หุ้น XPG – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 17 Aug 2021 10:47:23 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘XPG’ เดินหน้ายกระดับบริการขึ้นเป็น Digital Financial Service ลุ้นรับไลเซนส์เพิ่ม 4 ใบสิ้นปีนี้ เพื่อต่อยอดบริการและสร้างแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมโลกการลงทุน https://thestandard.co/xpg-upgrade-to-digital-financial-service/ Tue, 17 Aug 2021 10:46:47 +0000 https://thestandard.co/?p=526076 XPG

บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล หรือ XPG ประกาศแผนธุรกิจหลังปร […]

The post ‘XPG’ เดินหน้ายกระดับบริการขึ้นเป็น Digital Financial Service ลุ้นรับไลเซนส์เพิ่ม 4 ใบสิ้นปีนี้ เพื่อต่อยอดบริการและสร้างแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมโลกการลงทุน appeared first on THE STANDARD.

]]>
XPG

บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล หรือ XPG ประกาศแผนธุรกิจหลังประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนและได้รับเงินระดมทุนกว่า 7.1 พันล้านบาท โดยเตรียมเชื่อมต่อโลกการเงินปัจจุบันสู่โลกดิจิทัลหรือ Digital Financial Service ล่าสุดอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตประกอบกิจการด้านดิจิทัล 4 ใบ ซึ่งคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในสิ้นปีนี้ หรือต้นปีหน้าอย่างช้า ในส่วนของผลประกอบการ XPG มั่นใจว่ารายได้และกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และรายได้ปี 2565 โตก้าวกระโดด 

 

ระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ XPG เปิดเผยว่า ปีนี้นับเป็นก้าวสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเอ็กซ์สปริง ทั้งการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และการได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน จนสามารถเพิ่มทุนได้สูงถึง 7,111 ล้านบาทภายในเวลาไม่นาน รวมถึงการร่วมลงทุนจากพันธมิตร เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ใน Digital Financial Service 

 

ปัจจุบันเอ็กซ์สปริงประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจการเงิน ได้แก่ ธุรกิจหลักทรัพย์ โดย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด, ธุรกิจจัดการกองทุน โดย บลจ.เอ็กซ์สปริง จำกัด, ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด, ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด และธุรกิจจัดการเงินลงทุน 

 

การเพิ่มทุนทำให้ XPG มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องทางการเงินสูง ด้วยเงินทุนจากสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม 3,094 ล้านบาท และสัดส่วนการเพิ่มทุนอีก 7,111 ล้านบาท ทำให้เอ็กซ์สปริงมีเงินทุนในมือกว่า 10,000 ล้านบาท ที่จะนำไปพัฒนาธุรกิจใน 3 ด้าน ประกอบด้วย 

 

  1. ธุรกิจดิจิทัล โดยจะมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนรูปแบบดิจิทัล และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจสำหรับบริการด้านการเงิน 

 

  1. ธุรกิจปัจจุบัน ด้วยการขยายธุรกิจหลักทรัพย์และให้บริการโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจรแก่ลูกค้า การสนับสนุนการลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) การขยายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนและสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงและความสามารถด้านเทคโนโลยี 

 

  1. ชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

 

โดย XPG มองเห็นเทรนด์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจการเงินดิจิทัลทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมูลค่ากว่า 40 ล้านล้านบาท (ราว 1.3 ล้านล้านดอลลาร์) ที่มีโอกาสเติบโตสูง และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศได้อีกมากในอนาคต ซึ่ง XPG วางเป้าการเติบโตไปพร้อมตลาดโลกผ่านสินทรัพย์ที่จะมาแทนที่เงินสกุลต่างๆ เช่น คริปโตเคอร์เรนซี และการซื้อขายทองคำผ่านระบบดิจิทัล 

 

“แค่ตลาด Bitcoin ตลาดเดียวก็โตกว่า 24 ล้านล้านบาท (ราว 8 แสนล้านดอลลาร์) รวมทั้งในตลาดแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่มีขนาดกว่า 11.7 ล้านล้านบาท (ราว 3.9 แสนล้านดอลลาร์) และ Decentralized Finance ที่มีขนาด 1.35 ล้านล้านบาท (ราว 45,000 ล้านดอลลาร์) สะท้อนว่าโอกาสสร้างการเติบโตในโลกการเงินดิจิทัลมีสูงมาก” 

 

นอกจากนั้น ยังมี Utility Token และ Security Token ที่เป็นการเงินดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน ด้วยขนาดตลาดในปัจจุบันที่สูงถึง 1.95 ล้านล้านบาท (ราว 64,000 ล้านดอลลาร์) ทั้งนี้ ทั่วโลกยังนำโทเคนดิจิทัลและระบบบล็อกเชนมาใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ โทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น ทอง ตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก (Disruption) ที่จะนำมาสู่โอกาสทางธุรกิจของ XPG อีกมากมายในอนาคต

 

ระเฑียรกล่าวว่า ผลประกอบการของ XPG ในครึ่งแรกของปี 2564 ถือว่าน่าพอใจ โดยมีรายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนแล้ว 167 ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนของทั้งปี 2563 ที่มีจำนวนรวม 141 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 791% ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวก และทำให้เชื่อมั่นว่าแผนรุกธุรกิจที่แข็งแกร่งในช่วงต่อจากนี้จะทยอยส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้เติบโตก้าวกระโดดได้ในปี 2565

 

โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ XPG มี 3 จุดแข็ง คือ พันธมิตร เงินทุนที่แข็งแกร่ง และการมี 17 ไลเซนส์ในมือ และขณะนี้ XPG อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตทำธุรกิจเพิ่มเติมอีก 4 ไลเซนส์ ซึ่งคาดว่าจะได้ในปลายปีนี้หรือไม่เกินต้นปีหน้า ซึ่งจะช่วยทำให้การสร้างแพลตฟอร์มมีความสมบูรณ์มากขึ้น

 

จากนี้ XPG จะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ Transformation & Leap Forward เต็มรูปแบบ เพื่อก้าวสู่ Digital Financial Service โดยตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด (XSpring AMC) บริษัทย่อยของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ได้ร่วมมือกับ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI โดยร่วมลงทุนในกองสินทรัพย์ที่ประกอบด้วยลูกหนี้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์และพักอาศัย และสัญญาหลักประกันซึ่งประกอบไปด้วยที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (NPL) เพื่อนำมาบริหารสินทรัพย์ต่อยอดธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มในระยะยาว โดยได้เริ่มดำเนินการแล้วในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

 

รวมทั้งจะรุกธุรกิจ Digital Finance มากขึ้น ผ่านเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) ออก ICO 2 ตัวในปีนี้ คือ 1. โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (SiriHub Investment Token) ซึ่งเป็น Real Estate-backed ICO ตัวแรกของไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะเสนอขายแก่นักลงทุนในเดือนหน้า 

 

และ 2. Ready to use Utility Token ที่เตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกในวงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์และ EV Charging Ecosystem ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร รวมถึงการเปิดรับคริปโตเคอร์เรนซีในการซื้อที่อยู่อาศัยและชำระค่าส่วนกลางของแสนสิริทุกโครงการ ครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย 

The post ‘XPG’ เดินหน้ายกระดับบริการขึ้นเป็น Digital Financial Service ลุ้นรับไลเซนส์เพิ่ม 4 ใบสิ้นปีนี้ เพื่อต่อยอดบริการและสร้างแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมโลกการลงทุน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำรวจหุ้น XPG ร่างใหม่ของ ZMICO มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ทำไมราคาหุ้นจึงวิ่งกว่า 900% ใน 4 เดือน จนตลาดหลักทรัพย์ต้องติดป้ายเตือน https://thestandard.co/xpg-share-explore-zmico-variant/ Thu, 29 Jul 2021 12:34:38 +0000 https://thestandard.co/?p=519008 XPG

หุ้น บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล หรือ XPG ได้รับความสนใจจา […]

The post สำรวจหุ้น XPG ร่างใหม่ของ ZMICO มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ทำไมราคาหุ้นจึงวิ่งกว่า 900% ใน 4 เดือน จนตลาดหลักทรัพย์ต้องติดป้ายเตือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
XPG

หุ้น บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล หรือ XPG ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัท และการประกาศเพิ่มทุนเกือบ 5 เท่าของทุนจดทะเบียนเดิม โดยราคาตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 860.71% ส่วนราคาหุ้น 120 วันย้อนหลังปรับเพิ่มขึ้นมากว่า 917.78% 

 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 กรกฎาคม) ราคาหุ้น XPG ยังคงปรับขึ้นร้อนแรง โดยปิดการซื้อขายที่ 4.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 15.54% มูลค่าการซื้อขาย 816,01 ล้านบาท 

 

การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของหุ้น XPG ทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องออกมาเตือนผู้ลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังในการลงทุน เพราะสภาพการซื้อขายปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาหุ้นเริ่มสูงขึ้นจนมีอัตราส่วนกำไรต่อราคาต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 324 เท่า และมีราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) อยู่ที่ 5.09 เท่า 

 

นอกจากนี้ XPG ยังเป็นหุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 ของทางตลาดหลักทรัพย์ ทำให้โบรกเกอร์ที่เป็นบริษัทสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ คือ 

 

  1. ให้ผู้ลงทุนทุกประเภทที่ต้องการซื้อหลักทรัพย์ XPG ต้องวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ 
  2. บริษัทสมาชิกห้ามนำหลักทรัพย์ XPG คำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายในทุกประเภทบัญชี 

 

  1. บริษัทสมาชิกห้ามหักกลบค่าซื้อและค่าขายหลักทรัพย์ XPG ในวันเดียวกัน (ห้าม Net Settlement)

 

ทีมข่าว THE STANDARD WEALTH พาไปย้อนดูการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ XPG ตั้งแต่ช่วงที่ราคาเริ่มปรับเพิ่มขึ้น โดยพบว่าเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2564 มีการแจ้งเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บมจ. ซีมิโก้ แคปปิตอล หรือ ZMICO เป็น บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล หรือ XPG แต่ยังไม่ได้แจ้งเรื่องการดำเนินธุรกิจอื่นเพิ่มเติม

 

จากนั้นในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 XPG ได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นและมีมติอนุมติการเพิ่มทุนครั้งใหญ่จำนวน 7,613 ล้านหุ้น หรือราว 4.6 เท่า จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวนหุ้น 1,653 ล้านหุ้น 

 

โดยจัดสรรดังนี้ 

 

  1. จำนวน 5,378 ล้านหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 1หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคา 0.50 บาท (XR 27 กรกฎาคม 2564)

 

  1. จำนวน 1,035 ล้านหุ้น ขาย PP ราคา 4.10 บาท ประกอบด้วย 
    • บมจ.แสนสิริ (SIRI) จำนวน 403 ล้านหุ้น 
    • มงคล ประกิตชัยวัฒนา (ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ใน KTC) จำนวน 363 ล้านหุ้น 
    • บริษัท วิริยะประกันภัย 268 ล้านหุ้น

 

โดยมีเงื่อนไขว่าหลังจากทั้ง 3 รายซื้อหุ้นเพิ่มทุน PP แล้ว จะได้สิทธิ์ในการเพิ่มทุน RO ที่สัดส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นละ 0.50 บาท 

 

  1. จำนวน 1,199 ล้านหุ้น รองรับการปรับสิทธิ์วอร์แรนต์

 

  1. จำนวน 165 ล้านหุ้น เพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate)

 

ภายหลังการเพิ่มทุนนี้  

  • SIRI จะถือหุ้นประมาณ 1,209 ล้านหุ้น หรือ 15.88%
  • มงคล ประกิตชัยวัฒนา ถือหุ้นประมาณ 1,089 หรือ 14.30%
  • วิริยะประกันภัยถือหุ้นประมาณ 804 ล้านหุ้น หรือ 10.56%

 

ส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ XPG 5 อันดับแรก (ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2564) มีดังนี้

 

  1. Elevated Returns LLC 20.92%
  2. UBS AG SINGAPORE BRANCH 5.31%
  3. กมลกานต์ ศรีมงคล 4.53%
  4. ER MERRY WAY LP 3.63%
  5. CHINA TONGHAI SECURITIES LIMITED A/C CLIENT 2.97% 

 

สำหรับเงินระดมทุนจากการเพิ่มทุนราว 6,934 ล้านบาท มีแผนนำไปใช้ดังนี้ 

 

  1. ขยายการลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องภายในปี 2564-2568 จำนวน 4,000 ล้านบาท

 

  1. พัฒนาและขยายธุรกิจต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันของกลุ่มบริษัท ได้แก่ ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจจัดการกองทุน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และธุรกิจลงทุนในสินทรัพย์หรือบริษัทที่มีศักยภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายในปี 2564-2568 จำนวน 2,300 ล้านบาท 

 

  1. ชำระคืนเงินกู้ยืมในรูปของตั๋วแลกเงินบางส่วน และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทภายในไตรมาส 3/64 จำนวน 634 ล้านบาท 

 

สรุป ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของ XPG คือโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งจะมีทั้ง SIRI และวิริยะประกันภัยเข้ามาถือหุ้น และมีนักลงทุนบุคคลคือที่เชื่อมโยงไปถึงหุ้น KTC คือ มงคล ประกิตชัยวัฒนา

 

นอกจากนี้ยังมีความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ จากแผนการเข้าลงทุนในธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องภายในปี 2564-2568 รวมจำนวน 4,000 ล้านบาท คิดเป็นการลงทุนเฉลี่ย 1,000 ล้านบาทต่อปี ต่อเนื่อง 4 ปี 

 

“นักลงทุนมองหุ้น XPG ด้วยความคาดหวังในเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะนักลงทุนบางกลุ่มก็มองเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเรื่องไกลตัวและยังไม่พร้อมจะลงทุนเอง แต่ก็มีความสนใจ เมื่อมี บจ. ใดๆ ประกาศแผนว่าจะมีการลงทุนหรือเข้าไปมีส่วนร่วมกับตลาดดิจิทัล ก็จะได้รับความสนใจทันที อย่างก่อนหน้านี้ก็มีหุ้น MVP และ BROOK ซึ่งสังเกตได้ว่าเมื่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลปรับเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นเหล่านี้ก็จะเป็นเทรนด์ขึ้นด้วย แต่หากให้ประเมินเรื่องปัจจัยพื้นฐาน ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะประเมินได้ ต้องดูผลงานของบริษัทอีกระยะ ดังนั้นผู้ลงทุนที่คิดจะเข้าไปลงทุนก็คงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง” นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวกับ THE STANDARD WEALTH  

The post สำรวจหุ้น XPG ร่างใหม่ของ ZMICO มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ทำไมราคาหุ้นจึงวิ่งกว่า 900% ใน 4 เดือน จนตลาดหลักทรัพย์ต้องติดป้ายเตือน appeared first on THE STANDARD.

]]>