World – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 21 Dec 2024 06:36:24 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 นโรไวรัสระบาดจริงหรือไม่? รับมือกับข่าวโรคระบาดอย่างไรไม่ให้ตื่นตระหนก https://thestandard.co/norovirus-outbreak-how-to-handle-news/ Sat, 21 Dec 2024 06:36:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1022081 norovirus-outbreak-how-to-handle-news

ทุกครั้งที่เราได้ยิน ‘ข่าวการระบาด’ ของโรคที่ไม่คุ้นหู […]

The post นโรไวรัสระบาดจริงหรือไม่? รับมือกับข่าวโรคระบาดอย่างไรไม่ให้ตื่นตระหนก appeared first on THE STANDARD.

]]>
norovirus-outbreak-how-to-handle-news

ทุกครั้งที่เราได้ยิน ‘ข่าวการระบาด’ ของโรคที่ไม่คุ้นหู

 

โรคนั้นอาจเป็นโรคที่ไม่เคยพบมาก่อน (โรคอุบัติใหม่) โรคที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว (โรคอุบัติซ้ำ) หรือโรคที่พบบ่อยแต่ไม่ค่อยเป็นข่าว (โรคประจำถิ่น) แต่เราก็มักจะนึกถึงฝันร้ายโควิด-19 เมื่อ 5 ปีก่อน เกิดเป็นความกังวลว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเช่นนั้นอีก ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เราจะรับมือกับข่าวโรคระบาดอย่างไรไม่ให้ตื่นตระหนก

 

ในฐานะแพทย์ระบาดวิทยา ขอแนะนำให้ใช้ ‘คำถาม 3 ข้อ’ ในการรับมือกับข่าวโรคระบาด และยกตัวอย่างข่าว ‘โนโรไวรัสระบาด’ ที่กำลังเป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนี้

 

ถามตัวเองก่อน 3 ข้อ

 

ก่อนที่สิ่งที่เรารับรู้จะกลายเป็นความกังวล ผมอยากให้ตั้งสติด้วยคำถามที่ผมประยุกต์มาจากขั้นตอนการทำงานของทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (Situation Awareness Team: SAT) ของหน่วยงานด้านสาธารณสุข ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าระวัง เตือนภัย ประเมินสถานการณ์ และรายงานโรคและภัยสุขภาพในพื้นที่ที่รับผิดชอบ สรุปเป็นคำถาม 3 ข้อ ดังนี้

 

  1. ข่าวจริงหรือไม่? เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของข่าว เริ่มจากตรวจสอบ ‘แหล่งข่าว’ คือมีที่มาชัดเจน เป็นบุคคลหรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานรัฐ สำนักข่าว เพราะบางครั้งอาจเป็นข่าวลือ จากนั้นตรวจสอบ ‘ข้อเท็จจริง’ โดยอาจเปรียบเทียบ (รีเช็ก) กับแหล่งข่าวอื่น หรือสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนั้นๆ 

 

เมื่อตรวจสอบแล้วว่าเป็นข่าวจริง ก็ไปต่อกันที่ข้อถัดไป

 

  1. เราเสี่ยงแค่ไหน? เป็นการประเมินความเสี่ยงจากโรคนั้นๆ พิจารณาจาก ความเสี่ยง = โอกาสที่จะเกิด x ความรุนแรง แปลให้เข้าใจง่ายคือ ความเสี่ยงขึ้นกับว่าโรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ และถ้าเกิดแล้วเราจะป่วยรุนแรงหรือไม่

 

ปัจจัยแรก เรามีโอกาสป่วยเป็นโรคนั้นหรือไม่ การตอบคำถามนี้เราควรมีความรู้เกี่ยวกับ ‘โรค’ ก่อน จากนั้นเปรียบเทียบกับ ‘ตัวเรา’ ว่าเกี่ยวข้องกับโรคนั้นเพียงใด

 

เราควรมีความรู้เกี่ยวกับโรคใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. เชื้อโรค เกิดจากเชื้ออะไร ติดต่อผ่านทางไหน มีพาหะนำโรคหรือไม่ 2. คน เกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน และเมื่อไร เช่น กลุ่มอายุใดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด มีรายงานผู้ป่วยในประเทศไทยหรือไม่ เมื่อเดือนอะไร 3. สิ่งแวดล้อม เกิดในสภาพแวดล้อมแบบใด เช่น ฤดูอะไรที่พบผู้ป่วยมากที่สุด หลังจากเกิดภัยพิบัติอะไรแล้วพบผู้ป่วยมากขึ้น

 

ตัวอย่างการเปรียบเทียบกับตัวเรา เช่น เรามีพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นช่องทางให้เชื้อเข้าสู่ตัวเราหรือไม่ เรามีอายุอยู่ในกลุ่มที่พบผู้ป่วยจำนวนมากหรือไม่ เราอยู่ในพื้นที่ที่มีรายงานโรคหรือไม่ เป็นต้น

 

ปัจจัยที่ 2 ถ้าป่วยแล้ว เราจะป่วยรุนแรงหรือไม่ พิจารณาจาก ‘อัตราป่วยตาย’ ว่าในคนป่วย 100 ราย พบเสียชีวิตกี่ราย เช่น โควิด-19 ในช่วงแรกมีอัตราป่วยตาย 2% บางโรคมีอัตราป่วยตายสูงกว่านั้น เช่น อีโบลา 25-90% และพิจารณาจาก ‘กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรง’ ว่ากลุ่มใดที่ต้องนอนโรงพยาบาล/เสียชีวิตบ้าง ซึ่งมักเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนทั่วไป

 

นอกจากนี้ยังอาจพิจารณาจาก ‘การรักษา’ ว่ามียารักษาเฉพาะ เช่น ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัสหรือไม่

 

เมื่อพิจารณาทั้งสองปัจจัยแล้วก็จะสามารถสรุปได้ว่า เรามีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง-สูง

 

  1. เราควรทำอะไร? เป็นการระบุวิธีการป้องกันการป่วยและอาการรุนแรง ระดับความเข้มขึ้นกับความเสี่ยงที่เราประเมินได้ โดยการปฏิบัติตัวแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ 

 

  1. การป้องกันโรค มีวัคซีนป้องกันโรคหรือไม่ มีการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคอะไรบ้าง ซึ่งจะขึ้นกับวิธีการติดต่อ เช่น โรคติดต่อทางเดินหายใจ ป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือเป็นประจำ 2. การสังเกตอาการ อาการของโรคมีอะไรบ้าง อาการแบบใดที่ควรไปพบแพทย์ เพื่อจะได้รีบไปโรงพยาบาล และ 3. การรักษาโรค หากไม่มียารักษาเฉพาะก็จะเป็นยารักษาตามอาการ

 

ยกตัวอย่างข่าวโนโรไวรัสระบาด

 

โนโรไวรัส เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วง มักพบการระบาดในฤดูหนาว หลายคนมักจะเชื่อมโยงโรคอุจจาระร่วงกับฤดูร้อน เพราะอากาศร้อนทำให้อาหารบูดเสียง่าย ซึ่งเป็นผลมาจาก ‘แบคทีเรีย’ เติบโตได้เร็วขึ้นเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ทว่าตรงกันข้ามกับ ‘ไวรัส’ ที่มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้นเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง จึงพบโรคอุจจาระร่วงในช่วงนี้ได้เช่นกัน

 

ข่าวโนโรไวรัสระบาดมี 2 ข่าวหลักด้วยกัน คือ การระบาดของโนโรไวรัสที่ประเทศจีน และการระบาดของโรคอุจจาระร่วงในงานกีฬาสีที่จังหวัดระยอง มีนักเรียนป่วยมากกว่า 1,400 ราย

 

เริ่มจากคำถามข้อแรก 1. ข่าวจริงหรือไม่? วิธีการตรวจสอบข่าวที่ผมใช้บ่อยคือการค้นหาในเว็บไซต์ Google ด้วยคำค้น ชื่อโรค ตามด้วยชื่อสถานที่ และเวลา และหากเป็นการระบาดในต่างประเทศควรใช้ภาษาอังกฤษ เช่น Norovirus China 2024 พบว่า

 

– การระบาดของโนโรไวรัสในหลายพื้นที่ของประเทศจีน เป็น ‘ข่าวจริง’ และศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งประเทศจีนได้ออกคำแนะนำแนวทางการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัสในโรงเรียนและสถานที่สำคัญ เช่น ศูนย์เด็กเล็ก และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

 

– การระบาดของโรคอุจจาระร่วงในงานกีฬาสีที่จังหวัดระยองจากโนโรไวรัส เพจกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ว่าเป็น ‘ข่าวปลอม’ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สาเหตุจากเชื้ออีโคไล และโคลิฟอร์มแบคทีเรีย (แบคทีเรียที่พบในแหล่งน้ำ ดิน และอุจจาระ)

 

ทว่าเมื่อสืบค้นข่าวย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 เคยแถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า เกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัสที่ปนเปื้อนมากับน้ำและน้ำแข็ง ซึ่งหากอ้างอิงตามข่าวนี้ก็ไม่น่าจะใช่ ‘ข่าวปลอม’ แต่อย่างใด ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึง

ควรอธิบายเพิ่มเติมว่าเพราะอะไรที่ทำให้ข้อเท็จจริงถึงไม่ตรงกัน 

 

  1. เราเสี่ยงแค่ไหน? โนโรไวรัสก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วง สามารถติดต่อได้ง่าย เนื่องจากไวรัสจำนวนไม่ถึง 100 ตัวสามารถก่อให้เกิดโรคได้ ติดต่อผ่านการปนเปื้อนของอาหารและน้ำ พื้นผิวที่ปนเปื้อนอาเจียนหรืออุจจาระ และมีรายงานว่าติดต่อผ่านอากาศได้ โดยละอองขนาดเล็กเกิดจากการอาเจียนแรงหรือแรงดันน้ำหลังกดชักโครก แต่ไม่ใช่วิธีการติดต่อหลัก

 

เด็กและผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อโนโรไวรัสได้ ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว ไข้ต่ำๆ มักหายได้เองภายใน 1-3 วัน แต่บางรายอาจมีอาการรุนแรงจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ได้แก่ เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ การรักษาเป็นการรักษาตามอาการ ไม่มียาต้านไวรัส ดังนั้นอาการและความรุนแรงของโนโรไวรัสจึงใกล้เคียงกับโรคอุจจาระร่วงทั่วไป

 

เมื่อพิจารณาจากความสามารถในการติดเชื้อ และช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ซึ่งอากาศเย็นต่อเนื่องหลายวัน ผมจึงประเมิน ‘โอกาสที่จะเกิด’ อยู่ในระดับปานกลาง ส่วน ‘ความรุนแรง’ อยู่ในระดับต่ำ ประมวลเป็นความเสี่ยง = โอกาสที่จะเกิด x ความรุนแรง ในระดับปานกลาง

 

  1. เราควรทำอะไร? โนโรไวรัสยังไม่มีวัคซีนป้องกัน จึงต้องเน้นที่สุขอนามัยส่วนบุคคล 

 

โรคนี้ติดต่อผ่านอาหารและน้ำ จึงควรยึดหลัก ‘กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ’ และ ‘สุก ร้อน สะอาด’ คืออาหารต้องปรุงสุก หากปรุงไว้นานเกิน 2 ชั่วโมงควรนำมาอุ่นร้อน น้ำและน้ำแข็งต้องสะอาด ที่สำคัญคือต้องล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่ เนื่องจากแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อโนโรไวรัสได้

 

การรักษาเหมือนโรคอุจจาระร่วงทั่วไป คือ ดื่มน้ำเกลือแร่ชดเชย ยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง อาการจะดีขึ้นเองภายใน 1-3 วัน อาการที่ควรไปพบแพทย์คือ ถ่ายอุจจาระมากหรือเป็นมูกเลือด อาเจียนบ่อย ดื่มน้ำเกลือแร่ไม่ได้ อ่อนเพลีย

 

โดยสรุปเมื่อได้ยินข่าวการระบาดของโรค ผมแนะนำให้รับมือด้วยการถามตัวเองก่อน 3 ข้อ คือ 1. ข่าวจริงหรือไม่ เพราะบางครั้งอาจเป็นข่าวปลอม 2. เราเสี่ยงแค่ไหน ขึ้นกับโอกาสที่จะเกิด x ความรุนแรง ทำให้เราไม่กังวลมากเกินไป แต่ก็ไม่ชะล่าใจ และ 3. เราควรทำอะไรเพื่อป้องกันโรค ส่วนโนโรไวรัสไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ เป็นโรคประจำถิ่นที่มักพบการระบาดในช่วงฤดูหนาว การป้องกันและการรักษาเหมือนกับโรคอุจจาระร่วงอื่น ที่ต้องเน้นย้ำคือต้องล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่เท่านั้น

 

อ้างอิง:

The post นโรไวรัสระบาดจริงหรือไม่? รับมือกับข่าวโรคระบาดอย่างไรไม่ให้ตื่นตระหนก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: จีน vs. สหรัฐฯ ระลอกใหม่? สงครามมหาอำนาจยุคทรัมป์ 2.0 ดุเดือดแค่ไหน? | GLOBAL FOCUS #104 https://thestandard.co/global-focus-ep-104/ Sat, 21 Dec 2024 03:37:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1021978 global-focus-ep-104

สัมภาษณ์พิเศษ ศ. ดร.จางเหวยเว่ย อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ […]

The post ชมคลิป: จีน vs. สหรัฐฯ ระลอกใหม่? สงครามมหาอำนาจยุคทรัมป์ 2.0 ดุเดือดแค่ไหน? | GLOBAL FOCUS #104 appeared first on THE STANDARD.

]]>
global-focus-ep-104

สัมภาษณ์พิเศษ ศ. ดร.จางเหวยเว่ย อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประเทศจีน มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ถึงประเด็นร้อนเกี่ยวกับสงครามระหว่างมหาอำนาจใหญ่อย่างจีนและสหรัฐฯ ระลอกใหม่ หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมหวนคืนทำเนียบขาวในช่วงต้นปี 2025

 

สงครามมหาอำนาจในยุคทรัมป์ 2.0 จะดุเดือดแค่ไหน? จีนและประชาคมโลกในยุคทรัมป์ 2.0 จะเป็นอย่างไร หาคำตอบได้ใน GLOBAL FOCUS สัปดาห์นี้

The post ชมคลิป: จีน vs. สหรัฐฯ ระลอกใหม่? สงครามมหาอำนาจยุคทรัมป์ 2.0 ดุเดือดแค่ไหน? | GLOBAL FOCUS #104 appeared first on THE STANDARD.

]]>
หารือ 6 ประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา-เวทีอาเซียน ลุล่วงด้วยดี มาริษชี้ อาเซียนยึดฉันทมติ 5 ข้อ หวังเห็นพัฒนาการในเมียนมา https://thestandard.co/asean-consensus-six-neighbor-countries-myanmar-discussion/ Sat, 21 Dec 2024 03:22:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1021963 asean-consensus-six-neighbor-countries-myanmar-discussion

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป […]

The post หารือ 6 ประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา-เวทีอาเซียน ลุล่วงด้วยดี มาริษชี้ อาเซียนยึดฉันทมติ 5 ข้อ หวังเห็นพัฒนาการในเมียนมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
asean-consensus-six-neighbor-countries-myanmar-discussion

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการเป็นเจ้าภาพการหารืออย่างไม่เป็นทางการระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 6 ประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา ทั้งไทย, สปป.ลาว, จีน, อินเดีย และบังกลาเทศ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกัน และการหารืออย่างไม่เป็นทางการในกรอบอาเซียน ซึ่ง สปป.ลาว เป็นประธาน และประเทศไทยเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการหารือเมื่อวานนี้ (20 ธันวาคม) 

 

โดยระบุว่า การประชุมเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม เป็นโอกาสให้มีการหารือระหว่างเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศพร้อมกัน เกี่ยวกับปัญหาที่เป็นผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมาที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านความมั่นคงบริเวณชายแดน และอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การหลอกลวงออนไลน์ เพื่อหาแนวทางจัดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยเชื่อว่าจะช่วยเสริมความพยายามของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาเมียนมาผ่านแนวทางการเจรจาได้ในท้ายที่สุด 

 

ทั้งนี้ ไทยเห็นว่าความร่วมมือจะเกิดขึ้นได้ก็เมื่อมีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจ รวมถึงการแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งการหารืออย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้ก็ถือได้ว่าประสบผลสำเร็จอย่างดี เพราะประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ เมียนมาต่างแสดงความพร้อมสนับสนุนเมียนมาในการหาข้อยุติภายในประเทศ 

 

ส่วนการหารืออย่างไม่เป็นทางการในกรอบอาเซียน ซึ่ง สปป.ลาว เป็นประธานนั้น มาริษเปิดเผยว่า ทุกประเทศสมาชิกอาเซียนยังคงยึดฉันทมติ 5 ข้อ หรือ 5 Point Consensus และหวังเห็นพัฒนาการหรือมีสัญญาณเชิงบวกในการแก้ไขปัญหาเมียนมา แต่ท้ายที่สุดการตัดสินใจจะเป็นไปในทิศทางใดก็ขึ้นอยู่กับเมียนมา หรือหากพูดตรงๆ ก็คือ “ไม่มีใครรู้จักประเทศเมียนมาดีเท่ากับประเทศเมียนมาเอง”

 

อ้างอิง: 

  • กระทรวงการต่างประเทศ

The post หารือ 6 ประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา-เวทีอาเซียน ลุล่วงด้วยดี มาริษชี้ อาเซียนยึดฉันทมติ 5 ข้อ หวังเห็นพัฒนาการในเมียนมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนร้ายขับรถพุ่งชนตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี เสียชีวิตแล้ว 2 คน บาดเจ็บ 68 คน https://thestandard.co/germany-christmas-market-attack-2-dead-68-injured/ Sat, 21 Dec 2024 03:09:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1021943 germany-christmas-market-attack-2-dead-68-injured

เกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งใส่ฝูงชนในตลาดคริสต์มาสภายในเมือ […]

The post คนร้ายขับรถพุ่งชนตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี เสียชีวิตแล้ว 2 คน บาดเจ็บ 68 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
germany-christmas-market-attack-2-dead-68-injured

เกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งใส่ฝูงชนในตลาดคริสต์มาสภายในเมืองมัคเดอบวร์ค (Magdeburg) ของเยอรมนี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 68 คน ซึ่งในจำนวนนี้อาการสาหัส 15 คน

 

ภายหลังเกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นชายสัญชาติซาอุดีอาระเบียวัย 50 ปี ที่ทำงานเป็นแพทย์ในเยอรมนีมาตั้งแต่ปี 2006

 

เบื้องต้นพบว่าชายดังกล่าวเช่ารถมาก่อนจะก่อเหตุ ขณะที่ทางการเชื่อว่าเป็นการลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่ผู้เชี่ยวชาญของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายชี้ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะปฏิเสธว่าไม่มีเครือข่ายหรือผู้ร่วมวางแผนก่อเหตุรายอื่นๆ

 

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย โพสต์แถลงการณ์ผ่าน X ประณามการก่อเหตุโจมตีดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันจุดยืนในการต่อต้านความรุนแรง และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต

 

อ้างอิง:

 

คนร้ายขับรถพุ่งชน ตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี เสียชีวิต 2 คน เจ็บ 68 คน

คนร้ายขับรถพุ่งชน ตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี เสียชีวิต 2 คน เจ็บ 68 คน

คนร้ายขับรถพุ่งชน ตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี เสียชีวิต 2 คน เจ็บ 68 คน คนร้ายขับรถพุ่งชน ตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี เสียชีวิต 2 คน เจ็บ 68 คน

 

The post คนร้ายขับรถพุ่งชนตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี เสียชีวิตแล้ว 2 คน บาดเจ็บ 68 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาริษคุย รมว.ต่างประเทศอาเซียน ปมฉันทมติ 5 ข้อ แก้ปัญหาเมียนมา https://thestandard.co/marish-sengimpong-myanmar-asean-foreign-ministers/ Fri, 20 Dec 2024 06:51:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1021833 มาริษ เมียนมา

วันนี้ (20 ธันวาคม) มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระ […]

The post มาริษคุย รมว.ต่างประเทศอาเซียน ปมฉันทมติ 5 ข้อ แก้ปัญหาเมียนมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาริษ เมียนมา

วันนี้ (20 ธันวาคม) มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการหารืออย่างไม่เป็นทางการแบบขยาย (Extended Informal Consultation) ในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่กรุงเทพฯ

 

โดยที่ประชุมมีการหารือเกี่ยวกับการดำเนินการตามฉันทมติ 5 ข้อ ว่าด้วยสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งมีขึ้นต่อจากการหารืออย่างไม่เป็นทางการ (Informal Consultation) ระหว่างประธานอาเซียนคนปัจจุบัน (สปป.ลาว) ประธานอาเซียนคนก่อนหน้า (อินโดนีเซีย) และประธานอาเซียนคนถัดไป (มาเลเซีย) ในเรื่องการดำเนินการตามฉันทมติ 5 ข้อของอาเซียน

 

อ้างอิง: กระทรวงการต่างประเทศ

The post มาริษคุย รมว.ต่างประเทศอาเซียน ปมฉันทมติ 5 ข้อ แก้ปัญหาเมียนมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลสูงสหรัฐฯ เตรียมรับฟังข้อโต้แย้งครั้งสุดท้ายจาก TikTok ก่อนถูกแบนต้นปีหน้า https://thestandard.co/us-supreme-court-to-hear-tiktok-challenge-to-potential-ban/ Fri, 20 Dec 2024 00:39:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1021679 TikTok

ศาลสูงสหรัฐอเมริกาเตรียมรับฟังข้อโต้แย้งทางกฎหมายครั้งส […]

The post ศาลสูงสหรัฐฯ เตรียมรับฟังข้อโต้แย้งครั้งสุดท้ายจาก TikTok ก่อนถูกแบนต้นปีหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
TikTok

ศาลสูงสหรัฐอเมริกาเตรียมรับฟังข้อโต้แย้งทางกฎหมายครั้งสุดท้ายจาก TikTok ถึงสาเหตุที่ไม่ควรแบนหรือขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ท่ามกลางข้อพิพาทอันยาวนานที่รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าควรแบนไม่ให้มีการใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวในดินแดนของตน เพราะเกรงว่ารัฐบาลจีนอาจล้วงข้อมูลได้ ขณะที่ซีอีโอของ TikTok ออกมายืนยันหลายครั้งว่าแพลตฟอร์มของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจีน

 

ถึงแม้ผู้พิพากษาศาลสูงจะปัดตกคำร้องของ TikTok ซึ่งขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้ระงับใช้การใช้กฎหมายบังคับขายกิจการ แต่ศาลก็ให้โอกาส TikTok และบริษัทแม่อย่าง ByteDance เสนอข้อโต้แย้งในวันที่ 10 มกราคม หรือ 9 วันก่อนที่คำสั่งแบนจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ โจ ไบเดน กำลังจะพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ ศาลสูงถือเป็นศาลที่มีอำนาจทางกฎหมายสูงสุดในสหรัฐฯ และการตัดสินใจรับพิจารณาคดีของ TikTok ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากโดยปกติศาลจะรับพิจารณาคดีเพียงปีละ 100 คดีเท่านั้น จากคำร้องทั้งหมดกว่า 7,000 คดีที่ศาลได้รับ ก่อนหน้านี้ TikTok พยายามโต้แย้งว่าการแบนของสหรัฐฯ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากจะกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออกของผู้ใช้งานชาวอเมริกัน 

 

โฆษกของ TikTok กล่าวในแถลงการณ์ถึงสำนักข่าว BBC ว่า “เราเชื่อว่าศาลจะมองเห็นว่าการแบน TikTok เป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้นชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคนบนแพลตฟอร์มของเราจึงจะสามารถใช้เสรีภาพในการแสดงออกต่อไปได้” แม้ว่าผลลัพธ์นั้นยากจะคาดเดา แต่ ซาราห์ เครปส์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล กล่าวว่า ศาลไม่น่าจะพลิกคำตัดสินก่อนหน้านี้ ซึ่งจะไปขัดกับเจตนารมณ์ของทั้งรัฐสภาและทำเนียบขาว

 

“คดีนี้ผ่านการพิจารณาของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และศาลชั้นต้นแล้ว โดยทุกฝ่ายต่างก็เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งที่ว่า การที่ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฐานอยู่ในจีน และเป็นเจ้าของ TikTok นั้น ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ”

 

คำถามที่น่าสนใจต่อมาคือ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะเข้ามาต่อชะตาให้กับ TikTok ได้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์ออกตัวมาตลอดว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการแบน TikTok อีกทั้งเขายังได้พบกับ โจวโซ่วจือ ซีอีโอของ TikTok ที่รีสอร์ตมาร์อาลาโก ในรัฐฟลอริดา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งพ้นเส้นตายของการพิจารณาคดี TikTok ไปแล้ว โดยทรัมป์ยอมรับว่า TikTok มีส่วนที่ทำให้คนรุ่นใหม่ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงให้เขามากขึ้นในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา

 

ภาพ: Reuters / Dado Ruvic / Illustration / File Photo

อ้างอิง:

The post ศาลสูงสหรัฐฯ เตรียมรับฟังข้อโต้แย้งครั้งสุดท้ายจาก TikTok ก่อนถูกแบนต้นปีหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: สงครามกลางเมืองเมียนมา ภัยคุกคามไทย ทางออกอยู่ตรงไหน? | DECODING THE WORLD #14 https://thestandard.co/decoding-the-world-14/ Thu, 19 Dec 2024 12:00:49 +0000 https://thestandard.co/?p=1021369

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาทวีความตึงเครียด หลังทางการไท […]

The post ชมคลิป: สงครามกลางเมืองเมียนมา ภัยคุกคามไทย ทางออกอยู่ตรงไหน? | DECODING THE WORLD #14 appeared first on THE STANDARD.

]]>

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมาทวีความตึงเครียด หลังทางการไทยสั่งการให้กองทัพสหรัฐว้าหรือว้าแดง ย้ายฐานทหารที่รุกล้ำพื้นที่ อ.ปาย และ อ.ปางมะผ้า ของ จ.แม่ฮ่องสอน ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีวี่แววที่ว้าแดงจะปฏิบัติตาม และการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างสันติก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ 

 

การรุกล้ำแผ่นดินไทยของว้าแดงเป็นหนึ่งใน ‘จุดร้อน’ ของปัญหาจากเมียนมาที่กำลังก่อผลกระทบข้ามแดนต่อไทยอย่างรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

 

ปัญหาผู้ลี้ภัย ขบวนการค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติดทะลักข้ามพรมแดน เลวร้ายลงต่อเนื่อง ท่ามกลางวิกฤตสู้รบและความไม่สงบในเมียนมาที่รุนแรงมากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นภัยคุกคามใกล้ตัวที่ไทยต้องเร่งรับมือ วิเคราะห์ทุกแง่มุมใน DECODING THE WORLD: ถอดรหัสโลก

 

The post ชมคลิป: สงครามกลางเมืองเมียนมา ภัยคุกคามไทย ทางออกอยู่ตรงไหน? | DECODING THE WORLD #14 appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาริษหารือ 6 ประเทศ แก้ปัญหาความมั่นคงชายแดน เมียนมาเผย ปล่อย 4 ลูกเรือไทยเร็วๆ นี้ https://thestandard.co/maris-discusses-border-security-myanmar-to-release-thai-crew/ Thu, 19 Dec 2024 11:01:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1021588 maris-discusses-border-security-myanmar-to-release-thai-crew

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป […]

The post มาริษหารือ 6 ประเทศ แก้ปัญหาความมั่นคงชายแดน เมียนมาเผย ปล่อย 4 ลูกเรือไทยเร็วๆ นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
maris-discusses-border-security-myanmar-to-release-thai-crew

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการเป็นเจ้าภาพการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและผู้แทนระดับสูง 6 ประเทศ ทั้งไทย, เมียนมา, สปป.ลาว, จีน, อินเดีย และบังกลาเทศ เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกัน ทั้งในเรื่องความมั่นคงชายแดน การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด และการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งทุกประเทศต่างเห็นพ้องที่จะยกระดับความร่วมมือให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการประสานงานในการบังคับใช้กฎหมาย 

 

มาริษเผยว่า การหารืออย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้เป็นข้อริเริ่มของไทย โดยต่อยอดมาจากข้อริเริ่มของไทยเมื่อครั้งการหารืออย่างไม่เป็นทางการ 3 ฝ่าย ระหว่างไทย อินเดีย และเมียนมา ช่วงการประชุม BIMSTEC ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และการหารืออย่างไม่เป็นทางการ 4 ฝ่าย ระหว่างไทย, จีน, เมียนมา และ สปป.ลาว ช่วงการประชุมแม่โขง-ล้านช้าง ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา 

 

การหารืออย่างไม่เป็นทางการครั้งนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรกที่เมียนมาและประเทศเพื่อนบ้านมาร่วมประชุมครบทั้ง 5 ประเทศ ซึ่งสะท้อนความจริงจังของทุกประเทศที่ต้องการปรึกษาหารือและร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ และการหารือในวันนี้ได้แยกต่างหากจากการหารืออย่างไม่เป็นทางการในกรอบอาเซียนวันพรุ่งนี้ (20 ธันวาคม) แต่จะช่วยเสริมความพยายามของอาเซียนในการดำเนินการตามฉันทมติ 5 ข้อ หรือ Five-Point Consensus ที่ได้ให้กับเมียนมาให้มีผลเป็นรูปธรรม

 

รัฐมนตรีต่างประเทศยังกล่าวด้วยว่า ประเทศต่างๆ ชื่นชมที่ไทยริเริ่มจัดการหารือครั้งนี้ และมีความเห็นสอดคล้องกันว่า การหารือกันโดยตรงระหว่างเมียนมากับประเทศเพื่อนบ้านมีความจำเป็นและสำคัญมาก เพราะประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในเมียนมาโดยตรงและมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในเมียนมาดีกว่าประเทศอื่นๆ โดยเห็นประโยชน์ของการพบกันเป็นระยะ แล้วแต่โอกาสจะเหมาะสม ซึ่งไทยจะสานต่อการหารือในครั้งนี้

 

ขณะที่เขายืนยันว่าบรรยากาศการหารือในวันนี้ถือว่าดีมาก เพราะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ 

 

โดยรัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศเมียนมายังได้เล่าให้ที่ประชุมฟังเกี่ยวกับแผนงานด้านการเมืองของเมียนมา และความคืบหน้าในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งในปีหน้า เช่น การจัดทำสำมะโนประชากรและการจดทะเบียนพรรคการเมือง โดยแจ้งด้วยว่ามีความตั้งใจที่จะเชิญผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากต่างประเทศ อาทิ จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งฝ่ายเมียนมากำลังพิจารณารายละเอียดและจะแจ้งมิตรประเทศให้ทราบ 

 

ทั้งนี้ มาริษยังเปิดเผยอีกด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พบหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา โดยครอบคลุมประเด็นทวิภาคีที่สำคัญต่างๆ อาทิ ประเด็นลูกเรือประมงไทย 4 คน ซึ่งได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากทางการเมียนมาว่าลูกเรือประมงไทยทั้ง 4 คนจะได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศไทยเร็วๆ นี้ และทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

 

อ้างอิง: 

  • กระทรวงการต่างประเทศ

The post มาริษหารือ 6 ประเทศ แก้ปัญหาความมั่นคงชายแดน เมียนมาเผย ปล่อย 4 ลูกเรือไทยเร็วๆ นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ฝูงโดรนปริศนาเหนือท้องฟ้าในหลายรัฐของสหรัฐฯ สร้างความกังวล ส่อภัยคุกคาม? I NEWS DIGEST #79 https://thestandard.co/news-digest-19122024/ Thu, 19 Dec 2024 10:18:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1021559 news-digest-19122024

ฝูงโดรนปริศนาเหนือท้องฟ้าในหลายรัฐของสหรัฐฯ สร้างความกั […]

The post ชมคลิป: ฝูงโดรนปริศนาเหนือท้องฟ้าในหลายรัฐของสหรัฐฯ สร้างความกังวล ส่อภัยคุกคาม? I NEWS DIGEST #79 appeared first on THE STANDARD.

]]>
news-digest-19122024

ฝูงโดรนปริศนาเหนือท้องฟ้าในหลายรัฐของสหรัฐฯ สร้างความกังวล ส่อภัยคุกคาม?

 

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องราวของโดรนปริศนาที่บินวนเวียนอยู่เหนือเมืองต่างๆ ตั้งแต่นิวยอร์กและรัฐใกล้เคียง ผ่านบ้านเรือนประชาชน สถานที่ต้องห้าม และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ จนเกิดเป็นคำถามและความกังวลตามมา

 

รัฐบาลกลางออกมายืนยันว่า ไม่มีภัยคุกคามใดๆ ไม่ต้องกังวลไป แต่ข้อมูลที่ไม่ชัดเจนนี้ไม่ได้ทำให้ความกังวลและคำถามของประชาชนคลี่คลาย มิหนำซ้ำยังเพิ่มแรงกดดันมหาศาลไปยังหน่วยงานรัฐบาลกลางให้รีบไขปริศนาและตอบคำถามสังคมว่า โดรนเหล่านี้เป็นของใคร มาจากไหน มีจุดประสงค์อะไร?

The post ชมคลิป: ฝูงโดรนปริศนาเหนือท้องฟ้าในหลายรัฐของสหรัฐฯ สร้างความกังวล ส่อภัยคุกคาม? I NEWS DIGEST #79 appeared first on THE STANDARD.

]]>
มีคนไทยเสียชีวิต 1 คนจากเหตุแผ่นดินไหวในวานูอาตู กต. ประสานญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ https://thestandard.co/thai-citizen-dies-vanuatu-earthquake/ Thu, 19 Dec 2024 05:20:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1021354 thai-citizen-dies-vanuatu-earthquake

เหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.3 ที่วานูอาตู เมื่อวันที่ 17 ธันว […]

The post มีคนไทยเสียชีวิต 1 คนจากเหตุแผ่นดินไหวในวานูอาตู กต. ประสานญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ appeared first on THE STANDARD.

]]>
thai-citizen-dies-vanuatu-earthquake

เหตุแผ่นดินไหวระดับ 7.3 ที่วานูอาตู เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 14 คน โดยหนึ่งในนั้นมีคนไทยรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 200 คน เป็นคนไทย 3 คน 

 

ศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ห่างจากกรุงพอร์ตวิลาประมาณ 30 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่อาคารบ้านเรือนและทำให้เกิดดินถล่ม นอกจากนี้ยังส่งผลให้ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงพอร์ตวิลาปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากเกิดความเสียหายบริเวณรันเวย์ โดยหลังแผ่นดินไหวขนาด 7.3 แล้วยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกที่จุดเดิมอีกครั้งในระดับ 5.5 

 

นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลให้คนไทยเสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บ 3 คน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งรับผิดชอบดูแลวานูอาตู ติดต่อผู้แทนชุมชนคนไทยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์และประสานกรมการกงสุลเพื่อติดต่อประสานกับญาติผู้เสียชีวิต 

 

โดยหลังจากนี้สถานเอกอัครราชทูตฯ จะประสานทางการท้องถิ่นเพื่อดำเนินกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คนนั้น จากการสอบถามพบว่ามีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยและดีขึ้นเป็นลำดับ

 

กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่า ประชากรในชุมชนไทยที่วานูอาตูมีประมาณ 40 คน แต่มีหลายคนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในประเทศไทยช่วงปลายปีบ้างแล้ว โดยขณะนี้ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการขาดแคลนอาหารและน้ำ โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ระบุว่า จะติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือชุมชนไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

ภาพ: Jeremy Ellison via Reuters 

 

อ้างอิง:

 

The post มีคนไทยเสียชีวิต 1 คนจากเหตุแผ่นดินไหวในวานูอาตู กต. ประสานญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ appeared first on THE STANDARD.

]]>