Cryptocurrency – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 28 Feb 2025 04:22:35 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 วัฏจักรของคริปโตรอบนี้จะยาวนานแค่ไหน? ในวันที่ผู้คนกำลังเปิดรับมากขึ้น https://thestandard.co/crypto-cycle-mainstream-adoption/ Fri, 28 Feb 2025 04:10:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1045951

โลกของคริปโตไม่ต่างจากประวัติศาสตร์ที่ทิ้งร่องรอยให้ผู้ […]

The post วัฏจักรของคริปโตรอบนี้จะยาวนานแค่ไหน? ในวันที่ผู้คนกำลังเปิดรับมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>

โลกของคริปโตไม่ต่างจากประวัติศาสตร์ที่ทิ้งร่องรอยให้ผู้ลงทุนหน้าใหม่ศึกษาและติดตาม 

 

วัฏจักรของคริปโต โดยเฉพาะเหรียญที่มีมูลค่ามากที่สุดอย่างบิทคอยน์ จะเห็นว่ามีรูปแบบที่เห็นได้ชัดบางอย่างคือ ‘ตลาดกระทิง (Bull Market)’ ที่จะเกิดขึ้นทุกๆ ช่วงเวลาประมาณ 4 ปี ไล่ตั้งแต่ปี 2013, 2017, 2021 จนมาถึง 2024

 

 

และในทุกๆ ตลาดกระทิงเราจะเห็นราคาของบิทคอยน์เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อยู่ตลอด คำถามสำคัญคือ แล้วตลาดกระทิงรอบนี้จะจบลงที่ตรงไหน?

 

บทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจสถานการณ์ปัจจุบัน โอกาสที่รออยู่ และความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและเข้าใจโลกของคริปโตได้ดีมากยิ่งขึ้น

 

ตลาดกระทิงรอบนี้อาจยาวกว่าที่ผ่านมา

 

หลังจากราคาบิทคอยน์พุ่งทำสถิติใหม่ปิดทะลุ 100,000 ดอลลาร์ ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ปี 2024 อิงจากข้อมูลของ CoinMarketCap ทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มกลับมาสนใจคริปโตอีกครั้ง ทั้งคนที่ติดตามบิทคอยน์มาอย่างยาวนาน รวมถึงคนที่ไม่เคยสนใจบิทคอยน์ หรือคนที่อาจจะลังเลก็เริ่มให้การยอมรับบิทคอยน์และคริปโตมากขึ้น

 

หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยคือ แล้วขาขึ้นรอบนี้จะนานแค่ไหน? จากงานใหญ่ล่าสุดของวงการคริปโตไทย ‘Street of the Future’ ที่จัดโดย Binance TH by Gulf Binance เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา สรวิศ ศรีนวกุล CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Band Protocol เชื่อว่า “เราจะได้เห็นวัฏจักรขาขึ้นที่ยาวนานมากกว่าที่ผ่านๆ มา”

 

อีก 4 ปีถัดจากนี้ ในยุคสมัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างสนับสนุนคริปโตผ่านการผ่อนปรนและปลดล็อกกฎหมายที่เป็นข้อจำกัด ถือเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ รวมทั้งการที่นักลงทุนสถาบันให้การยอมรับมากขึ้น

 

ข้อมูลจาก Bitwise ระบุว่า ตลอดทั้งปี 2024 จะเห็นว่า Bitcoin ETF มีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิถึง 3.68 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท

 

 

ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานของคริปโตก็พัฒนามาค่อนข้างไกล อย่างเช่นการพัฒนาของ Blockchain Oracle หรือเรียกสั้นๆ ว่า Oracle ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) กับข้อมูลภายนอกเครือข่าย ก็มีการพัฒนา Layer 2 ขึ้นมาช่วย ทำให้ประมวลผลธุรกรรมต่างๆ ได้เร็วขึ้น และค่าธรรมเนียมต่ำลง ช่วยให้แพลตฟอร์มต่างๆ เชื่อมต่อกันได้มากขึ้น

 

 

Nicholas Larsen จาก International Banker วิเคราะห์ว่า ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้คริปโตมีแนวโน้มจะวิ่งขึ้นไปต่อได้มาจากนโยบายของทรัมป์ที่ต้องการจะทำให้สหรัฐฯ เป็น ‘เมืองหลวงคริปโตของโลก’ จนทำให้บริษัทอย่าง Charles Schwab เชื่อว่าบิทคอยน์มีโอกาสจะไปถึง 1 ล้านดอลลาร์ได้ หากได้รับการสนับสนุนด้านกฎระเบียบที่เหมาะสม

 

เช่นเดียวกับความเห็นของ Marion Laboure นักวิเคราะห์ของ Deutsche Bank ที่เชื่อว่าการสนับสนุนของทรัมป์จะช่วยให้ตลาดกระทิงในปัจจุบันดำเนินต่อไป

 

อีกประเด็นที่น่าติดตามคือความเห็นของนักลงทุนสถาบันทั่วโลกว่าจะเพิ่มการถือครองคริปโตมากขึ้นหรือไม่

 

Larry Fink ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BlackRock บอกว่า มีการพูดคุยกันว่าควรจะเพิ่มน้ำหนักบิทคอยน์ในพอร์ตลงทุนหรือไม่ ทั้งตัวเลข 2% หรือ 5% และหากทุกคนลงทุนโดยอิงตามน้ำหนักนี้ ก็มีโอกาสจะทำให้ราคาบิทคอยน์พุ่งไปถึงระดับ 500,000-700,000 ดอลลาร์

 

ความเสี่ยงยังอยู่ แต่หน้าตาอาจเปลี่ยนไป

 

ตลาดคริปโตในปัจจุบันยังคงมีความผันผวนและความเสี่ยงอยู่เช่นเดิม แต่ด้วยพัฒนาการที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้รูปแบบของความเสี่ยงและสภาพแวดล้อมในตลาดเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร

 

Victor Ji ผู้ร่วมก่อตั้ง Manta Network มองว่าตลาดคริปโตในปัจจุบันมีความชัดเจนมากขึ้นในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของกฎเกณฑ์ในการควบคุม ซึ่งเปิดให้นักลงทุนสถาบันเข้ามามีส่วนร่วมได้มากขึ้น รวมทั้งการเข้ามามีส่วนร่วมของบริษัทต่างๆ มากขึ้น

 

 

สำหรับความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อทั้งตลาด (Systematic Risk) หากเปรียบเทียบกับวัฏจักรขาขึ้นในรอบก่อน ช่วงปี 2020 จะเห็นว่าความเสี่ยงในลักษณะนี้ลดลงมาก โดยเฉพาะการใช้อัตราทดหรือการปล่อยกู้ที่ค่อนข้างง่ายจนนำไปสู่การล้มละลายของบริษัทอย่าง Genesis แต่ปัจจุบันการปล่อยกู้ในโลกคริปโตถูกควบคุมเข้มงวดขึ้นมาก

 

หรือแม้แต่ความเสี่ยงจากการควบคุมดูแลให้บริษัทต่างๆ จัดการกับทรัพย์สินของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีกลไกในการตรวจสอบและป้องกันความเสี่ยง รวมทั้งบทลงโทษสำหรับผู้กระทำความผิด

 

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงสำคัญอย่างหนึ่งในปัจจุบันคือคริปโตเริ่มเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจริงมากขึ้น และเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากขึ้นเช่นกัน หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดชะลอตัวรุนแรงก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตโดยรวมได้

 

คริปโตกำลังได้ ‘การยอมรับ’ มากขึ้น

 

แล้วอนาคตของคริปโตจะเป็นอย่างไรต่อไป และจะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของผู้คนทั่วไปมากขึ้นหรือไม่ ในมุมนี้ U-Chyung ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Lumia บอกว่า ผู้คนอาจไม่ทันรู้สึกตัวว่าเรากำลังเปิดรับคริปโตมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการที่คริปโตถูกนำมาเป็นสื่อกลางในการชำระเงินมากขึ้น หรือการใช้งาน Stablecoin ที่มากขึ้น

 

ที่ผ่านมาผู้คนอาจพูดถึงเรื่องของการทำกำไรจากคริปโตเป็นหลัก แต่ตอนนี้คริปโตเริ่มเข้ามาอยู่ในธุรกิจต่างๆ ทำให้เราเห็นบริษัทอย่าง Stripe เข้าซื้อธุรกิจ Stablecoin อย่าง Bridge (มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการทำธุรกรรม รวมถึงการทำ Tokenization กับสินทรัพย์ในโลกจริง ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ต่างๆ ที่มีราคาสูงเช่นอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายขึ้น

 

 

นอกจากนี้ เราจะได้เห็นเทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทในโลกคริปโตมากขึ้น โดยเฉพาะการทำงานในฐานะ AI Agents ด้านการวิเคราะห์ตลาด การซื้อขายอัตโนมัติ และการจัดการพอร์ตการลงทุน รวมถึงการเกิดเหรียญ Crypto AI

 

ไม่เพียงการนำมาใช้งานจริงมากขึ้น แต่ในแง่ของผู้ที่มีอำนาจในการผลักดันคริปโต หรือกำหนดนโยบายและวางกฎเกณฑ์ก็ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจจากข้อมูลของ Stand With Crypto และ Coinbase ระบุว่า สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน มีผู้ที่สนับสนุนคริปโตมากกว่าผู้ที่ไม่สนับสนุนอย่างชัดเจน

 

 

Franklin Templeton บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกเชื่อว่าบิทคอยน์จะก้าวขึ้นมาเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งสะสมมูลค่าดิจิทัลในปีนี้ หลังจากรัฐบาลและสถาบันต่างๆ ให้การรับรองมากขึ้น หลายประเทศจะเพิ่มบิทคอยน์เป็นทุนสำรอง

 

ปี 2025 จะเป็นปีที่เปลี่ยนแปลงจาก ‘การเก็งกำไรไปสู่การใช้งาน’ เนื่องจากเทคโนโลยีพื้นฐานของคริปโตกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบการเงินและการดำเนินงานทั่วโลก

 

ตลอดวัฏจักรขาขึ้นและขาลงของคริปโต 10 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าคริปโตกำลังได้รับการยอมรับมากขึ้น ทั้งในแง่สินทรัพย์สำหรับใช้ลงทุนและเทคโนโลยีเบื้องหลังที่ถูกนำมาใช้งานจริง หลังจากนี้เชื่อว่าจำนวนผู้ใช้งานคริปโตจะค่อยๆ เติบโตขึ้น แต่สำหรับคนที่เพิ่งจะเข้าสู่โลกคริปโต โดยเฉพาะในตลาดกระทิง สิ่งหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือวัฏจักรมีทั้งขึ้นและลง เพราะฉะนั้นการคำนึงถึงความเสี่ยงอยู่เสมอจึงเป็นทักษะสำคัญที่ต้องมีเช่นกัน

 

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

The post วัฏจักรของคริปโตรอบนี้จะยาวนานแค่ไหน? ในวันที่ผู้คนกำลังเปิดรับมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
มุข Joke จาก Meme coins กลายเป็นการลงทุนจริงจังได้ด้วยพลังคอมมูนิตี้ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/meme-coins-to-serious-investment/ Fri, 14 Feb 2025 07:20:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1041399

ในโลกของคริปโทเคอร์เรนซีที่มีเหรียญมากมาย ประเภทของเหรี […]

The post มุข Joke จาก Meme coins กลายเป็นการลงทุนจริงจังได้ด้วยพลังคอมมูนิตี้ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในโลกของคริปโทเคอร์เรนซีที่มีเหรียญมากมาย ประเภทของเหรียญกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายก็คือเหรียญมีม (Meme Coins) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากเรื่องตลกขบขันบนโลกอินเทอร์เน็ต แต่กลับกลายเป็นปรากฏการณ์โด่งดังจนสามารถสร้างมูลค่าตลาดได้หลายพันล้านดอลลาร์ในแบบที่บางคนอาจคาดไม่ถึง

 

เหรียญมีมในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 340 เหรียญ และมีมูลค่ารวมกว่า 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568) แต่อะไรทำให้เรื่องตลกขบขันบนโลกอินเทอร์เน็ตที่ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของเหรียญคริปโตมีมูลค่าได้มากขนาดนี้ และสำหรับใครที่อยากตบเท้าเข้ามา ‘ศึกษาและลงทุน’ เราควรมองเหรียญมีมเป็นเรื่องจริงจังขนาดไหน? 

 

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นพูดคุยบนเวที ‘Meme Coins: The joke that became serious’ ในงาน Street of the Future ที่จัดโดย BINANCE TH อีเวนต์ใหญ่ใจกลางสยาม ที่ทีมงาน THE STANDARD WEALTH มีโอกาสเข้าไปฟังและถอดความคิดมาให้ทุกคนได้ติดตาม เพื่อหาคำตอบว่านักลงทุนรุ่นใหม่ๆ ควรพิจารณาเหรียญมีมในมุมไหนบ้าง

 

เหรียญมีม: ความตลกที่สร้างมูลค่าได้

 

เหรียญมีมได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องตลกและวัฒนธรรมบนอินเทอร์เน็ต ที่รวมความสนใจของผู้คนที่คล้ายกันและอยากส่งต่อให้กับผู้อื่นผ่าน Meme Coins ซึ่งเหรียญมีมนั้นแตกต่างจาก Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อต้องการปฏิวัติระบบการเงิน

 

ถ้าเอ่ยถึงเหรียญมีมที่ยืนยาวและมีมูลค่ามากที่สุดในปัจจุบัน ก็คงจะลืมนึกถึง Dogecoin (DOGE) เหรียญรูปสุนัขสายพันธุ์ชิบะไปไม่ได้ เพราะ DOGE คือเหรียญมีมอันดับ 1 และเป็นเหรียญคริปโตที่ครองมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 8 ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามการจัดเรียงของเว็บ CoinMarketCap

 

 

DOGE ถูกสร้างขึ้นในปี 2013 โดย Billy Markus และ Jackson Palmer ด้วยเหตุผลที่เขาต้องการจะเติมสีสันให้กับวงการคริปโตที่ก่อนหน้านี้มีแต่เรื่องซีเรียสและซับซ้อน ซึ่งผลงานของพวกเขาก็เริ่มได้รับความนิยมจากชุมชน โดย DOGE ถูกใช้สำหรับการให้ทิปออนไลน์และกิจกรรมการกุศล ต่อมาในช่วงปี 2021 Elon Musk ก็ผลักดัน DOGE เป็นที่รู้จัก และเปลี่ยนเหรียญที่มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องตลกให้กลายเป็นส่วนสำคัญในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

 

ด้วยลักษณะที่ดูเข้าถึงง่าย เหรียญมีมจึงกลายเป็นหนึ่งทางเลือกของนักลงทุนหลายกลุ่ม ในขณะที่เหรียญใหม่ๆ ก็เข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น ในงาน Street of the Future ของ BINANCE TH เองก็มีโปรเจกต์เหรียญมีมที่มาร่วมงาน ได้แก่ MOODENG SOL (เหรียญหมูเด้งบนบล็อกเชน Solana), MEMELAND, และ PNUT เป็นต้น

 

ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษาของ FWX และอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในผู้ร่วมเสวนาบนเวทีอธิบายปรากฏการณ์ของเหรียญมีมที่นักลงทุนหลายคนให้ความสำคัญอย่างน่าสนใจว่า “เหรียญมีมเปรียบได้กับศิลปะ ที่บางคนก็แค่ชอบในผลงาน และนั่นคือวิธีที่งานศิลปะนั้นๆ มีคุณค่า เหมือนกับการเดี่ยวไมโครโฟนเล่าเรื่องตลก ที่อาจดูไม่จริงจังแต่มันก็สร้างคุณค่าในสังคมได้ในตัวมันเอง”

 

ดร.อุดมศักดิ์ รักวงษ์วาน ผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษาของ FWX และอาจารย์ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

 

ความไม่ซีเรียสของเหรียญมีม ที่บางคนกลับเลือกจะ ‘ซีเรียส’ กับมัน

 

แม้ว่ากลุ่มคนบางกลุ่มจะมองเหรียญมีมเป็นเรื่องที่ไม่มีสาระ แต่กับอีก 2 ผู้ร่วมเสวนาบนเวทีที่เลือกทำงานอย่างจริงจังเพื่อพัฒนาระบบนิเวศของเหรียญมีมอย่าง Antoine Rousseaux ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Handsome Finance และ Ray Chan ซีอีโอของ Memeland ต่างมองว่าเหรียญมีมนั้นมีคุณสมบัติพิเศษ 2 อย่างที่น่าดึงดูดในแบบที่การลงทุนดั้งเดิมไม่สามารถทำได้ จนทั้งสองคนตัดสินใจที่จะมองเหรียญมีมด้วยความจริงจัง

 

1. ความสามารถในการสร้างผลกำไร: Antoine มองว่าการที่เหรียญมีมถูกใช้เป็นเครื่องมือเก็งกำไรนั้นเป็นประเด็นที่ต้องยอมรับ โดยเหรียญอย่าง Dogecoin คือจุดสร้างกระแสด้วยราคาที่พุ่งขึ้นกว่า 12,000% ในช่วงกลางปี 2021 แต่เขากล่าวเสริมว่า “ในบางกรณีตลาดหุ้นก็คือการเก็งกำไรเช่นกัน หากคุณอยากสร้างรายได้ คุณก็ต้องจริงจังกับมัน ดังนั้นการเก็งกำไรไม่ใช่เรื่องผิด”

 

อย่างไรก็ตาม การเก็งกำไรนั้นมาพร้อมความเสี่ยงเสมอ โดย Antoine ย้ำว่า อย่าลงทุนด้วยเงินที่เสียไม่ได้ และการศึกษาค้นคว้าข้อมูลก่อนลงทุนนั้นยังเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

 

Antoine Rousseaux ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม Handsome Finance

 

2. พลังของคอมมูนิตี้: Ray Chan ซีอีโอของ Memeland เล่าว่า การเลือกมองเหรียญมีมแค่มิติของการ ‘เก็งกำไร’ อาจจะไม่ได้สรุปศักยภาพของเหรียญอย่างรอบด้าน เพราะ Ray มีเป้าหมายในบริษัทของเขาที่อยากจะทำให้เหรียญมีมถูกใช้ประโยชน์มากขึ้น ไม่ใช่แค่ไว้เก็งกำไร แต่เป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมคอมมูนิตี้

 

Ray เชื่อว่าเหรียญมีมเป็นมากกว่าเครื่องมือทางการเงิน สิ่งนี้คือปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สร้างคอมมูนิตี้นั้นๆ หรือดึงผู้คนที่สนใจสิ่งเดียวกันเข้ามารวมตัวกันเป็นชุมชน แบ่งปันเรื่องราวและความรู้สึก

 

“เมื่อพวกเขาชนะ พวกเขาชนะด้วยกัน และเมื่อแพ้ พวกเขาก็แบ่งปันความรู้สึกนั้นด้วย” Ray กล่าวพร้อมอธิบายว่า นี่คือพลังที่คอมมูนิตี้สร้างขึ้น ซึ่งนำไปสู่กิจกรรมในโลกความจริง เช่น การบริจาคเพื่อการกุศล การระดมทุน และแม้แต่การใช้จ่ายสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับคุณค่าคอมมูนิตี้นั้นๆ

 

Ray Chan ซีอีโอของ Memeland

 

อะไรที่นักลงทุนควรเข้าใจก่อนกระโจนลงทุนในเหรียญมีม?

 

อีกหนึ่งคำถามสำคัญสำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาในตลาดนี้ก็คือ แล้วเราจะแยกเหรียญมีมที่มีแนวโน้มประสบความสำเร็จจากที่มีอยู่ทั้งหมดในตลาดได้อย่างไร

 

อุดมศักดิ์เผยว่า มี 3 ปัจจัยสำหรับนักลงทุนที่ควรใช้พิจารณาโปรเจกต์เหรียญมีมดังนี้

 

  1. สภาพคล่อง หรือ Liquidity ซึ่งเป็นปัจจัยที่บ่งชี้ว่าเหรียญมีปริมาณการซื้อขายและการทำธุรกรรมที่เพียงพอหรือไม่ 
  2. เรื่องราว หรือ Story ที่เป็นเหมือนสิ่งยึดเหนี่ยวของชุมชน เหมือนกับที่ Ray กล่าวไว้บนเวทีว่า “หนึ่งในธรรมชาติของมนุษย์คือความต้องการที่จะมีความเชื่อในบางสิ่งบางอย่างเสมอ” 
  3. การกระจายตัว หรือ Distribution ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าเหรียญสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานและนักลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน 

 

อย่างไรก็ตาม ความยั่งยืนของเหรียญมีมยังคงเป็นความท้าทาย เนื่องจากเหรียญประเภทนี้มักพึ่งพา ‘กระแส’ อาจไม่สามารถคงอยู่เป็นระยะเวลานานได้ สภาพคล่องก็มักจะไหลไปตามเหรียญอื่นที่กำลังเป็นที่นิยม ณ เวลานั้นๆ เช่น MELANIA เหรียญมีมที่เปิดตัวโดยสตรีหมายเลข 1 อย่าง Melania Trump ที่เหรียญของเธอสูญมูลค่าไปแล้วกว่า 81%

 

ความผันผวนของตลาดเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ฉะนั้นการ DYOR: Do Your Own Research และการซื้อขายแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือจะเป็นการคุ้มครองผู้ลงทุนได้ในระดับหนึ่ง

 

แต่ Ray ยังยืนยันจากมุมมองของเขาว่า “แม้เหรียญมีมบางตัวอาจล้มหายไป แต่ประเภทของเหรียญมีมในภาพรวมจะอยู่ตลอดไป”

 

 

บทบาทของเหรียญมีมในโลกการเงินอนาคต

 

ท่ามกลางความไม่แน่นอน เหรียญมีมยังคงเดินหน้าพัฒนาต่อไปด้วยแรงผลักดันจากพลังของคอมมูนิตี้ โดยธุรกิจอย่าง Memeland เริ่มหาวิธีการผนวกเหรียญมีมเข้ากับระบบการชำระเงินอย่าง MemePay ซึ่งถือเป็นสัญญาณของความเปลี่ยนแปลงจากเหรียญที่เน้นความตลกไปสู่เหรียญที่จะเกิดการใช้งานจริง 

 

ทั้งนี้ อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เหรียญมีมจะยังเติบโตและมีพัฒนาการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้แน่ แต่คำถามคือเติบโตต่อไปแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ เหรียญมีมให้พื้นที่และคุณค่าที่สินทรัพย์การลงทุนอื่นทำไม่ได้ นั่นคือการหลอมรวมพลังของการรับรู้ถึงการมีอยู่ของสกุลเงินดิจิทัลในวงกว้าง ผสานความตลก โลกการเงิน และพลังของคอมมูนิตี้เข้าไว้ด้วยกันในแบบโลกเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

 

 

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาข้อมูลและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

The post มุข Joke จาก Meme coins กลายเป็นการลงทุนจริงจังได้ด้วยพลังคอมมูนิตี้ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
คริปโตกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย https://thestandard.co/crypto-thailand-lifestyle/ Tue, 04 Feb 2025 11:42:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1037798

ถ้าย้อนกลับไป 4-5 ปีก่อน คำว่า ‘คริปโต’ (Crypto) อาจเป็ […]

The post คริปโตกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถ้าย้อนกลับไป 4-5 ปีก่อน คำว่า ‘คริปโต’ (Crypto) อาจเป็นเรื่องที่ฟังดูไกลตัวสำหรับคนไทยจำนวนมาก แต่มาวันนี้หลายคนเริ่มคุ้นชินกับคริปโต หรือแม้แต่เทคโนโลยีเบื้องหลังอย่างบล็อกเชน (Blockchain) มากขึ้นเรื่อยๆ

 

ถามว่ามากขึ้นแค่ไหน? หนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจคือ ไทยเป็น 1 ใน 20 ประเทศที่ผู้คนยอมรับ (Adoption) คริปโตมากที่สุดในโลก รั้งอันดับ 16 จากรายงาน The 2024 Global Crypto Adoption Index ของ Chainalysis

 

และหากคิดเป็นสัดส่วนต่อคนไทยทั้งประเทศ นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ซีอีโอของ BINANCE TH บอกว่า “ตอนนี้การยอมรับคริปโตของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 12% ซึ่งมากกว่าสัดส่วนของทั่วโลกแค่ 1%”

 

Binance TH

 

แม้ตัวเลข 12% อาจยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่กระแสคริปโตก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนหน้าใหม่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาด ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผลมาจากราคาของเหรียญต่างๆ โดยเฉพาะบิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่กว่า 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.5 ล้านบาท ช่วงปลายปีก่อน ทำให้ความสนใจต่อคริปโตกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

และถ้าไปดูสถิติใน Google Trend ก็จะเห็นว่าคนไทยเสิร์ชคำว่าบิทคอยน์หรือคริปโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

Binance TH

\ Binance TH

 

ไม่เพียงแค่ความสนใจบนโลกออนไลน์ แต่งานใหญ่ล่าสุดของวงการคริปโตไทย ‘Street of the Future’ ที่จัดโดย BINANCE TH by Gulf BINANCE สะท้อนความตื่นตัวของผู้สนใจหน้าใหม่ต่อวงการคริปโตเป็นอย่างดี THE STANDARD WEALTH เห็นประเด็นอะไรบ้างที่ทุกคนควรรู้ มาดูกัน!

 

Binance TH

 

การเปลี่ยนภูมิทัศน์โลกการเงินปัจจุบันกับการมาถึงยุค Web 3.0 เป็นอย่างไร?

 

Web 3.0 ได้รับการพูดถึงบ่อยมากในงาน สิ่งนี้คืออะไร?

 

สิ่งนี้คือวิวัฒนาการของโลกอินเทอร์เน็ตที่แอดวานซ์ขึ้นไปอีกขั้น จากความสามารถในการอ่าน โต้ตอบ สร้างคอนเทนต์ บนอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ผู้ใช้งานทุกคนจะสามารถเข้าถึงและแก้ไขข้อมูลได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น จุดสำคัญของการทำงานรูปแบบนี้คือ Decentralized หรือการเก็บข้อมูลแบบกระจายออกจากศูนย์กลาง ภายใต้การทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้ใช้งานทุกคนที่อยู่ในสเตจนี้จะมีสิทธิ์ถือครองแก่ผู้ใช้งาน เช่น การเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนตัวและสินทรัพย์ดิจิทัลของตัวเอง ฉะนั้นสินทรัพย์ดิจิทัลเสมือนเป็นภาพสะท้อนการมาของยุค Web 3.0 อย่างชัดเจน

 

Binance TH

 

คริปโตกำลังเชื่อมโยงกับชีวิตของเรามากแค่ไหน?

 

ถ้าใครตามข่าวอุตสาหกรรมคริปโตในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าไทยเริ่มสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการอนุญาตให้กองทุนรวมสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ หรือแม้แต่แนวคิดที่จะทดลองให้มีการใช้งานคริปโตในชีวิตประจำวัน

 

สิ่งที่จะตามมาภายหลังการปลดล็อกจากนโยบายภาครัฐ ต่อไปการยอมรับคริปโตของคนไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประเด็นที่ควรทำควบคู่กันคือ ‘การเตรียมความพร้อมของผู้คนสู่วิถีโลกการเงินยุคใหม่’ ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับคริปโตจะเป็นภูมิคุ้มกันสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจในแต่ละไซเคิล เช่นเดียวกับบุคลากรที่จะเข้ามาขับเคลื่อนวงการ การเกิดอีเวนต์จากภาคเอกชนรูปแบบนี้จึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องคริปโตไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นรูปแบบทางการเงินที่มาแน่ๆ และประเทศไทยยังมีช่องให้พัฒนาและเติบโตอีกมาก

 

“ตอนนี้หลายคนเริ่มเข้าใจแล้วว่าคริปโตไม่ใช่แค่การพยายามทำกำไรอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีเรื่องของความเสี่ยง พื้นฐานของเทคโนโลยีที่ต้องเข้าใจ รวมถึงการ Do Your Own Research (DYOR)”

 

Binance TH

 

มีมคอยน์ (Meme Coin) สินทรัพย์ที่อยู่ในบทสนทนาตลอดกาล ด้วยการสร้างมูลค่าจากไวรัล

 

ตลาดเหรียญมีมฮอตตลอดกาล จากการเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เล่นกับกระแส การสร้างเรื่องราวเรียกคะแนนจากนักลงทุน หนึ่งในกอสซิปตลอดงานทั้ง 2 วัน คือการเก็งสถานการณ์เหรียญทรัมป์ ‘TRUMP’ บนบล็อกเชน Solana ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งราคาพุ่งสูงพอดิบพอดีระหว่างการจัดงาน Street of the Future ก่อนจะเข้ากระดานเทรด BINANCE TH เป็นที่เรียบร้อยในช่วงเวลาต่อมา

 

เหรียญมีมไม่มีการจำกัดปริมาณการผลิตอย่างบิทคอยน์ มีราคาถูกกว่า และเป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่าการศึกษาเหรียญประเภทอื่น จึงจุดประกายความต้องการลงทุนในเหรียญประเภทนี้ทั้งนักลงทุนหน้าเก่าและหน้าใหม่ในตลาด ในฝั่งผู้ผลิต ผู้พัฒนาก็เติบโตพร้อมกับตลาด ทั้งนี้ โปรเจกต์ระดับโลกที่มาร่วมงาน ได้แก่ Memeland, MOODENG/SOL (เหรียญหมูเด้ง), PNUT (ได้รับแรงบันดาลใจจากกระรอกที่ถูกช่วยเหลือโดยศูนย์สัตว์พึ่งพิง) ฯลฯ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงผู้คน แปรเปลี่ยนเป็นคอมมูนิตี้จากหลากหลายประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนระดับโลกอย่าง BINANCE TH ที่เปิดกว้างทางการลงทุนให้แก่ผู้ใช้งานคนไทย ด้วยการมีสกุลเหรียญดิจิทัลมากที่สุดในตลาดเป็นจำนวนมากกว่า 350 เหรียญ (ณ วันที่ 18 มกราคม 2025) และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

 

Binance TH

 

การเร่งสร้างบุคลากรต้นน้ำเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ปัจจุบันคอร์สสำหรับเรียนรู้เรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลมีแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งก็รวมถึง BINANCE TH Academy ที่จับมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในไทย เพื่อให้ความรู้เหล่านี้ เช่น คอร์สระยะสั้นที่จัดขึ้นผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกหลายแห่ง ตลอดปี 2024 มีผู้ผ่านหลักสูตรของอะคาเดมีมากกว่า 50,000 คน ครอบคลุมทั้งนักศึกษา คณาจารย์ และบุคคลทั่วไป

 

โอกาสในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการลงทุนอีกต่อไป แต่ขยายประเด็นไปสู่ ‘โอกาสทางอาชีพ’ ทั้งนักพัฒนา นักวิเคราะห์ข้อมูล นักวิจัย หรือแม้แต่สายงานการตลาด เพราะปัจจุบันมีโปรเจกต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด

 

ยิ่งไปกว่านั้นอุตสาหกรรมนี้ยังสร้างบุคลากรเข้าสู่ตลาดได้ไว จะเห็นว่า Gen Z หรือ Gen Alpha หลายคนกลายเป็นเจ้าของผู้ผลิตเหรียญสำคัญเข้าสู่วงการ

 

Vishal Sacheendran, Head of Regional Markets ของ BINANCE มองในทิศทางเดียวกันว่า การยอมรับคริปโตในระดับโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 1% ไปสู่ 10% ได้นั้นต้องอาศัย 2 ปัจจัยที่สำคัญ คือ กฎเกณฑ์ที่ชัดเจนของแต่ละประเทศ และการให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นในระบบการศึกษา รวมทั้งการให้ความรู้กับผู้ที่มีอำนาจในการกำกับดูแลหรือแม้แต่รัฐบาล

 

Binance TH

 

นอกเหนือจากการให้ความรู้ในห้องเรียน ในมุมของ นที เทพโภชน์ ที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย บอกว่า คอมมูนิตี้ในไทยขยายตัวขึ้นมาก โดยเฉพาะในหัวเมืองต่างๆ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ และถ้ามองย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการ Educate ตลาดและผลักดันวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทย

 

การปรากฏตัวของอีเวนต์ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ย่อมมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอมมูนิตี้ ให้ความรู้ และเป็นพื้นที่ให้ผู้คนทั้งที่เป็นคริปโตเนทีฟหรือบุคคลทั่วไป พบปะ แลกเปลี่ยน แบ่งปันมุมมองระหว่างกัน เพื่อให้ทุกคนก้าวทันกับโลก Web 3.0 ที่มาถึง และทันเกมโลกการเงินที่กำลังจะเปลี่ยนไป

 

Binance TH

 

การเดินทางของคริปโตมาถึงจุดนี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแสหรือปรากฏการณ์ชั่วคราวอีกต่อไป แต่กำลังหลอมรวมเข้ากับ ‘ไลฟ์สไตล์ของคนไทย’ มากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คอมมูนิตี้คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนปรับตัวและเดินหน้าสู่อนาคตได้อย่างมั่นคง โดยมี ‘ความปลอดภัย’ และ ‘ความโปร่งใส’ เป็นที่ตั้งสำคัญ และคริปโตไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องการลงทุน แต่คือการสร้างสังคมที่พร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง และเข้าใจถึงโอกาสที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ

คำถามคือ คุณพร้อมที่จะก้าวไปบนเส้นทางสายนี้แล้วหรือยัง?

 

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาข้อมูลและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

The post คริปโตกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Stable Coin ไทยบาท: จุดเปลี่ยนของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย? https://thestandard.co/opinion-stable-coin-thai-baht/ Tue, 04 Feb 2025 04:40:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1037867

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสินทรัพย์ดิจ […]

The post Stable Coin ไทยบาท: จุดเปลี่ยนของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย? appeared first on THE STANDARD.

]]>

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากที่ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศแนวทางการออก Stable Coin ไทยบาท มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท โดยมีพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลักประกัน และจะถูกนำมาใช้ควบคู่กับ Investment Token เพื่อเปิดทางให้ภาคเอกชนสามารถระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลได้

 

ฟังดูเป็นก้าวที่น่าสนใจและอาจเป็นการเปิดโอกาสให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลของภูมิภาค อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวยังเต็มไปด้วยโจทย์ท้าทาย ทั้งในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานด้านบล็อกเชน (Blockchain Interoperability) กฎระเบียบเกี่ยวกับการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล และโอกาสทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นหรือสูญเสียไป ขึ้นอยู่กับว่าประเทศไทยจะเลือกเดินไปในทิศทางไหน

 

โจทย์แรก: Blockchain ไทยจะก้าวไปสู่ระดับสากลได้หรือไม่?

 

หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยคือปัญหาการเชื่อมโยงระหว่างบล็อกเชน (Interoperability) ปัจจุบันประเทศไทยมี Local Blockchain ได้แก่ Bitkub Chain, JFIN Chain และ JIB Chain

 

แต่สิ่งที่ยังขาดคือความสามารถในการสื่อสารกันระหว่าง Chain ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อจำกัดในการพัฒนาโทเคนดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศ ในขณะที่โครงการระดับโลกอย่าง LayerZero, Axelar และ Connext กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ Blockchain จากหลากหลายระบบสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

 

หากประเทศไทยต้องการแข่งขันในตลาดโลก กุญแจสำคัญอยู่ที่การสร้างเครือข่าย Blockchain ที่เชื่อมโยงและเปิดกว้าง ไม่ใช่เพียงแค่การพัฒนา Chain ของตัวเองโดยไม่มีการรองรับมาตรฐานสากล

 

โจทย์ที่สอง: ระบบ KYC และข้อจำกัดในการเข้าถึง

 

อีกประเด็นที่น่าจับตามองคือการกำหนดข้อบังคับเรื่อง KYC (Know Your Customer) ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคสำหรับการนำผู้ใช้จาก Traditional Finance มาอยู่ในโลกของ On-Chain Finance

 

แนวคิด ‘Chain เอื้ออาทร’ ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังพิจารณา อาจช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้น แต่หากมีการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ใช้งานทุกคนต้องผ่าน KYC ก่อนเข้าถึงระบบ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น

 

ในทางตรงกันข้าม แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Base Chain ของ Coinbase เปิดให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้โดยไม่มี KYC ซึ่งช่วยให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบได้อย่างมหาศาล และทำให้ Base Chain กลายเป็นหนึ่งใน Blockchain ที่มีมูลค่าหมุนเวียนสูงสุดในโลก

 

หากประเทศไทยต้องการเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัล จำเป็นต้องพิจารณาว่าจะเลือกควบคุมเข้มงวดเพื่อความปลอดภัย หรือจะเปิดตลาดให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นเพื่อกระตุ้นการเติบโต

 

โจทย์ที่สาม: จะดึงนักลงทุนจากตลาดหุ้นได้หรือไม่?

 

หนึ่งในความหวังสำคัญของการออก Stable Coin และ Investment Token คือการดึงดูดนักลงทุนจากตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมให้เข้ามาสู่สินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแนวคิด Corporate Bond Token ซึ่งเป็นการแปลงหุ้นกู้ให้กลายเป็นโทเคนดิจิทัลที่สามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมงผ่าน Decentralized Exchange (DEX)

 

แนวคิดนี้ฟังดูดีในทางทฤษฎี แต่ยังต้องติดตามว่านักลงทุนฝั่งตลาดทุนจะเชื่อมั่นกับการลงทุนในรูปแบบดิจิทัลนี้มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยเสี่ยง เช่น ความผันผวนของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และปัญหาทางกฎหมายที่ยังไม่ชัดเจน

 

ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย: ทางแยกของ ก.ล.ต.

 

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก.ล.ต. จะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะเลือกแนวทางใดในการกำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ทางเลือกที่ 1: ควบคุมเข้มงวด

 

  • ควบคุม Blockchain, DeFi และ DApp อย่างเข้มงวด
  • บังคับใช้ KYC และมาตรการป้องกันความเสี่ยง
  • ตรวจสอบโค้ดของ Smart Contract เพื่อป้องกันการโกง

 

ทางเลือกที่ 2: เปิดเสรีและให้ตลาดกำกับตัวเอง

 

  • อนุญาตให้ภาคเอกชนดูแลด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์ม
  • เปิดให้ผู้ใช้จากทั่วโลกเข้าถึง Blockchain ไทย
  • มีโอกาสที่เม็ดเงินมหาศาลจะไหลเข้ามา

 

หากเลือกแนวทางแรก ตลาดจะมีความปลอดภัยขึ้น แต่การดึงดูดผู้ใช้ใหม่จะยากขึ้น ในขณะที่หากเลือกแนวทางที่สอง ไทยอาจกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก แต่ก็มีความเสี่ยงจากช่องโหว่ทางเทคนิคและการโกง

 

Stable Coin ไทย: จะเป็นโอกาสใหม่หรือข้อจำกัดที่มองข้ามไม่ได้?

 

ท้ายที่สุด Stable Coin ไทยบาท 1 หมื่นล้านบาท อาจเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มตัว แต่ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับกรอบนโยบายที่กำหนดโดยภาครัฐ

 

  • หากรัฐบาลและ ก.ล.ต. สามารถสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมอุตสาหกรรมและการปกป้องนักลงทุน ประเทศไทยอาจกลายเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลของเอเชีย
  • แต่หากกฎระเบียบเข้มงวดเกินไป ตลาดอาจหดตัว และโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะนำเม็ดเงินเข้าสู่ไทยอาจหายไป

 

นี่คือช่วงเวลาที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่การตัดสินใจของหน่วยงานกำกับดูแลว่าจะเลือกเส้นทางใด เปิดตลาดให้แข่งขันระดับโลก หรือสร้างเกราะป้องกันที่อาจจำกัดโอกาสของประเทศในอนาคต

The post Stable Coin ไทยบาท: จุดเปลี่ยนของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย? appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ท๊อป บิทคับ’ ถกอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลในงาน WEF 2025 ชี้โทเคนอสังหา-คาร์บอนเครดิตบูมต่อปีนี้ https://thestandard.co/top-bitkub-digital-assets-wef/ Fri, 24 Jan 2025 11:12:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1034115 สินทรัพย์ดิจิทัล

“สินทรัพย์ในอนาคตจะถูกแปลงสภาพการใช้งานไปอยู่ในรูปของสิ […]

The post ‘ท๊อป บิทคับ’ ถกอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลในงาน WEF 2025 ชี้โทเคนอสังหา-คาร์บอนเครดิตบูมต่อปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สินทรัพย์ดิจิทัล

“สินทรัพย์ในอนาคตจะถูกแปลงสภาพการใช้งานไปอยู่ในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัลและโทเคนดิจิทัล” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวในงาน World Economic Forum ประจำปี 2025 บนเวที ‘การเปลี่ยนแปลงจากสินทรัพย์สู่สินทรัพย์ดิจิทัล’

 

จิรายุสได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ด้านการเงินครั้งนี้ร่วมกับผู้นำด้านการเงินจากหลากหลายหน่วยงานทั่วโลก ทั้ง Ola Doudin ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BitOasis, Jeremy Allaire ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Circle Internet Financial และ Marc Bayle de Jessé ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CLS Bank International ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส

 

ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย จิรายุสมองว่าประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพและความพร้อมในการเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากมีการส่งเสริมจากรัฐบาลและกฎระเบียบกำกับดูแลที่ชัดเจน โดยหนึ่งในกรณีใช้งานที่เริ่มใช้งานแล้วคือการทำ ‘โทเคนอสังหาริมทรัพย์’ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้แม้จะไม่มีทุนมาก ซึ่งแทนที่จะต้องซื้อทั้งห้องในราคา 10 ล้านบาท การซื้อด้วยโทเคนทำให้เราสามารถแบ่งสินทรัพย์นั้นออกเป็นหน่วยที่เล็กลงได้ อาจทำให้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10 บาทต่อหน่วย

 

นอกจากนี้การทำโทเคนมิได้จำกัดแค่สินทรัพย์ที่จับต้องได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำได้กับทั้งโทเคนคาร์บอนเครดิตและโทเคนค่าไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า ‘Green Token’ ที่จะได้เห็นการเปิดตัวในปีนี้ และจิรายุสเชื่อว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้าเราจะเห็นสินทรัพย์ที่มากกว่าแค่อสังหาริมทรัพย์ถูกทำเป็นโทเคนมากขึ้น 

 

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญในการทำโทเคนให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายคือการสร้างมาตรฐานและกฎระเบียบร่วมกัน ทั้งระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลในระดับภูมิภาคและระดับโลก เพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมายและทำให้สภาพคล่องสามารถไหลเวียนได้อย่างอิสระและปลอดภัย 

 

รวมถึงความท้าทายอีกหนึ่งประเด็น นั่นคือการทำให้การใช้งานเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่ายและสามารถเข้าถึงได้ เช่น การยกเลิกคำศัพท์เฉพาะที่ยากต่อการเข้าใจ อย่าง Cryptographic Hash Function หรือ Private Key และพยายามทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันโดยที่คนอาจไม่จำเป็นต้องรู้ว่ากำลังใช้งานอยู่ ซึ่งคิดว่าจะช่วยสร้างประโยชน์ได้อีกมาก

 

สำหรับในปี 2568 ความเคลื่อนไหวในโลกคริปโตจากมุมมองของจิรายุส คือการที่เราน่าจะได้เห็นการทำโทเคนอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโทเคนคาร์บอนเครดิตที่แพร่หลายในไทยมากขึ้น หรือในสิงคโปร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่จะเป็นผู้นำในด้านนี้

 

 

The post ‘ท๊อป บิทคับ’ ถกอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลในงาน WEF 2025 ชี้โทเคนอสังหา-คาร์บอนเครดิตบูมต่อปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คลังเผย กำลังศึกษาแนวทางใช้บิทคอยน์-เงินดิจิทัลในแซนด์บ็อกซ์ เตรียมหารือแบงก์ชาติต่อ https://thestandard.co/bitcoin-digital-currency-finance-ministry/ Tue, 21 Jan 2025 07:04:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1032611 บิทคอยน์-เงินดิจิทัล

รมช.คลัง เผย กำลังศึกษาแนวทางใช้บิทคอยน์-เงินดิจิทัลในแ […]

The post คลังเผย กำลังศึกษาแนวทางใช้บิทคอยน์-เงินดิจิทัลในแซนด์บ็อกซ์ เตรียมหารือแบงก์ชาติต่อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บิทคอยน์-เงินดิจิทัล

รมช.คลัง เผย กำลังศึกษาแนวทางใช้บิทคอยน์-เงินดิจิทัลในแซนด์บ็อกซ์ รอได้ข้อสรุปก่อน หารือแบงก์ชาติ ชี้เรื่อง พ.ร.บ.เงินตรา อยู่ในประเด็นที่ต้องมีการหารือ ส่วนประเด็นเรื่องความคืบหน้าโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 3 ยืนยันว่าพร้อมแจกภายในไตรมาส 2-3 ของปีนี้

 

วันนี้ (21 มกราคม) เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงประเด็นการจัดตั้งแซนด์บ็อกซ์สำหรับการใช้เงินดิจิทัลและบิทคอยน์ในจังหวัดภูเก็ต ตามข้อเสนอแนะของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ประเด็นดังกล่าวอยู่ในการหารือภายในของกระทรวงการคลัง ว่าแนวทางกลไกในการใช้และการกำกับดูแลจะเป็นอย่างไร จากนั้นเมื่อได้ข้อสรุปจะไปหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะขัดกับ พ.ร.บ.เงินตรา ของ ธปท. หรือไม่ เผ่าภูมิกล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ต้องหารือ ทั้งเรื่องของข้อกฎหมายและเรื่องของกลไกในการกำกับต่างๆ ซึ่งก็ต้องดูข้อสรุปทั้งหมดในการศึกษาออกมาก่อน 

 

สำหรับไทม์ไลน์ของแซนด์บ็อกซ์ดังกล่าว รมช.คลัง ระบุว่า ทุกอย่างต้องทำให้เร็วที่สุด หากมีความพร้อมเมื่อไรก็จะสามารถเปิดเป็นแซนด์บ็อกซ์ในพื้นที่แรกที่มีความพร้อมได้

 

พร้อมแจกเงินหมื่นเฟส 3 ไตรมาส 2-3 ของปีนี้

 

เผ่าภูมิยังกล่าวถึงความพร้อมในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินหมื่นในเฟสที่ 3 ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนแล้ว ซึ่ง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพิ่งประกาศว่าจะแจกเงินภายในเดือนมีนาคม-เมษายนนั้น

 

เผ่าภูมิกล่าวว่าถือว่าใกล้เคียงกับไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ “อย่างที่บอกว่าอยากจะให้เงินลงไปในช่วงที่เหมาะสมในช่วงที่เป็นโลว์ซีซันของการท่องเที่ยว ซึ่งปกติจะอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ซึ่งรัฐบาลก็วางแผนว่าจะทำงานเพื่อให้เม็ดเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจในช่วงนั้นอยู่แล้ว”

The post คลังเผย กำลังศึกษาแนวทางใช้บิทคอยน์-เงินดิจิทัลในแซนด์บ็อกซ์ เตรียมหารือแบงก์ชาติต่อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ถนนสายอนาคต: เปิดประสบการณ์คริปโตแบบจัดเต็มครั้งแรกในไทย https://thestandard.co/street-of-the-future-crypto-event/ Tue, 14 Jan 2025 09:00:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1030231 crypto-event

หลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบิทคอยน์ โดยเฉพาะ […]

The post ถนนสายอนาคต: เปิดประสบการณ์คริปโตแบบจัดเต็มครั้งแรกในไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
crypto-event

หลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับบิทคอยน์ โดยเฉพาะเส้นทางการเติบโตของราคาหลายเท่าตัว รวมทั้งเรื่องราวของดิจิทัลโทเคนอื่นๆ แล้วเคยสงสัยไหมว่า อนาคตของโลกคริปโทเคอร์เรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชนจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้อย่างไร? หรือจะเป็นเพียงกระแสที่มาแล้วไป? โลกการเงินอนาคตจะเป็นอย่างไร? การมีสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงการลงทุนของเราอย่างไร?

 

สกุลเงินดิจิทัลจะเป็นประเด็นในวงสนทนาของคนไทยปี 2568

 

คุณอาจไม่รู้ว่ามากกว่า 1 ใน 5 ของประชากรไทยเข้าวงการคริปโตเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มสูงถึง 17 ล้านรายในปี 2571

 

การที่ค่าเงินเสื่อมลงทุกวัน รายรับฝืดเคือง กระตุ้นให้คนมองหาสินทรัพย์ที่มีอนาคต ในยุคนี้บิทคอยน์เป็น Store of Value ที่เก็บความมั่งคั่งสำหรับปัจจุบันไปจนถึงยุคหน้า ซึ่งจะทำให้ผู้เก็บสะสมอยู่เหนือปัญหาเงินเฟ้อ สถานการณ์ All Time High ล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 นับเป็นอีกหนึ่งการจุดพลุวงการสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาด เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนหน้าใหม่หลั่งไหลเข้าสู่ตลาดนี้มากขึ้น

 

เรื่องราวของเหรียญมีม (Meme Coin) หนึ่งในเหรียญคริปโตที่สร้างกระแสคึกคักให้วงการ ตลกร้าย ล้อเลียน เล่นตามกระแสไวรัลที่มีมูลค่ามหาศาล อย่างเหรียญ MOODENG บนเชน Solana ที่ทำให้ชื่อหมูเด้งจากสวนสัตว์ดังไกลทั่วโลกผ่านกระดานเทรด

 

 

การเข้ามาของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยเร่งปฏิกิริยาของผู้คน และตลาด RWA Tokenization จะไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่ยังคงถูกพูดถึงต่อ แม้ว่าจะโดดเด่นใน Tokenization ในวงการอสังหาริมทรัพย์ แต่ในปีนี้จะเห็นการขยายตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ศิลปะ, การเกษตร, พลังงานหมุนเวียน และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งแต่เดิมยากต่อการลงทุน เนื่องจากต้นทุนสูงหรือยากต่อการจัดการ แต่ Tokenization กำลังจะเปิดโอกาสให้คนหน้าใหม่ๆ เข้าถึงการลงทุนมากขึ้น

 

สำหรับบิทคอยน์ ส่งท้ายปี 2567 ด้วยมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 123.4%YTD เมื่อเทียบกับต้นปี ความสำเร็จนี้ทำให้บิทคอยน์กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก แซงหน้า Saudi Aramco และเงิน ในบรรดาสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรกของโลก บิทคอยน์มีผลงานดีที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก NVIDIA และมีโอกาสที่ปี 2568 จะเป็นปีที่บิทคอยน์จะไต่อันดับสูงขึ้นเป็นสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลก

 

เปิดโลกคริปโตในงาน Street of the Future: อีเวนต์คริปโตที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่พูดเรื่องคริปโตสำหรับ ‘ทุกคน’

 

อยากสัมผัสอนาคตคริปโต? รวบรวมบรรยากาศโลกการเงินอนาคตมาไว้ให้แล้วกับงานที่น่าตื่นเต้นที่สุดแห่งปี! ‘Street of the Future’ โดย Binance TH ใจกลางสยามสแควร์ วันที่ 18-19 มกราคมนี้ ม่วนจอยบรรยากาศโลกคริปโตแบบที่ไม่ว่าใครก็เข้าใจได้ งานนี้ไม่ได้มีแค่ข้อมูลเกี่ยวกับโลกคริปโตที่ทุกคนสงสัย แต่ยังมาพร้อมกับกิจกรรมเอ็นเตอร์เทนที่จะช่วยให้เราเข้าใจโลกคริปโตมากยิ่งขึ้น

 

อีเวนต์นี้ตอกย้ำว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่กระแสหลัก (Mass Adoption) ที่จะไม่พูดคุยกันในวงสนทนานักลงทุนอีกต่อไป

 

 

  • จำลองบรรยากาศการใช้คริปโตและเหรียญสกุลดิจิทัลต่างๆ ผ่านกิจกรรมโซนต่างๆ ในงาน

 

  • สะสมแสตมป์บน Passport Card รับ SWAG รุ่น Rare Item ในวงการคริปโตที่ไม่มีการผลิตซ้ำและผลิตเพิ่ม มีแจกเฉพาะที่นี่ที่เดียว!

 

  • ขนเกมยอดนิยมในชาวคริปโตอย่าง ตึกถล่ม (Jenga), บันไดงู และอีกมากมาย มาในไซส์จัมโบ้ เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กในงาน

 

  • Binance TH Square เวิร์กช็อปแบบจับมือทำ 101 ตั้งแต่พื้นฐานการเปิดบัญชี การเริ่มลงทุนบิทคอยน์ มายด์เซ็ตก่อนเริ่มลงทุนคริปโต

 

  • Binance TH Tuk Tuk อีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ถ่ายทอดความเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มในสังคมไทย

 

  • โอกาสในโลกการเงินยุคใหม่ มากกว่าการซื้อขายเหรียญ นี่คืองานที่จะเปิดโลกทางอาชีพ หรือการนำเทคโนโลยีมาสร้างสิ่งที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน!

 

  • Talk Space รับฟังเทรนด์สด ใหม่ ย่อยง่าย เกี่ยวกับคริปโตและบล็อกเชนจากสปีกเกอร์แนวหน้าของวงการ พร้อมรับอินไซต์ที่คุณจะนำไปต่อยอดได้จริง ไม่ว่าจะเป็น 
    • Driving Crypto Adoption in Thailand: การนำคริปโตมาใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทย
    • Meme Coins: Fad or Financial Revolution?: กระแสชั่วคราวหรือการปฏิวัติการเงิน?
    • สำรวจระบบนิเวศของเกมในยุค Web3 ที่จะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างผู้พัฒนา ผู้เล่น และนักลงทุนไปตลอดกาล ที่หัวข้อ Who Owns the Game? Power, Profit, and Possibility in Web3 Gaming
    • Investment Thesis 2025 ครบจบประเด็นการลงทุนที่ทุกคนควรรู้
    • อาชีพใหม่รับการมาของเทคโนโลยีคริปโต, Web3 หรือบล็อกเชน ที่เซสชัน Building Careers in Web3 and Crypto: สร้างเส้นทางอาชีพในโลกใหม่
    • และการปรากฏตัวของแขกรับเชิญสุดพิเศษที่คุณต้องมาสัมผัส!

 

 

ฟรีคอนเสิร์ตปิดท้ายสุดปัง เตรียมพบกับโชว์จากศิลปินชื่อดังอย่าง BNK48, ต้าห์อู๋-ออฟโรด, วี วิโอเลต, PERSES, PROXIE และ BOWKYLION ที่จะทำให้งานนี้สนุกและเก็บความประทับใจกลับบ้าน

 

กิจกรรมตลอด 2 วันนี้จะจัดขึ้นบนถนนกลางสยามสแควร์ ที่ได้รับการเนรมิตให้เป็นเหมือนเส้นทางที่จะค่อยๆ พาทุกคนเข้าสู่โลกคริปโตอย่างสมบูรณ์

 

ลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าร่วมฟรีได้แล้ววันนี้ผ่านลิงก์นี้: https://lu.ma/883jke53 และคลิกดูขั้นตอนการลงทะเบียนเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/share/p/1KgoAE1Kdc/

 

แล้วเจอกันบน ‘ถนนสู่อนาคต’ Street of the Future ณ สยามสแควร์ วันที่ 18-19 มกราคม 2568! งานที่คุณจะไม่อยากพลาด หากอยากรู้ว่าคริปโตคืออนาคตหรือแค่กระแส… และงานที่ทำให้คุณเข้าใจโลกคริปโตได้ด้วยความสนุกและความสร้างสรรค์แบบไม่เหมือนใคร!

 

คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาข้อมูลและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

The post ถนนสายอนาคต: เปิดประสบการณ์คริปโตแบบจัดเต็มครั้งแรกในไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Stablecoins กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของสถาบันการเงิน-นักวิเคราะห์คาด Bitcoin อาจแตะ 2 แสนดอลลาร์ในปีนี้ https://thestandard.co/stablecoins-bitcoin-200k-prediction/ Thu, 02 Jan 2025 01:55:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1026372 Stablecoins Bitcoin

การทะยานของ Bitcoin เหนือ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นหนึ […]

The post Stablecoins กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของสถาบันการเงิน-นักวิเคราะห์คาด Bitcoin อาจแตะ 2 แสนดอลลาร์ในปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Stablecoins Bitcoin

การทะยานของ Bitcoin เหนือ 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นหนึ่งในประเด็นพาดหัวข่าวที่โดดเด่นในปี 2024 แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น บริษัทการเงินหลายแห่งกลับพุ่งเป้าความสนใจไปยังสกุลเงินดิจิทัลประเภทที่ราคาไม่ได้ผันผวนมากอย่างมีนัยสำคัญ

 

Stablecoins เริ่มเตะตาผู้เล่นระดับสถาบันมากขึ้น

 

Bloomberg รายงานว่า ผู้ประกอบการในตลาดอย่าง Visa, PayPal, Stripe และบริษัทอื่นๆ ต่างลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoins ซึ่งเป็นโทเคนคริปโตเคอร์เรนซีที่ถูกออกแบบมาให้ตรึงมูลค่ากับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐหรือสกุลเงินประเทศต่างๆ

 

เหรียญคริปโตประเภทนี้ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลกลายเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างกำไรได้ เนื่องจากผู้ออกเหรียญสามารถนำเงินสำรองที่หนุนหลัง Stablecoins ไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้น โดยในปัจจุบันการใช้งาน Stablecoins ในฐานะสกุลเงินสำหรับการทำธุรกรรมกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก

 

ปี 2025 ถูกมองว่าตลาด Stablecoins จะได้เห็นการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ารวมของตลาดอยู่ที่ประมาณ 2.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อมูลของ DeFiLlama แม้ว่าเหรียญ USDT ของ Tether ที่ยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดอยู่ด้วยมูลค่าประมาณ 1.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงในปี 2025 ที่อาจกระทบต่อสถานะเบอร์ 1 ในตลาดของ Tether ได้

 

ปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวถึงคือการที่สหภาพยุโรปออกกฎ MiCA ที่กำหนดให้ Stablecoins ทั้งหมดที่อยู่ในตลาดซื้อขายแบบรวมศูนย์ (Centralized Exchanges) ต้องมาจากบริษัทผู้ออกเหรียญที่มีใบอนุญาต e-Money ซึ่ง ณ ขณะนี้ Circle บริษัทคู่แข่งหลักของ Tether ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวแล้วในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ Tether ยังไม่ได้สมัครขอใบอนุญาต หมายความว่าโทเคน USDT มีความเสี่ยงที่จะถูกถอดออกจากศูนย์ซื้อขาย ซึ่งเกิดขึ้นแล้วกับบางศูนย์ซื้อขายในสหภาพยุโรป

 

ในขณะเดียวกัน บริษัทหลายแห่งในสหรัฐฯ ก็กำลังก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้ เช่น Visa ที่เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่อย่าง Visa Tokenized Asset Platform สำหรับธนาคารเพื่อออก Stablecoins และโทเคนอื่นๆ หรือบริษัทฟินเทคอย่าง Revolut กำลังพิจารณาออก Stablecoins ของตัวเอง รวมทั้ง PayPal ที่สร้าง Stablecoins ที่ผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐของตัวเองชื่อ PYUSD ร่วมกับบริษัท Paxos

 

หลังจากชัยชนะของ Donald Trump หลายฝ่ายมองบวกว่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตยิ่งขึ้นในปี 2025 และการฟื้นตัวในปีนี้ Stablecoins อาจเป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุดสำหรับบริษัทนอกวงการคริปโตที่ต้องการเข้าสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล

 

Bitcoin อาจขึ้นแตะ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐในปี 2025

 

สำหรับ Bitcoin ที่เพิ่งทำราคาเพิ่มขึ้น 2 เท่าตลอดปี 2024 ในปี 2025 ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็มองว่าเหรียญคริปโตอันดับ 1 ของโลกจะทำสถิติเชิงราคาในทำนองเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยบางสำนักมองว่ามีโอกาสที่ Bitcoin จะขึ้นไปแตะ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ

 

Geoffrey Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลจากธนาคาร Standard Chartered กล่าวกับ CNBC ว่าราคา Bitcoin จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าที่ระดับ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 BTC ภายในสิ้นปี 2025 เนื่องจากเขาคาดว่ากระแสเงินทุนจากสถาบันที่จะไหลเข้าสู่ Bitcoin จะเดินหน้าต่อไปในระดับเดียวกันหรือสูงกว่าปี 2024

 

เหตุผลสนับสนุนราคา Bitcoin มาจากการไหลเข้าของเงินทุนสถาบันผ่านกองทุน ETF ในสหรัฐฯ รวมทั้งการเข้าซื้อโดย MicroStrategy บริษัทซอฟต์แวร์ที่กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือ Bitcoin รายใหญ่ของโลก

 

Kendrick ระบุว่า การซื้อ Bitcoin ของ MicroStrategy ในปี 2025 น่าจะเทียบเท่าหรือมากกว่ายอดการซื้อในปี 2024

 

นอกจากนี้ กองทุนบำเหน็จบำนาญก็น่าจะเริ่มพิจารณาเพิ่ม Bitcoin ในพอร์ตการลงทุนของพวกเขาผ่านกองทุน ETF ในปี 2025 เช่นกัน เนื่องจากการปฏิรูปเชิงกฎระเบียบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของทรัมป์ที่กำลังใกล้เข้ามา ซึ่งจะปรับกฎสำหรับบริษัทการเงินดั้งเดิมที่ต้องการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล

 

อ้างอิง:

The post Stablecoins กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของสถาบันการเงิน-นักวิเคราะห์คาด Bitcoin อาจแตะ 2 แสนดอลลาร์ในปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เส้นทาง ‘รถไฟเหาะ’ ของ Bitcoin หลังปี 2020 https://thestandard.co/bitcoin-rollercoaster-journey-post-2020/ Mon, 30 Dec 2024 00:00:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1023647 bitcoin-rollercoaster-journey-post-2020

นอกเหนือจาก AI ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2024 อีกหนึ่ […]

The post เส้นทาง ‘รถไฟเหาะ’ ของ Bitcoin หลังปี 2020 appeared first on THE STANDARD.

]]>
bitcoin-rollercoaster-journey-post-2020

นอกเหนือจาก AI ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2024 อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ฟื้นตัวและกลับมาพุ่งได้แรงก็คือคริปโตเคอร์เรนซี นำโดยเหรียญอันดับ 1 อย่าง Bitcoin (BTC) ที่นับตั้งแต่ต้นปีนี้เติบโตมาแล้วกว่า 140% หรือเกือบ 1.5 เท่า

 

การดีดตัวสูงขึ้นของ Bitcoin ในปีนี้มาจากหลายปัจจัย ทั้งการอนุมัติกองทุน Spot Bitcoin ETFs ที่เกิดขึ้นในเดือนมกราคม ซึ่งเปิดช่องให้เงินทุนสถาบันหรือนักลงทุนที่ไม่ต้องการจัดเก็บสินทรัพย์ดังกล่าวด้วยตัวเองสามารถเข้าถึงความเคลื่อนไหวของราคา Bitcion ได้ หรือการคว้าชัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ผลักให้ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้น

 

ก่อนที่จะจบปี 2024 THE STANDARD WEALTH ขอรวบรวมเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นกับ Bitcoin นับตั้งแต่การระบาดของโควิดในช่วงปี 2020 ว่าเส้นทาง ‘รถไฟเหาะ’ ของคริปโตเคอร์เรนซีอันดับ 1 มีความเคลื่อนไหวอย่างไร และในปี 2025 มีโอกาสและความเสี่ยงอะไรรอสินทรัพย์อย่าง Bitcoin อยู่

 

สำหรับในปี 2025 ทิศทางที่ Bitcoin จะยังเติบโตต่อมีความเป็นไปได้สูง

 

สำหรับในปี 2025 ทิศทางที่ Bitcoin จะยังเติบโตต่อมีความเป็นไปได้สูง โดย นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Binance TH) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุน Bitcoin คือการเข้ามาลงทุนโดยนักลงทุนสถาบันและผู้จัดการสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปีหน้า

 

รวมถึงข้อเสนอของทรัมป์ที่จะพิจารณาให้ Bitcoin

เป็นสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ

 

“ภายใต้การนำของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดี สหรัฐฯ

จะมีมุมมองที่เอื้อต่อสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งพัฒนาการเชิงบวกด้านกฎระเบียบของสหรัฐฯ

อาจกลายเป็นแนวทางให้ประเทศอื่นสามารถปรับใช้กรอบการทำงานที่ชัดเจน และสนับสนุนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น” นิรันดร์กล่าว

 

นอกจากนี้ นิรันดร์ยังเผยถึงสถิติที่น่าสนใจสำหรับ Bitcoin นั่นก็คือวัฏจักร 4 ปี

ซึ่งหากมองตามประวัติศาสตร์ ปี 2025 อาจเป็นปีที่ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในวัฏจักรที่ผ่านมา มิได้เป็นตัวการันตีว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นซ้ำอีกกับวัฏจักรปัจจุบัน ฉะนั้นนักลงทุนต้องทำความเข้าใจ ศึกษา

และประเมินความเสี่ยงที่รับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน

 

อีกความเสี่ยงที่จะมองข้ามไม่ได้คือ ‘การตัดสินใจที่คาดเดาไม่ได้’ ของทรัมป์ เพราะแม้ว่าเขาจะมีทีท่าสนับสนุน Bitcoin แต่การที่เขายังไม่ขึ้นดำรงตำแหน่งและนโยบายที่ยังไม่ถูกใช้จริง ปัจจัยเหล่านี้ก็ยังเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องระมัดระวังอยู่ รวมทั้งความผันผวนของราคาในระยะสั้นด้วย

 

นิรันดร์เชื่อว่า Milestone หรือหมุดหมายสำคัญของ Bitcoin ในปี 2025 จะอยู่ที่ความชัดเจนด้านกฎระเบียบของสหรัฐฯ และการได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งจะช่วยยกระดับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบันไปสู่การเป็นส่วนสำคัญในระบบการเงินโลกอย่างแท้จริง

 

อย่างไรก็ตาม การยอมรับ Bitcoin เป็นวงกว้างยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ยอมรับ เนื่องจากคนกลุ่มดังกล่าวอาจมองว่า Bitcoin เป็นแค่สินทรัพย์เก็งกำไร ซึ่งนิรันดร์ชี้แจงประเด็นนี้ว่าเป็นความเข้าใจผิดที่ได้ยินบ่อยที่สุด 

 

“Bitcoin ถูกใช้งานในหลายประเทศที่มีมูลค่าสกุลเงินไม่เสถียร ถูกใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษามูลค่าและทำธุรกรรมทางการเงิน อีกทั้ง Bitcoin

ยังสามารถโอนมูลค่าแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องใช้ตัวกลาง ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนระบบการเงินโลก” นิรันดร์กล่าวทิ้งท้าย

 

ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร

The post เส้นทาง ‘รถไฟเหาะ’ ของ Bitcoin หลังปี 2020 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: คลายข้อสงสัย! อนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องรู้ | Thailand Future EP.6 https://thestandard.co/thailand-future-ep-6/ Sat, 28 Dec 2024 02:03:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1024918 thailand-future-ep-6

ไขคำตอบ 4 คำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล! […]

The post ชมคลิป: คลายข้อสงสัย! อนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องรู้ | Thailand Future EP.6 appeared first on THE STANDARD.

]]>
thailand-future-ep-6

ไขคำตอบ 4 คำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล! โลกของ Bitcoin, Ethereum และ Blockchain อาจฟังดูซับซ้อน แต่ถ้าคุณกำลังสงสัยว่าสินทรัพย์ดิจิทัลคืออะไร จะเริ่มต้นอย่างไร และมีโอกาส-ความเสี่ยงแบบไหน วิดีโอนี้มีคำตอบที่ควรต้องรู้

 

พบกับบทสรุปจากสถาบันอนาคตไทยศึกษา ที่รวบรวมข้อสงสัยและข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ตั้งแต่พื้นฐานเทคโนโลยี Blockchain ประเภทของคริปโต โอกาสการลงทุนรูปแบบใหม่ ไปจนถึงความเสี่ยงและแนวโน้มนโยบายล่าสุด ใครที่อยากเข้าใจและเตรียมพร้อมเข้าสู่โลกดิจิทัล ห้ามพลาด

The post ชมคลิป: คลายข้อสงสัย! อนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องรู้ | Thailand Future EP.6 appeared first on THE STANDARD.

]]>