World – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 15 Jun 2025 12:23:19 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 กัมพูชาไม่รับแผนที่ไทยที่จัดทำฝ่ายเดียว ชี้เป็นต้นตอปัญหาเรื้อรังชายแดน https://thestandard.co/cambodia-thailands-map-drawn/ Sun, 15 Jun 2025 12:23:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1085339

กัมพูชาประกาศไม่ยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยจัดทำขึ้นฝ่ายเดีย […]

The post กัมพูชาไม่รับแผนที่ไทยที่จัดทำฝ่ายเดียว ชี้เป็นต้นตอปัญหาเรื้อรังชายแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>

กัมพูชาประกาศไม่ยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยจัดทำขึ้นฝ่ายเดียวและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการเจรจาชายแดน โดยระบุว่าแผนที่ดังกล่าวเป็นต้นตอของข้อพิพาทเขตแดนเรื้อรังในอดีต ปัจจุบัน และอาจรวมถึงในอนาคต

 

ถ้อยแถลงดังกล่าวมาจากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (Secretariat of State for Border Affairs) ภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14–15 มิถุนายน 2568 ที่กรุงพนมเปญ โดยฝ่ายกัมพูชานำโดย ฬำ เจีย รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายกัมพูชา ส่วนฝ่ายไทยมี ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกรรมาธิการฝ่ายไทย

 

ถ้อยแถลงระบุว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์และความร่วมมือในการดำเนินการวัดพิกัดและปักปันเขตแดนร่วมกับฝ่ายไทย ผ่านกลไก JBC โดยนอกเหนือจาก 4 พื้นที่พิพาทที่อยู่ในกระบวนการของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แล้ว กัมพูชายังพร้อมหารืออย่างสร้างสรรค์กับฝ่ายไทย

 

ฬำ เจีย ยืนยันจุดยืนของรัฐบาลกัมพูชาในการดำเนินนโยบายสันติวิธี และยึดมั่นในเขตแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือบนพื้นฐานของเอกสารทางกฎหมายและแผนที่ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ซึ่งระบุให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส–สยาม ปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 เป็นหลักในการปักปันเขตแดน

 

ฝ่ายกัมพูชาจึงปฏิเสธโดยสิ้นเชิงต่อแผนที่ที่ฝ่ายไทยจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว และใช้เป็นฐานอ้างอิงในการเจรจา พร้อมย้ำว่าแผนที่ดังกล่าวเป็นแหล่งกำเนิดของความขัดแย้งชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย

 

อย่างไรก็ตาม การประชุม JBC ครั้งที่ 6 จัดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศมิตรภาพ เข้าอกเข้าใจ และเปิดกว้าง โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือตามวาระที่กำหนด และได้ร่วมลงนามบันทึกผลการประชุมอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2568 พร้อมตกลงจะจัดการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายน 2568

 

ภาพ: Agence Kampuchea Press Handout via REUTERS

 

อ้างอิง:

The post กัมพูชาไม่รับแผนที่ไทยที่จัดทำฝ่ายเดียว ชี้เป็นต้นตอปัญหาเรื้อรังชายแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เฮลิคอปเตอร์ตกที่รัฐอุตตราขัณฑ์ของอินเดีย ดับยกลำ 7 คน เหตุร้ายครั้งที่ 5 ในรอบ 6 สัปดาห์ https://thestandard.co/india-helicopter-crash-kills-seven/ Sun, 15 Jun 2025 11:07:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1085325

เช้าวันนี้ (15 มิถุนายน) เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ของบริษัท […]

The post เฮลิคอปเตอร์ตกที่รัฐอุตตราขัณฑ์ของอินเดีย ดับยกลำ 7 คน เหตุร้ายครั้งที่ 5 ในรอบ 6 สัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เช้าวันนี้ (15 มิถุนายน) เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ของบริษัท Aryan Aviation ตกในพื้นที่ป่ากอริกุนด์ รัฐอุตตราขัณฑ์ ของอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 คน ซึ่งรวมถึงนักบิน โดยเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวกำลังเดินทางจากเขต Kedarnath Dham ไปยังเมือง Guptkashi

 

เจ้าหน้าที่ระบุว่า เฮลิคอปเตอร์ทะยานขึ้นเมื่อเวลา 05.17 น. ตามเวลาท้องถิ่น แต่ได้หลุดออกจากเส้นทาง เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายในหุบเขา และคาดว่าอากาศปิดและทัศนวิสัยต่ำเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่เหตุสลดครั้งนี้

 

หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินได้เร่งเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าทึบและเข้าถึงยาก โดยมีการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างหน่วยกู้ภัย SDRF, NDRF และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ภายใต้การนำของผู้บังคับบัญชา อาร์ปาน ยาทูวันชี

 

จากเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 คน ซึ่งในที่นี้มีเด็กหญิงอายุ 10 ขวบด้วย
หลังเกิดเหตุ หน่วยงานท้องถิ่นมีคำสั่งระงับการให้บริการเฮลิคอปเตอร์ในพื้นที่ Char Dham ทั้งหมดชั่วคราว จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

 

ประชุมฉุกเฉินระดับสูง นายกฯ รัฐอุตตราขัณฑ์สั่งสอบเหตุซ้ำซาก

 

พุชการ์ ซิงห์ ธามี มุขมนตรีรัฐอุตตราขัณฑ์ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า “เช้านี้ เฮลิคอปเตอร์ตกเพราะสภาพอากาศเลวร้าย ผมขออธิษฐานให้ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปสู่สุคติ” พร้อมเปิดเผยว่า ได้มีการเรียกประชุมฉุกเฉินทันทีเพื่อวางแนวทางป้องกันเหตุในอนาคต

 

ในที่ประชุมระดับสูง ณ เมืองเดห์ราดูน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมทั้งเลขาธิการรัฐ เลขาธิการกระทรวงการท่องเที่ยวและการบินพลเรือน หน่วยจัดการภัยพิบัติ ตลอดจนหน่วยงานจาก UCADA และ DGCA รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่เข้าร่วมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้หารือถึงสาเหตุเบื้องต้นและมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม

 

มุขมนตรีธามี ได้สั่งการให้จัดตั้งคณะกรรมการด้านเทคนิค เพื่อทบทวนมาตรฐานความปลอดภัยและระเบียบการบินใหม่ทั้งหมด โดยให้จัดทำ SOP (Standard Operating Procedure) ที่รัดกุมและเป็นไปตามกฎระเบียบการบินพลเรือนแห่งชาติ

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดที่กำลังสอบสวนกรณีอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ครั้งก่อน ๆ ในรัฐอุตตราขัณฑ์ จะรวมเหตุการณ์ล่าสุดนี้ไว้ในขอบเขตการสอบสวนด้วย เพื่อวิเคราะห์ข้อบกพร่องในภาพรวม และดำเนินการกับผู้ที่อาจมีส่วนรับผิดชอบอย่างเด็ดขาด

 

มุขมนตรีธามี กล่าวย้ำว่า บริการเฮลิคอปเตอร์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแสวงบุญ การช่วยเหลือภัยพิบัติ และการตอบสนองเหตุฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกลของรัฐอุตตราขัณฑ์ และความปลอดภัยของผู้โดยสารจะต้องเป็นสิ่งที่รัฐให้ความสำคัญสูงสุดต่อไป

 

ภาพ: State Disaster Response Force (SDRF) Uttarakhand / Handout via REUTERS

 

อ้างอิง:

The post เฮลิคอปเตอร์ตกที่รัฐอุตตราขัณฑ์ของอินเดีย ดับยกลำ 7 คน เหตุร้ายครั้งที่ 5 ในรอบ 6 สัปดาห์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประเทศไทยออกแถลงการณ์ แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดอิสราเอล-อิหร่าน https://thestandard.co/thailand-israel-iran-tensions/ Sun, 15 Jun 2025 09:45:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1085321

ประเทศไทยมีความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความตึงเคร […]

The post ประเทศไทยออกแถลงการณ์ แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดอิสราเอล-อิหร่าน appeared first on THE STANDARD.

]]>

ประเทศไทยมีความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน และขอเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจในระดับสูงสุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงหรือความขัดแย้งลุกลามเป็นวงกว้าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

ประเทศไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปกป้องพลเรือน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน และร่วมกันจัดการกับสถานการณ์นี้โดยสันติวิธี ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และข้อมติที่เกี่ยวข้องขององค์การสหประชาชาติ

 

กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคกำลังติดตามพัฒนาการของสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่ไว้แล้วในกรณีที่เกิดเหตุจำเป็น ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เริ่มดำเนินการของศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center: RRC) เพื่อเป็นกลไกในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานเอกอัครราชทูตในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือแก่คนไทยได้อย่างทันท่วงที

 

ประเทศไทยขอให้พี่น้องประชาชนตื่นตัวและติดตามประกาศ แจ้งเตือน และแนวปฏิบัติในภาวะฉุกเฉินจากสถานเอกอัครราชทูตไทยในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด และขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง หากไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ประชาชนสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่าง ๆ หรือสามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน Thai Consular เพื่อรับข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วและทันสถานการณ์

 

อ้างอิง:

  • กระทรวงการต่างประเทศ

The post ประเทศไทยออกแถลงการณ์ แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดอิสราเอล-อิหร่าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาริษแถลงสรุปผลประชุมทูต-กงสุลทั่วโลก ขับเคลื่อนการทูตเพื่อประชาชนในโลกที่เปลี่ยนแปลง https://thestandard.co/maris-summarizes-global-diplomat-meeting/ Sun, 15 Jun 2025 09:11:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1085317

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได […]

The post มาริษแถลงสรุปผลประชุมทูต-กงสุลทั่วโลก ขับเคลื่อนการทูตเพื่อประชาชนในโลกที่เปลี่ยนแปลง appeared first on THE STANDARD.

]]>

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวสรุปผลการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-14 มิถุนายน ที่กรุงเทพมหานคร ภายใต้หัวข้อ “การทูตเชิงรุกที่ตอบโจทย์ประชาชน: จากนโยบายสู่การปฏิบัติ”

 

ในวันเดียวกัน เวลา 18.26 น. คณะเอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ และผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อรับพระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับการเจริญไมตรีกับมิตรประเทศ ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า การประชุมในปีนี้มีขึ้นในช่วงเวลาสำคัญที่โลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและระเบียบโลกใหม่จากการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ของมหาอำนาจ ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจของไทยโดยตรง จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศไทยต้องปรับตัวอย่างรอบด้าน

 

เป้าหมายของการประชุม คือ การเปิดพื้นที่ให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้กำหนดนโยบายของไทย ทั้งจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในประเด็นเศรษฐกิจซึ่งเป็นวาระสำคัญของรัฐบาล โดยมีผู้บริหารจากหลากหลายหน่วยงานเข้าร่วม อาทิ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒน์ฯ, ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท., ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย และ นาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

 

ที่ประชุมได้ร่วมกันระดมสมองเพื่อจัดทำ แผนปฏิบัติการด้านการทูตเชิงรุก ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงและตอบโจทย์ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

 

ในการเปิดการประชุมเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายผ่านบันทึกวีดิทัศน์ โดยมอบหมายให้คณะทูตร่วมกันวิเคราะห์และปรับยุทธศาสตร์การต่างประเทศของไทย ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลก โดยคำนึงถึงความท้าทาย โอกาส และจุดแข็งของไทย เพื่อวางตำแหน่งประเทศให้ได้รับประโยชน์สูงสุด

 

หลังการหารืออย่างเข้มข้นตลอด 4 วัน ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องดำเนินการ 2 เรื่องหลัก ได้แก่

 

(1) การปรับกระบวนทัศน์ (Paradigm Shift) ของนโยบายต่างประเทศ
(2) การปรับกระบวนยุทธ์ (Strategic Recalibration) ของทีมประเทศไทย

 

ในด้านกระบวนทัศน์นโยบายต่างประเทศ มีแนวคิดหลัก 3 ประการ ได้แก่:

 

1. Repositioning ประเทศไทย: ใช้ยุทธศาสตร์ลดและกระจายความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geo-strategic de-risking & Multiple Alignment) เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ และขยายความร่วมมือกับมหาอำนาจขนาดกลางและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มีบทบาทสร้างสรรค์

 

2. Rebranding ประเทศไทย: วางภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศบนเวทีโลก ด้วยจุดยืนและอัตลักษณ์ที่ชัดเจน โดยใช้ “คุณค่าเชิงยุทธศาสตร์” และ Modern Soft Power เป็นเครื่องมือหลัก ซึ่งไม่เพียงส่งเสริมภาพลักษณ์ แต่ยังช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมและสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแก่ประชาชน เป้าหมายคือการเปลี่ยนบทบาทของไทยจาก “มิตรของทุกคน” ไปสู่ “มิตรที่ทุกคนขาดไม่ได้”

 

3. การทูตเชิงรุก (Proactive Diplomacy): โดยเฉพาะการทูตเพื่อเสถียรภาพในภูมิภาค เน้นการเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และเสริมบทบาทของอาเซียนและกลุ่มความร่วมมือต่างๆ

 

ขณะเดียวกัน การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกถูกเน้นย้ำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 

ในระยะสั้น จะมุ่งส่งเสริมการส่งออก แก้ไขอุปสรรคทางการค้า เพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่ม high spenders และดึงดูดการลงทุน รวมถึงกลุ่ม talent และ wealth จากทั่วโลก

 

ในระยะกลางและยาว จะเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย และการเข้ามีบทบาทในเวทีโลก ผ่านแนวทางสำคัญ อาทิ:

 

  • การผลักดันการเจรจาความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน (โดยเฉพาะ FTA ใหม่ๆ)
  • การเพิ่มบทบาทใน OECD และ BRICS
  • การผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมและโลจิสติกส์ เพื่อเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค
  • การลงทุนด้านพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีลดคาร์บอน
  • การร่วมกำหนดระเบียบโลกในประเด็นใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล, จริยธรรมในการใช้ AI, และความมั่นคงทางไซเบอร์

 

ในส่วนของ กระบวนยุทธ์ของทีมประเทศไทย รัฐมนตรีต่างประเทศย้ำว่าต้องผลักดันให้เกิด เอกภาพในการขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศ โดยยกระดับกลไกความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน

 

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือ การพัฒนาบริการด้านกงสุล และการดูแลคนไทยในต่างประเทศให้มีประสิทธิภาพและตอบสนองสถานการณ์ต่างๆ ได้ทันเหตุการณ์

 

ในการประชุมครั้งนี้ ยังมีการสื่อสารประเด็นนโยบายที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง เช่น การดูแลแรงงานและนักศึกษาไทยในต่างประเทศ แผนอพยพฉุกเฉิน สถานการณ์ในเมียนมา การหลอกลวงทางโทรคมนาคม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยทำงานร่วมกับหลายหน่วยงาน เช่น กรณีตัวประกันในฉนวนกาซา และลูกเรือประมงไทยในเมียนมา

 

หลังการประชุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ นำประเด็นจากการหารือไปจัดทำแผนปฏิบัติการ พร้อมตัวชี้วัดที่ชัดเจน และให้มีการรายงานผลการดำเนินงานเป็นระยะต่อนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้รับพระราชดำริในพิธีปิดการประชุม

 

มาริษสรุปว่า การต่างประเทศในศตวรรษที่ 21 ต้องเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสาธารณะ ที่ไม่เพียงขับเคลื่อนผลประโยชน์ของรัฐ แต่ต้องตอบสนองประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

 

อ้างอิง:

  • กระทรวงการต่างประเทศ

The post มาริษแถลงสรุปผลประชุมทูต-กงสุลทั่วโลก ขับเคลื่อนการทูตเพื่อประชาชนในโลกที่เปลี่ยนแปลง appeared first on THE STANDARD.

]]>
อิสราเอล-อิหร่าน ตอบโต้กันดุเดือด ด้านเนทันยาฮูลั่น จะโจมตีเป้าหมายของระบอบอยาตอลเลาะห์ทุกแห่ง https://thestandard.co/israel-iran-fierce-retaliation/ Sun, 15 Jun 2025 08:51:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1085311

สถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงทวีความรุนแ […]

The post อิสราเอล-อิหร่าน ตอบโต้กันดุเดือด ด้านเนทันยาฮูลั่น จะโจมตีเป้าหมายของระบอบอยาตอลเลาะห์ทุกแห่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>

สถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงทวีความรุนแรงต่อเนื่อง โดยล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิหร่านในอิสราเอลเมื่อคืนวันเสาร์ (14 มิถุนายน) ต่อเนื่องถึงเช้าวันนี้ (15 มิถุนายน) เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 10 คน จากก่อนหน้านี้ที่มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คนในอิสราเอล และอย่างน้อย 78 คนในอิหร่าน ตามการรายงานของหน่วยงานทางการแต่ละประเทศ

 

แหล่งข่าวจากกองทัพอิสราเอลและสื่อ The Times of Israel ระบุว่า อิหร่านยิงขีปนาวุธประมาณ 80 ลูกเข้าใส่พื้นที่ทางตอนเหนือและตอนกลางของอิสราเอล แบ่งออกเป็น 2 ระลอก

 

ในระลอกแรก ขีปนาวุธประมาณ 40 ลูกพุ่งเป้าใส่เมืองทางเหนือ หนึ่งในนั้นตกใส่บ้านพักในเมืองทัมรา ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน

 

ระลอกที่สองยิงใส่ตอนกลางของประเทศ โดยมีรายงานว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งตกใส่เมืองบัตยัม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน และบาดเจ็บเกือบ 200 คน อีกลูกหนึ่งตกที่เมืองเรโฮวอต ทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 40 คน

 

ก่อนหน้านั้น กองทัพอิสราเอลยังระบุว่าได้สกัดโดรนจำนวน 7 ลำที่อิหร่านยิงเข้ามาในช่วงเช้ามืด ขณะเดียวกัน กลุ่มฮูตีในเยเมนซึ่งเป็นพันธมิตรของอิหร่าน ได้ออกมาอ้างว่าได้ยิงขีปนาวุธใส่ตอนกลางของอิสราเอลเช่นกัน โดยเป็นปฏิบัติการที่ประสานกับกองทัพอิหร่าน

 

ในอีกด้านหนึ่ง กองทัพอากาศอิสราเอลเปิดเผยว่าได้ปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ในกรุงเตหะราน โดยระบุว่าเป็น “การโจมตีตามข่าวกรอง” ที่มุ่งเป้าใส่หลายเป้าหมาย รวมถึงสำนักงานใหญ่กระทรวงกลาโหมของอิหร่าน แม้สำนักข่าว Tasnim ของอิหร่านจะรายงานว่าความเสียหายมีเพียงเล็กน้อยในอาคารสำนักงานบริหาร แต่ก็มีคลิปเผยให้เห็นกลุ่มควันขนาดใหญ่ในหลายจุดในกรุงเตหะราน

 

อิหร่านยังระบุว่า อิสราเอลได้โจมตีแหล่งพลังงานสำคัญของประเทศ รวมถึงแหล่งก๊าซธรรมชาติ South Pars ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก และคลังน้ำมัน Shahran โดยมีภาพวิดีโอที่แสดงให้เห็นเพลิงลุกไหม้และควันลอยขึ้นเหนือกรุงเตหะราน

 

ขณะที่การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่มีกำหนดจัดขึ้นในประเทศโอมานในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ถูกยกเลิกแล้ว โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของโอมานเปิดเผยว่า การประชุมจะไม่เกิดขึ้น ขณะที่ อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ระบุว่าการเจรจาในขณะที่อิสราเอลยังคงโจมตีต่อเนื่องนั้น “ไม่มีเหตุผลเพียงพอ”

 

ด้านเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล กล่าวในแถลงการณ์ทางวิดีโอเมื่อวันเสาร์ (14 มิถุนายน) ว่า อิสราเอลจะ “โจมตีทุกจุดและทุกเป้าหมายของระบอบอยาตอลเลาะห์” พร้อมย้ำว่าปฏิบัติการของอิสราเอลจะใช้เวลาเป็น “สัปดาห์ ไม่ใช่วัน” โดยมีเจ้าหน้าที่จากทั้งทำเนียบขาวและอิสราเอลระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวดำเนินไปด้วย “การรับรู้โดยปริยายของสหรัฐฯ” (implicit US approval)

 

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณของการยุติความรุนแรง ขณะที่ความสูญเสียเพิ่มขึ้นในทั้งสองฝั่ง และความตึงเครียดในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง

 

ภาพ: Yossi Zeliger / TPX IMAGES OF THE DAY / REUTERS

 

อ้างอิง:

The post อิสราเอล-อิหร่าน ตอบโต้กันดุเดือด ด้านเนทันยาฮูลั่น จะโจมตีเป้าหมายของระบอบอยาตอลเลาะห์ทุกแห่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษกรัฐบาลกัมพูชาย้ำ ยึดมั่นสันติภาพ-กฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเดินหน้าข้อพิพาทผ่านศาลโลก https://thestandard.co/cambodia-border-dispute-icj/ Sun, 15 Jun 2025 04:11:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1085231 โฆษกรัฐบาลกัมพูชาแถลงข่าวยืนยันการยื่นข้อพิพาทชายแดนต่อศาลโลก

เปน โบนา (Pen Bona) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และห […]

The post โฆษกรัฐบาลกัมพูชาย้ำ ยึดมั่นสันติภาพ-กฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเดินหน้าข้อพิพาทผ่านศาลโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษกรัฐบาลกัมพูชาแถลงข่าวยืนยันการยื่นข้อพิพาทชายแดนต่อศาลโลก

เปน โบนา (Pen Bona) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าหน่วยโฆษกรัฐบาลกัมพูชา แถลงย้ำอีกครั้งถึงจุดยืนของกัมพูชาในการยึดมั่นสันติภาพและหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

 

“กัมพูชารักสันติภาพและเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ” เปน โบนา กล่าวในแถลงการณ์เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ (14 มิถุนายน) พร้อมชี้แจงเหตุผลที่กัมพูชาตัดสินใจยื่นกรณีพื้นที่มอมเบย (ช่องบก) และกลุ่มโบราณสถานตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตาแก่เบย ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หลังการเจรจาทวิภาคีไม่สามารถหาข้อสรุปได้

 

เขาเน้นว่า การยื่นเรื่องต่อ ICJ สะท้อนแนวทางสันติวิธีและการใช้กลไกทางกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา แต่ในขณะเดียวกัน ช่องทางทวิภาคีสำหรับประเด็นเขตแดนอื่น ๆ ที่ยังไม่อยู่ในกระบวนการของ ICJ ยังคงดำเนินต่อไป โดยยกตัวอย่างการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ (14 มิถุนายน) เป็นวันแรก

 

เขากล่าวว่า “นี่แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่รักสันติ ต้องการแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาและกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางทหาร” พร้อมระบุว่า กัมพูชาขอสงวนสิทธิในการใช้กำลัง ‘เฉพาะในกรณีที่ถูกรุกรานเท่านั้น’

 

เปน โบนา ระบุเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ความคิดเห็นของประชาชนทั้งในประเทศและระหว่างประเทศต่างเห็นชัดเจนว่า กัมพูชาดำรงจุดยืนในฐานะประเทศที่เคารพกฎหมาย รักสันติ และต่อต้านสงคราม ขณะที่ฝ่ายไทยปฏิเสธเขตอำนาจของศาลโลก และมีผู้นำทหารบางส่วนที่ใช้ถ้อยคำแข็งกร้าวในลักษณะยั่วยุ

 

ภาพ: Agence Kampuchea Press Handout via REUTERS 

อ้างอิง:

The post โฆษกรัฐบาลกัมพูชาย้ำ ยึดมั่นสันติภาพ-กฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเดินหน้าข้อพิพาทผ่านศาลโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
FBI เร่งล่าตัวผู้ต้องสงสัย ลอบยิง สส. และ สว. เดโมแครต ในรัฐมินนิโซตา เสียชีวิต 2 คน สาหัส 2 คน https://thestandard.co/fbi-hunt-minnesota-political-shooting/ Sun, 15 Jun 2025 04:07:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1085220 เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐตรวจสอบจุดเกิดเหตุลอบยิงนักการเมืองในรัฐมินนิโซตา

เกิดเหตุลอบสังหารนักการเมืองในรัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา […]

The post FBI เร่งล่าตัวผู้ต้องสงสัย ลอบยิง สส. และ สว. เดโมแครต ในรัฐมินนิโซตา เสียชีวิต 2 คน สาหัส 2 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐตรวจสอบจุดเกิดเหตุลอบยิงนักการเมืองในรัฐมินนิโซตา

เกิดเหตุลอบสังหารนักการเมืองในรัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้ามืดวันเสาร์ (14 มิถุนายน) ส่งผลให้ เมลิสซา ฮอร์ตแมน อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรรัฐ และ มาร์ก ฮอร์ตแมน สามี เสียชีวิตภายในบ้านพักที่ Brooklyn Park ขณะเดียวกัน จอห์น ฮอฟฟ์แมน วุฒิสมาชิกรัฐ และภรรยา ถูกโจมตีที่บ้านในเมือง Champlin โดยทั้งคู่ได้รับการผ่าตัดและอาการทรงตัว

 

ตำรวจได้รับแจ้งเหตุที่บ้านของฮอฟฟ์แมนเวลาประมาณตีสอง ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบบ้านของฮอร์ตแมนในอีกประมาณ 90 นาทีถัดมา ที่นั่นเจ้าหน้าที่พบชายแต่งกายคล้ายตำรวจเดินออกจากบ้าน เขายิงใส่ตำรวจแล้วหลบหนี

 

ผู้ต้องสงสัยคือ วานซ์ ลูเธอร์ โบลเตอร์ วัย 57 ปี ผมและตาสีน้ำตาล ขณะก่อเหตุสวมหมวกคาวบอยสีอ่อน เสื้อแขนยาวสีเข้ม กางเกงสีอ่อน และถือกระเป๋าสีดำ แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีทั้งเสื้อเกราะ ป้ายตรา เครื่องช็อตไฟฟ้า และรถติดไฟฉุกเฉินพร้อมป้ายทะเบียนที่ระบุว่า ‘Police’

 

FBI ระบุว่าโบลเตอร์ยังมีอาวุธ และอาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ จึงเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ พร้อมประกาศรางวัลนำจับสูงสุด 50,000 ดอลลาร์

 

การสืบสวนพบว่า ในรถของผู้ต้องสงสัยมีบัญชีรายชื่อบุคคลประมาณ 50-70 คน ซึ่งเป็นนักการเมืองจากพรรคเดโมแครตและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิการทำแท้ง โดยเหยื่อทั้งสี่รายมีชื่ออยู่ในบัญชีดังกล่าว

 

ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐ ระบุว่าเหตุการณ์นี้เป็น ‘การลอบสังหารทางการเมือง’ และเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อประชาธิปไตยในประเทศ โดยโบลเตอร์เคยมีบทบาทในคณะกรรมการพัฒนากำลังแรงงานของรัฐ และเคยเกี่ยวข้องกับภารกิจด้านความมั่นคงระดับนานาชาติ แม้ยังไม่ชัดเจนว่าเขารู้จักผู้เสียชีวิตเป็นการส่วนตัว แต่เชื่อว่าเคยเข้าร่วมประชุมสาธารณะร่วมกัน

 

ธงรัฐมินนิโซตาถูกลดลงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยต่อการเสียชีวิต ขณะที่ชุมชนท้องถิ่นแสดงความเสียใจ และเรียกร้องให้มีมาตรการคุ้มครองนักการเมืองอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดทางการเมืองในสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

ภาพ: Senate / Handout via REUTERS, Minnesota House of Representatives / Handout via REUTERS

อ้างอิง:

The post FBI เร่งล่าตัวผู้ต้องสงสัย ลอบยิง สส. และ สว. เดโมแครต ในรัฐมินนิโซตา เสียชีวิต 2 คน สาหัส 2 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประชุม JBC บรรยากาศผ่านไปด้วยดี รอสรุปผลพรุ่งนี้ ฝั่งไทยยืนยัน ไม่รับเขตอำนาจศาลโลก https://thestandard.co/jbc-progresses-results-tomorrow/ Sat, 14 Jun 2025 11:21:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1085072

นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างป […]

The post ประชุม JBC บรรยากาศผ่านไปด้วยดี รอสรุปผลพรุ่งนี้ ฝั่งไทยยืนยัน ไม่รับเขตอำนาจศาลโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>

นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 6 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ

 

นิกรเดชเปิดเผยว่า ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ JBC ฝ่ายไทย และอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการประชุม และได้รับรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

 

ในวันนี้มีการประชุมกลุ่มเล็กช่วงเช้า เพื่อหารือด้านเทคนิคในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่น การใช้เทคโนโลยีและการสำรวจภูมิประเทศ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมเต็มคณะในช่วงบ่าย ซึ่งจะดำเนินไปตามระเบียบวาระที่กำหนด และคาดว่าจะสรุปผลได้ภายในวันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย.)

 

ขณะเดียวกัน มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งมอบหมายให้รายงานความคืบหน้าเป็นระยะ

 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า บรรยากาศในการหารือเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเปิดใจแลกเปลี่ยนอย่างตรงไปตรงมา โดยฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะช่วยลดความตึงเครียดและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว

 

สำหรับประเด็นที่มีรายงานว่ากัมพูชาอาจยื่นกรณีพื้นที่พิพาท 4 จุดเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) นิกรเดชยืนยันว่า ไทยไม่รับเขตอำนาจของ ICJ และยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลไก JBC ซึ่งถือว่าเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและแนวปฏิบัติของสหประชาชาติ

 

เขายังกล่าวถึงตัวอย่างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมภายใต้กลไกทวิภาคี เช่น การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) ซึ่งสะท้อนถึงผลลัพธ์ของการเจรจาทางการทูตระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

 

ส่วนกรณีข่าวลือว่าประศาสน์ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของกัมพูชา จากแชตไลน์ที่ถูกอ้างว่า “หลุดออกมา” โฆษกระบุว่า ยังไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างติดตามการประชุม JBC อย่างใกล้ชิด และยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

 

ทั้งนี้ เมื่อการประชุมเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะมีการสรุปผลอีกครั้ง

 

อ้างอิง:

  • กระทรวงการต่างประเทศ

The post ประชุม JBC บรรยากาศผ่านไปด้วยดี รอสรุปผลพรุ่งนี้ ฝั่งไทยยืนยัน ไม่รับเขตอำนาจศาลโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
โศกนาฏกรรม Air India กับคำถามว่า เรามีทางเลือกอื่นหรือไม่นอกจาก Boeing https://thestandard.co/opinion-air-india-plane-crash/ Sat, 14 Jun 2025 08:17:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1085024

ต้องบอกว่า ‘เคราะห์ซ้ำกรรมซัด’ สำหรับ Boeing หลังจากที่ […]

The post โศกนาฏกรรม Air India กับคำถามว่า เรามีทางเลือกอื่นหรือไม่นอกจาก Boeing appeared first on THE STANDARD.

]]>

ต้องบอกว่า ‘เคราะห์ซ้ำกรรมซัด’ สำหรับ Boeing หลังจากที่เครื่องบิน Boeing 787 ของสายการบิน Air India เที่ยวบินที่ AI171 ตกลงหลังจากบินขึ้นไม่นานที่ท่าอากาศยานอาเมดาบัด ซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญเสียอากาศยาน (Hull Loss) ครั้งแรกของเครื่องบินแบบนี้

 

พอได้ยินข่าวนี้ หลายคนก็คงอุทานว่า “Boeing อีกแล้วหรือ?”

 

เพราะข่าวเชิงลบด้านความปลอดภัยของ Boeing มีมาอย่างต่อเนื่อง และช่วงหลังที่ดูเหมือนจะเริ่มแก้ปัญหาได้แล้ว กลับต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก

 

แน่นอนว่าสาเหตุคงต้องรอการสอบสวน เนื่องจากภาพที่ปรากฏวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ยากมาก โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าเครื่องยนต์ทั้งสองเครื่องเสียกำลังจริงหรือไม่ ถ้าจริง เพราะเหตุใด เพราะโอกาสที่เครื่องยนต์จะไม่ทำงานพร้อมกันนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากถึงมากที่สุด

 

ดังนั้นถ้าจะข้ามจากคำถามว่าอุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรไปสู่คำถามที่หลายคนถามมาว่าถ้าไม่มั่นใจใน Boeing จะมีทางเลือกอะไรบ้าง

 

อย่างแรกที่ต้องบอกก็คือ Boeing 787 มีประวัติด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมมาก แม้อุบัติเหตุครั้งล่าสุดจะมีคนตายมากกว่า 200 คน แต่ต้องบอกว่าอัตราส่วนของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบน Boeing 787 นั้นน้อยกว่าโอกาสที่เราจะเสียชีวิตจากการถูกมดกัดเสียอีก

 

แต่ถ้ายังไม่มั่นใจจริงๆ ทางเลือกของผู้โดยสารก็คือพยายามหาเที่ยวบินที่บินด้วยเครื่องบินของ Airbus ไม่ว่าจะเป็น A330, A350 หรือ A380 แต่ในกรณีของ A330 นั้นมีสถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเยอะกว่า Boeing 787 ด้วยซ้ำ

 

หรือทางเลือกของผู้โดยสารมีแค่นี้จริงๆ?

 

ส่วนทางเลือกของสายการบินที่ถ้าไม่มั่นใจกับ Boeing 787 จริงๆ จะมีทางหลีกเลี่ยงไปที่ใดได้บ้าง ก็ต้องตอบว่า มีน้อยไม่ต่างกัน

 

เพราะตามสเปกแล้ว คู่แข่งแบบตรงๆ ของ Boeing 787 ก็คือ A330NEO แต่ถ้าเทียบกับความทันสมัยหรือความใหม่ ก็ต้องไปเทียบกับ A350 แม้ว่า Boeing 787 จะเล็กกว่านิดหน่อยก็ตาม

 

ถ้าจะเปลี่ยนยี่ห้อของเครื่องบิน สายการบินก็มีเรื่องต้องพิจารณาอีกก็คือ การฝึกนักบิน ลูกเรือ ช่างซ่อมบำรุง อะไหล่ อุปกรณ์สนับสนุนต่างๆ รวมถึงรุ่นและยี่ห้อของเครื่องยนต์ซึ่งมีผลในการตัดสินใจ

 

นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องสล็อตการผลิต เพราะปัจจุบันเครื่องบินโดยสารขาดแคลนทั่วโลกจากความต้องการการเดินทางหลังโควิด ผู้ผลิตอากาศยานไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการของสายการบิน ซึ่งทำให้หลายสายการบินต้องแก้ปัญหาด้วยการกวาดเช่าเครื่องบินมือสองในตลาดมาใช้งานก่อน หรือไม่ก็ต้องพยายามสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ทีละมากๆ เพื่อรับประกันว่าจะมีเครื่องบินให้ใช้งานตามแผนงานในอนาคต

 

ตัวเลือกในโลกนี้มีแค่นี้จริงๆ เพราะโลกของการบินพาณิชย์ของโลกอยู่ในมือของบริษัทแค่ 6 บริษัทคือ Airbus และ Boeing ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบิน และ GE, CFM, Rolls Royce, และ Pratt & Whitney เพราะนอกจากนั้นก็จะเป็นผู้ผลิตเครื่องบินขนาดเล็กที่มีแต่เครื่องบินลำตัวแคบนำเสนอสู่ตลาดทั้งแบบเครื่องยนต์ไอพ่นและใบพัด

 

ทำให้ธุรกิจการบินของโลกอยู่ในสภาวะ Duopoly หรือผูกขาดโดยผู้ผลิตแค่สองบริษัทเท่านั้น

 

ถามว่าไม่มีตัวเลือกอื่นจริงๆ หรือ ก็ต้องตอบว่าไม่จริงเสียทีเดียว เพราะสำหรับเครื่องบินลำตัวกว้างแบบ Boeing 787 นั้น ยังมีรัสเซียซึ่งผลิต IL-96 ที่ออกแบบโดย Ilyushin และผลิตโดย Voronezh Aircraft Production Association หรือ VASO 

 

แต่ปัญหาของ Il-96 ก็คือเป็นเครื่องบินที่เทคโนโลยีต่ำกว่าเครื่องบินของตะวันตกอย่างมาก และยังเป็นเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์ ซึ่งไม่นิยมแล้วในปัจจุบัน และมีทั้งรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ของตะวันตกคือ PW2037 และ PW2337 ของ Pratt & Whitney และรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ของรัสเซียเองคือ PS-90A ของ Aviadvigatel ซึ่งจากปัญหาการถูกคว่ำบาตรจากตะวันตกหลังรัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้รัสเซียต้องพัฒนาอุปกรณ์ต่างๆ มาทดแทนอุปกรณ์ของตะวันตก ซึ่งก็ทำให้อะไหล่หรือการสนับสนุนต่างๆ มีความยากลำบาก

 

ที่สำคัญก็คือ Il-96 ไม่เคยก้าวข้ามจากการผลิตแบบ Low-Rate Initial Production หรือการผลิตด้วยกำลังผลิตต่ำในระยะแรกไปสู่ Mass Production หรือการใช้กำลังผลิตเต็มรูปแบบได้เลยนับตั้งแต่เริ่มต้นผลิตในปี 1992 โดยผลิตได้ปีละ 1–2 ลำเท่านั้น บางปีก็ไม่มีการผลิตเลย แม้หลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะเป็นแรงบีบบังคับให้รัสเซียต้องหันกลับมาพึ่งพาตนเองมากขึ้น แต่ตามแผนแล้วกำลังผลิตของ Il-96 ก็คือ 12 ลำจนถึงปี 2030 เท่านั้น โดยแบ่งเป็น 2 ลำในปีนี้ 1 ลำ ในปี 2026 สองลำในปี 2027-28 3 ลำในปี 2029 และ 1 ลำในปี 2030 สะท้อนให้เห็นว่า Il-96 แข่งขันในตลาดโลกไม่ได้

 

ถ้าไม่ใช่เครื่องบินของรัสเซีย จีนซึ่งกำลังก้าวมาเป็นผู้ผลิตเครื่องบินโดยสารรายที่ 3 ของโลกผ่านรัฐวิสาหกิจผลิตอากาศยานอย่าง COMAC และเปิดตัว C909 และ C919 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำตัวแคบ พร้อมคำสั่งซื้อจำนวนรวมกันมากกว่า 1,000 ลำจากสายการบินในประเทศ ก็กำลังพัฒนา C929 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำตัวกว้างที่ตั้งเป้าว่าจะแข่งขันกับ A330NEO หรือ Boeing 787 โดยตรง แต่ปัจจุบัน C929 ยังอยู่ในสถานะออกแบบอยู่หลังจากที่โครงการประสบปัญหาความล่าช้ามาหลายปีเพราะโครงการเกิดขึ้นจากการร่วมมือระหว่างรัสเซียและจีน และทั้งสองฝ่ายมีปัญหาในการทำงานร่วมกันค่อนข้างมาก ซึ่งหลังจากรัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้จีนนำโครงการมาพัฒนาต่อเพียงลำพัง ซึ่งคาดว่าต้นแบบจะบินได้ภายในปี 2030 และกว่าจะได้รับการรับรองมาตรฐานก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปีหลังจากนั้น ทำให้เครื่องบินลำตัวกว้างของ COMAC จะยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาดในอีก 10 ปี

 

ทำให้สุดท้าย ไม่ว่าจะอย่างไร ในตอนนี้โลกมีแค่สองตัวเลือกเท่านั้นคือ Airbus และ Boeing และว่าจะชอบหรือไม่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราไม่มีทางเลือกไปอีกอย่างน้อย 10 ปีนับจากนี้ และสำหรับผู้โดยสารอย่างเรา ถ้าไม่มั่นใจใน Boeing จริงๆ ก็ต้องพยายามเลือกเส้นทางการบินที่ใช้ A330 หรือ A350 แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ก็ต้องพยายามนึกไว้ว่า ไม่ใช่เครื่องบินทุกแบบของ Boeing ที่มีปัญหา แม้ Boeing 737 MAX จะเกิดปัญหา แต่ Boeing รุ่นอื่นก็ยังน่าเชื่อถือพอ โดยเฉพาะ Boeing 787 ที่มีสถิติความปลอดภัยที่ดีมาก และเรามีโอกาสน้อยมากที่จะประสบกับอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกับ Boeing 787 รวมถึงโลกของการบินก็เรียนรู้และปรับตัวมามากพอหลังจากกรณี Boeing 737 MAX 

 

ดังนั้นถือเสียว่า เดินทางให้สบายใจ และโชคร้ายก็คงไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก

 

ภาพ: REUTERS / Randall Hill

The post โศกนาฏกรรม Air India กับคำถามว่า เรามีทางเลือกอื่นหรือไม่นอกจาก Boeing appeared first on THE STANDARD.

]]>
เทศกาล ‘Taiwan Day’ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ กิน เที่ยว มู กับเสน่ห์ไต้หวัน https://thestandard.co/taiwan-day-centralworld-2025/ Sat, 14 Jun 2025 07:29:06 +0000 https://thestandard.co/?p=1085020 บรรยากาศงาน Taiwan Day ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เสิร์ฟอาหารไต้หวันและกิจกรรมมูเตลู

‘Taiwan Day เทศกาลอาหารและการท่องเที่ยวไต้หวัน’ งานประจ […]

The post เทศกาล ‘Taiwan Day’ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ กิน เที่ยว มู กับเสน่ห์ไต้หวัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
บรรยากาศงาน Taiwan Day ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เสิร์ฟอาหารไต้หวันและกิจกรรมมูเตลู

‘Taiwan Day เทศกาลอาหารและการท่องเที่ยวไต้หวัน’ งานประจำปีของสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-15 มิถุนายน ณ central cOurt ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยภายในงาน ผู้เที่ยวชมจะได้ลิ้มรสอาหารไต้หวันอย่างบะหมี่เย็น บะหมี่เนื้อ ไก่ทอด เต้าหู้เหม็น ชานมไข่มุก บิงซูเฉาก๊วยสไตล์ไต้หวัน รวมทั้งสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ในโซน Interactive อย่างการเสี่ยงเซียมซีผ่านการเชื่อมต่อแบบออนไลน์ไปยังวัดเจินไห่ เมืองตงกั่ง มณฑลผิงตง ซึ่งถูกใจเหล่านักท่องเที่ยวชาวไทยสายมู  

 

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีแพ็กเกจท่องเที่ยวไต้หวันที่รวมการเข้าร่วม ‘Meet & Greet อาเล็กที่ไต้หวัน’ วันที่ 25 ตุลาคม จัดจำหน่าย โดยอาเล็กได้เตรียมการแสดงสุดเซอร์ไพรส์ที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน! และผู้เข้าร่วมยังจะได้ร่วมกิจกรรมสะสมแสตมป์ลุ้นรับรางวัลมากมาย ซึ่งรางวัลใหญ่ก็คือ ตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ-ไทเป ฟรี!

 

งาน ‘Taiwan Day เทศกาลอาหารและการท่องเที่ยวไต้หวัน’ มีพิธีเปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมี ต่งซือฉี รองผู้แทนประจำสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ร่วมกับ ซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ พร้อมผู้แทนจากบริษัทนำเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย และ 3 สายการบินรายใหญ่ของไต้หวันเข้าร่วม นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก อาเล็ก-ธีรเดช แบรนด์แอมบาสเดอร์การท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำปี 2025 มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์สุดประทับใจจากการไปท่องเที่ยวไต้หวันหลายครั้ง รวมถึงการเดินทางไปเกาะหมาจู่ หนึ่งในสถานที่สุด unseen ของไต้หวัน และทางอาเล็ก-ธีรเดชได้เตรียมตัวสำหรับงาน Meet & Greet ที่จะจัดขึ้นที่ไต้หวันในวันที่ 25 ตุลาคม 2025 

 

ต่งซือฉี รองผู้แทนประจำสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยกล่าวว่า “การโปรโมตเอกลักษณ์การท่องเที่ยวไต้หวัน ในคราวนี้เป็นการผสมผสานระหว่างเสน่ห์และทรัพยากรการท่องเที่ยวที่หลากหลายของไต้หวันเข้ากับกิจกรรมสนุกๆ จากนักแสดงที่เหล่าแฟนๆ ชาวไทยชื่นชอบได้อย่างลงตัว ถือเป็นการมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวไต้หวันที่สดใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างมาก” โดยต่งซือฉีและอาเล็ก ธีรเดชได้ร่วมมอบเกียรติบัตรให้แก่บริษัทนำเที่ยวชั้นนำของประเทศไทยทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งเป็นพันธมิตรในการส่งเสริมการท่องเที่ยวไต้หวัน 

 

สำหรับ ‘Taiwan Day เทศกาลอาหารและการท่องเที่ยวไต้หวัน’ จะจัดขึ้นวันที่ 10-15 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 ณ Central Court ชั้น 6 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนบัตรเข้าร่วมงาน ‘Meet & Greet อาเล็กที่ไต้หวัน’ มีจำนวนจำกัด!  

 

[PR NEWS]

 

อ้างอิง: 

  • สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป

The post เทศกาล ‘Taiwan Day’ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ กิน เที่ยว มู กับเสน่ห์ไต้หวัน appeared first on THE STANDARD.

]]>