อาหาร – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 07 Jan 2025 05:39:22 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 10 Food Trends in 2025 เทรนด์อาหารที่เราคิดว่า ‘มันต้องมาแรง!’ https://thestandard.co/life/food-trends-2025 Tue, 07 Jan 2025 00:00:50 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1027257 10 food trends 2025

ในปีนี้จะมีอะไรน่าจับตาดู (เดา) มากไปกว่าเทรนด์อาหารและ […]

The post 10 Food Trends in 2025 เทรนด์อาหารที่เราคิดว่า ‘มันต้องมาแรง!’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
10 food trends 2025

ในปีนี้จะมีอะไรน่าจับตาดู (เดา) มากไปกว่าเทรนด์อาหารและเครื่องดื่มที่จะมาแรงอีก เพราะเราเชื่อว่าวงการอาหารและเครื่องดื่มก็ไม่ต่างจากวงการแฟชั่นที่จะเปลี่ยนเทรนด์ยอดนิยมไปเรื่อยๆ ทุกปี จึงเป็นเรื่องน่าสนุกที่พวกเราจะมาเดากันว่าในปี 2025 นักดื่มและนักชิมจะให้ความสนใจกับอาหารและเครื่องดื่มในรูปแบบใดบ้าง

 

เพราะฉะนั้น เชิญทุกคนพบกับ 10 Food Trends in 2025 เทรนด์อาหารที่เราคิดว่า ‘มันต้องมาแรง!’

 

วัตถุดิบจากน้ำ / ท้องทะเล จะกลายเป็นอาหารใหม่ๆ

 

  1. วัตถุดิบจากน้ำ / ท้องทะเล จะกลายเป็นอาหารใหม่ๆ 

 

เราเชื่อว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับหลายๆ คนอย่างแน่นอน ทว่าในอนาคตที่กำลังมาถึง ทุกคนจะได้เห็นอาหารใหม่ๆ ที่ใช้วัตถุดิบจากแหล่งน้ำมากขึ้น อาจเป็นจำพวกสาหร่าย จอกแหน หรือพืชน้ำชนิดต่างๆ ที่มีประโยชน์มากกว่าหรือเท่ากับอาหารที่พวกเรากินอยู่ในทุกๆ วัน เช่น ‘ไข่ผำ’ ที่เริ่มเห็นหลายร้านอาหารนำมาใช้ ทั้งในอาหาร ขนม หรือทำเป็นโปรตีนจากพืช หรือ ‘แหนเป็ด’ ซูเปอร์ฟู้ดใหม่ที่มีโปรตีนสูง และเชื่อว่าจะต้องกลายเป็นอาหารแห่งโลกอนาคตเช่นกัน

 

ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ผู้คนเริ่มหันมาวิจัยและใช้พืชน้ำเหล่านี้ในอาหารมากขึ้นก็อาจเพราะเลี้ยงง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะปล่อยคาร์บอนน้อย แต่ได้ผลผลิตมากในครั้งเดียว ซึ่งเหมาะกับโลกยุคปัจจุบันที่มีประชากรเยอะ ตรงข้ามกับปริมาณอาหาร 

 

อีกทั้งพืชเหล่านี้ยังมาจากธรรมชาติ สามารถกลายเป็นซูเปอร์ฟู้ดได้ และน่ากินมากกว่าอาหารจากห้องทดลองด้วย

 

ติดแกลมแบบ (งบ) เอื้อมถึง

 

  1. ติดแกลมแบบ (งบ) เอื้อมถึง

 

แน่นอนว่าร้านอาหารหรูหราต่างๆ จะยังคงมีลูกค้านึกถึงอย่างแน่นอน เพราะใครๆ ก็อยากกินอาหารดีๆ ในบรรยากาศพิเศษๆ แต่ในปี 2025 คนส่วนใหญ่จะหันมาเลือกร้านอาหารสไตล์แคชวลที่ตกแต่งดูดี มีคอนเซปต์ รวมถึงมาพร้อมเมนูอาหารที่รสชาติน่าพอใจและหน้าตาสวยงามไม่แพ้ร้านหรูหราราคาแพง เช่น Luigi, rose and ray, Kasnas, BIRDIES Bangkok และ AMI Brunch & Bubbles 

 

หลายคนจึงเลือกที่จะหันมาติดแกลมด้วยการเช็กอินร้านอาหารเหล่านี้แทน เนื่องจากได้ทั้งบรรยากาศและคอนเทนต์ไม่ต่างกัน ทว่ามาในราคาที่จ่ายน้อยลงกว่าครึ่ง และไปได้บ่อยกว่าร้านอาหารหรูๆ ที่อาจต้องเก็บเงินทั้งเดือนเพื่อจองโต๊ะสำหรับอีก 2-3 เดือนถัดไปด้วย

 

ค็อกเทลใช้ส่วนผสมโลคัล

 

  1. ค็อกเทลที่หยิบของโลคัลมาใช้

 

นี่อาจเป็นสิ่งที่น่าเฝ้ารอที่สุดก็ได้ เพราะทุกคนจะได้รู้จักสปิริตท้องถิ่นใหม่ๆ ของประเทศไทยที่หลายบาร์หยิบมาใช้กันมากขึ้น เนื่องจากบาร์เทนเดอร์หลายคนเริ่มหันมาทำงานร่วมกับชุมชนและชาวบ้านเพื่อผลักดันของคนไทยกันเอง อีกทั้งบางทีสิ่งเหล่านี้ยังแสดงเอกลักษณ์ของบาร์ในประเทศไทยให้คนทั่วโลกได้เห็นชัดขึ้น หรือโชว์ความเป็นตัวเองของบาร์เทนเดอร์คนนั้นๆ ได้ดีกว่าด้วย เช่น Mahaniyom Cocktail Bar, Opium Bar และ CLUB SALVA

 

และอาจไม่ใช่แค่สปิริตท้องถิ่นอย่างเดียวเท่านั้น พวกเราอาจได้เห็น ได้ชิมวัตถุดิบโลคัลอื่นๆ เช่น ผลไม้หรืออาหารทะเลจากแหล่งต่างๆ ในประเทศไทยอยู่ในเครื่องดื่มอีกเช่นกัน

 

สูตรอาหาร / เครื่องดื่มโดย AI

 

  1. สูตรอาหาร / เครื่องดื่มโดย AI

 

อย่างที่ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ Artificial Intelligence หรือ AI ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นทุกที จนบางครั้งพวกเราก็เริ่มเคยชินกับการพึ่งพาเจ้าสิ่งไม่มีชีวิตที่แสนฉลาดสิ่งนี้ไปแล้ว และเชื่อไหมว่าสิ่งต่อไปที่คนในวงการ F&B (Food & Beverage) จะเริ่มหันมาพึ่ง AI บ้างก็คือการช่วยคิดค้นสูตรอาหารและเครื่องดื่มใหม่ๆ…หรือบางทีอาจแปลกๆ เพราะหากให้มนุษย์คิดก็อาจคิดไม่ถึง

 

และถ้าหากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริง เราเชื่อว่าพวกเราจะได้เห็นเมนูสนุกๆ ผุดขึ้นมามากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นเรื่องท้าทายคนในวงการอาหารที่ต้องใช้สมองคิดสูตรอาหารและเครื่องดื่มสู้กับหุ่นยนต์

 

การกินดื่มแบบดีต่อโลก

 

  1. การกินดื่มแบบดีต่อโลก

 

คำว่า ‘ความยั่งยืน’ (Sustainable) ในวงการอาหารและเครื่องดื่มจะเป็นสิ่งที่พวกเราได้ยินกันต่อไปอีกทั้งปี แต่ในปีนี้จะไม่ใช่การใส่ใจเพียงสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว เพราะคนส่วนใหญ่จะเริ่มพูดถึงผลกระทบระดับโลกมากขึ้น ซึ่งฟังแล้วอาจดูไกลตัวไปหน่อยจริงๆ นั่นแหละ ทว่าสิ่งนี้ทำได้ง่ายๆ อย่างเช่นการสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อลดการนำเข้า, การเลือกกินอาหารตามฤดูกาล ทำให้ได้ทั้งรสชาติที่อร่อยและไม่ฝืนธรรมชาติ

 

หรือการสนับสนุนแคมเปญสนุกๆ อย่างเช่น #กินหมดจาน ที่ชวนทุกคนกินอาหารไม่ให้เหลือ เพื่อลดขยะเศษอาหารที่มีอยู่ทุกวัน ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ และสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากหากทุกคนร่วมมือกัน

 

(วัตถุดิบ) น้อย แต่ (ประโยชน์) มาก

 

  1. (วัตถุดิบ) น้อย แต่ (ประโยชน์) มาก

 

หากเป็นเมื่อก่อน คนส่วนใหญ่อาจสนใจเมนูอาหารที่ใส่วัตถุดิบฟูๆ เน้นความเยอะ และรสชาติหลากหลายไว้ก่อน ทว่าตอนนี้หลายคนอาจเริ่มรู้สึกว่าบางวัตถุดิบไม่จำเป็นต้องมี รสชาติก็ยังอร่อยเหมือนเดิม หรือบางอย่างถ้าตัดออกไปแล้วอาจมีประโยชน์เพิ่มขึ้น แถมแคลอรียังลดลงด้วย 

 

ในปี 2025 จึงอาจหมดยุคของเมนูอาหารที่ใส่วัตถุดิบยาวเป็นขบวนรถไฟ เพราะผู้บริโภคจะหันมาเลือกเฉพาะเมนูที่เข้าใจง่าย ใช้วัตถุดิบไม่มาก แต่กินแล้วยังอร่อย หรือเมนูอาหารที่เน้นรสชาติจากธรรมชาติไปเลย ไม่ปรุงแต่งอะไรเพิ่มมากมาย เน้นใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่าง ช่วยดึงรสชาติวัตถุดิบให้อร่อยแทน

 

โปรตีนในรูปแบบขนมและเครื่องดื่ม

 

  1. โปรตีนในรูปแบบขนมและเครื่องดื่ม

 

เชื่อว่าทุกคนคุ้นชินกับอาหารและเครื่องดื่มโปรตีนสูง แต่สิ่งใหม่ที่ทุกคนจะได้เห็นเพิ่มมากขึ้นในอนาคตก็คือโปรตีนที่มาในรูปแบบขนมขบเคี้ยว อาจทำมาจากถั่ว ไข่ขาว หรือเป็นอาหารอบกรอบที่แปะป้ายว่ามีประโยชน์กว่าขนมซองทั่วไป ทำให้คนติดขนมจะต้องหันมาหยิบขนมรูปแบบนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะแก้เหงาปากได้ดี แถมยังมีประโยชน์มากกว่าด้วย

 

แต่สิ่งที่เราว่าน่าสนใจกว่านั้นก็คือ Protein Drink ที่จะมาในรูปแบบใหม่ๆ ให้คนเบื่อเวย์โปรตีนหรืออกไก่ปั่นมีทางเลือกมากขึ้น ซึ่งรูปแบบหนึ่งที่เริ่มฮิตแล้วในตอนนี้ก็คือโซดาหรือสปาร์กลิงโปรตีน

 

บาร์ที่ให้ประสบการณ์มากกว่าเครื่องดื่มแก้วเดียว

 

  1. บาร์ที่ให้ประสบการณ์มากกว่าเครื่องดื่มแก้วเดียว

 

การเสิร์ฟค็อกเทลดีๆ รสชาติอร่อยๆ เพียงหนึ่งแก้วและจบไป อาจไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นักดื่มอยากกลับมาที่บาร์ของคุณอีกในปีนี้ เพราะสิ่งที่พวกเขาเหล่านี้จะมองหาคือ ‘ประสบการณ์การดื่ม’ ที่ทำให้พวกเขารู้สึกคุ้มค่าที่ได้มานั่งใช้เงินและเวลาในบาร์เพื่อจิบค็อกเทลสักแก้ว 

 

ซึ่งนั่นอาจหมายถึงทั้งบรรยากาศ ผู้คน เสียงเพลง หรือการดูแลเอาใจใส่ (Hospitality) ที่ทำให้คุณแตกต่างจากบาร์อื่นๆ อย่างเช่น G.O.D BAR ที่มีค็อกเทลแพริ่งกับอูนิ, Dry Wave Cocktail Studio ที่วาง Journey ของรสชาติให้เลือกง่ายขึ้นด้วยลายเส้นคลื่น หรือ Buddha & Pals บาร์แจ๊สที่คนชอบฟังเพลงนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ และไม่เคยหายไปจากกระแสบาร์ดีมีดนตรีสดเจ๋งๆ เลย

 

ฉะนั้น บาร์เทนเดอร์ที่สามารถเสิร์ฟประสบการณ์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับค็อกเทลดีๆ จะทำให้นักดื่มอยากกลับมานั่งที่บาร์ของคุณซ้ำๆ ได้อีกแน่นอน 

 

ร้านอาหารไทยได้รับความนิยมมาก

 

  1. ร้านอาหารไทยได้รับความนิยมมาก

 

ปีนี้เป็นปีทองของวงการอาหารไทยเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเวทีเล็กหรือใหญ่ ระดับเอเชียหรือระดับโลก ทุกคนจะได้เห็นรายชื่อร้านอาหารจากประเทศไทยติดอันดับอยู่ด้วยทั้งนั้น ซึ่งหนึ่งในร้านที่ฉายแสงให้กับอาหารไทยมากที่สุดในปีนี้ก็คือ ‘Sorn ศรณ์’ ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งที่คว้ารางวัล 3 ดาวมิชลินมาได้เป็นแห่งแรกของโลก ทำให้ตอนนี้ไม่ว่านักชิมคนไหนต่างก็ต้องอยากเดินทางมาลิ้มลองรสชาติอาหารไทยให้ถึงที่

 

หรืออย่างเวที Asia’s 50 Best Restaurants 2024 ก็มีร้านอาหารไทยติดอันดับอยู่หลายแห่งเช่นกัน ได้แก่ Nusara (อันดับ 6), Sorn (อันดับ 11), Le Du (อันดับ 12), Samrub Samrub Thai (อันดับ 29) และ Baan Tepa (อันดับ 42)

 

งานนี้เราเชื่อว่าตลอดทั้งปี 2025 ร้านอาหารไทยจะต้องเป็นที่นิยมมากขึ้น ทั้งในหมู่คนไทยเอง และคนต่างชาติก็ต้องอยากรู้จักอาหารไทยใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแน่นอน

 

มัทฉะ

 

  1. มัทฉะกลายเป็นงานอดิเรกยอดนิยม

 

ถ้าหากเปรียบมัทฉะเป็นคน ก็คงเป็นคนหน้าตาดีที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เพราะปีนี้มัทฉะจะกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยเฉพาะหลายคนที่จะหันมาชงมัทฉะเป็นงานอดิเรก อาจเพราะได้ใช้สมาธิไม่แพ้การดริปกาแฟ ทว่าขั้นตอนน้อยกว่า แถมอุปกรณ์ชงมัทฉะยังสวยเก๋ วางเป็นพร็อพตกแต่งในครัวก็ได้ และยังน่าซื้อเพิ่มเรื่อยๆ ไม่แพ้กันด้วย

 

และสิ่งที่จะทำให้มัทฉะกลายเป็นไอเท็มประจำบ้านก็อาจเพราะหลายคนต้องการคาเฟอีนแบบนุ่มนวล ไม่จิบแล้วใจเต้นแรงเท่ากาแฟ เน้นดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่ายาวๆ ตลอดทั้งวันให้สมกับการเป็นคนชอบใช้ชีวิตแอ็กทีฟ

 

อ้างอิง:

The post 10 Food Trends in 2025 เทรนด์อาหารที่เราคิดว่า ‘มันต้องมาแรง!’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Eat-fluencer เทรนด์การกินที่สุดของคนไทยในปี 2024 ที่ชุบชีวิตเมนูเก่าเขย่าเมนูธรรมดา ดันยอด ‘ชาชีส-เค้กกล้วยหอม-ไข่พะโล้’ พุ่งกระฉูด https://thestandard.co/line-man-eat-fluencer/ Sat, 21 Dec 2024 05:47:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1022054 Eat-fluencer

LINE MAN แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย สรุปเทรนด์การ […]

The post Eat-fluencer เทรนด์การกินที่สุดของคนไทยในปี 2024 ที่ชุบชีวิตเมนูเก่าเขย่าเมนูธรรมดา ดันยอด ‘ชาชีส-เค้กกล้วยหอม-ไข่พะโล้’ พุ่งกระฉูด appeared first on THE STANDARD.

]]>
Eat-fluencer

LINE MAN แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย สรุปเทรนด์การกินของคนไทยแห่งปี 2024 จากฐานข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคน และร้านอาหารกว่า 5 แสนร้าน ยกให้ปีนี้เป็น ‘ปีแห่ง Eat-fluencer’ ที่อินฟลูเอ็นเซอร์ ‘ปลุกเมนูเก่าเขย่าเมนูธรรมดา’ ให้กลับมาฮิตอีกครั้ง ดันยอดออร์เดอร์ ‘ชาชีส-เค้กกล้วยหอม-ไข่พะโล้-ขนมไข่-ข้าวมันไก่-ข้าวขาหมู’ พุ่งจนกลายเป็นเมนูไวรัลแห่งปี

 

เมนูไวรัลแห่งปี! Eat-fluencer แจ้งเกิดเมนูใหม่ ชุบชีวิตเมนูเก่า

 

LINE MAN เผยว่า พฤติกรรมคนไทยคือการกินตามเทรนด์ ซึ่งปีนี้เห็นได้ว่ากระแสในโลกโซเชียลและอินฟลูเอ็นเซอร์มีบทบาทสำคัญในการแจ้งเกิดให้กับเมนูอาหาร โดย Top 6 เมนูไวรัลสุดปังแห่งปีที่มียอดออร์เดอร์เติบโตสูงที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ ‘ชาชีส’ ที่ยอดออร์เดอร์บน LINE MAN เติบโตขึ้นถึง 7 เท่า อีกทั้งจำนวนร้านชาชีสบน LINE MAN เพิ่มขึ้นกว่า 4,000 ร้านทั่วประเทศ โดยร้านติดท็อปขายดีที่สุดทั่วประเทศ ได้แก่ ร้าน OWL CHA, BEARHOUSE และ Nose Tea ที่สั่งได้เฉพาะบน LINE MAN ด้วยเช่นกัน

ต่อมาในอันดับ 2 เค้กกล้วยหอม ที่ปลุกกระแสโดยร้าน Bonnana ที่เจ้าของคืออินฟลูเอ็นเซอร์สายกินชื่อดังอย่าง บิว วราภรณ์ จากกระแสนี้ทำให้มีร้านอาหารที่เพิ่มเมนูเค้กกล้วยหอมกว่า 2,000 ร้าน ส่งผลให้ยอดออร์เดอร์เค้กกล้วยหอมทั่วประเทศเติบโต 115%

เมนู ขนมไข่ ขนมย้อนวัยที่กินกันตอนเด็กๆ ถูกปลุกกระแสให้กลับมาอีกครั้งจากขนมไข่ไส้เนย ต้นตำรับจังหวัดสงขลา ฮิตกินกันทั่วบ้านทั่วเมือง มียอดสั่งเติบโตถึง 50% หนึ่งในร้านบน LINE MAN คือร้านรุน ขนมไข่สงขลา

 

เช่นเดียวกับ หมูเด้ง โกลบอลซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่สร้างกระแสอาหารสุดแปลกกับคนไทยที่มองน้องแล้วนึกถึงข้าวขาหมู จนทำให้มียอดค้นหาบน LINE MAN เพิ่มขึ้น 50 % พุ่งแรงแซงเมนูฮิตอย่าง ชาบู-ซูชิ เป็นประวัติการณ์ 

 

นอกจากนี้ เมนูเบสิกคู่คนไทย ข้าวมันไก่ ก็กลับขึ้นมาอยู่ในลิสต์เมนูมาแรงได้อีกครั้ง หลังจากเจ้าแม่แห่งวงการร้านอาหาร ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ แห่ง iberry Group เปิดร้านอาหารแห่งใหม่ ข้าวมันไก่โต๊ะคิม ยกระดับข้าวมันไก่จานธรรมดาให้อร่อยแบบไม่ธรรมดา บวกกับร้านข้าวมันไก่ระดับพรีเมียมเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านหมึกมันไก่ ร้านบุญตงเกียรติ และ ร้าน FEI JI (เฟ๋ย จี) ข้าวมันไก่สไตล์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นร้านที่สั่งได้เฉพาะบน LINE MAN จนมียอดสั่งข้าวมันไก่ภาพรวมทั่วประเทศเติบโตกว่า 23%

 

ทิ้งท้ายด้วย ไข่พะโล้ เมนูบ้านๆ ที่ถูกชุบชีวิตโดย เอ ศุภชัย ช่วยดันยอดขายร้านข้าวแกงเติบโตแรงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ยอดออร์เดอร์เมนูไข่พะโล้บน LINE MAN โตขึ้นกว่า 2 เท่า ในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือนช่วงที่มีกระแส (ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน 2567) ต้องยกให้ เอ ศุภชัย เป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านการสร้างกระแสเมนูไวรัลแห่งปี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 เมนูอาหารของพี่เอสร้างการมีส่วนร่วมบนโลกโซเชียลไปแล้วกว่า 24 ล้านครั้ง

 

‘ไก่ทอด’ ขึ้นแท่นเมนูขายดีที่สุดแห่งปี


ไก่ทอด ขึ้นแท่นเป็นเมนูอาหารที่มียอดสั่งสูงที่สุดบน LINE MAN เสิร์ฟไปแล้วกว่า 21 ล้านชิ้น เทียบเท่าการเสิร์ฟให้กับคน 1 ใน 3 ของทั้งประเทศ ตามมาด้วย ตำปูปลาร้า, ข้าวกะเพราหมูสับ/หมูกรอบ, ข้าวมันไก่ และตำป่า ตามลำดับ เมื่อเจาะลึกที่เมนูไก่ทอด พบว่าไก่ทอดอเมริกัน อย่าง KFC หรือ McDonald’s เป็นเมนูไก่ทอดที่เติบโตสูงสุดถึง 90% ตามมาติดๆ ด้วย ไก่ทอดญี่ปุ่น เช่น ปีกไก่ทอดยามะจังจากร้าน Sekai No Yamachan และไก่ทอดเกาหลี

ด้านเมนูหมวดเครื่องดื่มที่มียอดสั่งสูงสุดในปี 2024 อันดับ 1 ได้แก่ กาแฟดำ ตามมาด้วย ชาเขียวนม, เอสเพรสโซ, ชานม และชาไทย ตามลำดับ โดย ‘ชาเขียวนม’ เป็นเมนูชายอดนิยม และ ‘ชาไทย’ ที่เป็นเมนูเครื่องดื่มที่เติบโตแรงที่สุดในปีนี้ ซึ่งจะเห็นว่าร้านเครื่องดื่มและคาเฟ่ต่างพัฒนาเมนูชาไทยให้มีความหลากหลาย เช่น ชาไทยไข่มุก, ชาไทยลาเต้, ชาไทยปั่น หรือแม้กระทั่งชาไทยน้ำช่อดอกมะพร้าว โดยกระแสความนิยมของชาไทยจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในปีนี้กำลังส่งสัญญาณว่าปีหน้าอาจจะกลายเป็นเมนูเครื่องดื่มแห่งปี



สำหรับท็อปสินค้าขายดีบน LINE MAN MART

 

ต้นหอม, ผักชี, พริก และชุดเครื่องต้มยำ ติดอันดับสินค้าขายดีแห่งปี สอดคล้องกับกระแสการทำอาหารไทยที่บ้านที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เทรนด์ Pet Parent หรือการเลี้ยงสัตว์เป็นสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้สินค้ากลุ่มสัตว์เลี้ยงเติบโตตามไปด้วย โดย ทรายแมว กลายเป็นสินค้าสัตว์เลี้ยงที่มียอดออร์เดอร์สูงสุด ตามมาด้วยอาหารแมว, อาหารสุนัข, อาหารหนู และอาหารเม่นแคระ แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์ของคนไทยมีการเติบโตอย่างชัดเจน

 

The post Eat-fluencer เทรนด์การกินที่สุดของคนไทยในปี 2024 ที่ชุบชีวิตเมนูเก่าเขย่าเมนูธรรมดา ดันยอด ‘ชาชีส-เค้กกล้วยหอม-ไข่พะโล้’ พุ่งกระฉูด appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ ชวนกิน ‘ต้มยำกุ้ง’ หลัง UNESCO ยกเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ มั่นใจเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ไทย https://thestandard.co/unesco-tom-yum-kung-thai-soft-power/ Wed, 04 Dec 2024 00:51:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1015707 ต้มยำกุ้ง UNESCO

วันนี้ (4 ธันวาคม) เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย คณะกร […]

The post นายกฯ ชวนกิน ‘ต้มยำกุ้ง’ หลัง UNESCO ยกเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ มั่นใจเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ต้มยำกุ้ง UNESCO

วันนี้ (4 ธันวาคม) เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนการรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 (The 19th Session of the Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) ประกาศขึ้นทะเบียน ‘ต้มยำกุ้ง’ เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (The Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) 

 

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีผ่านระบบวีดิทัศน์ว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติในโอกาสพิเศษนี้ ในนามของรัฐบาลไทยและคนไทยทั้งประเทศ ขอขอบคุณสาธารณรัฐปารากวัยสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในครั้งนี้ รวมถึงคณะกรรมการที่ขึ้นทะเบียนให้ต้มยำกุ้งเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ 

 

การขึ้นทะเบียนต้มยำกุ้งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ในการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ต้มยำกุ้งของไทยเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ มีต้นกำเนิดจากภูมิปัญญาและวิถีปฏิบัติอันประณีตของชุมชนริมน้ำในภาคกลางของไทย สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นในทุกระดับของสังคม ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว ชุมชน โรงเรียน และร้านอาหาร จนกลายมาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ต้มยำกุ้งจึงเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีถึงมรดกทางวัฒนธรรม เป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ไทย 

 

“อาหารไทยจานนี้ยังสะท้อนถึงความเข้าใจในการใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องร่วมกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้งอีกด้วย ทั้งการใช้สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การเพาะเลี้ยงกุ้งน้ำจืด การอนุรักษ์น้ำ ดิน และอากาศ การคัดเลือกและเตรียมวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน และท้ายสุดคือศิลปะการปรุงอาหารไทยที่ผสมผสานรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการอย่างลงตัว”

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ความรู้และแนวปฏิบัติเหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างความมั่นคงด้านอาหาร สุขภาพ และความอยู่ดีกินดีของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และความสมานฉันท์ในสังคมอีกด้วย ประเทศไทยจึงมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (Intangible Cultural Heritage: ICH) ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติอย่างเต็มที่ และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อรักษา (Safeguard) ICH ในฐานะทรัพยากรเพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืนในทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวเชิญให้ทุกท่านร่วมลิ้มลองต้มยำกุ้งที่ร้านอาหารไทยทั่วโลก หรือค้นหาสูตรอาหารออนไลน์เพื่อทดลองทำต้มยำกุ้งเองที่บ้าน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางอันแสนอร่อยและเต็มไปด้วยรสชาตินี้ด้วยกัน

The post นายกฯ ชวนกิน ‘ต้มยำกุ้ง’ หลัง UNESCO ยกเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ มั่นใจเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘อาหาร’ ถือเป็นหนึ่งใน Soft Power และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนการเติบโตให้เศรษฐกิจไทย https://thestandard.co/market-focus-food-5/ Tue, 03 Dec 2024 09:06:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1015518 อาหาร

‘อาหาร’ ถือเป็นหนึ่งใน Soft Power และอุตสาหกรรมเป้าหมาย […]

The post ‘อาหาร’ ถือเป็นหนึ่งใน Soft Power และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนการเติบโตให้เศรษฐกิจไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
อาหาร

‘อาหาร’ ถือเป็นหนึ่งใน Soft Power และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงในการสร้างโอกาสการเติบโตและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับไทย เพราะนอกจากอาหารไทยจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลกมาอย่างยาวนานแล้ว ประเทศไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของวัตถุดิบ มาตรฐานการผลิตซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งยังมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่แข็งแกร่งและครบวงจรอีกด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนที่ดีในการสนับสนุนและต่อยอดการขับเคลื่อนและส่งออก Soft Power ด้านอาหารของไทย

 

การผลักดันยุทธศาสตร์ Soft Power ด้านอาหาร

 

ทั้งนี้ กลไกในการผลักดันยุทธศาสตร์ Soft Power ด้านอาหารสามารถทำได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการสอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ผ่านสื่อบันเทิงต่างๆ เช่น ละคร ซีรีส์ ภาพยนตร์ รวมทั้งการเผยแพร่ผ่านผลงานศิลปะและดนตรี หรือแม้แต่การโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงเข้ากับประเพณี วิถีวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น และกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อผู้เล่นที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิตอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ยังทำให้ภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย ซึ่งกลไกการผลักดันเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

 

 

การสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Soft Power

 

ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่ากุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จคือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อและสนับสนุนต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านนี้ เพื่อติดอาวุธและสร้างความได้เปรียบให้กับผู้ประกอบการไทย โดยมีสิ่งสำคัญที่ประกอบด้วย

  • การพัฒนาคน ด้วยการยกระดับศักยภาพของคนไทยให้เปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำเป็นแรงงานทักษะสูง รวมถึงการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะความรู้ความสามารถเชิงสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทาง
  • การจัดตั้งหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Soft Power ซึ่งปัจจุบันมี THACCA ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการอำนวยความสะดวก ประสานงานกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในไทย เพื่อปลดล็อกศักยภาพ แก้ปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมาย และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหาร
  • การวางยุทธศาสตร์การส่งออกและการตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์ จัดทำแผนและกระบวนการด้านการส่งออกของดีของประเทศไทยให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดปลายทาง

 

SCB EIC มองว่าการผลักดัน Soft Power ด้านอาหารจะมีส่วนช่วยสนับสนุนภาคการผลิตและภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์ ร้านอาหาร โรงเรียนสอนทำอาหาร ร้านของฝากและของที่ระลึก หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเชิงอาหาร และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี ความท้าทายสำคัญคือการสร้างมาตรฐานและกำหนดยุทธศาสตร์

 

การดำเนินงานที่มีความสอดคล้องและมีทิศทางเดียวกันทั้ง Ecosystem รวมถึงการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพื่อตอกย้ำภาพจำที่เด่นชัดกับผู้บริโภคในตลาดโลก

อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่: https://www.scbeic.com/th/detail/product/soft-power-031224?utm_source=Influencer&utm_medium=Link&utm_campaign=INFOCUS_SOFTPOWER_DEC_2024

 

The post ‘อาหาร’ ถือเป็นหนึ่งใน Soft Power และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงในการขับเคลื่อนการเติบโตให้เศรษฐกิจไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ ปาฐกถา​ 3 โอกาสประเทศไทย ‘อาหาร-สุขภาพ-ซอฟต์พาวเวอร์’ ย้ำ​บนเวทีโลก รัฐบาลอยู่ครบเทอม เตรียมแถลงผลงาน 12 ธ.ค. นี้ https://thestandard.co/pm-speech-3-opportunities-food-health-soft-power/ Thu, 21 Nov 2024 05:17:33 +0000 https://thestandard.co/?p=1011061 นายกฯ ปาฐกถา

วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ […]

The post นายกฯ ปาฐกถา​ 3 โอกาสประเทศไทย ‘อาหาร-สุขภาพ-ซอฟต์พาวเวอร์’ ย้ำ​บนเวทีโลก รัฐบาลอยู่ครบเทอม เตรียมแถลงผลงาน 12 ธ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ ปาฐกถา

วันนี้ (21 พฤศจิกายน) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี​ เป็นประธานเปิดงานสัมมนา PRACHACHAT THAILAND 2025 โอกาส | ความหวัง | ความจริง และกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘ประเทศไทย: โอกาส-ความหวัง-ความจริง’ โดยมี​ มนพร​ เจริญ​ศรี​ รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวง​คมนาคม​ ร่วมคณะ

 

นายก​ฯ กล่าวปาฐกถาว่า​โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย และกลับมาจากเปรู ได้คุยกับผู้นำทั่วโลก​ ซึ่งรัฐบาลมองเห็น​ ‘โอกาสที่จับต้องได้’ รัฐบาลเชื่อมั่นมาตลอดว่าคนไทยมีศักยภาพ รัฐบาลจึงตั้งเป้าหมายว่าจะต้องกระจายโอกาสโดยเฉพาะทางเศรษฐกิจไปให้ถึงประชาชนทุกคนอย่างเท่ากันทั้งประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาความยากจนให้สำเร็จภายใต้ข้อจำกัดที่มี ทำงานกันอย่างเต็มที่​ ไม่ใช่เพียงวิธีเดียว​ และสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องการทำคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ เพราะหากท้องอิ่มศักยภาพก็จะถูกผลักดันออกมา ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ มีแรงที่จะผลักดันประเทศ​ และลดความเหลื่อมล้ำ

 

สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุไว้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอยู่ที่ 2.7 ซึ่งอยู่ในช่วงฟื้นตัว ในไตรมาส 3 ปีนี้อยู่ที่ 3%​ โดยรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวที่ยอดนักท่องเที่ยวเพิ่มมากกว่า 28% จากปีที่แล้ว คาดว่าในปีนี้จะมียอดนักท่องเที่ยวสูงถึง 36 ล้านคน​ และภาคการท่องเที่ยวของเรากำลังกลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์นี้เกิดจากนโยบายด้านการท่องเที่ยว ฟรีวีซ่า การพัฒนาการบริการของสนามบิน และนโยบาย Festival Country ที่ทำต่อเนื่อง

 

ในระหว่างเยือนต่างประเทศได้แลกเปลี่ยนกับผู้นำระหว่างประเทศ ซึ่งตนพยายามย้ำว่าสถานการณ์ทางการเมืองมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น นักธุรกิจต่างชาติก็จะมั่นใจ ตนมีหน้าที่ เคยบอกทุกคนให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะอยู่จนครบเทอม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และสิ่งที่ เศรษฐา​ ทวีสิน​ อดีตนายกฯ เคยไปบอกทั่วโลก ตนก็จะสานต่อ

 

ทั้งนี้ สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา หลังโดนัลด์​ ทรัมป์​ ชนะการเลือกตั้ง​ ซึ่งทรัมป์มีนโยบายพุ่งเป้าไปยังประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ทั้งจีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น รวมถึงไทยด้วย ประเทศเหล่านี้จะได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าอย่างแน่นอน

 

นายกฯ ยังเน้นย้ำ​ถึงโอกาสของประเทศ​ซึ่งมีอยู่ 3 ทาง​ ประกอบด้วย โอกาสในอาหาร​ ที่จะต้องพัฒนาแบบภาพรวมผ่านการใช้เทคโนโลยีเพื่อยืดความสดและปลอดภัยของอาหาร​ และพยายามฟื้นครัวไทยสู่ครัวโลก ​การขายอาหารสำเร็จรูปทั้งสมุนไพรและเครื่องปรุง​ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของเชฟผ่านโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย​

 

โอกาสในสุขภาพ หรือ Wellness อย่างนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่ยกระดับเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ ให้ทุกคนเข้าถึงอย่างง่ายดายและไม่เสียเวลา ซึ่งทั่วโลกยอมรับและต้องการศึกษาว่าจะทำอย่างไรได้บ้างให้มีนโยบายประมาณนี้​ ขณะเดียวกัน หมอในไทยมีศักยภาพสูง ได้รับการยอมรับจากชาวต่างชาติและต้องการเข้ามารักษาในไทย จึงจำเป็นต้องพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ ในส่วนของมวยไทย ที่ยุโรปมีค่ายมวยกว่า 40,000  แห่งที่ต้องได้รับการพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้ได้รับการรับรองต่อไป​ พร้อมกับส่งเสริมพืชสมุนไพรเพื่อให้เป็นยารักษาโรค เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ

 

รวมถึงโอกาสในอุตสาหกรรมที่สร้างซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งวัฒนธรรมของไทยมีเสน่ห์ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ จึงจำเป็นต้องผูกวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาคเข้าด้วยกันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว พร้อมกับส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย​ เพื่อให้เกิดการขยายการจ้างงานในพื้นที่​ ส่วนภาพยนตร์ของไทยเองก็จะมีการสนับสนุน เนื่องจากปัจจุบันได้รับการชื่นชมจากต่างประเทศ อย่างเรื่อง หลานม่า ขณะเดียวกัน เกมของไทยสามารถเป็นสิ่งอำนวยการผลักดันสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศ

 

ขณะที่เรื่องพลังงาน​และก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย วันหนึ่งก็จะหมดไป​ เนื่องจากคาดว่า 10 ปีก๊าซจะหมด เพราะฉะนั้น MOU 44 ที่เป็นกระแส เราจำเป็นต้องพูดคุยกับกัมพูชาว่าจะแบ่งการใช้ก๊าซธรรมชาติร่วมกันได้อย่างไร จึงต้องแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพูดคุยในเรื่องนี้ และเกาะกูดไม่เกี่ยว ขณะที่พลังงานสะอาดซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกนั้นรัฐบาลยืนยันว่าจะสนับสนุนการใช้โซลาร์เซลล์ให้มากขึ้น

 

นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายว่ารัฐบาลจะแถลงผลงานครบ 90 วันในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ รับรองได้ว่าจะมีนโยบายดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้กับประชาชนด้วย

The post นายกฯ ปาฐกถา​ 3 โอกาสประเทศไทย ‘อาหาร-สุขภาพ-ซอฟต์พาวเวอร์’ ย้ำ​บนเวทีโลก รัฐบาลอยู่ครบเทอม เตรียมแถลงผลงาน 12 ธ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยเล็งเก็บภาษี ‘โซเดียม-ไขมัน’ เผ่าภูมิสั่งกรมสรรพสามิตศึกษา ตั้งเป้าคนไทยลดบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 https://thestandard.co/thailand-considers-sodium-fat-tax/ Tue, 05 Nov 2024 13:34:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1004816

วันนี้ (5 พฤศจิกายน) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว […]

The post ไทยเล็งเก็บภาษี ‘โซเดียม-ไขมัน’ เผ่าภูมิสั่งกรมสรรพสามิตศึกษา ตั้งเป้าคนไทยลดบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (5 พฤศจิกายน) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามอบนโยบายแก่กรมสรรพสามิต โดยสั่งศึกษากลไก ภาษีโซเดียม ในสินค้าบางประเภท รวมทั้ง ภาษีไขมัน เพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคโซเดียมและไขมัน ตั้งเป้าคนไทยลดบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 สำหรับนโยบายอื่นๆ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

 

  1. ยานยนต์: ใช้กลไกภาษีกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งระบบ โดยเฉพาะการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งมีห่วงโซ่อุปทานเชื่อมจากอุตสาหกรรมขนาดเล็กถึงใหญ่ รวมถึงการจ้างงาน โดยใช้ภาษีสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนผลิต PHEV, BEV และ FCEV ให้เพิ่มขึ้นในประเทศ แต่ยังคงรักษาฐานการผลิตรถยนต์ ICE และ HEV ไว้อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องกำหนดเวลาชัดเจน และให้แนวทางว่ากรมสรรพสามิตสามารถสูญเสียรายได้ในระยะสั้น เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในระยะยาว ซึ่งเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจของประเทศได้

 

  1. น้ำมัน: กำหนดกลไกราคาคาร์บอนในภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 6 ประเภท ซึ่งไทยจะเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียน โดยคำนวณจากค่าสัมประสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเบื้องต้นกำหนดราคาคาร์บอนที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือกระบวนการผลิตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ โดยต้องไม่ให้กระทบต่อราคาพลังงาน

 

  1. สุขภาพของประชาชน: ใช้กลไกภาษีเพื่อสนับสนุนการแพทย์เชิงป้องกัน ลดการบริโภคอาหารที่เป็นโทษต่อสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี ลดภาระงบประมาณด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยดำเนินการจัดเก็บภาษีความหวานแบบผสมต่อเนื่อง และเข้าสู่เฟส 4 ตามกำหนดเวลา

 

นอกจากนี้ ยังให้กรมสรรพสามิตศึกษาพิจารณากลไกภาษีโซเดียมในสินค้าบางประเภทที่ไม่อยู่ในสินค้าควบคุม รวมทั้งภาษีไขมัน เพื่อปรับพฤติกรรมการบริโภคโซเดียมและไขมัน ตั้งเป้าคนไทยลดการบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 ทั้งนี้ ต้องมีระยะเวลาก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ให้ผู้ประกอบการปรับตัว

 

  1. แบตเตอรี่: ให้ศึกษาพิจารณาเปลี่ยนจากอัตราคงที่ 8% เป็นอัตราแบบขั้นบันได โดยคำนึงถึงปัจจัย Life Cycle และค่าพลังงานจำเพาะต่อน้ำหนัก รวมถึงชนิดของแบตเตอรี่ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมแบตเตอรี่สะอาด อุตสาหกรรมรถยนต์ EV

 

  1. บุหรี่: ให้จัดเก็บภาษีแบบผสม โดยพิจารณาและศึกษาความเหมาะสมในการปรับปรุงโครงสร้างภาษีบุหรี่แบบอัตราเดียว (Single Rate) เพื่อลดการบิดเบือนกลไกราคา โดยให้พิจารณาปัจจัยความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ และสนับสนุนผู้เพาะปลูกใบยาสูบในประเทศด้วย รวมทั้งดำเนินการระบบตรวจติดตามบุหรี่โดยใช้ระบบ QR Code ในบุหรี่ เพื่อป้องกันบุหรี่เถื่อนทั้งระบบ พร้อมทั้งให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษีและแหล่งที่มาของบุหรี่ เพื่อมั่นใจได้ว่าเป็นบุหรี่ที่ได้มาตรฐานและตรวจสอบโดยกรมสรรพสามิต

 

ดร.เผ่าภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานของกรมสรรพสามิตปีงบประมาณ 2567 (เดือนตุลาคม 2566 – กันยายน 2567) สะท้อนถึงประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่สูงกว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนั้นยังสะท้อนถึงการใช้จ่ายในประเทศที่ดีขึ้นตามการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากภาษีสรรพสามิตที่เก็บจากสินค้าและบริการในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ภาษีเครื่องดื่ม ขยายตัวสูงถึง 8% ภาษีกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ (ไนต์คลับและดิสโก้เธค) และภาษีสนามกอล์ฟ จัดเก็บได้เพิ่มขึ้น 31.3% และ 12.4% ตามลำดับ สำหรับการจัดเก็บภาษีแบตเตอรี่สูงขึ้นกว่าปีก่อน 15.6% ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่มีการเติบโตขึ้น ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีได้ 523,676 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 จากปีก่อน

 

นอกจากนี้ ด้านการปราบปรามนั้น ผลการปราบปรามเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 33,359 คดี สูงกว่าปีก่อนร้อยละ 28.1 เงินค่าปรับนำส่งคลังจำนวน 690.75 ล้านบาท โดยเกิดจากการที่กรมสรรพสามิตยกระดับการทำงานเชิงรุกในด้านการปราบปรามทั้งระบบ ทั้งศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานสืบค้นในทุกช่องทาง

 

รวมถึงการบูรณาการความร่วมมือในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในและหน่วยงานภายนอกองค์กร เพื่อจับกุมขบวนการผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้สินค้าหนีภาษีหลุดลอด เพราะอาจเป็นสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย จนส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริต และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

 

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมสรรพสามิตพร้อมขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการทางภาษีดังกล่าว ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตให้ความสำคัญในการดำเนินมาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และดูแลพี่น้องประชาชน

 

รวมถึงการเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ด้วยการเดินหน้านโยบายที่สนับสนุนสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG เพื่อให้การดำเนินงานของกรมฯ สอดรับกับบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพเศรษฐกิจและสังคม การปรับตัวที่รวดเร็วของเทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยนำกลยุทธ์ EASE Excise มายกระดับการทำงานทั้งระบบ เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ตามยุทธศาสตร์ของกรมสรรพสามิต ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล สร้างมาตรฐานสากล เพื่อเดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืนสืบไป

The post ไทยเล็งเก็บภาษี ‘โซเดียม-ไขมัน’ เผ่าภูมิสั่งกรมสรรพสามิตศึกษา ตั้งเป้าคนไทยลดบริโภคเค็มลง 30% ภายในปี 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหารและครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนา https://thestandard.co/taylor-swift-donates-75000-meals-louisiana/ Sun, 03 Nov 2024 02:58:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1003279 Taylor Swift

Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหาร S […]

The post Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหารและครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนา appeared first on THE STANDARD.

]]>
Taylor Swift

Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหาร Second Harvest Food Bank – Feeding South Louisiana เพื่อนำไปช่วยเหลือครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนา ระหว่างที่เธอกำลังทัวร์คอนเสิร์ต The Eras Tour

 

หลังจากบริจาค ธนาคารอาหารก็โพสต์ผ่านอินสตาแกรมเพื่อแสดงความขอบคุณว่า “เมื่อความเมตตาเดินทางมาบรรจบกับการกระทำ เวทมนตร์ก็เกิดขึ้น วันนี้พวกเราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า Taylor Swift ช่วยเติมเต็มเชื้อเพลิงในภารกิจการยุติความหิวโหย ด้วยการบริจาคมื้ออาหาร 75,000 มื้อสำหรับครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนาทางใต้ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เช่นนี้เตือนใจเราว่า การสร้างความแตกต่างเกิดขึ้นได้เมื่อเราทำงานกับคนที่ใส่ใจอย่างแท้จริง”

 

ก่อนหน้านี้ Taylor Swift เคยบริจาคให้กับธนาคารอาหารในหลายๆ เมืองก่อนการทัวร์คอนเสิร์ต The Eras Tour ไม่ว่าจะเป็นเกลนเดล รัฐแอริโซนา หรือลาสเวกัส ส่วนปีที่แล้วเธอก็เคยบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลในเทนเนสซี หลังจากพวกเขาเผชิญหน้ากับความเสียหายจากพายุทอร์นาโด 

 

และในช่วงเดือนที่ผ่านมา เธอเพิ่งบริจาคเงิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กร Feeding America เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเฮอริเคนที่พัดถล่มติดต่อกัน 2 ครั้งในสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: Erika Goldring/TAS24/Getty Images for TAS Rights Management

อ้างอิง:

The post Taylor Swift บริจาคอาหาร 75,000 มื้อให้กับธนาคารอาหารและครอบครัวที่ขาดแคลนในลุยเซียนา appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ลิสบอน’ ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรป https://thestandard.co/life/lisbon-best-food-city-europe Mon, 21 Oct 2024 02:16:55 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=998270 ลิสบอน

เราอาจคุ้นเคยกับอาหารอิตาเลียนหรือฝรั่งเศส และคิดว่าเมื […]

The post ‘ลิสบอน’ ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรป appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลิสบอน

เราอาจคุ้นเคยกับอาหารอิตาเลียนหรือฝรั่งเศส และคิดว่าเมืองในประเทศดังกล่าวน่าจะเป็นเมืองด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรป แต่ผลจากรางวัล World Culinary Awards 2024 เผยว่า ‘ลิสบอน’ ประเทศโปรตุเกส คือจุดหมายปลายทางด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรปในปีนี้

 

ใครที่เคยแวะไปลิสบอนคงรู้ว่ายามเช้าตรู่มักเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของวานิลลาและเนยจากร้านขนมปังริมทางซึ่งพากันอบขนมปังหลากชนิด รวมถึงทาร์ตไข่ ขนมขึ้นชื่อประจำชาติด้วย ลิสบอนไม่เพียงแต่โด่งดังด้านวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมอันสวยงาม แต่ยังเป็นแหล่งของกินชั้นยอดของเหล่านักเดินทางผู้ชื่นชอบด้านอาหารด้วย

 

โดย World Culinary Awards ประจำปี 2024 ลิสบอนคว้าตำแหน่ง ‘Europe’s Best Culinary City Destination 2024’ หรือจุดหมายปลายทางด้านอาหารยอดเยี่ยมของยุโรปประจำปี 2024 ไปครอง เอาชนะคู่แข่งที่ถูกเสนอชื่อพร้อมกันอย่าง ปารีส, เวียนนา, บาร์เซโลนา, ฟลอเรนซ์, โคเปนเฮเกน และลอนดอน

 

วงการอาหารของลิสบอนโดดเด่นหลายอย่าง ทั้งเรื่องความหลากหลายและคุณภาพ ที่นี่มีร้านอาหารระดับมิชลิน 1 และ 2 ดาว จำนวน 17 แห่ง มีร้านติดหนึ่งในลิสต์ The World’s 50 Best Restaurants และ 50 Best Discovery นั่นยังไม่รวมร้านกาแฟและเบเกอรีที่ได้รับการยอมรับจาก Food & Wine ในรางวัล Global Tastemakers Awards 2024

 

สำหรับ World Culinary Awards เป็นงานประกาศรางวัลที่สนับสนุนและตอบแทนผู้คนในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารให้มีแรงใจในการพัฒนา ปรับปรุง และยกระดับ โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 5 แล้ว ใครที่อยากดูลิสต์รายชื่อผู้ชนะ สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ worldculinaryawards.com/winners/2024

 

ภาพ: Shutterstock

อ้างอิง:

The post ‘ลิสบอน’ ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองด้านอาหารที่ดีที่สุดในยุโรป appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ชัชชาติ’ โชว์ผัดหมี่มหามงคล 10 มังกรสวรรค์ ชวนอิ่มบุญ อิ่มท้อง ที่ประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 https://thestandard.co/chadchart-open-vegetarian-season-yaowarat-2567/ Thu, 03 Oct 2024 13:34:19 +0000 https://thestandard.co/?p=991366 ชัชชาติ

วันนี้ (3 ตุลาคม) ที่บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 ร […]

The post ‘ชัชชาติ’ โชว์ผัดหมี่มหามงคล 10 มังกรสวรรค์ ชวนอิ่มบุญ อิ่มท้อง ที่ประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติ

วันนี้ (3 ตุลาคม) ที่บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ‘ประเพณีงานเจ เยาวราช 2567’

 

ชัชชาติกล่าวว่า ปีนี้นับเป็นปีที่ 3 ที่ได้มาร่วมงานในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เยาวราชเป็นจุดไคลแมกซ์ของกรุงเทพมหานคร งานเจเยาวราชเป็นการแสดงออกถึงอัตลักษณ์และความเข้มแข็งของชุมชน การจัดงานนี้หัวใจสำคัญคือภาคเอกชนที่รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น กรุงเทพมหานครเป็นเพียงผู้สนับสนุน การจัดงานถือเป็นหน้าเป็นตาให้กับเมือง ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันจัดงานนี้อย่างยิ่งใหญ่ ขอให้การจัดงานประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจหวังไว้ เยาวราชยิ่งใหญ่ ยั่งยืน ตลอดไป

 

สำหรับประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 กำหนดจัดขึ้นเป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 2-11 ตุลาคม 2567 ภายใต้แนวคิด 72 พรรษามหามงคล เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา พร้อมร่วมดำรงไว้ซึ่งประเพณีงานเจเยาวราชที่จัดขึ้นอย่างสมเกียรติและยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี

 

คณะกรรมการจัดงานได้จัดให้มีการทำอาหารเจมงคลกระทะใหญ่ ‘ผัดหมี่มหามงคล 10 มังกรสวรรค์’ โดยมาสเตอร์เชฟจากโรงแรมแกรนด์ ไชน่า เยาวราช แจกฟรีให้ผู้ร่วมงานจำนวน 1,110 จาน ในพิธีเปิดงาน มีพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งขบวนแห่รถบุปผชาติองค์สมมติพระโพธิสัตว์กวนอิม ขบวนสิงโต มังกร ขบวนจากผู้สนับสนุน และขบวนอื่นๆ อีกมากมาย การจำหน่ายอาหารเจคุณภาพเลิศรสจากผู้ประกอบการกว่า 100 ร้านค้า เรียงรายเต็มพื้นที่ 2 ฟากฝั่งถนนเยาวราช ตลอดการจัดงาน 10 วัน 10 คืน 

 

ทั้งนี้ ประเพณีงานเจ เยาวราช จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2548 จากแรงบันดาลใจและความศรัทธาของคนไทยเชื้อสายจีนในย่านเยาวราช ที่ร่วมสืบทอดกันมาหลายยุคหลายสมัย ด้วยการงดเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ สร้างกุศล และสร้างเสริมสุขภาพ ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่เกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งพ่อค้า, ประชาชน, ชุมชน, ผู้ประกอบการภัตตาคาร, ร้านอาหาร และกลุ่มผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงานเป็นประจำทุกปี จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลงานเจกรุงเทพฯ ที่ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลเป็นจำนวนมาก

 

ในวันนี้เวลา 18.00-20.00 น. มีขบวนแห่รถบุปผชาติองค์สมมติพระโพธิสัตว์กวนอิม ขบวนสิงโต มังกร ขบวนจากผู้สนับสนุน ที่พร้อมใจกันพาเหรดเพื่อประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 อย่างสนุกสนาน

 

ส่วนวันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00-20.00 น. ขบวนแห่กระทงสะเดาะเคราะห์ และวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567 เวลา 23.00-00.00 น. พิธีแห่อัญเชิญเทพเจ้า ‘กิวอ๋อง ฮุกโจ้ว เต้าบ้อเนี้ย น่ำซิ้ง ปั๊กเต้าแชกุง’ บนเกี้ยว ตั้งแต่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ เยาวราช และสิ้นสุดที่วัดโลกานุเคราะห์

 

ชัชชาติ ชัชชาติ ชัชชาติ

The post ‘ชัชชาติ’ โชว์ผัดหมี่มหามงคล 10 มังกรสวรรค์ ชวนอิ่มบุญ อิ่มท้อง ที่ประเพณีงานเจ เยาวราช 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
กินเจตลาดน้อยไม่คึกคัก ผู้ค้าแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่ม แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาอาหาร เพราะกลัวคนไม่ซื้อ https://thestandard.co/talat-noi-vegetarian-food-low-season/ Thu, 03 Oct 2024 10:48:20 +0000 https://thestandard.co/?p=991203 ตลาดน้อย

วันนี้ (3 ตุลาคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำร […]

The post กินเจตลาดน้อยไม่คึกคัก ผู้ค้าแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่ม แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาอาหาร เพราะกลัวคนไม่ซื้อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตลาดน้อย

วันนี้ (3 ตุลาคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจการค้าขายในช่วงเทศกาลกินเจที่ ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร พบว่า บรรยากาศในภาพรวมไม่คึกคักเท่าปี 2566 

 

จากการพูดคุยกับผู้ค้าหลายรายต่างสะท้อนว่า ปีนี้ราคาวัตถุดิบขยับเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ร้านตัดสินใจไม่ขึ้นราคาอาหาร เนื่องจากเล็งเห็นว่าสภาพเศรษฐกิจไม่ได้ดีมาก จึงกังวลว่าคนจะไม่เลือกซื้อ และเลือกที่จะตรึงราคาเดิม พร้อมแบกรับต้นทุนที่เพิ่มแทน

 

โดยตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนมากที่มาเดินจับจ่ายเป็นชาวไทยวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเน้นมาถ่ายภาพมากกว่าเลือกซื้อของ ผู้ค้าระบุต่อว่า ด้วยเป็นวันแรกของการกินเจเต็มรูปแบบ มองว่าหลายคนอาจยังไม่เริ่มจริงจัง จึงหวังว่าวันต่อจากนี้จะมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น

 

สำหรับเทศกาลกินเจประจำปี 2567 เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 3 – วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2567 รวม 9 วัน

 

The post กินเจตลาดน้อยไม่คึกคัก ผู้ค้าแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่ม แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาอาหาร เพราะกลัวคนไม่ซื้อ appeared first on THE STANDARD.

]]>