Business – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 05 Feb 2025 01:42:30 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชมคลิป: เปิดเกมเดือด! จีนโต้สหรัฐฯ ทันที ขึ้นภาษีถึง 15% หลังทรัมป์เมินต่อเวลา | Morning Wealth 5 ก.พ. 2568 https://thestandard.co/morning-wealth-05022025/ Wed, 05 Feb 2025 01:42:30 +0000 https://thestandard.co/?p=1038170

จีนโต้กลับสหรัฐฯ! ประกาศขึ้นภาษียกแผง 10-15% ทันทีที่สห […]

The post ชมคลิป: เปิดเกมเดือด! จีนโต้สหรัฐฯ ทันที ขึ้นภาษีถึง 15% หลังทรัมป์เมินต่อเวลา | Morning Wealth 5 ก.พ. 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>

จีนโต้กลับสหรัฐฯ! ประกาศขึ้นภาษียกแผง 10-15% ทันทีที่สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10% ไม่ต่อเวลา รายละเอียดเป็นอย่างไร

 

เจาะลึกแผนธุรกิจ ‘เหมืองบิทคอยน์’ กลุ่ม JAS มีโอกาสโตแค่ไหน พูดคุยกับ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (รักษาการ) บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ JAS และ ซังโดลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น หรือ JTS

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

 

The post ชมคลิป: เปิดเกมเดือด! จีนโต้สหรัฐฯ ทันที ขึ้นภาษีถึง 15% หลังทรัมป์เมินต่อเวลา | Morning Wealth 5 ก.พ. 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชาวอเมริกันหมดยุคช้อปของถูก? ทรัมป์สั่งยุติกฎ de minimis อีคอมเมิร์ซจีน SHEIN-Temu อ่วม https://thestandard.co/shein-temu-impact/ Wed, 05 Feb 2025 01:19:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1038166 shein-temu-impact

แม้กฎหมายบังคับใช้ภาษีในอัตรา 25% กับสินค้าจากเม็กซิโกแ […]

The post ชาวอเมริกันหมดยุคช้อปของถูก? ทรัมป์สั่งยุติกฎ de minimis อีคอมเมิร์ซจีน SHEIN-Temu อ่วม appeared first on THE STANDARD.

]]>
shein-temu-impact

แม้กฎหมายบังคับใช้ภาษีในอัตรา 25% กับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะถูกระงับชั่วคราว แต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยังยืนยันจะใช้มาตรการภาษี 10% กับสินค้าจีน โดยอาศัยคำสั่งพิเศษประธานาธิบดี (Executive Order) ซึ่งในรายละเอียดของคำสั่งดังกล่าวมีการพูดถึงข้อกำหนดสำคัญที่มุ่งเป้าไปยังกฏกฎที่เรียกว่า de minimis

 

de minimis เป็นกฎที่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำในการนำเข้าสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งในปัจจุบันสหรัฐฯ อนุญาตให้สินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องเสียภาษีศุลกากร ทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าหากสั่งสินค้าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

การมีอยู่ของกฎ de minimis ก็เป็นเหมือนกับช่องโหว่ให้บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ อย่างเช่น SHEIN, Temu รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมาก ได้ใช้ประโยชน์เพื่อจัดส่งสินค้ามูลค่าต่ำไปยังผู้บริโภคชาวอเมริกัน

 

กฎ de minimis ที่ว่านี้มีมาเกือบ 1 ศตวรรษ ตามที่แหล่งอ้างอิงของ Bloomberg Law ระบุ โดยกฎดังกล่าวเริ่มมีบทบาทสำคัญขึ้นในช่วงที่มีการค้าข้ามพรมแดนของอีคอมเมิร์ซ เพราะตั้งแต่ปี 2015 จำนวนแพ็กเกจที่เคยได้รับการยกเว้นภาษีมีอยู่ราว 139 ล้านรายการ แต่ในปี 2024 จำนวนแพ็กเกจประเภทดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 1.36 พันล้านรายการ หรือประมาณเกือบ 10 เท่าตัว อ้างอิงจากข้อมูลศุลกากรและการป้องกันชายแดนสหรัฐฯ

 

SHEIN และ Temu ใช้กลยุทธ์สินค้าราคาถูกเพื่อแลกกับการรอสินค้านานหน่อย ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มมองว่าการรอสินค้าจากจีนเป็นเรื่องปกติหากการรอจะทำให้ตนได้ราคาที่ประหยัดกว่า ซึ่งกฎ de minimis ก็ถูกใช้เป็นรากฐานสำคัญของโมเดลธุรกิจที่มีต้นทุนต่ำจากสองบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน

 

อย่างไรก็ดี The Verge รายงานว่า ทรัมป์ต้องการใช้คำสั่งพิเศษประธานาธิบดีเพื่อปิดช่องโหว่นี้ โดยจะทำให้สินค้าที่เดิมไม่เคยต้องเสียภาษีนำเข้ากลายเป็นต้องถูกเก็บภาษีอีก 3 ต่อ

 

  1. จากเงื่อนไขภาษีที่มีอยู่เดิมตามประเภทสินค้านั้นๆ
  2. เงื่อนไขภาษีที่เจาะจงเฉพาะสินค้าจีน ที่ทรัมป์เคยบังคับใช้ในสมัยแรกที่เขาเป็นประธานาธิบดี
  3. ภาษีใหม่กับจีนอีก 10%

 

ตัวอย่างเช่น เสื้อยืดจากจีนจะต้องจ่ายภาษี 10% ใหม่ บวกกับภาษีนำเข้าตามประเภทสินค้า และภาษีเฉพาะสินค้าจากจีนที่ได้รับการบังคับใช้ในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกของทรัมป์ ซึ่งการเพิ่มต้นทุนดังกล่าวอาจทำให้ธุรกิจเหล่านี้ไม่สามารถรักษาข้อได้เปรียบเรื่องราคาต่ำสุดที่เป็นจุดเด่นในการแข่งขันได้

 

ความสำเร็จของ SHEIN และ Temu สร้างแรงกดดันให้กับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Amazon โดยเมื่อปีที่แล้ว Amazon เปิดตัว Amazon Haul ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เลียนแบบเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของจีน และมีสินค้าราคาถูกหลายรายการ โดย Amazon ก็ใช้ช่องโหว่ของกฎ de minimis เพื่อรักษาต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นว่ากฎดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจประเภทนี้

 

หากทรัมป์สั่งยกเลิกกฎ de minimis จริงสำหรับสินค้าจากจีน ผู้บริโภคในสหรัฐฯ อาจได้เห็นราคาสินค้า เช่น เสื้อผ้า กระเป๋าถือ และของตกแต่งบ้าน เพิ่มสูงขึ้น

 

นักวิเคราะห์เตือนว่า การยกเลิกกฎ de minimis อาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย ขณะเดียวกันก็จะทำให้รัฐบาลต้องใช้จ่ายเงินเพื่อบังคับใช้เพิ่มขึ้นอีกหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ให้เหตุผลการยกเลิกกฎ de minimis ว่าเป็นการป้องกันการลักลอบขนส่งสารเสพติดอย่างโอปิออยด์ โดยอ้างว่าแพ็กเกจขนาดเล็กมักได้รับการตรวจสอบน้อยกว่า แต่ฝั่งผู้เชี่ยวชาญที่ไม่เห็นด้วยกลับโต้แย้งว่า ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าแพ็กเกจมูลค่าต่ำจะมีความเสี่ยงมากกว่าการขนส่งแพ็กเกจขนาดใหญ่

 

แน่นอนว่าผู้ที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือแพลตฟอร์มอย่าง SHEIN และ Temu ที่ต้องพึ่งพาการควบคุมต้นทุนให้ต่ำที่สุด และหากคำสั่งผู้บริหารของทรัมป์ถูกบังคับใช้ สินค้าราคาถูกเหล่านี้ก็อาจกลายเป็นแค่ความจริงในอดีต

 

อ้างอิง:

The post ชาวอเมริกันหมดยุคช้อปของถูก? ทรัมป์สั่งยุติกฎ de minimis อีคอมเมิร์ซจีน SHEIN-Temu อ่วม appeared first on THE STANDARD.

]]>
DELTA – กังวลว่า DeepSeek จะส่งผลกระทบต่อความต้องการ AI https://thestandard.co/market-focus-delta-2/ Tue, 04 Feb 2025 14:33:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1038103 DELTA

เกิดอะไรขึ้น: ราคาหุ้น DELTA ได้รับผลกระทบจากความกังวลเ […]

The post DELTA – กังวลว่า DeepSeek จะส่งผลกระทบต่อความต้องการ AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
DELTA

เกิดอะไรขึ้น:

ราคาหุ้น DELTA ได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับ AI ตัวใหม่ ‘DeepSeek’ ซึ่งตลาดคาดว่าจะส่งผลทำให้ความต้องการ High-End GPU Chip ปรับตัวลดลง DELTA เป็นซัพพลายเออร์รายสำคัญที่จัดหาโซลูชันการจัดการพลังงานและความร้อนสำหรับ NVIDIA GPU ใน AI และ Data Center รวมถึง DC Power Supply, Power Modules, การจัดการความร้อน และประสิทธิภาพการใช้พลังงานภายใน High-End GPU Ecosystems สำหรับ NVIDIA 

 

การดำเนินการล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อจำกัดการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ที่ผลิตโดย NVIDIA โดยเฉพาะ H20 และชิปที่มีความซับซ้อนใกล้เคียงกัน (นอกเหนือจากคำสั่งห้ามส่งออกชิป AI ที่ทันสมัยที่สุดของ NVIDIA อย่าง A100 และ H100 ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 รวมถึง A800 และ H800 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566) เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชิป H20 ที่มีคุณสมบัติต่ำกว่า H100 โดยมีแกน GPU น้อยกว่า 41% และประสิทธิภาพต่ำกว่า 28% 

 

ถ้าความต้องการ High-End GPU Chip ของ NVIDIA ลดลง ก็จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ของ DELTA ด้วยเช่นกัน InnovestX Research มองว่ามีความเป็นไปได้ที่สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ของ DELTA จะต่ำกว่าที่ประเมินไว้ที่ 20% ภายในสิ้นปี 2568 (คาดสิ้นปี 2567: 10%)

 

สำหรับกำไร 4Q67 จะได้รับผลกระทบจากความต้องการ EV ระดับต่ำ โดยคาดการณ์กำไรปกติ 4Q67 ของ DELTA ที่ 5.0 พันล้านบาท (เทียบกับ Bloomberg Consensus ที่ 5.5 พันล้านบาท) ลดลง 15.4%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 6%YoY การปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY หลักๆ เป็นผลมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่มีมาร์จิ้นสูงที่แข็งแกร่ง 

 

ในขณะที่การปรับตัวลดลง QoQ คาดว่าจะมีสาเหตุมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ EV ระดับต่ำ รวมถึงไม่มีการปรับปรุงรายการสินค้าคงเหลือครั้งเดียวเหมือนใน 2Q67 และ 3Q67 สำหรับปี 2568 คาดว่ากำไรปกติของ DELTA จะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการนำ Global Minimum Tax (GMT) มาใช้ นอกจากนี้ยังคาดว่า Consensus จะปรับประมาณการกำไรของ DELTA ลดลงด้วย

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น DELTA ปรับลง 12.0% สู่ 126.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 5.1% สู่ 1,314.50 จุด 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

ปัจจุบันหุ้น DELTA ซื้อขายที่ Valuation สูงที่ P/E ปี 2568 ระดับ 74 เท่า ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังสูงว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม InnovestX Research คาดว่านักลงทุนอาจปรับ Valuation ของ DELTA ลดลงในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้าจากการคาดการณ์ว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ AI จะเติบโตน้อยลงและผลกระทบจากการนำ GMT มาใช้ นอกจากนี้ยังคาดว่า Consensus จะปรับประมาณการกำไรปี 2568 ของ DELTA ลดลงจากผลกระทบของการนำ GMT มาใช้

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Underperform สำหรับ DELTA โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 103 บาทต่อหุ้น อ้างอิง P/E 61 เท่า หรือ +0.5SD ของ P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่อ่อนแอกว่าคาด และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ปัจจัย ESG ที่สำคัญคือ การจัดการแรงงานและซัพพลายเออร์

 

Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุนและบทวิเคราะห์คุณภาพ โดย InnovestX 🚀 คลิกเลย 👉 DELTA – กังวลว่า DeepSeek จะส่งผลกระทบต่อความต้องการ AI

https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/high-conviction/highconviction-delta-20250203 

The post DELTA – กังวลว่า DeepSeek จะส่งผลกระทบต่อความต้องการ AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
Fastwork เดินหน้าลดค่าคอมมิชชันของฟรีแลนซ์ลงเหลือ 10% เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมมอบเครดิตเงินคืน 5% ให้ผู้ใช้บริการทุกคน https://thestandard.co/fastwork-commission-discount/ Tue, 04 Feb 2025 12:53:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1038089 Fastwork

ฟาสต์เวิร์ค (Fastwork) แพลตฟอร์มรวมฟรีแลนซ์ ประกาศลดค่า […]

The post Fastwork เดินหน้าลดค่าคอมมิชชันของฟรีแลนซ์ลงเหลือ 10% เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมมอบเครดิตเงินคืน 5% ให้ผู้ใช้บริการทุกคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Fastwork

ฟาสต์เวิร์ค (Fastwork) แพลตฟอร์มรวมฟรีแลนซ์ ประกาศลดค่าคอมมิชชันของผู้ให้บริการในแพลตฟอร์มลงจาก 17% เหลือเพียง 10% เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายนนี้ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และกระจายรายได้ให้กับผู้ให้บริการในสาขาอาชีพต่างๆ ทั่วประเทศไทย พร้อมนำเสนอโปรแกรมรีวอร์ดใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยเครดิตเงินคืน (Cashback) 5% ในทุกการซื้อของผู้ใช้บริการ โดยสามารถนำไปเป็นส่วนลดสำหรับการใช้บริการในอนาคต 

 

ซีเค เจิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด กล่าวว่า การลดค่าธรรมเนียมหรือค่าคอมมิชชันของแพลตฟอร์มจาก 17% เป็น 10% เป็นการตอบรับเสียงเรียกร้องของผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยมากกว่า 50% ของฟรีแลนซ์ในแพลตฟอร์ม Fastwork ระบุว่า ค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์มที่สูงเป็นข้อกังวลหลักของพวกเขา และเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้ามาใช้แพลตฟอร์ม 

 

ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงตัดสินใจลดค่าธรรมเนียมลงเพื่อให้ Fastwork เป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมอบโอกาสในการสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องและยั่งยืนสำหรับผู้ให้บริการในประเทศไทย 

 

“แม้การตัดสินใจลดค่าธรรมเนียมลงในวันนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของเรา แต่เรายังเชื่อมั่นว่านี่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและยั่งยืนมากขึ้น” ซีเคกล่าว 

 

โดยบริษัทประกาศลดค่าธรรมเนียมในการใช้บริการของผู้ประกอบการอิสระหรือฟรีแลนซ์ จาก 17% ลดลงเหลือเพียง 10% มีระยะเวลา 3 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 30 เมษายนนี้ โดย Fastwork จะใช้เวลา 3 เดือนนี้ในการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งในเรื่องการซื้อซ้ำ ความภักดีต่อแพลตฟอร์ม และการสมัครใช้บริการของผู้ให้บริการรายใหม่ เพื่อให้ Fastwork มั่นใจได้ว่าจะสามารถรักษาโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่ลดลงนี้ได้ ในขณะที่ยังคงสามารถลงทุนเพื่อยกระดับแพลตฟอร์มนี้ให้เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดสำหรับผู้ให้และผู้รับบริการ

 

นอกจากนี้ Fastwork ได้เปิดโปรแกรมรีวอร์ดใหม่กับเครดิตเงินคืน 5% ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ Fastwork โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป เพื่อการใช้เป็นส่วนลดสำหรับการซื้อในอนาคตได้ทันที

 

รวมถึงการมอบเครดิตเงินคืนย้อนหลังให้กับผู้ใช้ของเราทุกคนโดยอัตโนมัติ การันตีขั้นต่ำ 100 บาททันที โดยผู้ใช้บริการสามารถเข้าไปตรวจสอบยอดเครดิตเงินคืนในบัญชีผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ Fastwork

 

นอกจากนี้ Fastwork ยังนำระบบสะสมรีวอร์ด ‘1 บาทต่อวัน’ มามอบให้กับผู้ใช้ทุกคน เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้รายใหม่ได้เข้ามาสำรวจแพลตฟอร์มพร้อมสร้างยอดรีวอร์ดสะสมก่อนการตัดสินใจซื้อบริการฟรีแลนซ์ครั้งแรก 

 

“โปรแกรมรีวอร์ดเหล่านี้ถือเป็นการนำเสนอลอยัลตี้โปรแกรมของ Fastwork เป็นครั้งแรก และนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวิธีที่เราให้คุณค่าและสร้างแรงจูงใจกับชุมชนผู้ใช้ของเรา เราออกแบบโปรแกรมรีวอร์ดเหล่านี้มาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการระดับมืออาชีพได้ง่ายขึ้น พร้อมส่งเสริมให้เกิดการใช้งานที่บ่อยครั้งขึ้นในแพลตฟอร์มของเรา ตอบรับเป้าหมายของ Fastwork ในการเป็นแพลตฟอร์มที่เสนอโอกาสที่เข้าถึงได้ง่ายและกว้างไกลมากขึ้น ทั้งสำหรับผู้ให้บริการในสาขาอาชีพต่างๆ ตลอดจนผู้ใช้บริการที่สามารถเข้ามาว่าจ้างผู้ให้บริการในสาขาที่ตนเองต้องการได้ในราคาที่เหมาะสม ผลักดันให้แรงงานมีฝีมือที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย ไม่ว่าคุณจะเป็นนักพัฒนาเว็บในเชียงใหม่ นักออกแบบตกแต่งภายในที่หาดใหญ่ หรือครูสอนภาษาในภาคอีสาน ฯลฯ ก็สามารถเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ ประสบความสำเร็จ และช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะในภาคบริการ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว” ซีเคกล่าวสรุป

 

The post Fastwork เดินหน้าลดค่าคอมมิชชันของฟรีแลนซ์ลงเหลือ 10% เป็นเวลา 3 เดือน พร้อมมอบเครดิตเงินคืน 5% ให้ผู้ใช้บริการทุกคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยเก่งอะไร และยังต้องแก้จุดใด เพื่อก้าวเป็นศูนย์กลางทางการเงิน หลัง ครม. เห็นชอบ พ.ร.บ. Financial Hub แล้ว https://thestandard.co/thailand-financial-hub-strengths/ Tue, 04 Feb 2025 12:17:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1038072 Financial Hub

ครม. มีมติเห็นชอบหลักการของร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอ […]

The post ไทยเก่งอะไร และยังต้องแก้จุดใด เพื่อก้าวเป็นศูนย์กลางทางการเงิน หลัง ครม. เห็นชอบ พ.ร.บ. Financial Hub แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
Financial Hub

ครม. มีมติเห็นชอบหลักการของร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงินแล้ว เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Financial Hub ได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกรุงเทพฯ รั้งตำแหน่งที่ 95 จาก 121 ในดัชนีศูนย์กลางการเงินทั่วโลก สะท้อนว่าอันดับของไทยยังทิ้งห่างอยู่มากเมื่อเทียบกับ Financial Hub ชั้นนำอันดับต้นๆ ของโลก

 

วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. …. แล้วตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

 

โดย พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า พ.ร.บ. Financial Hub ดังกล่าว เป็นการยกร่างกฎหมายชุดใหม่ให้มีความเป็นสากล โปร่งใส และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Financial Hub ได้อย่างแท้จริงตามนโยบายรัฐบาล

 

ทั้งนี้ ในระยะต่อไปร่าง พ.ร.บ. จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ก่อนที่จะมีผลใช้บังคับต่อไป

 

กรุงเทพฯ รั้งตำแหน่งที่ 95 จาก 121 ศูนย์กลางการเงินทั่วโลก

 

อย่างไรก็ดี Global Financial Centres Index 36 (GFCI) ล่าสุด ซึ่งจัดทำโดย Z/Yen Group และเผยแพร่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ากรุงเทพฯ รั้งตำแหน่งที่ 95 จาก 121 ศูนย์กลางการเงินทั่วโลก สะท้อนว่าอันดับของไทยยังทิ้งห่างอยู่มากเมื่อเทียบกับศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำอันดับต้นๆ ของโลก

 

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KResearch) มองเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า เมื่อเทียบกับศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคหรือโลก เช่น นิวยอร์ก (อันดับ 1) ลอนดอน (อันดับ 2) ฮ่องกง (อันดับ 3) สิงคโปร์ (อันดับ 4) และดูไบ (อันดับ 16) จะพบว่าอันดับของไทยยังทิ้งห่างอยู่มาก เนื่องจากเมืองศูนย์กลางทางการเงินอันดับต้นๆ เหล่านั้นได้รับการออกแบบกฎกติกา เกณฑ์ด้านภาษี และโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ ที่พร้อมสนับสนุนการเคลื่อนย้ายเงินทุนและการระดมทุนอย่างมาก

 

นอกจากนี้ เมืองเหล่านั้นยังมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน สอดคล้องกับจุดแข็งทางเศรษฐกิจและการเงินของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน เช่น สิงคโปร์มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทางการเงิน (Wealth Managemen) ขณะที่ฮ่องกงเป็นประตูทางการเงินสู่จีนและประเทศอื่นในโลก ทำให้เชี่ยวชาญด้านบริการทางการเงินสำหรับกิจการข้ามชาติ เช่น Investment Bank และ Trade Finance

 

 

กระนั้น KResearch มองว่าไทยมีจุดแข็งหลายด้าน ทั้งโครงสร้างดิจิทัล โลจิสติกส์ ความเป็นเมืองน่าอยู่ และมาตรฐานของสถาบันการเงินไทย ซึ่งทั้งหมดถือเป็น ‘ปัจจัยตั้งต้น’ สำหรับไทยที่ต้องการขยายบทบาทการเป็นศูนย์กลางทางการเงินในอนาคต

 

ไทยเก่งอะไรถึงท้าชิงตำแหน่ง Financial Hub

 

KResearch ระบุว่า จากสายตาของต่างชาติ ไทยถูกมองว่ามีจุดแข็งหลายด้าน ได้แก่

 

  • เงินบาทเป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด รองจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการรับชำระค่าสินค้าส่งออกและจ่ายเป็นค่าสินค้านำเข้ากับคู่ค้าในตลาดอาเซียน โดยเฉพาะการค้ากับกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา
  • พัฒนาการของตลาดการเงินไทยที่มีความเป็นสากล
  • มีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและโลจิสติกส์ที่ดี
  • มีค่าครองชีพที่อยู่ในระดับที่ยังไม่สูงนัก
  • มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและเปิดกว้าง
  • กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ติดอันดับโลก

 

โดยใน InterNations ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์สำหรับชาวต่างชาติ จัดอันดับเมืองที่น่าอยู่และน่าทำงานที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติปี 2566 พบว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่เป็นอันดับ 9 ของโลกสำหรับชาวต่างชาติ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น คุณภาพชีวิต ค่าครองชีพ และความพึงพอใจในอาชีพการงาน ขณะเดียวกัน นิตยสาร Time Out จัดอันดับให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของโลกในปี 2568 โดยเน้นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม อาหาร และความสุขของคนในเมือง

 

 

 

“จุดแข็งข้างต้นทั้งด้านโครงสร้างดิจิทัล โลจิสติกส์ ความเป็นเมืองน่าอยู่ และมาตรฐานของสถาบันการเงินไทย ถือเป็น ‘ปัจจัยตั้งต้น’ สำหรับไทยที่ต้องการขยายบทบาทการเป็นศูนย์กลางทางการเงินในอนาคต” KResearch กล่าว

 

ไทยยังต้องปรับอะไรหากจะเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลกอย่างแท้จริง

 

ดังนั้นหากต้องการขยายบทบาทของการเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ได้รับการตอบรับจากต่างชาติมากขึ้นกว่านี้ KResearch มองว่าไทยต้องเร่งปรับปรุงเรื่องต่างๆ ดังนี้

 

  1. การเร่งเพิ่มศักยภาพของแรงงานไทย
  2. การสนับสนุนให้มี Talent จากต่างชาติเข้ามามากขึ้น
  3. การลดภาษีและการผ่อนคลายเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรค ควบคู่ไปกับการพัฒนาจุดแข็งทางเศรษฐกิจของไทย

 

“ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจการเงิน พ.ศ. …. ขณะนี้ยังมีอีกหลายประเด็นที่ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องยังต้องร่วมมือกันพัฒนา เพื่อให้ไทยสามารถมีพื้นที่ยืนที่ดีขึ้นในเวทีการเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลกอย่างแท้จริง” KResearch กล่าว

 

อ้างอิง:

The post ไทยเก่งอะไร และยังต้องแก้จุดใด เพื่อก้าวเป็นศูนย์กลางทางการเงิน หลัง ครม. เห็นชอบ พ.ร.บ. Financial Hub แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
คริปโตกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย https://thestandard.co/crypto-thailand-lifestyle/ Tue, 04 Feb 2025 11:42:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1037798

ถ้าย้อนกลับไป 4-5 ปีก่อน คำว่า ‘คริปโต’ (Crypto) อาจเป็ […]

The post คริปโตกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถ้าย้อนกลับไป 4-5 ปีก่อน คำว่า ‘คริปโต’ (Crypto) อาจเป็นเรื่องที่ฟังดูไกลตัวสำหรับคนไทยจำนวนมาก แต่มาวันนี้หลายคนเริ่มคุ้นชินกับคริปโต หรือแม้แต่เทคโนโลยีเบื้องหลังอย่างบล็อกเชน (Blockchain) มากขึ้นเรื่อยๆ

 

ถามว่ามากขึ้นแค่ไหน? หนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจคือ ไทยเป็น 1 ใน 20 ประเทศที่ผู้คนยอมรับ (Adoption) คริปโตมากที่สุดในโลก รั้งอันดับ 16 จากรายงาน The 2024 Global Crypto Adoption Index ของ Chainalysis

 

และหากคิดเป็นสัดส่วนต่อคนไทยทั้งประเทศ นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ซีอีโอของ BINANCE TH บอกว่า “ตอนนี้การยอมรับคริปโตของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 12% ซึ่งมากกว่าสัดส่วนของทั่วโลกแค่ 1%”

 

Binance TH

 

แม้ตัวเลข 12% อาจยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่กระแสคริปโตก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนหน้าใหม่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาด ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผลมาจากราคาของเหรียญต่างๆ โดยเฉพาะบิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่กว่า 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.5 ล้านบาท ช่วงปลายปีก่อน ทำให้ความสนใจต่อคริปโตกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

และถ้าไปดูสถิติใน Google Trend ก็จะเห็นว่าคนไทยเสิร์ชคำว่าบิทคอยน์หรือคริปโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

Binance TH

\ Binance TH

 

ไม่เพียงแค่ความสนใจบนโลกออนไลน์ แต่งานใหญ่ล่าสุดของวงการคริปโตไทย ‘Street of the Future’ ที่จัดโดย BINANCE TH by Gulf BINANCE สะท้อนความตื่นตัวของผู้สนใจหน้าใหม่ต่อวงการคริปโตเป็นอย่างดี THE STANDARD WEALTH เห็นประเด็นอะไรบ้างที่ทุกคนควรรู้ มาดูกัน!

 

Binance TH

 

การเปลี่ยนภูมิทัศน์โลกการเงินปัจจุบันกับการมาถึงยุค Web 3.0 เป็นอย่างไร?

 

Web 3.0 ได้รับการพูดถึงบ่อยมากในงาน สิ่งนี้คืออะไร?

 

สิ่งนี้คือวิวัฒนาการของโลกอินเทอร์เน็ตที่แอดวานซ์ขึ้นไปอีกขั้น จากความสามารถในการอ่าน โต้ตอบ สร้างคอนเทนต์ บนอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ผู้ใช้งานทุกคนจะสามารถเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น จุดสำคัญของการทำงานรูปแบบนี้คือ Decentralized หรือการเก็บข้อมูลแบบกระจายออกจากศูนย์กลาง ภายใต้การทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้ใช้งานทุกคนที่อยู่ในสเตจนี้จะมีสิทธิ์ถือครองแก่ผู้ใช้งาน เช่น การเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนตัวและสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเอง ฉะนั้นสินทรัพย์ดิจิทัลเสมือนเป็นภาพสะท้อนการมาของยุค Web 3.0 อย่างชัดเจน

 

Binance TH

 

คริปโตกำลังเชื่อมโยงกับชีวิตของเรามากแค่ไหน?

 

ถ้าใครตามข่าวอุตสาหกรรมคริปโตในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าไทยเริ่มสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการอนุญาตให้กองทุนรวมสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ หรือแม้แต่แนวคิดที่จะทดลองให้มีการใช้งานคริปโตในชีวิตประจำวัน

 

สิ่งที่จะตามมาภายหลังการปลดล็อกจากนโยบายภาครัฐ ต่อไปการยอมรับคริปโตของคนไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประเด็นที่ควรทำควบคู่กันคือ ‘การเตรียมความพร้อมของผู้คนสู่วิถีโลกการเงินยุคใหม่’ ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับคริปโตจะเป็นภูมิคุ้มกันสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจในแต่ละไซเคิล เช่นเดียวกับบุคลากรที่จะเข้ามาขับเคลื่อนวงการ การเกิดอีเวนต์จากภาคเอกชนรูปแบบนี้จึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องคริปโตไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นรูปแบบทางการเงินที่มาแน่ๆ และประเทศไทยยังมีช่องให้พัฒนาและเติบโตอีกมาก

 

“ตอนนี้หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าคริปโตไม่ใช่แค่การพยายามทำกำไรอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีเรื่องของความเสี่ยง พื้นฐานของเทคโนโลยีที่ต้องเข้าใจ รวมถึงการ Do Your Own Research (DYOR)”

 

Binance TH

 

มีมคอยน์ (Meme Coin) สินทรัพย์ที่อยู่ในบทสนทนาตลอดกาล ด้วยการสร้างมูลค่าจากไวรัล

 

ตลาดเหรียญมีมฮอตตลอดกาล จากการเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เล่นกับกระแส การสร้างเรื่องราวเรียกคะแนนจากนักลงทุน หนึ่งในกอสซิปตลอดงานทั้ง 2 วัน คือการเก็งสถานการณ์เหรียญทรัมป์ ‘TRUMP’ บนบล็อกเชน Solana ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งราคาพุ่งสูงพอดิบพอดีระหว่างการจัดงาน Street of the Future ก่อนจะเข้ากระดานเทรด BINANCE TH เป็นที่เรียบร้อยในช่วงเวลาต่อมา

 

เหรียญมีมไม่มีการจำกัดปริมาณการผลิตอย่างบิทคอยน์ มีราคาถูกกว่า และเป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่าการศึกษาเหรียญประเภทอื่น จึงจุดประกายความต้องการลงทุนในเหรียญประเภทนี้ทั้งนักลงทุนหน้าเก่าและหน้าใหม่ในตลาด ในฝั่งผู้ผลิต ผู้พัฒนาก็เติบโตพร้อมกับตลาด ทั้งนี้ โปรเจกต์ระดับโลกที่มาร่วมงาน ได้แก่ Memeland, MOODENG/SOL (เหรียญหมูเด้ง), PNUT (ได้รับแรงบันดาลใจจากกระรอกที่ถูกช่วยเหลือโดยศูนย์สัตว์พึ่งพิง) ฯลฯ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงผู้คน แปรเปลี่ยนเป็นคอมมูนิตี้จากหลากหลายประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนระดับโลกอย่าง BINANCE TH ที่เปิดกว้างทางการลงทุนให้แก่ผู้ใช้งานคนไทย ด้วยการมีสกุลเหรียญดิจิทัลมากที่สุดในตลาดเป็นจำนวนมากกว่า 350 เหรียญ (ณ วันที่ 18 มกราคม 2025) และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

 

Binance TH

 

การเร่งสร้างบุคลากรต้นน้ำเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ปัจจุบันคอร์สสำหรับเรียนรู้เรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลมีแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งก็รวมถึง BINANCE TH Academy ที่จับมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในไทย เพื่อให้ความรู้เหล่านี้ เช่น คอร์สระยะสั้นที่จัดขึ้นผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกหลายแห่ง ตลอดปี 2024 มีผู้ผ่านหลักสูตรของอะคาเดมีมากกว่า 50,000 คน ครอบคลุมทั้งนักศึกษา คณาจารย์ และบุคคลทั่วไป

 

โอกาสในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการลงทุนอีกต่อไป แต่ขยายประเด็นไปสู่ ‘โอกาสทางอาชีพ’ ทั้งนักพัฒนา นักวิเคราะห์ข้อมูล นักวิจัย หรือแม้แต่สายงานการตลาด เพราะปัจจุบันมีโปรเจกต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด

 

ยิ่งไปกว่านั้นอุตสาหกรรมนี้ยังสร้างบุคลากรเข้าสู่ตลาดได้ไว จะเห็นว่า Gen Z หรือ Gen Alpha หลายคนกลายเป็นเจ้าของผู้ผลิตเหรียญสำคัญเข้าสู่วงการ

 

Vishal Sacheendran, Head of Regional Markets ของ BINANCE มองในทิศทางเดียวกันว่า การยอมรับคริปโตในระดับโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 1% ไปสู่ 10% ได้นั้นต้องอาศัย 2 ปัจจัยที่สำคัญ คือ กฎเกณฑ์ที่ชัดเจนของแต่ละประเทศ และการให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นในระบบการศึกษา รวมทั้งการให้ความรู้กับผู้ที่มีอำนาจในการกำกับดูแลหรือแม้แต่รัฐบาล

 

Binance TH

 

นอกเหนือจากการให้ความรู้ในห้องเรียน ในมุมของ นที เทพโภชน์ ที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย บอกว่า คอมมูนิตี้ในไทยขยายตัวขึ้นมาก โดยเฉพาะในหัวเมืองต่างๆ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ และถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการ Educate ตลาดและผลักดันวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทย

 

การปรากฏตัวของอีเวนต์ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอมมูนิตี้ ให้ความรู้ และเป็นพื้นที่ให้ผู้คนทั้งที่เป็นคริปโตเนทีฟหรือบุคคลทั่วไป พบปะ แลกเปลี่ยน แบ่งปันมุมมองระหว่างกัน เพื่อให้ทุกคนก้าวทันกับโลก Web 3.0 ที่มาถึง และทันเกมโลกการเงินที่กำลังจะเปลี่ยนไป

 

Binance TH

 

การเดินทางของคริปโตมาถึงจุดนี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแสหรือปรากฏการณ์ชั่วคราวอีกต่อไป แต่กำลังหลอมรวมเข้ากับ ‘ไลฟ์สไตล์ของคนไทย’ มากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คอมมูนิตี้คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนปรับตัวและเดินหน้าสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง โดยมี ‘ความปลอดภัย’ และ ‘ความโปร่งใส’ เป็นที่ตั้งสำคัญ และคริปโตไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องการลงทุน แต่คือการสร้างสังคมที่พร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง และเข้าใจถึงโอกาสที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ

คำถามคือ คุณพร้อมที่จะก้าวไปบนเส้นทางสายนี้แล้วหรือยัง?

 

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาข้อมูลและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

The post คริปโตกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปไฮไลต์! เจ้าสัวเครือ CP มั่นใจอนาคตเศรษฐกิจไทยสดใส พร้อมโต้เสียงวิจารณ์ ไม่ได้ผูกขาดธุรกิจ https://thestandard.co/dhanin-chearavanont-cp-thailand-economy/ Tue, 04 Feb 2025 11:34:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1038052 ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส CP ให้วิสัยทัศน์เศรษฐกิจไทย ในงาน Chula Thailand Presidents Summit 2025

สรุปไฮไลต์! ธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวเครือ CP มั่นใจอนา […]

The post สรุปไฮไลต์! เจ้าสัวเครือ CP มั่นใจอนาคตเศรษฐกิจไทยสดใส พร้อมโต้เสียงวิจารณ์ ไม่ได้ผูกขาดธุรกิจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส CP ให้วิสัยทัศน์เศรษฐกิจไทย ในงาน Chula Thailand Presidents Summit 2025

สรุปไฮไลต์! ธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวเครือ CP มั่นใจอนาคตเศรษฐกิจไทยสดใส ก่อนฝากโจทย์ถึงรัฐบาล ตั้งงบพัฒนาการท่องเที่ยว เกษตร และบุคลากร พร้อมโต้เสียงวิจารณ์ ยันไม่ได้ผูกขาด ชี้การทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำคือทางรอด

 

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงาน ‘Chula Thailand Presidents Summit 2025’ เปิดวิสัยทัศน์ผู้นำองค์กรชั้นนำสู่อนาคตประเทศไทย โดยภายในงานมีนักธุรกิจรายใหญ่เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

 

หนึ่งในนั้นมี ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ มาร่วมฉายภาพถึงธุรกิจในอนาคต โดยเริ่มต้นพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับ AI, ไฟฟ้า, หุ่นยนต์, รถไฟฟ้า และไฟฟ้านิวเคลียร์ จะเป็นธุรกิจในอนาคต 

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

และหากสังเกตจะเห็นว่าประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย มีกฎหมายรองรับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ทันสมัย ส่วนประเทศไทยยังขาดโรงไฟฟ้าที่สะอาดและราคาถูก สิ่งที่ควรเสริมเข้ามาคือไฟฟ้านิวเคลียร์ 

 

พร้อมประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยว่ายังมีอนาคตที่ดี แม้เราจะอยู่ในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งดินฟ้าอากาศปั่นป่วน รวมถึงเทคโนโลยีเข้ามาทดแทนอย่างรวดเร็ว ดังนั้นประเทศต้องสร้างนิสิต-นักศึกษาที่มีปัญญาเข้ามาตอบโจทย์ประโยชน์ 3 ด้าน คือ

 

  1. ประเทศต้องได้ประโยชน์ 
  2. ประชาชนต้องได้ประโยชน์ 
  3. ผู้ผลิตต้องได้ประโยชน์ 

 

ยกตัวอย่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อผลิตสินค้าไปขายให้ประชาชน ถ้าประชาชนนิยม สินค้าของเราก็จะกลับมาสู่เศรษฐกิจ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังสดใส

 

“เมื่อเรานึกถึงวิกฤต สิ่งที่ตามมาก็คือโอกาส และเมื่อได้โอกาสแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือวิกฤต เรียกได้ว่าสลับกันไป ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นไปทั้งหมด”

 

เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวแบบฟรีวีซ่าถือว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว แต่ขอฝากว่าต้องตั้งงบประมาณมาช่วยสนับสนุนเพื่อหาเงินเข้าประเทศให้ได้เร็วที่สุด และตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าจะเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวประเทศไหนบ้าง ทุกอย่างต้องชัดเจน

 

รวมถึงเรื่องการศึกษาของไทยก็สำคัญ เราสามารถดึงดูดคนให้เข้ามาเรียนในประเทศได้ไม่แพ้เรื่องการท่องเที่ยว แต่สิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องทำให้ชัดเจนขึ้น

 

และอีกเรื่องที่ประเทศไทยได้เปรียบคือการเกษตร เมื่อโลกปั่นป่วน เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และจีน เจอแผ่นดินไหว แต่ไทยไม่มีแผ่นดินไหว เราเจอแค่น้ำท่วมกับภัยแล้ง 

 

ด้วยเหตุนี้ จึงอยากแนะนำว่ารัฐบาลควรจัดตั้งงบประมาณทำถนนเข้าไร่นา ปรับที่ดิน ทำเรื่องเขื่อนและชลประทาน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการเพาะปลูกมหาศาลและมีผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า เชื่อว่ามหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานราชการมีคนเก่งและเชี่ยวชาญในเรื่องน้ำ เพียงแค่ยังไม่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้แค่นั้น 

 

ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันภาคการเกษตรนั้นใช้เทคโนโลยีมากที่สุดแล้ว โดยเฉพาะเกษตรกรรมไทยยุคใหม่ก้าวเข้าสู่ยุค Smart Farming โดยใช้โดรนและเทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนไปพร้อมกัน

 

“เหมือนกับธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่ทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ คนอาจมองว่าผูกขาด แต่ไม่ใช่ ต้องบอกว่าเราทำธุรกิจแนวดิ่งตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ เพื่อไม่ให้การขายสินค้าเกิดความเสียหาย ทั้งหมดเป็นสิ่งจำเป็น” ธนินท์ย้ำ 

 

จริงๆ แล้วการเกษตรนั้นถือว่าเป็นน้ำมันบนดิน ใช้อย่างไรก็ไม่หมด เป็นทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าของประเทศไทย อย่างอื่นเราอาจต้องซื้อชิ้นส่วนต่างประเทศเข้ามาประกอบ แต่สินค้าเกษตรส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ และกว่า 90% สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย

 

และในอนาคตการลงทุนเครื่องจักรของเครือ CP จะมีพลังเพิ่มขึ้น 5 เท่าจากเดิม โดยตัวหุ่นยนต์และ AI จะทำให้การทำงานฉลาดขึ้น ทำน้อยแต่ได้มาก เรามองว่าแรงงานไทยในอนาคต 600 บาทต่อวันถึงแน่นอน ดังนั้นจึงต้องสร้างคนและพนักงานของบริษัทให้เก่งเท่าทันโลก 

 

และอีกปัจจัยสำคัญต้องสร้างประชาชนให้มีรายได้ เริ่มจากการศึกษา ต้องมีความรู้ เรียนไปทำงานไป จบแล้วทำงานต่อได้ เพราะวันนี้ประชากรเราลดลงทุกปี ทำให้ประเทศมีคนไม่พอ ที่ผ่านมาประเทศไทยผลิตนิสิต-นักศึกษา 3 แสนกว่าคนต่อปี กว่าจะได้แรงงานถึง 5 ล้านคนต้องใช้เวลา 10 กว่าปี ถึงจะเพียงพอกับสัดส่วนการเสียภาษี ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่ที่นโยบายรัฐบาลและประชาชนด้วย 

 

ในส่วนของนักธุรกิจเอกชนก็มีหน้าที่เหมือนกัน ธุรกิจจะอยู่รอดได้ต้องคิดถึงประชาชน ถ้าคนไทยไม่รวยขึ้นจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อสินค้า ต้องช่วยกันทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อ แต่พื้นฐานจริงๆ ต้องมาจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลที่จะต้องออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้กับประเทศในทุกด้าน 

 

ทั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างเต็มที่ และต้องดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถจากต่างประเทศเข้ามาเสริมศักยภาพแรงงานในประเทศ เหมือนกับที่สิงคโปร์ดึงดูดบุคลากรชั้นนำจากทั่วโลกเข้ามาพัฒนาประเทศ

 

ในช่วงสุดท้าย เจ้าสัวเครือ CP ยังให้โจทย์เพิ่มอีกว่าจะทำให้คนไทยร่ำรวยขึ้น เพราะถ้าคนไทยร่ำรวยประเทศไทยก็จะแข็งแรง โดยต้องพึ่งพามหาวิทยาลัยเป็นหลัก ควบคู่ไปกับรัฐบาลต้องออกนโยบายให้ประชาชนอยู่ดีกินดีเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศ

The post สรุปไฮไลต์! เจ้าสัวเครือ CP มั่นใจอนาคตเศรษฐกิจไทยสดใส พร้อมโต้เสียงวิจารณ์ ไม่ได้ผูกขาดธุรกิจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดเกมเดือด! จีนโต้กลับสหรัฐฯ ทันที ประกาศขึ้นภาษีสูงถึง 15% มีผล 10 ก.พ. หลังทรัมป์เมินต่อเวลา 30 วันเหมือนแคนาดา-เม็กซิโก https://thestandard.co/china-retaliates-us-tariffs-trade-war/ Tue, 04 Feb 2025 11:26:14 +0000 https://thestandard.co/?p=1038037 จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ ตอบโต้มาตรการทรัมป์

จีนโต้กลับสหรัฐฯ! ประกาศขึ้นภาษีถ่านหิน – LNG  […]

The post เปิดเกมเดือด! จีนโต้กลับสหรัฐฯ ทันที ประกาศขึ้นภาษีสูงถึง 15% มีผล 10 ก.พ. หลังทรัมป์เมินต่อเวลา 30 วันเหมือนแคนาดา-เม็กซิโก appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนประกาศขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ ตอบโต้มาตรการทรัมป์

จีนโต้กลับสหรัฐฯ! ประกาศขึ้นภาษีถ่านหิน – LNG – น้ำมัน – สินค้าเกษตร ยกแผง 10-15% ทันทีที่สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% ซึ่งมีผลในช่วงเที่ยงของวันนี้ หลังทรัมป์เมินผ่อนปรนจีน ไม่เลื่อนให้ 30 วันเหมือนแคนาดา-เม็กซิโก 

 

วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังของจีน ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้สหรัฐฯ โดยขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หลายรายการ เพื่อตอบโต้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากร 10% กับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งมีผลช่วงเวลา 12.00 น. ของวันนี้ โดยภายใต้มาตรการใหม่ กำหนดอัตราภาษี 15% สำหรับถ่านหินบางประเภทและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สินค้าเกษตร รวมถึงภาษี 10% สำหรับน้ำมันดิบ เครื่องจักรกลการเกษตร รถยนต์ขนาดใหญ่ และรถกระบะ ทั้งนี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

 

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ของจีนยังออกมาตรการควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำคัญ เช่น วัสดุที่เกี่ยวข้องกับทังสเตนที่ใช้ในอุตสาหกรรมและการป้องกันประเทศ รวมถึงวัสดุที่เกี่ยวข้องกับเทลลูเรียม ซึ่งสามารถนำไปผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ได้

 

กระทรวงยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างสอบสวนบริษัทสัญชาติอเมริกัน 2 แห่ง ได้แก่ บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Illumina และ PVH ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกสินค้าแฟชั่นเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Calvin Klein และ Tommy Hilfiger โดยระบุว่าบริษัทเหล่านี้ “ละเมิดหลักการซื้อขายในตลาดปกติ” ซึ่งก่อนหน้านี้มีประเด็นข้อหาการใช้ผ้าฝ้ายจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกของจีน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จีนขู่ขึ้นบัญชีดำบริษัทจากสหรัฐฯ 

 

นอกจากนี้ สำนักงานกำกับดูแลตลาดของจีนระบุว่า กระทรวงกำลังดำเนินการสอบสวน Google ในข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดอีกด้วย

 

เลื่อนขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดา-เม็กซิโก 25% ออกไป 1 เดือน 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทรัมป์ออกมาระบุว่า เขาจะเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% เป็นเวลา 1 เดือน หลังจากที่ประกาศว่าจะมีการส่งทหาร 10,000 นายไปยังชายแดนสหรัฐฯ ทันที เพื่อป้องกันการค้ายาเสพติดจากเม็กซิโก

 

โดยทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า ในช่วงที่รอการขึ้นภาษีจะมีการเจรจาเกี่ยวกับภาษีดังกล่าว โดยมี มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนระดับสูงของเม็กซิโก เป็นผู้นำในการเจรจาดังกล่าว การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้น 2 วันหลังจากที่ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10%

 

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เคลาเดีย ไชน์บัม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐฯ และมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร แต่ไม่ได้เปิดเผยอัตราภาษี ขณะที่ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีของแคนาดา กล่าวว่า แคนาดาจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% เพื่อตอบโต้มาตรการจัดเก็บภาษีของทรัมป์ที่ประกาศไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ และจีนกล่าวว่าจะโต้แย้งมาตรการจัดเก็บภาษีกับองค์การการค้าโลก

 

ทรัมป์และไชน์บัมพูดคุยกันในเช้าวันจันทร์ ก่อนที่จะมีการประกาศหยุดการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งคู่กล่าวว่า กองกำลังป้องกันประเทศของเม็กซิโกที่ส่งไปยังชายแดนสหรัฐฯ จะมีภารกิจในการหยุดยั้งการค้าขายยาเสพติดจากเม็กซิโก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟนทานิล ซึ่งเป็นสารโอปิออยด์ที่อันตรายถึงชีวิต 

 

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเขียนด้วยว่า กองกำลังของเม็กซิโกจะมีเป้าหมายเพื่อหยุดยั้งการไหลบ่าเข้ามาของ “ผู้อพยพในประเทศของเรา”

 

ราคาทองคำยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

 

ทันทีที่มีข่าว หุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเปิดตลาดในแดนลบเมื่อวันจันทร์ ฟื้นตัวกลับมาจากข่าวการหยุดจัดเก็บภาษีสินค้าจากเม็กซิโก ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม Dow Jones ฟื้นตัวขึ้น โดยปิดตลาดวันนี้ที่ 44,421.91 จุด ลดลง 122.75 จุด หรือ -0.28% หลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่าจะระงับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดวันนี้ที่ 5,994.57 จุด ลดลง 0.76% และดัชนี NASDAQ Composite ปิดตลาดวันนี้ที่ 19,391.96 จุด ลดลง 1.2%

 

กองทุน iShares MSCI Mexico ETF ซึ่งลงทุนในหุ้นของเม็กซิโก ฟื้นตัวขึ้น และปิดตลาดสูงขึ้น 2% สกุลเงินเปโซเปลี่ยนจากสกุลเงินที่ผลตอบแทนแย่ที่สุดเป็นสกุลเงินที่ทำกำไรได้ดีที่สุดในบรรดาสกุลเงินหลัก สกุลเงินดอลลาร์แคนาดาก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้เช่นกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 4.53% 

 

แม้ว่าดอลลาร์ที่แข็งค่าจะส่งผลให้ตลาดทองคำได้รับผลกระทบตามปกติ แต่ราคาทองคำยังคงพุ่งขึ้นเนื่องมาจากอุปสงค์ในสินทรัพย์ที่หลบภัย (Safe Haven) ซึ่งขับเคลื่อนโดยความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีนำเข้าของทรัมป์

 

ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น 0.8% สู่ระดับ 2,818.99 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 05.00 น. หลังจากแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,830.49 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้านั้น

 

อ้างอิง:

The post เปิดเกมเดือด! จีนโต้กลับสหรัฐฯ ทันที ประกาศขึ้นภาษีสูงถึง 15% มีผล 10 ก.พ. หลังทรัมป์เมินต่อเวลา 30 วันเหมือนแคนาดา-เม็กซิโก appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนไทยพร้อมลงทุนสุขภาพและความงาม มูลค่าตลาดพุ่งแตะ 7 หมื่นล้านบาท KTC ผนึกพันธมิตรคว้าโอกาส https://thestandard.co/health-beauty-market-growth-ktc-partnership/ Tue, 04 Feb 2025 10:46:17 +0000 https://thestandard.co/?p=1038025 สิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหาร KTC แถลงความร่วมมือด้านสุขภาพและความงาม

เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศความ […]

The post คนไทยพร้อมลงทุนสุขภาพและความงาม มูลค่าตลาดพุ่งแตะ 7 หมื่นล้านบาท KTC ผนึกพันธมิตรคว้าโอกาส appeared first on THE STANDARD.

]]>
สิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหาร KTC แถลงความร่วมมือด้านสุขภาพและความงาม

เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือโรงพยาบาล คลินิก และแพลตฟอร์มให้บริการด้านสุขภาพ เดินหน้าจับตลาดสุขภาพและความงามที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

สิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต หมวดสุขภาพและความงาม เคทีซี (KTC) เผยว่า การดูแลสุขภาพในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนไปสู่วิธีที่เน้นการป้องกัน (Preventive) มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเกิดโรคระบาดที่ ‘การมีสุขภาพแข็งแรง’ เปรียบได้กับการมีเกราะป้องกันที่อาจช่วยผ่อนหนักเป็นเบา ในขณะที่ความงามภายนอกก็เป็นอีกหนึ่งกระแสที่หลายคนให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

 

ในปี 2567 บริษัทฯ เผยยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีในหมวดสุขภาพและความงามที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 12% (สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่ 6%) คิดเป็นมูลค่าราว 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนเกินกว่า 1 ใน 3 ของมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท ที่เป็นการใช้จ่ายในหมวดสุขภาพและความงามของประเทศไทย

 

อีกทั้งยอดการใช้จ่ายในหมวด ‘สุขภาพและความงาม’ ถูกคิดเป็นหมวดที่มีมูลค่าสูงสุดใน 5 อันดับแรก (Top 5) ของหมวดที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซี แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของผู้คนในเรื่องสุขภาพและความงาม 

 

พญ.อัจฉราวดี มหัตนิรันดร์กุล แพทย์ประจำศูนย์พรีเมียร์ไลฟ์เซ็นเตอร์ โรงพยาบาลพญาไท 2 เล่าว่า การเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่หลากหลายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้ประชาชนเริ่มตระหนักถึงการดูแลสุขภาพ อีกทั้งมีปัจจัยความต้องการรักษาความอ่อนเยาว์ของหลายคน

 

“ในสังคมปัจจุบัน คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะเมื่อสังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย แต่คนที่อายุเพิ่มขึ้นกลับต้องการดูเด็กและคงความงามของตัวเองไว้” พญ.อัจฉราวดี กล่าว

 

สำหรับเทรนด์สุขภาพปี 2568 พญ.อัจฉราวดี ชี้ว่ามี 5 แนวโน้มที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกันกำลังให้ความสนใจ

 

  1. Personalized Medicine การรักษาที่เน้นความเฉพาะบุคคลเพื่อความแม่นยำ
  2. Mental Health การดูแลสุขภาพจิตที่มีบทบาทความสำคัญเพิ่มขึ้น
  3. Gut Health & Microbiome การดูแลลำไส้เป็นหัวใจสำคัญของสุขภาพองค์รวม และจุลินทรีย์ในลำไส้ที่สำคัญต่อความสมดุลและภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  4. Sustainable & Ethical Wellness การดูแลสุขภาพแบบยั่งยืน
  5. Longevity & Biohacking การใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับและเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย เพื่อการมีอายุยืนยาวและสุขภาพดี ผ่านการใช้ข้อมูลการตรวจสอบสุขภาพและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

 

นอกจากนี้ อีกหนึ่งเทรนด์น่าสนใจในปัจจุบันคือกระแสการดูแลผิวในกลุ่มคนอายุน้อยที่กำลังมาแรง โดย นพ.ปกรณ์ กิติรัตน์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ (Chief Medical Officer) พรเกษมคลินิก เล่าว่า “การรักษาสิวและดูแลสุขภาพผิวถือเป็นเรื่องสำคัญของกลุ่มวัยรุ่น เพราะสุขภาพผิวมีผลต่อความมั่นใจโดยตรง”

 

ซึ่งพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์รวดเร็ว จึงใช้บริการที่คลินิกบ่อยครั้งขึ้น เช่น ฉีดสิวทุก 2 วัน ชอบหัตถการที่ใช้เวลาสั้นและเห็นผลไว ทั้งยังสอดคล้องกับเทรนด์ ‘Prejuvenation’ ที่เน้นวิธีป้องกันและชะลอวัยผิว 

 

อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจ ทั้งกำลังซื้อ หนี้ครัวเรือน และเศรษฐกิจโดยรวม ก็ยังเป็นประเด็นที่ท้าทาย โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่ง รายา จันทรมังกร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด HDmall แพลตฟอร์มให้บริการด้านสุขภาพออนไลน์ ยอมรับว่า ‘ราคา’ ยังเป็นข้อกังวลสำหรับบางกลุ่มลูกค้า

 

HDmall จึงใช้กลยุทธ์ที่รวบรวมบริการจากโรงพยาบาลและคลินิกความงามกว่า 2,500 แห่ง ให้ลูกค้าเลือกได้ในราคาที่ต่ำกว่า โดย HDmall เป็นเสมือนสะพานเชื่อมที่หาลูกค้าให้กับสถานพยาบาล และเสนอตัวเลือกหลากหลายให้กับผู้ใช้งาน

 

ย้อนกลับมาที่ทิศทางภาพรวมของบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสุขภาพและความงาม สิรีรัตน์กล่าวว่า “ความร่วมมือกับพันธมิตรตลอดปี 2568 น่าจะช่วยให้การใช้จ่ายในหมวดสุขภาพและความงามเติบโตได้ 15% และจะขยายพันธมิตรร้านค้าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1,000 ร้านค้า”

The post คนไทยพร้อมลงทุนสุขภาพและความงาม มูลค่าตลาดพุ่งแตะ 7 หมื่นล้านบาท KTC ผนึกพันธมิตรคว้าโอกาส appeared first on THE STANDARD.

]]>
คาด Fed ลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในครึ่งแรกปีนี้ แม้เผชิญแรงกดดันทางการเมือง https://thestandard.co/fed-rate-cut-political-pressure/ Tue, 04 Feb 2025 10:45:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1038024 Fed ลดดอกเบี้ย

The post คาด Fed ลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในครึ่งแรกปีนี้ แม้เผชิญแรงกดดันทางการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Fed ลดดอกเบี้ย

The post คาด Fed ลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในครึ่งแรกปีนี้ แม้เผชิญแรงกดดันทางการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>