Zoom – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 11 Jun 2023 07:15:42 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 มหาเศรษฐีผู้ทำกำไรจากหุ้น Zoom 1,479% กำลังทุ่มเงินลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ https://thestandard.co/billionaire-who-rode-zoom-1479-stock/ Sun, 11 Jun 2023 07:15:42 +0000 https://thestandard.co/?p=801775 หุ้น Zoom

Samuel Chen มหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์ชาวไต้หวัน หนึ่ […]

The post มหาเศรษฐีผู้ทำกำไรจากหุ้น Zoom 1,479% กำลังทุ่มเงินลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้น Zoom

Samuel Chen มหาเศรษฐีระดับพันล้านดอลลาร์ชาวไต้หวัน หนึ่งในนักลงทุนที่กลายเป็น ‘ผู้ชนะ’ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด จากการลงทุนในหุ้นของ Zoom Video Communications กำลังมุ่งหน้าลงทุนในธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ 

 

กองทุนของ Chen ที่ชื่อ Digital Mobile Venture ใส่เงินลงทุน 100 ล้านดอลลาร์ สำหรับการระดมทุนในรอบ Series D ของบริษัทไบโอเทคโนโลยีอย่าง Acepodia หลังจากที่เคยลงทุนในบริษัทนี้มาตั้งแต่ปี 2021 

 

นอกจากนี้ Chen ยังได้ลงทุนในบริษัท Polaris Group บริษัทที่พัฒนาวิธีการรักษามะเร็ง ซึ่งเพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันเมื่อปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เขายังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท Regencell Bioscience Holdings บริษัทด้านเทคโนโลยีการแพทย์ของฮ่องกง 

 

ย้อนกลับไปช่วงปี 2020 Chen ทำกำไรอย่างมหาศาลจากการที่ถือหุ้น Zoom ตั้งแต่ปี 2011 ในช่วงที่ Zoom ยังคงระดมทุนในรอบ Series A ก่อนที่ราคาจะวิ่งขึ้นถึง 1,479% จากราคา IPO เมื่อปี 2019 ไปถึงจุดพีคเมื่อเดือนตุลาคม 2020 

 

Chen ในวัยกว่า 70 ปี ตัดขายหุ้น Zoom คิดเป็นมูลค่า 22 ล้านดอลลาร์ ในวันแรกที่หุ้นเข้าตลาดเมื่อเดือนเมษายน 2019 ก่อนที่เขาจะตัดขายหุ้นออกไปอีก 13 ล้านหุ้นในเดือนมีนาคม 2020 ปัจจุบัน Chen มีความมั่งคั่งราว 2.3 พันล้านดอลลาร์ จากข้อมูลของ Bloomberg Billionaires Index 

 

นอกจากการลงทุนในธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพ Chen ยังได้ลงทุนในธุรกิจซอฟต์แวร์ด้านการเงินในสหรัฐฯ อย่าง Finfare 

 

อ้างอิง:

The post มหาเศรษฐีผู้ทำกำไรจากหุ้น Zoom 1,479% กำลังทุ่มเงินลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Meta เผยอวตารรุ่นต่อไปจะ ‘มีขา’ เพิ่ม และสามารถเข้าประชุม Zoom แทนผู้ที่ไม่ต้องการอยู่หน้าจอ จ่อเปิดตัวในปี 2023 https://thestandard.co/meta-avatar-leg/ Wed, 12 Oct 2022 04:43:44 +0000 https://thestandard.co/?p=694711 Meta

หลังจาก Facebook รีแบรนด์ตัวเองเปลี่ยนชื่อเป็น Meta เมื […]

The post Meta เผยอวตารรุ่นต่อไปจะ ‘มีขา’ เพิ่ม และสามารถเข้าประชุม Zoom แทนผู้ที่ไม่ต้องการอยู่หน้าจอ จ่อเปิดตัวในปี 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Meta

หลังจาก Facebook รีแบรนด์ตัวเองเปลี่ยนชื่อเป็น Meta เมื่อช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา ก็มีเป้าหมายผลักดันในการนำ Metaverse มาใช้ ภายใต้ DNA ของบริษัท ที่ต้องการสร้างเทคโนโลยีและพื้นที่ใหม่เพื่อเชื่อมโยงผู้คน 

 

CNEC รายงานว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta ประกาศในงาน Meta Connect เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 ตุลาคม) ว่าอวตารรุ่นต่อไปของ Meta จะมีขาเพิ่มขึ้นมาด้วย จากเดิมที่มีเพียงอวตารที่ปรากฏเป็นลำตัวที่ลอยได้ โดยมีหัว แขน และมือเท่านั้น และเมื่อมีขาเพิ่มขึ้นมาก็จะสามารถเคลื่อนที่ไปในสถานที่ต่างๆ ในโลกออนไลน์ได้ 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สำหรับคุณสมบัติใหม่จะตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการอยู่ในกล้อง แต่ยังต้องการแสดงตัวตนบนหน้าจอ ซึ่งสามารถใช้อวตารเป็นตัวแทนเข้าประชุมผ่าน Zoom ได้ หรือที่เรียกว่า Mission Zoom 

 

แน่นอนว่าอวตารรุ่นใหม่ถูกออกแบบมาให้มีความแข็งแรง และสามารถแสดงออกทางสีหน้า พร้อมกับการสร้างความเคลื่อนไหวที่หลากหลาย เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของผู้คนได้ดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นผู้ใช้งานจะสามารถเลือกประเภทร่างกายและโทนสีผิวสำหรับอวตารของตนเองได้ โดย Meta คาดการณ์ว่าจะเปิดให้ให้บริการได้ในปี 2566

 

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวอีกว่า เราต้องการนำประสบการณ์ใหม่ๆ มาสู่ Horizon Worlds มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราได้มีการพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง

 

อ้างอิง:

The post Meta เผยอวตารรุ่นต่อไปจะ ‘มีขา’ เพิ่ม และสามารถเข้าประชุม Zoom แทนผู้ที่ไม่ต้องการอยู่หน้าจอ จ่อเปิดตัวในปี 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้น Zoom สิ้นมนตร์ขลังรับ Back to Office กูรูหั่นราคาเป้าหมาย แนะเทขายก่อนขาดทุนหนัก https://thestandard.co/zoom-shares/ Wed, 17 Aug 2022 03:14:27 +0000 https://thestandard.co/?p=668049 หุ้น Zoom

บรรดานักวิเคราะห์หลายสำนัก รวมถึง ไทเลอร์ ราดเก นักวิเค […]

The post หุ้น Zoom สิ้นมนตร์ขลังรับ Back to Office กูรูหั่นราคาเป้าหมาย แนะเทขายก่อนขาดทุนหนัก appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้น Zoom

บรรดานักวิเคราะห์หลายสำนัก รวมถึง ไทเลอร์ ราดเก นักวิเคราะห์จาก Citi ได้ออกมาหั่นเกรดหุ้นของ Zoom ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ประชุมวิดีโอออนไลน์ลง โดยอยู่ในระดับ ‘Sell’ หรือแนะให้ขายทิ้ง

 

พร้อมกันนี้ นักวิเคราะห์จาก Citi รายนี้ยังลดราคาเป้าหมายของหุ้นเป็น 91 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปัจจุบันเกือบ 15% และเกือบเป็นเป้าหมายต่ำสุดในบรรดานักวิเคราะห์ที่ติดตาม Zoom โดยนักวิเคราะห์อีก 2 คนมีเป้าหมายที่ 90 ดอลลาร์ต่อหุ้น

 

การหั่นเกรดดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเห็นตรงกันว่า Zoom หมดยุคแล้ว จากการที่ออฟฟิศสำนักงานทั้งหลายกลับมาเปิดให้บริการ ทำให้พนักงานกินเงินเดือนหวนกลับมานั่งทำงานในออฟฟิศกันอีกครั้ง ดังนั้น ความจำเป็นในการใช้ Zoom จึงมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน

 

ราดเกกล่าวในรายงานว่า ‘วิถีการเติบโตหลังยุคโควิดของ Zoom นั้นท้าทายกว่าเสมอ’ แถมปัจจุบันยังมี ‘อุปสรรคใหม่ๆ ต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน’

 

โดยราดเกได้แจกแจงเหตุผลโดยอ้างถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจาก Microsoft (MSFT) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์การประชุมทางวิดีโอของ Teams ที่เป็นคู่แข่งกัน รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการจากธุรกิจขนาดเล็ก

 

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ราดเกกล่าวว่า ตนเองกำลัง ‘ลดประมาณการที่สำคัญ’ ที่มีต่อยอดขายและการคาดการณ์กระแสเงินสดของ Zoom

 

ทั้งนี้ หุ้นของ Zoom (ZM) ปรับตัวลดลง 5% เมื่อวันอังคาร (16 สิงหาคม) ที่ประมาณ 108 ดอลลาร์ ขณะที่ตั้งแต่ต้นปี หุ้นของ Zoom ปรับตัวลดลงแล้วเกือบ 45% และการซื้อขายมากกว่า 80% อยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดกาลที่ประมาณ 589 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคมปี 2020

 

อ้างอิง: 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post หุ้น Zoom สิ้นมนตร์ขลังรับ Back to Office กูรูหั่นราคาเป้าหมาย แนะเทขายก่อนขาดทุนหนัก appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย เผยวัคซีน Sputnik Light มีประสิทธิภาพ 70% ในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธ์ุเดลตา https://thestandard.co/russia-unveiled-sputnik-light-capability-at-70-percents/ Fri, 15 Oct 2021 08:37:01 +0000 https://thestandard.co/?p=548603 Sputnik Light

วันที่ 13 ตุลาคม กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย (Rus […]

The post กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย เผยวัคซีน Sputnik Light มีประสิทธิภาพ 70% ในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธ์ุเดลตา appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sputnik Light

วันที่ 13 ตุลาคม กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย (Russian Direct Investment Fund: RDIF) ร่วมกับสถาบันวิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลยา (Gamaleya National Research Center of Epidemiology and Microbiology) จัดงานแถลงข่าวและนำเสนอข้อมูลจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ผ่านทางแอปพลิเคชัน Zoom โดยมีตัวแทนจากนานาชาติ ทั้งรัฐมนตรี หน่วยงานด้านสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญ และสื่อมวลชนจากทั่วโลก รวมถึงตัวแทนจากประเทศไทย คือ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติเข้าร่วมงานในคร้ังน้ี

 

ภายในงานมีการนำเสนอข้อมูลประสิทธิภาพของวัคซีน Sputnik Light ที่มี ประสิทธิภาพถึง 70% ในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยวัคซีน Sputnik Light หรือวัคซีน Sputnik V เข็มแรก เป็นวัคซีนที่ใช้ไวรัสพาหะท่ีถูกทำให้ฤทธ์ิอ่อนลงจนปลอดภัย ไม่สามารถก่อให้เกิดโรคได้ มาตัดต่อเพื่อช่วยนำส่งสารพันธุกรรมท่ีต้องการกระตุ้นภูมิคุมกันเข้าไปในร่างกายมนุษย์ โดยชนิดที่นำมาใช้ในวัคซีน Sputnik Light คืออะดีโนไวรัส ซีโรไทป์ 26 จากมนุษย์ (Human Adenovirus Serotype 26) ตัดต่อสารพันธุกรรมของส่วนโปรตีนหนาม (spike protein) ของเชื้อโควิด เข้าไปเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายของผู้ที่ได้ร้บวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับต้านเชื้อโควิด

 

เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตานั้นแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และการกลายพันธุ์ดังกล่าวยังส่งผลให้เชื้อไวรัสหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดียิ่งข้ึน จึงทำให้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านเชื้อโควิดลดลง แต่ด้วยวัคซีน Sputnik Light สามารถช่วยแก้ปัญหาในประเด็นนี้ได้ โดยนำวัคซีน Sputnik Light มาใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster)ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดอื่นๆ จนครบโดสแล้วได้ทุกชนิด ด้วยแนวทางนี้จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธ์ุเดลตามากกว่า 83% และช่วยป้องกันการเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้มากกว่า 94% ซึ่งขณะน้ีมีการใช้วัคซีนชนิดน้ีเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน Sputnik V ครบโดสแล้วในประเทศรัสเซีย

 

วัคซีน Sputnik Light ยังสามารถนํามาฉีดให้กับผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนด้วย การฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียวได้ (one-shot Sputnik Light) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการ ป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธ์ุเดลตาได้สูงถึง 70% ในช่วง 3 เดือนแรกหลังได้รับวัคซีนและมีประสิทธิภาพสูงถึง 75% เมื่อฉีดในอาสาสมัครที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีจากผลการศึกษาทางคลินิกในกลุ่มตัวอย่าง 28,000 คน โดยผลการศึกษาประสิทธิภาพน้ี ทางสถาบันวิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลยาได้วิเคราะห์และส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ลงในนิตยสาร medRxiv ในสัปดาห์น้ี

 

ปัจจุบันวัคซีน Sputnik Light ได้รับอนุญาตให้ใช้ในกว่า 15 ประเทศ และอยู่ระหว่างขั้นตอนการขอข้ึนทะเบียนในอีก 30 ประเทศ โดยหน่วยงานพันธมิตรของกองทุน ความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย (RDIF) จากประเทศต่างๆ มากกว่า 10 ประเทศ เช่น อินเดีย จีน เกาหลีใต้ เวียดนาม เม็กซิโก อาร์เจนตินา เซอร์เบีย ตุรกี ฯลฯ จะเป็นผู้ ผลิตวัคซีน Sputnik Light รวมถึงสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (The Serum Institute of India) ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่วัคซีน Sputnik V ได้รับอนุญาตให้ใช้ใ้น 70 ประเทศ ซึ่งคิดเป็นจำนวนประชากรที่ได้รับวัคซีนน้ีมากกว่า 4 พันล้านคน

 

ประสิทธิภาพของ Sputnik Light ในฐานะของวัคซีนเดี่ยว (one-shot Sputnik Light)

วัคซีน Sputnik Light สามารถนำมาฉีดให้กับผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน ด้วยการ ฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียวได้ (one-shot Sputnik Light) โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาได้สูงถึง 70% ในช่วง 3 เดือนแรกหลังได้รับวัคซีน และมีประสิทธิภาพสูงถึง 75% เมื่อฉีดในอาสาสมัครท่ีมีอายุต่ำกว่า 60 ปี จากผลการศึกษาทางคลินิกในกลุ่มตัวอย่าง 28,000 คน ในกรุงมอสโก เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยผลการศึกษาประสิทธิภาพนี้ ทางสถาบันวิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยากามาเลยา ได้วิเคราะห์และส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ลงใน medRxiv ในสัปดาห์น้ี 

 

ประสิทธิภาพของ Sputnik Light ในฐานะวัคซีนกระตุ้น (Booster)

วัคซีน Sputnik Light สามารถนํามาใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster) ให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดอื่นๆ จนครบโดสแล้วได้ทุกชนิด ด้วยแนวทางนี้จะทําให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธ์ุเดลตามากกว่า 83% และช่วยป้องกันการเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้มากกว่า 94% ซึ่งขณะน้ีมีการใช้วัคซีนชนิดน้ีเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน Sputnik V ครบโดสแล้วในประเทศรัสเซีย 

 

อ้างอิง:

  • กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย (Russian Direct Investment Fund / RDIF)

The post กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย เผยวัคซีน Sputnik Light มีประสิทธิภาพ 70% ในการป้องกันการติดเชื้อโควิดสายพันธ์ุเดลตา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ชนะเลิศ The Change Makers แชร์ไอเดียกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชี้ความกล้าคิดนอกกรอบของคนรุ่นใหม่สำคัญต่ออนาคตประเทศ https://thestandard.co/the-change-makers-winner/ Sat, 14 Aug 2021 11:51:20 +0000 https://thestandard.co/?p=525145 The Change Makers

วันนี้ (14 สิงหาคม) ผู้ชนะเลิศของโครงการ The Change Mak […]

The post ผู้ชนะเลิศ The Change Makers แชร์ไอเดียกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชี้ความกล้าคิดนอกกรอบของคนรุ่นใหม่สำคัญต่ออนาคตประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Change Makers

วันนี้ (14 สิงหาคม) ผู้ชนะเลิศของโครงการ The Change Makers โครงการเฟ้นหาคนรุ่นใหม่โดยพรรคเพื่อไทย จำนวน 6 ทีม 6 ไอเดีย ซึ่งผ่านการคัดเลือกโดยนักการเมืองและคณะกรรมการมากประสบการณ์ ร่วมนำเสนอไอเดียและแลกเปลี่ยนแนวคิดกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ Tony Woodsome ซึ่งถือเป็นผู้นำประเทศที่สร้างนโยบายเปลี่ยนชีวิตให้กับคนไทยหลายล้านคน ด้วยแนวคิดขจัดความจนด้วยเศรษฐกิจกินได้ จนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและในระดับโลก ในธีม ‘1 นายกฯ รุ่นเก๋า vs. 6 ไอเดียคนรุ่นใหม่’ ผ่านระบบ Zoom แต่ละกลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็นกับ ดร.ทักษิณ กลุ่มละ 17 นาที ถ่ายทอดสดผ่าน Clubhouse ของกลุ่ม CARE และ Facebook Live, YouTube เพจ THINK คิด เพื่อ ไทย, กลุ่ม CARE และ Voice TV โดยผู้ชนะทั้ง 6 ทีม ได้นำเสนอไอเดียที่สามารถพัฒนาเป็นนโยบายสำหรับการพัฒนาประเทศในอนาคต 

 

สำหรับ 6 ไอเดียที่ชนะเลิศ ได้แก่ 

 

  1. อาชีวะ New Gen – ปฏิรูปการศึกษา ปูทางสู่อาชีวะสู่โลกอนาคต

 

  1. ถั่วล้านไร่ – พืชเศรษฐกิจตัวใหม่แก้ความจนของเกษตรกร

 

  1. ราชการคลิกเดียว – รับบริการของรัฐได้ผ่านแพลตฟอร์มเดียว

 

  1. ตลาดช่างฝีมือ – ช่างฝีมือไทยสู่ตลาดแบรนด์ระดับโลก

 

  1. Smart City Smart Life – ยกระดับชีวิตชาวเชียงใหม่ เข้าสู่สังคม New Normal

 

  1. ค้าบริการถูกกฎหมาย – เพื่อสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่เท่าเทียม

 

ดร.ทักษิณ ได้แลกเปลี่ยนความคิดในนโยบายต่างๆ กับผู้ชนะทั้ง 6 กลุ่ม เช่น ผู้ชนะเลิศอันดับ 1 คือ กลุ่มอาชีวะ New Gen – ปฏิรูปการศึกษา ปูทางสู่อาชีวะสู่โลกอนาคต โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้นำเสนอแนวทางการปรับการศึกษาทวิภาคีแบบใหม่ (Dual Education) หรือการศึกษาสายอาชีพ จากเดิมที่เน้นในห้องเรียนครึ่งหนึ่งและเน้นการปฏิบัติครึ่งหนึ่ง และไม่รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบ S-Curve หรืออุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มาเป็นการแบ่งเวลาการเรียนในห้องเรียนร่วมกับการเรียนภาคปฏิบัติกับบริษัทเอกชน ผู้เรียนจะได้รับเงินเดือนจากการทำงานกับบริษัทด้วย โดยภาครัฐสามารถเรียกเก็บภาษีจากการผลิตและจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นได้ ส่วนบริษัทจะได้รับประโยชน์จากการนำรายจ่ายจากเงินเดือนที่ว่าจ้างนักเรียนไปลดหย่อนภาษีรายจ่าย และยังได้จ้างแรงงานในราคาเป็นธรรม

 

โดย ดร.ทักษิณ ได้กล่าวชื่นชมแนวคิดนี้พร้อมระบุว่า เมื่อสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรีได้ริเริ่มการศึกษาภาควิชาชีพ เนื่องจากไม่ต้องการนำใบปริญญามาแปะค่าการประกอบอาชีพ ซึ่งสวนทางกับการจ้างงานในตลาดโลก ระบบการศึกษานี้จะเปิดโอกาสให้เด็กมีความก้าวหน้าและมีโอกาสไปทำงานยังต่างประเทศได้ 

 

นอกจากนี้ ดร.ทักษิณ ได้ตอบคำถามผู้เข้าร่วมกิจกรรมถึงการปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยอย่างรวดเร็วและได้ผล (Quick Win) ว่าต้องเน้นการศึกษา 2 ประเภท เน้นอาชีวะ เพื่อให้คนทำงานมีทฤษฎีบ้างเพื่อต่อยอดในอนาคต ส่วนภาครัฐจะต้องให้ทุนการศึกษาในกลุ่มสายวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมมากขึ้น จบมาแล้วมีงานทำและตอบสนองความต้องการของตลาดโลก 

 

ผู้ชนะเลิศอันดับ 4 กลุ่มตลาดช่างฝีมือ – ช่างฝีมือไทยสู่ตลาดแบรนด์ระดับโลก เป็นนโยบายพัฒนาช่างฝีมือไทยไปเป็นช่างฝีมือของแบรนด์ระดับโลก จากนั้นนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาสินค้าไทยให้จำหน่ายตอบสนองความต้องการของโลกได้ โดยมีหลักการคือ ‘ค้นหา พัฒนา สาธิต’ มีโครงสร้างฐานข้อมูลสินค้า ช่างฝีมือและระบบการขายครบวงจร มีเป้าหมายคือ รายได้ อุตสาหกรรมงานฝีมือ และช่างฝีมือไทยจะต้องถูกพัฒนาศักยภาพเพิ่มขึ้น 

 

ดร.ทักษิณ กล่าวว่า แนวคิดนี้คิดเป็นองค์รวมได้ดี เพราะขณะนี้ความต้องการสินค้าของโลก เป็นแบบ Mass Customization ผลิตเยอะแต่ตรงใจลูกค้า หากนำเอาโครงการนี้ไปพัฒนาต่อยอด มีโอกาสที่สินค้าไทยจะมีแบรนด์สินค้าหรูเทียบเท่ากับแบรนด์ต่างประเทศ โดยอย่าหลงความเป็นไทย แต่ต้องไม่ลืมความเป็นไทย หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลควรนำทีมนี้เป็นที่ปรึกษากระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ 

 

ทั้งนี้ในช่วงท้าย ดร.ทักษิณ ยังได้มอบหนังสือ The Business Reinvention of Japan ให้ผู้ชนะเลิศ เป็นหนังสือเกี่ยวกับการสูญเสียเวลา 10 ปีถึง 2 ครั้งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้นำเอาสิ่งที่เสียไปมาศึกษาและพัฒนาประเทศผ่าน 2 กระบวนการ ได้แก่ 1. ปรับตำแหน่งทางกลยุทธ์ใหม่ (Strategic Repositioning) โดยใช้นวัตกรรมเป็นหลัก และ 2. ปรับกระบวนการทำงานใหม่ ( Organization Renewal) หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คนในรัฐบาลและภาคธุรกิจเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย โดยหากการแพร่ระบาดของโควิดจบลง แล้วประเทศไทยไม่รื้อและสร้างโครงสร้างใหม่ คือจบสิ้น เพราะถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะฟื้นฟูประเทศแล้ว 

 

คณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการคิดเพื่อไทย กล่าวขอบคุณทีมผู้ชนะที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความทุ่มเท และตั้งใจ จนสามารถผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายได้ และหวังว่าประสบการณ์ในการเข้าร่วมโครงการจะช่วยให้ทุกคนมีโอกาสนำสิ่งที่ได้รับจากโครงการไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเอง สังคม ประเทศ และโลก ได้ไม่มากก็น้อย 

 

สำหรับโครงการ The Change Makers ได้เปิดตัวตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นรูปแบบนวัตกรรมทางการเมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยการสร้างกระบวนการเรียนรู้ผ่านการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมลงพื้นที่จริง มีการสร้างสรรค์นโยบายและผลงานให้เป็นรูปธรรม เข้าไปรับฟังปัญหาจากประชาชน จนไปถึงการสร้างต้นแบบของนโยบาย เพื่อที่จะได้นำนโยบายเหล่านี้ไปต่อยอดเกิดเป็นนโยบายจริงในอนาคต

The post ผู้ชนะเลิศ The Change Makers แชร์ไอเดียกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชี้ความกล้าคิดนอกกรอบของคนรุ่นใหม่สำคัญต่ออนาคตประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สธ. เปิดกิจกรรม ‘โสดออนซูม’ สร้างเครือข่ายคนโสด จับมือเป็นพลังใจ ต้านโควิด https://thestandard.co/moph-open-event-build-a-network-of-singles/ Sun, 08 Aug 2021 10:31:21 +0000 https://thestandard.co/?p=523000 Single Event

วันนี้ (8 สิงหาคม) สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระ […]

The post สธ. เปิดกิจกรรม ‘โสดออนซูม’ สร้างเครือข่ายคนโสด จับมือเป็นพลังใจ ต้านโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
Single Event

วันนี้ (8 สิงหาคม) สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมพูดคุยในกิจกรรม ‘โสดออนซูม เปิดหน้าจอ รอเจอหน้าจริง’ ณ Visualize Lab โครงการนาซ่าสตรีท ถนนรามคำแหง กรุงเทพมหานคร ว่านโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่ เป็นหนึ่งในนโยบายพัฒนาคุณภาพประชากร ที่มีแนวคิดมาจากความเข้าใจในวิถีชีวิตคนโสดที่มุ่งให้ความสำคัญกับการทำงาน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต โอกาสในการพบเจอกับเพื่อนต่างสาขาอาชีพมีน้อย ได้เจอเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ใช้ชีวิตกับโทรศัพท์และโซเชียลมีเดีย การพบปะกันในช่องทางออนไลน์ก็มีความเสี่ยงมาก ทำให้มีคนโสดแบบไม่ได้ตั้งใจจำนวนมาก สอดคล้องกับผลการศึกษาจากโครงการเจริญพันธุ์และสุขภาวะ พบว่าคนไทยต้องการมีคู่รักหรือคู่สมรส ร้อยละ 63.3 แต่ในความเป็นจริงคนไทยมีคู่เพียงร้อยละ 53.9 โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ไม่มีคู่รักคือไม่เจอคนที่ใช่

 

“โจทย์สำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันคือ ทำอย่างไรให้คนไทยมีสมดุลในชีวิต เพื่อสร้างครอบครัวให้มีคุณภาพ เพราะการสร้างสมดุลให้กับชีวิตไม่ใช่แค่เรื่องงาน เงิน หรือสุขภาพเท่านั้น การมีเพื่อนที่ดีหรือมีคนพิเศษเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีพลังใจในการสู้กับปัญหาและอุปสรรคได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่พวกเรา ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด การให้กำลังใจกันและกันเป็นสิ่งสำคัญมาก การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดันนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่ในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งขอเน้นย้ำว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่หาคู่ แต่เราทำหน้าที่เปิดโอกาสให้คนโสดได้มีโอกาสพบเจอกันในช่องทางที่เหมาะสม เน้นการสร้างเครือข่าย การพัฒนาศักยภาพ และการให้ความรู้เพื่อให้คนโสดเลือกคู่ที่พอดีกับตัวเอง ลดการหย่าร้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้ครอบครัวที่จะเกิดขึ้นมีความแข็งแรงตั้งแต่เริ่มสร้างครอบครัว” สาธิต กล่าว

 

ทางด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่อย่างมีคุณภาพ ควบคู่ไปกับนโยบายพัฒนาคุณภาพประชากรในด้านอื่นๆ อาทิ การส่งเสริมให้คู่รักที่ต้องการมีบุตร มีการวางแผน มีการเตรียมความพร้อมก่อนมีบุตร การช่วยเหลือให้คู่รักที่ประสบปัญหามีบุตรยากเข้าถึงการรักษาภาวะมีบุตรยาก การดูแลสุขภาพของแม่และเด็ก ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ถึงหลังคลอด เพื่อให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย การส่งเสริมให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ดีเพื่อให้มีพัฒนาการที่สมวัย มีสติปัญญาดี 

 

ซึ่งการเลือกคู่ที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างครอบครัวคุณภาพ และไม่ได้ดำเนินการแบบมาตรการเดี่ยวๆ แต่ดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่จำเป็น การสร้างความรอบรู้ด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ กิจกรรมโสดออนซูม ในรูปแบบออนไลน์ผ่านทางเพจวิวาห์สร้างชาติครั้งนี้ เป็นการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด จัดขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายคนโสดรุ่นใหม่ ที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานที่แตกต่างกัน เป็นกำลังใจให้กัน และร่วมสร้างสิ่งที่ดีให้กับสังคม ซึ่งอาจจะพัฒนาไปเป็นคู่รักหรือคู่สมรสได้ในอนาคต ซึ่งกิจกรรมนี้ยังไม่สิ้นสุด เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะมีการจัดกิจกรรมที่พบเจอกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพและให้ความรู้สำหรับคนที่ตกลงคบหากันต่อไป

 

ขณะที่ นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ กรรมการแพทยสภา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ภาครัฐได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาการดำเนินงานในเรื่องของการ Matching จะดำเนินการผ่านบริษัทจัดหาคู่ที่เป็นภาคเอกชน การออกแบบกิจกรรมมีความน่าสนใจ ตั้งแต่กระบวนการรับสมัครที่ให้สิทธิ์การเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเท่าเทียม มีรูปแบบที่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการหาคู่เป็นหลัก แต่มุ่งเน้นในการสร้างเครือข่ายคนโสด ซึ่งสามารถต่อยอดได้ในอนาคต 

 

และการที่ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมอย่างจริงจัง นอกจากจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการเข้าร่วมกิจกรรม ยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้สังคมตื่นตัว และมีทัศนคติที่ดีต่อการมีคู่ และผมคิดว่าความตั้งใจที่ดี กระบวนการที่ดี จะเป็นประโยชน์และส่งผลทางบวก สิ่งที่ทุกคนจะได้คือเพื่อน ส่วนเรื่องคู่เป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส เพราะไม่ว่าอย่างไรชีวิตต้องก้าวเดินต่อไป

 

ภาพ: กระทรวงสาธาณสุข

The post สธ. เปิดกิจกรรม ‘โสดออนซูม’ สร้างเครือข่ายคนโสด จับมือเป็นพลังใจ ต้านโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
เสวนา ‘หยุดอ้างข่าวปลอม หยุด พ.ร.ก. ฉุกเฉินคุกคามเสรีภาพสื่อ-ประชาชน’ ชี้รัฐบาลเริ่มเพลี่ยงพล้ำจนต้องใช้สื่อเป็นแพะ ย้ำนักข่าวไม่ใช่โจร https://thestandard.co/stop-excuse-on-media-posting-fake-news-talk/ Thu, 29 Jul 2021 12:19:48 +0000 https://thestandard.co/?p=519000 ข่าวปลอม

วันนี้ (29 กรกฎาคม) 6 องค์กรวิชาชีพสื่อจัดเวทีเสวนา ‘หย […]

The post เสวนา ‘หยุดอ้างข่าวปลอม หยุด พ.ร.ก. ฉุกเฉินคุกคามเสรีภาพสื่อ-ประชาชน’ ชี้รัฐบาลเริ่มเพลี่ยงพล้ำจนต้องใช้สื่อเป็นแพะ ย้ำนักข่าวไม่ใช่โจร appeared first on THE STANDARD.

]]>
ข่าวปลอม

วันนี้ (29 กรกฎาคม) 6 องค์กรวิชาชีพสื่อจัดเวทีเสวนา ‘หยุดอ้างข่าวปลอม หยุด พ.ร.ก. ฉุกเฉินคุกคามเสรีภาพสื่อ-ประชาชน’ พูดคุยแลกเปลี่ยนประเด็นมาตรการจำกัดเสรีภาพของประชาชนตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และการสื่อสารเชิงข่มขู่สื่อและประชาชนเรื่องการรายงานข่าวปลอม โดยมีวิทยากรประกอบด้วย สุทธิชัย หยุ่นสื่อมวลชนอาวุโส, กิตติ สิงหาปัด ผู้ดำเนินรายการ ข่าว 3 มิติ, นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ บรรณาธิการบริหาร THE STANDARD และตัวแทนจากองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ผ่านแอปพลิเคชัน Zoom ถ่ายทอดสดผ่านเพจสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

 

ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ ชี้แจงถึงสาเหตุของการจัดเสวนาครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมาการออก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฉบับที่ 27 ข้อ ประเด็นมาตรการเรื่องการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร มีเนื้อหาที่คลุมเครือและไม่ชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงข่าวสาร จนทำให้เกิดแถลงการณ์ฉบับแรกขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนในวันที่ 15 กรกฎาคม ทว่าไม่ได้รับคำตอบ จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีออกมาโพสต์ Facebook เรื่องการจัดการข่าวปลอม และมอบอำนาจให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินคดีกับสื่อมวลชน ผู้มีชื่อเสียง และประชาชนได้ ในวันที่ 27 กรกฎาคม ทำให้องค์กรวิชาชีพสื่อต้องออกแถลงการณ์อีกฉบับในวันที่ 28 กรกฎาคม เสนอ 3 ความเห็นร่วมกัน อีกทั้งยืนยันว่าจะจัดกิจกรรมที่แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง

 

“ผมก็เชื่อว่าสาเหตุมันมาจากว่ารัฐบาลเริ่มจะเพลี่ยงพล้ำ แล้วเริ่มจะรู้สึกว่า ข่าวสารที่รายงานกัน ข้อเท็จจริงที่ออกมาประชาชนรับทราบจากสื่อ ที่เริ่มตั้งคำถามว่ารัฐบาลชุดนี้จะสามารถรับมือกับโควิดได้หรือไม่ และถ้ารับไม่ได้ก็ควรจะเปลี่ยนรัฐบาล” 

 

สุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโสได้แสดงความเห็นต่อการโพสต์ Facebook ของนายกรัฐมนตรี คาดว่าเป็นเพราะสถานะของรัฐบาลมีความไม่มั่นคง จึงเริ่มที่จะหาแพะอย่างสื่อมวลชน และดิ้นรนเพื่อจะรักษาความชอบธรรม

 

“สิ่งโควิดกลัวที่สุดคือวิทยาศาสตร์ ไม่ได้กลัวปืนใหญ่ ไม่ได้กลัวรถถัง ไม่ได้กลัวเรือดำน้ำ แต่ว่าอาวุธของคุณหมอ นักวิชาการ คือวิทยาศาสตร์ ข้อมูล การวิเคราะห์ การวิจัย และอาวุธของสื่อเรา คือข้อเท็จจริงและความน่าเชื่อถือ” 

 

สุทธิชัยกล่าวว่า ในขณะนี้ประเทศไทยกำลังรบอยู่ในสงครามครั้งใหญ่ ที่ผู้บัญชาการรบกำลังแสดงอาการว่าอยู่กันคนละฝั่งกับประชาชนที่ต้องการเห็นผลงานของรัฐบาล พร้อมทั้งเสนอให้ 6 องค์กรสื่อรวมตัวกันจัดตั้งศูนย์กลางของข่าวที่สามารถตรวจสอบได้ วางยุทธศาสตร์ในการทำหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ต่างจากอยู่ในสภาวะสงคราม ที่ต้องต่อสู้กับทั้งกับโรคระบาดและกับกลไกของรัฐ 

 

ด้าน กิตติ สังหาปัต ผู้ดำเนินรายการ ข่าว 3 มิติ แจงว่าการที่รัฐออกมาตรการมาแบบนี้เหมือนกับนำนักข่าวไปเปรียบเทียบกับโจร อีกทั้งความไม่ชัดเจนจะนำไปสู่การตีความกลั่นแกล้ง ทั้งที่ถ้าหากนักข่าวไม่รายงานข่าวก็จะถือเป็นความผิดเหมือนกัน ย้ำให้รัฐบาลและผู้ที่ออกมาตรการนี้ทบทวนถึงจิตวิญญาณของสื่อมวลชน

 

“คุณอย่าเอาคนที่เขาทำสื่อโดยสุจริตไปปนกับคนที่คุณมองเห็นหน้าเขาว่าเขาโจมตีคุณ” กิตติกล่าวเสริม

 

นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ และบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD ระบุว่า การกระทำนี้ของรัฐบาลเป็นการข่มขู่ ให้คนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือนำเสนอข้อเท็จจริงจากฝั่งตรงกันข้ามกับที่รัฐอยากนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นจากสื่อมวลชน ผู้มีชื่อเสียง หรือประชาชน ให้เกิดความเกรงกลัว

 

“การควบคุมความจริงได้ การควบคุมข้อมูลข้อเท็จจริงได้ คือการที่คุณจะสามารถสั่งการหรือทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือกับตนเองได้สูง เพราะเขาไม่รู้ว่าข้อมูลไหนจริงไม่จริง” นครินทร์มองว่าวิธีของทหารหรือเผด็จการมักจะควบคุมให้คนเชื่อข้อมูลข้อเท็จจริงจากฝั่งภาครัฐอย่างเดียว จึงเป็นเหตุให้เกิด IO หรือปฏิบัติการทางข้อมูลต่างๆ

 

อีกทั้งยังตั้งข้อสงสัยว่า คำว่า ‘Fake News’ ทางวิชาการ กับการตีความของภาครัฐนั้นมีความหมายไม่ตรงกันหรือไม่ ในฝั่งของนักวิชาการ ความหมายของ Fake News คือการใช้ข้อมูลที่ผิด มีเจตนาตั้งใจบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งดูเหมือนรัฐบาลจะตีความว่า Fake News คือข้อมูลจากคนที่คิดตรงกันข้ามกับเรา ซึ่งนิยามของคำนี้กำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีสื่อหรือผู้ที่นำเสนอข้อมูลอีกฝั่ง

 

ในขณะที่มีหลายกรณีของภาครัฐที่นำเสนอข้อมูลออกมาแล้วกลับตรงข้ามกับความเป็นจริง อย่างเช่นประเด็นเรื่องวัคซีน AstraZeneca ที่รัฐแจงว่าจะต้องฉีดเดือนละ 10 ล้านโดส แล้วทำไม่ได้ตามเป้า หรือการที่รัฐมนตรีคนหนึ่งพูดในรัฐสภาว่าจะมีวัคซีนเต็มแขนในไตรมาสนี้ กรณีเหล่านี้นับว่าเป็น Fake News หรือไม่

 

ในขณะที่ สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ก่อตั้ง Cofact Thailand ชี้ว่าสิ่งที่รัฐบาลนี้ควรจะทำเพื่อลดความสับสนของข้อมูลข่าวสารคือการให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องออกมาแถลงข่าวพร้อมกัน โดยให้ผู้สื่อข่าวสามารถซักถามได้เป็นประจำทุกสัปดาห์ ไม่ใช่การประกาศพระราชกิจจานุเบกษาในกลางดึก ปล่อยข่าวสำคัญในตอนกลางคืนของวันหยุด ทำให้ข่าวกระจัดกระจาย สื่อมวลชนไม่สามารถสอบถาม เช็กข้อมูลกับแหล่งข่าวได้จนเกิดความสับสน 

 

สุภิญญาเน้นย้ำว่า สื่อมวลชนไม่ใช่อาชญากรรมที่รัฐจะใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินมาบังคับราวกับว่าเป็นอาชญากร ซึ่งการนำเสนอความคิดเห็นของสื่อหากไปกระทบใครและต้องรับผิด ก็มีกฎหมายอาญา กฎหมายหมิ่นประมาทมารองรับอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน

 

“การที่รัฐมัวแต่เอาเวลามาทะเลาะกับสื่อ มันทำให้เสียโอกาสในการแก้ปัญหาตรงจุด”

The post เสวนา ‘หยุดอ้างข่าวปลอม หยุด พ.ร.ก. ฉุกเฉินคุกคามเสรีภาพสื่อ-ประชาชน’ ชี้รัฐบาลเริ่มเพลี่ยงพล้ำจนต้องใช้สื่อเป็นแพะ ย้ำนักข่าวไม่ใช่โจร appeared first on THE STANDARD.

]]>
POP TIP: ‘สวีข่าย’ พระเอกซีรีส์ Falling Into Your Smile เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอล เพราะทั้งสนุกและเรียกเหงื่อได้ดีสุดๆ https://thestandard.co/pop-tip-28-july-3-august-2021/ Tue, 27 Jul 2021 10:06:11 +0000 https://thestandard.co/?p=518096 POP Tip

  Remo แพลตฟอร์มประชุมออนไลน์ที่จำลองห้องต่างๆ ได้ […]

The post POP TIP: ‘สวีข่าย’ พระเอกซีรีส์ Falling Into Your Smile เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอล เพราะทั้งสนุกและเรียกเหงื่อได้ดีสุดๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>
POP Tip

 

Remo แพลตฟอร์มประชุมออนไลน์ที่จำลองห้องต่างๆ ได้ตามความต้องการ

 

 

ทุกวันนี้การประชุมงานออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว หลายคนใช้งานแพลตฟอร์มนี้จนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น Google Meet หรือ Zoom แต่ล่าสุดมีแพลตฟอร์มจัดกิจกรรมออนไลน์ใหม่ที่ชื่อว่า Remo เกิดขึ้น ความน่าสนใจอยู่ที่การจำลองให้เป็นเหมือนห้องประชุมจริงในออฟฟิศ มีห้องต่างๆ ที่แยกสัดส่วนกันชัดเจน จะเลือกเซ็ตให้เป็นห้องคุยกันตอนเล่นเกม ห้องประชุม ห้องคุยกันขำๆ ก็ได้เหมือนกัน โดยจะมีการโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์จากที่ใดก็ได้ในโลก ความเก๋ของ Remo คือผู้ใช้งานสามารถตกแต่งได้ตามความต้องการของเรา ถ้าอยากไปร่วมคุยกับเพื่อนที่อยู่ห้องถัดไป ก็แค่คลิกเข้าไปร่วม Join ในห้องนั้น ก็จะได้ยินเสียงและเห็นเพื่อนๆ ที่อยู่ในห้องนั้นทันที ถือเป็นอีกหนึ่งห้องประชุมออนไลน์ที่น่ารักและมาแรงสุดๆ ตอนนี้เลย

 

POP Tip: ถ้าคุณเบื่อการประชุมออนไลน์แบบเดิมๆ แนะนำให้ลองใช้แพลตฟอร์ม Remo ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่ผู้ใช้งานสามารถจำลองห้องได้ตามความต้องการ เช่น จะเลือกเซ็ตให้เป็นห้องคุยกันตอนเล่นเกม จำลองให้เป็นห้องประชุม หรือสร้างเป็นห้องคุยกันขำๆ ก็ได้ ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นห้องประชุมออนไลน์ที่น่ารักและมาแรงสุดๆ ตอนนี้เลย

 

ภาพ: Courtesy of Remo

 


 

หาพื้นที่และช่วงเวลาปลอดภัยเพื่อระบายความเครียด ช่วยให้ความหนักอึ้งและความเครียดในใจผ่อนคลายเบาบางลงได้

 

 

ช่วงนี้หลายคนมีความเครียดเกิดขึ้นกับตัวเองมากมาย ล้วนแต่เป็นความเครียดที่สร้างผลกระทบแง่ลบต่อจิตใจของเราอย่างหนักหน่วงเหลือเกิน ซึ่งผู้เขียนได้ฟังพอดแคสต์ R U OK ชูใจ ตอน Stress Relief ที่ดำเนินรายการโดย ดุจดาว วัฒนปกรณ์ และ กันตพร สวนศิลป์พงศ์ ได้นำเสนอวิธีระบายความเครียดที่น่าสนใจ THE STANDARD POP จึงนำมาเป็นทิปส์สำหรับผู้อ่านทุกคนที่กำลังต้องการวิธีระบายความเครียดผ่านพฤติกรรมที่เราอาจมีมุมมองว่ามันไม่เหมาะสม ไม่ดี หรือไม่ควรทำ แต่เชื่อไหมว่า บางครั้งถ้าเรารู้จักหาพื้นที่ปลอดภัยแล้วปล่อยให้เราได้ระบายออกมาด้วยวิธีเหล่านั้นบ้าง มันกลับช่วยลดทอนความหนักอึ้งในใจให้ผ่อนคลายเบาบางลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

POP Tip: วิธีระบายความเครียดที่บางครั้งเรามีมุมมองต่อมันว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การด่า บ่น เต้น ตะโกน ต่อยหมอน แต่หากเราหาพื้นที่และช่วงเวลาปลอดภัยให้กิจกรรมเหล่านี้ มันจะช่วยให้ความหนักอึ้งและความเครียดในใจผ่อนคลายเบาบางลงได้

 

ภาพ: Shutterstock

 


 

วิธี Self-Transform เปลี่ยนตัวเองให้เจ๋งขึ้น

 

self-transform

 

การดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ ทำแบบเดิมๆ พอผ่านไปนานเข้า ก็จะรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวมันดูน่าเบื่อ ชวนให้ขี้เกียจ และไม่สนุกเอาซะเลย ยิ่งปล่อยไว้นาน แรงบันดาลใจยิ่งหดหาย กลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่โดดเด่นสักอย่าง เราจึงอยากชวนทุกคนมาลองวิธี Self-Transform ตัวเอง เปลี่ยนตัวเองให้เจ๋งขึ้น ทั้งจากวิธีคิดภายในสู่แนวทางการปฏิบัติภายนอก ที่จะช่วยตบตีความไม่เอาถ่านของเรา ให้กลับมาเข้ารูปเข้าร่างและสามารถสร้างพลังงานบวกให้กับชีวิตของเราอีกครั้ง 


POP Tip: วิธี Self-Transform เปลี่ยนตัวเองให้เจ๋งขึ้น

  1. ฝึกสติทุกวัน ระงับความอารมณ์ร้อนของตัวเองให้ได้ 
  2. แทนที่จะเอาแต่พูด ลองลงมือทำอย่างตั้งใจจริง
  3. ขอโทษและขอบคุณให้เป็น 
  4. คบเพื่อนหรืออยู่ใกล้คนที่มีพลังงานแง่บวกเข้าไว้ 
  5. หยุดตำหนิตัวเองด้วยทัศนคติเชิงลบ 
  6. ให้อภัยให้เป็นทั้งตัวเองและผู้อื่น 

 

ภาพ: Shutterstock

 


 

หนทางสู่การรักและรู้จักตัวเองให้มากขึ้น

 

 

คุณกำลังมีปัญหากับการรักตัวเองอยู่หรือเปล่า? ถ้าวันๆ เอาแต่รู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย เราอยากชวนให้มาคิดปรับมายด์เซ็ตใหม่ ด้วยแนวคิดที่ว่า การรักตนเองนั้นเป็นความรักจากภายใน มันคือการยอมรับว่าเราเป็นใคร และตัวตนของเราเป็นอย่างไร หากเรายืนหยัดและเข้มแข็งในความคิดที่รู้จักตัวเองได้ดีแล้ว เราจะมองเห็นแสงสว่างหรือวิธีที่จะรักตัวเองได้อย่างสนิทใจ และเมื่อไรที่เราเห็นคุณค่าของตัวเองได้แล้ว เราจะมีพลังในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น ต่อไปนี้คือหนทางสู่การรักและรู้จักตัวเองให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

POP Tip: หนทางสู่การรักและรู้จักตัวเองให้มากขึ้น

  1. อนุญาตให้ตัวเองทำในสิ่งที่ต้องการและถูกต้อง
  2. สร้างเวลาของตัวเองขึ้นมา และใช้มันทำสิ่งที่ชอบ
  3. จงกล้าปฏิเสธ ถ้าไม่อยากทำ ไม่ต้องทำ
  4. ใจดีและอ่อนโยนกับตัวเองอยู่เสมอ
  5. เลิกวิจารณ์ตัวเองในแง่ลบ 


ภาพ: Shutterstock

 


 

ผลวิจัยชี้ว่าการอ่านช่วยกระตุ้นให้สมองเหมือนได้ออกกำลังกาย ช่วยให้ห่างไกลจากโรคความจำเสื่อมได้ด้วย

 

 

การอ่านหนังสือ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีการเยียวยาอารมณ์และจิตใจตัวเองที่เราอยากแนะนำมากๆ สำหรับบางคน หนังสือสักเล่ม ไม่ต่างจากยานอนหลับ ที่พลิกกระดาษไปเพียงไม่กี่แผ่น ก็เริ่มจะง่วงขึ้นมาทันทีจนแทบอ่านต่อไม่ไหว แต่รู้ไหมว่าการอ่านหนังสือนั้นมีประโยชน์ต่อสมองและจิตใจมากจริงๆ หากวันไหนอยากพักสมองจากเรื่องหนักๆ ในชีวิตประจำวัน เราแนะนำให้คุณเลือกหยิบหนังสือดีๆ สักเล่มที่อยู่ในความสนใจของคุณ แล้วใช้เวลาไปกับการอ่านอย่างช้าๆ เชื่อเถอะว่าถ้าเป็นเรื่องที่คุณชอบและสนใจ อ่านอย่างไรก็ไม่มีทางง่วง นอกจากนี้ยังดีต่อสมาธิ สมอง และช่วยลดความเครียดได้เป็นอย่างดี

 

POP Tip: หากอยากอยู่กับตัวเองเงียบๆ อย่างมีประโยชน์ต่อสมอง จิตใจ และช่วยผ่อนคลายความเครียดไปในตัว ลองหยิบหนังสือสักเล่มที่คุณสนใจและอ่านมันไปเรื่อยๆ ผลวิจัยชี้ว่าการอ่านช่วยกระตุ้นให้สมองเหมือนได้ออกกำลังกาย ช่วยให้ห่างไกลจากโรคความจำเสื่อมได้ด้วย

 


 

พระเอกสุดหล่อของประเทศจีน ‘สวีข่าย’ จากซีรีส์สุดฮอตอย่าง Falling Into Your Smile เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอล เพราะทั้งสนุกและเรียกเหงื่อได้ดีสุดๆ

 

 

เรายังอยู่ในช่วงเชียร์กีฬาโอลิมปิก ซึ่งเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายกันแล้ว จึงอยากแนะนำนักแสดงชื่อดังที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายด้วยกีฬายอดนิยมกันบ้าง โดยเฉพาะพระเอกสุดหล่อหน้ามน สวีข่าย ซึ่งเป็นพระเอกสุดฮอตจากประเทศจีน แผ่นดินใหญ่ที่มีผลงานซีรีส์หลายเรื่องที่ฮอตฮิตติดลมบน เขาเป็นหนึ่งในคนที่รักสุขภาพและหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ โดยกีฬาที่เขาชอบเพราะสนุกและได้เหงื่อดีคือกีฬาบาสเกตบอลนั่นเอง 

 
POP Tip: พระเอกสุดหล่อของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง สวีข่าย ที่มีผลงานซีรีส์สุดฮอตอย่าง Falling Into Your Smile เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอล เพราะทั้งสนุกและเรียกเหงื่อได้ดีสุดๆ

 

ภาพ: Instagram 

 


 

สติกเกอร์ตกแต่งเล็บ ทำได้เองง่ายๆ ที่บ้าน แถมยังช่วยกู้สภาพเล็บให้กลับมาฟรุ้งฟริ้งและมีสีสันอีกครั้งแบบไม่ต้องง้อช่าง 

 

 

POP Tip วันนี้ขอเอาใจสาวๆ บิวตี้เลิฟเวอร์บ้าง เพราะเชื่อว่าหลายคนมีปัญหากับเล็บตัวเอง ที่ไม่ได้เข้าร้านทำเล็บแล้วสภาพอาจดูไม่ได้ เทรนด์ในการทำเล็บที่ถือว่ามาแรงในช่วงนี้และเป็นการแก้ปัญหาได้ชั่วคราว (อย่างได้ผล) ก็คือการตกแต่งเล็บแบบทำเองง่ายๆ ได้ที่บ้าน ด้วยการพึ่งพาสติกเกอร์ติดเล็บ ซึ่งตอนนี้มีลวดลายสวยๆ สุดปังมากมายให้สาวๆ ได้เลือกแต่งเล็บได้โดยไม่ต้องง้อช่างทำเล็บในระหว่างที่อยู่ในช่วงล็อกดาวน์นี้

 

POP Tip: สาวคนไหนที่เบื่อเล็บตัวเองกับสภาพที่ดูไม่ได้ แนะนำให้แก้ไขปัญหาชั่วคราวด้วยการติดสติกเกอร์ตกแต่งเล็บ ซึ่งนอกจากจะทำได้เองง่ายๆ ที่บ้านแล้ว ยังช่วยกู้สภาพเล็บให้กลับมาฟรุ้งฟริ้งและมีสีสันอีกครั้งแบบไม่ต้องง้อช่าง 


ภาพ: Polishpops

 

The post POP TIP: ‘สวีข่าย’ พระเอกซีรีส์ Falling Into Your Smile เป็นหนึ่งในนักแสดงที่ชื่นชอบกีฬาบาสเกตบอล เพราะทั้งสนุกและเรียกเหงื่อได้ดีสุดๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: Zoom ทุ่มกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ซื้อกิจการ Five9 | Morning Wealth 20 กรกฎาคม 2564 https://thestandard.co/morning-wealth-20072021-3/ Tue, 20 Jul 2021 06:10:38 +0000 https://thestandard.co/?p=514748 Zoom

Zoom บริษัทผู้ให้บริการประชุมออนไลน์ของสหรัฐฯ เปิดเผยกา […]

The post ชมคลิป: Zoom ทุ่มกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ซื้อกิจการ Five9 | Morning Wealth 20 กรกฎาคม 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Zoom

Zoom บริษัทผู้ให้บริการประชุมออนไลน์ของสหรัฐฯ เปิดเผยการเข้าซื้อกิจการของ Five9 Inc. ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยกระดับแพลตฟอร์มของ Zoom ให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Microsoft Corp. ได้ รายละเอียดติดตามได้ใน Highlight นี้

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: Zoom ทุ่มกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ซื้อกิจการ Five9 | Morning Wealth 20 กรกฎาคม 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Zoom ทุ่มกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ เข้าซื้อกิจการ Five9 ตั้งเป้ายกระดับบริการธุรกิจรับโลกยุคหลังโควิด https://thestandard.co/zoom-buys-five9/ Tue, 20 Jul 2021 01:57:59 +0000 https://thestandard.co/?p=514646 Zoom

สถานีโทรทัศน์ CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า Zoom Video Commun […]

The post Zoom ทุ่มกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ เข้าซื้อกิจการ Five9 ตั้งเป้ายกระดับบริการธุรกิจรับโลกยุคหลังโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
Zoom

สถานีโทรทัศน์ CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า Zoom Video Communications Inc. หรือ Zoom บริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านการประชุมออนไลน์ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยการเข้าซื้อกิจการของ Five9 Inc. ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตั้งเป้ายกระดับแพลตฟอร์มของ Zoom ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Microsoft Corp.

 

ขณะเดียวกัน เป้าหมายอีกประการหนึ่งในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ยังเป็นไปเพื่อการขยายธุรกิจเพิ่มเติมของ Zoom จากปัจจุบันที่ทำเฉพาะวิดีโอคอลให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืน และเพื่อเสริมระบบ Zoom Phone ซึ่งเป็นบริการโทรศัพท์ผ่านคลาวด์ของ Zoom

 

อีริก หยวน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Zoom กล่าวถึงเหตุผลของการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ว่าเป็นผลจากการที่บริษัทกำลังมองหาวิธีปรับปรุงแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่องและ Five9 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับ Zoom ในการยกระดับแพลตฟอร์มเพื่อแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่และสร้างโอกาสการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคตข้างหน้า

 

รายงานระบุว่า การซื้อขายครั้งนี้จะทำให้ผู้ถือหุ้นของ Five9 จะได้รับหุ้นสามัญของ Zoom ราว 0.5 หุ้นต่อจำนวนหุ้น Five9 1 หุ้น ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ทั้งหมดภายในครึ่งปีแรกของปี 2022

 

ขณะเดียวกัน ซีอีโอของ Zoom ได้ประกาศแต่งตั้งให้ โรวาน โทรลโลเป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Five9 ขึ้นเป็นประธานบริษัท Zoom คนใหม่ ควบกับการทำหน้าที่ผู้ดูแลหน่วยปฏิบัติการชุดใหม่ของ Zoom พร้อมคาดการณ์ว่า Zoom จะสามารถทำรายได้มากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในอนาคต

 

สกอตต์ เคสสเลอร์ นักวิเคราะห์ของ Third Bridge บริษัทด้านเทคโนโลยี สื่อ และการสื่อสารโทรคมนาคม กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวเหมือนจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายข้อเสนอและความสัมพันธ์ระดับองค์กร ตลอดจนตลาดที่เข้าถึงได้ทั้งหมดของ Zoom

 

 

อ้างอิง:

The post Zoom ทุ่มกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ เข้าซื้อกิจการ Five9 ตั้งเป้ายกระดับบริการธุรกิจรับโลกยุคหลังโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>