World – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 21 Jan 2025 05:00:46 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘ไม่เอา WHO – ไม่สนโลกร้อน’ สรุป Day 1 ทรัมป์ลงนามคำสั่งอะไรบ้าง? https://thestandard.co/trump-day1-actions/ Tue, 21 Jan 2025 05:00:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1032588 trump-day1-actions

ในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 โดนัลด์ […]

The post ‘ไม่เอา WHO – ไม่สนโลกร้อน’ สรุป Day 1 ทรัมป์ลงนามคำสั่งอะไรบ้าง? appeared first on THE STANDARD.

]]>
trump-day1-actions

ในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดฉากสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสหรัฐฯ และทั่วโลก ด้วยการใช้อำนาจประธานาธิบดีลงนามคำสั่งพิเศษ (Executive Order) หลายฉบับ เช่น การถอน 78 นโยบายยุคไบเดน การเดินหน้าคำสั่งกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมาย และถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) และองค์การอนามัยโลก (WHO) นอกจากนี้ยังอภัยโทษผู้ต้องสงสัยนับพันคนในเหตุการณ์จลาจลบุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

 

ในการกล่าวสุนทรพจน์หลังพิธีสาบานตน ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะพาสหรัฐฯ เข้าสู่ ‘ยุคทอง’ และกอบกู้ประเทศจากสิ่งที่เขาอ้างว่าเป็น ‘ยุคตกต่ำ’ ที่เกิดจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมประกาศเป้าหมายที่สร้างความฮือฮา เช่น การส่งนักบินอวกาศสหรัฐฯ ปักธงบนดาวอังคาร เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และย้ำเรื่องการยึดคืนคลองปานามา ขณะที่เน้นถึงความสำคัญในการสร้างความสามัคคีและเรียกความเชื่อมั่นภายในชาติกลับคืนมา

 

และนี่คือไฮไลต์สำคัญใน Day 1 ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0

 

คำสั่งพิเศษสะเทือนโลก

 

ภายหลังรับตำแหน่งไม่กี่ชั่วโมง ทรัมป์ลงนามคำสั่งพิเศษถอน 78 นโยบายในยุครัฐบาลไบเดน ตามด้วยการลงนามคำสั่งอีกหลายฉบับ

 

หนึ่งในคำสั่งพิเศษที่สำคัญและเป็นที่จับตามองจากทั่วโลกคือการเริ่มกระบวนการถอนสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และการถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสหรัฐฯ ถือเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญ และท่าทีของทรัมป์ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เขาเคยถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนี้มาแล้วในปี 2017

 

การถอนตัวจากข้อตกลงปารีสสะท้อนถึงความไม่มั่นใจของทรัมป์เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นการหลอกลวง และสอดคล้องกับแผนงานของเขา ในการปลดข้อจำกัดให้กับบริษัทขุดเจาะน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตได้อย่างเต็มที่

 

“ผมขอถอนตัวทันทีจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันฉ้อฉล ที่ไร้ความยุติธรรมและลำเอียง” เขากล่าวก่อนจะลงนามในคำสั่งพิเศษ

 

สำหรับประเด็นการขึ้นภาษีจีน แคนาดา และเม็กซิโก เพื่อตอบโต้ปัญหาผู้อพยพและการค้ายาเสพติดที่เขาเคยขู่ว่าจะดำเนินการตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง ปรากฏว่าไม่มีการลงนามคำสั่งในเรื่องนี้ โดยทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังเข้าไปที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวว่า “กำลังคิดที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็น 25% ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์”

 

ส่วนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ทรัมป์ชี้ว่าอัตราภาษีที่เขาเคยเรียกเก็บในขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกนั้นยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

 

ปัดกวาดปัญหาภายใน

 

ทรัมป์ยังลงนามในหลายคำสั่งพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาภายในประเทศ เช่น

 

  • ยุติคำสั่งรัฐบาลไบเดนในการใช้หน่วยงานรัฐเป็นอาวุธต่อศัตรูทางการเมือง
  • ให้หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมดแก้ไขวิกฤตค่าครองชีพ
  • ระงับการออกกฎระเบียบข้าราชการจนกว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์จะเข้าคุมอำนาจ
  • ระงับการจ้างงานรัฐบาลกลาง
  • คืนเสรีภาพในการพูดและป้องกันรัฐบาลเซ็นเซอร์เสรีภาพในการพูด
  • ตั้งกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency)
  • จับอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่รับผิดชอบการแทรกแซงการเลือกตั้ง

 

เขายังเดินหน้าความพยายามกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายตามคำมั่นที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงด้วยการลงนามคำสั่งหลายฉบับ ซึ่งรวมถึง

 

  • ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นให้มีการส่งทรัพยากรของกระทรวงกลาโหมและกองกำลังทหารติดอาวุธไปช่วยให้การสร้างกำแพงชายแดนแล้วเสร็จ
  • ยุติสิทธิพลเมืองโดยกำเนิด (ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ)
  • กำหนดให้กลุ่มค้ายาเสพติดเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ เพื่อเพิ่มโทษทางการเงินและผลทางกฎหมายที่รุนแรงขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นใหญ่ที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์คือการลงนามอภัยโทษผู้ต้องสงสัยกว่า 1,500 คน ที่เกี่ยวข้องในเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยคาดว่าจะส่งผลให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มตำรวจและ สส. จำนวนมาก ที่ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยงจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และบาดเจ็บอีกนับร้อยคน

 

ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นแล้ว

 

สุนทรพจน์แรกของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เปิดฉากด้วยการประกาศว่า “ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นในตอนนี้”

 

ทรัมป์ยืนยันว่าภายใต้การบริหารของเขา ประเทศชาติจะกลับมาเจริญรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง และชี้ว่าเขาจะกำกับดูแลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจาก 4 ปีที่ผ่านมา

 

“ในทุกๆ วันของรัฐบาลทรัมป์ ผมจะให้ความสำคัญกับอเมริกามาเป็นอันดับแรก” เขากล่าว และย้ำว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างประเทศที่ภาคภูมิใจ เจริญรุ่งเรือง และเป็นอิสระ”

 

โจมตีการ ‘เสื่อมถอย’ ของสหรัฐฯ

 

ทรัมป์กล่าวถึงสถานการณ์ของสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายของไบเดน โดยประณามระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่ย่ำแย่ลง และชี้ว่าความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเลวร้ายและไร้ความสามารถ โดยรัฐบาลไบเดนไม่สามารถจัดการได้แม้แต่วิกฤตง่ายๆ ภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็สะดุดกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

 

ทรัมป์ยังอ้างว่ารัฐบาลไบเดนปกป้องเหล่าผู้อพยพที่อันตรายมากกว่าพลเมืองที่เคารพกฎหมาย ขณะที่ไม่สามารถให้บริการขั้นพื้นฐานในยามฉุกเฉินแก่ประชาชนได้ โดยเห็นได้จากในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ เช่น เฮอริเคนเฮเลนในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เมื่อปลายเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายและกระทบประชาชนจำนวนมาก

 

“ทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนี้ และจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

 

ทรัมป์ยืนยันว่าภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายหลังชนะการเลือกตั้งคือการพลิกกลับการทรยศหักหลังอันเลวร้ายมากมายที่เกิดขึ้นในยุคไบเดน และคืนศรัทธา ความมั่งคั่ง ประชาธิปไตย และเสรีภาพให้กับชาวอเมริกัน

 

“นับจากนี้เป็นต้นไปการเสื่อมถอยของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว” เขากล่าว

 

อ่าวอเมริกา ยึดคลองปานามา

 

ทรัมป์ยังใช้โอกาสในการกล่าวสุนทรพจน์ ย้ำถึงหลายสิ่งที่เขาตั้งใจและมีเป้าหมายที่จะทำ ทั้งการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา เปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลีในรัฐอะแลสกา ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ เป็นภูเขาแม็กคินลีย์

 

นอกจากนี้เขาย้ำว่ารัฐบาลของเขาจะพยายามยึดอำนาจเหนือคลองปานามาอีกครั้ง

 

“เรากำลังจะยึดมันคืน” เขายืนยัน โดยสหรัฐฯ ยอมสละการควบคุมคลองปานามาให้แก่รัฐบาลปานามาในปี 1999

 

ส่งนักบินไปดาวอังคาร

 

อีกประกาศที่เรียกเสียงฮือฮา คือการประกาศจะส่งนักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปยังดาวอังคาร

 

“เราจะไล่ตามโชคชะตาของเราไปสู่ดวงดาว ด้วยการส่งนักบินอวกาศชาวอเมริกันไปปักธงบนดาวอังคาร”

 

คำประกาศนี้ได้รับเสียงยินดีในทันทีจาก อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอ SpaceX ผู้มีเป้าหมายสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร โดยมัสก์ถือเป็นพันธมิตรสำคัญของทรัมป์ และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล

 

ภาพ: Carlos Barria / Reuters

 

อ้างอิง:

The post ‘ไม่เอา WHO – ไม่สนโลกร้อน’ สรุป Day 1 ทรัมป์ลงนามคำสั่งอะไรบ้าง? appeared first on THE STANDARD.

]]>
จะเกิดอะไรขึ้น หลังทรัมป์เซ็นคำสั่งนำสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส https://thestandard.co/trump-us-withdraw-paris/ Tue, 21 Jan 2025 04:13:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1032573 trump-us-withdraw-paris

เป็นอีกครั้งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างเสียงฮือฮาตั้งแต่วั […]

The post จะเกิดอะไรขึ้น หลังทรัมป์เซ็นคำสั่งนำสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส appeared first on THE STANDARD.

]]>
trump-us-withdraw-paris

เป็นอีกครั้งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างเสียงฮือฮาตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หลังเขายืนยันที่จะพาสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสเป็นครั้งที่ 2 สวนกระแสความร่วมมือของนานาประเทศที่พยายามลดผลกระทบจากภาวะโลกรวน ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามโลกในระดับวิกฤต

 

  • ความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนภาพลักษณ์สหรัฐฯ

 

การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ส่งผลให้สหรัฐฯ กลายเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมข้อตกลงปารีสร่วมกับอิหร่าน ลิเบีย และเยเมน ทั้งที่ข้อตกลงดังกล่าวมีเป้าหมายสำคัญในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม มิเช่นนั้นสถานการณ์ความเลวร้ายทางสภาพอากาศจะไปสู่จุดที่แก้ไขได้ยากแล้ว

 

“ผมขอถอนตัวจากข้อตกลงปารีสที่ไม่เป็นธรรมและลำเอียงทันที” เขากล่าว ก่อนที่จะลงนามในคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหาร (Executive Order) ต่อหน้าบรรดาผู้สนับสนุนที่มารวมตัวกัน ณ Capital One Arena ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พร้อมโจมตีว่าจีนยังคงสร้างมลพิษโดยไม่ต้องรับผิดชอบ ในขณะที่สหรัฐฯ ต้องแบกรับภาระอย่างไม่สมเหตุผล

 

ท่าทีล่าสุดของทรัมป์สะท้อนทัศนะของเขาเกี่ยวกับภาวะโลกรวนได้เป็นอย่างดี เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยประกาศไว้ว่า ‘โลกรวนคือเรื่องหลอกลวง’ อีกทั้งยังสอดคล้องกับแผนงานต่างๆ ของทรัมป์ที่ต้องการปลดพันธนาการของบริษัทขุดเจาะน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ ออกจากกฎระเบียบสีเขียวต่างๆ เพื่อยกระดับกำลังการผลิตให้ได้มากที่สุด

 

ในขั้นตอนต่อไปนั้น สหรัฐฯ จะต้องแจ้งอย่างเป็นทางการต่อ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) เกี่ยวกับการถอนตัวดังกล่าว ซึ่งภายใต้ข้อกำหนดแล้ว ข้อตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในอีก 1 ปีต่อมา

 

  • ผลกระทบที่มากกว่าแค่คำสั่งถอนตัว

 

นักวิชาการเตือนว่าการถอนตัวครั้งนี้อาจสร้างความเสียหายต่อความพยายามด้านสภาพภูมิอากาศของนานาชาติในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหรัฐฯ เป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก หรือเป็นรองเพียงแค่จีน

 

พอล วัตกินสัน อดีตผู้เจรจาเรื่องสภาพอากาศและที่ปรึกษานโยบายอาวุโสของฝรั่งเศส กล่าวว่า การถอนตัวครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจแตะ 3 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษ อันจะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น คลื่นความร้อนรุนแรงขึ้น และพายุทำลายล้างเกิดบ่อยครั้งขึ้น

 

  • สหรัฐฯ เลือกเดินสวนทางโลก

 

การตัดสินใจของทรัมป์สวนทางกับนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เน้นผลักดันสหรัฐฯ ให้เป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด และลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซ แม้ไบเดนจะเคยพลิกสถานการณ์และนำสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ข้อตกลงปารีสในปี 2021 แต่การถอนตัวครั้งใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่าทรัมป์มีแผนจะผ่อนคลายกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมการผลิตและกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

วัตกินสันกล่าวว่า การถอนตัวครั้งนี้ยังอาจสร้างความเสียหายต่อความพยายามด้านสภาพอากาศของนานาประเทศทั่วโลกได้มากขึ้น

 

“ครั้งนี้จะยากขึ้นเพราะเรายังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการดำเนินการ” วัตกินสันกล่าว

 

แม้หลายๆ ชาติจะมีความพยายามที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นสงคราม ความขัดแย้งทางการเมือง และงบประมาณของรัฐที่จำกัด ทำให้หลายๆ ประเทศไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสภาพอากาศมาเป็นลำดับต้นๆ อย่างที่ควรจะเป็น

 

  • จีนจับตา เตรียมคว้าชัยในตลาดพลังงานสะอาด?

 

หลี่ซั่ว (Li Shuo) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทูตสภาพภูมิอากาศแห่งสถาบัน Asia Society Policy Institute กล่าวว่าการถอนตัวของสหรัฐฯ อาจทำให้จีนกลายเป็นผู้นำในตลาดพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และยานพาหนะไฟฟ้า พร้อมเตือนว่าสหรัฐฯ อาจตามหลังจีนในด้านนี้มากขึ้น

 

“นี่คือโอกาสสำคัญที่จีนจะก้าวขึ้นมา และสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเสียเปรียบในการแข่งขัน” หลี่กล่าว

 

  • UN ยังคงหวังภาคธุรกิจและท้องถิ่นสหรัฐฯ หนุนพลังงานสะอาด

 

แม้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถอนตัว แต่กูเตอร์เรสมั่นใจว่าเมืองต่างๆ รวมไปถึงรัฐและภาคธุรกิจของสหรัฐฯ “จะยังคงแสดงวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำด้วยการทำงานเพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นและปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะสร้างงานที่มีคุณภาพ”

 

ฟลอเรนเซีย โซโต นีโน โฆษกสหประชาชาติ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “สิ่งสำคัญคือสหรัฐอเมริกาต้องยังคงรักษาความเป็นผู้นำในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ความพยายามร่วมกันภายใต้ข้อตกลงปารีสทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่เราจำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้าและก้าวไปให้เร็วขึ้นด้วยกัน”

 

ปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีการขุดเจาะน้ำมันอย่างแพร่หลายในเท็กซัส นิวเม็กซิโก และที่อื่นๆ เป็นเวลานานหลายปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากเทคโนโลยีการขุดน้ำมันแบบ Fracking และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นทั่วโลกนับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน

 

การถอนตัวของสหรัฐฯ จากข้อตกลงปารีสเป็นสัญญาณเตือนว่าโลกยังคงเผชิญความท้าทายจากการเมืองและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ที่อาจขัดขวางความพยายามร่วมกันในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ ในห้วงเวลาที่นาฬิกาของโลกกำลังเดินไปสู่จุดที่ไม่มีทางหวนกลับได้อีกต่อไป

 

ภาพ: Carlos Barria / Reuters

 

อ้างอิง:

The post จะเกิดอะไรขึ้น หลังทรัมป์เซ็นคำสั่งนำสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์กลับมาแล้ว! หลังสาบานตนนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยสอง https://thestandard.co/trump-second-term/ Tue, 21 Jan 2025 02:41:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1032520 trump-second-term

โดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการแล้ว หลัง […]

The post ทรัมป์กลับมาแล้ว! หลังสาบานตนนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยสอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
trump-second-term

โดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการแล้ว หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยสองเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีบุคคลสำคัญมากมายเข้าร่วมรัฐพิธีครั้งนี้ ทั้งอดีตประธานาธิบดี ผู้นำประเทศ นักการเมือง เซเลบริตี้ รวมถึงมหาเศรษฐี ซีอีโอ และผู้บริหารบริษัทเทคยักษ์ใหญ่

 

ในปีนี้พิธีสาบานตนจัดขึ้นภายในห้องโถง อาคารรัฐสภา (US Capitol) เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น โดยทรัมป์ได้กล่าวสุนทรพจน์แรกในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยสอง พร้อมเซ็นลงนามคำสั่งพิเศษ (Executive Order) ขณะที่ประกอบรัฐพิธีอีกด้วย ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าทรัมป์จะลงนามคำสั่งพิเศษเกือบ 100 ฉบับภายในวันแรกของการกลับมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

 

ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 และ 47 ซึ่งถือเป็นผู้นำคนที่ 2 ของสหรัฐฯ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2 สมัยไม่ติดต่อกันต่อจาก โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 22 (1885-1889) และ 24 (1893-1897) จากพรรคเดโมแครต

 

ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว! ทรัมป์กลับมาแล้ว!

 

อ้างอิง:

The post ทรัมป์กลับมาแล้ว! หลังสาบานตนนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยสอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
โดนัลด์ ทรัมป์ จากเจ้าพ่ออสังหาสู่ความหวังประธานาธิบดีสมัยที่ 2 https://thestandard.co/donald-trump-second-term-presidential-hope/ Tue, 21 Jan 2025 01:20:30 +0000 https://thestandard.co/?p=999847 donald-trump v2

โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1946 ใ […]

The post โดนัลด์ ทรัมป์ จากเจ้าพ่ออสังหาสู่ความหวังประธานาธิบดีสมัยที่ 2 appeared first on THE STANDARD.

]]>
donald-trump v2

โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1946 ในควีนส์ รัฐนิวยอร์ก เขาเป็นบุตรคนที่ 4 จากบุตรทั้งหมด 5 คนของเฟรเดอริก นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ แมรี ทรัมป์ ไฮโซและนักการกุศลชาวนิวยอร์ก

 

ทรัมป์เติบโตมาแบบเด็กชายที่กระตือรือร้นและมั่นใจในตนเอง ในวัย 13 ปีเขาเริ่มประพฤติตัวไม่ดีในโรงเรียน ส่งผลให้พ่อและแม่ตัดสินใจส่งเขาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยนิวยอร์ก (New York Military Academy) โดยหวังให้ระเบียบวินัยของโรงเรียนช่วยขัดเกลาและส่งเสริมความกระตือรือร้นของเขาไปในทางบวก 

 

เขาทำได้ดีทั้งในด้านสังคมและวิชาการ จนกลายเป็นนักกีฬาดาวเด่นและผู้นำนักเรียน ก่อนจะศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมในปี 1964 และย้ายไปเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์ที่โรงเรียนการเงินวอร์ตัน (Wharton School of Finance) มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียในอีก 2 ปีต่อมา กระทั่งสำเร็จการศึกษาในปี 1968

 

หลังสำเร็จการศึกษา ทรัมป์รับสืบทอดบริษัทต่อจากพ่อ เนื่องจาก เฟร็ด พี่ชายของเขาเลือกที่จะเป็นนักบิน โดยมีส่วนช่วยบริหารโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ในนิวยอร์ก และได้อำนาจบริหารบริษัทเต็มตัวในปี 1971 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Trump Organization ซึ่งภายใต้การบริหารของทรัมป์ได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจของครอบครัวจากโครงการที่พักอาศัยระดับกลางในย่านบรูกลินและควีนส์มาเป็นโครงการหรูหราในแมนฮัตตัน

 

จากบทบาทนักธุรกิจใหญ่ มีหลายครั้งที่ทรัมป์ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ทั้งในแง่สนอกสนใจและประชดประชัน ถึงขั้นมองว่าชีวิตของนักการเมืองนั้นโหดร้าย 

 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ผ่านการเป็นสมาชิกพรรคทั้งรีพับลิกัน เดโมแครต และพรรคอิสระอย่างพรรค Reform (ที่เขาเคยเปิดตัวลงสมัครชิงประธานาธิบดีอยู่ 3 เดือน ก่อนจะถอนตัว) 

 

กระทั่งปี 2011 ทรัมป์แสดงท่าทีว่าต้องการลงสมัครชิงประธานาธิบดีแข่งกับ บารัก โอบามา ในการเลือกตั้งปี 2012 แต่ท้ายที่สุดก็ประกาศไม่ลงสมัคร

 

กระทั่งเดือนมิถุนายน 2015 ทรัมป์ตัดสินใจประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2016 โดยประกาศถ้อยแถลงว่า ‘ความฝันแบบอเมริกัน’ (American Dream) ได้ตายไปแล้ว แต่เขาสัญญาว่าจะ ‘นำมันกลับมาอย่างยิ่งใหญ่และดีขึ้นกว่าเดิม’

 

ถือเป็นบททดสอบที่สำคัญอย่างยิ่งหากเขาชนะเลือกตั้ง ซึ่งหลากหลายนโยบายที่เขาประกาศไว้ช่วงหาเสียง ทั้งนโยบายผู้อพยพ เศรษฐกิจ การค้า การต่างประเทศ รวมถึงท่าทีกับคู่ปรปักษ์ เช่น จีน รัสเซีย และอิหร่าน ท่ามกลางฉากทัศน์ความขัดแย้งที่ลุกลามอยู่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะยูเครนและตะวันออกกลาง คาดว่าจะมีผลอย่างมากต่อหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

info trump v2

 

ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร

 

อ้างอิง:

The post โดนัลด์ ทรัมป์ จากเจ้าพ่ออสังหาสู่ความหวังประธานาธิบดีสมัยที่ 2 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีใครบ้าง หลังทรัมป์คัมแบ็ก 2025 https://thestandard.co/us-presidents-list-2025/ Tue, 21 Jan 2025 01:00:47 +0000 https://thestandard.co/?p=1032254

เปิดทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ปี 1789 จน […]

The post เปิดทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีใครบ้าง หลังทรัมป์คัมแบ็ก 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>

เปิดทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่ปี 1789 จนถึงปัจจุบัน โดยตัวแทนผู้สมัครจาก ‘พรรครีพับลิกัน’ เคยขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาแล้ว 19 คน มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยตัวแทนผู้สมัครจาก ‘พรรคเดโมแครต’ จำนวน 15 คน

 

โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 (ปี 2017-2021) และ 47 (คนล่าสุด) รวมถึงเป็นคนที่ 19 จากพรรครีพับลิกัน หลังทรัมป์ชนะ คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 กลับมาคว้าเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ได้สำเร็จ และหวนคืนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังพิธีสาบานตน

 

ทำให้ทรัมป์ถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 2 ต่อจาก โกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 22 และ 24 จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2 สมัยไม่ติดต่อกัน เมื่อปี 1885-1889 และ 1893-1897

 

white house info

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต

 

เกาะติดทรัมป์ 2.0

The post เปิดทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีใครบ้าง หลังทรัมป์คัมแบ็ก 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
โดนัลด์ ทรัมป์ จากเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ สู่ความหวังประธานาธิบดีสมัยที่ 2 https://thestandard.co/trump-presidential-comeback/ Tue, 21 Jan 2025 01:00:16 +0000 https://thestandard.co/?p=998990 trump

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์วัย 78 ปี สร้า […]

The post โดนัลด์ ทรัมป์ จากเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ สู่ความหวังประธานาธิบดีสมัยที่ 2 appeared first on THE STANDARD.

]]>
trump

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์วัย 78 ปี สร้างประวัติศาสตร์ในการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 โดยเอาชนะ คามาลา แฮร์ริส คู่ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตไปได้ในการเลือกตั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

 

การดำรงตำแหน่งในช่วงสมัยแรกของทรัมป์เรียกได้ว่าเป็นการสร้าง ‘ปรากฏการณ์’ ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ จากบทบาทแข็งกร้าวในนโยบายต่างประเทศต่ออิหร่านและการเปิดฉากสงครามการค้ากับจีน การแสดงจุดยืนรักษาผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน และการดำเนินนโยบายคนเข้าเมืองที่เข้มงวด ทั้งการห้ามพลเมืองจากหลายประเทศมุสลิมเข้าประเทศ การสร้างกำแพงแนวชายแดนเม็กซิโก และการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย 

 

หากเขาชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 แน่นอนว่าหนทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง สงคราม และภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากทั่วโลก

 

และนี่คือเรื่องราวชีวประวัติบางส่วนของหนึ่งในผู้ท้าชิงเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาว ที่อาจกำหนดทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจโลกตลอด 4 ปีข้างหน้า

 

เติบโตสู่มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์

 

โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ เกิดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1946 ในควีนส์ รัฐนิวยอร์ก เขาเป็นบุตรคนที่ 4 จากบุตรทั้งหมด 5 คนของ เฟรเดอริก นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ แมรี ทรัมป์ ไฮโซและนักการกุศลชาวนิวยอร์ก

 

ในช่วงทศวรรษ 1950 ความมั่งคั่งของตระกูลทรัมป์เพิ่มขึ้นพร้อมกับการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 

 

ทรัมป์เติบโตมาแบบเด็กชายที่กระตือรือร้นและมั่นใจในตนเอง ในวัย 13 ปีเขาเริ่มประพฤติตัวไม่ดีในโรงเรียน ส่งผลให้พ่อและแม่ตัดสินใจส่งเขาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยนิวยอร์ก (New York Military Academy) โดยหวังให้ระเบียบวินัยของโรงเรียนช่วยขัดเกลาและส่งเสริมความกระตือรือร้นของเขาไปในทางบวก 

 

เขาทำได้ดีทั้งในด้านสังคมและวิชาการ จนกลายเป็นนักกีฬาดาวเด่นและผู้นำนักเรียน ก่อนจะศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมในปี 1964 และย้ายไปเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์ที่โรงเรียนการเงินวอร์ตัน (Wharton School of Finance) มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ในอีก 2 ปีต่อมา กระทั่งสำเร็จการศึกษาในปี 1968

 

หลังสำเร็จการศึกษา ทรัมป์รับสืบทอดบริษัทต่อจากพ่อ เนื่องจาก เฟรด พี่ชายของเขา เลือกที่จะเป็นนักบิน โดยมีส่วนช่วยบริหารโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ในนิวยอร์ก และได้อำนาจบริหารบริษัทเต็มตัวในปี 1971 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Trump Organization ซึ่งภายใต้การบริหารของทรัมป์ได้ปรับเปลี่ยนธุรกิจของครอบครัว จากโครงการที่พักอาศัยระดับกลางในย่านบรูกลินและควีนส์มาเป็นโครงการหรูหราในแมนฮัตตัน

 

โดยถนน Fifth Avenue กลายมาเป็นที่ตั้งของ Trump Tower ซึ่งต่อมาเป็นทั้งบ้านและทรัพย์สินที่มีชื่อเสียงที่สุดของทรัมป์

 

ทรัพย์สินอื่นๆ ที่ใช้ชื่อแบรนด์ของทรัมป์มีทั้งคาสิโน, คอนโดมิเนียม, สนามกอล์ฟ และโรงแรม ในหลายเมืองของสหรัฐฯ และต่างประเทศ เช่น อินเดีย ตุรกี และฟิลิปปินส์

 

ชีวิตครอบครัว-สัมพันธ์ฉาว

 

สำหรับชีวิตครอบครัว ในปี 1977 ทรัมป์แต่งงานครั้งแรกกับ อิวานา เซลนิชโควา นางแบบและอดีตนักสกีชาวเชโกสโลวาเกีย และมีลูกด้วยกัน 3 คน ได้แก่ โดนัลด์ จูเนียร์, อิวานกา และเอริก ก่อนจะหย่าขาดจากกันในปี 1992 หลังทรัมป์ตกเป็นข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับ มาร์ลา เมเปิลส์ หญิงสาวที่ต่อมากลายเป็นภรรยาคนที่ 2 ซึ่งทรัมป์แต่งงานด้วยในปี 1993 

 

ทรัมป์กับมาร์ลามีลูกสาวด้วยกัน 1 คนชื่อ ทิฟฟานี และชีวิตสมรสของทั้งคู่ก็ยืนยาวต่อมาอีก 6 ปี ก่อนที่ทั้งคู่จะหย่าขาดจากกันในปี 1999 

 

ในปี 2005 ทรัมป์ตัดสินใจแต่งงานรอบที่ 3 กับ เมลาเนีย คเนาส์ หรือปัจจุบันคือ เมลาเนีย ทรัมป์ และมีลูกชายด้วยกันอีก 1 คน คือ บาร์รอน วิลเลียม ทรัมป์ ซึ่งเพิ่งอายุครบ 18 ปี 

 

อย่างไรก็ตาม หลังเข้าสู่แวดวงการเมือง เขาเผชิญกับหลายข้อกล่าวหาอื้อฉาว ทั้งเรื่องการประพฤติผิดทางเพศและความสัมพันธ์นอกสมรส

 

โดยเมื่อต้นปีที่แล้ว คณะลูกขุนในนิวยอร์กตัดสินความผิดในคดีล่วงละเมิดทางเพศนักเขียนหญิง อี. จีน แคร์รอล ในช่วงทศวรรษที่ 1990 และทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการโพสต์ข้อความลงแพลตฟอร์ม Truth Social ว่าข้อกล่าวหาของเธอเป็นคำโกหก ซึ่งศาลสั่งให้ทรัมป์จ่ายเงินเธอทั้งหมด 88 ล้านดอลลาร์ แต่เขาได้ยื่นอุทธรณ์

 

นอกจากนี้ทรัมป์ยังถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา 34 กระทง ฐานปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจ เพื่อปกปิดข้อตกลงเรื่องการจ่ายเงินปิดปาก สตอร์มี แดเนียลส์ นักแสดงหนังผู้ใหญ่ จากกรณีความสัมพันธ์นอกสมรสในปี 2006

 

ชื่อเสียง-ความล้มเหลว

 

ทรัมป์ยังสร้างชื่อในวงการบันเทิงจากการเป็นเจ้าของเวทีประกวดนางงาม Miss Universe, Miss USA และ Miss Teen USA จากนั้นจึงเป็นผู้จัดรายการเรียลิตี้โชว์ The Apprentice ของ NBC

 

นอกจากนี้เขายังเขียนหนังสือหลายเล่มและปรากฏตัวทั้งในภาพยนตร์และรายการมวยปล้ำอาชีพ รวมทั้งยังทำธุรกิจขายสินค้าทุกประเภท ตั้งแต่เครื่องดื่มไปจนถึงเนกไท 

 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์เคยยื่นล้มละลายทางธุรกิจมาแล้ว 6 ครั้ง และธุรกิจหลายอย่างของเขารวมถึง Trump Steaks และ Trump University ก็ล้มละลาย

 

โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่ง Forbes ประเมินว่า ปัจจุบันเขามีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

ขณะที่เขายังเคยเผชิญคดีความและข้อครหาเรื่องการปกปิดข้อมูลภาษี และยังถูกศาลตัดสินโทษปรับเงินเกือบ 355 ล้านดอลลาร์สหรัฐในคดีตกแต่งข้อมูลทรัพย์สินเพื่อหลอกลวงผู้ให้กู้ยืมเงิน

 

เส้นทางสู่การเมือง

 

จากบทบาทนักธุรกิจใหญ่ มีหลายครั้งที่ทรัมป์ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ทั้งในแง่สนอกสนใจและประชดประชัน ถึงขั้นมองว่าชีวิตของนักการเมืองนั้นโหดร้าย 

 

ในปี 1987 ทรัมป์เคยลงโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์ใหญ่ 3 ฉบับ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศและวิธีขจัดการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลาง ก่อนที่ในปีต่อมาเขาจะเข้าพบ ลี แอตวอเตอร์ ที่ปรึกษาประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน แห่งพรรครีพับลิกัน เพื่อขอพิจารณาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีร่วมกับ จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ที่ขณะนั้นเป็นตัวแทนผู้สมัครชิงประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน โดยบุชมองว่าคำขอดังกล่าวค่อนข้าง ‘แปลกและไม่น่าเชื่อ’

 

อย่างไรก็ตาม เขาผ่านการเป็นสมาชิกพรรค ทั้งรีพับลิกัน เดโมแครต และพรรคอิสระอย่างพรรค Reform (ที่เขาเคยเปิดตัวลงสมัครชิงประธานาธิบดีอยู่ 3 เดือน ก่อนจะถอนตัว) 

 

กระทั่งปี 2011 ทรัมป์แสดงท่าทีว่าต้องการลงสมัครชิงประธานาธิบดีแข่งกับ บารัก โอบามา ในการเลือกตั้งปี 2012 แต่ท้ายที่สุดก็ประกาศไม่ลงสมัคร

 

กระทั่งเดือนมิถุนายน 2015 ทรัมป์ตัดสินใจประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2016 โดยประกาศถ้อยแถลงว่า ‘ความฝันแบบอเมริกัน’ (American Dream) นั้นได้ตายไปแล้ว แต่เขาสัญญาว่าจะ ‘นำมันกลับมาอย่างยิ่งใหญ่และดีขึ้นกว่าเดิม’

 

ช่วงสมัยแรกของทรัมป์เต็มไปด้วยปรากฏการณ์ ทั้งการเดินหน้าหลายนโยบายที่ถูกมองว่า ‘สุดโต่ง’ ทั้งการทำสงครามการค้ากับจีน การดำเนินนโยบายผู้อพยพเข้าเมืองที่เข้มงวด เช่น การเนรเทศผู้อพยพเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย หรือการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก ตลอดจนการถอนสหรัฐฯ จากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านและข้อตกลงปารีส 

 

แต่ในอีกแง่หนึ่ง ทุกอย่างที่เขาทำก็สามารถมองได้ว่าเป็นไปตามคำพูดที่เขาเน้นย้ำคือ ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ (America First) และคำมั่นที่จะทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง (Make America Great Again) ที่ยังคงเป็นสโลแกนหาเสียงของเขาในรอบนี้

 

อย่างไรก็ตาม การขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ของทรัมป์ มีบททดสอบสำคัญรออยู่มากมาย โดยเฉพาะนโยบายหลากหลายที่เขาประกาศไว้ในช่วงหาเสียง ทั้งนโยบายผู้อพยพ, เศรษฐกิจ, การค้า, การต่างประเทศ และท่าทีกับคู่ปรปักษ์ เช่น จีน รัสเซีย และอิหร่าน ท่ามกลางฉากทัศน์ความขัดแย้งที่ลุกลามอยู่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะยูเครนและตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าจะมีผลอย่างมากต่อหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงไทย ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ภาพ: Robert Perry / Stringer

อ้างอิง:

The post โดนัลด์ ทรัมป์ จากเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ สู่ความหวังประธานาธิบดีสมัยที่ 2 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ https://thestandard.co/trump-47th-president/ Mon, 20 Jan 2025 23:54:55 +0000 https://thestandard.co/?p=1032469 trump-47th-president

โดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนสู่ทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในฐานะ […]

The post ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
trump-47th-president
โดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนสู่ทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 47 หลังเสร็จสิ้นพิธีกล่าวสาบานตนที่อาคารรัฐสภา (U.S. Capitol) ซึ่งปีนี้จัดภายในห้องโถง เนื่องด้วยสภาพอากาศหนาวเหน็บ
 
ทรัมป์กล่าวปฏิญาณตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างซื่อสัตย์ จะรักษาและปกป้องรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ อย่างสุดความสามารถ
 
หลังสาบานตน ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์แรกในฐานะประธานาธิบดี
 
มีบุคคลสำคัญมากมายเข้าร่วมรัฐพิธีครั้งนี้ รวมถึงอดีตประธานาธิบดีอย่าง บารัก โอบามา, จอร์จ ดับเบิลยู. บุช และ บิล คลินตัน นอกจากนี้ยังมีมหาเศรษฐี ซีอีโอ และผู้บริหารบริษัทเทคยักษ์ใหญ่เข้าร่วมพร้อมหน้าไม่ว่าจะเป็น อีลอน มัสก์ (SpaceX), มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Meta), เจฟฟ์ เบโซส์ (Amazon) และ ทิม คุก (Apple)
 
ในวันแรกของการดำรงตำแหน่งคาดว่าทรัมป์จะลงนามคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหาร (Executive Order) เกือบ 100 ฉบับ เพื่อเดินหน้านโยบายต่างๆ ตามที่หาเสียงไว้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า การใช้อำนาจเหล่านี้จะเซ็ตโทนการเป็นประธานาธิบดีที่เด็ดขาดของเขาในเทอมที่ 2 นี้
 
คาดหมายว่าหนึ่งในคำสั่งพิเศษที่ทรัมป์จะลงนามบังคับใช้คือ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนติดกับเม็กซิโก เพื่อเปิดทางให้มีการระดมทรัพยากรและเจ้าหน้าที่เพื่อวางกำลังตรวจตรา และสั่งให้สร้างกำแพงให้แล้วเสร็จ เพื่อป้องกันผู้อพยพไหลทะลักเข้าสหรัฐฯ
 
นอกจากนี้ทรัมป์อาจสั่งให้เริ่มกระบวนการแก้กฎหมาย เพื่อไม่ให้มีการสงวนสิทธิการเป็นพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิดสำหรับบุตรของผู้อพยพผิดกฎหมายที่เกิดในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนโยบายที่ก่อให้เกิดการถกเถียงเป็นวงกว้าง และหากทรัมป์ทำจริง จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
 
ในส่วนของการขึ้นภาษีที่ทั่วโลกจับตานั้น คณะทำงานของทรัมป์ยืนยันว่าจะยังไม่มีการประกาศมาตรการขึ้นภาษีในวันแรกของการดำรงตำแหน่ง แม้ว่าทรัมป์จะมีแผนออกคำสั่งให้หน่วยงานต่างๆ ศึกษาและประเมินนโยบายการค้ากับจีนก็ตาม
 
 
ภาพ: Chip Somodevilla / Pool via Reuters
 

The post ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด https://thestandard.co/us-presidents-taking-oath-last-15/ Mon, 20 Jan 2025 12:53:27 +0000 https://thestandard.co/?p=1032357 พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด

ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐอ […]

The post ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด

ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 15 คนหลังสุด ก่อนที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะหวนคืนทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยสอง ในวันที่ 20 มกราคม 2025 ตามเวลาท้องถิ่น

 

โดยเรียงตั้งแต่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ที่ร่วมพิธีสาบานตนเมื่อต้นปี 2021 ย้อนกลับไปจนถึง แฟรงคลิน ดี. โรสเวลต์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 32 ผู้ครองเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน (ยาวนานถึง 4 สมัย) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

 

The post ย้อนชมภาพประวัติศาสตร์ พิธีสาบานตนประธานาธิบดีสหรัฐฯ 15 คนหลังสุด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์ Day One กับ 6 เรื่องที่ต้องจับตา https://thestandard.co/6-things-trumps-day-one/ Mon, 20 Jan 2025 10:00:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1032236 โดนัลด์ ทรัมป์ Day One

วันแรกของการหวนกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริก […]

The post ทรัมป์ Day One กับ 6 เรื่องที่ต้องจับตา appeared first on THE STANDARD.

]]>
โดนัลด์ ทรัมป์ Day One

วันแรกของการหวนกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของ โดนัลด์ ทรัมป์ เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวสำคัญที่สะท้อนวิสัยทัศน์ทางการเมืองและแนวทางบริหารประเทศอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการต่างประเทศ

 

นโยบายที่ทรัมป์เคยให้คำมั่นไว้ในช่วงหาเสียงกลับมามีบทบาทสำคัญในทันที เช่น การขู่เพิ่มภาษีนำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน เพื่อกดดันแก้ปัญหาผู้อพยพและยาเสพติด การเตรียมเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ รวมถึงการพิจารณาแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมาย Inflation Reduction Act (IRA) เพื่อสนับสนุนพลังงานฟอสซิล ซึ่งเขาเชื่อว่าเหมาะสมกับสหรัฐฯ มากกว่า

 

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังดูมีท่าทีผ่อนปรนเกี่ยวกับ TikTok โดยเขาประกาศว่า จะใช้อำนาจพิเศษลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเลื่อนบังคับใช้กฎหมายแบนออกไป 90 วัน เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาด้านความมั่นคงที่สหรัฐฯ กังวล

 

ขณะเดียวกันอาจมีการพบปะกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เพื่อหารือเรื่องความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส ซึ่งอาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญของสงครามได้

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของนโยบายที่อาจพลิกโฉมหน้าสหรัฐฯ และโลกในยุคทรัมป์อีกครั้ง วันแรกจึงเป็นวันที่ทุกสายตาต้องจับจ้อง เพราะไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจใดล้วนสร้างแรงสั่นสะเทือนในวงกว้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

The post ทรัมป์ Day One กับ 6 เรื่องที่ต้องจับตา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาพวินาทีฮามาสปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน และนักโทษปาเลสไตน์ 90 คนจากอิสราเอล https://thestandard.co/hamas-releases-israeli-hostages-palestinian-prisoners/ Mon, 20 Jan 2025 07:47:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1032190 ฮามาสปล่อยตัวประกัน

ภาพวินาทีหญิงชาวอิสราเอล 3 คนได้รับการปล่อยตัวจากการถูก […]

The post ภาพวินาทีฮามาสปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน และนักโทษปาเลสไตน์ 90 คนจากอิสราเอล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฮามาสปล่อยตัวประกัน

ภาพวินาทีหญิงชาวอิสราเอล 3 คนได้รับการปล่อยตัวจากการถูกกลุ่มฮามาสจับกุมไป และนักโทษชาวปาเลสไตน์จำนวนหลายสิบคนได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำอิสราเอล ท่ามกลางความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความยินดีและความกังวลในหมู่ชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ เมื่อการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาสมีผลบังคับใช้วานนี้ (19 มกราคม)

 

ทั้งนี้ ตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน ได้แก่ เอมิลี ดามารี, โรมิ โกเนน และ โดรอน สไตน์เบรเกอร์ เป็นกลุ่มแรกในจำนวนตัวประกันชาวอิสราเอล 33 คน ที่คาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวในระยะเวลา 6 สัปดาห์ ซึ่งได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างปลอดภัย ท่ามกลางคำถามใหญ่เกี่ยวกับชะตากรรมของตัวประกันอีกราว 100 คนที่ยังถูกคุมขังในฉนวนกาซา

 

ด้าน เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า “ทั้งชาติร่วมโอบกอดพวกคุณ” แต่ยังคงเน้นย้ำว่า อิสราเอลสงวนสิทธิ์ที่จะกลับมาสู่การต่อสู้ หากข้อตกลงนี้ล้มเหลว โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา

 

ในทางกลับกัน ฝั่งปาเลสไตน์แม้จะมีการเฉลิมฉลองการปล่อยตัวนักโทษ 90 คน แต่ก็มีความรู้สึกเจ็บปวดต่อความสูญเสียที่เกิดจากสงครามในกาซา นักโทษที่ได้รับอิสรภาพต่างเล่าถึงความรู้สึกยินดีปนความเศร้า

 

ขณะที่การหยุดยิงครั้งนี้นำความสงบกลับมาสู่กาซาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้น ชาวปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่นจำนวนมากเดินทางกลับไปยังบ้านเรือนของพวกเขา พร้อมสำรวจความเสียหายและเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ในหลายพื้นที่อย่างในเมืองราฟาห์ อาคารบ้านเรือนถูกทำลายจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง

 

ทั้งนี้ ข้อตกลงระบุว่าจะมีการปล่อยตัวประกันและนักโทษเพิ่มเติมในระยะที่ 2 ของข้อตกลง หลังจากครบ 42 วันแรก แต่อนาคตยังคงไม่แน่นอน โดยคำถามใหญ่อยู่ที่ความสามารถของทั้งสองฝ่ายในการรักษาความสงบและเดินหน้าไปสู่การยุติสงครามอย่างถาวร

 

 

 

ภาพ: Reuters

อ้างอิง:

The post ภาพวินาทีฮามาสปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน และนักโทษปาเลสไตน์ 90 คนจากอิสราเอล appeared first on THE STANDARD.

]]>