เคยไหมที่รู้สึกเหนื่อยล้า หมดไฟ หรือเครียดสะสม? บางทีคุ […]
The post บูสต์ฮอร์โมน Endorphins & Serotonin กับกิจกรรมสุขภาพดีสุดฟิน appeared first on THE STANDARD.
]]>เคยไหมที่รู้สึกเหนื่อยล้า หมดไฟ หรือเครียดสะสม? บางทีคุณอาจกำลังมองหาวิธีเพิ่มพลังกายและใจให้กลับมาสดใสอีกครั้ง THE STANDARD LIFE จะพาคุณไปสำรวจความลับของ ‘ฮอร์โมนแห่งความสุข’ ที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณ พร้อมแนะนำแนวทางง่ายๆ ในชีวิตประจำวันที่จะช่วยปลุกฮอร์โมนเหล่านี้ให้ตื่นขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ เช่น Curve Barre และ Absolute Cycle ที่ช่วยกระตุ้นเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มพลังกาย ไปจนถึงการหาสถานที่สงบเพื่อเติมเต็มความจำและคลายความกังวล อย่างโปรแกรมผ่อนคลายกับธรรมชาติจาก Thann Sanctuary Spa ทั้ง OxygenRoom และ Body Massage หรือการปรนนิบัติด้วย Head Spa จาก Siesta Head Spa and Salon ที่ช่วยดูแลเส้นผมและหนังศีรษะไปพร้อมกับการผ่อนคลายอย่างล้ำลึก
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นเซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนแห่งความสงบ เตรียมพร้อมสัมผัสพลังบวกที่จะเปลี่ยนวันธรรมดาให้กลายเป็นวันที่สดใสขึ้นแน่นอน
กำลังมองหาการออกกำลังกายที่ทั้งสนุก ได้เหงื่อ และช่วยปลดปล่อยเอ็นดอร์ฟินแบบเต็มที่อยู่ใช่ไหม? ที่ CURVE BKK คือคำตอบ ที่นี่มีคลาส Barre Exercise รูปแบบใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบัลเลต์ ผสานการเคลื่อนไหวแบบ Functional Training และ Body Weight Training เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะต้องการเบิร์นไขมันอย่างเต็มที่ หรือกระตุ้นกล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวที่มักถูกละเลยในชีวิตประจำวัน Curve Barre จะช่วยให้คุณได้ใช้ร่างกายอย่างเต็มศักยภาพ สร้างความเมื่อยล้าที่ดีต่อกล้ามเนื้อ และปลุกความแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก
ไม่เพียงแค่หุ่นที่ฟิตและลีนขึ้นเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่กล้ามเนื้อถูกใช้งานอย่างเข้มข้น ร่างกายของคุณจะหลั่งเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขตามธรรมชาติ ช่วยลดความเจ็บปวด คลายเครียด และเพิ่มความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวาหลังจบคลาสอย่างน่าอัศจรรย์ ที่ CURVE BKK มีคลาสให้เลือกมากมายเพื่อตอบโจทย์ทุกระดับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นคลาสซิกเนเจอร์อย่าง Cardio Barre ที่เน้นคาร์ดิโอเพื่อการเบิร์นไขมันสูงสุด, Barre With Weight ที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงยิ่งขึ้นด้วยการใช้น้ำหนัก, หรือคลาสสุดพิเศษอย่าง Hot Signature Barre การออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงในห้องที่เปิดแสงอินฟราเรด ซึ่งผสานการใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวและการคาร์ดิโอเข้าด้วยกัน ช่วยเร่งการเผาผลาญได้อย่างยอดเยี่ยม
Location: CURVE BKK, Gaysorn Amarin ชั้น 2
Tel: 09 2992 2282
ชวนไปลองประสบการณ์สุดเร้าใจที่จะเปลี่ยนการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอของคุณให้ไม่เหมือนเดิมที่ Absolute Cycle ด้วยประสบการณ์หลายทศวรรษจากผู้เชี่ยวชาญ บอกเลยว่าที่นี่เจ๋งตรงที่การสร้างสรรค์ Rhythm Cycling ที่ไม่ใช่แค่การเผาผลาญไขมัน แต่มันคือการเดินทางที่ผสมผสานการเติบโตทั้งกาย ใจ และอารมณ์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว คุณจะได้เคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงที่เร้าใจในแบบ Low Impact แต่ High Intensity พร้อมฝึกทั้งความเร็ว แรงต้าน สร้างความแข็งแกร่ง ความอดทน และพลังกำลังให้กับร่างกาย
ทุกครั้งที่จบคลาส คุณจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเบาสบายและมีพลัง ด้วยการทำงานอย่างหนักของกล้ามเนื้อหลักไปจนถึงกล้ามเนื้อก้น ร่างกายของคุณจะหลั่งทั้งเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) ที่ช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสุข และเซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนแห่งความสงบที่ช่วยเรื่องความจำและอารมณ์ คลาสของเราออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์แบบองค์รวม ผสมผสานดนตรี การเคลื่อนไหว และแรงบันดาลใจเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทีมผู้สอนของที่นี่ผ่านการอบรมอย่างเข้มข้นจาก Absolute Academy พร้อมมอบประสบการณ์การปั่นที่จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงระบบภูมิคุ้มกัน ให้คุณรู้สึกดีขึ้นทั้งกายและใจในทุกครั้งที่ออกแรงปั่น
Location: Absolute Boutique Fitness Studio, Gaysorn Amarin ชั้น 11
Tel: 0 2252 4400
หากคุณกำลังมองหาสถานที่สงบเพื่อเติมเต็มความสมดุลและกระตุ้นเซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนแห่งความผ่อนคลายและอารมณ์ดี Thann Sanctuary Spa คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ ที่นี่จะพาคุณดื่มด่ำไปกับประสบการณ์บำบัดที่ผสมผสานความบริสุทธิ์ของธรรมชาติเข้ากับศาสตร์แห่งการผ่อนคลาย
เริ่มต้นด้วยการบำบัดด้วยอากาศบริสุทธิ์ใน Oxygen Room ที่เต็มไปด้วยโมเลกุลโอโซน (Active Oxygen) ช่วยให้คุณหายใจได้สะดวกขึ้น บรรเทาอาการภูมิแพ้ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ร่างกายสดชื่นจากภายในสู่ภายนอก จากนั้น เตรียมพบกับ Nano Shiso Therapy (130 นาที) ทรีตเมนต์ที่ดูแลคุณตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยเทคนิคการนวดอันเป็นเอกลักษณ์ของ THANN ผสานกับคุณประโยชน์จาก Nano Shiso Oil ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น เริ่มจากการนวดหน้า 70 นาที เพื่อดีท็อกซ์และกระชับผิว ตามด้วยการนวดตัว 60 นาที ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต พร้อมคืนความชุ่มชื้นสู่ผิวด้วยน้ำมันนวดที่มีส่วนผสมของ Rice Bran Oil นี่คือการปรนนิบัติที่จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย คลายความกังวล และเติมเต็มพลังบวกให้กับจิตใจได้อย่างล้ำลึก
Location: Thann Sanctuary Spa, Gaysorn Centre ชั้น 3
Tel: 0 2656 1423
หากคุณกำลังมองหาการปรนนิบัติที่ช่วยให้จิตใจสงบและเติมเต็มเซโรโทนิน (Serotonin) ฮอร์โมนแห่งความสุขและความผ่อนคลาย Siesta Head Spa and Salon คือสวรรค์แห่งใหม่ที่คุณไม่ควรพลาด ที่นี่คือเฮดสปาไทยต้นตำรับแห่งแรกในไทย ที่ผสานการดูแลหนังศีรษะและเส้นผมเข้ากับศิลปะการนวดแผนไทยอันเป็นเอกลักษณ์ฉบับรู้ลึกรู้จริง
การมาที่นี่คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะที่ถูกออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและวีแกนที่อ่อนโยนแต่ทรงประสิทธิภาพ ไม่เพียงดูแลสุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะของคุณให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกเท่านั้นนะ แต่ยังมอบความผ่อนคลายอย่างล้ำลึกที่ส่งผลดีต่อทั้งร่างกายและจิตใจได้ดีเลย
Signature Scalp Program ถือว่าเป็นโปรแกรมสุดปังและได้รับความนิยมมากของที่นี่ จะเริ่มต้นด้วยการ Detox ทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างล้ำลึก ขจัดความมันบนเส้นผมและหนังศีรษะ ขจัดสารเคมีตกค้าง พร้อมบรรเทาอาการคันและรังแค จากนั้นจึงบำรุงรากผมด้วย Siesta Hair Growth Booster Oil Blend และใช้เครื่องไอน้ำนาโน (Nano Mist) เพื่อเติมความชุ่มชื้นและสารอาหาร ช่วยลดผมร่วงและกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผมให้แข็งแรงเงางาม
ที่ว้าวสุดๆ คือทุกขั้นตอนการทรีตเมนต์จะมีการนวดศีรษะ คอ บ่า ไหล่ ด้วยเทคนิค Signature Thai Massage ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Siesta ให้คุณได้ฟินจนแทบจะเคลิ้มหลับ ข้อดีคือช่วยบรรเทาความตึงเครียดสะสมได้อย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกับกลิ่นหอมจากแชมพูและทรีตเมนต์ที่สกัดจากน้ำมันหอมระเหยแท้ 100% ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำในประสบการณ์การผ่อนคลายที่ฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง
Location: Siesta Head Spa And Salon, Gaysorn Amarin ชั้น 3
Tel: 08 8992 2977
The post บูสต์ฮอร์โมน Endorphins & Serotonin กับกิจกรรมสุขภาพดีสุดฟิน appeared first on THE STANDARD.
]]>ได้ยินกิตติศัพท์ของวงการเบเบ้มานาน ซุ่มเข้าวงการคนเดียว […]
The post ท้าทายวงการเบเบ้กับคลาส Empower Pulse ที่ Formalab appeared first on THE STANDARD.
]]>ได้ยินกิตติศัพท์ของวงการเบเบ้มานาน ซุ่มเข้าวงการคนเดียวมันก็เหงา เลยยกทีม LIFE ไปท้าลองของจริงกับคลาส Empower Pulse ที่ Formalab สตูดิโอออกกำลังกายใหม่สวยหรู ณ One Bangkok
Formalab ก่อตั้งโดย เบเบ้-ธันย์ชนก ฤทธินาคา และไอเดียร์-สุชาดา แทนทรัพย์ สองเพื่อนซี้ที่ตั้งใจให้พื้นที่แห่งนี้เป็นมากกว่าสตูดิโอออกกำลังกาย แต่เป็นคอมมูนิตี้ที่อบอุ่นและพร้อมสนับสนุนทุกเป้าหมายของคุณ
ในส่วนคลาสออกกำลังกายจะมีทั้งสไตล์ Barre, Mat Pilates, Yoga, Xformer ซึ่งเป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวในประเทศไทย รวมไปถึงพิลาทิสแบบไพรเวตที่ใช้อุปกรณ์ระดับพรีเมียม
สำหรับคลาส Empower Pulse (50 นาที) ที่เรามาพิสูจน์ในวันนี้ เป็นการออกกำลังกายแบบ Strength Training ที่ใช้ศาสตร์ Barre ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างท่าเต้นบัลเลต์ โยคะ พิลาทิส และบอดี้เวตเข้ากับ HIIT ที่ไม่เพียงแค่เบิร์น แต่สร้างความทนทานให้กล้ามเนื้อ ลีนหุ่น พร้อมบิลด์ความแข็งแรงทุกส่วนของร่างกาย
ทุกคนจะมีเซ็ตอุปกรณ์ประจำแมตของตัวเอง ได้แก่ Ankle Weights, Power Ring, Resistance Band, บล็อกโยคะ และดัมเบลขนาด 1 กก. ที่ครูเบเบ้บอกว่า “ถ้าเบาไปสามารถไปหยิบ 2 กก. ได้” แต่เราอยากบอกว่าอย่าเพิ่ง ‘รีบท้าทายกับระบบ’ เพราะเดี๋ยวจะตุยก่อนจบ
เมื่อใส่กำไลนักโทษแล้วก็เริ่มวอร์มร่างแบบไม่รอช้า
ช่วงแรกจะเป็นมูฟเมนต์แบบ Total Body ให้ทำความคุ้นชินกับเวตที่ข้อเท้า สลับกับการใช้ดัมเบล
จากนั้นจึงเริ่มขยี้ช่วง Upper Body ที่ใช้คำว่า ‘ขยี้’ ก็เพราะแต่ละมูฟเมนต์จะเป็นการทำซ้ำๆ จนกล้ามเนื้อล้า แน่นอนว่าแค่ต้นคลาสก็เริ่มมีเสียงซี้ดซ้าดกันแล้ว
เมื่อท่าเริ่มได้ ครูเบเบ้ของเราก็จะเริ่มเพิ่มมูฟเมนต์ให้เราใจเต้นกันมากขึ้นอย่างท่า Squat to Press ด้วยจังหวะที่เร็วเข้ากับเพลง
จบท่อนบนมาต่อท่อนล่าง อุปกรณ์ที่เพิ่มในรอบนี้คือ Resistance Band และการใส่ที่ต้นขาก็เป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าจากนี้ ก้นเธอจะร้าวแน่! แล้วก็ไม่เกินจริง…
ร้าวแค่ไหนให้ภาพเล่าเรื่อง
อย่าเพิ่งคิดว่าจบท่อนล่างแล้วจะต่อด้วยท่านอนเล่นท้องสวยๆ ครูเบเบ้ของเราพากลับมาขยี้ท่อนบนใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้เปลี่ยนมาใช้ Power Ring
ห่วงดูหน้าตาธรรมดาแบบนี้แต่มีน้ำหนักใช่เล่น แค่หมุนรอบศีรษะให้ตัวนิ่งๆ ก็สัมผัสได้ถึงความร้าวหัวไหล่และได้ออกแรงเกร็งหน้าท้องไปพร้อมๆ กัน
ไม่รอช้า เฟิร์มกล้ามเนื้อสะบักและหลังต่อด้วยท่า Bent Over Row ก่อนจะลงสู่ภาคพื้นเปลี่ยนมาขยี้กล้ามเนื้อสะโพกด้านข้าง
และแล้วก็มาถึงแทร็กท้องแบบเต็มๆ เหมือนได้กำลังใจว่าใกล้จะจบคลาสแล้ว เริ่มจากท่า Flutter Kicks แบบยกศีรษะให้ลอยจากพื้นในขณะที่เราทุกคนยังมีกำไลนักโทษกันอยู่ ใครที่กล้ามเนื้อแกนกลางไม่แข็งแรงก็ต้องกรี๊ดกัดฟันสู้กันไป
แต่ก็คงไม่มีท่าที่จะชวนกรี๊ดดังได้เท่า Mountain Climber สมกับเป็นท่าปิดท้ายที่รีดทุกแรงจนโบท็อกซ์บนใบหน้าต้องทรงงานอย่างหนัก
ร้าวทั่วร่างของแท้! เป็นคลาสที่จะได้ยินเสียงซี้ดซ้าดและหอบอยู่ตลอด จนอดคิดไม่ได้ว่าครูเบเบ้ของเราหายใจตอนไหน
ครบทั้ง HIIT และเวตเทรนนิ่งในเวอร์ชันของคนอยากลีน โดนทุกส่วนในร่างกาย อุปกรณ์ที่เล่นมีความเก๋และพรีเมียมทุกชิ้น แนะนำให้ชวนเพื่อนมาด้วย จะได้มีกำลังใจไปตลอดรอดฝั่ง
Formalab
Open: ทุกวัน เวลา 09.00-00.00 น.
Address: ชั้น 2, The Storeys, One Bangkok
Tel.: 095 676 2868
Website: https://www.formalabbangkok.com/
Facebook: https://www.facebook.com/profile.php?id=61572119442065
Instagram: https://www.instagram.com/formalab_th
Budget: First Trial 1,000 บาท ต่อ 2 คลาส, Single Class 950 บาท, 2,500 บาทต่อ 3 คลาส, 8,000 บาทต่อ 10 คลาส, Unlimited 10,500 บาท (สอบถามราคาคลาสเพิ่มเติมได้ทางสตูดิโอ)
Map:
The post ท้าทายวงการเบเบ้กับคลาส Empower Pulse ที่ Formalab appeared first on THE STANDARD.
]]>PAÑPURI เปิดตัวแคมเปญพิเศษ A Love Letter, Finally Read […]
The post PAÑPURI ร่วมฉลองสมรสเท่าเทียมผ่านแคมเปญ A Love Letter, Finally Read appeared first on THE STANDARD.
]]>PAÑPURI เปิดตัวแคมเปญพิเศษ A Love Letter, Finally Read เพื่อร่วมเฉลิมฉลองสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย ภายใต้เดือนแห่งความเท่าเทียม (Pride Month) ส่งเสริมความรักที่ไร้ขอบเขตและความเคารพต่อความหลากหลายทางเพศ ซึ่งแคมเปญนี้นำเสนอผลงานศิลปะที่รวบรวมข้อความจากจดหมายรักในรูปแบบที่เปิดกว้าง พร้อมกิจกรรมดนตรีและการแสดงมุมมองจากกลุ่มคนที่แสดงออกถึงความรักอย่างเสรี
ธัญญ์ ภัคพงษ์พันธุ์ชัย และ ณัชณิช ศิริสันธนะ แชร์มุมมองเรื่องความรักที่เท่าเทียมว่า “เราไม่ได้มองว่าเป็นเพศอะไร เรามองว่าคนนี้คือคนที่เรารักและอยากอยู่ด้วย” และเชื่อว่าสมรสเท่าเทียมทำให้มั่นใจได้ว่าคู่รักจะเป็นคนที่คิดแทนกันได้เหมือนคนเดียวกัน ทุกคนสามารถติดตามกิจกรรมได้ตลอดเดือนมิถุนายนที่ PAÑPURI ทุกสาขา PANPURI.com
@panpuriofficial
ภาพ: Courtesy of PAÑPURI
The post PAÑPURI ร่วมฉลองสมรสเท่าเทียมผ่านแคมเปญ A Love Letter, Finally Read appeared first on THE STANDARD.
]]>หากชอบกีฬาเทนนิสเป็นชีวิตจิตใจ คุณจะรู้ดีว่าการได้ก้าวล […]
The post Pura Vida บีชคลับในกรุงเทพฯ ที่สายเทนนิสไม่ควรพลาด! appeared first on THE STANDARD.
]]>หากชอบกีฬาเทนนิสเป็นชีวิตจิตใจ คุณจะรู้ดีว่าการได้ก้าวลงสู่สนามแต่ละครั้งคือความตื่นเต้น เร้าใจที่จะพาคุณไปสนุกกับการหวดลูกสู้กับคู่แข่งตรงหน้าอย่างเต็มที่
แต่ถ้าเมื่อไหร่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเล่นแบบสบายๆ บ้าง เราอยากชวนมาลอง Beach Tennis ที่ Pura Vida บีชคลับในกรุงเทพฯ ที่ให้คุณได้ปล่อยใจจอยไปกับการตีลูกบนผืนทรายนุ่มๆ ในไวบ์สุดชิล แถมยังจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว (หรือส้มตำ) ต่อได้อีกด้วย
‘Pura Vida’ คำภาษาสเปนที่แปลว่า ‘Pure Life’ เป็นหัวใจสำคัญที่สะท้อนตัวตนของ หญิง-ขนิษฐา ยิ้มใย และ เอมี่-อมารี เสตติวงศ์ ผู้หลงใหลในกีฬาชายหาดสุดใจ ทั้งสองตั้งใจให้ Pura Vida เป็นการส่งต่อพลังงานบวกและสิ่งดีๆ ให้กับคนรอบข้าง
“เราอยากให้มันเป็นกีฬาที่ชิล ทุกคนมารีแล็กซ์ จะเห็นเลยว่าพอมันเป็นทราย ความนุ่มของมันทำให้การแข่งขันลดน้อยลง ที่นี่คือทุกคนวิ่งกัน ล้มกัน คลุกคลานกัน สนุกสนาน เล่นเสร็จก็นั่งทานข้าว ดื่มกัน เราอยากให้มันเป็นคอมมูนิตี้มากกว่าที่จะเป็น Competition” ผู้ก่อตั้งทั้งสองเล่าให้เราฟัง
คลาสที่นี่จะมีทั้ง Intro to Beach Tennis Group Class สำหรับ Beginner,
Next Level ที่เป็นระดับ Intermediate และแบบ Private Class (All Levels) โดยจะมีโค้ชสอนในชั่วโมงแรก หลังจากนั้นเป็น Open Play ให้เล่นกันเอง
กติกาการเล่น Beach Tennis จะคล้ายแบดมินตันด้วยความที่ไม่มี Bounce
ส่วนวิธีนับแต้มจะเหมือนกับ Tennis คือ 15, 30, 40
เมื่อสกอร์ถึง 40-40 (ดิวซ์) ในเทนนิสปกติ ผู้เล่นจะต้องทำแต้มนำคู่ต่อสู้ 2 แต้มติดต่อกันจึงจะชนะเกมนั้นได้ แต่ใน Beach Tennis เมื่อสกอร์เสมอกันที่ 40-40 จะเล่นกันแค่แต้มเดียว ตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้นเลย
เริ่มจากการฝึกจับแร็กเก็ต สำหรับ Beach Tennis เราจะจับแบบ Continental Grip หรือจะให้เข้าใจง่ายกว่านั้นคือ จับไม้แบบสับหมู ไม้แร็กเก็ตจะต้องตั้งตลอดเวลาเพื่อที่เวลาลูกลอยมา เราจะได้ ‘Tap’ ทัน ซึ่งโค้ชที่นี่ให้นิยามว่าเป็นท่า ‘เซิ้ง’ เน้นแตะเบาๆ ไม่เน้นหวดเพราะลูกจะลอยออกแน่นอน
ก่อนที่จะไปฝึกการตีแต่ละแบบ ทางโคชทั้งสองคนให้ทีม LIFE ลองฝึกทำความคุ้นเคยกับผืนทรายด้วยการเดาะลูกอยู่กับที่ ต่อด้วยการวิ่งไล่จับเพื่อน ถือเป็นการวอร์มร่างกายไปพลางๆ แต่เอาเข้าจริงแค่วอร์มก็ทำเอาหอบและเหงื่อซึมพอควร
จากนั้นจะเป็นการฝึกเบสิกการตีทีละคน เริ่มจากการตีแบบ Forehand, Backhand, Smash ไปจนถึง Serve
สำหรับการเสิร์ฟนั้น เราจะสามารถเสิร์ฟได้หนึ่งลูก ไม่บังคับฝั่งเสิร์ฟ และจะเสิร์ฟหาใครก็ได้ ในขณะที่การรับลูกเสิร์ฟจะมีกฎเล็กน้อย
บริเวณสนามจะมีเทปสีเหลืองติดอยู่ใกล้เน็ตทั้งฝั่งซ้าย-ขวา ซึ่งผู้รับลูกเสิร์ฟจะต้องอยู่หลังเทปเหลืองเสมอ
หลังจากที่เรียนรู้ทุกเบสิกจนครบแล้วก็ถึงเวลาเล่นจริง ซึ่งการตีต่อเนื่องเพียงไม่กี่นาทีก็ทำเอาเบิร์นไม่น้อยด้วยการต้องออกตัววิ่งสู้ความหนืดของทรายให้ไว
นอกจากนี้สิ่งที่สัมผัสได้คือเราจะต้องคอย’ยั้งมือ’ ให้ไม่ตบแรง ต้องสลัดคราบนักแบดฯ นักเทนนิสปกติไปให้หมด ไม่อย่างนั้นตามเก็บลูกอย่างเดียว
สนุกและเบิร์นมาก! Beach Tennis ที่ Pura Vida Beach Club ให้ความสนุกผ่อนคลายไปอีกแบบ ไม่ต้องคิดเรื่องการแข่งขันใดๆ เหมือนเป็นการชวนเพื่อนไปเล่นชิล พร้อมฝึกความแข็งแรงทั่วร่าง โดยเฉพาะขา ซึ่งทางโค้ชยังยืนยันมาอีกว่า เล่นแป๊บเดียวผอมลงแน่นอน
ถ้าคุณอินกีฬาเทนนิสหรือแบดมินตันเป็นทุนเดิม เชื่อเถอะว่าคุณจะชอบอีกมิติความสนุกที่ Beach Tennis ให้ด้วยแน่นอน ข้อดีคือที่นี่สามารถจัดเป็นไพรเวตอีเวนต์ เล่นเสร็จปาร์ตี้ต่อได้เลย
Pura Vida Beach Club
Open: ทุกวัน เวลา 09.00-00.00 น.
Address: 88, 29 ซอยอยู่เจริญ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
Tel.: 06 4495 5999
Website: https://www.puravidabangkok.com/
Facebook: https://www.facebook.com/people/Pura-Vida-Beach-Club/61551001631083/
Instagram: https://www.instagram.com/puravidabangkok/
Budget: ค่าเช่าคอร์ต 1,400 บาท/ ชั่วโมง
The post Pura Vida บีชคลับในกรุงเทพฯ ที่สายเทนนิสไม่ควรพลาด! appeared first on THE STANDARD.
]]>แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชื่อดังจากจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง Beneunder […]
The post Beneunder แบรนด์เสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ป้องกัน UV เปิดสาขาแรกในไทยอย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.
]]>แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชื่อดังจากจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง Beneunder ได้ปักหมุดเปิดสาขาแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ณ ชั้น 2 โซน Beacon ศูนย์การค้า centralwOrld โดยมีเซเลบริตี้ชื่อดังอย่าง ฟอส จิรัชพงศ์, บี้ ธรรศภาคย์, โอม สาริศ และ เฟิร์ส ฉลองรัฐ มาร่วมงานเปิดตัวอย่างคึกคัก
ก่อนหน้านี้ THE STANDARD LIFE เคยนำเสนอคลิปพิเศษที่เราได้ไปบุกสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ Beneunder ให้แฟนๆ ชาวไทยได้ทำความรู้จักกันไปแล้ว ซึ่งได้รับความนิยมสุดๆ สำหรับ Beneunder เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นด้วยการผสานดีไซน์สมัยใหม่เข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตนอกบ้านที่มั่นใจและสะดวกสบาย แบรนด์นี้นำเสนอไอเท็มเสื้อผ้าดีไซน์ล้ำสมัยที่มาพร้อมเทคโนโลยี AntiTech และคุณสมบัติป้องกันรังสี UPF ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพผิวและต้องการแต่งตัวอย่างมีสไตล์
ไอเท็มส่วนใหญ่ในร้านมีจุดเด่นอยู่ที่ความเบา สบาย สามารถป้องกันรังสี UV ได้อย่างยอดเยี่ยม แถมดีไซน์ยังถูกใจสายแฟสุดๆ เรามองว่าการเปิดสาขาแรกในไทยครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Beneunder ในการขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเลือกทำเลยุทธศาสตร์ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์เสื้อผ้า Outdoor แห่งอนาคตอย่างใกล้ชิด ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมและช้อปปิ้งได้แล้วที่ Beneunder สาขา centralwOrld ชั้น 2 โซน Beacon
The post Beneunder แบรนด์เสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ป้องกัน UV เปิดสาขาแรกในไทยอย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.
]]>เรายังจำสีหน้า แววตาที่เต็มไปด้วยแพสชันของผู้หญิงที่ทั้ […]
The post ฝึกบาลานซ์ ลดความตึง เพิ่มความยืดหยุ่นข้อต่อ ที่ Limber Studio appeared first on THE STANDARD.
]]>เรายังจำสีหน้า แววตาที่เต็มไปด้วยแพสชันของผู้หญิงที่ทั้งสตรองและมีเสน่ห์อย่าง ซาบีน่า ไมซิงเกอร์ ในวันที่ชวนเธอมาพูดคุยถึงบทบาทใหม่กับการเป็นครูสอนโยคะได้ วันเวลาผ่านไปเพียงปีเศษ ครูสอนโยคะในวันนั้นก็ได้เปิดสตูดิโอภายใต้ชื่อ ‘Limber Studio’ เสียแล้ว
อ่านบทความเพิ่มเติม: ซาบีน่า ไมซิงเกอร์ จากนางแบบร่างบางสู่ครูสอนโยคะและชีวิตเอ็กซ์ตรีมที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
หากติดตามไลฟ์สไตล์ของเธอเราจะเห็นว่า นอกจากโยคะแล้ว ซาบีน่ายังหลงรักกีฬาปีนผา (Bouldering) เป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ไม่ได้แค่นำพาให้เธอพบความแข็งแรงของตัวเองในมุมใหม่ แต่ยังได้ให้คอมมูนิตี้ดีๆ ที่คอยซัพพอร์ตกัน และคอมมูนิตี้นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของ ‘Limber’
View this post on Instagram
“ทำไมเราไม่ลองเปิดสตูดิโอสำหรับการฟื้นฟูร่างกายหลังปีนผาด้วยกันล่ะ” ไอเดียที่ผุดจากเพื่อนนักปีนทำให้ซาบีน่าฉุกคิดขึ้นมาชั่วขณะ
ด้วยความไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจแม้แต่น้อย เธอจึงปฏิเสธไปด้วยความกลัว
แต่แล้วกำลังใจจากเพื่อนคนสนิท และเสียงที่เรียกร้องในใจลึกๆ ก็ทำให้เธอก้าวข้ามความกลัวแล้วตัดสินใจสร้างที่แห่งนี้ขึ้นบนแพสชัน และเป้าหมายที่อยากให้ทุกคน ‘Be a better human.’
เธอเชื่อว่าการดูแลสมดุลแบบองค์รวมด้วยศาสตร์การเคลื่อนไหวที่หลากหลาย จะทำให้ทุกคนทำสิ่งที่ตัวเองรักไปได้อย่างมีความสุขและยั่งยืนอย่างแท้จริง
“บีตั้งใจให้ Limber เป็นสตูดิโอโยคะสมัยใหม่ที่มีมากกว่าคลาสโยคะทั่วไป เรามี Pilates, Calisthenics, Animal Movement และ Sound Bath เพื่อให้ทุกคนได้ค้นหาวิธีการเคลื่อนไหวที่เหมาะกับตัวเองที่สุด Core หลักของเราคือการเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและจิตใจ (Mind & Body Connection) เพื่อให้คุณเคลื่อนไหวอย่างมีสติมากขึ้น พร้อมเสริมความยืดหยุ่น ความแข็งแรง และ Mobility ให้ดียิ่งขึ้นค่ะ” ซาบีน่ากล่าว
เมื่อเดินขึ้นชั้นสองเข้ามาในห้องแล้วก็ได้แต่ว้าวกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เสื่อถูกเรียงรายเป็นครึ่งวงกลมอย่างสวยงามท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งที่อบอุ่น ชวนผ่อนคลาย
คลาสที่เรามาลองในวันนี้คือ ‘Mobility & Inversion (All-levels)’ ซึ่งดูจะตอบโจทย์ชีวิตชาวเมืองตัวตึงเป็นพิเศษ ด้วยการมุ่งเน้นเสริมสร้างการเคลื่อนไหวและความมั่นคงของข้อต่อ ผสมผสานกับการฝึกท่ากลับหัว (Inversion) เพื่อเพิ่มความสมดุลและความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว เหมาะกับคนที่อยากทำความเข้าใจกับร่างกายตัวเองมากขึ้น ปรับบุคลิกภาพ รวมทั้งลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บในอนาคต
ผู้รับหน้าที่สอนเราในวันนี้คือครู John Lizcano ครูสอนโยคะและผู้เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวที่สั่งสมประสบการณ์มากว่าทศวรรษ
เขาเริ่มต้นจากการฝึกยิมนาสติกแล้วค้นพบว่า โยคะและการเคลื่อนไหว คือหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพร่างกายในระยะยาวสำหรับนักกีฬา ครู John จึงออกแบบการสอนที่ผสมผสานทั้งความยืดหยุ่น ความแข็งแรง และการป้องกันการบาดเจ็บเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์การสอนในแบบฉบับของครู John เลยก็ว่าได้
นอกจาก Mobility & Inversion แล้วในช่วงท้ายของคลาสในวันนี้เรายังจะได้สัมผัสความผ่อนคลายกับ Sound Bath โดยครู Kanke ผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงบำบัดอีกด้วย
ครู John ต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มก่อนจะให้ฝึกทำสมาธิ ผ่อนคลายผ่านการกำหนดลมหายใจ ตามด้วยการยืดเหยียดเบื้องต้นด้วย Resistance Band
ด้วยความที่เพื่อนร่วมคลาสของเราในวันนี้ส่วนใหญ่เป็นสายออกกำลังและค่อนข้างยืดเหยียดเป็นประจำเลยอาจจะรู้สึกสบายๆ กับการวอร์มร่างในช่วงแรก
แล้วความสนุกก็เริ่มเกิดเมื่อครู John พาเราไปทำความรู้จักกับร่างกายในมุมที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ด้วยท่าที่ดูแสนจะเรียบง่าย…แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ครู John ให้เราวางบล็อกบนฝ่ามือโดยไม่บีบจับแต่อย่างใดแล้วลองเคลื่อนไหวแขนขึ้น-ลงโดยไม่ให้บล็อกตก และพยายามเอี้ยวตัวให้น้อยที่สุด
สำหรับคนที่ตัวตึงๆ แน่ทีเดียวว่าบล็อกตกกลิ้งกันระนาว และยิ่งเจอแขนข้างที่ไม่ถนัดแล้วยิ่งรู้เลยว่าความยืดหยุ่นของร่างกายสองฟากนั้นต่างกันแค่ไหน
ต่อด้วยการรับ-ส่งบล็อกไปด้านหลัง สลับมือไปเรื่อยๆ ตามด้วยท่าคลายความตึงข้อมือและแขน เพื่อเตรียมรับมือกับความสนุกอีกระดับ
ครู John ให้เราจับคู่แล้วผลัดกันทำมูฟเมนต์ที่จะช่วยให้เราสร้างความฟิต เสริมความยืดหยุ่นไปอีกขั้น
ท่าแรกจะเป็นการให้เพื่อนที่นั่งเหยียดขาออกไปตรงๆ พลางยกขาทีละข้างขณะที่ชูแขน หงายมือ ให้เพื่อนที่ยืนด้านหลังออกแรงกด
ท่าที่เห็นดูเหมือนง่าย แต่ถ้ามีโอกาสเราอยากให้ผู้อ่านลองทำท่านี้กับคนใกล้ตัวกันดู แล้วคุณอาจจะมีรีแอ็กชันเดียวกับเพื่อนร่วมคลาสของเราในวันนี้ก็ได้
ใครที่คิดว่าบาลานซ์ดี อยากให้มาลองท่านี้กันต่อ เริ่มจากการนั่งบนลูกบอลแล้ววางเท้าซ้อนกันโดยพยายามทรงตัวให้นิ่งที่สุด แน่นอนว่าทางเราตัวโยกซะยิ่งกว่าตุ๊กตาหน้ารถ
กลับมาเข้าคู่อีกครั้งด้วยท่าที่ทำเอาทั้งห้องดังไปด้วยเสียงวี้ดว้าย ท่านี้ครู John ให้ซาบีน่า นางแบบสาวสวยของเราออกไปสาธิต เริ่มจากการนอนหงาย เมื่อครู John ยกเท้า ซาบีน่าจะต้องยกสะโพกและลำตัวลอยขึ้นจากพื้น
ความบันเทิงอยู่ที่ครู John จะปล่อยมือจากเท้าหนึ่งข้างแล้วกลับมาจับใหม่ สลับกันไปเรื่อยๆ แปลว่าทางเดียวที่คุณจะอยู่รอดในท่านั้นคือการ ‘เกร็งสู้!’
ท่านี้ทำให้เราได้ฝึกเกร็งไปซะทุกส่วน ไม่ว่าจะท้อง สะโพก ขา เป็นการฝึกรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน และแน่นอนว่าสนุกแน่ถ้าคุณอยากแกล้งเพื่อน (แต่ก็ระวังโดนเอาคืนด้วย)
ความม่วนจากการเข้าคู่ยังไม่จบ อีกท่าที่ได้ฝึกแกนกลางลำตัวแน่นๆ คือการยื่นบล็อกออกไปแล้วเกร็งท้องต้าน ขณะที่เพื่อนอีกคนคอยจิ้ม กด กระแทกบล็อกอย่างมันมือ
มาถึงการฝึกท่ากลับหัวในระดับเริ่มต้นโดยการใช้บล็อกเป็นตัวช่วย แน่นอนว่าท่านี้นอกจากจะได้ฝึกความแข็งแรงแล้วยังได้ฝึกสติเป็นอย่างมาก
สำหรับใครที่ไหวจะไปต่อ ครู John ก็เปิดโอกาสให้ออกมาฝึกท่า Hand Stand โดยครูจะคอยประกบอย่างใกล้ชิด ถือเป็นอีกชาเลนจ์ที่ได้วัดความฟิตร่างกายตัวเองแบบเต็มๆ
หลังจากเหงื่อซึมและร่างร้าวไปแล้ว อะไรจะดีไปกว่าการปิดท้ายด้วย Sound Bath เพราะๆ ที่พาใจลอย หลับใหลไปชั่วขณะ
“สนุกและเปิดโลกมาก!” นี่คือครั้งแรกที่ได้รู้ขีดจำกัดของร่างกายตัวเองอย่างชัดเจนผ่านมูฟเมนต์ที่ไม่ต้องเอ็กซ์ตรีมแต่โดนทุกตรง จุดไหนตึง จุดไหนดีแล้ว จุดไหนไปต่อได้อีก เหมือนได้ปลดล็อกศักยภาพของตัวเองไปอีกขั้น
ไม่ว่าคุณจะเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม เป็นสายเวต หรือคาร์ดิโอ คลาส Mobility and Inversion ถือว่าเหมาะมาก เพราะเมื่อไหร่ที่คุณมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ข้อต่อแข็งแรงขึ้น ก็จะยิ่งเสริมให้กิจกรรมที่คุณทำอยู่เป็นประจำมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
Open: เปิดทุกวัน เวลา 08.00-20.00 น.
Address: 36, S69 Warehouse, 1 ซอยสุขุมวิท 69
Tel: 08 4349 9066
Budget: First Trial 1,200 บาท ต่อ 3 คลาส, Drop-in 750 บาท ต่อครั้ง, Unlimited Group Classes 6,500 บาท ต่อ 1 เดือน, สมาชิกเริ่มต้นที่ 5,500 บาท ต่อ 18 เครดิต
Facebook: https://www.facebook.com/LimberStudio
Instagram: https://www.instagram.com/limberstudio
Map: https://maps.app.goo.gl/gLcUja54AJkTFtxw7
The post ฝึกบาลานซ์ ลดความตึง เพิ่มความยืดหยุ่นข้อต่อ ที่ Limber Studio appeared first on THE STANDARD.
]]>ขอปรบมือให้กับคนที่จบ BYD HYROX Bangkok ได้สำเร็จ! &nbs […]
The post BYD HYROX Bangkok! งานฟิตเนสระดับโลกที่ต้อนรับคนทุกระดับความฟิต appeared first on THE STANDARD.
]]>ขอปรบมือให้กับคนที่จบ BYD HYROX Bangkok ได้สำเร็จ!
ต้องยกนิ้วให้กับทุกคนที่ลงมาแข่ง BYD HYROX Bangkok ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 24-25 พฤษภาคม ที่ BITEC บางนา เพราะไม่ว่าคุณจะใช้เวลาเท่าไร ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ทุกคนที่ก้าวข้ามเส้นชัยล้วนเป็นนักสู้ตัวจริง
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า HYROX คืออะไร ต้องบอกว่ากิจกรรมนี้เป็นรูปแบบการแข่งขันที่เราต้องวิ่ง 1 กิโลเมตร สลับกับการออกกำลังกายอย่าง SkiErg, Sled Push, Sled Pull, Burpee, Rowing, Farmers carry, Sandbag lunges และ Wall balls เท่ากับว่าเราต้องวิ่ง 8 กิโลเมตร และออกกำลังกาย 8 ท่า จึงจะวิ่งเข้าเส้นชัยได้ โดยแบ่งประเภทการแข่งขันเป็นหญิง ชาย เดี่ยว คู่ ทีมผลัด และ Adaptive สำหรับผู้พิการ ที่เราสามารถลงสมัครได้ตามความถนัด
งานนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะ HYROX ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในเยอรมนีปี 2017 ซึ่งมีคนเข้าร่วมเพียง 650 คน มาจนถึงวันนี้ที่เอเชียแปซิฟิกมีผู้เข้าร่วมเกือบ 75,000 คนในปี 2024 และล่าสุดที่บริสเบน ประเทศออสเตรเลียมีคนมาแข่งมากกว่า 10,000 คน ในขณะที่ในเมืองไทยมีตัวเลขคนมาแข่งสูงถึง 9,000 คน ซึ่งสำหรับปีแรกแล้ว ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
แน่นอนว่าปีหน้า HYROX Bangkok มาอีกแน่ๆ ใครที่เล็งอยู่ เตรียมฟิตซ้อมร่างกายกันให้ดี
ภาพ: ชนากานต์ เหล่าสารคาม
The post BYD HYROX Bangkok! งานฟิตเนสระดับโลกที่ต้อนรับคนทุกระดับความฟิต appeared first on THE STANDARD.
]]>ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับภารกิจสุดท้าทายในงาน 14th Red Bull D […]
The post ภารกิจพิชิตทะเลทราย 33 กม. กลางทะเลทรายเทงเกอร์ ประเทศจีน ที่เหนื่อยที่สุดแต่คุ้มที่สุดในชีวิต appeared first on THE STANDARD.
]]>ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับภารกิจสุดท้าทายในงาน 14th Red Bull Desert Adventure 2025 ที่จัดขึ้นกลางทะเลทรายเทงเกอร์ (Tengger Desert) ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 2-4 พฤษภาคม 2568 งานนี้มีนักวิ่ง 4,000 คน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาระดับ MBA และ EMBA จากมหาวิทยาลัยร่วม 110 แห่ง โดยมีเรดบูล ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP มาเป็นสปอนเซอร์หลักครั้งแรก ความท้าทายครั้งนี้ไม่ใช่แค่งานวิ่งธรรมดา แต่คือการพิชิตทะเลทรายแบบเอาตัวรอด 3 วัน 2 คืน ที่เราต้องแบกทุกอย่างไปเอง ตั้งแต่เต็นท์ อาหาร อุปกรณ์ทำครัว ถุงนอน และของใช้ส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับ DNA ของแบรนด์เรดบูลที่พร้อมปลุกพลังให้ทุกคนทลายขีดจำกัดทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
ตัวแทนทีม Red Bull จากประเทศไทย
ก่อนอื่นต้องบอกว่าก่อนมาร่วมงานนี้ เราไม่เคยคิดว่าตัวเองจะออกจาก comfort zone ได้ไกลขนาดนี้ แต่ด้วยความท้าทายและการได้ร่วมงานที่เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน ทำให้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมไทย ที่ทุกคนมาพร้อมเป้าหมายเดียวกัน คือ อยากวิ่งให้สนุก ปลอดภัย และกลับบ้านพร้อมประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม
ชุดวันแข่ง
ช่วงเวลาที่เราเดินทางไปคือต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศในทะเลทรายมีความแปรปรวนสูง แนะนำว่าใครจะไปควรเตรียมเสื้อผ้าที่รับมือได้ทั้งอากาศร้อนจัดและเย็นจัด เพราะกลางวันแดดแรงแต่กลางคืนหนาวเย็นมาก
เราเริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังสนามบิน Yinchuan ใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชั่วโมง โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่คุณหมิง จากนั้นนั่งต่ออีก 2 ชั่วโมง เพื่อมายังเมืองหลวงของเขตหนิงเซี่ย ซึ่งรวมแล้วใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ กว่าจะถึงที่พักในเมือง Alxa ในเขตปกครอง Alxa มณฑลมองโกเลียใน ประตูสู่ทะเลทรายเทงเกอร์
ภาพบรรยากาศในงาน Expo
วันรุ่งขึ้นก็ไปยังสถานที่จัดงาน Expo รับ BIB และอุปกรณ์ต่างๆ ที่นี่เป็นที่ที่เราได้พบกับผู้เข้าแข่งขันจากทั่วเมืองจีน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจีนที่รวมตัวกันมาเป็นทีม แต่ก็มีนักวิ่งจากหลายประเทศ รวมถึงไทย บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก ตื่นเต้น และความกังวลผสมกัน จากนั้นก็กลับโรงแรมเพื่อแพ็คกระเป๋ารอบสุดท้าย ก่อนออกเดินทางสู่ทะเลทราย
งานนี้เราจะวิ่งฝ่าทะเลทรายเทงเกอร์ แบ่งการวิ่งออกเป็น 3 ระยะทาง คือ 33 กิโลเมตร (Team C), 70 กิโลเมตร (Team B) และ 99 กิโลเมตร (Team A) แต่จะไม่ได้วิ่งรวดเดียวจบ ทุกระยะใช้เวลา 3 วัน 2 คืน แบ่งเป็นวิ่งวันละประมาณ 10-30 กิโลเมตร โดยแต่ละวันจะมีเวลา cut-off ที่แตกต่างกัน
สำหรับ 33 กิโลเมตรที่เราเลือก การเดินทางแบ่งเป็นวันแรก 11 กิโลเมตร วันที่ 2 ระยะ 15 กิโลเมตร และวันสุดท้าย 5 กิโลเมตร ฟังดูเหมือนไม่มาก แต่พอเอาเข้าจริงระยะก็เกินไปมากเพราะทะเลทรายไม่ได้มีการตีเส้นหรือทางเดินที่ชัดเจนเหมือนพื้นถนน ทำให้รวมๆ แล้วระยะทางของพวกเราเกิน 33 กิโลเมตรแน่นอน ส่วนเวลาที่ใช้ในแต่ละวันนั้น ‘มากกว่า’ การวิ่งถนน 2 เท่า อย่างวันแรกที่ระยะ 11 กิโลเมตร เราใช้เวลาเดินทางร่วม 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว
รอบนี้เราลงแข่งระยะ 33 กิโลเมตร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ ‘เบาที่สุด’ ในสามระยะ แต่ในทะเลทราย ไม่มีคำว่าเบา เพราะทุกย่างก้าวล้วนหนักด้วยแรงต้านของผืนทราย และแรงแดดที่ไม่มีอะไรบดบัง รวมถึงเส้นทางที่เป็นเนินขึ้นลงตลอด บางวันเราแทบไม่เจอทางราบเลย
แต่แม้จะหนัก แต่สิ่งที่ชอบและประทับใจที่สุดคือ วิวตลอดเส้นทางที่สวย แปลกตา เหมือนหลุดมาจากหนังไซไฟ ทุกอย่างเวิ้งว้างมีแต่ทะเลทรายที่มองไปจะเห็นโอเอซิสอยู่ไกลๆ และแม้แดดจะแรงจ้า แต่อากาศไม่ร้อนอบอ้าว บางช่วงเวลาเราเจอลมเย็นพัดสบายตัว หรือบางวันเจอทั้งแดด ลมพายุ และฝน (ใช่ ฝนตกกลางทะเลทราย!) ในเรซเดียวกันก็มี เรียกได้ว่าอากาศนั้นคาดเดาไม่ได้จริงๆ แต่ที่แน่ๆ มันไม่ร้อนอบอ้าวและเหนียวตัวเหมือนเวลาไปทะเล
ทุกคนต้องพักค้างแรมในแคมป์กลางทะเลทรายที่เดิมทุกวัน (นึกถึงการวิ่งแบบดาวกระจาย) โดยที่เราต้องตั้งเต็นท์และเตรียมทุกอย่างไปเอง ตั้งแต่ถุงนอน หมอน อาหารสำเร็จรูป ไฟฉาย แบตฯสำรอง และแม้แต่ช้อนส้อม ทิชชู
ช่วงกลางคืนที่แคมป์คืออีกประสบการณ์ที่น่าจดจำ เพราะอุณหภูมิลดลงเร็วมาก สามารถลงไปถึงเลขตัวเดียวได้เลย เรียกได้ว่าถ้าใครนอนเต็นท์แล้วไม่มีถุงนอนหนาๆ ใส่เสื้อดาวน์ ไม่รอดแน่ๆ เพราะหนาวเย็นมากจริงๆ โดยเฉพาะในช่วงตี 2 เป็นต้นไป
แต่การพักที่แคมป์ก็มีมนต์เสน่ห์ไม่น้อย เพราะเราตั้งแคมป์กลางทะเลทราย ติดกับโอเอซิส ที่มองไปเห็นวิวสวยๆ ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ตกดึกมีดาวเต็มท้องฟ้า ลมเย็นปะทะหน้า และในแคมป์มีโซนพักผ่อนที่ทาง Red Bull จัดเตรียมไว้ให้อย่างดี ไม่ว่าจะโซนนวดจับเส้น นวดด้วยเครื่อง หรือนวดด้วยตัวเอง ที่นั่งพักชิลล์ชมพระอาทิตย์ตกดิน มีการแสดงคอนเสิร์ตจากนักศึกษาที่มาร่วมวิ่ง และการแสดงพลุที่จุดอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา
เวลาการแสดงกลางทะเลทราย
โชคดีที่เส้นทางวิ่งมีจุด Food Supply ระยะต่างๆ ที่มีน้ำดื่ม ของว่างเติมพลัง เช่น ขนมปัง แตงโม แตงกวา ฯลฯ และที่ขาดไม่ได้คือเครื่องดื่มเติมพลัง ดับกระหาย อย่าง Red Bull ให้หยิบไม่อั้น ทำให้เราพออุ่นใจได้บ้างว่าไม่ต้องตุนเสบียงไปวิ่งกับเรามากนัก
อย่างไรก็ตาม อาหารหลักเราต้องเตรียมไปเอง ส่วนใหญ่เราเลือกอาหารสำเร็จรูปแบบไม่ต้องให้ความร้อน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารปรุงสุกพร้อมกิน หรือขนมปังต่างๆ เพื่อความสะดวก ที่แคมป์มีโรงอาหารที่สามารถซื้ออาหารเพิ่มเติมได้เช่นกัน หลายคนก็ฝากท้องกันแถวนั้น
การเตรียมตัวคือกุญแจสำคัญที่สุด รองเท้าที่ใช้ต้องเป็นรองเท้าเทรลและต้องมี Gaiter หรือผ้าคลุมข้อเท้ากันทราย เพราะทรายที่เข้าไปเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้เท้าพองและเดินต่อไม่ได้ เสื้อผ้าต้องปกปิดแต่ระบายอากาศได้ดี หมวกปีกกว้างและแว่นกันแดดเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงครีมกันแดด SPF สูงๆ ที่ต้องทาบ่อยๆ
นอกจากนี้ยังต้องมีเสื้อกั๊กวิ่งเทรลที่สามารถใส่ข้าวของต่างๆ ติดตัวไปด้วย ไม้โพลที่จำเป็นมากๆ สำหรับการช่วยพยุงและทุ่นแรง ที่เหลือก็แล้วแต่ว่าเราอยากพกอะไรติดตัวไปด้วย เช่น ถุงมือ หน้ากากบังแดด เสื้อกันฝน เป็นต้น
ส่วนการฟิตซ้อมร่างกาย ย้ำว่าทั้งความอึดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป็นสิ่งสำคัญ ควรซ้อมวิ่งให้ร่างกายคุ้นชินกับความเหนื่อยล้า และเวททั้ง lower และ upper body เพราะได้ใช้ทั้งหมดนี้แน่ๆ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือใจ เพราะแรงใจนี่แหละคือเชื้อเพลิงชั้นดี ในวันที่คุณมองขบวนนักวิ่งเบื้องหน้า แล้วไม่เห็นหัวแถวสักที
การเข้าร่วมงาน 14th Red Bull Desert Adventure ครั้งนี้ทำให้เราได้ประสบการณ์ที่มีค่ามากกว่าการวิ่งแข่งทั่วไป เราได้รู้จักขีดความสามารถของตัวเองมากขึ้น เห็นว่าร่างกายและจิตใจทำได้มากกว่าที่คิด ระยะทาง 33 กิโลเมตรบนทะเลทรายสอนให้รู้ว่าการทำอะไรที่ยากๆ นั้นต้องอาศัยความอดทน เพราะแค่เดินก็ยังเป็นสิ่งที่ยากกว่าปกติ
การได้ออกจาก Comfort Zone ทำให้เห็นว่าเราสามารถรับมือและจัดการกับความยากลำบากได้ดีกว่าที่คิด และประสบการณ์นี้ช่วยให้เราเห็นมุมมองใหม่ เมื่อต้องเจอกับปัญหาหรืออุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแต่ละวัน และไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่งมือใหม่หรือมีประสบการณ์โชกโชน ประสบการณ์ในทะเลทรายเทงเกอร์คืออะไรที่ไม่ควรพลาด เพราะไม่ว่าคุณจะวิ่งจบที่เวลาเท่าไร สำหรับเราแล้ว การได้เอาชนะตัวเองคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ภาพ: Red Bull
The post ภารกิจพิชิตทะเลทราย 33 กม. กลางทะเลทรายเทงเกอร์ ประเทศจีน ที่เหนื่อยที่สุดแต่คุ้มที่สุดในชีวิต appeared first on THE STANDARD.
]]>จบกันไปแล้วกับ ‘LIFE Wellness Day 2025’ อีเวนต์เวลเนสแร […]
The post ฟื้นฟูกายกับคลาสพิเศษจาก Chiva-Som ใน LIFE Wellness Day 2025 appeared first on THE STANDARD.
]]>จบกันไปแล้วกับ ‘LIFE Wellness Day 2025’ อีเวนต์เวลเนสแรกโดย THE STANDARD LIFE ที่จะพาทุกคนมา 1-Day Retreat ฟื้นฟูกาย ใจ และจิตวิญญาณ ให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง จัดขึ้น ณ Gaysorn Urban Resort ชั้น 19, Gaysorn Village เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ภายใต้ธีม ‘Move Your Body, Heal Your Mind, Balance Your Soul’ และหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ ‘Body Rejuvenation Movement by Chiva-Som Hua Hin’ คลาสพิเศษซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การฟื้นฟูสุขภาพจากผู้เชี่ยวชาญของ Chiva-Som Hua Hin ครีเอตมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
โดยคลาสนี้เริ่มต้นด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายง่ายๆ บนเก้าอี้ โดยเน้นการยืดเหยียด ปรับสมดุลร่างกาย และปลุกพลังชีวิตให้ตื่นตัวผ่านการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนแต่ได้ผลจริง เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย และสามารถนำกลับไปปรับใช้ได้จริงที่บ้าน ก่อนเข้าสู่ช่วงเบรก ผ่อนคลายด้วยเครื่องดื่มสูตรพิเศษจากชีวาศรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยบำรุงระบบประสาท ลดความเครียด และส่งเสริมการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ ทั้งยังช่วยให้รู้สึกสดชื่นและสมดุลจากภายใน
และเพื่อให้ครบศาสตร์แห่งการดูแลตัวแล ชีวาศรมยังได้ชวน ‘เพเชียน แซงวา’ (Patience Sangwa) นักธรรมชาติบำบัด มาให้ความรู้เรื่องโภชนาการ โดยแนะนำวิธีการเลือกอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการของร่างกาย ไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายสุขภาพเฉพาะบุคคล พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกิจกรรมสอบถามข้อสงสัยอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น LIFE Conversation เวทีเสวนาว่าด้วยการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สมดุล และไม่แก่ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน, LIFE Workshop คลาสบำบัดด้วยเสียงจากชามทิเบตและคริสตัล ร่วมกับไพ่ Oracle จากทีม alo x Balance & Co รวมถึงโซน TEST & TRY ที่ให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านสุขภาพและความงามก่อนใคร
LIFE Wellness Day 2025 ไม่เพียงเป็นกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเท่านั้น แต่ยังตั้งใจสร้างคอมมูนิตี้ของคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างสมดุล หากใครไม่อยากพลาดกิจกรรมดีๆ เช่นนี้อีก สามารถติดตามข่าวสารจาก THE STANDARD LIFE ได้ทุกช่องทางออนไลน์
Facebook: www.facebook.com/thestandardlifeth
Instagram: www.instagram.com/thestandard.life
TikTok: www.tiktok.com/@thestandardlife
ภาพ: THE STANDARD TEAM
The post ฟื้นฟูกายกับคลาสพิเศษจาก Chiva-Som ใน LIFE Wellness Day 2025 appeared first on THE STANDARD.
]]>เป็นที่รู้กันว่า ‘โยคะ’ คือศาสตร์ที่ผสมผสานการเคลื่อนไห […]
The post ปลุกพลังแห่งสติ พาใจกลับสู่ปัจจุบันผ่าน Yoga & Handpan ที่ Pavanar appeared first on THE STANDARD.
]]>เป็นที่รู้กันว่า ‘โยคะ’ คือศาสตร์ที่ผสมผสานการเคลื่อนไหวร่างกาย การหายใจ และการทำสมาธิ ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของร่างกาย และยังทำให้จิตใจสงบขึ้น แต่สำหรับที่ Pavanar Yoga Studio & Wellness สตูดิโอใหม่ใจกลางสุขุมวิท ‘โยคะ’ กลับเป็นมากกว่านั้น โดยเฉพาะกับคลาส Yoga & Handpan ประสบการณ์การฝึกโยคะรูปแบบใหม่ที่ผสานเสียงดนตรีสดของแฮนด์แพนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ด้วยความรักและประสบการณ์ในโยคะกว่า 13 ปี ครูเฌอ-เฌอริณณ์ ประสพสุขเจริญ ได้ก่อตั้ง Pavanar (ภวณา) ขึ้น ด้วยแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นในการส่งต่อพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงผ่านศาสตร์โยคะให้ผู้อื่น
เธอตั้งใจให้พื้นที่แห่งนี้ให้เป็นคอมมูนิตี้ที่ที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้มาสัมผัสและรู้สึกอยากกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าคุณจะมาด้วยความตั้งใจที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ฝึกจิตใจให้สงบ เยียวยาความรู้สึก หรือเพียงแค่อยากลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ พื้นที่แห่งนี้ก็พร้อมโอบรับคุณเสมอ
สำหรับ Yoga & Handpan นั้นเป็นคลาสใหม่ที่ครูเฌอได้ออกแบบร่วมกับโมส ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านการบรรเลงแฮนด์แพนเพื่อให้ทุกคนได้สนุกกับการฝึกโยคะมากขึ้น รวมทั้งถือโอกาสปล่อยวางสิ่งต่างๆ รอบข้าง พาใจกลับสู่ปัจจุบัน เคลื่อนไหวอย่างมีสติไปกับเสียงดนตรีอันนุ่มลึก เบาสบาย
ไม่รอช้า ครูเฌอพาเข้าสู่โหมดทำสมาธิท่ามกลางเสียงแฮนด์แพนที่บรรเลงคลออย่างอบอุ่นก่อนที่จะวอร์มร่างกาย (ที่ทำเอาเหงื่อซึม) และเข้าสู่การยืดเหยียดของจริง
เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าแม้การเคลื่อนไหวแต่ละท่าจะดูเป็นท่าพื้นฐาน แต่มันเป็นการเคลื่อนไหวที่ ‘ถึง’ ‘ตรงจุด’ และ ‘ไปสุด’ เผลอแป๊บเดียวเสื้อก็เริ่มเปียก หยาดเหงื่อเริ่มอาบใบหน้า แล้วห้องก็เริ่มมีเสียงซี้ดซ้าดโอดครวญคลอไปกับเสียงแฮนด์แพน
ระหว่างที่เคลื่อนไหวไปตามครูเฌอ เราสัมผัสได้ว่าเสียงแฮนด์แพนที่บรรเลงอยู่นั้นไม่ใช่แค่การเล่นประกอบคลาสไปอย่างนั้น แต่เป็นการบรรเลงที่ถูกคิดและออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้เชื่อมโยงกับแต่ละจังหวะของมูฟเมนต์อย่างไร้ที่ติ ซึ่งให้ประสบการณ์ที่ค่อนข้างแตกต่างไปจากคลาสโยคะที่เปิดเพลงคลอ จุดนั้นทำให้รู้เลยว่าตัวครูและศิลปินน่าจะผ่านชั่วโมงฝึกซ้อมมาไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากนี้ การช่วยจัดท่าทางโดยครูเฌอทำให้เราแต่ละคนได้ก้าวข้ามขีดจำกัดในการฝึกมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้ว่าร่างกายส่วนไหนที่แข็งแรง ส่วนไหนที่สามารถพัฒนาได้อีก
หลังจากพาร่างไปออกรบเบาๆ แล้วก็ถึงเวลาของการกลับสู่ความสงบด้วย Sound Healing ที่ทำให้เราได้จดจ่อกับตัวเอง ปล่อยให้ร่างกาย ใจ จิตวิญญาณล่องลอยไปกับเสียงผ่อนคลายชวนหลับของ Singing Bowls
“ไม่มีโยคะที่ไหนเหมือน Pavanar” การฝึกโยคะที่นี่ไม่ได้ให้แค่ความแข็งแรง แต่ยังทำให้ตกอยู่ในภวังค์เสียงดนตรี เหมือนได้พาใจตัวเองไปพักชั่วขณะ
ใครก็ตามที่อยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการฝึกโยคะในบรรยากาศที่อบอุ่นท่ามกลางความผ่อนคลายของเสียงดนตรี อยากให้แวะมาที่ Pavanar ดูสักครั้ง เชื่อว่าใครที่มีโอกาสได้มาลองแล้วก็คงอยากกลับไปซ้ำเช่นเดียวกับเรา
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์, ณัฐนิชา หมั่นหาดี
Open: เช็กเวลาเปิดแต่ละวันได้จากข้อมูลคลาสทางอินสตาแกรม
Address: Piman 49 Heritage Project
Tel: 09 6282 4644
Budget: First Trial 450 บาท ต่อคลาส, Drop-in 850 บาท ต่อคลาส, คอร์ส 5 ครั้ง: 3,250 บาท, คอร์ส 10 ครั้ง: 5,500 บาท
Facebook: https://www.facebook.com/PavanarYogaStudio
Instagram: https://www.instagram.com/pavanar.official
Map: https://maps.app.goo.gl/Ai6oGDaxbBb1akwh9
The post ปลุกพลังแห่งสติ พาใจกลับสู่ปัจจุบันผ่าน Yoga & Handpan ที่ Pavanar appeared first on THE STANDARD.
]]>