Business – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 30 Nov 2024 11:53:41 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 UNIQLO เสี่ยงถูกคว่ำบาตรในจีน หลังซีอีโอประกาศไม่ใช้ฝ้ายจากซินเจียง https://thestandard.co/uniqlo-faces-boycott-threat-in-china/ Sat, 30 Nov 2024 11:53:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1014698

UNIQLO เสี่ยงถูกคว่ำบาตรในจีนตามรอย H&M หลังซีอีโอป […]

The post UNIQLO เสี่ยงถูกคว่ำบาตรในจีน หลังซีอีโอประกาศไม่ใช้ฝ้ายจากซินเจียง appeared first on THE STANDARD.

]]>

UNIQLO เสี่ยงถูกคว่ำบาตรในจีนตามรอย H&M หลังซีอีโอประกาศว่าจะไม่ใช้ฝ้ายจากซินเจียง ทำให้ชาวจีนจำนวนมากออกมาแสดงความไม่พอใจไปทั่วโซเชียลมีเดีย หวั่น UNIQLO ถูกไล่ออกจากตลาดจีน ซึ่งทำรายได้ให้กับบริษัทมากกว่า 20%

 

UNIQLO บริษัทเครื่องแต่งกายยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น กำลังเผชิญกับการคว่ำบาตรจากผู้บริโภคในจีน หลังซีอีโอของ Fast Retailing บริษัทเจ้าของ UNIQLO ออกมาประกาศว่า บริษัทไม่ได้ซื้อ (Supply) ผ้าฝ้ายจากเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน หลังจากที่พื้นที่ดังกล่าวเผชิญข้อกล่าวหาว่าบีบบังคับใช้แรงงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ ทาดาชิ ยานาอิ ซีอีโอของ Fast Retailing แสดงความคิดเห็นดังกล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ British Broadcasting Corporation (BBC) ที่กรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

โดยหลังจากนั้นความคิดเห็นของยานาอิก็ถูกแชร์ไปทั่วแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนอย่าง Weibo เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน โดยผู้ใช้หลายรายออกมาโจมตีบริษัทและประกาศว่าจะไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทอีก

 

“ด้วยทัศนคติเช่นนี้ของ UNIQLO และผู้ก่อตั้งที่หยิ่งผยอง พวกเขาอาจคิดว่าผู้บริโภคในจีนแผ่นดินใหญ่จะลืมเรื่องนี้ไปในอีกไม่กี่วันและยังคงซื้อสินค้า UNIQLO ต่อไป ดังนั้นเราจะยืนหยัดในครั้งนี้ไหม?” ผู้ใช้รายหนึ่งเขียน

 

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน เหมาหนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวเมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นของยานาอิว่า เธอหวังว่าบริษัทต่างๆ จะสามารถขจัดแรงกดดันทางการเมืองและการแทรกแซงที่ไม่ดี แล้วตัดสินใจทางธุรกิจโดยอิสระตามผลประโยชน์ของตนเอง

 

ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ Fast Retailing และมีร้านค้ามากกว่า 900 แห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงไต้หวันและฮ่องกง และคิดเป็นรายได้ของบริษัทมากกว่า 20%

 

ปัจจุบันปัญหาการจัดหาสินค้าจากซินเจียงถือเป็นสนามทุ่นระเบิดทางภูมิรัฐศาสตร์สำหรับบริษัทต่างชาติ

 

โดยก่อนหน้านี้ H&M ก็เคยถูกผู้บริโภคในจีนคว่ำบาตร จากแถลงการณ์ของ H&M ที่โพสต์บนเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า บริษัทมีความกังวลเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการบีบบังคับใช้แรงงานในซินเจียง และระบุว่า บริษัทจะไม่จัดหาฝ้ายจากพื้นที่ดังกล่าวอีกต่อไป

 

หลังจากนั้น H&M ก็ถูกถอดออกจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักต่างๆ ของจีน และถูกย้ายสถานที่ตั้งร้านค้าออกจากแอปพลิเคชันแผนที่ต่างๆ ในประเทศจีน เนื่องจากบริษัทต้องแบกรับความโกรธแค้นของผู้บริโภค

 

โดยในเดือนกันยายน กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดการสอบสวน PVH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Calvin Klein และ Tommy Hilfiger โดยในแถลงการณ์ระบุว่า PVH ถูกสงสัยว่าคว่ำบาตรฝ้ายและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในซินเจียงอย่างไม่เป็นธรรมโดยไม่มีมูลความจริง

 

อ้างอิง:

The post UNIQLO เสี่ยงถูกคว่ำบาตรในจีน หลังซีอีโอประกาศไม่ใช้ฝ้ายจากซินเจียง appeared first on THE STANDARD.

]]>
นิยามของศิลปะอยู่ที่คนมอง ส่อง 4 ผลงานแสนธรรมดา แต่ราคาชวนอึ้ง! https://thestandard.co/4-simple-artworks-unbelievable-prices/ Sat, 30 Nov 2024 11:14:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1014667

กลายเป็นข่าวฮือฮาเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อ […]

The post นิยามของศิลปะอยู่ที่คนมอง ส่อง 4 ผลงานแสนธรรมดา แต่ราคาชวนอึ้ง! appeared first on THE STANDARD.

]]>

กลายเป็นข่าวฮือฮาเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อผลงาน Comedian ของ Maurizio Cattelan ได้รับการประมูลไปถึง 6.2 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 215 ล้านบาท เอาเข้าจริงถือว่าเป็นราคาระดับกลางๆ ของงานศิลปะระดับโลก หากแต่งานศิลปะชิ้นนี้เป็นเพียงกล้วยแปะด้วยเทปกาวบนกำแพงที่เคยกลายเป็นไวรัลตอนเปิดตัวที่ Art Basel ในปี 2019 มาแล้ว! ซึ่งนี่ไม่ใช่งานศิลปะชิ้นแรกที่กลายเป็นที่ถกเถียงกันว่าคุณค่าของศิลปะอยู่ที่ไหนกันแน่ 

 

งานศิลปะจากกล้วยชิ้นนี้ถูกนำขึ้นประมูลในงาน The Now and Contemporary Evening Auction ของ Sotheby’s โดยตอนแรกคาดว่าจะมีราคาอยู่ระหว่าง 1-1.5 ล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่การแข่งขันอย่างดุเดือดจากผู้ประมูล 7 ราย ทำให้ราคาพุ่งไปสูงถึง 6.2 ล้านดอลลาร์ ส่วนคนที่ชนะการประมูลคือ Justin Sun ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัล TRON เขาจะได้ใบรับรองให้ติดกล้วยกับเทปกาวบนผนังสูง 160 เซนติเมตร จากพื้นดิน และเรียกงานศิลปะในชื่อ Comedian ได้

 

Justin ให้เหตุผลว่า Comedian ไม่ใช่แค่งานศิลปะ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงโลกแห่งศิลปะ มีม และชุมชนสกุลเงินดิจิทัลเอาไว้ด้วยกัน เขาเชื่อว่างานชิ้นนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดแนวคิดและข้อถกเถียงมากขึ้นในอนาคตจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในที่สุด 

 

แน่นอนว่าในไม่ช้ากล้วยจะต้องสุกงอมและเน่าเปื่อย เจ้าของคนใหม่เลยวางแผนว่าจะกินกล้วยใบนี้เพื่อเป็นประสบการณ์ทางศิลปะที่แหวกแนวสุดๆ ไปเลย 

 

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่งานศิลปะสุดแปลกจะถูกประมูลไปด้วยราคาน่าเหลือเชื่อ เพราะเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ผลงาน Fountain ของ Marcel Duchamp ซึ่งคือโถปัสสาวะพร้อมลายเซ็นและวันที่ ก็ขายในราคา 2 ล้านดอลลาร์ 

 

และเมื่อ 13 ปีก่อน ผลงานของ Urs Fischer ที่ Art Basel Miami ขายได้ในราคา 160,000 ดอลลาร์ ทั้งที่เป็นแค่ซองบุหรี่เปล่า 

 

รวมถึงเมื่อเร็วๆ นี้ ในงานประมูลของ Christie’s ผลงานของ Marcel Duchamp อีกชิ้นในชื่อ In Advance of the Broken Arm ซึ่งเป็นแค่พลั่วห้อยลงมาจากเพดาน ก็ทำราคาไปได้ถึง 3 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

 

ความจริงแล้ว Comedian เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของงานประมูลในครั้งนี้ที่มีมูลค่ารวมกว่า 110.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีการขายทั้งหมด 46 ล็อต ด้วยอัตราการขายผ่านเกือบ 90% ล็อตที่ราคาสูงสุดคือผลงาน Georges’ Flag (1999) ของ Ed Ruscha ในราคา 13.7 ล้านดอลลาร์ โดยภาพรวมของตลาดยังคงไม่คึกคักอย่างที่ตั้งเป้าการขายรวมไว้ที่ 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งได้ยอดขายเกินประมาณการมาเพียง 10.4 ล้านเท่านั้น 

 


 

Nach Jugenstil Kam Roccoko ของ Urs Fischer ปี 2006 ราคาประมาณ 5.3 ล้านบาท

 

 

กลายเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะที่สร้างกระแสฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นเพียงซองบุหรี่พันไว้กับมอเตอร์และถูกกระชากจนกระจายไปทั่วทั้งแกลลอรี่ ซึ่งใครเห็นก็คงไม่คิดว่าใครจะบ้าซื้อ (แต่ก็มีคนซื้ออยู่ดี) โดยผลงานชิ้นนี้ทำออกมา 2 ฉบับ ตั้งราคาไว้ที่ 160,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 5.3 ล้านบาทต่อชิ้น นักวิจารณ์ให้ความเห็นว่างานชิ้นนี้เป็นการเสียดสีอย่างมีชั้นเชิงด้วยสิ่งเสพติดคือบุหรี่ โดยใช้สะท้อนความหงุดหงิดต่อสภาพเศรษฐกิจที่กำลังจะถดถอยในปี 2008 

 


 

Fountain ของ Marcel Duchamp ปี 1917 / 1953, 1963 และ 1964 ราคาประมาณ 58.7 ล้านบาท

 

 

ผลงานของ Marcel Duchamp บิดาแห่งลัทธิแนวคิดนิยม และได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดสูงสุดของศิลปะในศตวรรษที่ 20 โดยเป็นเพียงโถปัสสาวะที่มีลายเซ็นและลงวันที่ว่า ‘R. Mutt 1917’ ปัจจุบันมีแบบจำลองจัดแสดงอยู่ที่ Tate Modern ในลอนดอน งานศิลปะชิ้นนี้เคยถูกทำขึ้นมาใหม่ในช่วงปี 1953, 1963 และ 1964 ซึ่งได้รับการประมูลไปในราคาสูงถึง 58.7 ล้านบาท

 


 

In Advance of the Broken Arm ของ Marcel Duchamp ปี 1915 ราคาประมาณ 103 ล้านบาท 

 

 

อีกหนึ่งผลงานของ Marcel Duchamp ที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการศิลปะในยุคนั้น เมื่อเขาเข้าไปซื้อพลั่วตักหิมะในแมนฮัตตัน แล้วนำขึ้นมาแขวนจนกลายเป็นชิ้นงาน In Advance of the Broken Arm ปัจจุบันพลั่วดั้งเดิมจากปี 1915 สูญหายแล้ว โดย In Advance of the Broken Arm เวอร์ชันปัจจุบันถูกนำมาจัดแสดงในงาน Christie’s 20th Century Evening Sale ที่นิวยอร์ก และเป็นชิ้นแรกในรอบ 20 ปีที่เปิดให้ประมูล หลังจากที่มักจะแสดงโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์ โดยงานสุดอาร์ตชิ้นนี้ได้รับการประมูลไปในราคา 3 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 103 ล้านบาท

 


 

Comedian ของ Maurizio Cattelan ปี 2019 ราคาประมาณ 214 ล้านบาท

 

 

งานศิลปะที่เคยเป็นที่ฮือฮาหลังจากออกแสดงครั้งแรกในปี 2019 ด้วยการใช้กล้วยลูกเดียวแปะด้วยเทปพันสายไฟบนกำแพง ได้รับการประมูลไปในงาน The Now and Contemporary Evening Auction ของ Sotheby’s ในราคา 6.2 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 214 ล้านบาท มากกว่าราคาประเมินถึง 6 เท่า ผู้ชนะการประมูลคือ Justin Sun ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัล TRON

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

The post นิยามของศิลปะอยู่ที่คนมอง ส่อง 4 ผลงานแสนธรรมดา แต่ราคาชวนอึ้ง! appeared first on THE STANDARD.

]]>
STEM ทักษะมาแรงในไทย นายจ้างเปิดรับกว่า 30,000 ตำแหน่งในไตรมาส 3 https://thestandard.co/30000-stem-jobs-thailand-q3/ Sat, 30 Nov 2024 09:52:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1014648

ทักษะแห่งทศวรรษ! นายจ้างในไทยประกาศรับสมัครแรงงานที่มีท […]

The post STEM ทักษะมาแรงในไทย นายจ้างเปิดรับกว่า 30,000 ตำแหน่งในไตรมาส 3 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ทักษะแห่งทศวรรษ! นายจ้างในไทยประกาศรับสมัครแรงงานที่มีทักษะ STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์: Science, Technology, Engineering and Mathematics) คึกคัก พบเปิดรับสมัครกว่า 30,000 ตำแหน่งในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ คิดเป็น 16.5% ของตำแหน่งงานที่เปิดรับทั้งหมด

 

ทีม Big Data ของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ประกาศรับสมัครงานออนไลน์ทั้งหมด 23 เว็บไซต์รับสมัครงานออนไลน์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน) พบว่า มีการประกาศรับสมัครงานในกลุ่มอาชีพที่ต้องการทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) ทั้งหมด 37,417 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็น 16.5% ของตำแหน่งงานที่เปิดรับทั้งหมด 227,269 ตำแหน่ง โดยกลุ่มงานคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์เป็นกลุ่มงานที่มีการประกาศรับสมัครมากที่สุด

 

เปิดอันดับงาน STEM อะไรที่นายจ้างไทยต้องการ?

 

  1. คอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ โดยมีจำนวนตำแหน่งงาน 13,683 ตำแหน่ง คิดเป็น 36.6% ของประกาศงานด้าน STEM ทั้งหมด โดยอาชีพที่เปิดรับสมัครมากที่สุด ได้แก่ เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและแก้ปัญหาด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Support), นักเขียนโปรแกรม (Programmer), นักวิเคราะห์ระบบ (System Analyst), วิศวกรซอฟต์แวร์ (Software Engineer) และวิศวกรระบบ (System Engineer)

 

  1. วิศวกรรมศาสตร์ มีจำนวนตำแหน่งงาน 10,218 ตำแหน่ง คิดเป็น 27.3% โดยอาชีพที่เปิดรับสมัครมากที่สุด ได้แก่ วิศวกรไฟฟ้า, วิศวกรโครงการ, วิศวกรโยธา และวิศวกรเครื่องกล

 

  1. งานขายด้านเทคนิคและเฉพาะทาง มีจำนวนตำแหน่งงาน 5,602 ตำแหน่ง คิดเป็น 15.0% โดยอาชีพที่เปิดรับสมัครมากที่สุด ได้แก่ วิศวกรฝ่ายขาย (Sales Engineer), ตัวแทนขาย และผู้จัดการฝ่ายขาย

 

  1. การดูแลสุขภาพ มีจำนวนตำแหน่งงาน 3,995 ตำแหน่ง คิดเป็น 10.7% โดยอาชีพที่เปิดรับสมัครมากที่สุด ได้แก่ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานวิชาชีพ (Safety Officer), เภสัชกร, พยาบาล และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย (Occupational Health and Safety Officer)

 

สำหรับงาน STEM อื่นๆ ซึ่งรวมถึงตำแหน่งบริหาร อาชีพด้านวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม และครูสอนวิชา STEM มีจำนวนตำแหน่งงานรวมกัน 3,916 ตำแหน่ง คิดเป็น 10.5% ของทั้งหมด

 

เปิดกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงงาน STEM มากที่สุด

 

เมื่อจำแนกประกาศรับสมัครงานออนไลน์ตามประเภทกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่า 10 อันดับแรกของกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานด้าน STEM มากที่สุด ได้แก่

 

  1. การขายส่งและขายปลีก 5,873 ตำแหน่ง (21.1%)
  2. การผลิต 5,728 ตำแหน่ง (20.6%)
  3. กิจกรรมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ 3,462 ตำแหน่ง (12.4%)
  4. กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน 2,886 ตำแหน่ง (10.4%)
  5. ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร 2,529 ตำแหน่ง (9.1%)
  6. การก่อสร้าง 1,836 ตำแหน่ง (6.6%)
  7. กิจกรรมทางการเงินและการประกันภัย 1,409 ตำแหน่ง (5.1%)
  8. กิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ 1,254 ตำแหน่ง (4.5%)
  9. กิจกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ 774 ตำแหน่ง (2.8%)
  10. ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 637 ตำแหน่ง (2.3%)

 

ทั้งนี้ ทักษะ STEM ถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และยกระดับการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้

 

อ้างอิง:

The post STEM ทักษะมาแรงในไทย นายจ้างเปิดรับกว่า 30,000 ตำแหน่งในไตรมาส 3 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: เจาะสูตรสำเร็จนักลงทุน ทำอย่างไรให้ชนะตลาดหุ้น? | NEW GEN INVESTOR EP.32 https://thestandard.co/new-gen-investor-ep-32/ Sat, 30 Nov 2024 07:00:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1014580 ตลาดหุ้น

อยากประสบความสำเร็จแบบคนส่วนน้อยต้องทำอย่างไร?   N […]

The post ชมคลิป: เจาะสูตรสำเร็จนักลงทุน ทำอย่างไรให้ชนะตลาดหุ้น? | NEW GEN INVESTOR EP.32 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตลาดหุ้น

อยากประสบความสำเร็จแบบคนส่วนน้อยต้องทำอย่างไร?

 

New Gen Investor เอพิโสดนี้ เฟิร์น – ศิรัถยา อิศรภักดี ชวน แม็กซ์ – ธีระชาติ ก่อตระกูล ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท StockRadars มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางที่จะประสบความสำเร็จได้แบบคนส่วนน้อยในตลาด

 

รวมทั้งการเลือกใช้ข้อมูลในตลาดหุ้น เพื่อช่วยตัดสินใจลงทุนให้ได้ดียิ่งขึ้น

The post ชมคลิป: เจาะสูตรสำเร็จนักลงทุน ทำอย่างไรให้ชนะตลาดหุ้น? | NEW GEN INVESTOR EP.32 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: จิตวิญญาณเรเนสซองส์ มรดกวัฒนธรรมสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจอิตาลี PART 2 | WEALTH HISTORY EP.62 https://thestandard.co/wealth-history-ep62/ Sat, 30 Nov 2024 06:00:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1014490

Wealth History on Location เอพิโสดนี้ เฮียวิทย์ยังปักหล […]

The post ชมคลิป: จิตวิญญาณเรเนสซองส์ มรดกวัฒนธรรมสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจอิตาลี PART 2 | WEALTH HISTORY EP.62 appeared first on THE STANDARD.

]]>

Wealth History on Location เอพิโสดนี้ เฮียวิทย์ยังปักหลักอยู่ที่มิลานกับ Euro Creations ตระเวนพบปะกับนักธุรกิจและผู้บริหารแบรนด์ลักชัวรีระดับพันล้าน พร้อมสำรวจมุมมองการเข้าตลาดหลักทรัพย์ สำรวจหาร่องรอยของจิตวิญญาณเรเนสซองส์ และนิยาม ‘Made in Italy’

 

ตามเฮียวิทย์ไปหาคำตอบพร้อมกันว่า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ลักชัวรีของอิตาลีเป็นที่นิยมไปทั่วโลก วิธีคิดและจิตวิญญาณแบบเรเนสซองส์ถูกส่งผ่านมาสู่การทำธุรกิจยุคใหม่อย่างไร ไล่ตั้งแต่เรื่องรูปแบบการใช้ชีวิต แฟชั่น เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงอาหารการกิน

The post ชมคลิป: จิตวิญญาณเรเนสซองส์ มรดกวัฒนธรรมสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจอิตาลี PART 2 | WEALTH HISTORY EP.62 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยโดนด้วย! สหรัฐฯ จ่อขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่ 4 ประเทศอาเซียน https://thestandard.co/us-solar-panel-tariffs-asean-countries/ Sat, 30 Nov 2024 05:13:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1014512 โซลาร์เซลล์

สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่ 4 ประเทศอาเซ […]

The post ไทยโดนด้วย! สหรัฐฯ จ่อขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่ 4 ประเทศอาเซียน appeared first on THE STANDARD.

]]>
โซลาร์เซลล์

สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่ 4 ประเทศอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม และไทย ในอัตราระหว่าง 21.31-271.2% หลังผู้ผลิตในสหรัฐฯ ร้องเรียนว่า ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ของจีนที่มีโรงงานในประเทศเหล่านี้เป็นตัวการทำให้ราคาแผงโซลาร์เซลล์ทั่วโลกร่วงลงด้วยการทุ่มตลาดสินค้า

 

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่จาก 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม และไทย หลังจากผู้ผลิตแผงโซลาร์ในสหรัฐฯ ร้องเรียนว่า บริษัทต่างๆ ในประเทศดังกล่าวมาทุ่มตลาด ขายสินค้าราคาถูกอย่างไม่เป็นธรรมในสหรัฐฯ

 

การขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์นี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ภายใต้การตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์ในยุคประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในปีนี้ หลังจากก่อนหน้านี้มีการยื่นฟ้องบริษัท Hanwha Qcells ของเกาหลีใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา และบริษัทขนาดเล็กอีกหลายแห่ง เพื่อปกป้องการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ของสหรัฐฯ

 

โดยกลุ่ม American Alliance for Solar Manufacturing Trade Committee ยังกล่าวหาผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่ของจีนที่มีโรงงานในมาเลเซีย กัมพูชา เวียดนาม และไทย ว่าเป็นตัวการทำให้ราคาสินค้าทั่วโลกร่วงลงด้วยการทุ่มตลาดสินค้า

 

ตามการตัดสินใจเบื้องต้นที่โพสต์บนเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หน่วยงานดังกล่าวคำนวณภาษีทุ่มตลาดในอัตราระหว่าง 21.31-271.2%

 

ตัวอย่างเช่น บริษัท Jinko Solar ต้องจ่ายภาษี 21.31% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในมาเลเซีย และ 56.51% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเวียดนาม

 

บริษัท Trina Solar ของจีนต้องจ่ายอัตราภาษีการทุ่มตลาด 77.85% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในไทย และ 54.46% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในเวียดนาม

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำหนดการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในวันที่ 18 เมษายน 2025 โดยสำนักงานบริหารการค้าระหว่างประเทศกำหนดจะสรุปการตัดสินใจในวันที่ 2 มิถุนายน 2025 และคาดว่าจะออกคำสั่งในวันที่ 9 มิถุนายน 2025

 

ในการสอบสวนของกระทรวงพาณิชย์พบว่า แผงโซลาร์เซลล์ส่วนใหญ่ที่ติดตั้งในสหรัฐฯ ผลิตในต่างประเทศ โดยประมาณ 80% ของการนำเข้ามาจาก 4 ประเทศที่เป็นเป้าหมายดังกล่าว

 

ในปีนี้รัฐบาลของไบเดนส่งสัญญาณไปที่การลงทุนมหาศาลของจีนในโรงงานผลิตสินค้าพลังงานสะอาด เนื่องจากกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของไบเดน หรือ Inflation Reduction Act พยายามสร้างแรงจูงใจสำหรับบริษัทต่างๆ ให้ผลิตอุปกรณ์พลังงานสะอาดในสหรัฐฯ โดยให้เป็นเงินอุดหนุนที่กระตุ้นให้เกิดแผนการสร้างโรงงานพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่มากมาย

 

อย่างไรก็ตาม โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มองว่า Inflation Reduction Act มีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป โดยยังกล่าวอีกว่า เขาวางแผนที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรจำนวนมากในหลากหลายภาคส่วนเพื่อปกป้องคนงานชาวอเมริกัน

 

อ้างอิง:

The post ไทยโดนด้วย! สหรัฐฯ จ่อขึ้นภาษีแผงโซลาร์เซลล์รอบใหม่ 4 ประเทศอาเซียน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูเก็ตเมืองเศรษฐี! CPN ทุ่มพันล้านขยายโซนฟลอเรสต้ารับ Luxury Boom พบชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ซื้อของหรูมากขึ้น มองเป็นการลงทุน ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย https://thestandard.co/phuket-luxury-market-investment-trend/ Sat, 30 Nov 2024 05:10:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1014515 CPN ภูเก็ต

ถึง ‘ภูเก็ต’ จะเป็นหนึ่งในเมืองที่ปราบเซียนชนิดที่ใครว่ […]

The post ภูเก็ตเมืองเศรษฐี! CPN ทุ่มพันล้านขยายโซนฟลอเรสต้ารับ Luxury Boom พบชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ซื้อของหรูมากขึ้น มองเป็นการลงทุน ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPN ภูเก็ต

ถึง ‘ภูเก็ต’ จะเป็นหนึ่งในเมืองที่ปราบเซียนชนิดที่ใครว่าแน่ก็ต้องล้มหายไปหลายรายแล้ว แต่สำหรับ ‘เซ็นทรัลพัฒนา’ หรือ CPN การตัดสินใจเปิด ‘โซนฟลอเรสต้า’ เมื่อ 6 ปีก่อนเพื่อขายสินค้าหรูโดยเฉพาะ ดูจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอยู่ไม่น้อย

 

โดยข้อมูลจาก The 1 พบว่า Spending per Visit ของ The 1 Member สูงกว่าศูนย์อื่น 5 เท่า และ Spending per Visit ของ The 1 Exclusive สูงกว่าศูนย์อื่น 6 เท่า ที่สำคัญยอดการซื้อสินค้าหรูเฉลี่ยมากขึ้น 3 แสนบาทต่อบิล แต่หากเป็นการซื้อต่อบิลมากที่สุดตัวเลขแตะที่ระดับ 5 ล้านบาทเลยทีเดียว

 

ที่น่าสนใจคือพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป จากที่เน้นซื้อกระเป๋าและรองเท้า ตอนนี้หันมาซื้อเสื้อผ้ารวมถึงเครื่องประดับมากขึ้น เพราะชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่มองว่า สินค้าหรูนอกจากจะสามารถใช้ได้นานแล้วยังสามารถขายต่อได้ ทำให้นี่ไม่ใช่การใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย แต่ถือเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

 


 

คาดว่าตลาดสินค้าหรูในไทยจะมีมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 แสนล้านบาท และจะโตขึ้นอีก 6.15% ต่อปี จนถึงปี 2571 ซึ่งสูงกว่าตลาดในสิงคโปร์ 

 

และแม้ว่าตลาดสินค้าหรูทั่วโลกชะลอตัวแต่ไทยกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่ง วัดได้จากเม็ดเงินโฆษณาแบรนด์หรูต่างๆ ที่ทาร์เก็ตในไทยโตถึง 214% ในครึ่งปีแรกของปี 2567 สูงที่สุดในเอเชีย ซึ่งแบรนด์หรูระดับโลกหลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้ KOL ไทยในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ สะท้อนอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ

 

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตอนนี้ผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าหรูไม่ได้มาจากนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นคนท้องถิ่นที่จับจ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการซื้อในภูเก็ตเพิ่มขึ้น 10-15% ซึ่งเป็นตัวเลขที่แทบจะมากกว่ากรุงเทพฯ ไปแล้ว 

 

เหตุผลมาจากการที่เมืองภูเก็ตถือเป็น Top Destination for Global Jetsetter เทียบชั้นเมืองตากอากาศหรูระดับโลกอย่างฮาวาย, โมนาโก, ซานโตรินี และไมอามี ยังมีการเติบโตต่อเนื่องทั้งในด้านเศรษฐกิจและท่องเที่ยว คาดการณ์รายได้ภาคการท่องเที่ยวปี 2567 แตะ 5 แสนล้านบาท ‘New High’ โตจากปี 2566 ที่ 28% ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่ม 16% เป็นจังหวัดที่มี High Season ตลอดทั้งปี มีค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว 34,336 บาทต่อคน มากที่สุดในประเทศไทย

 

เมื่อมองจากกำลังซื้อและทิศทางของตลาดสินค้าหรูที่กำลังเติบโตทำให้ CPN จะลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มกำลังซื้อสูง 

 

“เราขยายพื้นที่ฝั่งฟลอเรสต้าจากเดิมที่มีพื้นที่อาคารทั้งหมด (Gross Floor Area: GFA) 180,000 ตารางเมตร เป็น 200,000 ตารางเมตร เพิ่มขึ้น 20,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น Ultra Luxury Brands and Bridge Line รวมทั้งสิ้น 25 แบรนด์ (ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 16 แบรนด์) และอาจเป็น 30 แบรนด์ได้ในอนาคต”

 

โดยในปีนี้มีอัปเดตความเคลื่อนไหวของแบรนด์หรูต่างๆ ได้แก่ Louis Vuitton บูติกส่วนต่อขยายใหญ่ที่สุดในภาคใต้, Prada บูติกใหม่ขนาด 597 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย, แฟลกชิปสโตร์ของ Tiffany & Co., ป๊อปอัพของ BVLGARI ที่เผยโฉมครั้งแรกนอกกรุงเทพฯ, CELINE เตรียมเปิดในเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงแบรนด์ที่ Relocate อย่าง Bottega Veneta, Balenciaga, YSL 

 

นอกจากนี้ยังเพิ่มแบรนด์สตรีทระดับโลกอย่าง lululemon สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ และ ZARA แฟลกชิปสโตร์คอนเซปต์ใหม่ล่าสุด ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่กว่า 1,800 ตารางเมตร มียอดขายเปิดร้านวันแรก อันดับ 1 ในเอเชีย และปัจจุบันมียอดขายติดอันดับ 3 ของไทย รองจากกรุงเทพฯ สะท้อนศักยภาพเมืองศูนย์การค้าที่แบรนด์โลกเลือกปักหมุด 

 

ทราฟฟิกปัจจุบันเฉลี่ย 80,000 คนต่อวัน คาดว่าหลังขยายโซนแล้วเสร็จจะเพิ่ม 25% เป็น 100,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นชาวต่างชาติ 70% และคนไทย 30% นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เข้าใช้บริการศูนย์การค้าคือ รัสเซีย, จีน, สหรัฐ, สิงคโปร์ และฮ่องกง

 

“สมัยก่อนลูกค้าเบอร์ 1 เป็นคนจีน ในจำนวนนี้ 40% เป็นกลุ่มทัวร์ แต่ตอนนี้หายไปหมดแล้ว เหลือแต่กลุ่มที่มาเที่ยวเอง” วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ระบุว่า “อีกกลุ่มที่ชอบมาภูเก็ตเช่นกันคือตะวันออกกลาง เพราะชอบฝน เนื่องจากที่ตะวันออกกลางส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย”

The post ภูเก็ตเมืองเศรษฐี! CPN ทุ่มพันล้านขยายโซนฟลอเรสต้ารับ Luxury Boom พบชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ซื้อของหรูมากขึ้น มองเป็นการลงทุน ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย appeared first on THE STANDARD.

]]>
จับตาตลาดแรงงานไทยแย่ลง ผู้ขอรับสิทธิกรณีว่างงานรายใหม่เพิ่มกว่า 60,000 คนในเดือนตุลาคม https://thestandard.co/thai-labor-market-unemployment-october-surge/ Fri, 29 Nov 2024 13:35:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1014455 ตลาดแรงงานไทย

ภาพรวมตลาดแรงงานไทยแย่ลงจากภาคบริการ โดยเฉพาะภาคการค้าแ […]

The post จับตาตลาดแรงงานไทยแย่ลง ผู้ขอรับสิทธิกรณีว่างงานรายใหม่เพิ่มกว่า 60,000 คนในเดือนตุลาคม appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตลาดแรงงานไทย

ภาพรวมตลาดแรงงานไทยแย่ลงจากภาคบริการ โดยเฉพาะภาคการค้าและก่อสร้าง แม้เศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยมีจำนวนผู้ขอรับสิทธิกรณีว่างงานรายใหม่เพิ่ม 62,000 คนในเดือนที่ผ่านมา ด้าน ธปท. มองว่าตลาดแรงงานในภาพรวมยังเป็นไปตามปกติ แต่มีปัญหาในบางภาคส่วน (Sector) เท่านั้น

 

วันนี้ (29 พฤศจิกายน) ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานแถลงข่าวเศรษฐกิจและการเงินเดือนตุลาคม 2567 โดยระบุว่า ตลาดแรงงานในเดือนตุลาคมปรับแย่ลงจากเดือนก่อน โดยพบว่า จำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในระบบประกันสังคมลดลง 0.5% (MoM) จากเดือนก่อน อยู่ที่ 12.03 ล้านคน ณ วันที่ 24 ตุลาคม เนื่องมาจากการลดลงของจำนวนผู้ประกันตนจากภาคบริการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ตัวอย่างเช่น ภาคการค้า โดยเฉพาะธุรกิจการค้ายานยนต์และภาคก่อสร้างเป็นสำคัญ ขณะที่จำนวนผู้ประกันตนในภาคการผลิตยังทรงตัว

 

ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสิทธิกรณีว่างงานรวม (Stock) อยู่ที่ 2.12 ล้านคน ทำให้สัดส่วนผู้ขอรับสิทธิว่างงานในระบบประกันสังคม มาตรา 38 ต่อจำนวนผู้ประกันตนสะสมปรับลดลง 2.1% (MoM) อยู่ที่ 1.74%

 

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ขอรับสิทธิกรณีว่างงานรายใหม่ (Flow) ต่อเดือน จนถึงวันที่ 24 ตุลาคม อยู่ที่ 62,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 54,000 คน ทำให้สัดส่วนจำนวนผู้ขอรับสิทธิกรณีว่างงานรายใหม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.9% (MoM) อยู่ที่ 0.51%

 

จำนวนผู้ขอรับสิทธิกรณีว่างงานรายใหม่อยู่ในหลายสาขา ตัวอย่างเช่น ภาคก่อสร้าง, สื่อสิ่งพิมพ์, อสังหาริมทรัพย์, การผลิตไม้ และเครื่องใช้ไฟฟ้า

 

โดยตัวเลขดังกล่าวอาจสะท้อนว่า “แม้มีผู้ว่างงานใหม่เพิ่มขึ้น แต่ผู้ที่เคยว่างงานก็อาจหางานใหม่ทำได้แล้ว จึงเป็นการเปลี่ยนผ่านในบางภาคเศรษฐกิจ ซึ่งคงต้องจับตาดูต่อไป” ชญาวดีกล่าว

 

ขณะที่ ปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า ตลาดแรงงานเป็นสิ่งที่ ธปท. กำลังจับตา พร้อมทั้งยืนยันว่า ตลาดแรงงานในภาพรวมยังเป็นไปตามปกติ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหารุนแรง เนื่องจากมีการหางานใหม่เพิ่มขึ้น โดยปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาในบางภาคส่วนเท่านั้น ดังนั้นหากรัฐบาลมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือเพื่อให้แรงงานหางานใหม่ได้เร็วหรือทำให้รายได้ดีขึ้น ก็จะช่วยแก้ปัญหาทางนี้ได้

 

“ถ้าดูอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ยังอยู่ที่ระดับ 1% ซึ่งนับว่าเป็นระดับปกติ แต่ถ้าลงไปดูในบางภาคก็มองเห็นการเลิกจ้างเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง และภาคบริการ ตัวอย่างเช่น กลุ่มสื่อที่เผชิญกับภาวะ Technology Disruption” ปราณีกล่าว

 

เศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน

 

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น ส่วนหนึ่งได้รับผลดีจากมาตรการเงินโอน 10,000 บาท สอดคล้องกับกิจกรรมในภาคการค้าที่เพิ่มขึ้น

 

ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นตามการส่งออกที่ไม่รวมรถยนต์และอุปสงค์ในประเทศที่ปรับดีขึ้น สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน

 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในบางภาคส่วนยังชะลอตัวจากปัญหาเชิงโครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันที่ด้อยลง

 

สำหรับแนวโน้มระยะต่อไป ธปท. มองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังมีแรงส่งจากภาคท่องเที่ยวและบริการ ขณะที่การส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรมทยอยฟื้นตัว

 

อย่างไรก็ดี มีบางอุตสาหกรรมที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้รายรับธุรกิจและรายได้ครัวเรือนในบางกลุ่มยังเปราะบาง

 

ดังนั้นระยะต่อไปต้องติดตามความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาที่จะส่งผลต่อการส่งออกและการผลิต รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

The post จับตาตลาดแรงงานไทยแย่ลง ผู้ขอรับสิทธิกรณีว่างงานรายใหม่เพิ่มกว่า 60,000 คนในเดือนตุลาคม appeared first on THE STANDARD.

]]>
เทียบฟอร์ม ‘Facebook – TikTok – X’ 3 โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ https://thestandard.co/facebook-tiktok-x-social-media-comparison/ Fri, 29 Nov 2024 12:21:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1014362 Facebook

หนึ่งในสมรภูมิทางธุรกิจที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด […]

The post เทียบฟอร์ม ‘Facebook – TikTok – X’ 3 โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Facebook

หนึ่งในสมรภูมิทางธุรกิจที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นการแข่งขันของธุรกิจโซเชียลมีเดียระหว่าง Meta ที่ถือโซเชียลอย่าง Facebook และ Instagram ไว้ในมือ กับ Bytedance บริษัทแม่ของ TikTok และ X ที่ครอบครองโดย Elon Musk 

 

ซึ่งทุกแพลตฟอร์มต่างพยายามหาทางแย่งสายตา (Eyeballs) จากผู้ใช้งาน (Users) ให้มาอยู่ในระบบนิเวศของตนเองให้ได้ ผ่านเครื่องมืออย่าง AI (Artificial Intelligence) ที่ทุกบริษัทต่างเร่งพัฒนากันอยู่ในขณะนี้

 

ในบทความนี้ทีมงาน THE STANDARD WEALTH จะพาไปดูฟอร์มของ 3 โซเชียลมีเดีย ยักษ์ใหญ่ของโลก อย่าง Meta (Facebook), Bytedance (TikTok) และ X

 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post เทียบฟอร์ม ‘Facebook – TikTok – X’ 3 โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
HYBE เสียหายหนัก! มูลค่าหุ้นร่วงกว่า 1.45 หมื่นล้านบาท หลัง NewJeans ประกาศยกเลิกสัญญา ยันไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าปรับใดๆ https://thestandard.co/hybe-huge-loss-newjeans-exit/ Fri, 29 Nov 2024 11:56:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1014351

HYBE ต้นสังกัด K-Pop ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้หุ้นร่วงอย่าง […]

The post HYBE เสียหายหนัก! มูลค่าหุ้นร่วงกว่า 1.45 หมื่นล้านบาท หลัง NewJeans ประกาศยกเลิกสัญญา ยันไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าปรับใดๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>

HYBE ต้นสังกัด K-Pop ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้หุ้นร่วงอย่างหนักจนสูญเสียมูลค่าตลาดไปกว่า 423 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.45 หมื่นล้านบาท) หลังจาก NewJeans เกิร์ลกรุ๊ปดาวรุ่งประกาศยกเลิกสัญญากับ ADOR ค่ายเพลงในเครือ พร้อมยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าปรับใดๆ

 

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก ADOR และ HYBE มีข้อพิพาทด้านการจัดการมานานหลายเดือน ส่งผลให้ราคาหุ้น HYBE ร่วงเกือบ 7% ในวันนี้ (29 พฤศจิกายน) ตามรายงานของ CNBC

 

NewJeans ที่เดบิวต์ในปี 2022 ได้แถลงเมื่อวานนี้ว่าพวกเธอจะออกจาก ADOR โดยอ้างว่าทางค่ายละเมิดสัญญา Hanni สมาชิกวงกล่าวว่า “การอยู่ที่นี่เป็นการเสียเวลาและทำให้เจ็บปวดทางใจ เราไม่ได้รับอะไรเลยจากการอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกเราทั้ง 5 คนไม่เห็นเหตุผลที่จะอยู่กับ ADOR ต่อไป”

 

2 สัปดาห์ก่อน NewJeans ส่งหนังสือบอกกล่าวทางกฎหมายถึง HYBE โดยเรียกร้องให้ Min Hee Jin อดีตซีอีโอ ADOR กลับมาดำรงตำแหน่ง มิฉะนั้นสมาชิกจะยกเลิกสัญญา ขณะที่ JoongAng Ilbo สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า NewJeans ต้องการให้ HYBE จัดการกับรายงานภายในที่มีใจความว่าให้ “ยุบวง NewJeans แล้วตั้งวงใหม่”

 

Hanni กล่าวหา ADOR ว่ามีการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม ไม่ใช่แค่กับวง แต่กับทีมงานด้วย ทั้งขัดขวาง บิดเบือน สื่อสารผิดพลาด และบงการหลายด้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ Hanni เคยให้การต่อรัฐสภาเกาหลีใต้ว่าเธอถูกคุกคามในที่ทำงาน

 

เมื่อเดือนเมษายน HYBE กล่าวหา Min Hee Jin ว่าพยายามทำให้ ADOR เป็นอิสระ โดย Min Hee Jin ปฏิเสธข้อกล่าวหา และวิพากษ์วิจารณ์ HYBE ว่าลอกเลียนคอนเซปต์ NewJeans ไปใช้กับวงอื่น ซึ่งต่อมา Min Hee Jin ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ ADOR ในเดือนสิงหาคม แต่ยังคงเป็นกรรมการ ก่อนจะลาออกเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

NewJeans ประสบความสำเร็จอย่างมากหลังจากเดบิวต์ในปี 2022 คว้ารางวัลมากมาย รวมถึงรางวัล Group of the Year จาก Billboard โดย Billboard ระบุว่า NewJeans ติดชาร์ต Billboard ถึง 10 ชาร์ต

 

กำไรสุทธิของ HYBE ลดลงเกือบ 99% ในไตรมาส 3 ปี 2024 นักวิเคราะห์ระบุว่ายอดขายหดตัวเนื่องจากมีศิลปินและกิจกรรมจำกัดในช่วงโอลิมปิก และต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเปิดตัว KATSEYE วงน้องใหม่ในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ราคาหุ้น HYBE ลดลง 15.72% ในปีนี้ สะท้อนภาวะตกต่ำของอุตสาหกรรม K-Pop โดย Big 4 ต่างเผชิญกับราคาหุ้นที่ร่วงลง

 

อย่างไรก็ตาม The Korea Times รายงานว่า ADOR ยืนยันว่าสัญญาของ NewJeans ยังคงมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2029 และจะดูแล NewJeans รวมถึงแผนงานต่างๆ ต่อไป เช่น งานแฟนมีตติ้งในเดือนมีนาคม การออกอัลบั้มใหม่กลางปี 2025 และเวิลด์ทัวร์ในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมทั้งกำลังมองหาโปรดิวเซอร์คนใหม่เพื่อรักษาเอกลักษณ์และความสำเร็จของวง

 

NewJeans ยืนยันการยกเลิกสัญญา โดยอ้างว่า ADOR ละเมิดสัญญาและไม่ตอบสนองต่อหนังสือบอกกล่าว พวกเธอระบุว่าลงนามในเอกสารยกเลิกสัญญาซึ่งมีผลทันที และเน้นย้ำว่าไม่จำเป็นต้องยื่นคำร้องต่อศาลหรือจ่ายค่าปรับ เนื่องจากการยกเลิกสัญญาเป็นผลมาจากการละเมิดของ ADOR

 

ภาพ: The Chosunilbo JNS / Imazins via Getty Images

อ้างอิง:

The post HYBE เสียหายหนัก! มูลค่าหุ้นร่วงกว่า 1.45 หมื่นล้านบาท หลัง NewJeans ประกาศยกเลิกสัญญา ยันไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าปรับใดๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>