World – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 21 Feb 2025 14:11:13 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชมคลิป: วิทยาศาสตร์ฝุ่น NARIT ชี้ วิธีหาต้นตอ PM2.5 มาจากไหนกันแน่? l NEWS DIGEST #119 https://thestandard.co/news-digest-21022025/ Fri, 21 Feb 2025 14:11:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1044590

ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่สะสมจนกลายเป็นอากาศขมุกขมัว หายใจไม่ […]

The post ชมคลิป: วิทยาศาสตร์ฝุ่น NARIT ชี้ วิธีหาต้นตอ PM2.5 มาจากไหนกันแน่? l NEWS DIGEST #119 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่สะสมจนกลายเป็นอากาศขมุกขมัว หายใจไม่สะดวก และสร้างปัญหาสุขภาพ ท่ามกลางการเฝ้ารอคำตอบว่าเมื่อไรที่เราจะได้หายใจด้วยอากาศที่ดีอย่างแท้จริง

 

ที่ผ่านมาหลายคนเข้าใจว่าฝุ่น PM2.5 เกิดจากการเผาชีวมวลเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเผาไร่อ้อย ข้าวโพด หรือเศษวัสดุเกษตรกรรม รวมถึงควันจากท่อไอเสียรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม

 

แต่ล่าสุดสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) เผยผลการศึกษาที่น่าตกใจว่า PM2.5 อาจไม่ได้เกิดจากการเผาเพียงอย่างเดียว

 

แล้วมันมาจากไหน? มาหาคำตอบแบบเจาะลึกกันด้วยเหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ใน NEWS DIGEST

The post ชมคลิป: วิทยาศาสตร์ฝุ่น NARIT ชี้ วิธีหาต้นตอ PM2.5 มาจากไหนกันแน่? l NEWS DIGEST #119 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามพรมแดน ไทยจะปราบให้สิ้นซากได้อย่างไร | GLOBAL FOCUS #113 https://thestandard.co/global-focus-113/ Fri, 21 Feb 2025 13:00:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1044454

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลานี้แก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์และคอลเซ็น […]

The post ชมคลิป: แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามพรมแดน ไทยจะปราบให้สิ้นซากได้อย่างไร | GLOBAL FOCUS #113 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลานี้แก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์และคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่รอบประเทศไทย ทั้งเมียนมา กัมพูชา และ สปป.ลาว กำลังขยายฐานและสร้างความเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ

 

สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC ประเมินว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์สร้างความเสียหายให้ในปี 2023 มากถึง 6 แสน – 1.2 ล้านล้านบาท

 

พูดคุยประเด็นใหญ่นี้กับ รศ. ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าไทยจะต้องทำอย่างไรต่อไป การแก้ปัญหาตอนนี้คือการแก้ระยะยาวหรือไม่ และรัฐบาลต่างๆ ต้องตระหนักถึงภัยคุกคามระดับโลกและหาทางรับมือกับการเคลื่อนไหวของแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้อย่างไร?

The post ชมคลิป: แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามพรมแดน ไทยจะปราบให้สิ้นซากได้อย่างไร | GLOBAL FOCUS #113 appeared first on THE STANDARD.

]]>
30 วัน ทรัมป์-มัสก์ ปลดข้าราชการไปมากแค่ไหน? https://thestandard.co/trump-musk-government-layoffs-30-days/ Fri, 21 Feb 2025 10:00:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1044517 ทรัมป์และมัสก์เดินหน้าลดขนาดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ด้วยการปลดข้าราชการและเสนอโครงการจ้างออก

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี และ อีลอน มัสก์ ที่รับหน้าท […]

The post 30 วัน ทรัมป์-มัสก์ ปลดข้าราชการไปมากแค่ไหน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์และมัสก์เดินหน้าลดขนาดหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ด้วยการปลดข้าราชการและเสนอโครงการจ้างออก

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี และ อีลอน มัสก์ ที่รับหน้าที่ผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency: DOGE) ของสหรัฐฯ เดินหน้ายกเครื่องระบบราชการด้วยการปลดพนักงานในหน่วยงานรัฐต่างๆ ออกอย่างต่อเนื่อง 

 

โดยคาดว่าในช่วง 30 วันที่ผ่านมา มีพนักงานรัฐถูกปลดออกไปแล้วอย่างน้อย 10% ขณะที่ทรัมป์เซ็นคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหารให้ผู้นำหน่วยงานรัฐจ้างพนักงานได้ไม่เกิน 1 คน ต่อพนักงาน 4 คนที่ถูกไล่ออกหรือลาออก

 

สำหรับหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบแล้วมีดังนี้

 

  • กรมกิจการทหารผ่านศึก ไล่พนักงานออกกว่า 1,000 คน 
  • กระทรวงกลาโหม อาจเลิกจ้างพนักงาน 8%
  • กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ อาจเลิกจ้างพนักงานหลายร้อยคน
  • กระทรวงพลังงาน ไล่พนักงานทดลองงานออก 2,000 คน
  • ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (CDC) เตรียมเลิกจ้างพนักงาน 1,300 คน
  • สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) เตรียมเลิกจ้างพนักงาน 1,000-1,200 คน
  • กรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) เตรียมเลิกจ้างพนักงาน 6,000 คน

 

ขณะที่สำนักงานบริหารบุคลากร (OPM) มีคำสั่งให้ผู้นำหน่วยงานรัฐต่างๆ ไล่พนักงานที่ยังอยู่ในช่วงทดลองงาน หลังได้รับการว่าจ้างแล้ว 1 ปีหรือมากกว่า โดยคาดว่าจะกระทบพนักงานรัฐบาลกลางราว 2 แสนคน

 

ทั้งนี้ มัสก์ยังจัดตั้งโครงการจ้างออก (Federal Buyout Program) โดยให้ตัวเลือกข้าราชการลาออกได้ทันที แต่ยังได้รับเงินเดือนและสวัสดิการต่อเนื่องจนถึงเดือนตุลาคม ซึ่งจนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีข้าราชการตอบรับข้อเสนอแล้ว 77,000 คน และคาดว่าจะช่วยประหยัดงบประมาณได้นับแสนล้านดอลลาร์

 

 

ภาพประกอบ: กันยกร กาญจนวิไล

อ้างอิง: 

The post 30 วัน ทรัมป์-มัสก์ ปลดข้าราชการไปมากแค่ไหน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
โป๊ปฟรานซิส พระอาการดีขึ้นเล็กน้อย หลังเข้ารักษาโรคปอดบวมที่โรงพยาบาลเป็นวันที่ 7 https://thestandard.co/pope-francis-hospital-day-7-update/ Fri, 21 Feb 2025 07:10:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1044440

สำนักวาติกันเผยแพร่แถลงการณ์วานนี้ (20 กุมภาพันธ์) ว่า […]

The post โป๊ปฟรานซิส พระอาการดีขึ้นเล็กน้อย หลังเข้ารักษาโรคปอดบวมที่โรงพยาบาลเป็นวันที่ 7 appeared first on THE STANDARD.

]]>

สำนักวาติกันเผยแพร่แถลงการณ์วานนี้ (20 กุมภาพันธ์) ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงมีพระอาการดีขึ้นเล็กน้อย และการไหลเวียนของพระโลหิตยังคงทรงตัว หลังเข้ารับการรักษาโรคปอดบวมที่โรงพยาบาลเป็นวันที่ 7

 

ก่อนหน้านี้สำนักวาติกันเผยว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังคงทรงตัว โดยสามารถบรรทมหลับอย่างสงบ และลุกขึ้นมาเสวยพระกระยาหารเช้าบนเก้าอี้ของพระองค์

 

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเผยว่า พระองค์ยังคงพยายามทรงงาน ทั้งอ่านและลงนามในเอกสาร เขียนหนังสือ พูดคุยกับผู้ร่วมงาน และยังคงติดตามข่าวสาร

 

“เราทุกคนเป็นห่วงสมเด็จพระสันตะปาปา การที่พระองค์เสวยพระกระยาหารและพบปะผู้คนได้ หมายความว่าเรากำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องในการฟื้นพระวรกายของพระองค์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเราหวังว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้” พระคาร์ดินัล มัตเตโอ มาเรีย ซุปปิ (Matteo Maria Zuppi) หัวหน้าการประชุมบิชอปแห่งอิตาลีกล่าว

 

จากการวินิจฉัยของแพทย์ พบว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงประชวรด้วยโรคปอดบวม โดยติดเชื้อที่ปอดทั้งสองข้าง (Double Pneumonia) หลังจากที่พระองค์เผชิญปัญหาสุขภาพหลายอย่างในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การผ่าตัดลำไส้ใหญ่และไส้เลื่อน ไปจนถึงปัญหาในการเดินและความเจ็บปวดที่สะโพกและเข่า

 

โดยหลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงยกเลิกกำหนดการต่างๆ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงการสวดภาวนาในวันเสาร์และพิธีมิสซาวันอาทิตย์ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

 

ภาพ: Remo Casilli / Reuters

อ้างอิง:

The post โป๊ปฟรานซิส พระอาการดีขึ้นเล็กน้อย หลังเข้ารักษาโรคปอดบวมที่โรงพยาบาลเป็นวันที่ 7 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เครมลินเผย ทรัมป์-ปูติน อาจพบกันภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังการประชุมผู้แทนที่ซาอุดีอาระเบียราบรื่น https://thestandard.co/trump-putin-february/ Fri, 21 Feb 2025 03:38:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1044370 trump-putin-february

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินของรัสเซีย เผยว่า โดนัลด์ ทรัม […]

The post เครมลินเผย ทรัมป์-ปูติน อาจพบกันภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังการประชุมผู้แทนที่ซาอุดีอาระเบียราบรื่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
trump-putin-february

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินของรัสเซีย เผยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย อาจพบกันภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อหารือถึงแนวทางการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังการประชุมทีมผู้แทนระดับสูงระหว่างทั้งสองประเทศที่ซาอุดีอาระเบียเป็นไปอย่างราบรื่น

 

เปสคอฟระบุว่า การพบกันของทีมผู้แทนระดับสูงเน้นหนักไปที่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเป็นหลัก ซึ่งถือเป็น ‘ก้าวสำคัญ’ อย่างมากที่จะปูทางไปสู่การบรรลุข้อตกลงยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปีเต็ม 

 

อย่างไรก็ตาม แม้โฆษกเครมลินจะเผยถึงสัญญาณความเป็นไปได้ที่ผู้นำทั้งสองประเทศอาจพบกันภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเปลี่ยนแปลงและยืดระยะเวลาออกไปได้อีกหากยังมีสิ่งที่ต้องเตรียมการ

 

โดยผู้นำรัสเซียและผู้นำสหรัฐฯ เคยพบกันแบบตัวต่อตัวครั้งล่าสุดที่การประชุมสุดยอดระหว่าง โจ ไบเดน และ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อช่วงกลางปี 2021 ขณะที่ในระยะหลังจะเป็นการติดต่อทางโทรศัพท์หรือข้อความผ่านคนกลางเป็นส่วนใหญ่

 

หลังจากที่ทรัมป์หวนคืนทำเนียบขาวได้สำเร็จ แนวนโยบายของทรัมป์ 2.0 ได้พลิกโฉมนโยบายของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซียและยูเครน พร้อมผลักดันการเจรจาหารือเกี่ยวกับอนาคตสงครามยูเครน โดยไม่มีพื้นที่ให้กับผู้แทนยูเครนและบรรดาชาติยุโรปบนโต๊ะเจรจาที่ซาอุดีอาระเบีย

 

ขณะที่ปูตินรวมถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ คีธ เคลล็อก ทูตพิเศษสหรัฐฯ ประจำรัสเซียและยูเครน ต่างยืนยันว่าไม่มีใครกันยูเครนออกไปจากกระบวนการเจรจาสันติภาพในยูเครนอย่างแน่นอน โดยปูตินเน้นย้ำถึงความพร้อมที่จะหารือกับทรัมป์ และระบุว่า การแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งรวมถึงวิกฤตในยูเครน จะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่เพิ่มระดับความไว้วางใจระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ

 

แฟ้มภาพ: Kremlin Press Office / Handout / Anadolu Agency / Getty Images

 

อ้างอิง:

The post เครมลินเผย ทรัมป์-ปูติน อาจพบกันภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังการประชุมผู้แทนที่ซาอุดีอาระเบียราบรื่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ประชุมสหรัฐฯ-รัสเซีย ถกอนาคตยูเครน ปิดดีล 4 ข้อตกลง l NEWS DIGEST #118 https://thestandard.co/news-digest-20022025/ Thu, 20 Feb 2025 14:31:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1044332

การประชุมระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่กรุงริยาดของซาอุดีอ […]

The post ชมคลิป: ประชุมสหรัฐฯ-รัสเซีย ถกอนาคตยูเครน ปิดดีล 4 ข้อตกลง l NEWS DIGEST #118 appeared first on THE STANDARD.

]]>

การประชุมระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่กรุงริยาดของซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทั้งสองประเทศได้หารืออย่างจริงจังเกี่ยวกับอนาคตของยูเครน แต่กลับไม่มีตัวแทนของยูเครนหรือยุโรปเข้าร่วม

 

News Digest วันนี้สรุป หลักการ 4 ข้อจากการประชุมนี้ ซึ่งอาจเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย

 

แต่หลักการเหล่านี้จะเป็นเส้นทางสู่สันติภาพ หรือเป็นเพียงความพยายามปรับเปลี่ยนดุลอำนาจและระเบียบโลกใหม่ของมหาอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์

The post ชมคลิป: ประชุมสหรัฐฯ-รัสเซีย ถกอนาคตยูเครน ปิดดีล 4 ข้อตกลง l NEWS DIGEST #118 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เวียดนามปฏิรูปราชการครั้งใหญ่ ‘เป็นไปได้ ถ้าผู้นำเห็นปัญหาและอยากแก้ไขจริงจัง’ https://thestandard.co/vietnam-bureaucracy-overhaul/ Thu, 20 Feb 2025 13:06:33 +0000 https://thestandard.co/?p=1044274

หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงเวลานี้คือ […]

The post เวียดนามปฏิรูปราชการครั้งใหญ่ ‘เป็นไปได้ ถ้าผู้นำเห็นปัญหาและอยากแก้ไขจริงจัง’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงเวลานี้คือการเตรียมแผนเดินหน้าปฏิรูปภาครัฐครั้งใหญ่ของเวียดนาม เพื่อปรับลดโครงสร้างของระบบราชการที่ใหญ่เทอะทะและอุ้ยอ้ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยนักวิชาการไทยชี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นภาพสะท้อนของการมีผู้นำประเทศที่เล็งเห็นปัญหาและต้องการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างจริงจัง

 

แผนปฏิรูปมีอะไรบ้าง

 

สมาชิกสภานิติบัญญัติเวียดนามกว่า 97% เห็นชอบแผนปฏิรูปรัฐบาล ระบบราชการ และหน่วยงานภาครัฐครั้งใหญ่ โดยเวียดนามมีแผนจะปรับลดจำนวนหน่วยงานภาครัฐลง 15-20% ท่ามกลางความพยายามลดต้นทุนและปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงาน ซึ่งจะปรับลดจำนวนกระทรวงลงเหลือเพียง 14 กระทรวง และปรับลดสมาชิกคณะรัฐมนตรีเหลือเพียง 25 คนเท่านั้น

 

นอกจากนี้ เวียดนามยังเตรียมยุบรวมสถานีโทรทัศน์ของรัฐหลายแห่ง โดยให้ Vietnam Television ซึ่งเป็นผู้แพร่ภาพรายใหญ่ที่สุดเป็นผู้กำกับดูแล โดยการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เวียดนามนี้อาจทำให้ข้าราชการและพนักงานของรัฐกว่า 1 แสนคนต้องตกงาน เพื่อมุ่งจัดการกับระบบการทำงานที่ซับซ้อนและไม่มีประสิทธิภาพ

 

ปัจจัยขับเคลื่อนที่เร่งให้เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ในเวียดนาม

 

รศ. ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิอาเซียน และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า เดิมทีเวียดนามมีวาระที่จะต้องปฏิรูปประเทศอยู่แล้ว เนื่องจากปี 2026 จะครบรอบ ‘โด่ย เหมย’ (Đổi Mới) ซึ่งเป็นการปฏิรูปเศรษฐกิจของเวียดนามที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1986 แต่กลับมีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถรอให้ถึงปี 2026 แล้วค่อยปฏิรูปได้ เนื่องจากมีปัจจัยสำคัญทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่เร่งให้เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ในเวียดนาม

 

รศ. ดร.ปิติ ระบุว่า ปัจจัยภายนอกคือ ‘ระเบียบทรัมป์’ ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับประชาคมโลกอย่างมาก ทั้งการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย และรักษาระยะห่างกับยุโรปและยูเครน ยังไม่นับรวมสงครามการค้า สงครามภาษี และเทคโนโลยี ที่คาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินเกมเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยเวียดนามจับสัญญาณความแปรปรวนของระเบียบโลกในยุคทรัมป์ 2.0 ได้ ตั้งแต่ที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2024

 

ขณะที่ปัจจัยภายในที่บีบให้เวียดนามจะต้องเร่งปฏิรูปก็คือการถึงแก่อสัญกรรมของเหงียน ฟู้ จ่อง (Nguyễn Phú Trọng) อดีตเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม และอดีตประธานาธิบดีเวียดนาม ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเมืองเวียดนาม โดย รศ. ดร.ปิติ ยังอธิบายอีกว่า โดยทฤษฎีคอมมิวนิสต์เวียดนาม เลขาธิการใหญ่ควรจะต้องลงจากตำแหน่งในช่วงอายุประมาณ 68 ปี แต่ เหงียน ฟู้ จ่อง กลับอยู่ในตำแหน่งยาวนานจนถึงอายุ 80 ปี สิ่งนี้เป็นการส่งสัญญาณตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้วว่า เวียดนามยังคงต้องการคนที่มีบารมีที่สามารถคุมกลุ่มต่างๆ ภายในเวียดนามได้ ทำให้เขาจำเป็นต้องอยู่ในอำนาจต่อไปแม้จะอายุมากและมีอาการเจ็บป่วยก็ตาม

 

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทางการเมืองนี้ ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจำเป็นต้องกระชับอำนาจและปฏิรูปสายงานการบริหารภายในพรรค นโยบายปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ จึงนำไปสู่การปฏิรูปภาครัฐและระบบราชการครั้งใหญ่ในระยะเวลาเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งคาดว่าจะเห็นแนวทางทั้งหมดภายในไตรมาสแรกของปีนี้

 

การปฏิรูปจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากผู้นำไม่เห็นปัญหาและไม่ต้องการจะแก้ไขอย่างจริงจัง

 

เวียดนามเดินหน้าแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจังในสมัยของ เหงียน ฟู้ จ่อง ก่อนที่แนวทางดังกล่าวจะได้รับการสานต่อในสมัยของ โต เลิม (Tô Lâm) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามคนปัจจุบัน

 

ทางด้าน รศ. ดร.ธนนันท์ บุ่นวรรณา อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์เวียดนาม มองว่าการปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่นี้ที่ไม่เคยมีมาก่อนในเวียดนาม สอดรับกับวิสัยทัศน์ของเวียดนามที่ต้องการจะก้าวไปสู่การเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี 2045 แม้อาจจะยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะก็ตาม ซึ่งขณะนี้เวียดนามก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางได้สำเร็จแล้ว

 

รศ. ดร.ธนนันท์ ยังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าการเมืองเวียดนามทั้งในแง่ของการเมืองภายในและการเมืองระหว่างประเทศจะชัดเจนและโดดเด่นมากขนาดนี้ เวียดนามมีแนวทางการปฏิรูปประเทศที่ชัดเจน มีการผลักดันและลงมือทำอย่างจริงจัง สะท้อนให้เห็นว่าเวียดนามต้องการเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

 

ในแง่หนึ่งแม้พรรคคอมมิวนิสต์มักจะถูกมองว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ผูกขาดอำนาจนำในทางการเมืองและเป็นเผด็จการ แต่ในแง่ของการตัดสินใจ ทุกอย่างมีแนวโน้มเป็นไปอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโครงสร้างของระบบราชการที่ต้องการปฏิรูปเป็นอย่างมาก

 

รศ. ดร.ธนนันท์ ยังแสดงความเห็นอีกว่า ข้าราชการหรือพนักงานของรัฐที่ทำงานอยู่ในระบบ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม หลายคนมองเห็นปัญหาอยู่แล้ว แต่การปฏิรูประบบราชการและหน่วยงานภาครัฐเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากผู้นำประเทศไม่เล็งเห็นปัญหาและไม่ส่งสัญญาณว่าต้องการจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างจริงจัง โดยในกรณีของเวียดนาม ผู้นำมีการส่งสัญญาณ พร้อมผลักดันแนวทางที่จะสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้

 

แฟ้มภาพ: Thinh Nguyen / File Photo / Reuters, Andres Martinez Casares-Pool / Getty Images

อ้างอิง:

The post เวียดนามปฏิรูปราชการครั้งใหญ่ ‘เป็นไปได้ ถ้าผู้นำเห็นปัญหาและอยากแก้ไขจริงจัง’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
23 สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาตอนเหนือขึ้นศาลในจีน โดนอ่วม 11 ข้อหา รวมฉ้อโกงและเจตนาฆ่า https://thestandard.co/23-call-center-gang-members-myanmar/ Thu, 20 Feb 2025 12:01:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1044248 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา

สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า ศาลท้องถิ่นเมืองเวินโจว มณฑล […]

The post 23 สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาตอนเหนือขึ้นศาลในจีน โดนอ่วม 11 ข้อหา รวมฉ้อโกงและเจตนาฆ่า appeared first on THE STANDARD.

]]>
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา

สำนักข่าว Xinhua รายงานว่า ศาลท้องถิ่นเมืองเวินโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ดำเนินการพิจารณาคดีจำเลย 23 คน ซึ่งเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มฉ้อโกงทางโทรคมนาคมขนาดใหญ่หลายกลุ่มในภาคเหนือของเมียนมา ระหว่างวันที่ 14-19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีการพิจารณาหลายข้อหา รวมถึงข้อหาอาชญากรรมที่ส่งผลให้พลเมืองจีนเสียชีวิต 14 คน และบาดเจ็บ 6 คน

 

จำเลยส่วนหนึ่ง ได้แก่ เมียง มยิ่น ชอน พยิ่น และ มะ ทิริ เมียง หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่นำโดยครอบครัวของพวกเขา รวมถึงสมาชิกหลักของแก๊งและสมาชิกแก๊งอื่นๆ ที่เป็นผู้สนับสนุนการก่ออาชญากรรม ถูกตั้งข้อหาทางอาญา 11 กระทง เช่น ฉ้อโกง เจตนาฆ่า เจตนาทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยวอย่างผิดกฎหมาย เปิดคาสิโน ค้ายาเสพติดและประเวณี

 

คณะอัยการจีนกล่าวว่า จำเลยเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของครอบครัวในพื้นที่ตอนเหนือของเมียนมา และจัดตั้งแหล่งซ่องสุมแก๊งอาชญากรรมหลายแก๊ง โดยให้การคุ้มกันด้วยอาวุธแก่ปฏิบัติการของกลุ่มผู้สนับสนุน และสมรู้ร่วมคิดในการก่ออาชญากรรมต่างๆ เช่น แผนการฉ้อโกงทางโทรคมนาคมที่มีเป้าหมายเป็นประชาชนในจีน

 

คำฟ้องร้องระบุว่า อาชญากรรมการพนันและการฉ้อโกงเกี่ยวพันกับเงินทุนมากกว่า 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 5 หมื่นล้านบาท) และส่งผลให้พลเมืองจีนเสียชีวิต 14 คน และบาดเจ็บ 6 คน

 

เหตุการณ์ที่เป็นกรณีสำคัญเกิดขึ้นวันที่ 20 ตุลาคม 2023 โดยแก๊งอาชญากรรมร่วมมือกับกลุ่มผู้สนับสนุน ดำเนินการคุ้มกันด้วยอาวุธระหว่างโยกย้ายกลุ่มคนที่ทำงานให้แก๊งของพวกเขาเพื่อหลีกหนีการปราบปราม ซึ่งมีบางคนพยายามหลบหนี แต่ถูกทีมคุ้มกันยิงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายคน

 

ขณะที่คณะอัยการจีนยังแสดงหลักฐานให้จำเลยแต่ละรายและทนายความของพวกเขาตรวจสอบระหว่างการพิจารณาคดีความ ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้อธิบายโต้แย้ง ก่อนที่จำเลยจะให้การครั้งสุดท้าย ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของสมาชิกสภานิติบัญญัติ ที่ปรึกษาทางการเมือง นักข่าว สมาชิกครอบครัวของผู้ที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชน รวมมากกว่า 100 คน

 

นอกจากการพิจารณาคดีความครั้งนี้ ยังมีการสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวพันกับกลุ่มอาชญากรรมอีกหลายพันคน เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับคดีฉ้อโกงทางโทรคมนาคมมากกว่า 10,000 คดี โดยการจัดการคดีความเหล่านี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของจีนในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ตามกฎหมายของชาติและพลเมือง

 

แหล่งข่าวอัยการระบุว่า อาชญากรรมบางส่วนเกิดขึ้นภายในพรมแดนจีน มุ่งเป้าที่พลเมืองจีนเป็นพิเศษ และสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ร่วมของประชาคมระหว่างประเทศ ทำให้จีนมีอำนาจการพิจารณาคดีความภายใต้กฎหมายอาญาและสนธิสัญญาระหว่างประเทศ

 

อ้างอิง: 

  • Xinhua

The post 23 สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาตอนเหนือขึ้นศาลในจีน โดนอ่วม 11 ข้อหา รวมฉ้อโกงและเจตนาฆ่า appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จักหลิวจงอี้ เปิดภารกิจปราบคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย-เมียนมา https://thestandard.co/liu-border-mission/ Thu, 20 Feb 2025 05:13:29 +0000 https://thestandard.co/?p=1044014 liu-border-mission

‘หลิวจงอี้’ กำลังครองหน้าสื่อไทยในตอนนี้ เพราะเขาไม่ได้ […]

The post รู้จักหลิวจงอี้ เปิดภารกิจปราบคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย-เมียนมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
liu-border-mission

‘หลิวจงอี้’ กำลังครองหน้าสื่อไทยในตอนนี้ เพราะเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวแทนจากจีน แต่เขายังได้ชื่อว่าเป็น ‘มือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์’ เพราะการเดินทางมายังไทยและเมียนมาแค่ครั้งแรก ก็ทำให้ชายแดนสีเทาไม่อาจรุ่งโรจน์ได้เหมือนเคย

 

ส่วนการมาเยือนชายแดนสีเทาไทย-เมียนมา อีกครั้งของ ‘หลิวจงอี้’ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ไทม์ไลน์ภารกิจของเขาเป็นอย่างไร และเขาปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างไร 

 

ไทม์ไลน์ภารกิจ ‘หลิวจงอี้’

 

ภารกิจเริ่มแรกของ ‘หลิวจงอี้’ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่เขาเดินทางลงพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นผลมาจากกรณี ‘ซิงซิง’ ดาราจีน ที่ถูกหลอกพาตัวไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมียวดีโดยใช้ไทยเป็นทางผ่าน แต่สุดท้ายด้วยแรงกดดันจากจีนก็สามารถช่วยเหลือดาราหนุ่มได้สำเร็จ

หลิวจงอี้เริ่มสำรวจพื้นที่ชายแดนฝั่งไทยบริเวณริมแม่น้ำเมย ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็น ‘ชเวโก๊กโก่’ และ ‘เคเคพาร์ก’ เมืองสแกมเมอร์ตรงข้ามแม่สอดได้

นับตั้งแต่นั้นภาพของ ‘หลิวจงอี้’ ก็ปรากฏทั้งในหน้าสื่อไทยและเอเชียหลายต่อหลายครั้ง หลิวถูกจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะเป็นภาพที่คนไทยอาจไม่ค่อยได้เห็นมากนักในบริบทของข้าราชการไทยที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองใดๆ สื่อไม่ต้องมาตั้งไมค์สัมภาษณ์ สิ่งที่เราได้เห็นคือหลิวเดินเกมเร็ว ลงพื้นที่จริง และสั่งการอย่างเด็ดขาด

ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็เป็นที่ประจักษ์ เพราะนับตั้งแต่เขาเคลื่อนไหว เข้าหารือกับรัฐบาลไทยถึงมาตรการกวาดล้างและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียวดีประเทศเมียนมาติดชายแดนไทยก็มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว

 

4 ประเด็นสำคัญ ‘หลิวจงอี้’ เสนอไทยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เฟสแรก

 

  1. ขอทางการไทยตัดไฟฟ้า ตัดน้ำประปา และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมานำไปใช้
  2. ขอให้ทางการไทยเจรจากับชนกลุ่มน้อยที่ปกครองบริเวณชายแดนเมียนมา ปล่อยตัวชาวจีนที่ถูกหลอกไปทำงานกลับมาไทย ซึ่งจีนเชื่อว่ามีประมาณ 3,000-5,000 คน
  3. ตั้งศูนย์ประสานงานระหว่างไทย-จีน ที่บริเวณชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
  4. ขอให้จับกุมชาวจีน ซึ่งพบข้อมูลว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่บริเวณชายแดนประเทศเมียนมา ซึ่งทางการจีนเชื่อว่าน่าจะมีจำนวนมากกว่า 50,000 คน

 

4 กุมภาพันธ์ 2568 หลิวจงอี้เข้าพบกับ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจากที่วันนั้นช่วงเช้า ไทยเพิ่งมีคำสั่งตัดการจ่ายไฟฟ้าให้กับเมืองสแกมเมอร์ที่ชายแดน

 

5 กุมภาพันธ์ 2568 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตัดไฟชายแดนไทย-เมียนมา รวม 5 จุด

 

6-8 กุมภาพันธ์ 2568 นายกรัฐมนตรีและคณะเยือนจีน พบ สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีข้อสรุปในการสนับสนุนแก้ปัญหาขบวนการลวงออนไลน์แก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

6 กุมภาพันธ์ 2568 ภูมิธรรมรับตัวชาวต่างชาติ 61 คน ที่ทาง BGF ส่งกลับมาฝั่งไทย

 

11 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมออกหมายจับ พ.อ. หม่อง ชิต ตู่, พ.ท. โมเต โธน และ พ.ต. ทิน วิน ในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์คอลเซ็นเตอร์

 

12 กุมภาพันธ์ 2568 ภูมิธรรมลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่จังหวัดสระแก้ว ผุดไอเดียสร้างรั้วกั้นด่านชายแดนในพื้นที่ทับซ้อน ควบคุมการเข้า-ออกป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และในวันเดียวกันมีการปล่อยตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา 261 คน

 

16 กุมภาพันธ์ 2568 หลิวจงอี้เดินทางมาไทยอีกครั้ง รอบนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการตรวจการบ้าน และเก็บงานจากที่เสนอรัฐบาลไทยไป เมื่อเขาเดินทางมาถึงประเทศไทยก็ตรงไปแม่สอดทันที เพื่อตรวจดูสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ซึ่งเป็นจุดที่จะรับตัวชาวต่างชาติจากเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา

 

ซึ่งกลุ่มคนที่ถูกปล่อยกลับมามีบางส่วนเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ และเกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งในจำนวนนั้นมีชาวจีนอยู่ด้วย และล่าสุดจากปฏิบัติการของกองกำลังทหาร BGF ในประเทศเมียนมา ในการตรวจค้นอาคารต่างๆ ในเมืองชเวโก๊กโก่ จังหวัดเมียวดี สามารถรวบรวมคนได้ประมาณ 2,000 คน ครึ่งหนึ่งเป็นชาวจีน

 

ต่อมาหลิวจงอี้ก็ข้ามไปฝั่งเมียนมา และเข้าหารือกับรัฐมนตรีมหาดไทยของเมียนมาทันที เพื่อติดตามมาตรการปราบจีนเทา

 

17 กุมภาพันธ์ 2568 หลิวจงอี้พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมา ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลเมียนมา ตรวจเยี่ยมชาวต่างชาติที่ทางกองกำลัง BGF และตำรวจเมียนมา ร่วมกันช่วยเหลือออกจากเมืองสแกมเมอร์ในชเวโก๊กโก่ จังหวัดเมียวดี และนำมารวมกันที่ศูนย์พักคอยที่ศูนย์บัญชาการรักษาความปลอดภัยของทหาร BGF ซึ่งมีประมาณกว่า 300 คน

 

19 กุมภาพันธ์ 2568 หลิวจงอี้ร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยขอให้ไทยช่วยอำนวยความสะดวกในการขนย้ายชาวจีนตั้งแต่ชายแดนถึงสนามบิน ขณะที่ขั้นตอนของการตรวจสอบนั้นจีนจะดำเนินการจากฝั่งเมียนมาเอง

 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าหลิวจงอี้มีกำหนดการพบกับ พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ เลขาธิการกองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) หรือผู้บัญชาการกองทัพกะเหรี่ยงแห่งชาติ ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่มีอำนาจควบคุมพื้นที่ชายแดนแห่งนี้

 

ในขณะเดียวกัน พล.อ. หม่อง ชิต ตู่ ได้ออกมาแถลงข่าวเปิดใจถึงเรื่องที่จะถูกทางการไทยออกหมายจับว่า ตนทำผิดกฎหมายไทยด้วยข้อกล่าวหาอะไร หรือละเมิดประเทศไทยและละเมิดประชาชนคนไทยเรื่องอะไร ที่ผ่านมาตนอยู่ชายแดนมา 30 กว่าปีเหมือนพี่น้องกัน ถ้าเจ้าหน้าที่ไทยต้องการอะไรก็ให้ความร่วมมือตลอด

 

ยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือมีส่วนได้เสียใดๆ จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นแค่ผู้ให้เช่าที่ดินเท่านั้น

 

พ.อ. หม่อง ชิต ตู่ ยังบอกอีกว่า ตั้งแต่มีกระแสข่าวว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ในเมียวดี ฝ่าย BGF ได้กวาดล้างตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และจะทำเรื่อยๆ ให้สิ้นซากภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดูเหมือนจะค่อยๆ คลี่คลายลง แต่ไทยอาจไม่ได้เครดิตไปทั้งหมด เพราะผลงานในครั้งนี้ต้องหารให้จีนด้วย

 

โดยเฉพาะหลิวจงอี้ สื่อจีนรายงานว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนคดีอาญาระดับชาติที่อยู่ในแนวหน้ากับการต่อสู้กับอาชญากรรมของจีน

 

จนเมื่อ 12 เมษายน 2567 ผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งจากผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนอาชญากรรมขึ้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการชื่นชมความไวและเด็ดขาดของหลิวจงอี้ ก็มีความเห็นจาก รศ. ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนายกสมาคมภูมิภาคศึกษา มองว่าการเดินทางมาของหลิวจงอี้ ถือเป็นการเดินทางมาเยือนในลักษณะที่ถี่เกินไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทางการจีนเริ่มจะเข้ามาชี้นำ ควบคุมสั่งการ และมีบทบาทอย่างแข็งแรงมากขึ้น พร้อมกับแนะว่ารัฐบาลไทยจะต้องเพิ่มความจริงจัง ให้มั่นใจว่าจัดการปัญหาในภูมิภาคตนเองได้ ป้องกันจีนชี้นำ

The post รู้จักหลิวจงอี้ เปิดภารกิจปราบคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย-เมียนมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลาวกลาง เสน่ห์ธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของสายลุยปี 2025 https://thestandard.co/central-laos-tourism/ Thu, 20 Feb 2025 05:08:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1044000 central-laos-tourism

นอกจากปากเซ วังเวียง เวียงจันทน์ หลวงพระบาง สถานที่เที่ […]

The post ลาวกลาง เสน่ห์ธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของสายลุยปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
central-laos-tourism

นอกจากปากเซ วังเวียง เวียงจันทน์ หลวงพระบาง สถานที่เที่ยวยอดฮิตของ สปป.ลาว ที่คนไทยคุ้นหูแล้ว ยังมีแหล่งธรรมชาติ วัฒนธรรมอีกหลายแห่งที่มีเสน่ห์น่าค้นหา 

 

‘ลาวกลาง’ อาจไม่ใช่คำคุ้นเคยของนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่เป็นอีกภูมิภาคที่กำลังจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ จากการผลักดันของรัฐบาลสปป.ลาว โดยเฉพาะแขวงคำม่วน และแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งมีจุดเด่นในด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย 

 

มะนีสาคอน ทำมะวงไช หัวหน้ากรมโฆษณาการท่องเที่ยว กระทรวงแถลงข่าววัฒนธรรม และท่องเที่ยว สปป.ลาว เปิดเผยว่า พื้นที่ 2 แขวงนี้มีความสะดวกในการคมนาคม โดยผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งที่แขวงบอลิคำไซกำลังจะเปิด สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 5 (บึงกาฬ) และช่องทางการขนส่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางบก ทางน้ำ และอากาศ 

 

นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ไทย-ลาว ที่ในปีนี้ครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต วัฒนธรรม ภาษา และวิถีชีวิต ที่คล้ายคลึงกัน จึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวสปป.ลาว ของคนไทยไม่ต้องปรับตัวมากเท่าที่ควร

 

แขวงคำม่วน: สวรรค์ของคนรักธรรมชาติ

 

แขวงคำม่วน: สวรรค์ของคนรักธรรมชาติ

 

สายผจญภัยที่ชื่นชอบธรรมชาติ ต้องห้ามพลาดสถานที่ท่องเที่ยวในแขวงคำม่วน เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นบัญชี ไว้แล้วกว่า 210 แห่ง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีถึง 145 แห่ง ให้มาทำกิจกรรมตั้งแต่ โหนสลิง ปีนผา ล่องเรือ ตั้งแคมป์ โฮมสเตย์ เดินป่า รวมไปถึงการบินพารามอเตอร์ชมวิว

 

ถ้ำน้ำลอดเซบั้งไฟ 

 

ถ้ำน้ำลอดเซบั้งไฟ 

 

ถ้ำน้ำลอดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก (ความยาว 6.4 กิโลเมตร) นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือเข้าไปชมความงามของธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ ชมหินงอกหินย้อยที่ส่องประกายระยิบระยับ และสัมผัสความเย็นสบายภายในถ้ำ บริเวณด้านหน้ามีวังสีครามขนาดใหญ่ 2 วัง เป็นพื้นที่อนุรักษ์ห้ามจับสัตว์น้ำ ตัวถ้ำเชื่อมต่อไปยังถ้ำฟองญา-แก๋บ่าง ประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติร่วมชายแดน

  

เวลาเปิด-ปิด: 08.00-17.00 น.

ค่าเข้า: คนลาว 20,000 กีบ, ต่างชาติ 50,000 กีบ, ค่ากางเต็นท์ (เอามาเอง) 80,000 กีบ, ค่ากางเต็นท์ 100,000 กีบ, ค่าบังกะโล 154,000 กีบ, ค่าบริการเรือนำเที่ยวเข้าถ้ำครั้งละ 150,000 กีบ

ที่ตั้ง: แขวงคำม่วน เมืองบัวละพา ใกล้ชายแดนเวียดนาม สปป.ลาว

 

ถ้ำปลาเซือม

 

ถ้ำปลาเซือม

 

ถ้ำแห่งใหม่ของแขวงคำม่วน เกิดจากการค้นพบของชาวบ้านที่มาหาปลาและค้างคาวภายในถ้ำ เมื่อเดินเข้าไปภายในถ้ำระยะทางกว่า 700-800 เมตร จะพบกับโถงถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงาม โดยจะเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวเป็นครั้งแรกในช่วงสงกรานต์นี้ (14-16 เมษายน)

 

เวลาเปิด-ปิด: เริ่มเปิดให้บริการเดือนเมษายนนี้

ค่าเข้า: ยังไม่กำหนดราคา

ที่ตั้ง: แขวงคำม่วน สปป.ลาว

 

น้ำตกตาดเซียงลือ

 

น้ำตกตาดเซียงลือ

 

น้ำตก 9 ชั้นที่สวยงาม ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร น้ำไหลตลอดปี มีชื่อที่มาจากเสียงก้องกังวานและความสวยงามจนเป็นที่เลื่องลือในความงาม เป็นพื้นที่เอกชนที่รับสัมปทานจากรัฐบาลสปป.ลาว สามารถกางเต็นท์ตามจุดต่างๆ ของน้ำตกได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกมากมาย เช่น เดินป่า ปีนเขา และชมวิวทิวทัศน์ ที่สำคัญมีร้านอาหารเวียดนามแสนอร่อยให้บริการด้วย

 

เวลาเปิด-ปิด: 08.00-18.00 น.

ค่าเข้า: ต่างชาติ 50,000 กีบ, ค่ากางเต็นท์ 200,000 กีบ

ที่ตั้ง: แขวงคำม่วน เมืองบัวละพา ใกล้ชายแดนเวียดนาม สปป.ลาว

 

 THE ROCK VIEWPOINT ภูผาม่าน

 

 THE ROCK VIEWPOINT ภูผาม่าน

 

จุดชมวิวที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาหินปูนที่สลับซับซ้อนเกิดจากการทับถมของซากโครงกระดูกสัตว์ทะเลและปะการังที่ทับถมกันเป็นเวลานานถึง 320-270 ล้านปี สามารถชมได้ด้วยการโหน Zipline วิธีเดียวเท่านั้น ตลอดเส้นทางจะได้ทำกิจกรรมทั้งโหนสลิง ปีนหน้าผา เดินข้ามสะพานแขวน และไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือการเดินบน Spider Net (สะพานตาข่าย)

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก เช่น เดินป่า, ชมวิว 360 องศา, พายเรือคายัค และปีนหน้าผา

 

เวลาเปิด-ปิด: 08.00-16.00 น.ตลอดทั้งปี (ปิดช่วงหน้าฝน)

ค่าบริการ: Zipline 3 เส้นทาง 1. สลิง 5 เส้น 663,000 กีบ 2. สลิง 12 เส้น 1,360,000 กีบ และ 3. สลิง 15 เส้น 1,980,000 กีบ

ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติอนุรักษ์บ้านนาหิน แขวงคำม่วน เมืองคูณคำ สปป.ลาว

ข้อแนะนำ: จิตใจและร่างกายต้องพร้อม, สวมรองเท้าที่เหมาะสม, งดเว้นสำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพ

 

วัดพระธาตุสีโคดตะบอง

 

วัดพระธาตุสีโคดตะบอง

 

พระธาตุเก่าแก่ริมแม่น้ำโขงฝั่งลาว เป็นที่เคารพสักการะของชาวลาวเมืองท่าแขก ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจังหวัดนครพนม บรรจุกระดูกสันหลังของพระพุทธเจ้า ส่วนใหญ่มักจะมาขอพรหากของหายซึ่งคนลาวเชื่อว่าจะได้คืน แต่ยกเว้นเรื่องความรัก เนื่องจากพระยาสีโคดตะบองผิดหวังเรื่องความรัก

 

เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน

ค่าเข้า: 5,000 กีบ (ผู้หญิงต้องสวมผ้าซิ่นก่อนเข้าวัด)

ที่ตั้ง: ท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว

 

ขุนกองแลง

 

ขุนกองแลง

 

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ครบวงจร วงเงินลงทุนเริ่มต้น 67 ล้านดอลลาร์ ภายใต้ชื่อโครงการ Green World เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้เหล่านักผจญภัยร่วมทำกิจกรรมกว่า 30 กิจกรรม ตั้งแต่พารามอเตอร์ ปีนผา ไปจนถึงการดำน้ำแบบสกูบา และกิจกรรมอื่นๆ

 

เวลาเปิด-ปิด: เฟสแรกเริ่มเปิดเดือนเมษายนนี้

ค่าเข้า: ยังไม่กำหนดราคา

ที่ตั้ง: แขวงคำม่วน สปป.ลาว

 

แขวงสะหวันนะเขต: เมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

 

แขวงสะหวันนะเขต: เมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

 

หากคุณเป็น สายประวัติศาสตร์ รวมถึงสายมู จะต้องไม่พลาดการท่องเที่ยวแขวงสะหวันนะเขต เพราะมีแหล่งโบราณสถาน มรดกทางวัฒนธรรมและศาสนา ภายใต้สโลแกน ‘3ไหว้ 4เบิ่ง 5 ชม’ ประกอบด้วย

 

ไหว้ 3 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 

พระธาตุอิงฮัง-พระธาตุโพน-หอไตรกลางน้ำ

 

เบิ่ง 4 สถานที่สำคัญ

พิพิธภัณฑ์สะหวันนะเขต-เมืองเก่าสะหวันนะเขต-แหล่งขุดค้นกระดูกไดโนเสาร์-สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 2

 

ชม 5 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด

ธรรมชาติริมแม่น้ำโขง-พิธีกรรมและเทศกาลประจำปี-สินค้าหัตถกรรมพื้นเมือง -อาหารพื้นเมือง-ช้อปปิ้งของฝาก

 

 

พระธาตุอิงฮัง

 

พระธาตุอิงฮัง

 

อีกหนึ่งศาสนสถานที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่เคารพของชาวสะหวันนะเขต ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกสันหลัง เป็นพระธาตุคู่แฝดของพระธาตุพนมของไทย สร้างในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร ประมาณ พ.ศ. 400 ตามตำนานเล่าว่าพระพุทธเจ้าได้แวะพักระหว่างออกบิณฑบาตที่ต้นฮัง ณ ที่แห่งนี้ คนส่วนใหญ่จะมาขอพรเรื่องการงาน แต่ขอแอบกระซิบว่าหากมาขอเลขที่นี่แม่นมาก

 

เวลาเปิด-ปิด: 07.00-17.00 น.

ค่าเข้า: ไม่มีค่าใช้จ่าย (มีค่าเครื่องไหว้ขันหมากเบ็ง แล้วแต่ศรัทธา)

ที่ตั้ง: แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

 

พระธาตุโพน

 

พระธาตุโพน

 

พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองแขวงสะหวันนะเขต ศิลปะขอมผสมมอญ สร้างขึ้นในสมัยพุทธศตวรรษที่ 13 มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ที่ผ่านมามักจะมีคนมาขอพรให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และคนเหล่านั้นล้วนกลับมาแก้บนและถวายเงินให้กับวัดจำนวนมาก

 

คนในพื้นที่ขอเตือนว่าอย่าได้สาบานกับพระธาตุแห่งนี้ เพราะด้วยความศักดิ์สิทธิ์จะมีอันเป็นไปหากผิดคำสาบาน

 

เวลาเปิด-ปิด: 06.00-16.00 น.

ค่าเข้า: ไม่มีค่าใช้จ่าย (มีค่าเครื่องไหว้ขันหมากเบ็ง, ขันธ์สำหรับขอพร และขันธ์แก้ภายหลังบนบานสำเร็จผล แล้วแต่ศรัทธา)

ค่าที่จอดรถ: รถยนต์ 5,000 กีบ รถมอเตอร์ไซค์ 2,000 กีบ

ที่ตั้ง: แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

ข้อแนะนำ: ผู้ชายใส่กางเกงขายาว, ผู้หญิงนุ่งซิ่น

 

หอไตรกลางน้ำ

 

หอไตรกลางน้ำ

 

สถานที่เก็บพระไตรปิฎกกลางน้ำตั้งแต่ศตวรรษที่18 ภายในบรรจุหนังสือโบราณ พระสูตร พระวินัย พระไตรปิฎกมีคำกลอนเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เป็นภาษาสันสกฤตและภาษาขอม บันทึกไว้บนสมุดใบลานกว่า 300 เล่ม เป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมของชาติที่ผู้คนมักจะมากราบไหว้ขอพรในเรื่องของยศถาบรรดาศักดิ์

 

เวลาเปิด-ปิด: 08.00-16.00 น.

ค่าเข้า: ไม่มีค่าใช้จ่าย (มีค่าเครื่องไหว้ขัน 5 แล้วแต่ศรัทธา)

ที่ตั้ง: แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว

ข้อแนะนำ: ผู้หญิงนุ่งซิ่น

 

ลาวกลาง ดื่มด่ำธรรมชาติ 

 

“ไม่รู้สึกว่าอยู่ต่างประเทศ เพราะวัฒนธรรมไทยและลาวคล้ายกัน แต่ลาวมีความเป็นตัวของตัวเอง และพยายามสร้างสมดุลระหว่างปัจจุบันกับประเพณี”  

 

นี่คือนิยาม ‘ลาวกลาง’ ที่ ปัฐม์ ปัทมจิตร กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต บอกเล่าให้เราฟัง

 

หากอยากมาสัมผัส ‘ลาวกลาง’ อีกหนึ่งดินแดนที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง ผจญภัยไปกับธรรมชาติอันงดงาม

 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวได้ออกเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของ ‘ลาวกลาง’ ด้วยตัวคุณเอง

 

      

The post ลาวกลาง เสน่ห์ธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของสายลุยปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>