Art & Design – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 23 Jan 2025 07:15:25 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 teamLab Planets TOKYO เตรียมขยายพิพิธภัณฑ์ ด้วยการเพิ่มพื้นที่แสดงงานศิลปะดิจิทัลใหม่ 3 โซน https://thestandard.co/teamlab-planets-tokyo-expanded/ Wed, 22 Jan 2025 10:57:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1033201

teamLab Planets TOKYO พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลที่จัดแสดงม […]

The post teamLab Planets TOKYO เตรียมขยายพิพิธภัณฑ์ ด้วยการเพิ่มพื้นที่แสดงงานศิลปะดิจิทัลใหม่ 3 โซน appeared first on THE STANDARD.

]]>

teamLab Planets TOKYO พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลที่จัดแสดงมาเป็นเวลาหลายปีโดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้เข้าชมทั่วโลก เตรียมขยายพิพิธภัณฑ์ซึ่งจะยังคงคอนเซปต์การแสดงงานแบบ Immersive Art หรือศิลปะที่ผู้เข้าชมได้รับประสบการณ์ดำดิ่งอย่างลึกซึ้งภายใต้ดีไซน์พิพิธภัณฑ์ที่ผสมผสานศิลปะ การศึกษา และการมีปฏิสัมพันธ์เชิงกายภาพเข้าด้วยกัน โดยพิพิธภัณฑ์จะมีการเพิ่มพื้นที่ขึ้น 1.5 เท่า ด้วยพื้นที่แสดงงานใหม่ทั้งหมด 3 โซน และแต่ละโซนก็จะจัดแสดงงานศิลปะแบบ Interactive Art Installations ที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยมากกว่า 10 อย่าง

 

โซนแรกมีชื่อว่า Athletic Forest อันเป็นพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์และเต็มไปด้วยไดนามิกที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ผู้เข้าชมได้รับรู้และมองโลกรอบตัวผ่านมูฟเมนต์และการมีปฏิสัมพันธ์ทางกายภาพ โดยงานศิลปะ Installation ที่จัดแสดงในโซนนี้มีทั้ง Rapidly Rotating Bouncing Spheres และ Aerial Climbing ไปจนถึง Flock of Colored Birds ซึ่งผู้เข้าชมงานจะได้สำรวจพื้นที่หลายมิติที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความตระหนักรู้และความครีเอทีฟสำหรับคนดู

 

โซนถัดมาใช้ชื่อว่า Catching and Collecting Extinct Forest ที่นำเสนอประสบการณ์การเรียนรู้ตามแบบเฉพาะของทาง teamLab Planets TOKYO เพราะผู้เข้าชมจะได้ใช้แอปพลิเคชันจากโทรศัพท์ในการตามหาและเก็บสะสมสัตว์สูญพันธุ์ในเวอร์ชันดิจิทัล นับเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับการสำรวจ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพและการสูญพันธุ์ด้วย

 

พื้นที่สุดท้าย Future Park จะเน้นการทำงานร่วมกันของผู้เข้าชมเป็นหลัก โดยเหล่าผู้เสพศิลป์จะต้องร่วมมือกันสร้างอาร์ตเวิร์กที่มีชีวิต อย่างกิจกรรม Sketch Umwelt World ที่ภาพวาดจะกลายเป็นแอนิเมชัน 3 มิติ หรือ Table Where Little People Live ที่สิ่งของในชีวิตจริงจะมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครแอนิเมชันในโลกแห่งดิจิทัล นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมพิเศษอย่าง Sketch Factory ที่ผู้เข้าชมสามารถเก็บอาร์ตเวิร์กของตัวเองเป็นที่ระลึกอย่างเสื้อยืด กระเป๋าโท้ต หรือเปเปอร์คราฟต์ได้

 

สำหรับพื้นที่โซนด้านนอกจะมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ด้วยเช่นกัน โดยพิพิธภัณฑ์ teamLab Planets TOKYO ตั้งอยู่ที่โทโยสุ กรุงโตเกียว ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปจองตั๋วเพื่อชมพิพิธภัณฑ์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ผ่านทางเว็บไซต์ของ teamLab ได้แล้ววันนี้

 

ภาพ: teamLab

อ้างอิง: 

The post teamLab Planets TOKYO เตรียมขยายพิพิธภัณฑ์ ด้วยการเพิ่มพื้นที่แสดงงานศิลปะดิจิทัลใหม่ 3 โซน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Khao Yai Art Forest แลนด์มาร์กศิลปะใหม่กลางธรรมชาติ โดย มาริษา เจียรวนนท์ https://thestandard.co/life/khao-yai-art-forest-by-marisa Wed, 22 Jan 2025 09:11:16 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1033140

ในบทสัมภาษณ์พิเศษนี้เราได้พูดคุยกับ มาริษา เจียรวนนท์ น […]

The post Khao Yai Art Forest แลนด์มาร์กศิลปะใหม่กลางธรรมชาติ โดย มาริษา เจียรวนนท์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในบทสัมภาษณ์พิเศษนี้เราได้พูดคุยกับ มาริษา เจียรวนนท์ นักสะสมงานศิลปะระดับโลก และผู้ก่อตั้ง Bangkok Kunsthalle รวมถึงเป็นผู้ริเริ่มโครงการ Chef Cares ที่เพิ่งเปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ล่าสุด ‘Khao Yai Art Forest’ สถานที่ที่รวบรวมงานศิลปะกลางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์จากศิลปินชื่อดังทั่วโลก ซึ่งไม่เพียงจะเป็นจุดสนใจสำหรับคนรักศิลปะ แต่ที่นี่ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติที่งดงามของเขาใหญ่ ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมืองไทยที่สามารถดึงดูดความสนใจจากคนทั่วโลกได้

 

บทสนทนาครั้งนี้จะพาเราไปสำรวจเบื้องหลังแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ Khao Yai Art Forest ที่ผสานความหลงใหลในธรรมชาติ, ศิลปะ, อาหาร และนวัตกรรม เข้าด้วยกัน สำหรับเราแล้ว Khao Yai Art Forest จึงไม่ใช่แค่พื้นที่แสดงผลงานศิลปะ แต่ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติและศิลปะในรูปแบบใหม่ๆ และไม่ใช่สำหรับคนที่สนใจงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังต้อนรับทุกคนที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนจิตใจโดยใช้ธรรมชาติบำบัดได้เป็นอย่างดี

 

มาริษา เจียรวนนท์ 

มาริษา เจียรวนนท์ 

 

อยากทราบถึงที่มาของโปรเจกต์ ‘Khao Yai Art Forest’

 

มาริษา: Khao Yai Art Forest เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้เติมพลังงาน ตอนออกมาเดินป่า ฉันชอบสังเกตต้นไม้แต่ละต้น พวกมันดูไม่เหมือนกันเลยนะ ฉันรู้สึกได้รับพลังงานจากธรรมชาติเหล่านั้น เลยคิดว่าแล้วทำไมเราไม่สร้างอะไรสักอย่างเพื่อคนที่เรารัก คนที่เราห่วงใย หรือใครก็ตามที่มาเมืองไทย ให้เขาได้รับประสบการณ์เดียวกับเรา อีกทั้งเรายังต้องการรักษาธรรมชาติ เลยตั้งใจว่าเราไม่ใช่เอาป่าที่สวยอยู่แล้วมาทำ แต่ป่านั้นอาจจะไม่ได้สวยมาก แต่เราสามารถทำให้มันสวยขึ้นไปได้อีก

 

และด้วยความที่ตอนนี้อายุเราก็เท่านี้แล้ว มันอาจเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแล้ว ดิฉันได้ใช้ทรัพยากร ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ บวกกับประสบการณ์ที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อโครงการเดียว ดังนั้นนี่จึงเป็นการรวมแพสชันของดิฉัน ทั้งเรื่องศิลปะ, อาหาร, การศึกษา และนวัตกรรม ไว้ในโครงการนี้ 

 

ฉันอยากให้คนที่เข้ามารู้สึกดื่มด่ำไปกับธรรมชาติ อยากแชร์ธรรมชาติเหล่านี้สู่เมืองใหญ่ ทั้งการปลูกป่าและปลูกต้นไม้ เริ่มต้นจากการสร้างสายสัมพันธ์กับธรรมชาติ เราอยากให้คนที่มาสถานที่แห่งนี้ช่วยทำให้ธรรมชาติสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

 

Richard Long, Madrid Circle

Richard Long, Madrid Circle

 

แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ธรรมชาติอย่างป่าไม้ที่น่าสนใจ แต่สถานที่แห่งนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องศิลปะ เราคาดหวังว่าจะได้เจออะไรที่นี่บ้าง 

 

มาริษา: ปัจจุบันศิลปะเป็นเรื่องกว้างขวางมาก สมัยนี้ศิลปะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภาพวาด ประติมากรรม หรือการจัดวาง (Installation) อีกต่อไป มันกว้างไกลกว่านั้นมาก ที่นี่เรามีศิลปะบนพื้นดิน (Land Art) ซึ่งศิลปินเจ๋งๆ จากหลากหลายประเทศได้ทำศิลปะบนพื้นดินที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

 

แต่ดิฉันอยากสร้างศิลปะบนพื้นดิน 2.0 หมายความว่า เราสร้างสรรค์งานศิลปะโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นดิน, น้ำ, ไม้ หรือหิน ด้วยเทคนิคใหม่ๆ เน้นหลักการแบบยั่งยืน เราใช้เทคนิคเชิงนวัตกรรม โดยร่วมมือกับบริษัทสร้างระบบกรองน้ำจากอากาศ ซึ่งเราน่าจะเป็นที่แรกในเมืองไทยที่ใช้ระบบนี้ 

 

 

ดิฉันอยากให้คนที่มาดูผลงานได้สัมผัส เห็น คิด และสะท้อนมุมมองส่วนตัว ตลอดจนไตร่ตรองว่าทำไมศิลปินจึงสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้น หรือทำไมศิลปินจึงตัดสินใจออกแบบผลงานให้ที่นี่โดยเฉพาะ และทำไมถึงจัดวางงานไว้บนพื้นที่ส่วนนี้ ดิฉันอยากชวนให้คิดว่า ผลงานศิลปะดังกล่าวมีความหมายว่าอย่างไร สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบใด เพราะศิลปินได้ผ่านกระบวนการคิดอย่างถี่ถ้วนในการเลือกพื้นที่แสดงงาน 

 

ตั้งแต่ทางเข้าจะมีอุโมงค์ให้ทุกคนเดินผ่าน เพราะต้องการให้คนที่มารู้สึกว่าเมื่อเข้ามาในอุโมงค์ พวกเขาจะละทิ้งความเครียดและความกังวลจากการใช้ชีวิตในเมือง เปิดใจรับธรรมชาติในมุมมองใหม่ เชื่อมต่อกับธรรมชาติ และเรียนรู้จากสิ่งที่ธรรมชาติสอนเรา ฉันต้องการให้ผู้คนได้สัมผัสกับประสบการณ์ในการกลับคืนสู่ธรรมชาติและเรียนรู้จากมัน โดยหวังว่าผู้คนจะไม่รีบเร่งและใช้เวลาในการทบทวนและเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ฉันต้องการให้ผู้คนเปิดรับสิ่งที่จะเห็นจากที่นี่ ปล่อยวางความกังวลและความรับผิดชอบทั้งหมด

 

Fujiko Nakaya, Khao Yai Fog Forest 

Fujiko Nakaya, Khao Yai Fog Forest 

 

เห็นว่าที่นี่มีงานจากศิลปินระดับโลกมากมาย มีชิ้นไหนที่ถือเป็นไฮไลต์บ้างไหม 

 

มาริษา: เริ่มจากงานของ ฟูจิโกะ นากายะ ศิลปินชาวญี่ปุ่นวัย 90 ปีที่มีชื่อเสียงมากและกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ผลงานของเธอแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Guggenheim Bilbao ในประเทศสเปน แต่เราไม่สามารถนำภาพเขียนของเธอมาได้ เพราะไม่เหมาะสำหรับกลางแจ้ง เราจึงใช้สื่อศิลปะชนิดอื่นที่ใช้วัสดุธรรมชาติ ผลงานของเธอเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่การวาดภาพหรือประติมากรรมเท่านั้น แต่เธอใช้สิ่งอื่นๆ เช่น น้ำหรือหมอก มาเป็นงานประติมากรรมด้วย 

 

นอกจากนี้พวกเรายังได้ร่วมงานกับสถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ อัตสึชิ คิตางาวาระ ที่มีชื่อเสียงมาก เขาสร้างเนินภูเขาและภูมิทัศน์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นการร่วมงานกับศิลปินและสถาปนิก เพื่อทำให้หมอกอยู่ได้นานขึ้น ในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของหมอกอย่างละเอียด และใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของหมอกที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของงาน 

 

ต่อมาคือ ฟรานเชสโก อารีนา (Francesco Arena) ศิลปินชาวอิตาลีผู้สร้างผู้พิทักษ์ (GOD) ฉันดีใจมากที่เขามาร่วมงาน เขาตั้งใจทำงานกับหินตั้งแต่แรก โดยใช้เวลาหลายวันในการคัดเลือกหินที่ถูกใจที่สุด สุดท้ายเขาเจอหินสองก้อนนำมาตัดแบ่ง ฐานด้านล่างทำจากไม้โอ๊ก หินด้านบนแกะสลักเป็นตัวอักษร O ส่วนด้านล่างแกะสลักเป็นตัวอักษร G&D ชิ้นส่วนทั้งสองถูกติดตั้งในเวลาที่ต่างกัน ฐานด้านล่างติดตั้งในเวลากลางวัน ส่วนชิ้นบนถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกันในช่วงเที่ยงคืน

 

Francesco Arena, GOD

Francesco Arena, GOD

 

ผลงานชิ้นนี้ศิลปินตั้งใจสื่อถึง ‘พระเจ้า’ ที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางคืน ซึ่งเป็นการสื่อถึงพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ

 

ไม่ใช่พระเจ้าตามความเชื่อของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนโหยหา เป็นพลังที่คอยปกปักรักษาและคุ้มครองผืนดินแห่งนี้ 

 

ชิ้นที่ 3 เป็นผลงานศิลปะชื่อ ‘Maman’ (มามอง) สร้างสรรค์โดยศิลปินผู้ล่วงลับ หลุยส์ บูร์ชัวส์ ศิลปินชาวฝรั่งเศส-อเมริกัน ฉันคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในศิลปินที่สำคัญที่สุดในศิลปะร่วมสมัย ผลงาน Maman มีทั้งหมด 7 ชุด ชิ้นแรกสร้างขึ้นจากสเตนเลส มีลักษณะเหมือนแมงมุมยักษ์ ซึ่งได้รับการว่าจ้างโดย Tate Modern หลังจากนั้นเธอได้ใช้แม่พิมพ์เดียวกันในการสร้าง Maman เวอร์ชันทองเหลือง ซึ่งเป็นรุ่นที่ 6 ผลงาน Maman ทุกชิ้นถูกสะสมโดยสถาบันศิลปะชั้นนำ เช่น Mori Art Museum ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หรือ The National Gallery of Canada ประเทศแคนาดา ได้เดินทางไปจัดแสดงทั่วโลก และถูกยืมไปจัดในพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่มากมาย

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ Maman เดินทางมาจัดแสดงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ามกลางธรรมชาติอันแท้จริง และเป็นการจัดแสดงกลางแจ้งด้วย คำถามต่อมาคือ เราจะวาง Maman ไว้ตรงไหนจึงจะเหมาะสมและสะท้อนถึงความเป็นไทยมากที่สุด? 

 

สถานที่จัดแสดงจึงมีความสำคัญ เพราะ Maman ไม่ได้เหมาะกับทุกพื้นที่ ทำให้เราต้องคิดถึงองค์ประกอบที่สื่อถึงความเป็นไทย ซึ่งฉันทำงานกับโครงการ Chef Cares และสนใจเรื่องอาหาร หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของอาหารไทยและภูมิปัญญาไทยคือข้าว เราจึงตัดสินใจสร้างนาข้าว ให้ Maman อยู่ท่ามกลางนาข้าว ฉันคิดว่ามันเป็นคอนเซปต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก นิทรรศการศิลปะครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนมากมาย มีหลายคนยอมเดินทางจากทั่วโลกเพื่อมาชมสิ่งนี้โดยเฉพาะ 

 

Louise Bourgeois’s Maman (1999) 

Louise Bourgeois’s Maman (1999) 

 

อีกหนึ่งไฮไลต์คืองานของ Elmgreen & Dragset คู่หูศิลปินชาวสแกนดิเนเวียที่เคยสร้าง Prada Marfa ร้านป๊อปอัพท่ามกลางความว่างเปล่าของทะเลทรายในมาร์ฟา รัฐเท็กซัส การที่เขาสร้างร้าน Prada ปลอมๆ ฉันคิดว่ามันเหมือนการเสียดสีลัทธิบริโภคนิยม เพราะพวกเขาตั้งไว้ใจกลางสิ่งที่ไม่มีอะไรเลย ในช่วงเวลานั้นผู้คนขับรถหลายชั่วโมงเพื่อไปดูสิ่งนี้ จนถึงตอนนี้ผ่านไป 17 ปี ไมเคิลบอกว่ายังมีคนไปที่นั่นอยู่เลย เขาบอกว่าอยากจะสร้างบาร์แบบที่อยู่ในเมืองของเยอรมนี และจะเรียกบาร์แห่งนั้นว่า Martin Kippenberger

 

มาร์ติน คิปเพนเบอร์เกอร์ เป็นศิลปินชาวเยอรมัน เขาเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาอยากสร้างบาร์โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก Martin Kippenberger และคนสามารถมองเห็นบาร์จากภายนอกเท่านั้น ที่นี่จะเปิดให้บริการเป็นบาร์จริงๆ เดือนละครั้งตั้งแต่บ่ายถึงดึก มีเพียง 6 ที่นั่ง และมีการแสดงเดือนละครั้ง ทำให้เราต้องจ้างบาร์เทนเดอร์จริงๆ มาไว้ที่นี่ด้วย โดยตัวบาร์จะซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ เพราะอยากให้คนที่มาได้ดื่มและพักผ่อนจริงๆ

 

Elmgreen & Dragset, K-BAR Elmgreen & Dragset, K-BAR

Elmgreen & Dragset, K-BAR

 

นอกจากนั้นยังมีงานจาก อาร์ต-อารยา อินทรา (Araya Rasdjarmrearnsook) ศิลปินที่มีความสามารถ เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะสมัยใหม่ ผลงานของเธอชื่อว่า ‘Two Planets Series’

 

สิ่งที่เธอทำคือแสดงงานศิลปะชิ้นนี้ในป่าร่วมกับชาวนา ชาวนาจะรวมตัวกันในป่าใกล้ทุ่งนาเพื่อชมผลงานศิลปะ เช่น ผลงานของมาเนต์ ซึ่งพวกเขาไม่เคยเห็นผลงานศิลปะมาก่อน จึงเกิดเป็นบทสนทนาและการแสดงความคิดเห็นถึงศิลปะอย่างตรงไปตรงมา เป็นงานที่สวยงามมาก 

 

Araya Rasdjarmrearnsook, Two Planets Series

Araya Rasdjarmrearnsook, Two Planets Series

 

นอกจากงานศิลปะแล้ว ยังมีเรื่องของอาหารด้วย คุณบอกว่าอาหารเป็นองค์ประกอบสำคัญของที่นี่ใช่ไหม

 

มาริษา: ใช่ค่ะ ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมักมีร้านอาหารที่ดี ร้านอาหารเล็กๆ แต่อร่อย ดิฉันอยากให้คนที่มาที่นี่ได้ประสบการณ์ที่ดีทั้งเรื่องศิลปะและอาหาร เพราะจุดประสงค์คืออยากให้คนที่มาตกหลุมรักประเทศไทย ตกหลุมรักในสิ่งที่ดินแดนแห่งนี้จะมอบให้ อาหารดีๆ เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่สำคัญมากของเรา ดังนั้นอาหารจึงมีความสำคัญมาก ตอนนี้เรากำลังปลูกข้าว ในอนาคตจะปลูกผัก, สมุนไพร, ผลไม้ และพืชบางชนิดที่กำลังจะหายไป นี่เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากโครงการ Chef Cares ที่ดิฉันดูแลอยู่ด้วย 

 

Ubatsat, Pilgrimage to Eternity

Ubatsat, Pilgrimage to Eternity

 

มองภาพอนาคตของ Khao Yai Art Forest ในอีก 5 ปีข้างหน้าไว้อย่างไรบ้าง

 

มาริษา: ดิฉันอยากให้คนทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมชมและสัมผัสกับความงามของประเทศไทย เหมือนนาโอชิมะ สถานที่ที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่น ดังนั้นเราจึงต้องทำงานร่วมกับศิลปิน สถาปนิกไทย และสถาปนิกต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สถานที่แห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจให้คนแวะเวียนมาสัมผัสกับวัฒนธรรมไทยและรู้จักกับคนไทย ไม่ใช่แค่เรื่องศิลปะหรืออาหารเท่านั้น แต่ดิฉันอยากให้คนได้ใช้เวลาและทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมไทยของเรา เมื่อพวกเขาออกจากสถานที่แห่งนี้ พวกเขาจะได้ประทับใจเมืองไทย ซึ่งความประทับใจนี้จะติดตัวพวกเขาไปตลอดชีวิต

 

ภาพ: Khao Yai Art Forest 

The post Khao Yai Art Forest แลนด์มาร์กศิลปะใหม่กลางธรรมชาติ โดย มาริษา เจียรวนนท์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คุยกับ Shuyin Yang ผู้อำนวยการ ART SG งานแสดงศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ https://thestandard.co/shuyin-yang-art-sg/ Sat, 04 Jan 2025 02:52:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1026952 Shuyin Yang

หากให้พูดถึงงานนิทรรศการศิลปะที่โดดเด่นมากๆ ในยุคหลังนี […]

The post คุยกับ Shuyin Yang ผู้อำนวยการ ART SG งานแสดงศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Shuyin Yang

หากให้พูดถึงงานนิทรรศการศิลปะที่โดดเด่นมากๆ ในยุคหลังนี้ก็คงหนีไม่พ้นชื่อของ ART SG งานแสดงศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตอนนี้เดินทางมาถึงปีที่ 3 แล้ว โดยนิทรรศการนี้เปิดโอกาสให้ศิลปินและผลงานต่างๆ จากวงการศิลปะได้เฉิดฉายและเติบโตขึ้นในสายตาของผู้คนทั่วโลกที่มีความรักให้กับ Art Industry 

 

และล่าสุด THE STANDARD POP มีโอกาสพูดคุยกับ Shuyin Yang เจ้าของและผู้อำนวยการ ART SG ในระหว่างที่เธอมาเยือนกรุงเทพฯ ซึ่งเราก็ได้พูดคุยกับเธอเกี่ยวกับการเติบโตของ ART SG รวมถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโลกแห่งศิลปะที่กำลังชื่นชอบอยู่ ส่วนมุมมองของเธอจะเป็นอย่างไรนั้น ลองอ่านบทสัมภาษณ์นี้กันได้เลย

 

 

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา งาน Art SG ขยายตัวอย่างไรบ้าง

 

Shuyin Yang: ฉันคิดว่าสิ่งที่เราได้เห็นจริงๆ คือการสร้างภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมและระบบนิเวศโดยรอบๆ งานเปิดตัว ART SG ครั้งแรกของเราจัดขึ้นหลังจากการระบาดของโรคโควิด และถือเป็นงานแสดงศิลปะระดับใหญ่ครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรอบหลายปี โดยนำแกลเลอรีชั้นนำระดับนานาชาติ เช่น Gagosian, Lehman และ Moppen เข้ามาด้วย ซึ่งแม้ว่างานในสองปีแรกจะประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในแง่ของจำนวนผู้เยี่ยมชมและความสำเร็จทางการค้า แต่สิ่งที่มีความหมายมากที่สุดสำหรับเราก็คือ ได้เห็นการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานด้านศิลปะภาพ รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ในแวดวงนักสะสม ภัณฑารักษ์ ศิลปิน และแกลเลอรีที่สร้างมิตรภาพกับเครือข่ายอย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในภูมิภาค 

 

แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งขององค์ประกอบจากมนุษย์ด้วยกันนี่แหละ มันไม่ใช่แค่เพียงมาจากแพลตฟอร์มงานแสดงศิลปะเท่านั้น ฉันคิดว่าเมื่อเราก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 และเห็นความสำเร็จของสิ่งที่เราทำในสัปดาห์นี้ที่กรุงเทพฯ ผ่านความร่วมมือของเรากับกรุงเทพฯ เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดงาน Bangkok Art Biennale ฉันคิดว่าเรากำลังเห็นบทบาทใหม่ของศักยภาพในอนาคตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 สิ่งที่เราต้องการเน้นย้ำจริงๆ ก็คือความร่วมมือในระดับภูมิภาคและวัฒนธรรม 

 

ปีนี้เรากำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรทางวัฒนธรรม 3 ราย รายแรกคือ Bangkok Kunsthalle ซึ่งเป็นของ มาริษา เจียรวนนท์ และผู้กำกับ Stefano Rabolli Pansera ที่จะดูแลโปรแกรมภาพยนตร์ของเราที่ ArtScience Museum เพราะอย่างที่คุณทราบ Bangkok Kunsthalle นั้นมีความเข้มแข็งมากในด้านภาพยนตร์และภาพเคลื่อนไหว ดังนั้นเราจึงชอบที่จะร่วมมือกับสถาบันต่างๆ ของไทย 

 

อย่างเช่น โครงการภาพยนตร์ฉบับแรกของเราได้รับการดูแลโดยคุณเจี๊ยบจาก Jim Thompson Art Center ดังนั้นเราจะทำโปรแกรม 3 ส่วน ซึ่งประกอบด้วยการสนทนา 3 พาร์ตในสิงคโปร์ และพันธมิตรรายสุดท้ายของเราคือ M Art Foundation ซึ่งเป็นของนักสะสมชาวจีน 2 คน แต่มูลนิธิตั้งอยู่ในสิงคโปร์ พร้อมกับหนึ่งในผู้ก่อตั้งร่วม ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ปรึกษาของเรา 

 

พวกเขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งในการตอบแทนภูมิทัศน์แห่งศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นผ่านการกุศล เช่น การสนับสนุนนิทรรศการ, การร่วมจัดนิทรรศการ Biennale, การจัดแสดงนิทรรศการของภัณฑารักษ์ หรือการเผยแพร่ผลงาน พวกเราคิดว่าการร่วมมือกับสถาบันใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการสร้างพิพิธภัณฑ์นั้นมีความหมายมาก

 

หากคุณต้องการเชื่อมต่อกับทั้งภูมิภาค แต่ยังต้องการเห็นแนวโน้มใหม่ๆ พัฒนาการใหม่ๆ หรือพบปะผู้คน ค้นหาว่าใครทำอะไรอยู่ และถ้าหากคุณต้องการสร้างเครือข่าย ร่วมมือ หรือเพียงแค่เฉลิมฉลอง นี่คือเวลาที่ควรทำ เดือนมกราคมคือเวลาที่ดีที่จะทำเช่นนั้น เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของปี

 

 

ART SG 2024 เป็นการร่วมมือกับแกลเลอรีและศิลปินไทย เช่น กรกฤต อรุณานนท์ชัย, Alex Face, BANGKOK CITYCITY และอื่นๆ อีกมากมาย ปฏิกิริยาของผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะกับศิลปินไทย

 

Shuyin Yang: พวกเขาชอบดูผลงานทางวัฒนธรรมจากประเทศไทย ฉันคิดว่าประเทศไทยคือประเทศแห่งศิลปะที่แท้จริงในตอนนี้ คุณคงทราบดีว่าปี 2010-2015 อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มีความแข็งแกร่งมากในการผลิตทางวัฒนธรรม การสร้างพื้นที่ส่วนตัว และการริเริ่มส่วนตัว เราเป็นพันธมิตรอย่างใกล้ชิดกับ Museum MACAN ในกรุงจาการ์ตา และ Ayala Museum ในกรุงมะนิลา 

 

ฉันคิดว่าประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นมาเป็นของตัวเองในแง่ของการสร้างสถานที่ในภูมิทัศน์ศิลปะร่วมสมัยระดับโลก ประเทศไทยสร้างงาน Biennale ระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงมีผู้สนใจแกลเลอรีของไทยในสิงคโปร์เป็นจำนวนมาก และในปีต่อๆ ไปนี้ BANGKOK CITYCITY และ Warin Lab จะกลับมาที่งานอีกครั้ง และ 333Gallery ก็จะมาเข้าร่วมเป็นครั้งแรกด้วย

 

 

ผลงานใดหรือศิลปินคนไหนที่ดึงดูดความสนใจของคุณมากที่สุดในขณะนี้

 

Shuyin Yang: สิ่งที่ฉันอยากจะแบ่งปันจริงๆ ก็คือผลงานของศิลปิน Mandy El-Sayegh สำหรับฉันแล้ว ศิลปินในต่างแดนนั้นน่าสนใจมาก เธอเกิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มีผลงานในต่างประเทศ ดังนั้น Mandy El-Sayegh จึงเป็นตัวแทนของ Lehmann Maupin เธอวาดภาพที่สวยงามเหล่านี้ ซึ่งบางภาพเป็นภาพนามธรรม บางภาพใช้กราฟฟิตี้และองค์ประกอบบนท้องถนน เธอมีพื้นฐานเวิร์กช็อปที่เข้มงวด แถมเกิดในมาเลเซีย ตอนนี้เธออาศัยอยู่ในอังกฤษ แกลเลอรีของเธอจะเดินทางไปยังสิงคโปร์เพื่อโชว์ศิลปะเดี่ยว และเราต้องการนำเสนอสิ่งนี้มากๆ

 

เพราะเราคิดว่าการแสดงวัฒนธรรมจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปทั่วโลกนั้นมีความหมายมาก เช่นเดียวกับศิลปินคนอื่นๆ ที่ฉันตื่นเต้นมาก อย่าง กรกฤต อรุณานนท์ชัย ก็มีผลงานอันสวยงามจัดไว้ที่ Bangkok Kunsthalle และนั่นทำให้ผู้สะสมมีความเข้าใจในแนวทางการทำงานของเขาที่แตกต่างออกไป 

 

ฉันจึงตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไรในเดือนมกราคม เนื่องจากเขามีช่วงเวลาสำคัญมากในปีนี้ ฉันยังชอบดูงานศิลปะที่เน้นด้านเทคโนโลยีด้วย เพราะฉันคิดว่ามันร่วมสมัยมากและมีความเกี่ยวข้องมากในช่วงเวลาปัจจุบัน ดังนั้นเราเลยจะจัดแสดงงานศิลปะที่ชวนให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศและงานศิลปะที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ด้วย

 

 

Bangkok Kunsthalle ร่วมมือกับ ART SG 2025 อะไรทำให้ความร่วมมือครั้งนี้มีความพิเศษ

 

Shuyin Yang: สิ่งที่เราพยายามทำเสมอมาคือ เรารู้สึกว่าแนวทางของเรานั้นพิเศษมาก ทั้งทำกับพื้นที่ส่วนตัว สิ่งของที่สร้างสรรค์โดยนักสะสม ในฐานะของงานแสดงศิลปะ เราทำงานร่วมกับแกลเลอรีที่ทำงานร่วมกับนักสะสม คุณคงทราบดีอยู่แล้วว่ามีการอุปถัมภ์จากนักสะสมไปจนถึงศิลปิน และในขณะที่เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับพิพิธภัณฑ์ของรัฐของสิงคโปร์ หอศิลป์แห่งชาติของสิงคโปร์ และพิพิธภัณฑ์ศิลปะสิงคโปร์ แนวทางของเรานั้นมุ่งเน้นไปที่สิ่งของที่นักสะสมสร้างสรรค์ขึ้น 

 

ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องการเน้นย้ำถึงโปรแกรมของ Bangkok Kunsthalle เพราะพวกเขามีรูปแบบที่น่าสนใจมาก โดยพวกเขาต้องการพัฒนาพื้นที่ของตนผ่านโปรแกรม Installation งานศิลปะที่ได้รับมอบหมาย แทนที่จะปรับปรุงพื้นที่เพียงอย่างเดียว 

 

ในการสนทนากับ Stefano Rabolli Pansera ผู้อำนวยการ โดยพื้นฐานแล้วพิพิธภัณฑ์สหประชาชาติคือรูปแบบใหม่ของสถาบันและการสร้างสถาบัน ซึ่งเราต้องการร่วมมือกับพวกเขา เพราะมันช่วยให้นักสะสมและผู้ชมของเราได้คิดเกี่ยวกับศิลปะในมุมมองใหม่ๆ คุณคงทราบดีอยู่แล้วว่าศิลปะไม่ใช่ระบบที่ถูกกำหนดขึ้นแล้ว ขณะนี้เรามีพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และงานแสดงศิลปะ ซึ่งดูเหมือนว่ารูปแบบจะกำหนดไว้แล้ว แต่จริงๆ แล้วคุณสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ 

 

และเนื่องจากงานเหล่านี้มีลักษณะของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เราจึงคิดว่าน่าสนใจมาก เราจึงอยากร่วมมือกับพวกเขาด้วย นั่นคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ แม้ว่างานแสดงศิลปะจะเป็นรูปแบบดั้งเดิมมากกว่าก็ตาม แต่ในแง่ของการเติบโตของภูมิทัศน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิ่งที่เราทำและโปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานแสดงศิลปะล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ 

 

 

ในฐานะผู้ทำงานในอุตสาหกรรมศิลปะ คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับวงการศิลปะในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน

 

Shuyin Yang: ฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ หลายประเทศมีภูมิทัศน์ศิลปะในประเทศและบางครั้งก็เกิดขึ้นแบบแยกส่วนด้วย ไม่ใช่เรื่องเฉพาะของประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิดขึ้นในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และบทบาทของเราในฐานะสิงคโปร์ สิงคโปร์เป็นเมืองศูนย์กลาง ในความเป็นจริงสิงคโปร์ไม่ใช่ประเทศที่มีการผลิตทางวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นเพราะเราเป็นศูนย์กลาง 

 

เรามีแกลเลอรีทั้งที่เป็นของคนในท้องถิ่นและของต่างชาติในสิงคโปร์ เนื่องจากสิงคโปร์ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างแข็งขันในด้านศิลปะและวัฒนธรรม เรามีพิพิธภัณฑ์ศิลปะภาพและพิพิธภัณฑ์ศิลปะภาพที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงเป็นรากฐานที่ดีมากสำหรับเราในการรวบรวมผู้คนจากภูมิภาคนี้เข้าด้วยกันและเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกัน เพื่อให้แต่ละประเทศสามารถหลุดพ้นจากการแยกส่วนของตนเองและได้รับการประชาสัมพันธ์ในวงกว้างขึ้น 

 

ฉันคิดว่าแน่นอนว่าจะต้องมีฉากในประเทศที่แข็งแกร่งอยู่เสมอ แต่ถ้าฉากในประเทศเชื่อมโยงกับฉากระหว่างประเทศ นั่นจะเป็นการผสมผสานที่ดีที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันจะพูดก็คือ แม้ว่าฉันจะพูดว่าสิงคโปร์มีความแข็งแกร่งมากในแง่ของการสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ถ้าคุณมองถึงการเติบโตของภาคเอกชนแล้ว ประเทศไทยก็ทำได้ดีจริงๆ และเติบโตเร็วกว่าสิงคโปร์ด้วยซ้ำ นั่นจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจและแสดงให้เห็นถึงแรงผลักดันจากภายในประเทศไทย ในการก้าวออกจากบริบทภายในประเทศและเชื่อมโยงกับภูมิทัศน์ระหว่างประเทศมากขึ้น

 

 

สุดท้ายนี้ ปี 2025 จะมีกิจกรรมไลฟ์สไตล์อะไรเพิ่มขึ้นในช่วง ART SG

 

Shuyin Yang: ฉันคิดว่าสิ่งที่เรากำลังเห็นคือโปรแกรมที่แข็งแกร่งมาก ซึ่งรวมอยู่ในงานนิทรรศการผ่านความร่วมมือของเรากับพิพิธภัณฑ์เอกชนและมูลนิธิต่างๆ ที่นำโปรแกรมต่างๆ เข้ามา เช่น ความเป็นผู้นำทางความคิด, งานเลี้ยงดินเนอร์ที่จัดโดย Institute และงานเลี้ยง After Party ซึ่งจัดโดย Institute และ Delfina Foundation แถมยังมีการปรากฏตัวของโปรแกรมของ M Art Foundation ที่จะประกาศให้ทราบเร็วๆ นี้ โดยพวกเขายังคงกำลังสรุปขั้นตอนสุดท้ายอยู่ แต่ทุกฝ่ายกำลังวางแผนที่จะมีสถานะอันแข็งแกร่ง และเตรียมจัดแสดงภายในสิงคโปร์สำหรับพื้นที่ไลฟ์สไตล์และการต้อนรับผู้คน 

 

งานนิทรรศการจะจัดขึ้นที่ Marina Bay Sands ซึ่งเป็นหนึ่งในรีสอร์ตที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง มีทั้งห้องจัดแสดงนิทรรศการที่ดีที่สุดและมีโปรแกรมศิลปะที่ยอดเยี่ยม พวกเราจะมุ่งเน้นไปที่การจัดแสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของเมืองในฐานะศูนย์กลางสำหรับศิลปะและวัฒนธรรมด้วย 

 

ภาพ: ART SG

 

The post คุยกับ Shuyin Yang ผู้อำนวยการ ART SG งานแสดงศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บ้านที่ออกแบบโดย Le Corbusier กำลังถูกขายที่ฝรั่งเศสในราคา 175 ล้านบาท https://thestandard.co/le-corbusier-pierre-jeanneret-house-for-sale/ Wed, 01 Jan 2025 07:00:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1026005

บ้านที่ได้รับการออกแบบโดย Le Corbusier ศิลปินมากความสาม […]

The post บ้านที่ออกแบบโดย Le Corbusier กำลังถูกขายที่ฝรั่งเศสในราคา 175 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>

บ้านที่ได้รับการออกแบบโดย Le Corbusier ศิลปินมากความสามารถผู้เป็นทั้งสถาปนิก, สถาปนิกผังเมือง, ดีไซเนอร์, จิตรกร และนักเขียน ร่วมกับ Pierre Jeanneret กำลังถูกวางขายในตลาดผ่านเอเจนซีอสังหาริมทรัพย์ Architecture de Collection แห่งกรุงปารีส ในราคา 4.95 ล้านยูโร หรือราว 175 ล้านบาท

 

Le Corbusier ออกแบบบ้านหลังนี้ให้กับ Oscar Miestchaninoff ศิลปินนักปั้นชาวรัสเซียที่มาทำงานและมีชื่อเสียงโด่งดังที่กรุงปารีส กับเพื่อนศิลปินของเขาอย่าง Jacques Lipchitz ทั้งสองมอบหมายหน้าที่การออกแบบบ้านให้กับ Le Corbusier หลังจากที่พบกันในงานประมูลศิลปะในปี 1921 และในที่สุดบ้านหลังนี้ก็ถูกสร้างขึ้นในปี 1925 ที่ Boulogne-Billancourt หมู่บ้านเล็กๆ ในพื้นที่ชนบทของปารีส โดยบ้านก็ออกมามีสไตล์และดีไซน์ที่พิเศษเป็นอย่างมาก

 

ด้านนอกบ้านของ Oscar Miestchaninoff เป็นอาคารสีเหลืองอบอุ่นทั้งหลัง และมีทั้งหมด 3 ชั้น ประกอบไปด้วยห้องใช้สอยมากมาย ทั้งพื้นที่รับรองแขกขนาดยักษ์ที่มีเพดานสูงเป็น 2 เท่า, ห้องครัว, ห้องนอน, ระเบียง และออฟฟิศ ซึ่งบ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในสไตล์สถาปัตยกรรมแบบ International Style อันเป็นมูฟเมนต์ในวงการสถาปัตยกรรมที่เริ่มต้นใน Western Europe ช่วงยุค 1920 โดยมูฟเมนต์นี้จะเน้นการใช้งานได้จริงเป็นหลัก รวมไปถึง Utilitarian Design ที่โปร่งโล่ง สบายตา และยังเรียบง่ายแบบมินิมัล โดยมีแมตทีเรียลอย่างกระจก เหล็ก และคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นตัวเลือก

 

ไฮไลต์ของบ้านหลังนี้คืออาคารแยกอีกหลังที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสวน โดยในอาคารนั้นมีทั้งสตูดิโอในชั้นแรก ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานประติมากรรมสำหรับ Oscar Miestchaninoff โดยเฉพาะ, ห้องนั่งเล่น, ห้องนอน, Hammam หรือโรงอาบน้ำ และห้องอาบน้ำที่ชั้นใต้ดิน ซึ่งเจ้าของบ้านคนล่าสุดยังได้ออกแบบคอลเล็กชันเฟอร์นิเจอร์คัสตอมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงแปลกตาและสัดส่วนของบ้านหลังนี้อีกด้วย

 

ภาพ: © Manuel Bougot, FLC/ADAGP 2024

อ้างอิง:

The post บ้านที่ออกแบบโดย Le Corbusier กำลังถูกขายที่ฝรั่งเศสในราคา 175 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
CHANEL เตรียมนำ A Conversation with the Sun (VR) ของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ มาจัดแสดงครั้งแรกที่กรุงเทพฯ มกราคมนี้ https://thestandard.co/chanel-a-conversation-with-the-sun-vr/ Thu, 26 Dec 2024 08:50:23 +0000 https://thestandard.co/?p=1024127 CHANEL เตรียมนำ A Conversation with the Sun (VR) ของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ มาจัดแสดงครั้งแรกที่กรุงเทพฯ มกราคมนี้

แบรนด์ CHANEL เตรียมนำโปรเจกต์นิทรรศการที่ชื่อว่า A Con […]

The post CHANEL เตรียมนำ A Conversation with the Sun (VR) ของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ มาจัดแสดงครั้งแรกที่กรุงเทพฯ มกราคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
CHANEL เตรียมนำ A Conversation with the Sun (VR) ของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ มาจัดแสดงครั้งแรกที่กรุงเทพฯ มกราคมนี้

แบรนด์ CHANEL เตรียมนำโปรเจกต์นิทรรศการที่ชื่อว่า A Conversation with the Sun (VR) ของผู้กำกับ เจ้ย อภิชาติพงศ์ มาจัดที่กรุงเทพฯ ครั้งแรก ณ One Bangkok Forum ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2025

 

โดยโปรเจกต์นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลหนังทดลองกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7 หลังเดินทางไปจัดที่ Thailand Biennale, Chiang Rai เมื่อปี 2023 มาแล้ว โดยจะเป็นผลงานที่ผสมเทคโนโลยีเสมือนจริงหรือ Virtual Reality เข้ากับศิลปะการแสดงเคลื่อนไหว เพื่อพาผู้ชมสำรวจเชิงสมาธิด้วยแสงและความทรงจำ พร้อมทั้งยังได้ Ryuichi Sakamoto ผู้ประพันธ์เพลงระดับตำนานผู้ล่วงลับชาวญี่ปุ่นมาทำดนตรีประกอบให้ด้วย

 

การที่ A Conversation with the Sun (VR) จะมาจัดแสงที่กรุงเทพฯ เป็นการตอกย้ำบทบาทและการสนับสนุนของ CHANEL ที่อยากผลักดันเรื่องศิลปะและวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Gabrielle Chanel คลุกคลีและช่วยเหลือเพื่อนศิลปินของเธอมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็น Salvador Dali, Pablo Picasso, Jean Cocteau, Igor Stravinsky, Pierre Reverdy หรือ Misia Sert 

 

ซึ่งที่ผ่านมาทาง CHANEL จัดโปรเจกต์ Arts & Culture กับประเทศไทยมาแล้วถึง 3 ครั้ง เริ่มจากดินเนอร์ต้อนรับการฉายภาพยนตร์เรื่อง Memoria ของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ เมื่อปี 2022 ณ โรงแรม Amanpuri จังหวัดภูเก็ต ซึ่ง Tilda Swinton นางเอกของเรื่องและเฮาส์แอมบาสเดอร์ของ CHANEL บินมาร่วมงานด้วย

 

ต่อมาในปี 2023 ทาง CHANEL จัดดินเนอร์เพื่อสนับสนุนผลงานซีรีส์นิทรรศการงานศิลป์ ‘Ghost 2565: อยู่ยังไงให้ไม่ตาย’ โดย กรกฤต อรุณานนท์ชัย และได้นางแบบชื่อดัง Soo Joo Park มาแสดงพิเศษ ก่อนที่จะมาสนับสนุนโปรเจกต์ CINEMA FOR ALL PAVILION ของงาน Thailand Biennale ครั้งที่ 3 เมื่อต้นปี 2024 ที่ A Conversation with the Sun (VR) ฉายครั้งแรก

 

ภาพ: CHANEL

The post CHANEL เตรียมนำ A Conversation with the Sun (VR) ของ เจ้ย อภิชาติพงศ์ มาจัดแสดงครั้งแรกที่กรุงเทพฯ มกราคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
CASETIFY CENTRALWORLD ร้านใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในไทย https://thestandard.co/casetify-centralworld-largest-store-thailand/ Sat, 14 Dec 2024 09:06:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1019590 CASETIFY CENTRALWORLD

CASETiFY แบรนด์ไลฟ์สไตล์และผู้นำด้านการสร้างสรรค์อุปกรณ […]

The post CASETIFY CENTRALWORLD ร้านใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
CASETIFY CENTRALWORLD

CASETiFY แบรนด์ไลฟ์สไตล์และผู้นำด้านการสร้างสรรค์อุปกรณ์เสริมเทคโนโลยีชื่อดังระดับโลก เปิดตัวร้านแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 285 ตารางเมตร ผสมผสานศิลปะและเทคโนโลยีเข้าด้วยกันในโซนต่างๆ ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ประกอบด้วย

 

  • โซน A: Fresh Finds พบกับสินค้าใหม่ล่าสุดในพื้นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจ
  • โซน B: Fan Favorites เฉลิมฉลองผลงาน Co-Lab ร่วมกับศิลปินและดีไซน์ยอดนิยม
  • โซน C: New Collabs ค้นพบผลงาน Co-Lab ล่าสุดจากศิลปินระดับโลก
  • โซน D: Device Diversity ค้นหาเคสที่มีสไตล์และฟังก์ชันครบครันสำหรับอุปกรณ์หลากหลายรุ่น
  • โซน E: Christmas Glam Fest Collection สัมผัสเทศกาลแห่งความสุขด้วยดีไซน์สุด Festive
  • โซน F: Fashion & Artist Collabs ช้อปคอลเล็กชันสุดพิเศษจากดีไซเนอร์และครีเอเตอร์ชั้นนำทั่วโลก

 

นอกเหนือจากนั้นที่ร้านนี้ยังมี CASETiFY Cube สุดล้ำที่แรกในกรุงเทพฯ และ ‘Activation Zone’ ที่จัดเต็มด้วยนวัตกรรมดิจิทัล อย่าพลาด ‘Camera-Ring’ สำหรับสายอินสตาแกรม และ ‘Phone-Spa’ ที่ให้บริการฟิล์มกันรอยระดับพรีเมียมอีกด้วย

 

ภาพ: CASETiFY

 

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

CASETIFY CENTRALWORLD

 

 

The post CASETIFY CENTRALWORLD ร้านใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
HAY BANGKOK สโตร์แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ย่านเจริญกรุง https://thestandard.co/hay-bangkok-charoen-krung/ Sat, 30 Nov 2024 06:55:48 +0000 https://thestandard.co/?p=1014524 HAY BANGKOK

จากจุดเริ่มต้นในการนำเข้าแบรนด์ HAY แบรนด์เฟอร์นิเจอร์แ […]

The post HAY BANGKOK สโตร์แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ย่านเจริญกรุง appeared first on THE STANDARD.

]]>
HAY BANGKOK

จากจุดเริ่มต้นในการนำเข้าแบรนด์ HAY แบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านยอดนิยมจากโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก มาตั้งแต่ปี 2015 ล่าสุด NORSE Republics เปิดตัว HAY Bangkok แฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ ณ ซอยเจริญกรุง 30 ย่านที่ผสมผสานงานดีไซน์เข้ากับวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนเมืองเก่าได้อย่างลงตัว พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยบรรยากาศเทศกาลส่งท้ายปลายปีแสนอบอุ่นกับคอลเล็กชันใหม่และไอเท็มสุดลิมิเต็ดอย่าง HAY Bangkok Tote Bag สี Brick Red ลายสกรีนสีทองที่แรก เฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น พร้อมยังมี HAY Pop-up Terrace พื้นที่เอาต์ดอร์ที่ให้ลูกค้ามาแฮงเอาต์โซนด้านนอกไปกับ Outdoor Collection พร้อม Pop-up Cafe โดย Number 12 Matcha ร้าน Specialty Matcha ที่สร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มและขนมพิเศษเฉพาะ

 

วีกฤษฏิ์ พลาฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอร์ส รีพับบลิค กล่าวว่า แบรนด์ HAY เป็นแบรนด์แรกที่ NORSE เลือกนำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย ซึ่งเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านยอดนิยมจากโคเปนเฮเกนที่มีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ มาพร้อมกับสีสันทันสมัยผสานเข้ากับลูกเล่นและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา อาร์มแชร์ และของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ของตกแต่งบ้าน เครื่องเขียน เครื่องครัว โคมไฟ และอื่นๆ อีกมากมาย



HAY Bangkok เลือกย่านเจริญกรุงเป็นแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในประเทศไทย เพราะเป็นย่านที่มีความหลากหลายทางศิลปะและวัฒนธรรมที่หลอมรวมระหว่างคนหลายยุค ทั้งคนเก่าแก่ในพื้นที่ชุมชนดั้งเดิมและคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับศิลปินไทยอย่าง โม จิรชัยสกุล ที่มาช่วยออกแบบกระเบื้องภายในร้าน ซึ่งเป็นกระเบื้องแฮนด์เมดสีเขียวทำด้วยเทคนิคศิลาดลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พบได้ที่ร้าน HAY Bangkok เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นการผสานเสน่ห์ของงานฝีมือแบบดั้งเดิมในมุมมองของคนยุคใหม่

 

HAY BANGKOK HAY BANGKOK HAY BANGKOK

HAY BANGKOK

 

าพ: HAY

The post HAY BANGKOK สโตร์แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ย่านเจริญกรุง appeared first on THE STANDARD.

]]>
นิทรรศการ Oasis Origin + Reconstruction เตรียมเปิดแสดงที่กรุงโตเกียว 31 ต.ค. นี้ https://thestandard.co/oasis-origin-reconstruction-tokyo/ Sun, 27 Oct 2024 02:23:51 +0000 https://thestandard.co/?p=1000533

เมื่อ 2 พี่น้องแห่งวง Oasis ประกาศกลับมารวมตัวกัน และพร […]

The post นิทรรศการ Oasis Origin + Reconstruction เตรียมเปิดแสดงที่กรุงโตเกียว 31 ต.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อ 2 พี่น้องแห่งวง Oasis ประกาศกลับมารวมตัวกัน และพร้อมจะออกเวิลด์ทัวร์ในปีหน้าหลังจากที่แยกย้ายกันไปถึง 15 ปี แฟนๆ ทั่วโลกต่างตื่นเต้นดีใจกันเป็นอย่างมาก รวมไปถึงญี่ปุ่นซึ่งกำลังจะมีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายของวง Oasis ที่กรุงโตเกียวในนาม Oasis Origin + Reconstruction

 

นิทรรศการนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะได้นำภาพ Oasis ที่ถ่ายโดยช่างภาพชาวอังกฤษที่ร่วมงานกับวงมาเนิ่นนานอย่าง Jill Furmanovsky มาจัดแสดงในรูปแบบใหม่ ร่วมกับ Kosuke Kawamura ศิลปินและกราฟิกดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อดัง โดยที่ผ่านมา Jill Furmanovsky เป็นผู้บันทึกภาพศิลปินระดับขึ้นหิ้งมาแล้วมากมาย เช่น Pink Floyd, The Who และ Paul McCartney และเมื่อช่วงต้นปีนี้เธอเพิ่งจะได้รับรางวัล Abbey Road Music Photography Awards โดยมี Noel Gallagher สมาชิกวง Oasis เป็นผู้เชิญรางวัลและกล่าวให้เกียรติยกย่องเธอด้วยตัวเอง พร้อมกับนิยาม Jill Furmanovsky ว่าเป็น “หนึ่งในเพื่อนสนิทที่สุดของผม”

 

Jill Furmanovsky เริ่มถ่ายภาพให้กับวง Oasis ตั้งแต่ช่วงที่วงเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเธอมีโอกาสเดินทางไปทัวร์และติดตามบันทึกภาพวง Oasis นานหลายปี จนถึงปี 2009 ที่วงประกาศสลายตัว ซึ่งอาร์ตเวิร์กที่จัดแสดงในนิทรรศการ Oasis Origin + Reconstruction จะเป็นงานคอลลาจภาพ Oasis ที่ดีไซน์และตีความใหม่โดย Kosuke Kawamura จากทั้งโฆษณา โปสเตอร์ ไปจนถึงภาพจากสื่อต่างๆ รวมถึงภาพจาก Jill Furmanovsky

 

Oasis Origin + Reconstruction จะจัดขึ้น ณ New Gallery แห่งกรุงโตเกียว ในวันที่ 31 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายนนี้

 

ภาพ: Jill Furmanovsky / New Gallery

อ้างอิง:

The post นิทรรศการ Oasis Origin + Reconstruction เตรียมเปิดแสดงที่กรุงโตเกียว 31 ต.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นิทรรศการ Wes Anderson: The Exhibition เตรียมจัดขึ้นที่กรุงลอนดอนปลายปี 2025 https://thestandard.co/wes-anderson-the-exhibition/ Wed, 02 Oct 2024 02:44:41 +0000 https://thestandard.co/?p=990580

นับเป็นครั้งแรกที่จะมีการจัดนิทรรศการแสดงงานที่สะท้อนถึ […]

The post นิทรรศการ Wes Anderson: The Exhibition เตรียมจัดขึ้นที่กรุงลอนดอนปลายปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>

นับเป็นครั้งแรกที่จะมีการจัดนิทรรศการแสดงงานที่สะท้อนถึงผลงานภาพยนตร์สุดยูนีกของผู้กำกับ Wes Anderson ในพิพิธภัณฑ์ กับงาน Wes Anderson: The Exhibition ที่จะเปิดให้เข้าชม ณ พิพิธภัณฑ์ Design Museum แห่งกรุงลอนดอน 

 

นิทรรศการ Wes Anderson: The Exhibition ที่ได้ La Cinémathèque française มาร่วมโปรดิวซ์ จะพาผู้เข้าชมเดินทางเข้าสู่โลกแห่งภาพยนตร์ของ Wes Anderson ตั้งแต่โปรเจกต์แรกๆ ของเขาในช่วงยุค 1990 ผ่านวิวัฒนาการในงานของเขาจนถึงยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Bottle Rocket (1996), The Darjeeling Limited (2007), Fantastic Mr. Fox (2009), Moonrise Kingdom (2012), The Grand Budapest Hotel (2014) มาจนถึง The French Dispatch (2021) และอีกมากมาย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ที่เต็มไปด้วยสีสันและบทสนทนาสุดพิลึกพิลั่นของเขาก็สร้างความประทับใจให้คอหนังทั่วโลกเป็นอย่างมาก และยังทำให้เขากลายเป็นผู้กำกับที่มีผู้ติดตามเหนียวแน่นที่สุดคนหนึ่งอีกด้วย 

 

แน่นอนว่าในนิทรรศการนี้ เหล่าแฟนๆ จะมีโอกาสเรียนรู้และสัมผัสกับความเป็นมาของเรื่องราวในภาพยนตร์ ทั้งวิธีคิดหรือการทำงานของ Wes Anderson อย่างใกล้ชิด โดยจะมีทั้งการจัดแสดงพร็อพประกอบฉากต่างๆ, คอสตูม และดีไซน์กองถ่ายจากภาพยนตร์ของ Wes Anderson นอกจากนั้นยังมีคอลเล็กชันส่วนตัวของเขาที่จะนำมาจัดแสดงด้วยเช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้ก็จะทำให้ผู้เข้าชมนิทรรศการได้เห็นเบื้องหลังกระบวนการทางความคิด การเล่าเรื่อง และงานฝีมือสุดพิถีพิถันที่สะท้อนสไตล์การสร้างหนังของเขาได้เป็นอย่างดี

 

Wes Anderson: The Exhibition จะจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ Design Museum ย่านเคนซิงตัน กรุงลอนดอน ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 – 5 พฤษภาคม 2026 ซึ่งขณะนี้ Design Museum ก็กำลังเตรียมจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับ Tim Burton อย่าง The World of Tim Burton ต้อนรับช่วงฮาโลวีน

 

ภาพ: Design Museum 

อ้างอิง:

The post นิทรรศการ Wes Anderson: The Exhibition เตรียมจัดขึ้นที่กรุงลอนดอนปลายปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
รูปปั้นนกพิราบยักษ์ ‘Dinosaur’ เตรียมจัดแสดงในสวนลอยฟ้า High Line ที่มหานครนิวยอร์ก https://thestandard.co/dinosaur-ivan-argote-high-line-new-york/ Thu, 01 Aug 2024 09:49:31 +0000 https://thestandard.co/?p=966119

รูปปั้นนกพิราบอะลูมิเนียมขนาดใหญ่นาม Dinosaur ถูกจัดแสด […]

The post รูปปั้นนกพิราบยักษ์ ‘Dinosaur’ เตรียมจัดแสดงในสวนลอยฟ้า High Line ที่มหานครนิวยอร์ก appeared first on THE STANDARD.

]]>

รูปปั้นนกพิราบอะลูมิเนียมขนาดใหญ่นาม Dinosaur ถูกจัดแสดงในสวนสาธารณะลอยฟ้า High Line ในย่านใจกลางเมืองแมนฮัตตันแห่งมหานครนิวยอร์ก ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้จนถึงปี 2026

 

โดย Dinosaur หรือเจ้านกยักษ์ที่มีความสูง 16 ฟุต เป็นผลงานของศิลปินและนักสร้างหนังชาวโคลอมเบียอย่าง Iván Argote ซึ่งจะเกาะอยู่อย่างโดดเด่นในสวนสาธารณะลอยฟ้า High Line เชื่อว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะละสายตาจากรูปปั้น Dinosaur ได้ เนื่องจากมันจะปรากฏตรงทางแยกที่ผู้คนผ่านเข้าไปแวะเวียนกันมากที่สุดแห่งหนึ่งของมหานครนิวยอร์ก โดย Iván Argote หวังเพียงว่านกยักษ์ Dinosaur จะไม่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุต่อผู้คนที่เร่งรีบเดินทางผ่าน 10th Avenue ณ 30th Street ก็เป็นพอ

 

ถึงแม้ว่านกพิราบจะไม่ได้รับการยกย่องเชิดชูเหมือนสัตว์ตระกูลเดียวกันอย่างนกอินทรีหรือเหยี่ยว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านกพิราบนั้นเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อย่างไม่เป็นทางการอย่างหนึ่งของมหานครนิวยอร์ก โดย Iván Argote ให้สัมภาษณ์ถึงมุมมองที่มีต่อนกพิราบว่า

 

“นกพิราบเป็นสิ่งที่ผู้คนรู้สึกกับมันแตกต่างกันออกไป มันอาจเป็นสัตว์แสนไอคอนิกหรือมีความเป็นเอกลักษณ์มาก หรืออาจเป็นไอคอนแห่งมหานครนิวยอร์ก แต่มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สลักสำคัญอะไรที่ใช้ชีวิตอยู่ตามมุมสกปรกในเวลาเดียวกันด้วย

 

“คุณมองเห็นผู้คนบนท้องถนนมากมายที่ใช้ชีวิต หรือผู้คนที่ต้องใช้เวลามากมายของชีวิตอยู่บนท้องถนน ซึ่งพวกเขาต่างก็ได้รับความรักและความใกล้ชิดจากนกพิราบเหล่านี้ บางครั้งนกพิราบก็ทำสิ่งที่เป็นมนุษย์มากๆ อย่างการขึ้นรถไฟใต้ดิน เพราะฉะนั้นผมคิดว่าคุณสามารถมองเห็นตัวเองในนกพิราบพวกนั้นได้อยู่นะ”

 

Dinosaur เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์แสดงงานประติมากรรมของ High Line โดย Iván Argote ตั้งใจนำเสนอแนวคิด ‘เศษเสี้ยวที่เหลืออยู่ของมนุษยชาติ’ ผ่านผลงานชิ้นนี้ของเขา เขาเผยอีกว่า “มันจะยังคงมีชีวิตอยู่ เหมือนกับนกพิราบที่ใช้ชีวิตในมุมอับมืดกลางช่องว่างระหว่างโลกแห่งอนาคต ผมรู้สึกว่ารูปปั้นชิ้นนี้จะสร้างความรู้สึกที่พิศวงและหวาดกลัวต่อสถานที่ท่องเที่ยว การล่อลวง และความกลัว ท่ามกลางผู้อยู่อาศัยในมหานครนิวยอร์ก”

 

ภาพ: Iván Argote

อ้างอิง:

The post รูปปั้นนกพิราบยักษ์ ‘Dinosaur’ เตรียมจัดแสดงในสวนลอยฟ้า High Line ที่มหานครนิวยอร์ก appeared first on THE STANDARD.

]]>