Eat & Drink – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 11 Dec 2024 03:05:07 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘Tonkatsu AOKI’ ตำนานทงคัตสึจิ้มเกลือเจ้าแรกในญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟ Foodie ชาวไทย 20 ธันวาคมนี้ ที่ centralwOrld [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/tonkatsu-aoki-thailand-centralworld/ Wed, 11 Dec 2024 03:00:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1017879 ‘Tonkatsu AOKI’ ตำนานทงคัตสึจิ้มเกลือเจ้าแรกในญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟ Foodie

Foodie ชาวไทยที่เคยบินไปถึงโตเกียวยอมเข้าคิว 2 ชั่วโมงเ […]

The post ‘Tonkatsu AOKI’ ตำนานทงคัตสึจิ้มเกลือเจ้าแรกในญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟ Foodie ชาวไทย 20 ธันวาคมนี้ ที่ centralwOrld [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Tonkatsu AOKI’ ตำนานทงคัตสึจิ้มเกลือเจ้าแรกในญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟ Foodie

Foodie ชาวไทยที่เคยบินไปถึงโตเกียวยอมเข้าคิว 2 ชั่วโมงเพื่อกิน ‘ทงคัตสึ’ ระดับตำนานของร้าน Tonkatsu AOKI (ทงคัตสึ อาโอกิ) ข่าวดีคือ Tonkatsu AOKI ยกครัวพร้อมสูตรลับความกรอบนอกฉ่ำเนื้อของหมูทอด มาเปิดสาขาแรกที่ centralwOrld โซน Nippon Avenue ชั้น 3 วันที่ 20 ธันวาคมนี้

 

Tonkatsu AOKI

 

รับประกันว่าเซียนทงคัตสึที่เคยลองมาแล้วทุกเวอร์ชันยังต้องซูฮกให้กับ Tonkatsu AOKI ในฐานะ ‘เซ็นมงเต็น’ (Senmonten) ด้านทงคัตสึ การันตีด้วยรางวัล Top 100 ร้านทงคัตสึ โดย Tabélog เว็บไซต์รีวิวและให้คะแนนร้านอาหารยอดนิยมในประเทศญี่ปุ่น ยืนยันอีกเสียงด้วยคะแนน 4 ดาวใน Tripadvisor

 

ความสมบูรณ์แบบในทุกคำ เริ่มต้นจากความใส่ใจในทุกรายละเอียด

 

ตำนานหมูทอดจิ้มเกลือเจ้าแรกในญี่ปุ่นเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2011 ในย่านคามาตะ กรุงโตเกียว ด้วยความพิถีพิถันตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศ พร้อมกรรมวิธีการทอดที่เป็นเอกลักษณ์ และเคล็ดลับความอร่อยด้วยสูตรพิเศษจิ้มเกลือ 3 ชนิด ได้สร้างประสบการณ์ลิ้มรสทงคัตสึแบบใหม่จนกลายเป็นที่กล่าวถึงในหมู่คนรักทงคัตสึไปจนถึงนักชิมทั่วญี่ปุ่น ก่อนจะขยายความอร่อยไป 16 สาขาทั่วญี่ปุ่น เช่น สาขากินซ่าในโตเกียว และ 5 สาขาในฮอกไกโด

 

ด้วยความเชื่อที่ว่า ‘ความสมบูรณ์แบบในทุกคำ เริ่มต้นจากความใส่ใจในทุกรายละเอียด’ ทำให้ Tonkatsu AOKI ถูกยกให้เป็น ‘เซ็นมงเต็นด้านทงคัตสึ’ หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ทุ่มเทเพื่อให้ได้ทงคัตสึที่สมบูรณ์แบบที่สุด

 

เปิดประสบการณ์ความอร่อยระดับตำนานด้วยเมนูไฮไลต์

 

ถ้าจะทำความรู้จักเจ้าแห่งตำนานทงคัตสึให้ประทับใจ และได้รับประสบการณ์รสชาติทงคัตสึแบบต้นตำรับด้วยออริจินอลไซส์กับเซ็ตเมนูแนะนำ ‘Jo’ หมูสันนอกพรีเมียม และ ‘Tokuhire’ หมูสันในพรีเมียม 200 กรัม ราคา 490 บาท เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่น Koshihikari และซุปทงจิรุเครื่องจัดเต็ม รับประทานคู่กับเกลือ 3 ชนิดสูตรพิเศษ AOKI แต่เอ็กซ์คลูซีฟสำหรับประเทศไทย มีเซ็ตเริ่มต้น 120 กรัม กับเมนู ‘Rosu Set’ หมูสันนอก และ ‘Hire Set’ หมูสันใน เริ่มที่ราคา 320 บาท

 

‘Rosu Set’

 

ใครที่ต้องการความพิเศษอีกระดับแนะนำเมนูซิกเนเจอร์ของร้านคือ ‘Kata Set’ อีกหนึ่งเมนูที่ใช้วัตถุดิบหมูชนิดพิเศษจากฮอกไกโด โดยใช้เนื้อหมูส่วนสันไหล่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่ม ความฉ่ำ เสิร์ฟด้วยขนาด 300 กรัม ราคา 890 บาท

 

แต่ไหนๆ มาแล้วต้องจัดเมนูตัวท็อป AOKI Original Size ขนาดดั้งเดิมที่ยกไซส์จากญี่ปุ่นมาเมืองไทย กับ ‘Ribu Set’ หมูสันนอกคัดพิเศษ 400 กรัม ราคา 990 บาท สำหรับแฟนตัวจริงของ Tonkatsu AOKI ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ทงคัตสึแบบต้นตำรับแท้ๆ (จำกัดการเสิร์ฟต่อวัน)

 

Tonkatsu Curry Set

 

แอบเอาใจคนรักแกงกะหรี่ กับเมนู ‘Tonkatsu Curry Set’ เสิร์ฟทงคัตสึที่คงเอกลักษณ์ความกรอบนอกนุ่มในราดด้วยซอสแกงกะหรี่สูตรเฉพาะ ขนาดเริ่มต้น 150 กรัม ราคา 450 บาท

 

อย่าลืมปิดจบด้วยของหวานที่พิเศษสุดๆ เพราะ Tonkatsu AOKI เขาไปคอลแลบกับ ‘Guss Damn Good’ แบรนด์ไอศกรีมชื่อดัง พร้อมเสิร์ฟ ‘Japanese Peach and Lemon’ ไอศกรีมรสชาติพิเศษที่ให้ความสดชื่นจากลูกพีชญี่ปุ่นและเลมอน เป็นการปิดท้ายมื้ออร่อยที่ถูกต้องจริงๆ

 

องค์ประกอบที่สร้างสรรค์เมนูให้เป็นดั่งงานศิลป์ของรสชาติ

 

กว่าจะได้มาซึ่งประสบการณ์อันล้ำค่าทุกคำ ต้องพิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือก ‘หมูพันธุ์ดี’ จากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน SPF (Specific Pathogen Free) เลี้ยงด้วยธัญพืช เพื่อให้เนื้อหมูที่ได้นุ่มเป็นพิเศษและเป็นเนื้อที่มีไขมันพอเหมาะ มาเจอเข้ากับเกล็ดขนมปังกรอบพิเศษสูตรเฉพาะของทางร้านและการเลือกใช้น้ำมันหมูบริสุทธิ์ ผสมผสานเข้ากับ ‘เทคนิคการทอด’ โดยผู้เชี่ยวชาญ จนได้ทงคัตสึที่กรอบนอกนุ่มในอย่างลงตัว

 

เอกลักษณ์ความอร่อยของยังอยู่ที่การรับประทานหมูทอดคู่กับเกลือ ซึ่งเป็นแนวคิดของผู้ก่อตั้งที่ตั้งใจอยากให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติของเนื้อหมูอย่างแท้จริง

 

 

ทางร้านจะเสิร์ฟ ‘เกลือพรีเมียม 3 ชนิด’ ให้เลือกอร่อยได้ตามสไตล์ ได้แก่ Kuro Shio, Pinku Shio และ Shiro Shio ว่ากันว่าเกลือจะช่วยดึงรสชาติความหวานฉ่ำของเนื้อหมูให้เด่นและทำให้เราสัมผัสได้ถึงความกรอบของแป้งทอดชัดขึ้น

 

โดยเกลือแต่ละชนิดจะเพิ่มมิติรสชาติเนื้อหมูที่ต่างไป อย่าง Kuro Shio (AOKI Black Himalayan Salt) เกลือหิมาลายันสีดำที่มีรสชาติล้ำลึกโดดเด่น พร้อมกลิ่นอ่อนๆ เฉพาะตัวจะเสริมรสชาติหมูทอดให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ในขณะที่ Pinku Shio (AOKI Pink Himalayan Salt) เกลือหิมาลายันสีชมพูจากธรรมชาติแท้ ให้รสสัมผัสเค็มละมุนและหอมบางๆ เติมความกลมกล่อมให้ทงคัตสึได้อย่างสมบูรณ์ในทุกคำที่เคี้ยว ส่วน Shiro Shio (AOKI Sea Salt) เกลือทะเลขาวบริสุทธิ์ รสชาติเค็มคมชัดในแบบดั้งเดิม ดึงเอกลักษณ์แบบต้นตำรับของรสชาติความกรอบนอกนุ่มในให้ชัดยิ่งขึ้น

 

Koshihikari

 

ความใส่ใจยังไม่หมดเท่านี้ ความอร่อยที่ถูกต้องของเมนูทงคัตสึต้องเสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นที่เหนียวนุ่มและหอมหวานซึ่งจะเข้ากันได้อย่างลงตัวกับทงคัตสึ

 

Tonkatsu AOKI เลือกใช้ ข้าว ‘Koshihikari’ ราชาแห่งข้าวญี่ปุ่นจากนีงาตะที่ขึ้นชื่อเรื่องความเหนียวนุ่มและรสชาติหอมละมุน ปลูกและดูแลอย่างพิถีพิถันโดยเกษตรกรผู้เชี่ยวชาญ พร้อมใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการคัดเลือกเมล็ดข้าว เพื่อให้ได้คุณภาพที่สมบูรณ์แบบทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส อีกทั้งยังนำเทคนิคการหุงในหม้ออบแรงดัน ควบคุมแรงดันและอุณหภูมิอย่างแม่นยำ เพื่อคงความนุ่มหนึบ ชุ่มฉ่ำ และรสหวานละมุนในทุกคำ นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยเสริมรสชาติของทงคัตสึให้อร่อยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

 

ความอร่อยไม่ต้องรอนาน!

 

นอกจากประสบการณ์ความอร่อยของหมูทอดจิ้มเกลือระดับตำนาน MAGURO ผู้นำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลี 3 แบรนด์ดัง MAGURO, SSAMTHING TOGETHER และ HITORI SHABU ในฐานะพาร์ตเนอร์แต่เพียงผู้เดียวในไทยในการเปิดร้าน Tonkatsu AOKI จะตอกย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘Give More’ ที่พร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่เหนือความคาดหมาย กับการให้มากกว่าสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังอยู่เสมอ ด้วยการตัดจบ Pain Point รอคิวนาน! ด้วยการนำระบบการจองคิวออนไลน์มาใช้และยังสามารถจองคิวผ่าน TableCheck ได้ทันที เพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ดียิ่งขึ้น

 

สามารถจองคิวร้าน Tonkatsu AOKI ด้วยตัวเองได้แบบง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ www.tablecheck.com ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมเป็นต้นไป หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/@TonkatsuAokiThailand

 

Tonkatsu AOKI ยังเป็นแบรนด์แรกที่ MAGURO ซื้อ License ร้านอาหาร จากเดิมที่เน้นพัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเอง สะท้อนความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มความหลากหลายของประสบการณ์การรับประทานอาหารให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น

 

ไปพิสูจน์ความอร่อยของทงคัตสึระดับตำนานแบบที่ไม่ต้องรอคิวนานอีกต่อไปที่ ‘Tonkatsu AOKI’ centralwOrld โซน Nippon Avenue ชั้น 3 วันที่ 20 ธันวาคมนี้

 

 

The post ‘Tonkatsu AOKI’ ตำนานทงคัตสึจิ้มเกลือเจ้าแรกในญี่ปุ่น พร้อมเสิร์ฟ Foodie ชาวไทย 20 ธันวาคมนี้ ที่ centralwOrld [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘BITEC BURI FEST’ ชวนจิบเบียร์ ดูหนัง ฟังเพลงสด ที่พักใจหนีความวุ่นวายสิ้นปีนี้ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/bitec-buri-fest/ Fri, 06 Dec 2024 12:28:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1016716 BITEC BURI FEST

หนังสือที่ชื่อว่าปี 2024 ได้เปิดมาถึงบทสุดท้ายของปีก่อน […]

The post ‘BITEC BURI FEST’ ชวนจิบเบียร์ ดูหนัง ฟังเพลงสด ที่พักใจหนีความวุ่นวายสิ้นปีนี้ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
BITEC BURI FEST

หนังสือที่ชื่อว่าปี 2024 ได้เปิดมาถึงบทสุดท้ายของปีก่อนจะมุ่งหน้าสู่ปี 2025 ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งปี วันนี้คุณมีพื้นที่ให้ปลดปล่อยแล้วหรือยัง

 

วันนี้จะชวนชาว THE STANDARD POP มาพับจอคอม หยุดรับสายลูกค้า หยุดทำงาน แล้วมาทิ้งตัวลงที่งาน ‘BITEC BURI FEST’ สถานที่พักผ่อนสุดสัปดาห์ในเดือนสุดท้ายของปี ทั้งจิบเบียร์ ​ฟังดนตรีสด นอนรับลม ดูหนังกลางแจ้ง กิจกรรมให้คุณได้ผ่อนคลายในแบบของตัวเอง จะสายช้อป สายกิน สายแชะแล้วแชร์ ก็ห้ามพลาด

 

หลีกหนีความวุ่นวายแล้วใช้ชีวิตจอยๆ สูดลมหายใจกันให้เต็มปอด งานนี้มีอะไรบ้าง THE STANDARD POP จะพาไปดูกัน

 

Taps in the Garden จิบเบียร์ฟังดนตรีสด

 

การรีเฟรชและรีชาร์จตัวเองก่อนรีสตาร์ทในปีต่อไปจะมีอะไรดีกว่าการได้จิบคราฟต์เบียร์นุ่มๆ ในคืนอากาศเย็นๆ

 

 

Taps in the Garden เป็นโซนฟรีของงาน BITEC BURI FEST ที่คุณสามารถมานั่งชิลดื่มเบียร์และดื่มด่ำบรรยากาศที่คลอไปพร้อมกับดนตรีสดในสวนอันอบอุ่น พร้อมกับไลน์ซุ้มอาหารที่ให้เลือกชิมเลือกแกล้มเบียร์หอมๆ ของคุณ ชมวิวหลักล้านสวยๆ ปล่อยสมองให้ไหลไปตามเพลง

 

 

Hideout Film Night: Movies in the Garden

 

หากการหลบหนีความวุ่นวายของคุณคือการได้อยู่ในเซฟโซนกับหนังเรื่องโปรดที่จะปลอบประโลมชีวิต คำตอบของคุณอยู่กลางสวนแห่งนี้แล้ว

 

 

Hideout Film Night: Movies in the Garden ชวนคุณกลับไปดูหนังดีกันอีกครั้งท่ามกลางแสงดาวในสวนน่ารักๆ ที่คุณได้เอนกายทิ้งความเหนื่อยล้าลงบนเก้าอี้แสนสบาย ไร้เสียงรบกวนบรรยากาศด้วยเฮดโฟนส่วนตัวให้คุณผจญภัยไปกับหนังเรื่องโปรด พร้อมป๊อปคอร์นหลากรส หรือจะหยิบเบียร์จากโซนข้างๆ มาจิบไปด้วยก็ไม่ว่ากัน

 

 

ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้มาสัมผัสความโรแมนติกและอบอุ่นกับ Notting Hill, About Time, Before Sunset และ The Shawshank Redemption และส่งท้ายสัปดาห์ต่อไปกับ Before Midnight, Eternal Sunshine of the Spotless Mind, Home Alone และ Love Actually

 

ใครไม่อยากพลาดดูหนังกลางแสงดาว ลมหนาว และธรรมชาติ ต้องรีบแล้ว เพราะผลตอบรับดีเกินคาดจน Sold Out ไปหลายเรื่องแล้ว จองได้ที่: https://www.ticketmelon.com/bitecburi/film

 

 

SAMA GARDEN Workshops เวิร์กช็อปเติมพลังใจให้คุณ

 

งานนี้ไม่เพียงจะให้คุณได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ แต่ยังคราฟต์ธรรมชาติของคุณเองแล้วพากลับบ้านไปได้กับกิจกรรมเวิร์กช็อปงานคราฟต์ที่ช่วยให้คุณ Reset Balance และ Recharge Mind ไม่ว่าจะเป็น

 

 

  • Plant & Paint Your Pot รังสรรค์กระถางต้นไม้น้อยๆ ในแบบของคุณ
  • Terrarium เติมเต็มขวดโหลจิ๋วของคุณดั่งใจ
  • Mini Kite แต่งแต้มจินตนาการของคุณลงบนว่าวน้อยๆ
  • Candle Crafting ทำเทียมหอมสุดแสนน่ารัก เติมความอบอุ่นฤดูหนาว
  • Tissue Culture Miracle เปิดประสบการณ์ใหม่กับการออกแบบขวดเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของคุณเอง
  • Bookmark Herbarium from Flowers ประดิษฐ์ที่คั่นหนังสือให้หนังสือเล่มโปรดของคุณด้วยดอกไม้แห้งจากธรรมชาติ

 

 

BEAT Active ออกแรงกายเอาชนะขีดจำกัดของคุณ

 

ถ้าวันทำงานของคุณยังออกแรงไม่มากพอ งานนี้ก็มีโซนให้คุณมาทุ่มแรงเสียเหงื่อกันที่ BEAT Active กับกิจกรรมกีฬาสนุกๆ กว่า 55 กิจกรรมให้คุณมาท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง ทั้งบาสเกตบอล, เบสบอล, ฟุตบอล, เทควันโด และอื่นๆ อีกมากมายใน Sports Entertainment Park

 

 

พิเศษสุดๆ ท้าประลองกับเหล่านักกีฬาระดับตำนานของไทย หากเอาชนะ High Score ได้ลุ้นรับของรางวัลไปเลย

 

  • กิ๊ฟ-วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
  • หน่อง-ปลื้มจิตร์ ถินขาว อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
  • เอสที-วารีรยา สุขเกษม สาวน้อยวัย 12 ขวบ นักกีฬาไทยที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์ 2024 คว้าอันดับที่ 17 ในการแข่งขันสเกตบอร์ด ประเภทสตรีทหญิง
  • เฟิร์น-วรางคณา สิริสถาพรทรัพย์ อดีตนักบาสเกตบอลเยาวชนทีมชาติไทย และรองอันดับ 1 Miss Thailand World 2023

 

พิเศษ! โปรโมชัน เล่นทุกโซน 1 ชั่วโมง 250 บาท

 

 

BITEC Live ดื่มด่ำกับดนตรีและศิลปินดัง

 

นอกจากเสียเหงื่อให้กิจกรรมกีฬาแล้วก็ยังเปิดฟลอร์แดนซ์กระจายกับศิลปินและดีเจชื่อดังที่จะมาสร้างบรรยากาศความสนุกและเติมเต็มค่ำคืนของคุณด้วยเสียงเพลงและดนตรี ให้คืนนี้เป็นคืนที่ปล่อยใจไปตามเสียงเพลง มอบรางวัลให้ตัวเองด้วยความสุขผ่านเสียงดนตรี รีบเลยหมดเขตวันที่ 7 ธ.ค. นี้

 

 

โซนนี้ยังจัดเต็มด้วยขบวนศิลปินจากรายการเพลงชื่อดังอย่าง The Voice Thailand 2024 เช่น แพทริค, เจมส์, ปั่นปั๊น & ขวัญใจ, เหวยเหวย, ข้าวปั้น, เซน, ไกด์, พลอย, อาลามินา และศิลปินอื่นๆ อีกมากมาย

 

ซื้อบัตรล่วงหน้าที่: https://www.ticketmelon.com/bitec/bitecburifest2024

 

SUNA Market สวรรค์สายช้อป ชิม และชิล

 

ไม่ว่าจะสายช้อป ชิม และชิล เตรียมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับร้านค้ากว่า 40 ร้านจาก SUNA Market

 

 

จัดมาให้ทั้งไลน์อาหาร จะกินเล่นหรือกินจริงก็อร่อยถูกปากถูกใจกันทุกร้าน นอกจากนี้ ยังมีร้านขายสินค้ามากมายให้เลือกสรร จะเสื้อผ้า, เทียนหอม, จานชาม, เครื่องประดับ มีครบจบในที่เดียว เลือกซื้อเลือกเดินกันจนลืมเวลา

 

 

นอกจากนี้ งาน BITEC BURI FEST เอาใจสายทาสหมาทาสแมว เพราะงานมาในรูปแบบ Pet Friendly นอกจากนี้ ยังมี Kids Zone ให้น้องๆ หนูๆ ได้ฝึกทักษะ ไม่ว่าจะเป็น Taksa Toys, Micro, และ Plan Toys มีเครื่องเล่น VR จาก Space Journey (โซนนี้เสียค่าเข้าร่วมกิจกรรม) 

 

 

พิเศษสุดๆ สำหรับสายแชะ เพียงถ่ายภาพบรรยากาศงานลงโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใดก็ได้พร้อม #BITECBURIFest และแอด LINE OA รับสิทธิ์จับฉลากรางวัลไปเลย

 

 

มาปลดปล่อยใจคุณ หนีความวุ่นวาย แล้วมาใช้ชีวิตดีๆ ได้ที่งาน BITEC BURI FEST ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่วันนี้ – 15 ธันวาคม (BEAT Active กับ SAMA GARDEN มีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 11.00 น. ส่วนโซนอื่นๆ เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป) ที่ BITEC BURI ข้อมูลเพิ่มเติม LINE OA: @ฺBitecburi

The post ‘BITEC BURI FEST’ ชวนจิบเบียร์ ดูหนัง ฟังเพลงสด ที่พักใจหนีความวุ่นวายสิ้นปีนี้ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ซ่าให้สุดทาง’ แคมเปญใหม่จาก ‘โซดาสิงห์’ เครื่องดื่มแบรนด์แรกในเอเชีย จับมือกับ Harley-Davidson ผสานคาแรกเตอร์ ตอกย้ำแบรนด์โซดาซ่าตัวจริง https://thestandard.co/singha-soda-harley-davidson/ Wed, 27 Nov 2024 11:18:05 +0000 https://thestandard.co/?p=999793

แม้ ‘โซดาสิงห์’ จะอยู่ในตลาดมานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยหยุด […]

The post ‘ซ่าให้สุดทาง’ แคมเปญใหม่จาก ‘โซดาสิงห์’ เครื่องดื่มแบรนด์แรกในเอเชีย จับมือกับ Harley-Davidson ผสานคาแรกเตอร์ ตอกย้ำแบรนด์โซดาซ่าตัวจริง appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้ ‘โซดาสิงห์’ จะอยู่ในตลาดมานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้าง Branding ให้มีสีสันอยู่ตลอดเวลา จนสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง และเป็นแบรนด์ที่นั่งอยู่ในใจผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน 

 

จึงไม่แปลกที่สโลแกน ‘ทุกหยดซ่า โซดาสิงห์’ ยังดูทรงพลังตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้ กระทั่งล่าสุดโซดาสิงห์ได้มูฟเมนต์ครั้งใหม่ โดยการร่วมงานกับ Harley-Davidson (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน) แบรนด์ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ระดับโลกสัญชาติอเมริกัน เปิดตัวแคมเปญ ‘ซ่าให้สุดทาง’ เดินหน้าจัดกิจกรรมแบบจัดเต็มลากยาวจนถึงสิ้นปี เพื่อตอกย้ำแบรนด์โซดาซ่าตัวจริง อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค 

 

หากย้อนไปดูที่ผ่านมา โซดาสิงห์มีพันธมิตรหลากหลายสไตล์เริ่มตั้งแต่ Alex Face ศิลปินไทยผู้สร้างผลงานกราฟฟิตี้ดังไกลทั่วโลก ตามด้วย Mr.Cartoon ศิลปินช่างสักระดับโลก เจ้าของลายสักที่มีเอกลักษณ์บนตัวศิลปินระดับโลกมากมาย, S.V.S.S. และ Dry Clean Only แบรนด์แฟชั่นสตรีทอาร์ตสัญชาติไทย ฯลฯ ที่มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานลงบนฉลากลิมิเต็ดเอดิชัน ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง 

 

 

การร่วมงานของโซดาสิงห์และ Harley-Davidson ในครั้งนี้นับเป็นการคอลลาบอเรชันกับโกลบอลแบรนด์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยมีมา และถือได้ว่านี่คือการที่เครื่องดื่มจากเอเชียอย่างโซดาสิงห์ได้ร่วมงานกับแบรนด์ระดับตำนานอย่าง Harley-Davidson อีกด้วย 

 

ว่ากันว่าใช้เวลาเจรจาร่วมกันนานกว่า 3 ปีเลยทีเดียว โดย ภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายของแคมเปญครั้งนี้ว่า แท้จริงแล้วเป็นการสร้างโมเมนตัมให้เกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นสิ่งสะท้อนการไม่หยุดนิ่งของแบรนด์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย เราจะเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะกับแบรนด์ อีกทั้งการได้ร่วมงานกับ Harley-Davidson ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เขาให้เกียรติมาร่วมงานกับเรา 

 

สิ่งที่น่าสนใจของแคมเปญอยู่ภายใต้คอนเซปต์ ‘ซ่าให้สุดทาง’ เป็นการนำจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์มารวมกัน ทั้งความซ่าของโซดาสิงห์ในการสร้างทั้งความต่างและแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภค ขณะที่แบรนด์ระดับตำนานของโลกอย่าง Harley-Davidson เป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก 

 

 

ทั้งสองแบรนด์ล้วนมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจนและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน ครองใจผู้บริโภคหลากหลายกลุ่มในวงกว้าง

 

 

อีกหนึ่งเป้าหมายของแคมเปญยอดขายเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่โซดาสิงห์อยากสร้างทัศนคติให้กับแบรนด์ที่อยู่ในตลาดมาอย่างยาวนาน จนถึงวันนี้แบรนด์ไม่ได้เก่าตามช่วงเวลา แต่ยังพยายามสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ให้ได้ โดยทำให้เห็นว่าโซดาสิงห์เป็นเสมือนพี่ชายที่อยู่เคียงข้างกันไป 

 

 

สำหรับไฮไลต์ความพิเศษของแคมเปญคือ การออกฉลากดีไซน์ลิมิเต็ดเอดิชัน ‘โซดาสิงห์ x Harley-Davidson’ รวมถึงกิฟต์เซ็ตและเสื้อออฟฟิเชียลคอลเล็กชันส่งตรงจาก Harley-Davidson สหรัฐอเมริกา งานนี้นักสะสมหรือแม้แต่สายแฟชั่นทั้งหลายไม่ควรพลาด

 

 

รวมถึงกิจกรรมโรดโชว์ที่เดินทางไปจังหวัดภูเก็ต, พิษณุโลก, นครราชสีมา, เชียงใหม่ และปิดท้ายที่จังหวัดเชียงราย และในปีนี้โซดาสิงห์ยังร่วมเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักขับขี่จากหลากหลายประเทศทั่วเอเชียในงาน Asia Harley Days ซึ่งถือเป็นการรวมตัวคนรักฮาร์ลีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และจัดคู่กับคอนเสิร์ต Thailand Moto-Music Festival of Asia ที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย

 

 

เชื่อว่าแคมเปญ ‘ซ่าให้สุดทาง’ นอกจากจะเป็นการเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมแล้ว ยังจะสามารถส่งต่อความสนุกสนานและสร้างประสบการณ์ที่ดี ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงผู้ขับขี่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นผู้ขับขี่ทั่วเอเชียที่จะมีโอกาสเข้าร่วมงานรวมตัวประจำปีที่กำลังจะจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายด้วย

 

เรียกได้ว่ากลยุทธ์คอลลาบอเรชันเป็นหัวใจหลักของโซดาสิงห์ที่ทำร่วมกับแบรนด์อื่นๆ มาโดยตลอด และเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผู้บริโภครอคอยทุกปี ไม่ว่าจะร่วมมือกับใครหรือแบรนด์ไหนก็สามารถครีเอตสิ่งใหม่ๆ ให้กับตลาดและผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี 

 

 

ในอนาคตจะได้เห็นการร่วมงานกับแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเลือกร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ ส่วนใหญ่จะพิจารณาจากประวัติที่ยาวนานของแบรนด์ มีคาแรกเตอร์ตรงกัน เป็นกลุ่มโปรดักต์พรีเมียม และตั้งใจสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ หรือจะเรียกได้ว่าทั้งสองแบรนด์จะต้องเสริมภาพลักษณ์ให้กันได้

 

สุดท้ายแล้วการทำตลาดของโซดาสิงห์ไม่มีฉบับตายตัว แต่มีจะปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัย เนื่องด้วยวิธีคิดและไอเดียใหม่ๆ จึงทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีความผูกพันกับแบรนด์มาอย่างยาวนาน

The post ‘ซ่าให้สุดทาง’ แคมเปญใหม่จาก ‘โซดาสิงห์’ เครื่องดื่มแบรนด์แรกในเอเชีย จับมือกับ Harley-Davidson ผสานคาแรกเตอร์ ตอกย้ำแบรนด์โซดาซ่าตัวจริง appeared first on THE STANDARD.

]]>
SUNTORY MRP ไอเท็มเด็ดตอบโจทย์สายไดเอต ที่มีแค่ 1 ซอง ก็เท่ากับข้าว 1 มื้อ พร้อมกับความอร่อย! https://thestandard.co/suntory-mrp-meal-replacement/ Fri, 28 Jun 2024 08:30:54 +0000 https://thestandard.co/?p=950217

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายแบรน […]

The post SUNTORY MRP ไอเท็มเด็ดตอบโจทย์สายไดเอต ที่มีแค่ 1 ซอง ก็เท่ากับข้าว 1 มื้อ พร้อมกับความอร่อย! appeared first on THE STANDARD.

]]>

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายแบรนด์ให้ได้เลือกสรรกัน และหลายคนคงคิดเป็นเสียงเดียวกันว่าจะควบคุมอาหารทั้งที คงมีแต่ต้องอดทนกับของกินที่อาจจะไม่อร่อย จืด หรือฝืดคอ หรือไม่ก็สารอาหารไม่ครบตามที่ร่างกายต้องการ ซึ่ง SUNTORY Meal Replacement (MRP) แบรนด์เอาใจสายเฮลตี้ที่ส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น การันตีด้วยรางวัลรสชาติดีระดับสากล ก็ถือได้ว่าเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ในช่วงนี้

 

เพราะตอนนี้ทางแบรนด์ได้ออกผลิตภัณฑ์อย่าง SUNTORY MRP ทดแทนมื้ออาหาร โปรดักต์แสนสะดวกที่เอาใจคนอยากควบคุมปริมาณแคลอรี มาในรูปแบบผงละลายน้ำ ประกอบไปด้วยโปรตีนสูง 22 กรัม ไฟเบอร์สูง 10 กรัม และแอลคาร์นิทีน แถมถูกออกแบบมาเพื่อใช้รับประทานแทนอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งได้อย่างถูกหลักโภชนาการ

 

โดย SUNTORY MRP ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยเผาผลาญไขมันในแบบที่ไม่กระทบกล้ามเนื้อ รวมถึงช่วยระบบขับถ่าย เพราะมีกากใยอาหารสูง สามารถรับประทาน 1 ซอง แทนข้าว 1 มื้อ ได้สะดวกและง่ายดาย ไม่เติมน้ำตาลทราย มีรสชาติอร่อย พร้อมให้พลังงานที่เหมาะสม

 

และตอนนี้ก็มี 2 รสชาติให้ได้ลอง อย่างรสกาแฟลาเต้ หรือถ้าใครไม่ใช่สายคาเฟอีนจ๋า ก็สามารถทดแทนกันได้ด้วยรสโกโก้ ใครที่จะอยากลองก่อนก็มีแพ็กทดลอง 4 ซอง รวม 2 รส ให้ได้เลือกเช่นกัน ซึ่งก็เป็นไอเท็มน่าสนใจและตอบโจทย์คนอยากไดเอต เพราะนอกจากจะไม่ต้องมายุ่งยากกับการคุมอาหารในแต่ละมื้อให้กลุ้มใจแล้ว ยังได้รสชาติของความอร่อย คุมอาหารได้อย่างมีความสุข สายออกกำลังก็เหมาะ เพราะโปรตีนสูง วิตามินและแร่ธาตุครบ จะดื่มเป็น Pre หรือ Post Workout ก็ได้เช่นกัน เป็นโปรดักต์ใหม่ที่น่าจับตามองสำหรับเทรนด์รักสุขภาพ

 

#SuntoryMRP

#SuntoryMealReplacement

 

[ADVERTORIAL]

The post SUNTORY MRP ไอเท็มเด็ดตอบโจทย์สายไดเอต ที่มีแค่ 1 ซอง ก็เท่ากับข้าว 1 มื้อ พร้อมกับความอร่อย! appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดแล้ว! Phenix แหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมือง ภายใต้คอนเซปต์ ‘อร่อยฟินบินได้’ ปักธงไทยสู่เดสติเนชันด้านอาหารระดับโลก https://thestandard.co/phenix-food-center-now-open/ Mon, 10 Jun 2024 06:10:52 +0000 https://thestandard.co/?p=942751

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) ผู้พัฒนา […]

The post เปิดแล้ว! Phenix แหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมือง ภายใต้คอนเซปต์ ‘อร่อยฟินบินได้’ ปักธงไทยสู่เดสติเนชันด้านอาหารระดับโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) (AWC) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย ผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านอาหารของโลกผ่านโครงการ Phenix (ฟีนิกซ์) แหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมืองบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านประตูน้ำ ภายใต้คอนเซปต์ ‘อร่อยฟินบินได้’ (Flavor Gets Its Wing Worldwide) “Phenix Food Wholesale โครงการ 10,000 ล้านพร้อมเปิดแล้ว 26 มิย 2024

 

Phenix ถือเป็นโครงการแนวคิดใหม่ในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวสู่ศูนย์กลางด้านอาหารของโลก สอดคล้องกับพันธกิจของสถาบันอาหาร ที่มุ่งผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบริการอุตสาหกรรมอาหาร โครงการนี้จึงเปรียบเสมือนเวทีแห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการด้านอาหารไทยกว่า 200 ร้าน สร้างสรรค์นวัตกรรมและเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันสู่ตลาดโลก

 

AWC ยังร่วมมือกับสถานทูตและหอการค้าจากนานาประเทศ ในการสร้างพาวิเลียนแสดงสินค้าของประเทศต่างๆ สะท้อนภาพลักษณ์แหล่งรวมสินค้าอาหารและศูนย์กลางค้าส่งอาหารที่เชื่อมต่อทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์แห่งแรกของโลก

 

โครงการ Phenix จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์อาหารแห่งใหม่ที่ดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้ให้บริการในอุตสาหกรรมอาหารจากทั่วโลกมายังประเทศไทยได้ด้วยจุดเด่นอะไร และการจัดกิจกรรมด้านอาหารและความบันเทิงระดับโลกมากมายตลอดทั้งปี จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนอาหารซึ่งเป็น Soft Power ของไทยได้อย่างไร THE STANDARD สรุปให้ [PR NEWS]

 

 

เริ่มกันที่ความโดดเด่นของโครงการ คือการมีพื้นที่ Food Lounge ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ จึงรวมที่สุดของอาหารรสเลิศและคาเฟ่กว่า 200 ร้านมาไว้ในที่เดียว ภายใต้บรรยากาศที่ออกแบบโดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของนักกินทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นโซนแฮงเอาต์สำหรับรับชมกีฬาและความบันเทิง โซนครอบครัวและเด็ก โซน Co-Dining และโซน You Hunt We Cook Kitchen ที่ลูกค้าเลือกวัตถุดิบมาให้เชฟปรุงอาหารให้

 

 

Phenix ยังเป็นศูนย์ค้าส่งด้านอาหารระดับโลกที่จะมีผู้ขายจากนานาประเทศกว่า 2,400 ราย กลายเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วโลกในราคาต้นทาง ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถนำสินค้ามาวางจำหน่ายและจัดแสดงภายในพื้นที่ Share Shop อีกหนึ่งช่องทางที่จะเข้าถึงเครือข่ายผู้ซื้อสินค้าและวัตถุดิบด้านอาหารระดับโลก โดยมีศูนย์ให้บริการทางด้านธุรกิจ (SSC) ทำหน้าที่เชื่อมต่อผู้ซื้อกับผู้ค้า

 

 

ต่อยอดโอกาสทางการค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Phenix ซึ่งจะทำหน้าที่รวบรวมเครือข่ายของกลุ่มผู้ซื้อจากพันธมิตรของ AWC ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ห้องอาหาร บริการจัดเลี้ยง สายการบิน เครือโรงพยาบาล และเชฟชั้นนำทั่วโลก รวมทั้งผู้ซื้อกลุ่มอาหารอื่นๆ ให้สามารถซื้อขายและจำหน่ายสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ทางสถาบันอาหารจะเข้ามาร่วมพัฒนาหลักสูตร และให้คำปรึกษากระบวนการจัดการอาหารที่ปลอดภัย (Food Safety Management System) สำหรับผู้ประกอบการด้านอาหารทั่วประเทศ ของสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านอาหาร Phenix Academy เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพสู่อุตสาหกรรมอาหารของไทยและของโลก

 

 

ภายในโครงการถูกแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจนเพื่อรองรับกิจกรรมเพื่อความบันเทิง งานประชุม งานอีเวนต์ งานสัมมนา ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ Co-Living กว่า 20,000 ตารางเมตร มาพร้อม Phenix Grand Ballroom, Phenix Auditorium Hall, Common Space, ห้องประชุม, ห้องสัมมนา, เลานจ์ขนาดใหญ่ และครัวสาธิต

 

นอกจากนี้ยังเปิดพื้นที่ให้ Food Influencer และเหล่า Celebrity Chef มาทำ Live Streaming รีวิวอาหารได้ตลอดเวลา

 

 

ขอเรียกน้ำย่อยตัวอย่างกิจกรรมความบันเทิงที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปี ได้แก่

 

  • World Junior Chef Championship เวทีแข่งขันทำอาหารระดับนานาชาติ เฟ้นหาเชฟรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดโลก
  • Thai Food Festival งานแฟร์ที่ผนึกกำลังผู้ผลิตอาหาร เครื่องปรุง และร้านอาหารไทยชั้นนำ ร่วมผลักดันอาหารไทยให้เป็น Soft Power ในวงการอาหารระดับโลก
  • Lisa Ono The Greatest Hits Concert คอนเสิร์ตระดับโลกที่จะจัดขึ้นวันที่ 26 กรกฎาคม 2567
  • NFI Future Food Event สำรวจโลกอาหารแห่งอนาคต
  • NFI Thailand Vegan Festival พลิกโฉมอาหารวีแกนด้วยการผสานรสชาติแบบไทย
  • NFI Awards of the Year พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้กับธุรกิจในวงการอาหาร ที่ดำเนินธุรกิจโดยการคำนึงถึงความยั่งยืน

 

หรือจะคลิกเข้าไปดูคอนเซปต์โครงการได้ที่ https://fb.watch/snRELGuHu-/ 

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Phenix Food Wholesale Hub หรือโทร. 06 5549 6565

The post เปิดแล้ว! Phenix แหล่งรวมอาหารและสุดยอดความอร่อยใจกลางเมือง ภายใต้คอนเซปต์ ‘อร่อยฟินบินได้’ ปักธงไทยสู่เดสติเนชันด้านอาหารระดับโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดื่มด่ำความกลมกล่อมที่คุ้นเคย กับ STARBUCKS AT HOME BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO ‘New Look! Same Great Taste’ https://thestandard.co/nescafe-dolce-gusto-2/ Mon, 20 May 2024 09:45:09 +0000 https://thestandard.co/?p=932807 Nescafe Dolce Gusto

ดื่มด่ำรสสัมผัสที่คุ้นเคยของกาแฟคุณภาพดี STARBUCKS AT H […]

The post ดื่มด่ำความกลมกล่อมที่คุ้นเคย กับ STARBUCKS AT HOME BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO ‘New Look! Same Great Taste’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Nescafe Dolce Gusto

ดื่มด่ำรสสัมผัสที่คุ้นเคยของกาแฟคุณภาพดี STARBUCKS AT HOME BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO ภายใต้ ‘ลุคใหม่ รสชาติดีต่อใจเหมือนเดิม’

 

NESCAFÉ DOLCE GUSTO แบรนด์ที่มีประสบการณ์ด้านการผลิตกาแฟมานานกว่า 80 ปี แต่ยังขยันสรรหาสิ่งใหม่ๆ มาเอาใจคอกาแฟและแฟนแบรนด์เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อแบรนด์ลุกขึ้นมาปรับแพ็กเกจจิ้ง ‘STARBUCKS AT HOME BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO’ ถึงจะลุคใหม่ แต่รสชาติดีต่อใจเหมือนเดิม

 

พูดในฐานะสาวก STARBUCKS AT HOME BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO ที่ลิ้มลองมาแล้วทั้ง 11 รสชาติ ยืนยันอีกเสียงว่าทั้งรสชาติความหอม เข้ม กลมกล่อม และคุณภาพกาแฟยังเป๊ะทุกคัพจริงๆ

 

ต้องยกนิ้วให้กับแคปซูลอัจฉริยะที่กักเก็บความสดและความหอมของกาแฟทุกแก้ว พอมาเจอกับเครื่องชงกาแฟจาก NESCAFÉ DOLCE GUSTO ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัย ยิ่งทำให้โมเมนต์การดื่มกาแฟคุณภาพดีเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แค่คลิกเดียวก็เหมือนมีบาริสต้ามาชงให้ถึงบ้าน

 

โมเมนต์ดีๆ กับกาแฟแก้วโปรดง่ายๆ แบบนี้ใครก็มีได้ แค่เริ่มต้นด้วยการเลือก ‘STARBUCKS BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO’ จาก 11 รสชาติที่คุณชื่นชอบได้แล้ววันนี้ตามช่องทางการสั่งซื้อด้านล่าง

 

Official Website: https://bit.ly/3UmCr5w

รวมถึงทางแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee และ TikTok Shop

 

แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นด้วยรสชาติไหน เพื่อให้เข้าถึงรสชาติของคุณภาพกาแฟที่แท้จริงในสไตล์ NESCAFÉ DOLCE GUSTO แนะนำ 4 รสชาติขายดีที่ลองแล้วจะรัก จะใช่รสชาติเดียวกับที่อยากลองหรือไม่ พร้อมแล้วไปดูกัน!

 

#NescafeDolceGustoThailand #StarbucksAtHomeThailand 

#NewLookSameGreatTaste #ลุคใหม่ดีต่อใจเหมือนเดิม

 

Nescafe Dolce Gusto

 

การปรับลุคใหม่ครั้งนี้มาใน 11 รสชาติ ได้แก่ House Blend Americano, Espresso Roast, Caffè Latte, Veranda Blend Americano, White Mocha, Pike Place Roast Lungo, Caramel Macchiato, Iced Caffé Americano, Matcha Latte, Cappuccino และ Single-Origin Colombia Espresso

 

ย้ำอีกครั้ง ถึงจะมาในลุคใหม่แต่ทั้ง 11 รสชาติยังคงมาตรฐานความอร่อย กลมกล่อมเหมือนเดิม เพราะมี Smart Technology ช่วยกักเก็บความสดและความหอมไว้ในแคปซูล เพิ่มเติมคือความมินิมัล ที่ทำให้เห็นถึงความใส่ใจของแบรนด์ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ที่มองหากิมมิกจากสิ่งของรอบตัวมาตกแต่งมุมโปรด โดยเฉพาะมุมกาแฟที่กลายเป็นมุมที่ทุกบ้านต้องมี เป็นการเติมเต็มความสุขและชาร์จพลังใจ

 

 

แต่ถ้าพูดถึง 4 รสชาติขายดี และยังคงเป็น The Best ในใจคอกาแฟทุกสไตล์ ต้องยกให้ House Blend Americano, Espresso Roast, Caffè Latte และ Veranda Blend Americano

 

Nescafe Dolce Gusto

 

ตัวแรกที่ไม่มีทางหลุดโผคือ ‘House Blend Americano’ เพราะเป็นกาแฟตัวแรกที่สตาร์บัคส์รังสรรค์ขึ้นมาตั้งแต่ปี 1971 คัดสรรเมล็ดกาแฟจากลาตินอเมริกา นำมาคั่วเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่เข้มข้นกลมกล่อม พร้อมกลิ่นหอมหวานต่างๆ ที่ได้จากการคั่ว


รสชาติแบบนี้เหมาะที่จะชงเป็นเครื่องดื่มร้อนสำหรับเริ่มต้นวัน หรือจะเสิร์ฟช่วงบ่ายเพื่อปลุกความสดชื่นจากรสชาติและกลิ่นของกาแฟก็ยังได้

 

 

ใครที่อยากสัมผัสกลิ่นและรสชาติเหมือนบาริสต้ามาชงให้ถึงบ้านต้องลอง ‘Caffè Latte’ กาแฟนมสุดคลาสสิก เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนูยอดนิยม เครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์ของสตาร์บัคส์ มาครบทั้งคุณภาพของวัตถุดิบระดับพรีเมียมด้วยเมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100% ให้รสชาติที่นุ่ม กลมกล่อม ผสานความประณีตของฟองนม

 

รสชาติความหอมที่ให้ทั้งความกลมกล่อมของกาแฟและความนุ่มนวลของฟองนมแบบนี้ ทำให้นึกถึงช่วงเวลายามบ่ายกับหนังสือดีๆ สักเล่ม หรือซีรีส์เกาหลีฟีลกู๊ดสักเรื่องเลยล่ะ

 

Nescafe Dolce Gusto

 

‘Espresso Roast’ เอสเพรสโซคั่วเข้ม รสชาติที่เข้มข้นและยังสัมผัสได้ถึงความหอมหวานเหมือนกลิ่นของคาราเมล ความลงตัวของรสชาติที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นกาแฟสำหรับวันที่ต้องใช้ไอเดียในการคิดงาน หรือวันที่ต้องรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ

 

หรืออาจจะเป็นแก้วสำหรับเริ่มต้นวันใหม่ของคนที่ชอบกาแฟคั่วเข้มคงความกลมกล่อมได้ครบทุกมิติ

 

 

ถ้าให้นึกถึงกาแฟที่รสชาตินุ่มนวลผสานความกลมกล่อมของกลิ่นโกโก้แล้วล่ะก็ เรานึกถึง ‘Veranda Blend Americano’ ยิ่งถ้ารู้ว่าเบื้องหลังเอกลักษณ์ของกลิ่นและรสชาติที่ว่านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเกษตรกรชาวไร่กาแฟในลาตินอเมริกา ก็ยิ่งเติมเต็มโมเมนต์กาแฟที่เหมาะสำหรับวันพักผ่อนจริงๆ


กาแฟคั่วอ่อนความเข้มระดับ 6 จึงเป็นรสชาติที่ดื่มง่ายแต่ยังสัมผัสได้ถึงความกลมกล่อมของกาแฟครบ กลิ่นหอมละมุนของโกโก้และกลิ่นกรุ่นจางๆ ของถั่วคั่ว ทำให้แก้วนี้เหมาะกับวันสบายๆ อย่างเช้าวันหยุด บ่ายวันศุกร์ หรือจะทุกๆ วันที่คุณอยากทำให้เป็นวันพักผ่อน

 

Nescafe Dolce Gusto

 

นอกจากคุณภาพที่ดีและรสชาติที่ดีต่อใจเหมือนเดิมของแคปซูลกาแฟ STARBUCKS AT HOME BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องชงกาแฟดีๆ ที่มีนวัตกรรมล้ำสมัย มาพร้อมแรงดันที่เหมาะสมและอุณหภูมิน้ำที่เหมาะกับทุกเมนูกาแฟแก้วโปรด


เสกโมเมนต์การดื่มกาแฟคุณภาพดีง่ายๆ เหมือนบาริสต้ามาชงให้ถึงบ้าน เพียงแค่เลือกแคปซูล ‘STARBUCKS AT HOME BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO’ รสชาติที่ชอบแล้วใส่เข้าเครื่อง ปรับระดับน้ำตามคำแนะนำข้างกล่องของรสชาตินั้นๆ และคลิก เพียงเท่านี้กาแฟคุณภาพดีเหมือนมีบาริสต้ามาชงถึงบ้านก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว

 

 

บิลด์กันขนาดนี้ ถึงเวลาที่คอกาแฟตัวจริงต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าคุณภาพกาแฟเอกลักษณ์ของทั้ง 11 รสชาติ ที่ได้ Smart Technology มาช่วยล็อกความสดของกาแฟคั่วบดได้อย่างยาวนาน เพื่อให้ได้กาแฟสดที่สมบูรณ์ทั้ง ‘รส’ และ ‘กลิ่น’ ไร้ที่ติทุกแก้ว เหมือนได้ดื่มกาแฟสดที่คาเฟ่จริงเหมือนที่เราสัมผัสหรือไม่

 

ดื่มด่ำกาแฟแก้วโปรดทั้ง 11 รสชาติ ใน ‘ลุคใหม่ รสชาติดีต่อใจเหมือนเดิม’ ได้ด้วยตัวเองที่ https://bit.ly/3UmCr5w และแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee, TikTok Shop

The post ดื่มด่ำความกลมกล่อมที่คุ้นเคย กับ STARBUCKS AT HOME BY NESCAFÉ DOLCE GUSTO ‘New Look! Same Great Taste’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รวบตึงความปึ้ง ความปัง แคมเปญซัมเมอร์ #ร้อนนี้ต้องวอลล์ ไอเดียดับดีกรีความร้อนด้วยความสนุกและอร่อยฉ่ำสไตล์วอลล์ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/walls-summer-x-4eve/ Tue, 14 May 2024 10:30:34 +0000 https://thestandard.co/?p=931696

อุณหภูมิเมืองไทยร้อนเดือดขนาดนี้ ถ้าธุระไม่มีหรือกิจกรร […]

The post รวบตึงความปึ้ง ความปัง แคมเปญซัมเมอร์ #ร้อนนี้ต้องวอลล์ ไอเดียดับดีกรีความร้อนด้วยความสนุกและอร่อยฉ่ำสไตล์วอลล์ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

อุณหภูมิเมืองไทยร้อนเดือดขนาดนี้ ถ้าธุระไม่มีหรือกิจกรรมนอกบ้าน ไม่เจ๋งจริงคงไม่มีใครอยากออกมาปะทะความเดือดของแดดให้หงุดหงิดใจ ‘วอลล์’ แบรนด์ที่ไม่เคยหยุดมอบรอยยิ้มและความสุขให้กับคนไทย อยากเห็นทุกคนสนุกสนานและจอยไปกับทุกโมเมนต์หน้าร้อนได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือทำกิจกรรมอะไร จึงจัดแคมเปญดับอุณหภูมิใจซัมเมอร์ #ร้อนนี้ต้องวอลล์ ไปกับกิจกรรมสนุกๆ ตลอดหน้าร้อนที่ผ่านมา ถึงดีกรีความร้อนจะไม่ลด แต่ขีดความสนุกพุ่งทะลุปรอท 

 

 

หน้าร้อนเรียกซัมเมอร์ แต่น่ารักเวอร์ต้องสาวๆ วง 4EVE

 

แค่กิจกรรมแรกก็ทำเอาเหล่าฟอร์อายละลายกันเป็นแถบ เมื่อ ‘วอลล์’ ดึง ‘4EVE’ เกิร์ลกรุ๊ปสุดฮอตของวงการ T-Pop นั่งแท่นพรีเซนเตอร์ ช่วยเติมสีสันให้หน้าร้อนของวอลล์สนุกสนานยิ่งขึ้น

 

 

ด้วยความน่ารักสดใสของ 7 สาว 7 คาแรกเตอร์ เรียกได้ว่าตรงทุกข้อกับภาพลักษณ์และตัวตนของวอลล์ แบรนด์ที่สร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้กับคนไทยตลอด 35 ปี โดยสาวๆ 4EVE จะรับหน้าที่กระจายความสุขและสร้างรอยยิ้มผ่านเสียงเพลงในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจ กล้าหาญ เปิดเผยความรู้สึก และทำให้คนรอบตัวมีความสุข 

 

 

Hula Hula (2024)’ เวอร์ชัน 4EVE สดใสสุด ซัมเมอร์สุด!

 

ดาเมจความแรงของพรีเซนเตอร์ใหม่กำลังระอุ วอลล์จึงเร่งเครื่องความสนุกต่อ ด้วยการปล่อยเพลง Hula Hula (2024) ที่นำเพลงสุดฮิตของหน้าร้อนกลับมาทำใหม่ในเวอร์ชัน 4EVE พร้อมท่าเต้นน่ารักๆ และดาเมจความสดใสของพวกเธอ ไม่รู้ว่าโดนอะไรในเอ็มวีนี้ตกบ้าง ที่แน่ๆ คืออยากคว้าซัมเมอร์ไอเท็มแล้วพุ่งตัวไปทะเล และเติมความสดชื่นให้ฉ่ำซัมเมอร์ด้วยวอลล์ทุกรสชาติที่เห็นในเอ็มวี 

 

 

สร้างโมเมนต์สุด Fun! ด้วย TikTok Branded Effect

 

เอาละพวกเรา ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถพุ่งตัวไปชื่นฉ่ำกับน้ำกับฟ้าที่ทะเลเหมือนในเอ็มวี Hula Hula (2024) แบบสาวๆ 4EVE วอลล์เลยจัดให้อีกหนึ่งความสนุก ตอกย้ำความจอย #ร้อนนี้ต้องวอลล์ อยู่ที่ไหนก็จอยได้ ชวนเหล่า TikToker มาสร้างโมเมนต์สุด Fun ด้วย Branded Effect ของวอลล์ แล้วแชร์ให้โลกโซเชียลประจักษ์ ร้อนยังไงให้ดูน่ารัก ก็ #ร้อนนี้ต้องวอลล์ กันไปเลย งานนี้สาวๆ 4EVE ก็มาร่วมเอ็นจอยความอร่อยและสนุกด้วย

 

นอกจากจะสนุกไปกับการทำแต้ม ยังได้เห็น TikToker หลายคนหยิบเพลง Hula Hula (2024) มา Cover ก็เยอะ จะเพราะจังหวะสนุกๆ ของเพลงหรือท่าเต้นประกอบเพลงของสาวๆ 4EVE ที่เต้นตามได้ไม่ยาก ส่งผลให้กิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จสร้างเอ็นเกจถล่มทลาย 

 

 

ร้อนต้องสาด! สงกรานต์สยาม ผ้าขาวม้า อยู่เย็น เป็นสนุก

 

แต่ความสนุกที่ปึ้งสุด ขั้นกว่าของความปังและจึ้งก็ตอนที่วอลล์ไปร่วมเป็นสปอนเซอร์หลัก สร้างความสนุกในเทศกาลสงกรานต์ในงาน ‘สงกรานต์สยาม ผ้าขาวม้า อยู่เย็น เป็นสนุก’ เมื่อวันที่ 13-15 เมษายนที่ผ่านมา เสกสยามสแควร์ให้กลายโซนอยู่เย็น เป็น Wall’s Land จัดเต็มความสนุกไปกับปาร์ตี้โฟมสุดหรรษา ท้าทุกคนกระโจนลงมาคลายร้อนให้ฉ่ำใจ พร้อมแจกไอศกรีมวอลล์ให้กับทุกคนได้อร่อยฉ่ำไปด้วยกันตลอดทั้งงาน ตอกย้ำปรากฏการณ์ร้อนนี้ต้องวอลล์ว่าเป็นไปได้ไม่เกินจริง 

 

 

Wall’s Big Ice Cream Hunt มิชชันล่า AR ค้นหาความอร่อยฉ่ำดับร้อนทั่วกรุง 

 

ปรากฏการณ์ #ร้อนนี้ต้องวอลล์ ยังไม่หมดเท่านี้ วอลล์เตรียมมิชชันสนุกล้ำ ตามล่าหาไอศกรีมวอลล์ยักษ์ที่แลนด์มาร์กใจกลางกรุงกับกิจกรรม Wall’s Big Ice Cream Hunt ลุ้นรับ Voucher Code ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2567  

 

 

ภารกิจตามล่าหา AR ที่อาคารใบหยก 2 และอาคาร Unilever House ใครเจอไอศกรีมวอลล์ยักษ์ก่อน สามารถ Redeem Code ที่ได้จากการเล่น AR ไปเป็นส่วนลดสำหรับซื้อไอศกรีมวอลล์ที่ Tops สาขาที่ร่วมรายการทันที ความอร่อยฉ่ำฟรีๆ แบบนี้ มีแต่วอลล์เท่านั้นที่จัดให้ 

 

ร้อนนี้ต้องวอลล์ 4 รสชาติคู่ใจรับซัมเมอร์ 

 

นอกจากกิจกรรมคลายร้อนที่จัดอย่างที่เล่าไป สังเกตให้ดี ในทุกๆ กิจกรรมจะได้เห็น 4 รสชาติความอร่อยปรากฏตัวอยู่ทุกหนแห่ง ได้แก่ ท๊อปเทน วานิลลา, ฟรุตตี้ แม็กซ์, คอร์นเนตโต วานิลลา และแพดเดิลป๊อป แตงโม

 

 

ปรากฎการณ์นี้เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะ 4 รสชาติที่เหมาะกับซัมเมอร์เมืองไทยที่สุด อย่าง ‘ท๊อปเทน วานิลลา’ ไอศกรีมเนื้อเนียนนุ่ม เคลือบช็อกโกแลตเข้มข้น พร้อมปริมาณถั่วเพิ่มขึ้น 50% เคี้ยวสนุกกรุบกรอบ อร่อยให้หนำใจสายถั่วกันไปเลย

 

 

แต่ถ้าใครชอบฟรุตตี้ฉ่ำๆ แบบไอศกรีมผลไม้รวมต้อง ‘ฟรุตตี้ แม็กซ์ เคลือบเขียวเพิ่มขึ้น 5 เท่า สดชื่นเต็มแม็กซ์รับซัมเมอร์’

 

 

ส่วน ‘คอร์นเนตโต วานิลลา’ ไม่ว่าอย่างไรไอศกรีมรสวานิลลาก็ยังฮิตตลอดกาลสำหรับหน้าร้อน ความเนียนนุ่มละมุนลิ้นของเนื้อไอศกรีม เมื่อมีท็อปปิ้งถั่วกรุบๆ มาเป็นเท็กซ์เจอร์ กัดคำโตๆ พร้อมกับโคนกรุบกรอบ นี่แหละที่สุดของความอร่อยช่วงหน้าร้อน

 

 

หน้าร้อนนี้ อีกรสชาติที่ต้องยกให้ ก็คงหนีไม่พ้น ‘แพดเดิลป๊อป แตงโม’ กัดคำไหน ก็อร่อยสดชื่น สมมงเมนูดับร้อนตัวจริง

 

หน้าร้อนยังไม่จากเราไปง่ายๆ กิจกรรมความสนุกจากวอลล์ก็เช่นกัน หรือต่อให้ผ่านพ้นช่วงซัมเมอร์ไป วอลล์ก็คงเตรียมแคมเปญสนุกๆ และรสชาติความอร่อยอีกมากมายให้กับพวกเราอย่างแน่นอน 

 

หรือถ้าใครยังอยากสัมผัสความทรงจำสนุกๆ ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเอาไว้ 4 รสชาติความอร่อยที่บอกไป ท๊อปเทน วานิลลา, ฟรุตตี้ แม็กซ์, คอร์นเนตโต วานิลลา และแพดเดิลป๊อป แตงโม มอบความอร่อยคลายร้อนให้คุณได้แน่

The post รวบตึงความปึ้ง ความปัง แคมเปญซัมเมอร์ #ร้อนนี้ต้องวอลล์ ไอเดียดับดีกรีความร้อนด้วยความสนุกและอร่อยฉ่ำสไตล์วอลล์ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ย้อนรอย ‘จอห์นนี่ วอล์กเกอร์’ กับก้าวที่ไม่เคยหยุดสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันสู่อนาคตตลอด 100 ปี [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/johnnie-walker-100-years/ Thu, 25 Apr 2024 12:00:30 +0000 https://thestandard.co/?p=926589 Johnnie Walker

ใครกันจะไม่รู้จัก ‘จอห์นนี่ วอล์กเกอร์’ (Johnnie Walker […]

The post ย้อนรอย ‘จอห์นนี่ วอล์กเกอร์’ กับก้าวที่ไม่เคยหยุดสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันสู่อนาคตตลอด 100 ปี [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Johnnie Walker

ใครกันจะไม่รู้จัก ‘จอห์นนี่ วอล์กเกอร์’ (Johnnie Walker) แบรนด์วิสกี้อันดับหนึ่งของโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปี และมีความสัมพันธ์อันยาวนานร่วมศตวรรษกับประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924)

 

ตลอด 100 ปี ทุกก้าวย่างของจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ในประเทศไทย ภายใต้ปรัชญา ‘Keep Walking’ ได้สร้างแรงบันดาลใจในการก้าวไปข้างหน้าในแบบของตัวเอง

 

ก้าวที่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบหรือดีที่สุด อาจเป็นก้าวที่พลาด แต่การก้าวออกไปนั้นต้องมีจุดหมายที่ชัดเจน เพราะ ‘ทุกก้าวที่พาเราไปข้างหน้า คือก้าวที่มีความหมาย’ นี่คือความหมายที่แบรนด์ซ่อนไว้ในทุกก้าว

 

สำหรับจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ คำว่า ‘Keep Walking’ ยังหมายถึงการพาสังคมก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้าที่จะก้าวออกมาทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน สิ่งที่ทำจะสำเร็จหรือล้มเหลวไม่อาจรู้ แต่ก็เลือกที่จะก้าวออกไปลองทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้เห็นว่า ‘การก้าวนำ’ เป็นอย่างไร

 

ในวาระครบรอบ 100 ปีของจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ในเมืองไทย THE STANDARD ขอพาย้อนรอยแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดก้าว เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเรื่องราวในเมืองไทยตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน สู่อนาคต

 

จอห์นนี่ วอล์กเกอร์

 

จากยอนนี่วอล์คเกอร์ ตราดำ ตราแดง’ สู่ ‘จอห์นนี่ วอล์กเกอร์’ แบรนด์สกอตช์วิสกี้อันดับหนึ่งของไทย

 

ปี 1924 เป็นปีแรกที่จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบรนด์สกอตช์วิสกี้สัญชาติสกอตแลนด์ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่ประเทศไทย โดยมีชื่อเรียกแบบไทยๆ ว่า ‘ตราดำ’ หมายถึง Johnnie Walker Black Label และ ‘ตราแดง’ ใช้เรียกแทน Johnnie Walker Red Label

เนื่องจากในยุคสมัยนั้นการโฆษณาเหล้ายังไม่ถูกควบคุม ป้ายโฆษณาที่เห็นจึงมีภาพขวดจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ และเขียนด้วยคำทับศัพท์ว่า ‘ยอนนี่วอล์คเกอร์’

 

 

ยุค 30-50 เสรีภาพในการโฆษณาทำให้จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ได้ไปปรากฏอยู่ในนิยาย สามเกลอ พล นิกร กิมหงวน ในรูปเมนูของห้องอาหารโรงแรมราชธานีของการรถไฟแห่งประเทศไทย และยังได้พื้นที่โฆษณาบนหนังสือพิมพ์ศรีกรุง ป้ายโฆษณาตามท้องถนนหลายแห่ง รวมไปถึงภาพยนตร์ เงิน เงิน เงิน ที่นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา 

 

ยุค 90 ถือเป็นยุคที่มีจุดเปลี่ยนของแบรนด์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกลับด้านของโลโก้ The Striding Man จากเดิมที่เคยหันซ้ายก็เปลี่ยนมาหันขวา เพื่อสื่อถึงการเดินไปข้างหน้าสู่สหัสวรรษใหม่ และให้สอดคล้องไปกับแคมเปญ ‘Keep Walking’

 

สำหรับประเทศไทย ปี 1990 ยังเป็นปีแรกที่เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาภายใต้แนวคิด ‘ศักดิ์ศรีผู้ชายที่แท้จริง’ ถือเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบรนด์แรกๆ ในยุคนั้นที่ทำโฆษณาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชม ถือเป็นตัวอย่างความกล้าของแบรนด์ที่จะก้าวออกไปค้นหาความท้าทายใหม่ๆ ผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง 

 

แคมเปญ ‘Will You Keep Walking?’ ในปี 2013 ที่กลายเป็น Talk of the Town กลับมาตอกย้ำดีเอ็นเอของแบรนด์อีกครั้ง ด้วยการนำเสนอภาพยนตร์ชุดพิเศษเฉลิมฉลองชีวิตอันเป็นที่สุดของ เรวัต พุทธินันทน์ ผู้พลิกตำนานวงการธุรกิจเพลงไทย ตัวอย่างของคนที่มุ่งมั่นที่จะตามความฝันของตัวเอง กล้าทำในสิ่งที่ท้าทาย ไม่ยอมแพ้ สื่อให้เห็นถึงคนที่ไม่กลัวที่จะ ‘ก้าว’ เพื่อไปถึงฝัน เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทั่วประเทศ  

 

จอห์นนี่ วอล์กเกอร์

 

ปี 2015 แบรนด์เริ่มต้นก้าวใหม่อีกครั้งผ่านโลโก้ The Striding Man สุภาพบุรุษบนขวดจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ซึ่งเป็นโลโก้ที่ถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดย แกรี เรดฟอร์ด ได้นำเอารอยยิ้มบนในหน้ากลับคืนมาให้กับบุรุษในชุดทักซิโดที่กำลังก้าวเดินพร้อมไม้เท้าคู่ใจ โดยมือข้างหนึ่งกำลังจับที่ปลายหมวกทรงสูง แสดงถึงความเป็นมิตร อบอุ่น มองโลกในแง่ดี ตอกย้ำว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะไม่หยุดก้าวต่อไปข้างหน้า 

 

 

ในปีเดียวกัน แบรนด์รังสรรค์ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ยกระดับปาร์ตี้แห่งปีที่ทุกคนรอคอย ‘THE BLACKLIST’ ให้กลายเป็นประสบการณ์การเฉลิมฉลองเหนือระดับในชื่อ THE BLACKLIST ‘THE NEW SHADE OF BLACK’ ด้วยการร่วมมือกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตทุกวินาทีโดยมีแพสชันเป็นพลังขับเคลื่อน เนรมิตปาร์ตี้ที่มีแต่จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เท่านั้นที่ทำได้ 

 

 

และเป็นครั้งแรกที่ ‘House of Walker’ แคมเปญสุดยิ่งใหญ่ของจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เวียนมาจัดที่เมืองไทย หลังจากตระเวนจัดมาแล้วทั่วทุกมุมโลก ในชื่อ ‘House of Walker 4D Sensory’ ที่นำนวัตกรรม 4D Sensory มากระตุ้นทุกประสาทสัมผัส พร้อมเทคโนโลยี Digital Projection Mapping และการแสดงในรูปแบบ Theatrical Performance

 

ร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ของจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ยังถูกจารึกผ่านการพัฒนานวัตกรรม เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และแพ็กเกจจิ้งที่ช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ สะท้อนตัวตนของแบรนด์ที่ทันสมัยและไม่หยุดนิ่ง

 

ปี 2016 แบรนด์เปิดตัวจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล ลิมิเต็ด เอดิชั่น (Johnnie Walker Black Label Limited Edition) ขวดสีขาว ผลงานการออกแบบของ มัตติอา บิอาจิ ศิลปินชาวอิตาลี ที่ได้แรงบันดาลใจจากตำนานการเกิดจันทรุปราคา วางจำหน่ายเพียง 2 ประเทศ คือ ประเทศไทยและเลบานอน

 

จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ 

 

เข้าสู่ปี 2017 คงจะเป็นปีที่น่าจดจำ เพราะเป็นปีที่แบรนด์ลุกขึ้นมาปรับภาพลักษณ์ใหม่ในหลายมิติ ตั้งแต่การปรับลุคและจุดยืนของแบรนด์ให้ดูวัยรุ่น มีความสนุกสนาน ทันสมัย ตอบโจทย์วิถี Socialize ที่เปลี่ยนไป เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายขึ้น พร้อมคิกออฟแคมเปญ ‘Taste of Black ครบทุกมิติแห่งรสชาติ’ สลัดภาพจำของป้าย Black Label สีดำ แทนที่ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ภายใต้สีสัน 4 แบบ เพื่อสะท้อน 4 มิติแห่งรสชาติ ได้แก่ Refreshing, Bold, Mysterious และ Vibrant ตามมาด้วยกิจกรรมความสนุกตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ผ่านประสบการณ์ใหม่ๆ พร้อมกับมิติต่างๆ ของการใช้ชีวิต

 

ปีต่อมาจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ก็เปิดตัวจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล ‘เจน วอล์กเกอร์ เอดิชั่น’ (Johnnie Walker Black Label ‘Jane Walker Edition’) จำนวนจำกัดเพียง 250,000 ขวดทั่วโลก เป็นการปรับภาพลักษณ์ให้มีความเฟมินีนและสื่อถึงความเป็นผู้หญิง เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศและยกย่องสตรีทั่วโลก

 

 

ต่อเนื่องด้วยการจับมือกับ HBO ผู้ผลิตซีรีส์ Game of Thrones ในปี 2019 เปิดตัว White Walker by Johnnie Walker ‘ไวท์ วอล์กเกอร์ บาย จอห์นนี่ วอล์กเกอร์’ และ The Game of Thrones Single Malt Whisky Collection ‘เกมออฟโธร์น ซิงเกิลมอลต์ วิสกี้คอลเลคชั่น’ นำแรงบันดาลใจของฤดูหนาวมาถ่ายทอดเป็นวิสกี้ที่เหมาะกับการดื่มแบบเย็นเจี๊ยบจากฟรีซเซอร์ อุณหภูมิ 1.5 องศาเซลเซียส ออกแบบลวดลายบนขวดด้วยเทคนิคพิเศษ ใช้โทนสีฟ้า-ขาวราวกับพื้นที่ซึ่งปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ตกแต่งสัญลักษณ์ The Striding Man ให้เข้ากันด้วยการสวมชุดเกราะ อีกทั้งหมึกพิเศษสีฟ้าที่จะมองเห็นเมื่อแช่แข็งในอุณหภูมิเยือกเย็น เป็นลวดลายกราฟิกทั่วทั้งขวด และปรากฏคำว่า ‘Winter is Here’ 

 

ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา แบรนด์ได้ออกแคมเปญ Keep Walking มากมาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนก้าวออกมาตามความฝันของตัวเอง โดยเชื่อมโยงกับประเด็นสำคัญต่างๆ ในสังคม 

 

ปี 2023 หนึ่งในภารกิจ Keep Walking ที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ โครงการ ‘STEP OUT OF THE BOX #ก้าวต่อไปไร้กล่อง’ ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกของดิอาจิโอที่มุ่งลดการใช้กล่องกระดาษบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของแบรนด์ต่างๆ ในเครือ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ หรือ Take a Bold Stride ภายใต้ปรัชญา Keep Walking ของแบรนด์

 

จอห์นนี่ วอล์กเกอร์

 

ประเทศไทยต่อยอดการ ‘ถอดกล่อง’ ครั้งแรกเมื่อปี 2022 ในต่างประเทศ ด้วยการตั้งเป้าลดมลพิษจากการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวน 1 ล้านกล่อง ลดขยะจากการสังสรรค์จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวน 1 ล้านกล่องใน 1 ปี และลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนกว่า 2.5 ล้านกิโลกรัมภายในระยะเวลา 10 ปีผ่านความร่วมมือกับ EcoMatcher ในการปลูกป่า Keep Walking Forest

 

ประเดิมต้นปี 2023 เดินเครื่องการผลิตจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ล็อตใหม่แบบไม่มีกล่องในประเทศไทย ถือเป็นอินเตอร์แบรนด์รายแรกในไทยที่ปรับขายสินค้าแบบไร้บรรจุภัณฑ์ (กล่อง) นำร่อง Johnnie Walker ทั้ง Red Label, Black Label และ Double Black เป็นกลุ่มแบรนด์แรก  

 

 

อีกหนึ่งแคมเปญที่ส่งพลังใจให้กับคนรุ่นใหม่อย่างมากก็คือแคมเปญ KEEP  WALKING ภายใต้คอนเซปต์ใหม่ ‘ทุกก้าวที่พาเราไปข้างหน้า คือก้าวที่มีความหมาย’ เปิดตัว นลิน-กัญญ์นลิน เสถียรุจิกานนท์ ในฐานะ The Walker โดยเป็นคนไทยคนแรกที่ได้เป็น 1 ใน 5 ตัวแทนของแคมเปญระดับโลกอย่างประเทศไทย สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก บราซิล และออสเตรเลีย ให้มาเป็นผู้นำในการก้าว 

 

ความพิเศษของแคมเปญนี้คือ การเชิญชวนทุกคนได้ลองมาก้าวต่อไปในแบบของตัวเองผ่านป้ายโฆษณาบิลบอร์ดขนาดใหญ่ใจกลางสยามสแควร์ โดยมีกิมมิกที่ป้ายโฆษณาดังกล่าวจะฉายภาพเคลื่อนไหวของผู้คนที่กำลังก้าวเดินอยู่ในบริเวณนั้นผ่านจอแบบเรียลไทม์

 

The Legacy ยุคสมัยแห่ง ‘ก้าวที่กล้า’

 
ระยะเวลากว่า 100 ปี ย่อมต้องมีเรื่องราวมากมายให้เล่าขาน แต่ถ้าให้หยิบยกที่สุดของผลงานที่เป็นตำนานและควรถูกเล่าขานในแง่ของการเป็นแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดกรุยทาง เพื่อค้นหาความท้าทายใหม่ๆ ผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาด จนสามารถสร้างอิมแพ็กต์ให้กับผู้คนแล้วละก็ นี่คือ 3 ผลงานที่ THE STANDARD ขอแปะป้าย The Legacy of Mind

 

จอห์นนี่ วอล์กเกอร์

 

1. Winter in Bangkok: เป็นไปไม่ได้…ทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ 

 

ใช่…แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ในปี 2004 จะมีใครกล้าทุ่มทุนใช้งบโฆษณาไปกับการเนรมิตกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นเมืองหิมะ เปลี่ยนแม่น้ำเจ้าพระยาให้กลายเป็นน้ำแข็งด้วย CG ในยุคที่ยังไม่ค่อยถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่ในฐานะแบรนด์ที่กล้าก้าวออกไปลองทำสิ่งใหม่ๆ และกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นอาจจะมองว่าเป็นไปไม่ได้ คำว่าเป็นไปไม่ได้มันก็แค่ยังไม่ได้ทำต่างหาก

 

หลังจากที่ภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ปรากฏสู่สายตาคนไทย มันกลายเป็น Talk of the Town ทันที และส่งผลให้ สาธิต กาลวันตวานิช ผู้กำกับโฆษณามือรางวัลระดับโลก เจ้าของบริษัท Phenomena กลายเป็นที่จับตามอง ไม่เพียงเท่านั้น แรงกระเพื่อมนี้ยังก่อให้เกิดความหวังว่าวงการโปรดักชันเฮาส์เมืองไทยเป็นไปได้ที่จะเทียบชั้นวงการระดับโลก และยังอิมแพ็กต์ไปถึงวงการอื่นๆ ได้เห็นว่า ‘อะไรก็เป็นไปได้’ เหนือสิ่งอื่นใด Winter in Bangkok ยังถูกพูดถึงในฐานะผลงานที่ทำให้ปรัชญา ‘Keep Walking’ ของแบรนด์ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

 

2. WALK FESTIVAL #WALKไทยให้ไกลกว่าเดิม

 

ที่โหวตให้ WALK FESTIVAL เป็นผลงานที่ควรค่ากับตำแหน่งแคมเปญในตำนานของแบรนด์ เพราะเป็นครั้งแรกที่แบรนด์เข้าถึงความเป็นไทยอย่างแท้จริง

 

จอห์นนี่ วอล์กเกอร์

 

WALK FESTIVAL เทศกาลดนตรี ศิลปะ และรสชาติ ภายใต้สโลแกน #WALKไทยให้ไกลกว่าเดิม จัดขึ้นใน 3 จังหวัด คือ WALK ขอนแก่น, WALK เชียงใหม่ และ WALK กรุงเทพฯ ที่ตั้งต้นมาจากความเชื่อที่ว่า หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่คือฟันเฟืองสำคัญที่จะนำพาความเป็นไทยไปสู่ระดับโลกได้ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินไทยคนรุ่นใหม่ เป็นที่มาของการฮุกอินไซต์ท้องถิ่นแบบจริงจังของแบรนด์ นำศิลปินท้องถิ่นมาร่วมสร้างสรรค์ความเป็นไทย เช่น ปลุกจังหวะไทยๆ ด้วยดนตรีไทยให้เท่ไม่เหมือนใคร 

 

ยกระดับศิลปะไทยกับ Visual Artists ไทย เพื่อสร้างสรรค์บรรกาศไทยๆ ในฟีลลิ่งใหม่ๆ อาทิ Interactive Installation ที่หยิบจับเอาความเป็นไทยของภาคเหนือ ใต้ อีสาน และกลาง ครีเอตออกมาเป็นโชว์เจ๋งๆ ไปจนถึงการเปิดสัมผัสรสชาติเสน่ห์ไทยที่รังสรรค์โดยบาร์เทนเดอร์ไทยระดับโลก ทั้งหมดนี้ก็เพื่อมอบประสบการณ์ ‘ความเป็นไทย’ ที่ใหม่และแตกต่าง เพื่อสร้างสรรค์ความเป็นไทยให้ไปไกลได้อย่างที่ตั้งใจ

 

จอห์นนี่ วอล์กเกอร์

 

3. Keep Walking Thailand & Awakening Bangkok: กลับสู่ยุคที่ต้องลุกเดินอีกครั้ง!

 

ขอยกตำแหน่งให้กับสองผลงานที่สร้างอิมแพ็กต์ต่อเนื่องกันในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และน่าจะเป็นแคมเปญที่สร้างการจดจำให้กับคนไทยอย่างมาก เริ่มจาก ‘Keep Walking Thailand’ ในปี 2022 ในเวลานั้นแบรนด์เลือกที่จะปลุกแรงบันดาลใจให้กับไทย ด้วยการชวนคนไทยก้าวออกไปใช้ชีวิตบนท้องถนนที่คนไทยรักและผูกพันอีกครั้ง โดยมี วี-วิโอเลต วอเทียร์ ทำหน้าที่เป็น The Walker หรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ของจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ คนแรกของเมืองไทย ผ่านภาพยนตร์โฆษณาและจัดกิจกรรมต่างๆ บนถนนข้าวสาร เจริญกรุง นานา เรื่อยมาจนถึงการรวมเป็นพลังสำคัญในเทศกาลไฟ Awakening Bangkok ตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปัจจุบัน 

 

จอห์นนี่ วอล์กเกอร์

 

Awakening Bangkok ไม่เพียงเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่อยู่ในแคมเปญ Keep Walking ชวนคนไทยก้าวต่อไปข้างหน้าเท่านั้น แต่ทำให้คนไทยได้เห็นก้าวสำคัญอีกครั้งของแบรนด์ผ่านงานออกแบบสุดล้ำที่เต็มไปด้วยสีสัน เช่น ปี 2020 ออกแบบประติมากรรมแสงไฟสุดอลังการทั่วย่านเจริญกรุง Interactive Design กว่า 36 ชิ้นจากศิลปินไทยและเทศในธีม Re/Wind/Fast/Forward 

 

หรือในปี 2022 ดึงเสน่ห์ของถนนไทยออกมาให้ชมผ่าน Johnnie Walker Light Installation ที่ไปรษณีย์กลาง บางรัก สนุกไปกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย Modernized Chinese ที่ Johnnie Walker Hub @Yellow House

 

 

 

100 ปีที่ไม่เคยหยุดก้าว ถูกถ่ายทอดผ่าน ‘Johnnie Walker 100th Year Limited Edition’

 

ในฐานะแบรนด์ที่มีเรื่องราวความผูกพันกับคนไทยมามากกว่า 100 ปี ไม่ง่ายเลยที่จะรักษาความเป็นผู้นำและเป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภค โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง 

 

แต่จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ทำได้ สามารถครองใจผู้บริโภคและรั้งตำแหน่งผู้นำในหมวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องยาวนานถึง 22 ปีจากผลสำรวจของ Thailand’s Most Admired Brand 2022 

 

ก้าวย่างสู่ศตวรรษที่ 2 ของแบรนด์ เราคงได้เห็นแคมเปญการตลาดที่ยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำว่า Keep Walking ซึ่งเป็นปรัชญาของแบรนด์อย่างแน่นอน 

 

และสิ่งที่จะได้เห็นแน่ๆ จากการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีประเทศไทย คือ ‘Johnnie Walker Limited Edition ฉลอง 100 ปีประเทศไทย’ งานดีไซน์สุดคลาสสิกที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์ 100 ปีที่ผ่านมาของแบรนด์ในประเทศไทย ผ่านลวดลายกราฟิกตั้งแต่ชื่อเรียก ‘ยอนนี่วอล์คเกอร์’ โลโก้ The Striding Man ดีไซน์แรกสุดจากปี 1908 ที่ออกแบบโดย ทอม บราวน์ มีการนำไอคอนิกของกิจกรรมและแคมเปญที่ผ่านมามาใส่ อย่างเช่น สัญลักษณ์ที่ปรากฏในภาพยนตร์โฆษณาชุด Winter in Bangkok และสัญลักษณ์ของ Blacklist Party รวมถึงตัวแทนของ Walk Thai

 

ทั้งหมดนี้ถูกผสมผสานเข้ากับเรื่องราวอีก 100 ปีข้างหน้าที่นำเสนอไอคอนิกแห่งอนาคตไม่ว่าจะเป็นแพ็กเกจจิ้ง โลโก้ The Striding Man ที่มีความล้ำสมัย และแน่นอนว่ายังคงใช้โทนสีทองเป็นสีหลัก

 

ถือเป็น Special Edition ฉบับประวัติศาสตร์ 100 ปีที่คนไทยควรเก็บสะสม เพราะจะมีวางจำหน่ายที่ประเทศไทยเท่านั้น 

 

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ได้แล้ววันนี้ที่ The Mall, Tops, Foodland และ Villa Market ทุกสาขา

The post ย้อนรอย ‘จอห์นนี่ วอล์กเกอร์’ กับก้าวที่ไม่เคยหยุดสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันสู่อนาคตตลอด 100 ปี [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ถอดประสบการณ์การดื่มน้ำที่ WOW ยิ่งกว่าเดิม ผ่านแคมเปญ ‘Coway WOW’ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/coway-wow/ Fri, 05 Apr 2024 08:00:12 +0000 https://thestandard.co/?p=919465

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องกรองน้ำ Coway คงไม่มีใครไม่รู้จัก […]

The post ถอดประสบการณ์การดื่มน้ำที่ WOW ยิ่งกว่าเดิม ผ่านแคมเปญ ‘Coway WOW’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถ้าพูดถึงแบรนด์เครื่องกรองน้ำ Coway คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะมันกลายเป็น ‘Must Have Item’ ที่เข้ามาเปลี่ยนวัฒนธรรมการดื่มน้ำของคนไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ด้วยความที่ชีวิตคนยุคนี้ทุกอย่างต้องโปรดักทีฟไปหมด เช้าก็รีบไปทำงาน เย็นกว่าจะถึงบ้านก็เหนื่อย จนละเลยการดูแลสุขภาพของตัวเอง ไม่แค่เฉพาะการกินอาหารที่มีประโยชน์ หาเวลาออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ รวมไปถึงการดื่มน้ำสะอาด

 

เราไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมในปัจจุบันส่งผลเสียต่อร่างกายเราอย่างไรโดยเฉพาะการดื่มน้ำ ยิ่งสภาพอากาศบ้านเราที่ค่อนข้างไปทางร้อนจัด!

 

ร่างกายของเราประกอบไปด้วยน้ำถึง 80% จึงควรดื่มน้ำให้เหมาะสมกับสมดุลร่างกาย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ความสำคัญยังอยู่ที่น้ำที่ดื่มจะต้องเป็นน้ำที่สะอาดและบริสุทธิ์

 

แม้ว่าเมืองไทยจะมีน้ำดื่มบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดให้เลือกดื่มมากมาย แต่ Pain Point ที่พบคือถ้าต้องคอยซื้อน้ำดื่มทุกเดือน นอกจากจะต้องแบกน้ำที่หนัก ยังเพิ่มปริมาณขยะพลาสติกให้กับโลกอีก ดูไม่น่าจะใช่วิถีการใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่สนใจสิ่งแวดล้อม

 

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ Coway แบรนด์เครื่องกรองน้ำอันดับ 1 จากประเทศเกาหลีใต้ เข้ามาทำให้โลกการดริ๊งก์ของพวกเราว้าวกว่าเดิม กับแคมเปญ ‘Coway WOW’ ดริ๊งก์ทั้งบ้าน WOW ทั้งเมือง

 

แคมเปญ Coway WOW ดริ๊งก์ทั้งบ้าน WOW ทั้งเมือง ต่อยอดจากแคมเปญ ‘Just Drink’ เรื่องดื่มน้ำให้ Coway ดูแล ส่วนคุณแค่ดื่ม

 

มาปีนี้ Coway ดึงครอบครับบีม-ออย พี่ธีร์-น้องพีร์ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญใหม่ที่ WOW กว่าเดิม พร้อมปล่อยภาพยนตร์โฆษณาสุดครีเอต และป้ายบิลบอร์ดรอบเมืองให้ทุกคนได้ชมความฟินกันฉ่ำใจ

 

 

‘Coway ต้องซับแล้วน้า’ เสียงน่ารักๆ ของพี่ธีร์-น้องพีร์ในคลิปโฆษณา เป็น Key Message หลักที่ Coway ต้องการจะสื่อสารกับผู้บริโภคให้ใส่ใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้นผ่านรูปแบบการ Subscription ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครก็คุ้นหู ไม่ต่างอะไรกับการจ่ายค่าบริการสตรีมมิงต่างๆ ที่เราคุ้นเคย

 

เพราะ Coway ต้องการมอบประสบการณ์ ดริ๊งก์ก็ WOW ให้กับผู้บริโภค จึงออกแบบการ Subscription ที่ง่ายมากด้วยค่าบริการเครื่องกรองน้ำแบบรายเดือน คุณจะได้สัมผัสกับสุดยอดนวัตกรรมเครื่องกรองน้ำที่ทำให้การดื่มน้ำสะอาดเป็นเรื่องง่าย

 

 

WOW สุดๆ เพราะมาพร้อมการดูแลก็ WOW ไม่เหมือนใครกับบริการ Coway Care การดื่มน้ำที่สะอาดไม่ได้มาจากน้ำที่เครื่องกรองน้ำอย่างเดียว แต่ไส้กรองจะต้องสะอาด และถูกดูแลอย่างถูกสุขลักษณะ ซึ่ง Coway มีผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผลิตภัณฑ์ หรือ CODY เข้ามาบริการเปลี่ยนดูแล ทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ทุกๆ 2 เดือน และเปลี่ยนไส้กรองให้ทุกๆ 4 เดือน

 

ราคาก็ยิ่ง WOW บางคนเข้าใจว่าเครื่องกรองน้ำต้องจ่ายเงินก้อนหลักหมื่น แต่ Coway อยากให้คุณเก็บเงินก้อนนั้นไปทำอย่างอื่น จึงให้คุณสามารถ Subscription เครื่องกรองน้ำในราคาเบาๆ เริ่มต้นเดือนละ 590 บาท เหมือนการจ่ายค่าสตรีมมิงที่เราจ่ายกันทุกเดือน แต่สิ่งที่ได้จากการ Subscription เครื่องกรองน้ำ Coway คือน้ำดื่มที่สะอาดและประสบการณ์สุด WOW ทั้งหมดที่บอกไป

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น Coway ยังเข้าใจทุกความต้องการที่แตกต่างของแต่ละครอบครัว ทั้งจำนวนสมาชิก ไลฟ์สไตล์ ขนาดพื้นที่ Coway จึงออกแบบเครื่องกรองน้ำดีไซน์สวยหลากหลายรุ่นมาเพื่อตอบโจทย์กับแต่ละครอบครัวมากที่สุด แถมยังเป็นเครื่องกรองน้ำที่รวมทุกสิทธิประโยชน์ความ WOW ในหนึ่งเดียวมาให้แล้ว

 

ไม่อยากพลาดประสบการณ์การดื่มน้ำที่ WOW ยิ่งกว่าเคยต้องซับแล้วน้า! ที่ https://bit.ly/3uSn0ts

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1421

 

#CowayThailand #CowayWOW #Cowayดริ๊งก์ก็WOW #ดริ๊งก์กับพี่ธีร์น้องพีร์

The post ถอดประสบการณ์การดื่มน้ำที่ WOW ยิ่งกว่าเดิม ผ่านแคมเปญ ‘Coway WOW’ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ดู ดม ดื่ม’ ค้นหาคาแรกเตอร์ไวน์เพื่อให้การดื่มไวน์ของคุณ ‘ดื่มด่ำ’ ยิ่งขึ้นไปกับ Wine Tasting โดย Jacob’s Creek [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/wine-tasting-jacobs-creek/ Thu, 15 Feb 2024 11:00:18 +0000 https://thestandard.co/?p=900146

ถึงงาน The Urban Feast x Jacob’s Creek ที่จัดโดย Jacob’ […]

The post ‘ดู ดม ดื่ม’ ค้นหาคาแรกเตอร์ไวน์เพื่อให้การดื่มไวน์ของคุณ ‘ดื่มด่ำ’ ยิ่งขึ้นไปกับ Wine Tasting โดย Jacob’s Creek [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถึงงาน The Urban Feast x Jacob’s Creek ที่จัดโดย Jacob’s Creek แบรนด์ไวน์ชื่อดังจากออสเตรเลีย จะปิดฉากความชิคไปเป็นที่เรียบร้อย แต่มีกิจกรรมสุดพิเศษที่ THE STANDARD POP ได้มีโอกาสเข้าร่วมจนอยากมาแชร์ความประทับใจ นั่นก็คือเวิร์กช็อป Wine Tasting ที่แบรนด์จัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อคนรักไวน์ พร้อมเชิญแขกคนพิเศษ มิกซ์-สุเมธ อุดมกิจ หรือที่รู้จักกันในนาม DjMig YesWinedo อินฟลูเอ็นเซอร์ผู้หลงใหลไวน์ มาให้ความรู้เรื่องไวน์ตั้งแต่การ ‘ดู’ พินิจพิจารณาสีของไวน์ แล้วจึงค่อย ‘ดมกลิ่น’ เพื่อสัมผัสกับคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นของไวน์ตัวนั้นๆ ก่อนจะ ‘ชิม’ เพื่อสัมผัสรสชาติที่แท้จริง

 

 

 

ด้วยความที่ไวน์มีคาแรกเตอร์ของรสชาติที่ต่างกัน และความต่างนั้นยังสะท้อนไปถึงคาแรกเตอร์ของแหล่งผลิต เพราะต่อให้มีต้นกำเนิดมาจากสายพันธุ์เดียวกัน เมื่อปลูกต่างถิ่นก็ให้รสชาติที่ต่างไป กลายเป็นเสน่ห์ที่คอไวน์หลงใหลเพราะได้สนุกไปกับการค้นหาความหลากหลายของคาแรกเตอร์นั่นเอง 

 

 

เวิร์กช็อป Wine Tasting ครั้งนี้ Jacob’s Creek พาเราออกเดินทางค้นหาคาแรกเตอร์ของไวน์ 5 ตัว 

 

เริ่มต้นทักทายคอไวน์ได้อย่างน่าประทับใจด้วย ‘Sparkling Moscato Rose’ ไวน์โรเซบอดี้เบา ทำมาจากองุ่นสายพันธุ์ Moscato เอกลักษณ์ของกลิ่นชวนให้นึกถึงความหอมสดชื่นของสตรอว์เบอร์รี พีช และเมลอน ส่วนรสชาติหวานนำ เปรี้ยวกลางๆ ดื่มง่าย เข้าถึงได้ทุกเพศ ลงตัวกับโมเมนต์ความสนุกของงานปาร์ตี้ 

 

 

สำหรับคอไวน์ที่ชอบบอดี้ที่เต็มขึ้นกว่าตัวแรกหน่อย และแอซิดิตี้สูงอีกนิด ต้อง ‘Classic Chardonnay Australia 2022’ ไวน์ขาวจากราชินีแห่งองุ่นขาว Chardonnay ที่มองด้วยตาจะเห็นถึงโทนสีเหลืองอ่อนๆ แค่มองก็รู้สึกสดชื่น กลิ่นซิตรัสเด่น ส่วนกลิ่นของผลไม้เมล็ดแข็งติดมาหน่อยๆ มีความดรายและรสเปรี้ยวปานกลาง เหมาจะเป็น Everyday Wine ที่ดื่มได้ทุกวัน 

 

 

 

 

‘Reserve Cabernet Sauvignon 2020 (South Australia)’ เป็นอีกตัวที่ต้องถูกใจคอไวน์ที่ชอบองุ่นแดงฟูลบอดี้ แทนนินและแอซิดิตี้ปานกลาง ความซับซ้อนของคาแรกเตอร์ที่ให้ความฝาดกว่า 4 ตัวแรกมาจากการบ่มองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon ในถังโอ๊กนาน 18 เดือน เอกลักษณ์ของกลิ่นผลไม้โทนเปลือกดำเด่น แต่ยังให้กลิ่นของวานิลลาติดมาหน่อย งานสังสรรค์ที่เสิร์ฟเมนูจานเนื้อนี่คือองค์ประกอบที่ควรจะอยู่เคียงข้าง

 

 

ปิดท้ายด้วย ‘Double Barrel Cabernet Sauvignon 2020’ เสน่ห์ของตัวนี้โดดเด่นตั้งแต่แหล่งเพาะปลูกองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon จากบารอสซา พื้นที่ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย ถือเป็นแห่งที่โด่งดังแห่งหนึ่งเพราะได้อิทธิพลของน้ำทะเลและความอบอุ่นจากแสงแดด เมื่อนำมาบ่มในถังไอริชวิสกี้เผาไฟแบบดั้งเดิมเพื่อให้แทนนินมีความนุ่มนวล เผยคาแรกเตอร์ที่หอมอบอวลของวานิลลาและเครื่องเทศ แต่ได้รสชาติที่หนักแน่น เข้มข้น และสัมผัสของผลไม้ที่สุกงอม สัมผัสได้ถึงความบาลานซ์ระหว่างรสเปรี้ยวกับกลิ่นโอ๊ก เป็นการปิดจบเวิร์กช็อป Wine Tasting ที่สร้างโมเมนต์สุดดื่มด่ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ   

 

 

คำถามที่ได้ยินเสมอเวลาเข้าร่วม Wine Tasting คือ ‘ไวน์ที่ดีเป็นแบบไหน’ DjMig YesWinedo บอกว่า “ไวน์ที่ดีคือไวน์ที่ถูกปากและเรารู้สึกเอ็นจอย ทำให้คุณดื่มด่ำไปกับโมเมนต์นั้นอย่างมีความสุข นั่นคือไวน์ที่ดีสำหรับคุณ” 

 

นี่คงเป็นคำตอบที่น่าจะทำให้คอไวน์มือใหม่เปิดใจและอยากเข้าไปสัมผัสโลกของไวน์มากขึ้น

 

สำหรับใครที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ทางรสชาติเช่นนี้ ติดตามกิจกรรมดีๆ จาก Jacob’s Creek ได้ทาง www.facebook.com/Jacobscreekth/ 

The post ‘ดู ดม ดื่ม’ ค้นหาคาแรกเตอร์ไวน์เพื่อให้การดื่มไวน์ของคุณ ‘ดื่มด่ำ’ ยิ่งขึ้นไปกับ Wine Tasting โดย Jacob’s Creek [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>