อาหาร – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 05 Nov 2024 13:34:41 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ไทยเล็งเก็บภาษี ‘โซเดียม-ไขมัน’ เผ่าภูมิสั่งกรมสรรพสามิตศึกษา ตั้งเป้าคนไทยลดบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 https://thestandard.co/thailand-considers-sodium-fat-tax/ Tue, 05 Nov 2024 13:34:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1004816

วันนี้ (5 พฤศจิกายน) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว […]

The post ไทยเล็งเก็บภาษี ‘โซเดียม-ไขมัน’ เผ่าภูมิสั่งกรมสรรพสามิตศึกษา ตั้งเป้าคนไทยลดบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (5 พฤศจิกายน) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามอบนโยบายแก่กรมสรรพสามิต โดยสั่งศึกษากลไก ภาษีโซเดียม ในสินค้าบางประเภท รวมทั้ง ภาษีไขมัน เพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคโซเดียมและไขมัน ตั้งเป้าคนไทยลดบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 สำหรับนโยบายอื่นๆ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

 

  1. ยานยนต์: ใช้กลไกภาษีกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบ โดยเฉพาะการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งมีห่วงโซ่อุปทานเชื่อมจากอุตสาหกรรมขนาดเล็กถึงใหญ่ รวมถึงการจ้างงาน โดยใช้ภาษีสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนผลิต PHEV, BEV และ FCEV ให้เพิ่มขึ้นในประเทศ แต่ยังคงรักษาฐานการผลิตรถยนต์ ICE และ HEV ไว้อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องกำหนดเวลาชัดเจน และให้แนวทางว่ากรมสรรพสามิตสามารถสูญเสียรายได้ในระยะสั้น เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในระยะยาว ซึ่งเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศได้

 

  1. น้ำมัน: กำหนดกลไกราคาคาร์บอนในภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 6 ประเภท ซึ่งไทยจะเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียน โดยคำนวณจากค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเบื้องต้นกำหนดราคาคาร์บอนที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือกระบวนการผลิตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ โดยต้องไม่ให้กระทบต่อราคาพลังงาน

 

  1. สุขภาพของประชาชน: ใช้กลไกภาษีเพื่อสนับสนุนการแพทย์เชิงป้องกัน ลดการบริโภคอาหารที่เป็นโทษต่อสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี ลดภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยดำเนินการจัดเก็บภาษีความหวานแบบผสมต่อเนื่อง และเข้าสู่เฟส 4 ตามกำหนดเวลา

 

นอกจากนี้ ยังให้กรมสรรพสามิตศึกษาพิจารณากลไกภาษีโซเดียมในสินค้าบางประเภทที่ไม่อยู่ในสินค้าควบคุม รวมทั้งภาษีไขมัน เพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคโซเดียมและไขมัน ตั้งเป้าคนไทยลดการบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 ทั้งนี้ ต้องมีระยะเวลาก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ให้ผู้ประกอบการปรับตัว

 

  1. แบตเตอรี่: ให้ศึกษาพิจารณาเปลี่ยนจากอัตราคงที่ 8% เป็นอัตราแบบขั้นบันได โดยคำนึงถึงปัจจัย Life Cycle และค่าพลังงานจำเพาะต่อน้ำหนัก รวมถึงชนิดของแบตเตอรี่ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สะอาด อุตสาหกรรมรถยนต์ EV

 

  1. บุหรี่: ให้จัดเก็บภาษีแบบผสม โดยพิจารณาและศึกษาความเหมาะสมในการปรับปรุงโครงสร้างภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียว (Single Rate) เพื่อลดการบิดเบือนกลไกราคา โดยให้พิจารณาปัจจัยความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ และสนับสนุนผู้เพาะปลูกใบยาสูบในประเทศด้วย รวมทั้งดำเนินการระบบตรวจติดตามบุหรี่โดยใช้ระบบ QR Code ในบุหรี่ เพื่อป้องกันบุหรี่เถื่อนทั้งระบบ พร้อมทั้งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษีและแหล่งที่มาของบุหรี่ เพื่อมั่นใจได้ว่าเป็นบุหรี่ที่ได้มาตรฐานและตรวจสอบโดยกรมสรรพสามิต

 

ดร.เผ่าภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกรมสรรพสามิตปีงบประมาณ 2567 (เดือนตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) สะท้อนถึงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่สูงกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนั้นยังสะท้อนถึงการใช้จ่ายในประเทศที่ดีขึ้นตามการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากภาษีสรรพสามิตที่เก็บจากสินค้าและบริการในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ภาษีเครื่องดื่ม ขยายตัวสูงถึง 8% ภาษีกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ (ไนต์คลับและดิสโก้เธค) และภาษีสนามกอล์ฟ จัดเก็บได้เพิ่มขึ้น 31.3% และ 12.4% ตามลำดับ สำหรับการจัดเก็บภาษีแบตเตอรี่สูงขึ้นกว่าปีก่อน 15.6% ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการเติบโตขึ้น ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้ 523,676 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 จากปีก่อน

 

นอกจากนี้ ด้านการปราบปรามนั้น ผลการปราบปรามเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 33,359 คดี สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 28.1 เงินค่าปรับนำส่งคลังจำนวน 690.75 ล้านบาท โดยเกิดจากการที่กรมสรรพสามิตยกระดับการทำงานเชิงรุกในด้านการปราบปรามทั้งระบบ ทั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานสืบค้นในทุกช่องทาง

 

รวมถึงการบูรณาการความร่วมมือในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอกองค์กร เพื่อจับกุมขบวนการผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้สินค้าหนีภาษีหลุดลอด เพราะอาจเป็นสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย จนส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

 

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตพร้อมขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการทางภาษีดังกล่าว ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตให้ความสำคัญในการดำเนินมาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และดูแลพี่น้องประชาชน

 

รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ด้วยการเดินหน้านโยบายที่สนับสนุนสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG เพื่อให้การดำเนินงานของกรมฯ สอดรับกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคม การปรับตัวที่รวดเร็วของเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยนำกลยุทธ์ EASE Excise มายกระดับการทำงานทั้งระบบ เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ตามยุทธศาสตร์ของกรมสรรพสามิต ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สร้างมาตรฐานสากล เพื่อเดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืนสืบไป

The post ไทยเล็งเก็บภาษี ‘โซเดียม-ไขมัน’ เผ่าภูมิสั่งกรมสรรพสามิตศึกษา ตั้งเป้าคนไทยลดบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหารและครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนา https://thestandard.co/taylor-swift-donates-75000-meals-louisiana/ Sun, 03 Nov 2024 02:58:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1003279 Taylor Swift

Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหาร S […]

The post Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหารและครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนา appeared first on THE STANDARD.

]]>
Taylor Swift

Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหาร Second Harvest Food Bank – Feeding South Louisiana เพื่อนำไปช่วยเหลือครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนา ระหว่างที่เธอกำลังทัวร์คอนเสิร์ต The Eras Tour

 

หลังจากบริจาค ธนาคารอาหารก็โพสต์ผ่านอินสตาแกรมเพื่อแสดงความขอบคุณว่า “เมื่อความเมตตาเดินทางมาบรรจบกับการกระทำ เวทมนตร์ก็เกิดขึ้น วันนี้พวกเราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า Taylor Swift ช่วยเติมเต็มเชื้อเพลิงในภารกิจการยุติความหิวโหย ด้วยการบริจาคมื้ออาหาร 75,000 มื้อสำหรับครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนาทางใต้ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เช่นนี้เตือนใจเราว่า การสร้างความแตกต่างเกิดขึ้นได้เมื่อเราทำงานกับคนที่ใส่ใจอย่างแท้จริง”

 

ก่อนหน้านี้ Taylor Swift เคยบริจาคให้กับธนาคารอาหารในหลายๆ เมืองก่อนการทัวร์คอนเสิร์ต The Eras Tour ไม่ว่าจะเป็นเกลนเดล รัฐแอริโซนา หรือลาสเวกัส ส่วนปีที่แล้วเธอก็เคยบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลในเทนเนสซี หลังจากพวกเขาเผชิญหน้ากับความเสียหายจากพายุทอร์นาโด 

 

และในช่วงเดือนที่ผ่านมา เธอเพิ่งบริจาคเงิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กร Feeding America เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเฮอริเคนที่พัดถล่มติดต่อกัน 2 ครั้งในสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: Erika Goldring/TAS24/Getty Images for TAS Rights Management

อ้างอิง:

The post Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหารและครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนา appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ลิสบอน’ ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรป https://thestandard.co/life/lisbon-best-food-city-europe Mon, 21 Oct 2024 02:16:55 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=998270 ลิสบอน

เราอาจคุ้นเคยกับอาหารอิตาเลียนหรือฝรั่งเศส และคิดว่าเมื […]

The post ‘ลิสบอน’ ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรป appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลิสบอน

เราอาจคุ้นเคยกับอาหารอิตาเลียนหรือฝรั่งเศส และคิดว่าเมืองในประเทศดังกล่าวน่าจะเป็นเมืองด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรป แต่ผลจากรางวัล World Culinary Awards 2024 เผยว่า ‘ลิสบอน’ ประเทศโปรตุเกส คือจุดหมายปลายทางด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรปในปีนี้

 

ใครที่เคยแวะไปลิสบอนคงรู้ว่ายามเช้าตรู่มักเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของวานิลลาและเนยจากร้านขนมปังริมทางซึ่งพากันอบขนมปังหลากชนิด รวมถึงทาร์ตไข่ ขนมขึ้นชื่อประจำชาติด้วย ลิสบอนไม่เพียงแต่โด่งดังด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันสวยงาม แต่ยังเป็นแหล่งของกินชั้นยอดของเหล่านักเดินทางผู้ชื่นชอบด้านอาหารด้วย

 

โดย World Culinary Awards ประจำปี 2024 ลิสบอนคว้าตำแหน่ง ‘Europe’s Best Culinary City Destination 2024’ หรือจุดหมายปลายทางด้านอาหารยอดเยี่ยมของยุโรปประจำปี 2024 ไปครอง เอาชนะคู่แข่งที่ถูกเสนอชื่อพร้อมกันอย่าง ปารีส, เวียนนา, บาร์เซโลนา, ฟลอเรนซ์, โคเปนเฮเกน และลอนดอน

 

วงการอาหารของลิสบอนโดดเด่นหลายอย่าง ทั้งเรื่องความหลากหลายและคุณภาพ ที่นี่มีร้านอาหารระดับมิชลิน 1 และ 2 ดาว จำนวน 17 แห่ง มีร้านติดหนึ่งในลิสต์ The World’s 50 Best Restaurants และ 50 Best Discovery นั่นยังไม่รวมร้านกาแฟและเบเกอรีที่ได้รับการยอมรับจาก Food & Wine ในรางวัล Global Tastemakers Awards 2024

 

สำหรับ World Culinary Awards เป็นงานประกาศรางวัลที่สนับสนุนและตอบแทนผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารให้มีแรงใจในการพัฒนา ปรับปรุง และยกระดับ โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 5 แล้ว ใครที่อยากดูลิสต์รายชื่อผู้ชนะ สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ worldculinaryawards.com/winners/2024

 

ภาพ: Shutterstock

อ้างอิง:

The post ‘ลิสบอน’ ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรป appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ชัชชาติ’ โชว์ผัดหมี่มหามงคล 10 มังกรสวรรค์ ชวนอิ่มบุญ อิ่มท้อง ที่ประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 https://thestandard.co/chadchart-open-vegetarian-season-yaowarat-2567/ Thu, 03 Oct 2024 13:34:19 +0000 https://thestandard.co/?p=991366 ชัชชาติ

วันนี้ (3 ตุลาคม) ที่บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 ร […]

The post ‘ชัชชาติ’ โชว์ผัดหมี่มหามงคล 10 มังกรสวรรค์ ชวนอิ่มบุญ อิ่มท้อง ที่ประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติ

วันนี้ (3 ตุลาคม) ที่บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ‘ประเพณีงานเจ เยาวราช 2567’

 

ชัชชาติกล่าวว่า ปีนี้นับเป็นปีที่ 3 ที่ได้มาร่วมงานในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เยาวราชเป็นจุดไคลแมกซ์ของกรุงเทพมหานคร งานเจเยาวราชเป็นการแสดงออกถึงอัตลักษณ์และความเข้มแข็งของชุมชน การจัดงานนี้หัวใจสำคัญคือภาคเอกชนที่รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น กรุงเทพมหานครเป็นเพียงผู้สนับสนุน การจัดงานถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับเมือง ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันจัดงานนี้อย่างยิ่งใหญ่ ขอให้การจัดงานประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจหวังไว้ เยาวราชยิ่งใหญ่ ยั่งยืน ตลอดไป

 

สำหรับประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 กำหนดจัดขึ้นเป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-11 ตุลาคม 2567 ภายใต้แนวคิด 72 พรรษามหามงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา พร้อมร่วมดำรงไว้ซึ่งประเพณีงานเจเยาวราชที่จัดขึ้นอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี

 

คณะกรรมการจัดงานได้จัดให้มีการทำอาหารเจมงคลกระทะใหญ่ ‘ผัดหมี่มหามงคล 10 มังกรสวรรค์’ โดยมาสเตอร์เชฟจากโรงแรมแกรนด์ ไชน่า เยาวราช แจกฟรีให้ผู้ร่วมงานจำนวน 1,110 จาน ในพิธีเปิดงาน มีพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งขบวนแห่รถบุปผชาติองค์สมมติพระโพธิสัตว์กวนอิม ขบวนสิงโต มังกร ขบวนจากผู้สนับสนุน และขบวนอื่นๆ อีกมากมาย การจำหน่ายอาหารเจคุณภาพเลิศรสจากผู้ประกอบการกว่า 100 ร้านค้า เรียงรายเต็มพื้นที่ 2 ฟากฝั่งถนนเยาวราช ตลอดการจัดงาน 10 วัน 10 คืน 

 

ทั้งนี้ ประเพณีงานเจ เยาวราช จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2548 จากแรงบันดาลใจและความศรัทธาของคนไทยเชื้อสายจีนในย่านเยาวราช ที่ร่วมสืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย ด้วยการงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ สร้างกุศล และสร้างเสริมสุขภาพ ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่เกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งพ่อค้า, ประชาชน, ชุมชน, ผู้ประกอบการภัตตาคาร, ร้านอาหาร และกลุ่มผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงานเป็นประจำทุกปี จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลงานเจกรุงเทพฯ ที่ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นจำนวนมาก

 

ในวันนี้เวลา 18.00-20.00 น. มีขบวนแห่รถบุปผชาติองค์สมมติพระโพธิสัตว์กวนอิม ขบวนสิงโต มังกร ขบวนจากผู้สนับสนุน ที่พร้อมใจกันพาเหรดเพื่อประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 อย่างสนุกสนาน

 

ส่วนวันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00-20.00 น. ขบวนแห่กระทงสะเดาะเคราะห์ และวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567 เวลา 23.00-00.00 น. พิธีแห่อัญเชิญเทพเจ้า ‘กิวอ๋อง ฮุกโจ้ว เต้าบ้อเนี้ย น่ำซิ้ง ปั๊กเต้าแชกุง’ บนเกี้ยว ตั้งแต่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ เยาวราช และสิ้นสุดที่วัดโลกานุเคราะห์

 

ชัชชาติ ชัชชาติ ชัชชาติ

The post ‘ชัชชาติ’ โชว์ผัดหมี่มหามงคล 10 มังกรสวรรค์ ชวนอิ่มบุญ อิ่มท้อง ที่ประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
กินเจตลาดน้อยไม่คึกคัก ผู้ค้าแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่ม แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาอาหาร เพราะกลัวคนไม่ซื้อ https://thestandard.co/talat-noi-vegetarian-food-low-season/ Thu, 03 Oct 2024 10:48:20 +0000 https://thestandard.co/?p=991203 ตลาดน้อย

วันนี้ (3 ตุลาคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำร […]

The post กินเจตลาดน้อยไม่คึกคัก ผู้ค้าแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่ม แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาอาหาร เพราะกลัวคนไม่ซื้อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตลาดน้อย

วันนี้ (3 ตุลาคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจการค้าขายในช่วงเทศกาลกินเจที่ ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร พบว่า บรรยากาศในภาพรวมไม่คึกคักเท่าปี 2566 

 

จากการพูดคุยกับผู้ค้าหลายรายต่างสะท้อนว่า ปีนี้ราคาวัตถุดิบขยับเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ร้านตัดสินใจไม่ขึ้นราคาอาหาร เนื่องจากเล็งเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจไม่ได้ดีมาก จึงกังวลว่าคนจะไม่เลือกซื้อ และเลือกที่จะตรึงราคาเดิม พร้อมแบกรับต้นทุนที่เพิ่มแทน

 

โดยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนมากที่มาเดินจับจ่ายเป็นชาวไทยวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเน้นมาถ่ายภาพมากกว่าเลือกซื้อของ ผู้ค้าระบุต่อว่า ด้วยเป็นวันแรกของการกินเจเต็มรูปแบบ มองว่าหลายคนอาจยังไม่เริ่มจริงจัง จึงหวังว่าวันต่อจากนี้จะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

 

สำหรับเทศกาลกินเจประจำปี 2567 เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 3 – วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567 รวม 9 วัน

 

The post กินเจตลาดน้อยไม่คึกคัก ผู้ค้าแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่ม แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาอาหาร เพราะกลัวคนไม่ซื้อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเหตุให้ราคาข้าวในญี่ปุ่นแพงขึ้น! จนร้านอาหารต้องใช้ข้าวนำเข้าเสิร์ฟแทน https://thestandard.co/tourist-causes-japanese-price-ascending/ Mon, 30 Sep 2024 13:11:05 +0000 https://thestandard.co/?p=989913 ข้าว

นักท่องเที่ยวทะลักเข้าญี่ปุ่นมากจนข้าวญี่ปุ่นเริ่มขาดแค […]

The post นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเหตุให้ราคาข้าวในญี่ปุ่นแพงขึ้น! จนร้านอาหารต้องใช้ข้าวนำเข้าเสิร์ฟแทน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ข้าว

นักท่องเที่ยวทะลักเข้าญี่ปุ่นมากจนข้าวญี่ปุ่นเริ่มขาดแคลน เป็นเหตุให้ร้านอาหารต้องซื้อข้าวแพงขึ้น 30-40% โดยข้าวน้ำหนัก 60 กิโลกรัม อยู่ที่ 16,500 เยน (ราวๆ 3,700 บาท) ทำให้ธุรกิจร้านอาหารอาจนำเข้าข้าวจากประเทศอื่นมาเสิร์ฟแทน

 

Nikkei Asia รายงานว่า กลุ่ม JA องค์กรเกษตรกรในญี่ปุ่น ผู้กำหนดราคาข้าวให้กับกลุ่มเกษตรกร คาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะขาดแคลนข้าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากสภาพอากาศแปรปรวนแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งมาจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

 

ปัจจุบันพันธุ์ข้าวสำหรับบริโภคทั่วไป น้ำหนัก 60 กิโลกรัม ราคาในปีนี้อยู่ที่ 15,000 เยน (หรือราว 3,400 บาท) ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 39% จากปีที่แล้ว ส่วนข้าวพันธุ์ชนิดที่นิยมในร้านอาหารและผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปน้ำหนัก 60 กิโลกรัม อยู่ที่ 16,500 เยน (ราวๆ 3,700 บาท) ราคาพุ่งขึ้น 38%

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ทั้งนี้ ในตลาดข้าวญี่ปุ่นมีภาคธุรกิจซื้อข้าวไปประมาณ 40% ส่วนที่เหลืออีก 60% เป็นการซื้อไว้บริโภคในครัวเรือน โดยข้อมูลจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมงญี่ปุ่น ระบุว่า ราคาข้าวที่ใช้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้น 10-30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงเท่าราคาข้าวที่ใช้ในธุรกิจ ที่มักจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาข้าวที่ใช้ในครัวเรือน

 

เรียกได้ว่าในปีนี้ธุรกิจมีความต้องการจัดซื้อข้าวมากกว่าปกติ แต่ตลาดข้าวไม่เพียงพอต่อความต้องการเนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้การเก็บเกี่ยวไม่ค่อยดีมากนัก ยิ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้การบริโภคข้าวมากขึ้นตามไปด้วย 

 

Hiday Hidaka ร้านอาหารในเครือ Hidakaya ระบุว่า ในเดือนกันยายนร้านอาหารต้องจ่ายเงินซื้อข้าวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ 2-3 เดือนข้างหน้าบริษัทต้องวางแผนเซ็นสัญญาซื้อข้าวเป็นรายเดือน และมองหาสัญญาซื้อข้าวในระยะยาว

 

เช่นเดียวกับเจ้าของร้านอาหารขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนเสนอซื้อข้าวในราคาสูง เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถได้ข้าวตามที่ต้องการ โดยไม่คำนึงถึงแนวโน้มในตลาดและทำการเซ็นสัญญาระยะยาวด้วยเช่นกัน

 

Origin Toshu เจ้าของร้านอาหาร Origin Bento คาดการณ์ว่า ราคาข้าวในปีงบประมาณหน้าจะสูงขึ้นอีก ทำให้ Skylark Holdings ต้องปรับขึ้นราคาอาหารที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบหลัก และจำหน่ายราคาข้าวสวยอยู่ที่ 230 เยน (ราว 52 บาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 15%

 

สุดท้ายแม้ราคาข้าวจะสูงขึ้น แต่ความต้องการก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ทำให้หลายบริษัทเริ่มมีการนำข้าวในประเทศและข้าวจากต่างประเทศมาผสมกันเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือก

 

อ้างอิง:

The post นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเหตุให้ราคาข้าวในญี่ปุ่นแพงขึ้น! จนร้านอาหารต้องใช้ข้าวนำเข้าเสิร์ฟแทน appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทินเล็งหารือนายกฯ ใหม่ หลังงบป้องกันน้ำท่วมถูกดึงจากมหาดไทยไปอยู่ สทนช. ระบุ ทำงานยากขึ้น จะสร้างฝายสักฝายยังทำไม่ได้ https://thestandard.co/anutin-flood-budget-transfer-concerns/ Mon, 16 Sep 2024 06:28:11 +0000 https://thestandard.co/?p=984075 กระทรวงมหาดไทย

วันนี้ (16 กันยายน) ที่รัฐสภา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกร […]

The post อนุทินเล็งหารือนายกฯ ใหม่ หลังงบป้องกันน้ำท่วมถูกดึงจากมหาดไทยไปอยู่ สทนช. ระบุ ทำงานยากขึ้น จะสร้างฝายสักฝายยังทำไม่ได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กระทรวงมหาดไทย

วันนี้ (16 กันยายน) ที่รัฐสภา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่น้ำท่วมว่า การช่วยเหลือต่างๆ ในเรื่องอาหาร เวชภัณฑ์ ที่พักพิง และเครื่องมือเครื่องจักร ที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ตอนนี้ยืนยันได้ว่าพร้อมและเราจะระดมพลเข้าไป ซึ่งในจังหวัดเชียงรายก็จะหนักหน่อย เพราะมีโคลนหรือดินที่เข้าไปอยู่ในบ้าน ต้องเร่งทำความสะอาด เอาออกมาให้หมดก่อนที่จะแห้ง และถ้าเป็นดินเหนียวก็จะยาก

 

ส่วนเรื่องการช่วยเหลือ วันนี้เวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมเพื่อตั้งศูนย์บัญชาการแห่งชาติเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วม ส่วนข้อสั่งการที่ตนได้รับจากนายกฯ มาตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน คือ เร่งเข้าไปสำรวจความเดือดร้อนของประชาชน และให้กระทรวงมหาดไทยนำเสนอเรื่องบัญชีเป็นรายครัวเรือนว่าแต่ละครัวเรือนจะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องของเม็ดเงิน และเรามีแนวทาง มาตรการอยู่แล้ว และทางกระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รวมถึงการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)

 

ทั้งนี้นายกฯ ได้สั่งการให้ตนไปให้นโยบายกับคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง ให้หาวิธีช่วยเหลือเยียวยา เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ในพื้นที่ประสบภัย ถ้าไม่ต้องจ่ายเงินในเดือนกันยายนได้ก็ทำเลย ถ้าทำไม่ได้หรือผิดกฎอะไรก็จะลดอัตราค่าใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาของประชาชน ซึ่งกำลังเร่งประชุมคณะกรรมการอย่างเร่งด่วน ฉะนั้นในเรื่องการเยียวยาเราเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่

 

อนุทินกล่าวต่อว่า เรื่องการป้องกันต้องยอมรับว่าในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทั้งหลาย เรื่องของการวางแผนป้องกันอุทกภัยจะอยู่ที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ดังนั้นกระทรวงมหาดไทย เรื่องงบป้องกันถูกตัดหมดเลย คงต้องมานั่งคุยกันใหม่ สำหรับงบประมาณปี 2569 ถ้าไม่ให้ทำเรื่องการป้องกัน ก็ต้องไปอัดงบป้องกันที่ สทนช. และต้องเพิ่มองคาพยพต่างๆ ให้เขาสามารถทำเรื่องป้องกันได้

 

“กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตอนนี้หนักไปที่บรรเทาแล้ว เพราะเรื่องการป้องกันถูกดึงอำนาจออกไปหมดเลย สร้างฝายสักฝายยังไม่ได้เลย อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมวันนี้คงต้องนำเรื่องนี้หยิบยกขึ้นมาหารือ เพราะเป็นกฎหมายก่อนหน้าที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหาร ก่อนหน้ารัฐบาลชุดที่แล้วด้วยซ้ำ” อนุทินกล่าว

 

อนุทินยังกล่าวอีกว่า ในพื้นที่ริมแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย และนครพนม ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย เมื่อประกาศก็จะมีเงินทดรองในการเยียวยาช่วยเหลือชาวบ้านโดยที่ไม่ต้องรอการอนุมัติใดๆ ถ้าวงเงินใช้หมดแล้วไม่พอก็ทำเรื่องขยาย เหมือนเชียงรายที่ได้ดำเนินการก่อนหน้า และนายกฯ ก็ได้ให้ความเห็นชอบ ส่วนเรื่องเงินชดเชยความเสียหายจะมีเกณฑ์อยู่ ถ้ามีความเสียหายของบ้านเรือนคาดว่าจะประมาณ 49,000 บาท ย้ำว่างบประมาณมีเพียงพอ แต่เราต้องพยายามหาวิธีการวางแผนป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดอุทกภัยซ้ำซากมากกว่า ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ

 

อนุทินยังย้ำถึงงบประมาณที่ใช้บริหารสถานการณ์และเยียวยาประชาชนว่า มีเพียงพออยู่แล้ว ทั้งงบประมาณสำหรับภัยพิบัติ รวมถึงงบกลาง ที่นายกฯ สามารถใช้ดุลพินิจอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน หากจำเป็นเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน ยืนยันว่างบประมาณมีเพียงพอ แต่จากนี้ต้องหาวิธีการวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก เนื่องจากมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกที่ต้องพูดคุยเจรจากับต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายกระทรวงเข้ามาเกี่ยวข้อง

The post อนุทินเล็งหารือนายกฯ ใหม่ หลังงบป้องกันน้ำท่วมถูกดึงจากมหาดไทยไปอยู่ สทนช. ระบุ ทำงานยากขึ้น จะสร้างฝายสักฝายยังทำไม่ได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนไทยอยากสุขภาพดี แต่ติดกับดัก ‘ถูกและอร่อย’ ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพต้องคิดใหม่ทำใหม่ https://thestandard.co/thai-healthy-facing-cheap-and-delicious/ Fri, 06 Sep 2024 09:12:11 +0000 https://thestandard.co/?p=980427 สุขภาพ

กระแสรักสุขภาพกำลังมาแรงในไทย แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Marke […]

The post คนไทยอยากสุขภาพดี แต่ติดกับดัก ‘ถูกและอร่อย’ ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพต้องคิดใหม่ทำใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สุขภาพ

กระแสรักสุขภาพกำลังมาแรงในไทย แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก Marketbuzzz กลับเผยความจริงสุดพลิกล็อก คนไทยอยากกินอาหารเพื่อสุขภาพก็จริง แต่สุดท้าย ‘ราคา’ และ ‘รสชาติ’ ยังคงเป็นตัวตัดสินใจหลัก! นี่สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างความตั้งใจดีกับความเป็นจริงในการเลือกซื้ออาหารของคนไทย

 

แกรนท์ บาร์โทลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Marketbuzzz ถึงกับออกปากว่า ถึงคนไทยจะอยากมีสุขภาพดี แต่ปัจจัยเรื่องราคาและรสชาติก็ยังมีอิทธิพลต่อการเลือกซื้ออย่างมาก นี่เป็นโจทย์สำคัญที่ท้าทายผู้ประกอบการอาหารเพื่อสุขภาพ ว่าจะทำอย่างไรให้สินค้าของตัวเองทั้งดีต่อสุขภาพ อร่อย และราคาจับต้องได้

 

เมื่อเจาะลึกถึงนิยาม ‘อาหารเพื่อสุขภาพ’ ของคนไทย พบว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ 57% อาหารธรรมชาติ 42% และอาหารที่ปราศจากสารปรุงแต่ง 39% ที่น่าสนใจคือ ‘อาหารออร์แกนิก’ กลับอยู่อันดับท้ายๆ บ่งบอกว่าคนไทยไม่ได้ยึดติดกับตรารับรอง แต่โฟกัสที่คุณค่าทางโภชนาการและความเป็นธรรมชาติของอาหารมากกว่า

 

ข่าวดีสำหรับตลาดออร์แกนิกคือ คนไทยส่วนใหญ่มีความรู้สึกเชิงบวกต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และถึง 70% ยินดีจ่ายแพงขึ้นเพื่อซื้ออาหารออร์แกนิก โดยส่วนใหญ่ยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20% นี่แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่สดใส ยังมีผู้บริโภค 16% ซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกอย่างสม่ำเสมออีกด้วย

 

แต่ก็มีอุปสรรคสำคัญอยู่ นั่นคือ ‘ความสับสน’ เกี่ยวกับตรารับรองออร์แกนิก โดยผลสำรวจพบว่ามีผู้บริโภคเพียง 36% สามารถระบุตรารับรองที่ออกโดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (ACFS) ได้อย่างถูกต้อง และมีเพียง 26% ที่รู้จักตรารับรองที่ออกโดยสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (ACT) และอีก 64% ไม่รู้จักหรือไม่สามารถระบุหน่วยงานที่ออกตรารับรองเกษตรอินทรีย์หรือออร์แกนิกได้อย่างถูกต้อง 

 

บาร์โทลี่ชี้ให้เห็นว่า คนไทยไม่ได้มองหาแค่ ‘ตรา’ แต่ต้องการ ‘ความเข้าใจ’ พวกเขาให้ความสำคัญกับอาหารที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่ชัดเจนมากกว่า ดังนั้น การให้ความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับตรารับรองออร์แกนิกจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง

 

ผลสำรวจนี้เป็นเหมือนกระจกสะท้อนภาพความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคไทย ที่ท้าทายผู้ประกอบการให้คิดนอกกรอบ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพ รสชาติ และราคาที่เหมาะสม และที่สำคัญต้องสื่อสารคุณค่าเหล่านี้ออกไปให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจและเชื่อมั่นในการเลือกซื้อ

 

คำถามคือ ภาคธุรกิจอาหารพร้อมหรือยังที่จะปรับตัวรับมือกับความท้าทายนี้? และผู้บริโภคเองพร้อมหรือยังที่จะเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง แม้จะต้องแลกกับราคาที่สูงขึ้นบ้าง? อนาคตของตลาดอาหารเพื่อสุขภาพในไทยจะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป!

The post คนไทยอยากสุขภาพดี แต่ติดกับดัก ‘ถูกและอร่อย’ ตลาดอาหารเพื่อสุขภาพต้องคิดใหม่ทำใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้นไทย 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรรวม 2.25 แสนล้านบาท โต 10% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มโตแรง 124% https://thestandard.co/thai-stocks-first-six-months-profit/ Mon, 26 Aug 2024 13:03:24 +0000 https://thestandard.co/?p=975689 หุ้นไทย

ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทั้งใน […]

The post หุ้นไทย 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรรวม 2.25 แสนล้านบาท โต 10% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มโตแรง 124% appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้นไทย

ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทั้งใน SET และ mai มีกำไรสุทธิรวม 525,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้รวม 476,795 ล้านบาท โดยกำไรช่วงครึ่งปีแรกนี้มาจาก บจ. ใน SET จำนวน 519,312 ล้านบาท และมาจาก บจ. ใน mai จำนวน 6,101 ล้านบาท

 

รายได้และกำไรสุทธิของ บจ. ใน SET เติบโตจากการท่องเที่ยวที่สร้างมูลค่าเพิ่มไปสู่ธุรกิจภาคบริการ อุปโภคบริโภค อีกทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมันได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น 

 

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนจำนวน 819 บริษัท คิดเป็น 95.7% จากทั้งหมด 856 บริษัท รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน นำส่งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 631 บริษัท คิดเป็น 77.05% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

 

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บจ. ใน SET มียอดขาย 8,964,883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% ขณะที่ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 4.9% และ 6.0% ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) 922,736 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 519,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% และ 9.7% ตามลำดับ 

 

สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บจ.ไทย มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E Ratio (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ในระดับคงที่ที่ 1.51 เท่า 

 

“การท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ บจ. ภาคธุรกิจการบริการและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีกำไรดีขึ้น เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค โรงแรม การบิน พื้นที่เช่า ค้าปลีก โรงพยาบาล และโทรคมนาคม อีกทั้งราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ธุรกิจน้ำมันปรับดีขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ในครึ่งแรกของปี 2567 บจ. มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิเติบโตได้ดี อย่างไรก็ดี ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างได้รับผลกระทบจากปริมาณงานภาครัฐและเอกชนที่ลดลง” ภากรกล่าว

 

หุ้นไทย

 

ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) งวด 6 เดือนแรกของปี 2567 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตไปในทิศทางเดียวกับ บจ. ของ SET โดย บจ. มียอดขายรวม 104,296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% 

 

ขณะที่ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารควบคุมได้ดี ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงาน 8,352 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 6,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.8% และ 80.5% ตามลำดับ 

 

อย่างไรก็ดี หากไม่นับรวมบริษัทจดทะเบียน 5 อันดับแรกที่มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากการ Turn Around กำไรสุทธิจะเป็น 4,949 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8%

 

ประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 212 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 221 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดย 6 เดือนแรกของปี 2567 พบว่า บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 152 บริษัท คิดเป็น 72% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด 

 

“ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2567 ของ บจ. ใน mai ปรับตัวดีขึ้น บจ. มีการควบคุมทั้งต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมาตั้งแต่ไตรมาสแรกในปีนี้ ทำให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น และหากพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรมพบว่า ยอดขายเติบโตในเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มทรัพยากรที่มียอดขายลดลงเล็กน้อย แต่หากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานและกำไรสุทธิ เกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น มีเพียงกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มเทคโนโลยีที่มีกำไรลดลง” ประพันธ์กล่าว

 

ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 333,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นปี มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.76 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2566 ที่เท่ากับ 0.77 เท่า

 

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

The post หุ้นไทย 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรรวม 2.25 แสนล้านบาท โต 10% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มโตแรง 124% appeared first on THE STANDARD.

]]>
BKK Food Bank ส่งต่ออาหารให้กลุ่มเปราะบางแล้วกว่า 1.3 ล้านมื้อ ช่วยลดขยะเศษอาหารได้เกิน 3 แสนกิโลกรัมภายใน 2 ปี https://thestandard.co/bkk-food-bank/ Sat, 10 Aug 2024 02:28:19 +0000 https://thestandard.co/?p=969666 BKK Food Bank

วันนี้ (10 สิงหาคม) พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว […]

The post BKK Food Bank ส่งต่ออาหารให้กลุ่มเปราะบางแล้วกว่า 1.3 ล้านมื้อ ช่วยลดขยะเศษอาหารได้เกิน 3 แสนกิโลกรัมภายใน 2 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
BKK Food Bank

วันนี้ (10 สิงหาคม) พรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานโครงการ BKK Food Bank หรือธนาคารอาหาร 

 

ระบุว่า ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว จำนวน 50 เขต สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการจนถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2567 สามารถส่งต่ออาหารบริจาคแก่กลุ่มเปราะบางได้ จำนวน 1,326,114 มื้อ หรือ 315,741.42 กิโลกรัม โดยมีผู้รับมอบอาหาร จำนวน 67,449 คน สามารถคำนวณเป็นปริมาณคาร์บอนที่ลดลง จำนวน 789,825.79 kgCO2e 

 

พรพรหมกล่าวต่อว่า โครงการ BKK Food Bankเป็นโครงการที่กรุงเทพมหานครดำเนินการเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชาชน โดยการมอบอาหารและสิ่งของจำเป็นแก่กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มผู้พิการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาส และประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้กลุ่มเปราะบางได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นหรือสามารถดำรงชีวิตในสภาวะปัจจุบัน ประกอบกับส่งผลให้ปริมาณอาหารเหลือทิ้งมีจำนวนลดลง และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ 

 

กลุ่มเปราะบางและกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะได้รับการส่งต่อความช่วยเหลือทางด้านอาหารอย่างเป็นรูปธรรม และได้รับอาหารอย่างเพียงพอ สร้างโอกาสการเข้าถึงอาหารที่เหมาะสม โดยดำเนินงานใน 2 รูปแบบ ดังนี้ 

 

รูปแบบที่ 1 สำนักงานเขตมีการรับ-ส่งต่ออาหารส่วนเกิน (Food Surplus) จากผู้บริจาคสู่ผู้รับในพื้นที่ และให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางครอบคลุมทุกกลุ่ม ดำเนินการร่วมกับผู้บริจาค รับอาหารส่วนเกินสัปดาห์ละ 3 วันคือ ทุกวันอังคาร พุธ และพฤหัสบดี โดยมีการจัดตั้งBKK Food Bank 

 

รูปแบบที่ 2 การดำเนินการจัดตั้ง BKK Food Bankสำนักงานเขต โดยมีแนวคิดรูปแบบการจัดหาสถานที่เพื่อจัดเก็บของและส่งต่ออาหาร สิ่งของจำเป็นต่างๆ เครื่องอุปโภคบริโภค (Food Donation) ให้กับผู้รับหรือกลุ่มเป้าหมาย โดยสำนักงานเขตมีหน้าที่ประเมินและให้คะแนนกลุ่มเป้าหมาย และให้ผู้รับนำคะแนนที่ได้รับมาแลกรับสิ่งของจากBKK Food Bank 

 

พรพรหมกล่าวว่า สำหรับผู้สนใจร่วมบริจาคอาหารหรือสิ่งของให้กับ BKK Food Bankสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานเขตทุกเขต หรือที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)

The post BKK Food Bank ส่งต่ออาหารให้กลุ่มเปราะบางแล้วกว่า 1.3 ล้านมื้อ ช่วยลดขยะเศษอาหารได้เกิน 3 แสนกิโลกรัมภายใน 2 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>