จะมีขึ้นที่ประเทศมาเลเซียในวันที่ 24-27 ตุลาคม 2025 นี้

The post สรุป! การประชุม 4th plenum จีนมุ่งมั่นพึ่งพาตนเอง ด้านเทคโนโลยี ตั้งเป้าโตอย่างมีคุณภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ‘MR. D.I.Y.’ พร้อมใจ ‘ล็อกอัพ’ หุ้นเกินกว่าเกณฑ์ตลาดฯ ชี้ภาพโครงสร้างแข็งแกร่ง https://thestandard.co/mr-diy-lockup-shows-strength/ Fri, 24 Oct 2025 10:27:08 +0000 https://thestandard.co/?p=1134983 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ‘MR. D.I.Y.’ พร้อมใจ ‘ล็อกอัพ’ หุ้นเกินกว่าเกณฑ์ตลาดฯ ชี้ ภาพโครงสร้างแข็งแกร่ง

บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ( […]

The post ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ‘MR. D.I.Y.’ พร้อมใจ ‘ล็อกอัพ’ หุ้นเกินกว่าเกณฑ์ตลาดฯ ชี้ภาพโครงสร้างแข็งแกร่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ‘MR. D.I.Y.’ พร้อมใจ ‘ล็อกอัพ’ หุ้นเกินกว่าเกณฑ์ตลาดฯ ชี้ ภาพโครงสร้างแข็งแกร่ง

บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MR. D.I.Y. (MRDIYT) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ประกาศว่า ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งหมดได้แสดงความจำนงสมัครใจล็อกอัพ (Lock-up) หุ้นของตนเองเพิ่มเติมจากข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

 

การดำเนินการดังกล่าวรวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายในกลุ่มเดิมผ่านรายการ บิ๊กล็อต (Big Lot Transaction) ในวันแรกของการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตอกย้ำถึงพันธกิจในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและนักลงทุน

 

ทั้งนี้ บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 420 ล้านหุ้น และผู้ถือหุ้นเดิมเสนอขายอีกจำนวน 235 ล้านหุ้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 655 ล้านหุ้น

 

84.26% ของหุ้นหลัง IPO ถูกล็อกอัพ

 

แอนดี้ ชิน กวานกุ้ย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MR. D.I.Y. เปิดเผยว่า การสมัครใจล็อกอัพหุ้นทั้งหมดของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ส่งผลให้จำนวนหุ้นภายใต้ข้อจำกัดในการจำหน่าย (Lock-up Restrictions) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

โดยรวมหุ้นทั้งสิ้น จำนวน 5,070 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 84.26% ของหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) ถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดในการจำหน่าย

 

การตัดสินใจดังกล่าวเน้นย้ำถึง ความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นระยะยาว ของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีต่อ MR. D.I.Y. อย่างชัดเจน

 

ชี้แจง Big Lot และการล็อกอัพที่สมัครใจ

 

พิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการทำธุรกรรมภายในกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ดังนี้

 

  • จะมีการซื้อขายหุ้นระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมบนกระดาน Big Lot ในวัน IPO จำนวนไม่เกิน 245 ล้านหุ้น (ไม่เกิน 4.07% ของทุนชำระแล้ว)
  • ธุรกรรมนี้เป็นเพียงการ ปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายใน
  • ที่สำคัญคือ ผู้เข้าซื้อหุ้นในรายการ Big Lot นี้ได้ สมัครใจล็อกอัพหุ้นทั้งหมดที่ได้มาด้วยเช่นกัน

 

นอกจากนี้ จอมพงษ์ โตมงคล ผู้ถือหุ้นที่ทำรายการขายหุ้น Big Lot จำนวน 245 ล้านหุ้น ยังได้ยืนยันความเชื่อมั่นในธุรกิจ โดยภายหลังการชำระคืนหนี้สินส่วนบุคคลจากการปลดหลักประกัน หุ้นที่เหลือทั้งหมดจำนวน 309 ล้านหุ้น จะถูกล็อกอัพเป็นระยะเวลา 12 เดือน โดยสมัครใจ

 

สรุปโครงสร้างหุ้นที่ล็อกอัพ

 

กนต์ธีร์ ประเสริฐวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินฯ ได้สรุปการกำหนดหุ้นที่ถูกห้ามจำหน่าย แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก:

 

1. ล็อกอัพ 12 เดือน:

 

  • หุ้นของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารที่ถูกสั่งห้ามขายตามข้อบังคับของ ตลท. และที่ถูกห้ามขายโดยสมัครใจ
  • รวมทั้งสิ้น 4,524 ล้านหุ้น หรือ 75.18% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO

 

2. ล็อกอัพ 90 วัน:

 

  • หุ้นของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารและผู้ถือหุ้นอื่นที่ถูกห้ามขายโดยสมัครใจ
  • รวมทั้งสิ้น 546.1 ล้านหุ้น หรือ 9.08% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO

 

การล็อกอัพที่เข้มงวดเกินกว่าเกณฑ์ทั้งหมดนี้ เป็นการสะท้อนถึง ความพร้อมและความมุ่งมั่นของ MR. D.I.Y. ในการสร้างความเชื่อมั่นอย่างสูงให้กับนักลงทุนในตลาดทุน

 

เคาะราคาไอพีโอ 8.60 บาท เข้าเทรด 5 พ.ย.นี้

 

ทั้งนี้ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) ประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายของหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 8.60 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นระดับบนสุดของช่วงราคาเสนอขาย สะท้อนถึงความต้องการจองซื้อที่ล้นหลามจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

ณ ราคา 8.60 บาทต่อหุ้น ทำให้บริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) รวม 51.7 พันล้านบาท นับเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในรอบ 3 ปี และใหญ่ที่สุดในปีนี้ โดยหุ้น MRDIYT คาดว่าจะเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568

 

เงินทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO จะถูกนำมาใช้ เสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ผ่านการ ลดภาระหนี้สินคงค้าง และสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตของ MR. D.I.Y. ซึ่งมุ่งเปิดสาขาใหม่ไม่น้อยกว่า 500 แห่งภายใน 3 ปีข้างหน้า รวมถึง พัฒนาและเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับเป้าหมายการขยายสาขาทั่วประเทศให้กว่า 1,500 แห่งภายในปี 2570

The post ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ‘MR. D.I.Y.’ พร้อมใจ ‘ล็อกอัพ’ หุ้นเกินกว่าเกณฑ์ตลาดฯ ชี้ภาพโครงสร้างแข็งแกร่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรุงไทยผงาดผู้นำลงทุนหุ้นนอก หลังครอง Market Cap 50% เร่งขยาย DR80 ครอบคลุมหุ้นเด่นทั่วโลก https://thestandard.co/krungthai-dominates-foreign-stock-investing/ Fri, 24 Oct 2025 09:50:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1134770 กรุงไทย ผงาดผู้นำลงทุนหุ้นนอก หลังครอง Market Cap 50% เร่งขยาย DR80 ครอบคลุมหุ้นเด่นทั่วโลก

ในยุคที่การลงทุนกลายเป็นเรื่อง ‘เข้าถึงได้ง่าย’ และใกล้ […]

The post กรุงไทยผงาดผู้นำลงทุนหุ้นนอก หลังครอง Market Cap 50% เร่งขยาย DR80 ครอบคลุมหุ้นเด่นทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรุงไทย ผงาดผู้นำลงทุนหุ้นนอก หลังครอง Market Cap 50% เร่งขยาย DR80 ครอบคลุมหุ้นเด่นทั่วโลก

ในยุคที่การลงทุนกลายเป็นเรื่อง ‘เข้าถึงได้ง่าย’ และใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนรายใหม่ ๆ ตบเท้าเข้าสู่ตลาดกันอย่างคึกคักเพื่อวางแผนการสร้างรายได้ในรูปแบบความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ควบคู่ไปกับอาชีพหลักที่ทำอยู่ในปัจจุบัน

 

ปรากฏการณ์ดังกล่าวมีส่วนไม่น้อยที่ทำให้ธนาคารและสถาบันที่ดำเนินงานด้านการลงทุนหลายแห่งภายใต้การกำกับและดูแลของ ก.ล.ต. จำเป็นจะต้องปรับตัว เพิ่มทางเลือกการลงทุนของตนเองให้หลากหลาย และครอบคลุมความต้องการของบรรดานักลงทุนให้มากเพียงพอตามไปด้วย เพื่อตอบสนองอุปสงค์ดังกล่าว

 

เช่นเดียวกันกับ ‘ธนาคารกรุงไทย’ ที่พวกเขาก็มีทางเลือกการลงทุนในหุ้นต่างประเทศผ่านผลิตภัณฑ์อย่าง DR หรือ Depositary Receipt (ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศที่ธนาคารกรุงไทยออกเพื่อให้นักลงทุนไทยสามารถ ลงทุนหุ้นนอกได้ง่ายขึ้นด้วยสกุลเงินบาท และไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีต่างประเทศ) ไว้รองรับกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการขยายพอร์ทตัวเอง

 

ผงาดขึ้นแท่นผู้นำตลาด DR ด้วย Market Cap กว่า 50%

 

ปัจจุบันมีการเปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยได้ขึ้นแท่นการเป็นผู้นำในตลาด DR เป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่พวกเขาครอง Market Cap หรือมูลค่าตามราคาตลาดสูงเป็นลำดับหนึ่ง หรือเทียบเท่าในสัดส่วนถึงราว 50% ภายใต้แบรนด์ ‘Krungthai DR80’

 

ซึ่งไมล์ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เปรียบได้ดั่งภาพสะท้อนที่เหล่านักลงทุนมีต่อการลงทุนผ่านธนาคารกรุงไทยในฐานะตัวแทนของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

 

รวินทร์ บุญญานุสาสน์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวถึงมูฟเมนท์ในครั้งนี้ไว้ว่า กรุงไทยได้มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ลงทุนที่ตอบโจทย์ทุกสภาวะตลาด ภายใต้แนวคิด Krungthai Investment ก้าวสู่การลงทุนที่คุณวางแผนได้

 

โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Krungthai DR80 ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน ‘สะพานเชื่อมการลงทุนหุ้นโลก’ ช่วยให้นักลงทุนไทยกระจายพอร์ตสู่หุ้นระดับโลกได้สะดวก ทั้งยังช่วยยกระดับศักยภาพตลาดทุนไทยในระยะยาว

 

ปัจจุบัน DR80 ได้กลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์นักลงทุนไทยทั้งรายย่อยและสถาบัน ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง ด้วยจุดเด่นของการเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถลงทุนด้วยสกุลเงินบาท ซื้อขายสะดวกบนตลาดหลักทรัพย์ไทย เหมือนหุ้นไทยทั่วไป และมีผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) อย่างต่อเนื่องทั้งกลางวัน และกลางคืน ครอบคลุมช่วงเวลาการซื้อขายของตลาดหุ้นหลักทั่วโลก

 

Krungthai DR80 ครอบคลุมหลักทรัพย์ชั้นนำ 49 หลักทรัพย์ใน 5 หมวดการลงทุนหลัก ได้แก่

 

  • Consumer & Lifestyle ได้แก่ Amazon (AMZN80), Alibaba (BABA80), Nike (NIKE80), L’Oréal (LOREAL80), Starbucks (SBUX80), Booking Holdings (BKNG80), Meituan (MEITUAN80), Trip.com (TRIPCOM80) และอีกหลายแบรนด์ระดับโลก
  • Global Technology & Innovation ได้แก่ Apple (AAPL80), Microsoft (MSFT80), NVIDIA (NVDA80), Alphabet–Google (GOOG80), Meta (META80), Tencent (TENCENT80), Sony (SONY80), Netflix (NFLX80), และ Baidu (BIDU80)
  • Financials & Investment ได้แก่ Berkshire Hathaway (BRKB80), Visa (VISA80), Mastercard (MA80), Ping An Insurance (PINGAN80), Nikkei 225 ETF (NIKKEI80)
  • Healthcare & Biotech ได้แก่ Novo Nordisk (NOVOB80), Eli Lilly (LLY80), Sanofi (SANOFI80)
  • Mobility & Energy ได้แก่ Tesla (TSLA80), Toyota (TOYOTA80), Ferrari (FERRARI80), BYD (BYDCOM80), CATL (CATL80), Geely (GEELY80)

 

เดินหน้าแผนดัน DR80 เติบโต เร่งขยายตลาดครอบคลุมหุ้นต่างประเทศที่หลากหลายกว่าเดิม

 

นอกเหนือจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังได้ประกาศถึงความตั้งใจของพวกเขาในการเดินหน้าพัฒนาและขยายผลิตภัณฑ์ DR ให้สามารถเพิ่มโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ที่หลากหลายให้กับบรรดานักลงทุน ภายใต้แบรนด์ Krungthai DR80

 

โดยเตรียมเพิ่มทางเลือกการลงทุนใน ETF ต่างประเทศ และหุ้นรายตัวจากตลาด ‘หุ้นจีน’ เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้อย่างหลากหลายและต่อเนื่องในหลาย ๆ เซกเมนต์ความสนใจ

 

นักลงทุนสามารถซื้อขาย DR80 ได้ผ่านแอป Streaming ทุกโบรกเกอร์ ด้วยขั้นตอนเหมือนหุ้นไทย พร้อมติดตามข้อมูลและราคาหุ้นอ้างอิงแบบเรียลไทม์ได้ที่ https://krungthai.com/link/thestandard-dr80

The post กรุงไทยผงาดผู้นำลงทุนหุ้นนอก หลังครอง Market Cap 50% เร่งขยาย DR80 ครอบคลุมหุ้นเด่นทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘อรรถพล’ ชี้คว่ำบาตรรัสเซียกระทบระยะสั้น กองทุนน้ำมันติดลบ ‘ลดฮวบ’ จากแสนล้านเหลือแค่ 1.4 หมื่นล้าน https://thestandard.co/russia-sanctions-oil-fund-plummets/ Fri, 24 Oct 2025 09:38:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1134956 russia-sanctions-oil-fund-plummets

กองทุนน้ำมันติดลบจากแสนล้านเหลือ 1.4 หมื่นล้าน! รมว. ‘อ […]

The post ‘อรรถพล’ ชี้คว่ำบาตรรัสเซียกระทบระยะสั้น กองทุนน้ำมันติดลบ ‘ลดฮวบ’ จากแสนล้านเหลือแค่ 1.4 หมื่นล้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
russia-sanctions-oil-fund-plummets

กองทุนน้ำมันติดลบจากแสนล้านเหลือ 1.4 หมื่นล้าน! รมว. ‘อรรถพล’ เผยสหรัฐฯ คว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย กระทบระยะสั้น ยันตรึงดีเซลอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร

 

วันนี้ (24 ต.ค.) อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงผลกระทบจากการที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย

 

โดยบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการคว่ำบาตร 2 บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย นับเป็นบทลงโทษทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ครั้งแรกต่อประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของทรัมป์เพื่อยุติสงครามยูเครน

 

จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่มีเอกชนไทยรายใดที่มีสัญญาซื้อขายน้ำมันกับบริษัทรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร

 

“แม้เหตุการณ์นี้จะทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นมากในระยะสั้น แต่ในส่วนของประเทศไทยราคาดีเซลยังคงตรึงอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร โดยใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วย”

 

ทั้งนี้ กองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันติดลบอยู่ประมาณ 14,000 กว่าล้านบาท ซึ่งดีขึ้นมากจากจุดสูงสุดที่เคยติดลบกว่าแสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเฉพาะส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง กองทุนยังคงเป็นบวกและพอเพียงในการช่วยตรึงราคาดีเซลได้

 

รมว.พลังงาน ระบุว่า สถานการณ์ราคาที่พุ่งสูงขึ้นตอนนี้มองว่าเป็นการกระชากขึ้นชั่วคราว แต่ในระยะกลางถึงยาว กำลังการผลิตของโลก (OPEC Plus) ยังคงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุปทานน้ำมันไม่ได้ขาด

 

“คาดว่าราคาน้ำมันคงไม่สูงขึ้นไปมากกว่าปัจจุบันมากนัก และเชื่อว่ากองทุนน้ำมันน่าจะสามารถจัดการได้”

 

ย้อนดูสถานะกองทุนน้ำมัน ปรับลดจากระดับแสนล้านบาท เหลือ 1.4 หมื่นล้าน

 

THE STANDARD WEALTH สำรวจฐานะกองทุนน้ำมันฯล่าสุด ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2568 ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนน้ำมันฯ ติดลบเหลืออยู่ที่ 14,754 ล้านบาท

 

แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 26,910 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 41,664 ล้านบาท ส่วนการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันเบนซินในครั้งนี้ จะทำให้รายรับของน้ำมันเบนซินลดลง เหลือประมาณวันละ 83.17 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 92.79 ล้านบาท ขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันดีเซลยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ประมาณวันละ 61.70 ล้านบาทเท่าเดิม

 

ทั้งนี้ หากเทียบย้อนหลัง กองทุนน้ำมันดีขึ้นต่อเนื่อง ลดลงตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ในระดับแสนล้านบาท

 

ทั้งนี้ หากเทียบย้อนหลัง กองทุนน้ำมันดีขึ้นต่อเนื่อง ลดลงตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ในระดับแสนล้านบาท

 

ส่วนความคืบหน้าการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) นั้น อรรถพล กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) อยู่ระหว่างแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนฉบับใหม่ เพื่อปรับโครงสร้างและที่มาของบอร์ด ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 27 ต.ค.นี้

 

ภาพ: Trifonenko / Getty images

The post ‘อรรถพล’ ชี้คว่ำบาตรรัสเซียกระทบระยะสั้น กองทุนน้ำมันติดลบ ‘ลดฮวบ’ จากแสนล้านเหลือแค่ 1.4 หมื่นล้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
กระทรวงการคลัง จัดเก็บรายได้ ‘ต่ำกว่า’ ประมาณการ 6.4 หมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568 https://thestandard.co/finance-ministry-revenue-misses-estimate/ Fri, 24 Oct 2025 09:19:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1134944 กระทรวงการคลัง จัดเก็บรายได้ ‘ต่ำกว่า’ ประมาณการ 6.4 หมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568

กระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้ ‘ต่ำกว่า’ ประมาณการ 6.4 หมื […]

The post กระทรวงการคลัง จัดเก็บรายได้ ‘ต่ำกว่า’ ประมาณการ 6.4 หมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
กระทรวงการคลัง จัดเก็บรายได้ ‘ต่ำกว่า’ ประมาณการ 6.4 หมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568

กระทรวงการคลังจัดเก็บรายได้ ‘ต่ำกว่า’ ประมาณการ 6.4 หมื่นล้านบาท อยู่ที่ 2.82 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568 จับตาปีงบประมาณ 2569 ตั้งเป้าจัดเก็บทะลุ 2.92 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1.2%

 

กระทรวงการคลังรายงาน ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิ ปีงบประมาณ 2568 (ระหว่างตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) โดยระบุว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 2,822,709 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 64,291 ล้านบาท หรือ 2.2% แต่สูงกว่าปีก่อน 0.9%

 

โดยหน่วยงานที่จัดเก็บรายได้ได้ต่ำกว่าประมาณการ ได้แก่

  • กรมสรรพสามิต: จัดเก็บรายได้สุทธิอยู่ที่ 537,540 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 11.8% เนื่องจากภาษีรถยนต์เนื่องจากมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นสำคัญ
  • กรมศุลกากร: จัดเก็บรายได้สุทธิอยู่ที่ 119,144 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 2.5% เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าที่ประมาณการไว้ ตลอดจนการเปิดเสรีทางการค้าและการนำเข้ารถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาปที่ลดลงส่งผลให้อากรขาเข้าขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการไว้
  • กรมสรรพากร: จัดเก็บรายได้สุทธิอยู่ที่ 2,335,300 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1.6% เนื่องจากภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าต่ำกว่าเป้า

 

ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของส่วนราชการอื่น และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจสูงกว่าประมาณการจากการนำส่งเงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล และมีรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ

 

เก็บรายได้ งบ 2568

 

ทั้งนี้ ตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2569 – 2572) กระทรวงการคลังตั้งเป้าจัดเก็บรายได้สุทธิในปี 2569 อยู่ที่ 2,920,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิปี 2568

The post กระทรวงการคลัง จัดเก็บรายได้ ‘ต่ำกว่า’ ประมาณการ 6.4 หมื่นล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>