อาหาร – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 23 Dec 2025 03:22:53 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน https://thestandard.co/life/chef-tams-seasons-x-lamdre/ Mon, 22 Dec 2025 10:44:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1156958 Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน

หากจะมีเหตุผลดีๆ สักข้อให้บินลัดฟ้าสู่มาเก๊าเพื่อสัมผัส […]

The post Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน

หากจะมีเหตุผลดีๆ สักข้อให้บินลัดฟ้าสู่มาเก๊าเพื่อสัมผัสชีวิต ‘กินหรู อยู่ดีแบบเหนือระดับ’ การไปเช็กอินที่ Wynn Palace คือคำตอบที่ใช่แบบไม่มีข้อกังขา

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 1Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 2Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 3Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 4

 

แต่ทริปนี้จะยิ่งพิเศษขึ้นไปอีกหากคุณเป็นนักชิมที่มองหาประสบการณ์หายาก เฉกเช่นมื้ออาหารรูปแบบ Four-hands โดย ‘Chef Tam’s Seasons x Lamdre’ ที่เรามีโอกาสได้ไปสัมผัสในครั้งนี้

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 5

 

 

นี่คือการโคจรมาพบกันของสอง Chef of the Year ระหว่างเจ้าบ้านอย่าง Chef Tam Kwok Fung แห่ง Chef Tam’s Seasons ร้านอาหารจีนกวางตุ้งนิยามใหม่ระดับ 2 ดาวมิชลิน และ Chef Dai Jun จาก Lamdre ร้านอาหารแพลนต์เบสระดับ 2 ดาวมิชลินจากปักกิ่ง

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 6

 

เมื่อโจทย์ของมื้อนี้คือ อาหารแพลนต์เบส หลายคนอาจติดภาพจำของรสชาติที่จืดชืดหรือน่าเบื่อ แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า เมื่อวัตถุดิบพืชพรรณผ่านมือเชฟระดับโลกคู่นี้แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ทั้งรสชาติและหน้าตาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

 

The Vibe

 

เพียงก้าวแรกที่เดินเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความหรูหราสไตล์ ‘Artistic Luxury’ ที่ดึงเอาความงามของธรรมชาติมาถ่ายทอดผ่านงานแก้วและโมเสก คุมโทนสีเบจและทองอ่อน สะท้อนกลิ่นอายดีเอ็นเอของ Wynn Palace ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 7

 

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงวัตถุดิบชั้นเลิศที่จะถูกนำมารังสรรค์ในมื้อพิเศษนี้ ซึ่งทุกรายละเอียดที่เราเห็นล้วนเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่า เรากำลังจะได้สัมผัสกับความพิถีพิถันและความละเมียดละไมขั้นสุด

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 8

 

The Taste

 

ลองส่องเมนูแล้วพบว่าวันนี้มีด้วยกันถึง 6 คอร์สที่แลดูเฮลตี้ไปหมด และยังมีไฮไลต์เป็นการแพริ่งกับเครื่องดื่มคุณภาพเยี่ยมสัญชาติจีนจาก Domaine des Arômes ที่จะมาช่วยเสริมรสชาติในแต่ละจานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 9

 

เปิดต่อมรับรสด้วย Sunflower จานที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม สะท้อนกลิ่นอายฤดูใบไม้ร่วงของปักกิ่งผ่านเลเยอร์ของขนมฮอว์ธอร์น แอปเปิ้ลเขียว และพูเรข้าวโพดหวานที่ซ่อนอยู่ในแป้งทาร์ตงาดำ

 

ความหวานละมุนของเนื้อข้าวโพดถูกตัดรสด้วยความเปรี้ยวอมหวานอันสดชื่นของผลไม้ ยิ่งกินพร้อมเมล็ดทานตะวันคั่วเกลือและงาขี้ม่อนก็ยิ่งเพิ่มความหอมมัน เคี้ยวเพลิน

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 10

 

เพิ่มความอุ่นสบายท้องด้วย Arrowroot Thick Soup ซุปข้นรสละมุนที่ทำจากแอร์โรวรูตคัดพิเศษจากตอนใต้ของจีน นำมาบดละเอียดและเคี่ยวร่วมกับน้ำสต็อกผักหลากชนิด ทั้งข้าวโพด ผักกาดขาว สาลี่ และถั่วงอก เพื่อดึงรสหวานธรรมชาติออกมาอย่างเต็มที่ แทรกด้วยเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบของกะหล่ำปมและข้าวตัง เป็นจานที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษ

 

 

ต่อด้วย ‘Five’ – Roots จานที่สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยสีสันสวยงามราวกับขนมหวาน แต่แท้จริงแล้วคือ ‘หัวไชเท้า’ ที่เชฟคัดสรรมาจาก 5 มณฑลทั่วจีน เพื่อสืบสานธรรมเนียมการทานหัวไชเท้าในฤดูหนาว

 

มีตั้งแต่หัวไชเท้าสีเหลืองจากซินเจียง, แครอทผลไม้จากยูนนาน, หัวไชเท้าแดงจากซานตง, หัวไชเท้าเขียวจากเหอหนาน ไปจนถึงหัวไชเท้าไอศกรีมจากเทียนจิน

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 11

 

โดยเชฟนำแต่ละชิ้นไปปรุงแยกกันด้วยน้ำคั้นของตัวเอง ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความหวานฉ่ำและคาแรกเตอร์เฉพาะตัวของแต่ละสายพันธุ์ได้อย่างชัดเจน

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 12

 

เติมคาร์บกันต่อกับ Potato (Two Ways) เมนูที่เสิร์ฟมันฝรั่ง 2 สไตล์ ส่วนแรกเป็นมูสเนื้อเนียนนุ่มจากผลหล่อฮังก๊วยสีทอง มันฝรั่ง และหัวลิลลี่ (Lily bulbs) อายุเก้าปี ปั่นรวมกันจนได้เนื้อสัมผัสเบาละมุน บรรจุมาในเปลือกไข่

 

ตักลึกลงไปจะเจอกับรสหวานธรรมชาติจากเม็ดบัวหิมะ เนื้อลำไย และมะกรูดดอง ท็อปด้วยผงกระวาน ส้มโอ และผิวมะนาว ให้กลิ่นหอมสดชื่นตัดเลี่ยน

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 13

 

ความตื่นเต้นอยู่ที่ส่วนที่สอง ซึ่งเสิร์ฟมาอย่างน่าค้นหาภายใต้ฝาหินที่แว้บแรกทุกคนต่างคิดว่าเป็นคุกกี้ขนาดใหญ่

 

ด้านในคือมันม่วงกุ้ยโจวที่ห่อหุ้มด้วย Edible Clay และเกลือ แล้วนำไปอบ สอดไส้ด้วยมันฝรั่งเหลืองและผักดองผัดน้ำมันดอกคามิเลีย ให้รสชาติเข้มข้นและมีมิติ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 14

 

All About Soy จานนี้เรียกว่าสวรรค์ของคนรักเต้าหู้โดยแท้ เพราะเป็นการรวมตัวกันของเต้าหู้แห้ง, ฟองเต้าหู้, เต้าหู้ตุ๋นเกลือ, ฟองเต้าหู้หวาน และเต้าหู้อ่อนทอด ทำให้ทุกคำมีเท็กซ์เจอร์ที่ไม่ซ้ำกัน

 

ไฮไลต์คือต้องจิ้มกับซอสมิโซะมัสตาร์ดสูตรพิเศษรสชาติเข้มข้น แกล้มกับผักแล้วเข้ากันสุดๆ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 15

 

ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของหวาน เชฟยังทำเซอร์ไพรส์พวกเราด้วยเมนู Off-menu สุดพิเศษ เริ่มจากความหอมมันของ Eggplant ราดซอสงาดำ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 16

 

และไฮไลต์อย่างข้าวผัดที่ยกมาปรุงกันสดๆ ถึงข้างโต๊ะ ทีเด็ดอยู่ที่เทคนิคการทำ ‘ข้าวตัง’ ก้นหม้อที่เกรียมกำลังดี ตักเสิร์ฟให้เคี้ยวกรุบกรอบเพลินปาก ถือเป็นการส่งท้ายของคาวที่น่าประทับใจจริงๆ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 17

 

และแล้วก็เดินทางถึงบทสรุปของมื้อกับ Dessert Trio ที่เสิร์ฟความฟินมาถึง 3 สไตล์ เริ่มจาก Rice Koji ไอศกรีมนมควายผสมสาหร่ายและข้าวหมักรสเค็มนัว ท็อปด้วยไวท์ทรัฟเฟิลสไลซ์สดหอมฟุ้งเข้ากันอย่างเหลือเชื่อ ต่อด้วย Deep-fried Mochi โมจิทอดไส้กลวงคลุกถั่วและงาที่ให้สัมผัสกรอบนอกหนึบใน ก่อนจบด้วย Baked Pandan and Taro Sago Pudding พุดดิ้งเผือกกวางสีอบใบเตยและสาคูเสิร์ฟอุ่นๆ ที่เนื้อเนียนละมุนหอมอบอวลไปทั้งปาก

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 18

 

โดยความพิเศษยังไม่หมดแค่นั้น เพราะทางร้านยังมีกาแฟเวียดนามหอมๆ มาดริปให้ดื่มตัดรสหวานของขนม ถือเป็นการปิดจบมื้ออาหารที่น่าประทับใจอย่างสมบูรณ์แบบ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 19

 

Good for

 

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารจีนในมิติใหม่ที่ถูกนำมาตีความอย่างลึกซึ้ง แนะนำให้ปักหมุดและคอยอัปเดตปฏิทินของ Chef Tam’s Seasons ไว้ให้ดี เพราะที่นี่มักจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการดึงเชฟระดับตำนานมาคอลแล็บอยู่เสมอ

 

หรือถ้าอดใจรอไม่ไหว จะแวะมาลิ้มลองห้องอาหารอื่นๆ ในโรงแรมก็การันตีว่าอร่อยคุ้มค่าทุกแคลอรีแน่นอน

 

Wynn Palace

Address: Avenida da Nave Desportiva, Cotai, Macau

Website: https://www.wynnresortsmacau.com/en/wynn-palace

Instagram:

Facebook: www.facebook.com/wynnpalace

Map: https://maps.app.goo.gl/6qKNNwy2THTNDqDp6

 

ภาพ: วริศรา ลิ้มอนันตระกูล, Wynn Macau

The post Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
จินนี่ ไทยสร้างไทย เยือนนาปทุมรัตต์ ร่วมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ประกาศนโยบายทำให้ไทยเป็น Food Bank ของโลก https://thestandard.co/jinny-thaisangthai-food-bank/ Thu, 18 Dec 2025 10:56:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1156210 จินนี่ ไทยสร้างไทย เยือนนาปทุมรัตต์ ร่วมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ประกาศนโยบายทำให้ไทยเป็น Food Bank ของโลก

วันนี้ (18 ธันวาคม) ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ จินนี่ พร […]

The post จินนี่ ไทยสร้างไทย เยือนนาปทุมรัตต์ ร่วมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ประกาศนโยบายทำให้ไทยเป็น Food Bank ของโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
จินนี่ ไทยสร้างไทย เยือนนาปทุมรัตต์ ร่วมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ประกาศนโยบายทำให้ไทยเป็น Food Bank ของโลก

วันนี้ (18 ธันวาคม) ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ จินนี่ พร้อมด้วย ชัชวาล แพทยาไทย เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย เดินสายลงพื้นที่พบปะพี่น้องชาวนาและเกษตรกรจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีตัวแทนจากหลายหมู่บ้านเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมวางแนวทางการพัฒนาชุมชนและการเกษตรในพื้นที่

 

ยศสุดาได้ร่วมกิจกรรมสำคัญกับพี่น้องชาวนาคือ ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ณ อำเภอปทุมรัตต์ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวนาไทยที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน การลงแขกเกี่ยวข้าวนอกจากช่วยให้การเก็บเกี่ยวเป็นไปอย่างรวดเร็วแล้ว ยังสะท้อนถึงวิถีชีวิต ความร่วมมือ และความผูกพันกับผืนดินของชาวนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น

 

ระหว่างกิจกรรม ยศสุดาและชัชวาลได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับพี่น้องชาวนา พร้อมล้อมวงรับฟังปัญหา พี่น้องชาวนาได้กล่าวขอบคุณชัชวาลที่ช่วยติดตามทวงถามเงินไร่ละ 1,000 บาทจนสำเร็จ

 

ชัชวาลประกาศความตั้งใจที่จะทำหน้าที่เป็นผู้แทนของพี่น้องชาวนา โดยจะทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวนาและเกษตรกรไทย เช่น มาตรการยกระดับราคาผลผลิตให้เป็นธรรม เพื่อให้ชาวนา เกษตรกร และภาคปศุสัตว์ สามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่เป็นหนี้, การจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน, การสนับสนุนกองทุนเครดิตประชาชนสำหรับเกษตรกร, การมอบบำนาญเกษตรกรอายุ 60 ปีขึ้นไป และการพัฒนาตลาดออนไลน์เชื่อมตรงผู้ซื้อกับชาวนา เพื่อลดพ่อค้าคนกลาง

 

ยศสุดาได้กล่าวถึงนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยที่มีเป้าหมายในการยกระดับราคาสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืน โดยการผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น “Food Bank” ของโลก ขณะที่โลกเกิดภาวะความแปรปรวนของภูมิอากาศซึ่งกระทบการเพาะปลูกในหลายพื้นที่ เรื่องของ Food Security จึงเป็นเรื่องสำคัญ

 

ในขณะที่ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านเกษตร เราจำเป็นต้องผลิตอาหารป้อนคนทั้งโลก โดยมีการทำสัญญาซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้า และให้เกษตรกรผลิตตามคำสั่งซื้อ ทำให้เกษตรกรทราบราคาซื้อขายล่วงหน้า นอกจากนี้ เรายังจะเพิ่มคุณภาพผลผลิตและลดต้นทุนให้เกษตรกรโดยใช้เทคโนโลยี เกษตรแม่นยำ (Precision Farming) ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากและไม่ต้องใช้ต้นทุนสูง เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนให้เกษตรกร “หายจน หมดหนี้ มีรายได้มั่นคง”

The post จินนี่ ไทยสร้างไทย เยือนนาปทุมรัตต์ ร่วมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว ประกาศนโยบายทำให้ไทยเป็น Food Bank ของโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิกัดมูพุ่งกระฉูด! Grab เผย พระพิฆเนศ ห้วยขวาง ยอดเรียกรถโต 678% ส่วนส้มตำ ยังครองแชมป์ ยอดสั่ง 16 ล้านจาน https://thestandard.co/grab-ganesha-huai-khwang-somtam-16m/ Wed, 17 Dec 2025 08:31:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1155719 พิกัดมูพุ่งกระฉูด Grab เผย พระพิฆเนศ ห้วยขวาง ยอดเรียกรถโต 678% ส่วนส้มตำ ยังครองแชมป์ ยอดสั่ง 16 ล้านจาน

แกร็บ ประเทศไทย เผยอินไซต์เทรนด์ผู้บริโภคแห่งปี 2025 ที […]

The post พิกัดมูพุ่งกระฉูด! Grab เผย พระพิฆเนศ ห้วยขวาง ยอดเรียกรถโต 678% ส่วนส้มตำ ยังครองแชมป์ ยอดสั่ง 16 ล้านจาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิกัดมูพุ่งกระฉูด Grab เผย พระพิฆเนศ ห้วยขวาง ยอดเรียกรถโต 678% ส่วนส้มตำ ยังครองแชมป์ ยอดสั่ง 16 ล้านจาน

แกร็บ ประเทศไทย เผยอินไซต์เทรนด์ผู้บริโภคแห่งปี 2025 ที่สะท้อนจากพฤติกรรมการเดินทาง การท่องเที่ยว และการบริโภคอาหารผ่านแอปพลิเคชันตลอดปีที่ผ่านมา โดยพบว่าทั้งบริการเรียกรถและฟู้ดเดลิเวอรียังคงขยายตัว แม้ภาวะเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวจะเผชิญแรงกดดันจากความไม่แน่นอนหลายด้าน

 

เริ่มจากฝั่งบริการเรียกรถผ่านแอป จุดหมายปลายทางยอดนิยมยังคงกระจุกตัวอยู่ในสนามบิน ตามด้วยสถานีขนส่ง และห้างสรรพสินค้า โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ไอคอนสยาม และสยามพารากอน

 

รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างพระบรมมหาราชวัง ถนนข้าวสาร และเยาวราช ยังคงได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่อง และอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่มาแรงที่สุดแห่งปี ได้แก่ เทวาลัยพระพิฆเนศ บริเวณสี่แยกห้วยขวาง ซึ่งมียอดเรียกรถเติบโตสูงถึง 678% จากกระแสความนิยมของสายมูทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไหว้ขอพรด้านความสำเร็จและเสริมสิริมงคล

 

อย่างไรก็ตาม แม้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมจะชะลอตัว แต่บริการเรียกรถผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลยังคงเป็นตัวเลือกหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดย 5 สัญชาติที่ใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ จีน, สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, อังกฤษ และมาเลเซีย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลโกลเด้นวีค หรือวันชาติจีน ระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2568

 

พบว่ายอดใช้บริการของนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 50% จากช่วงปกติ และในช่วงเวลาเดียวกัน นักท่องเที่ยวจากประเทศจอร์เจียถูกจัดให้เป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุด ด้วยยอดใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า

 

เมื่อมาดูในมิติของเมืองท่องเที่ยว นอกเหนือจากจังหวัดหลักอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา ที่ยังคงครองอันดับต้นๆ ของการใช้บริการแล้ว จังหวัดเมืองรองยังได้รับอานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง และมาตรการเที่ยวดีมีคืน โดย 5 จังหวัดเมืองรองที่มียอดเรียกรถสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี, อุบลราชธานี, เชียงราย, พิษณุโลก และนครสวรรค์

 

ขณะที่จังหวัดนครนายก ถูกยกให้เป็นจังหวัดดาวรุ่งแห่งปี ด้วยยอดเรียกรถที่เติบโตมากกว่า 9 เท่า จากจุดเด่นด้านระยะทางที่เดินทางสะดวก ไปเช้าเย็นกลับได้ และมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสำคัญ เช่น เขื่อนขุนด่านปราการชล, น้ำตกนางรอง, อุทยานวังตะไคร้ และทุ่งบัวแดง

 

แกร็บ ประเทศไทย ระบุว่า ปัจจัยด้านเทศกาลและอีเวนต์ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นการเดินทาง โดยเทศกาลลอยกระทง โดยเฉพาะประเพณียี่เป็งในจังหวัดเชียงใหม่ มียอดเรียกรถเติบโตถึง 44% รองลงมาคือเทศกาลสงกรานต์

 

ขณะเดียวกัน คอนเสิร์ตและอีเวนต์ขนาดใหญ่ยังช่วยดันดีมานด์การเดินทางอย่างมีนัยสำคัญ จากคอนเสิร์ต BLACKPINK WORLD TOUR ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2568 ส่งผลให้ยอดเรียกรถไปยังสนามราชมังคลากีฬาสถานเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าจากช่วงปกติ

 

ด้านฝั่งบริการฟู้ดเดลิเวอรี อาหารไทยและกระแสไวรัลยังขับเคลื่อนการบริโภคอย่างชัดเจน โดยส้มตำยังคงครองตำแหน่งเมนูขายดีที่สุดของปี ด้วยยอดสั่งรวมกว่า 16 ล้านจาน โดยเฉพาะส้มตำปูปลาร้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือข้าวมันไก่ ด้วยยอดขายกว่า 15 ล้านจาน และตามด้วยลาบหมูมียอดขายกว่า 1 ล้านจาน

 

ต่อด้วยกลุ่มเครื่องดื่ม ชาเย็น ทั้งชาไทยและชานมไข่มุก ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ใหม่ แซงหน้าอเมริกาโนเย็น ด้วยยอดสั่งรวมกว่า 11 ล้านแก้ว จากกระแสไวรัลชาไทยของลิซ่าที่คอลแลบกับ Erawhon ภายใต้เมนู ‘Thai up the World by Lisa’ ขณะที่ชาเขียวรั้งอันดับสองด้วยยอดขายกว่า 9 ล้านแก้ว จากกระแสมัทฉะฟีเวอร์ที่ขยายตัวจากเครื่องดื่มสู่เบเกอรี ส่วนอเมริกาโนเย็นตกมาอยู่อันดับสาม ด้วยยอดสั่งกว่า 8 ล้านแก้ว

 

สำหรับเมนูดาวรุ่งแห่งปี คือ ชิโอะปัง หรือขนมปังเกลือ สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดขายที่เติบโตมากกว่า 36 เท่า ไม่เว้นแม้แต่ชาองุ่นเคียวโฮปั่นท็อปด้วยครีมชีส เป็นเครื่องดื่มที่เติบโตแรง ด้วยยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 17 เท่า ส่วน แฮนด์โรล ก็กลายเป็นเมนูฮิตในกลุ่มฟู้ดดี้ ด้วยประสบการณ์โอมากาเสะในราคาที่เข้าถึงง่าย ส่งผลให้ยอดสั่งเติบโตมากกว่า 300%

 

นอกจากนี้ โครงการของภาครัฐอย่าง คนละครึ่งพลัส ช่วยกระตุ้นยอดขายร้านอาหารทั้งหน้าร้านและเดลิเวอรี โดยผู้บริโภคนิยมใช้ในมื้อกลางวัน ด้วยมูลค่าเฉลี่ย 80-120 บาทต่อออเดอร์ และกรุงเทพฯ ครองแชมป์การใช้งานสูงสุด ขณะที่ร้านอาหารที่ขายดีที่สุดผ่านแกร็บ ได้แก่ สยามกะเพราคาเฟ่ – บรรทัดทอง ซึ่งมียอดขายเติบโตเฉลี่ยสูงกว่าปกติถึง 14 เท่า

 

ด้านกลยุทธ์การตลาด แกร็บ ประเทศไทย มองว่า การคอลแลบระหว่างแบรนด์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสีสันให้ตลาด เพื่อรับมือกับเทรนด์การรับประทานอาหารที่ร้านมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผ่านการซื้อดีลส่วนลดและการจองร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม โดยประเภทร้านยอดนิยม ได้แก่ บุฟเฟต์ ร้านปิ้งย่าง และร้านอาหารญี่ปุ่น

The post พิกัดมูพุ่งกระฉูด! Grab เผย พระพิฆเนศ ห้วยขวาง ยอดเรียกรถโต 678% ส่วนส้มตำ ยังครองแชมป์ ยอดสั่ง 16 ล้านจาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไอเดีย Healthy Lunch ที่ช่วยบาลานซ์กายและใจ https://thestandard.co/life/healthy-lunch-balance-body-mind/ Mon, 15 Dec 2025 06:48:01 +0000 https://thestandard.co/?p=1154796 ไอเดีย Healthy Lunch ที่ช่วยบาลานซ์กายและใจ

หลายคนรู้สึกว่า “บ่ายทีไร สมองเบลอ ง่วง เหนื่อยง่าย” ทั […]

The post ไอเดีย Healthy Lunch ที่ช่วยบาลานซ์กายและใจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไอเดีย Healthy Lunch ที่ช่วยบาลานซ์กายและใจ

หลายคนรู้สึกว่า “บ่ายทีไร สมองเบลอ ง่วง เหนื่อยง่าย” ทั้งที่นอนพอแล้ว ปัญหานี้มักไม่ได้อยู่ที่การพักผ่อนอย่างเดียว แต่อยู่ที่ สิ่งที่เราเลือกกินในมื้อกลางวันด้วยนะ อาหารกลางวันที่ดี ไม่ควรแค่ทำให้อิ่ม แต่ควรช่วยให้ร่างกายมีพลัง สมองปลอดโปร่ง และอารมณ์นิ่งขึ้นในช่วงครึ่งวันหลัง ซึ่งควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้

 

1. คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พลังงานที่ไม่ตกวูบ

 

เลือกคาร์บที่ย่อยช้า เช่น ข้าวกล้อง ควินัว มันหวาน หรือโฮลวีต ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ลดอาการง่วง เบลอ และอารมณ์แปรปรวนช่วงบ่าย เมื่อสมองไม่ต้องรับมือกับน้ำตาลขึ้นๆ ลงๆ เราจะโฟกัสงานได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกล้าเร็ว

 

2. โปรตีนคุณภาพ ตัวช่วยสมองและอารมณ์

 

โปรตีนไม่ได้ช่วยแค่กล้ามเนื้อ แต่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนินและโดพามีน แหล่งโปรตีนที่เหมาะกับมื้อกลางวัน ได้แก่ ปลา ไก่ ไข่ เต้าหู้ เทมเป้ หรือถั่วต่างๆ ช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากของหวาน และทำให้อารมณ์นิ่งขึ้น

 

3. ไขมันดี เติมพลังใจแบบไม่หนักตัว

 

ไขมันดีจากอะโวคาโด ถั่ว น้ำมันมะกอก หรือปลาทะเล ช่วยบำรุงสมอง ลดการอักเสบ และสัมพันธ์กับอารมณ์ที่มั่นคง มื้อกลางวันที่มีไขมันดีในปริมาณเหมาะสม จะช่วยให้รู้สึกพอใจ ไม่หงุดหงิด และไม่โหยหาของจุกจิกระหว่างวัน

 

4. ผักสีเขียวและไฟเบอร์ ตัวรีเซ็ตระบบภายใน

 

ไฟเบอร์ช่วยให้ลำไส้ทำงานดี ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพใจ เพราะลำไส้คือแหล่งผลิตสารสื่อประสาทจำนวนมาก ผักใบเขียว บรอกโคลี แครอต หรือเห็ด ยังช่วยให้การย่อยลื่นไหล ไม่แน่นท้อง ไม่ง่วงหลังอาหาร

 

5. จังหวะการกิน สำคัญไม่แพ้สิ่งที่กิน

 

กินช้า เคี้ยวให้ละเอียด และไม่รีบเร่งเกินไป ช่วยให้ระบบประสาทพาราซิมพาเธติกทำงานดีขึ้น ร่างกายเข้าสู่โหมดฟื้นฟู ไม่ใช่โหมดเครียดมื้อกลางวันที่กินอย่างรู้ตัว แม้จะสั้น แต่ช่วยรีเซ็ตใจได้มากกว่าที่คิด

 

ไอเดีย Healthy Lunch ที่บาลานซ์กายและใจ

 

  • ข้าวกล้อง+แซลมอนย่าง+ผักลวก+อะโวคาโด
  • สลัดโปรตีนสูง ใส่ไข่ต้ม ถั่ว ธัญพืช และน้ำสลัดน้ำมันมะกอก
  • โฮลวีตแรปไก่ย่าง+ผักหลากสี
  • ข้าวควินัว+เต้าหู้ผัดเห็ด+ซุปใส

 

เพราะมื้อกลางวันไม่ใช่แค่การเติมพลังให้ร่างกาย แต่คือ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เราดูแลใจตัวเองระหว่างวัน เลือกกินให้ดี คุณจะรู้สึกได้ว่าบ่ายนั้นเบาขึ้น ใจนิ่งขึ้น และทำงานกับชีวิตได้อย่างอ่อนโยนมากขึ้น

The post ไอเดีย Healthy Lunch ที่ช่วยบาลานซ์กายและใจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ https://thestandard.co/life/ml-bar-cocktail-numbers/ Thu, 11 Dec 2025 08:54:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1153576 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’

ถ้าใครอยากจิบเครื่องดื่มดีๆ สักแก้วในบรรยากาศไม่วุ่นวาย […]

The post mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’

ถ้าใครอยากจิบเครื่องดื่มดีๆ สักแก้วในบรรยากาศไม่วุ่นวาย ‘mL Bar’ บาร์น้องใหม่ย่านสาทรน่าจะเป็นสถานที่ที่หลายคนตามหา เพราะนอกจากพื้นที่โปร่งกว้าง ที่นั่งหลายมุมซึ่งมีทั้งเคาน์เตอร์บาร์และโซฟา ดริงก์ของบาร์แห่งนี้ยังเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็เต็มไปด้วยดีเทลน่าสนใจ

 

mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 1 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 2

 

ชื่อของ mL Bar มาจากคำว่ามิลลิลิตร ทุกอย่างในบาร์แห่งนี้จึงเล่นกับตัวเลข เวลาสั่งเครื่องดื่มแล้วแอบรู้สึกเหมือนบอกรหัสลับดีเหมือนกัน เช่น ‘3.14 (400 บาท)’ ตัวเลขค่าพายที่สร้างแรงบันดาลใจถึงความกลมสมบูรณ์ ทุกส่วนผสมในแก้วนี้จึงเกี่ยวข้องกับรูปวงกลม เช่น บีตรูท ไซรัปจากแตง 3 ชนิด เสิร์ฟมาในแก้วทรงกลมพร้อมเจลลี่วงกลมข้างแก้ว

 

mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 3 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 4 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 5

 

‘69 (420 บาท)’ ค็อกเกลสุดเซ็กซี่ที่เบสด้วยรัมผสมหม่าล่า จิบไปแล้วมีความเผ็ดบางๆ ตัดด้วยความหอมหวานของเบอร์รี่ วานิลลา และชีส ‘911 (480 บาท)’ แก้วนี้ได้แรงบันดาลใจจากเบอร์โทรฉุกเฉินของตำรวจและเป็นแก้วที่เราชอบเป็นพิเศษด้วย เมนูนี้ทำคล้ายบลัดดี้แมรี แต่มีความจัดจ้านจากพริกจาลาเปโญและความเปรี้ยวจากแอปเปิล จิบแล้วรู้สึกมีชีวิตชีวา กระตุ้นต่อมรับรส

 

mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 6 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 7

 

‘404 (440 บาท)’ แก้วนี้ก็น่าสนุก เพราะได้แรงบันดาลใจจากอินเทอร์เน็ตเวลาขึ้นว่า Page Not Found จึงเสิร์ฟเป็นค็อกเกลเบสจินผสมสมุนไพร โทนิกกระบองเพชร และรูบาร์บ เสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลตไดโนเสาร์รสพิสตาชิโอ

 

‘88 (888 บาท)’ ค็อกเทลสุดหรูหนึ่งเดียวในเมนูของร้าน จึงตั้งชื่อตามเลขมงคลของจีนที่สื่อถึงความโชคดีและมั่งคั่ง แก้วนี้เบสจากซิงเกิลมอลต์วิสกี้ผสมด้วยอมาโรทรัฟเฟิล ท็อปด้วยลูกกวาดสีทองด้านบน

 

นอกจากนี้บาร์ยังมีอาหารให้สั่งมากินได้อีก เช่น Caprese Skewer (320 บาท/2 ไม้) มะเขือเทศกับมอซซาเรลล่าชีสเสียบไม้พร้อมซอสบัลซามิก Croquette (220 บาท) คร็อกเกตไส้เบคอน หัวหอม และพาร์มาแฮม หรือ Grilled Wagyu Beef
& Bacon Skewer (380 บาท/2 ไม้) เนื้อวากิวสไลซ์ย่างกับซอสมัสตาร์ดและพริกดอง

 

mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 8 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 9 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 10

 

Good for

 

mL Bar เป็นบาร์น้องใหม่ในบรรยากาศสบายๆ และเครื่องดื่มเข้าใจง่าย น่าจะเป็นร้านที่หลายคนชอบถ้าหากวันไหนอยากนั่งจิบเครื่องดื่มแบบไม่วุ่นวาย เราชอบที่เครื่องดื่มมีหลากหลายแนวให้ค้นหาด้วย ใครเป็นสายค็อกเทลเชื่อว่าต้องสนุกกับที่นี่แน่นอน

 

mL Bar
Open: ทุกวัน เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป
Address: ชั้น LG ในอาคาร Supalai Icon Sathorn
Budget: 600-1,200 บาท

The post mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม https://thestandard.co/life/bar-nikori-silom-sake-hangout/ Mon, 08 Dec 2025 06:21:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1152246 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม

คนรักสาเกมีร้านใหม่ให้แวะไปเช็กอินแล้ว ที่นั่นคือ ‘Bar […]

The post Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม

คนรักสาเกมีร้านใหม่ให้แวะไปเช็กอินแล้ว ที่นั่นคือ ‘Bar Nikori’ สาเกบาร์ในโครงการบ้านสีลมซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ใหม่ในย่านนี้เช่นกัน โดยด้านในโครงการเต็มไปด้วยร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ต่างๆ และสามารถเดินมาได้จากบีทีเอสสุรศักดิ์เพียงหนึ่งอึดใจ ส่วน Bar Nikori เป็นบาร์เล็กๆ แต่มีที่นั่งให้แวะมาแฮงเอาต์กันได้ทั้งเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่ เพราะด้านในมีทั้งโต๊ะนั่งกินดื่มและเคาน์เตอร์บาร์

 

Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 1 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 2

 

แน่นอนว่าใครที่เป็นคอสาเกจะต้องตื่นเต้น เพราะที่นี่มีให้เลือกหลายสไตล์ ส่วนใหญ่เป็นสาเกโมเดิร์น นำมาจากหลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น หรือใครเป็นคอสาเกมือใหม่ก็ต้องมาลองกันสักหน่อย เพราะเราว่าที่นี่นำเสนอเครื่องดื่มได้หลากหลายและเข้าใจง่าย รับรองทุกคนอาจได้ร้านประจำ

 

Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 3 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 4 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 5

 

ถ้าใครอยากลองดื่มหลายๆ แบบ ร้านแนะนำให้สั่ง ‘Sake Flight (500 บาท)’ ที่สามารถเลือกสาเกสไตล์ที่ชอบได้ 3 แก้ว ถูกใจแบบไหนหรืออยากลองสไตล์ใดสามารถถามพนักงานได้เลย ส่วนใครอยากดื่มค็อกเทลสาเกก็มี เช่น Cloud River (380 บาท) ที่ใช้สาเกข้นๆ ดื่มยากมาทำให้ดื่มง่าย ด้วยการผสมยูสุและน้ำผึ้ง หรือ Kanjyuku Soda (380 บาท) ค็อกเทลสไตล์ไฮบอลที่มีส่วนผสมของเห็ดชิตาเกะที่นำไปต้มในมิริน แก้วนี้ดื่มง่ายแม้จะใช้เบสสาเกหนักๆ

 

Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 6 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 7 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 8

 

อีกทีเด็ดที่เราชอบคือ Bar Nikori มีเมนูอาหารด้วย เลิกงานมาหิวๆ สามารถแวะมาฝากท้องได้เลย เมนูแนะนำเช่น Nikori Ponzu Tomatoes (90 บาท) เมนูนี้ห้ามพลาด เป็นมะเขือเทศดองพอนสึที่กินแล้วสดชื่น เหมาะกับจับคู่พร้อมเครื่องดื่มสาเก Tiger Prawn Salad (180 บาท) สลัดกุ้งเนื้อเด้งที่นำไปคลุกน้ำมันงาและพริกไทย

 

Mustard Hamachi (300 บาท) ปลาฮามาจิซาชิมิกับมัสตาร์ดก็กินเพลินไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับ Chimichurri Hamachi (280 บาท) ที่เราชอบเป็นพิเศษ เพราะเนื้อปลาฮามาจิกินคู่กับซอสรสชาติสดชื่นและรากบัวทอดแล้วเข้ากันมาก แล้วยังมี Hotate Truffle Carpaccio (420 บาท) โฮตาเตะกับทรัฟเฟิลออยล์และ Leberwurst Toast (220 บาท) โทสต์ตับบดเค็มๆ มันๆ ที่แทรกด้วยความหวานจากหอมผัด ซึ่งเป็นเมนูเด็ดของร้านเช่นกัน

 

Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 9 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 10

 

Good for

 

ใครกำลังหาร้านแฮงเอาต์จิบสาเกหรือค็อกเทลในย่านสีลม เราว่าที่นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่แย่เลย เพราะ Bar Nikori เปิดอยู่ในโครงการบ้านสีลมที่มาพร้อมทั้งที่จอดรถ บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง แถมทุกคนไม่ต้องไปไหนไกลจากย่านที่ทำงานด้วย ใครเป็นคนชอบดื่มสาเกหรือเป็นเพื่อนที่รักค็อกเทลอย่าลืมแวะมาลอง

 

@bar.nikori

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

Address: โครงการบ้านสีลม ซอยสีลม (BTS สุรศักดิ์)

Budget: 1,000-2,000 บาท

The post Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม appeared first on THE STANDARD.

]]>
มูลนิธิกระจกเงาเปิดจดหมายถึงผู้บริจาค ‘ของใกล้หมดโกดัง’ ชี้ทุกอย่างขาดแคลน เร่งขอรับบริจาค 4 หมวดหลักเพิ่มเติม https://thestandard.co/mirror-foundation-urgent-4-donations/ Thu, 04 Dec 2025 00:35:11 +0000 https://thestandard.co/?p=1151184 มูลนิธิ กระจกเงาเปิดจดหมายถึงผู้บริจาค ‘ของใกล้หมดโกดัง’ ชี้ทุกอย่างขาดแคลน เร่งขอรับบริจาค 4 หมวดหลักเพิ่มเติม

วานนี้ (3 ธันวาคม) มูลนิธิกระจกเงา โพสต์จดหมายเปิดผนึกถ […]

The post มูลนิธิกระจกเงาเปิดจดหมายถึงผู้บริจาค ‘ของใกล้หมดโกดัง’ ชี้ทุกอย่างขาดแคลน เร่งขอรับบริจาค 4 หมวดหลักเพิ่มเติม appeared first on THE STANDARD.

]]>
มูลนิธิ กระจกเงาเปิดจดหมายถึงผู้บริจาค ‘ของใกล้หมดโกดัง’ ชี้ทุกอย่างขาดแคลน เร่งขอรับบริจาค 4 หมวดหลักเพิ่มเติม

วานนี้ (3 ธันวาคม) มูลนิธิกระจกเงา โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริจาคทุกท่าน โดยข้อความระบุว่า “ของใกล้หมดโกดังแล้ว”

 

เป็นครั้งแรกที่ทีมงานกระจกเงา มิอาจจะชี้เป้าว่าควรให้บริจาคอะไรก่อนดี เพราะทุกอย่างที่ใช้สำหรับการดำรงชีวิตมันเสียหายไปทั้งหมด ‘ขาดแคลนไปทั้งหมด’ ไม่ใช่แค่ขาดอาหาร แต่คือการพังทลายของระบบ ในพื้นที่ น้ำไม่มี ไฟไม่มา จะกินจะนอนก็ลำบาก จะล้างบ้านก็ยาก จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็แทบเป็นไปไม่ได้

 

ไม่เคยมีครั้งไหนที่น้ำลดไป 7 วันแล้ว ชาวบ้านยังหาอาหารกินได้ยากอยู่เลย ขอความกรุณาสนับสนุนอาหารให้เราเพิ่มมาได้เรื่อยๆ เลย ขอฝากนมเด็กด้วย หมวดยาสามัญประจำบ้าน แมสใส่กันฝุ่น สำคัญ

 

7 วันหลังน้ำลด เสื้อผ้าสะอาดยังหาใส่ได้ยาก ทุกบ้านต้องนอนและตื่นอยู่ท่ามกลาง ‘กองขยะ’ ที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสมบัติของเขา มันเหม็นเน่า และมันกัดกินจิตใจคน เราต้องการเสื้อผ้าสะอาด ใส่ง่ายๆ สำหรับล้างบ้านช่วงนี้ ผ้าขาวม้า ผ้าถุง ชุดชั้นในหญิงชาย เด็ก ยังจำเป็นอยู่เลย

 

ของพื้นฐานสำหรับตั้งต้นชีวิตใหม่ หากน้ำมาได้ล้างบ้าน จัดการกับซากความเสียหายได้แล้ว สิ่งเหล่านี้คือ ‘ทุนเริ่มต้น’ ที่จะทำให้เขาไม่ต้องสิ้นหวัง และสามารถเริ่มนับหนึ่งใหม่ได้ทันที

 

ขอเปิดรับบริจาคต่อเนื่องใน 4 หมวดนี้: อุปกรณ์ล้างบ้าน, ชุดเครื่องครัว หม้อ กระทะ ตะหลิว จานชามช้อน, ชุดเครื่องนอน เสื่อ หมอน ผ้าห่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นพัดลม หม้อหุงข้าว

 

บริจาคที่หาดใหญ่:

 

ศูนย์อาสาล้างบ้าน มูลนิธิกระจกเงา วัดน้ำน้อยนอก

พิกัด: https://maps.app.goo.gl/crjpbMPEfprAHfNS8?g_st=ipc

 

บริจาคที่ กทม.:

 

ศูนย์รับบริจาคมูลนิธิกระจกเงา เลขที่ 191 ซอย วิภาวดีรังสิต 62 แยก 4-7 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. 10210 โทร.063-931-6340

พิกัด: https://share.google/tOnYy0eQzv20P2gPG

 

บริจาคของจำนวนมาก 1 คันรถหกล้อขึ้นไป ติดต่อห้องประชาสัมพันธ์ โทร.061-909-1840, 063-931-6340 หรืออินบ๊อกซ์ที่เพจเฟซบุ๊กกระจกเงา เพื่อนัดหมาย และชี้จุดโกดังกระจกเงา

The post มูลนิธิกระจกเงาเปิดจดหมายถึงผู้บริจาค ‘ของใกล้หมดโกดัง’ ชี้ทุกอย่างขาดแคลน เร่งขอรับบริจาค 4 หมวดหลักเพิ่มเติม appeared first on THE STANDARD.

]]>
8 เรื่องน่าตื่นเต้นจากงานประกาศรางวัล ‘MICHELIN Guide Thailand 2026’ https://thestandard.co/life/michelin-guide-thailand-2026-2/ Fri, 28 Nov 2025 08:46:03 +0000 https://thestandard.co/?p=1149107

ในงานประกาศผลรางวัลมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นไป […]

The post 8 เรื่องน่าตื่นเต้นจากงานประกาศรางวัล ‘MICHELIN Guide Thailand 2026’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในงานประกาศผลรางวัลมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวาน ปีนี้มีเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับวงการอาหารเกิดขึ้นมากมายอีกแล้ว ทั้งรางวัลใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเป็นครั้งแรก ร้านอาหารที่ได้ดาวเพิ่ม หรือรางวัลพิเศษที่มอบให้เชฟผู้ผลักดันวงการอาหารประเทศไทยและเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่

 

เราจึงขอสรุป 8 เรื่องที่น่าสนใจและอยากให้ทุกคนที่รักการกินดื่มได้รู้มาอัปเดตกันในโพสต์นี้ ส่วนจะมีเรื่องอะไรบ้างมาดูกันเลยดีกว่า

 

 

Sühring ร้านอาหารเยอรมันไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกในเอเชียที่คว้า 3 ดาวมิชลิน

 

เรื่องที่น่าตื่นเต้นยินดีที่สุดในงานปีนี้เห็นจะเป็นการที่ร้าน Sühring คว้ารางวัล 3 ดาวมาครองได้สำเร็จ ทำให้ Sühring กลายเป็นร้านอาหารเยอรมันไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกในเอเชียที่คว้าดาว 3 ดวงมาครอง ทั้งหมดเป็นเพราะฝีมือของเชฟฝาแฝด โธมัสและแมทธิอัส ซูห์ริง (Thomas & Mathias Sühring) ผู้เข้ามาบุกเบิกวงการอาหารไฟน์ไดนิ่งในประเทศไทย และช่วยยกระดับวงการอาหารไฟน์ไดนิ่งให้น่าตื่นเต้นขึ้นกว่าเดิม

 

โดย Sühring มีชื่ออยู่ในคู่มือมิชลิน ไกด์ ฉบับประเทศไทย มาตั้งแต่ปีแรกของการเปิดตัว (พ.ศ. 2561) ด้วยการคว้ารางวัล 1 ดาวมิชลิน หลังจากนั้นได้รับการเลื่อนระดับเป็นร้าน 2 ดาวมิชลินในปีต่อมาทันที ก่อนจะสามารถรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ตลอด 7 ปี จนได้เลื่อนขั้นเป็นร้านอาหาร 3 ดาวในที่สุด

 

 

เปิดตัวรางวัลใหม่ MENTOR CHEF AWARD

 

งานประกาศรางวัล MICHELIN Giude Thailand 2026 มีรางวัลใหม่เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งก็คือ ‘Mentor Chef Award’ เป็นรางวัลที่มอบให้เชฟผู้ผลักดันคนรุ่นใหม่ สร้างแรงบันดาลใจให้เชฟรุ่นต่อๆ ไป รวมถึงมีอิทธิพลในการช่วยผลักดันวงการอาหารให้ก้าวไปข้างหน้า

 

โดยผู้คว้ารางวัลคนแรกคือ เชฟเดวิด ทอมป์สัน (David Thompson) จากร้าน Aksorn และ Chop Chop Cook Shop ได้พูดถึงรางวัลนี้บนเวทีว่า

 

“ทั้งเชฟรุ่นใหม่ที่ผมมีโอกาสทำงานด้วยและเด็กที่ผมสอนเป็นคนเก่งมาก ผมอยากบอกว่าผมโชคดีที่มีโอกาส ไม่สิ น่ารำคาญต่างหาก ที่ได้ทำงานกับเชฟรุ่นใหม่ที่ไม่รู้ประสาเหล่านี้ ทว่าต่อมาพวกเขากลายเป็นเชฟที่ยอดเยี่ยม และผมยังโชคดีที่ได้ทำงานกับหลายๆ คนที่มอบอะไรให้ผมได้มากกว่าที่ผมมอบให้พวกเขาเสียอีก ขอบคุณครับ”

 

 

INDDEE ร้านอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่งได้รับดาวเพิ่มเป็น 2 ดาว

 

หลังจากคว้าดาวมิชลินดวงแรกมาได้สำเร็จตั้งแต่การเปิดร้านปีแรก และรักษารางวัลไว้ได้ต่อเนื่องในปีถัดมา ทว่าในงานประกาศรางวัล MICHELIN Guide 2026 ทำเอาเชฟเกือบใจหาย เพราะไม่ได้ยินชื่อร้านตัวเองขึ้นไปรับรางวัลเหมือนปีอื่นๆ

 

ซึ่งนั่นก็เพราะ INDDEE ได้รับการขยับขึ้นมาเป็นร้านอาหาร 2 ดาวมิชลิน ด้วยการเสิร์ฟอาหารอินเดียจากหลายภูมิภาค รวมถึงผสมกลิ่นอายญี่ปุ่นและความทันสมัยที่น่าสนใจ แต่เข้าถึงง่าย

 

 

GOAT ร้านใหม่ที่ได้รางวัลดาวเขียว

 

ร้านอาหารกลิ่นอายผสมผสานระหว่างไทย-จีน-ฝรั่ง นำโดยเชฟแทน – ภากร โกสิยพงษ์ นอกจากเมนูอาหารที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาล GOAT ยังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้วย เช่น การใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรท้องถิ่น การสนับสนุนให้ชาวประมงจับปลาด้วยวิธียั่งยืน หรือการปลูกผักและสมุนไพรเพื่อใช้เองในร้าน

 

 

เชฟมอนด์ จากร้าน Royd ได้รางวัล Young Chef Award 2026

 

รางวัลนี้มอบให้เชฟรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพโดดเด่นตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา และผู้ที่คว้ารางวัลในปีนี้ก็คือ เชฟมอนด์-สุวิจักขณ์ กังแฮ เชฟรุ่นใหม่ไฟแรงผู้เป็นเจ้าของร้าน Royd (หรอย) ในจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีชื่ออยู่ในลิสต์ร้านอาหารแนะนำโดย MICHELIN Selected

 

โดยหลังจากเชฟมอนด์เก็บประสบการณ์การทำอาหารในครัวต่างๆ เขาตัดสินใจกลับมาเปิดร้านอาหารในจังหวัดบ้านเกิดเพื่อนำเสนอรสชาติอาหารใต้ให้เป็นที่รู้จัก รวมถึงสนับสนุนชุมชนด้วยการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น

 

 

Juksunchae ร้านอาหารเกาหลีไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้ MICHELIN Star

 

Juksunchae (จุกซุนแช) เป็นร้านอาหารเกาหลีไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกๆ ในประเทศไทย โดยเสิร์ฟอาหารเกาหลีร่วมสมัยสไตล์โอมากาเสะ ที่ผ่านมาร้านมีชื่อในลิสต์ร้านแนะนำจาก MICHELIN Selected ก่อนในปีนี้จะได้รางวัลมิชลิน 1 ดาว และกลายเป็นร้านอาหารเกาหลีไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รางวัล 1 ดาวมิชลิน

 

 

หลายร้านได้เลื่อนขั้น และคว้าดาวมิชลินอีกครั้ง

 

นอกจาก Juksunchae ที่ได้โปรโมตจาก MICHELIN Selected ก็ยังมีอีกหลายร้านที่ได้เลื่อนขั้นจากร้านแนะนำเป็นร้านติดดาวเช่นกัน ได้แก่

 

  • Sushi Saito
  • นุสรา
  • Bo.lan
  • GAGGAN

 

 

Anne-Sophie Pic at Le Normandie ได้รับดาวเพิ่มเป็น 2 ดวง

 

อีกหนึ่งร้านที่ได้ดาวเพิ่มในปีนี้คือ Anne-Sophie Pic at Le Normandie ที่เพิ่งเปิดตัวเพียงไม่กี่เดือนก็ได้เลื่อนขั้นเป็นร้านอาหาร 2 ดาวมิชลินแล้ว อาจด้วยความโดดเด่นในการเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย รวมถึงยกเมนูเด็ดของ เชฟแอน-โซฟี พิค มานำเสนอผ่านฝีมือเชฟหญิงชาวญี่ปุ่นอย่าง ทามากิ โคบายาชิ (Tamaki Kobayashi) ทำให้ที่นี่ได้รับการยอมรับจากผู้ตัดสินรางวัลมิชลิน

The post 8 เรื่องน่าตื่นเต้นจากงานประกาศรางวัล ‘MICHELIN Guide Thailand 2026’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Re-Start Eating Safely: หลังไม่ได้กิน 3-5 วัน ร่างกายต้องปรับตัวอย่างไร? https://thestandard.co/life/restart-eating-safely-body-adjust/ Thu, 27 Nov 2025 08:08:53 +0000 https://thestandard.co/?p=1148487 Re-Start Eating Safely: หลังไม่ได้กิน 3-5 วัน ร่างกายต้องปรับตัวอย่างไร?

เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างน้ำท่วม หลายคนอาจไม่ได้รับอาหา […]

The post Re-Start Eating Safely: หลังไม่ได้กิน 3-5 วัน ร่างกายต้องปรับตัวอย่างไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
Re-Start Eating Safely: หลังไม่ได้กิน 3-5 วัน ร่างกายต้องปรับตัวอย่างไร?

เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างน้ำท่วม หลายคนอาจไม่ได้รับอาหารเพียงพอนานหลายวัน 3–5 วันหรือมากกว่า ช่วงเวลานี้ทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะ “ขาดอาหาร” (Starvation / Fasting State) ระบบต่างๆ ในร่างกายจึงชะลอลงเพื่อประหยัดพลังงาน ทั้งการย่อย การดูดซึมสารอาหาร และการทำงานของกล้ามเนื้อ

 

เพราะแบบนี้เอง เมื่อเริ่มกลับมากินอาหารอีกครั้ง ร่างกายอาจ ยังไม่พร้อม รับอาหารในปริมาณมากทันที การกินเร็วหรือเยอะเกินไป อาจเสี่ยงทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า Refeeding Syndrome ภาวะอันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อน้ำตาลและสารอาหารกลับเข้าสู่ร่างกายเร็วเกินไป ทำให้สมดุลเกลือแร่และน้ำในร่างกายเปลี่ยนทันที ส่งผลต่อหัวใจ กล้ามเนื้อ และระบบประสาทได้

 

ด้วยเหตุนี้ ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่เพิ่งเริ่มได้รับอาหารหลังจากขาดอาหารมาหลายวัน จำเป็นต้องฟีดอาหารเข้าร่างกายอย่างช้าๆ และระมัดระวัง เพื่อให้ทุกระบบกลับมาทำงานได้อย่างปลอดภัยและค่อยเป็นค่อยไป

 

หลักการรับประทานอาหารอย่างปลอดภัย

 

  • ค่อยเป็นค่อยไป เริ่มด้วยอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ซุปใส ข้าวต้ม ผักนึ่ง ไข่ต้ม ก่อน อย่ากระโดดไปหาอาหารมันจัดๆ รสจัดๆ หรือของทอดทันที เพราะระบบย่อยอาจยังไม่พร้อม
  • ทยอยเพิ่มพลังงานทีละน้อย หากร่างกายอดอาหารมาหลายวัน ควรให้อาหารในปริมาณที่ไม่มากเกินไปในวันแรก แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นในวันต่อไปตามสภาพร่างกาย โดยทั่วไปแพทย์/ นักโภชนาการจะเริ่มที่ประมาณ 10–20 แคลอรีต่อกิโลกรัมต่อวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มตามความเหมาะสม
  • ดูแลเรื่องอิเล็กโทรไลต์และวิตามิน ช่วงอดอาหาร ร่างกายอาจขาดแร่ธาตุสำคัญ เช่น ฟอสเฟต (phosphate) โพแทสเซียม และแมกนีเซียม การเติมอาหารใหม่อาจดึงแร่ธาตุเหล่านี้จากเลือดเข้าเซลล์ ทำให้เลือดขาดแร่ และเกิดผลเสี่ยงต่อหัวใจ กล้ามเนื้อ ระบบประสาทได้
  • ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอาหารตามปกติ ให้เวลาร่างกายปรับระบบย่อย อารมณ์ และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ก่อนจะกลับไปกินเหมือนปกติ

 

สัญญาณที่ควรระวัง (ถ้าร่างกายเริ่มไม่รับ) ถ้าหลังจากเริ่มกินแล้วพบอาการใดต่อไปนี้ ควรให้ความสนใจและหากเป็นไปได้ ขอคำปรึกษาจากบุคลากรทางการแพทย์ 

 

  • อ่อนแรงผิดปกติ กล้ามเนื้ออ่อน ไม่สามารถลุกยืน เดินได้คล่อง
  • เหนื่อย หอบ หายใจไม่สะดวก
  • เวียนศีรษะ แขนขาชา ตึงเกร็ง หรือมีอาการชัก
  • บวมตามข้อเท้า แขน ขา หรือลำตัว (บ่งบอกภาวะสมดุลน้ำผิดปกติ)
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ เหนื่อยง่าย เหมือนใจสั่น เพราะสิ่งเหล่านี้อาจบ่งชี้ภาวะ refeeding syndrome ที่ต้องได้รับการดูแลทันที

 

เคล็ดลับให้ร่างกายฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

 

  • กินหลายมื้อต่อน้อย ๆ แทนที่จะกินมื้อเดียวแล้วอิ่ม แบ่งเป็น 4–6 มื้อย่อยในวันแรก เพื่อให้ระบบย่อยค่อยๆ ปรับตัว
  • เน้นอาหารง่าย ย่อยง่าย และมีสารอาหารครบถ้วน เช่น ซุป ข้าวต้ม ผักนึ่ง ไข่ต้ม ปลา เนื้ออก ไขมันดีจากถั่ว/เมล็ดพืช
  • ดื่มน้ำพอควร อย่าดื่มมากจนเกินเพราะอาจทำให้สมดุลน้ำและเกลือแร่เพี้ยนได้ ระวังให้พอดี และถ้าคิดว่าอาจดื่มน้ำมากเกินไป ควรค่อยๆ ดื่ม และถ้าเป็นไปได้ รับน้ำเกลือแร่ด้วย
  • พักผ่อนให้พอ อย่าเร่งตัวเอง ร่างกายเพิ่งผ่านภาวะสู้กับความอดอยาก มันต้องใช้เวลาให้ระบบภายในฟื้นคืน
  • เพิ่มวิตามิน และเกลือแร่ ถ้ามีโอกาส (โดยเฉพาะในกรณีที่อดอาหารนานมาก) เพื่อช่วยให้ระบบเผาผลาญและระบบประสาทกลับมาทำงานได้ดี

The post Re-Start Eating Safely: หลังไม่ได้กิน 3-5 วัน ร่างกายต้องปรับตัวอย่างไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปผลรางวัล MICHELIN Guide Thailand 2026 https://thestandard.co/life/michelin-guide-thailand-2026/ Thu, 27 Nov 2025 07:43:48 +0000 https://thestandard.co/?p=1148456 สรุปผลรางวัล MICHELIN Guide Thailand 2026

ผลรางวัลดาวมิชลินประจำปี 2026 ได้ประกาศจบลงเป็นที่เรียบ […]

The post สรุปผลรางวัล MICHELIN Guide Thailand 2026 appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปผลรางวัล MICHELIN Guide Thailand 2026

ผลรางวัลดาวมิชลินประจำปี 2026 ได้ประกาศจบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจึงมีผลสรุปรางวัลทั้งหมดจากเวที MICHELIN Guide Ceremony Thailand มาอัปเดตให้ทราบกัน เพราะผลรางวัลในปีนี้นับว่าน่าติดตาม เนื่องจากวงการอาหารมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายจนเป็นกระแสตลอดทั้งปี

 

ถ้าใครอยากรู้ว่าในปีหน้าจะมีร้านไหนน่าตามไปชิม มีร้านไหนได้ดาวมิชลินเป็นครั้งแรก หรือร้านโปรดของเพื่อนๆ จะได้รางวัลกี่ดาวกันบ้าง มาดูกันเลยดีกว่า

 

⭐⭐⭐ 3 ดาวมิชลิน

  • Sühring *PROMOTE
  • Sorn

 

⭐⭐ 2 ดาวมิชลิน

  • INDDEE *PROMOTE
  • R-HAAN
  • Chef’s Table
  • Gaa
  • Côte by Mauro Colagreco
  • Mezzaluna
  • Anne-Sophie Pic at Le Normandie
  • Baan Tepa

 

⭐ 1 ดาวมิชลิน

  • Aksorn
  • Avant
  • Coda
  • Gaggan *PROMOTE
  • เจ๊ไฝ
  • IGNIV
  • Mia
  • Maison Dunand
  • Saneh Jaan
  • Bo.lan *NEW
  • Aulis
  • Samrub Samrub Thai
  • Signature
  • สวนทิพย์
  • Etcha *NEW
  • Chim by Siam Wisdom
  • Blue by Alain Ducasse
  • POTONG
  • Sushi Saito *PROMOTE
  • GOAT
  • Haoma
  • Juksunchae *PROMOTE
  • PRU
  • AKKEE
  • 80/20
  • Cannubi by Umberto Bombana *NEW
  • Resonance
  • Nahm
  • Nawa
  • Elements, Inspired by Ciel Bleu
  • Wana Yook
  • Le Du
  • Nusara *PROMOTE

 

🍀 MICHELIN Green Star

  • Baan Tepa
  • Haoma
  • Jampa
  • PRU
  • GOAT *NEW

 

🍽 Special Awards 2026

 

MICHELIN Guide Service Award

  • อาร์เซน บราเฮจ (Arsen Brahaj) ผู้จัดการร้าน Aulis จังหวัดพังงา

 

Young Chef Award

  • สุวิจักขณ์ กังแฮ จากร้านอาหาร Royd จังหวัดภูเก็ต

 

MICHELIN Opening of the Year

  • วิลฟริด อ็อกเก (Wilfrid Hocquet) จากร้านอาหาร Margo

 

Mentor Chef Award

  • เดวิด ทอมป์สัน (David Thompson) จากร้านอาหาร Aksorn และ Chop Chop Cook Shop

The post สรุปผลรางวัล MICHELIN Guide Thailand 2026 appeared first on THE STANDARD.

]]>