Wonder Woman – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 03 Aug 2023 07:36:07 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Barbie ของ Greta Gerwig กลายเป็นภาพยนตร์จากผู้กำกับหญิงเดี่ยวที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล https://thestandard.co/barbie-by-greta-gerwig-highest-women-film-revenue/ Thu, 03 Aug 2023 07:35:30 +0000 https://thestandard.co/?p=824994 Barbie

ภาพยนตร์แห่งปีอย่าง Barbie ของ Greta Gerwig ได้กลายเป็น […]

The post Barbie ของ Greta Gerwig กลายเป็นภาพยนตร์จากผู้กำกับหญิงเดี่ยวที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
Barbie

ภาพยนตร์แห่งปีอย่าง Barbie ของ Greta Gerwig ได้กลายเป็นภาพยนตร์จากผู้กำกับหญิงเดี่ยวที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลเป็นที่เรียบร้อย ทำลายสถิติเก่าอย่าง Wonder Woman ของ Patty Jenkins ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป 821.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2017

 

เว็บไซต์ Deadline รายงานรายได้ทั่วโลกของภาพยนตร์ตุ๊กตาจาก Mattel เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยทำรายได้ทั่วโลกไป 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเข้าฉายเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะทำรายได้แตะหลักพันล้านดอลลาร์สหรัฐในไม่ช้านี้

 

อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวไม่นับรวมภาพยนตร์ที่มีผู้กำกับหญิงร่วมกับกำกับด้วย อย่างเช่น Frozen ทั้งภาคแรกและภาคสองของ Jennifer Lee และ Chris Buck ที่ทำเงินสองภาครวมกันกว่า 2,731 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Captain Marvel ของค่าย Marvel Studios ผลงานการกำกับของ Anna Boden และ Ryan Fleck ที่ทำรายได้ทั่วโลกไป 1,128 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่ได้เอาอัตราเงินเฟ้อมาคำนวณรวมด้วย

 

Barbie ถือเป็นปรากฏการณ์ในวงการภาพยนตร์แห่งปี และได้รับการตอบเชิงบวกจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม โดยมีรายได้เปิดตัวในสัปดาห์แรกทั่วโลกสูงสุดของปีที่ 356 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นภาพยนตร์จากผู้กำกับหญิงเดี่ยวที่เปิดตัวในสัปดาห์แรกสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย

 

ภาพ: Rodin Eckenroth / FilmMagic

อ้างอิง:

The post Barbie ของ Greta Gerwig กลายเป็นภาพยนตร์จากผู้กำกับหญิงเดี่ยวที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ Gal Gadot กับผลงานใหม่ Red Notice https://thestandard.co/gal-gadot-red-notice-interview/ Fri, 12 Nov 2021 13:00:14 +0000 https://thestandard.co/?p=559213 Gal Gadot

Gal Gadot หนึ่งในนักแสดงหญิงมากความสามารถ ที่กุมใจใครหล […]

The post ชมคลิป: สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ Gal Gadot กับผลงานใหม่ Red Notice appeared first on THE STANDARD.

]]>
Gal Gadot

Gal Gadot หนึ่งในนักแสดงหญิงมากความสามารถ ที่กุมใจใครหลายคนจากบทบาทดังอย่าง Wonder Woman ล่าสุดกำลังมีผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่แนวแอ็กชันฟอร์มยักษ์กับทาง Netflix อย่าง Red Notice ที่ร่วมแสดงกับ Dwayne Johnson และ Ryan Reynold โดยจะฉายวันแรกทางแพลตฟอร์มวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้

 

สำหรับภาพยนตร์ Red Notice ถือเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของเธอเลยทีเดียว จาก Wonder Woman ซูเปอร์ฮีโร่แสนดีที่ยิ่งใหญ่ มาเป็น The Bishop โจรขโมยงานศิลป์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของตัวร้าย

 

THE STANDARD POP ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ Gal Gadot เพื่อพูดคุยถึงภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!

The post ชมคลิป: สัมภาษณ์เอ็กซ์คลูซีฟ Gal Gadot กับผลงานใหม่ Red Notice appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้กำกับ Wonder Woman คอนเฟิร์มว่าภาค 3 กำลังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการสร้าง https://thestandard.co/wonder-woman-3/ Fri, 22 Oct 2021 02:30:20 +0000 https://thestandard.co/?p=551043 Wonder Woman

ใกล้จะสิ้นสุดการรอคอยแล้วสำหรับแฟนภาพยนตร์ Wonder Woman […]

The post ผู้กำกับ Wonder Woman คอนเฟิร์มว่าภาค 3 กำลังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการสร้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Wonder Woman

ใกล้จะสิ้นสุดการรอคอยแล้วสำหรับแฟนภาพยนตร์ Wonder Woman แห่งอาณาจักร DC เพราะผู้กำกับ Patty Jenkins (แพตตี้ เจนกินส์) ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่าพวกเขาได้เริ่มกระบวนการสร้างหนัง Wonder Woman ภาค 3 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะเป็นการปิดฉากไตรภาคภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หญิงอย่างเป็นทางการ   

 

Patty Jenkins เผยระหว่างการเข้าร่วมงานอีเวนต์ DC FanDome เมื่อวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ถึงความตื่นเต้นที่จะได้สานต่อโปรเจกต์ Wonder Woman ให้เสร็จสมบูรณ์ และเธอก็รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมากที่นางเอกสาว Gal Gadot ไม่ได้มาประกาศข่าวดีในครั้งนี้ด้วยตัวเอง 

 

“Gal Gadot เป็นบุคคลที่งานยุ่งที่สุดในโลก ทั้งเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนและยังต้องถ่ายทำหนังไปด้วย” เธอได้กล่าว

 

Warner Bros. ได้ประกาศถึงโปรเจกต์ Wonder Woman ภาค 3 ที่จะเป็นภาคส่งท้ายตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2020 โดยประธานบริษัทอย่าง Toby Emmerich แถลงการณ์ว่าทางทีมงานของสตูดิโอได้เริ่มงานสำหรับโปรเจกต์ภาค 3 แล้ว พร้อมกับเผยถึงความสำเร็จอันงดงามของ Wonder Woman 1984 ที่ออกฉายเมื่อปลายปีก่อน ซึ่งสมาชิกจำนวนครึ่งหนึ่งของ HBO Max ต่างก็เปิดดู Wonder Woman 1984 กันตั้งแต่วันแรกที่ฉายทางแพลตฟอร์มสตรีมมิง

 

“ในขณะที่แฟนๆ ทั่วโลกยังคงให้ความรักตัวละคร Diana Prince อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสัปดาห์ของการเปิดตัว Wonder Woman 1984 ที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เราตื่นเต้นที่จะได้สานต่อเรื่องราวของเธอกับผู้หญิงมหัศจรรย์ในชีวิตจริงของเราทั้งสอง Gal และ Patty ที่จะกลับมาสร้างบทสรุปของโปรเจกต์ภาพยนตร์ไตรภาคที่เราวางแผนมายาวนาน”

 

อย่างไรก็ตามยังไม่มีการประกาศแน่ชัดว่า Wonder Woman ภาคสุดท้ายจะออกฉายเมื่อไรกันแน่

 

อ้างอิง: 

The post ผู้กำกับ Wonder Woman คอนเฟิร์มว่าภาค 3 กำลังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการสร้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Patty Jenkins ผู้กำกับ Wonder Woman วิจารณ์ว่าภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิงเป็นเหมือน ‘ภาพยนตร์ปลอมๆ’ สำหรับเธอ https://thestandard.co/director-patty-jenkins-opinion-about-flim-streaming/ Sat, 11 Sep 2021 03:01:35 +0000 https://thestandard.co/?p=535543 Patty Jenkins

ด้วยวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิดที่กินเวลามาเกือบ 2 ปี ทำให้ […]

The post Patty Jenkins ผู้กำกับ Wonder Woman วิจารณ์ว่าภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิงเป็นเหมือน ‘ภาพยนตร์ปลอมๆ’ สำหรับเธอ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Patty Jenkins

ด้วยวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิดที่กินเวลามาเกือบ 2 ปี ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ อุตสาหกรรมภาพยนตร์เองก็เป็นหนึ่งในแวดวงที่ต้องดิ้นรนเช่นกัน

 

โควิดนำมาสู่การส่งตรงภาพยนตร์เข้าสู่แพลตฟอร์มสตรีมมิง โดยไม่ได้มีการเข้าสู่โรงภาพยนตร์ก่อน หรือเข้าโรงก่อนในเวลาไล่เลี่ยกันจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในวงการฮอลลีวูด ซึ่งผู้กำกับหญิงคนดังอย่าง Patty Jenkins (แพตตี้ เจนกินส์) เจ้าของผลงาน Wonder Woman ได้ออกมาวิจารณ์ถึงความ New Normal ดังกล่าวของวงการภาพยนตร์ว่า เธอรู้สึกว่าภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มเหล่านั้นเป็นเหมือนกับ ‘หนังปลอมๆ’ สำหรับเธอ

 

“คุณไม่เห็นกันเหรอ? ภาพยนตร์ทั้งหมดที่แพลตฟอร์มสตรีมมิงเอามาฉาย โทษทีนะมันดูเหมือนภาพยนตร์ปลอมๆ สำหรับฉัน ฉันไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับมัน ไม่ได้อ่านอะไรเกี่ยวกับมัน มันไม่เหมาะหรอกสำหรับการเป็นโมเดลที่ผลิตมรดกตกทอดอันยิ่งใหญ่นี้”

 

นอกจากนั้นเธอยังพูดถึงผลงานกำกับล่าสุดของเธออย่าง Wonder Woman 1984 ที่หนีไม่พ้นการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันเดียวกับที่ฉายบนแพลตฟอร์ม HBO Max ว่า 

 

“ฉันไม่คิดว่า Wonder Woman 1984 จะฉายวันเดียวกันกับการสตรีมมิงเลยแม้แต่น้อย ฉันไม่ใช่แฟนตัวยงของการฉายภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มเหล่านี้ และหวังว่าจะหลีกเลี่ยงมันไปตลอดกาล ฉันสร้างภาพยนตร์สำหรับการสัมผัสประสบการณ์บนจอใหญ่ต่างหากล่ะ”

 

ก่อนหน้านี้ Patty Jenkins เคยกล่าวว่าเธอไม่คิดว่าโมเดลการสตรีมมิงภาพยนตร์จะคงอยู่ตลอดไป โดยเฉพาะหลังจากที่สถานการณ์โควิดคลี่คลายลง และกลับคืนสู่ความเป็นปกติอีกครั้ง 

 

ภาพ: Warner Bros.

อ้างอิง: 

The post Patty Jenkins ผู้กำกับ Wonder Woman วิจารณ์ว่าภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิงเป็นเหมือน ‘ภาพยนตร์ปลอมๆ’ สำหรับเธอ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Warner Bros. ยืนยันว่ามี Wonder Woman 3 พร้อมเร่งให้ดำเนินการสร้างเรียบร้อย https://thestandard.co/wonder-woman-3-gal-gadot-patty-jenkins/ Mon, 28 Dec 2020 04:08:08 +0000 https://thestandard.co/?p=436406 Wonder Woman

Wonder Woman 1984 เพิ่งเข้าโรงภาพยนตร์ได้ไม่นาน ทาง War […]

The post Warner Bros. ยืนยันว่ามี Wonder Woman 3 พร้อมเร่งให้ดำเนินการสร้างเรียบร้อย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Wonder Woman

Wonder Woman 1984 เพิ่งเข้าโรงภาพยนตร์ได้ไม่นาน ทาง Warner Bros. ก็ออกมายืนยันแล้วว่า Wonder Woman จะกลับมาในภาคที่ 3 พร้อมเร่งให้ดำเนินการสร้างเรียบร้อย โดยมี กัล กาด็อต มารับบทซูเปอร์ฮีโร่หญิง และยังได้ แพตตี้ เจนคินส์ มาเขียนบทและนั่งเก้าอี้ผู้กำกับเช่นเดิม หลังจากที่ Wonder Woman 1984 ทำรายได้เปิดตัวเป็นที่น่าพอใจท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19

 

โทบี เอ็มมิลริช ประธานบริษัท Warner Bros. กล่าวว่า “ขณะที่แฟนๆ ทั่วโลกยังคงชื่นชอบ Diana Prince และทำร้ายได้เปิดตัวที่ดีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราตื่นเต้นมากที่จะสานต่อเรื่องราวของเธอกับหญิงแกร่งของเรา ทั้งกัลและแพตตี้ เพื่อกลับมาสรุปไตรภาคที่เราวางไว้มาอย่างยาวนาน” 

 

และสำหรับ Wonder Woman 1984 ที่เพิ่งเข้าฉายในโซนอเมริกาเหนือไปเมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา และทำรายได้ไปได้ 16.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 500 ล้านบาท และกวาดรายได้ทั่วโลกที่เข้าโรงก่อนประมาณหนึ่งสัปดาห์รวมแล้วขณะนี้อยู่ที่  85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในเฉพาะประเทศไทยที่เข้าโรงตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ยังกวาดรายได้สัปดาห์แรกไปแล้ว 35.80 ล้านบาท แถมในแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง HBO Max ยังมีผู้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงเกือบครึ่งของจำนวนผู้ใช้ทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยถึงกำหนดการฉายและนักแสดงสมทบคนอื่นๆ หรือยืนยันว่า Wonder Woman 3 จะมีการเปิดตัวเช่นเดียวกับ Wonder Woman 1984 ที่เข้าทั้งโรงภาพยนตร์และแพลตฟอร์มสตรีมมิงไปพร้อมๆ กัน แต่ในกำหนดการฉายโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่จะเข้าโรงภาพยนตร์แบบเดิมของ Warner Bros. ในปี 2023 จะมีทั้งเรื่อง Furiosa ภาพยนตร์ภาคก่อนจะมาเป็น Mad Max, Coyote vs. Acme และ The Color Purple เวอร์ชันใหม่ ภาพยนตร์ชื่อดังเมื่อปี 1985

 

ภาพ: Warner Bros.

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

The post Warner Bros. ยืนยันว่ามี Wonder Woman 3 พร้อมเร่งให้ดำเนินการสร้างเรียบร้อย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Wonder Woman 1984 จะเข้าฉายทาง HBO Max และโรงภาพยนตร์ พร้อมกันในวันคริสต์มาส https://thestandard.co/wonder-woman-1984-show-on-hbo-max-cinema-on-christmas-day/ Thu, 19 Nov 2020 07:51:29 +0000 https://thestandard.co/?p=423025 Wonder Woman 1984 จะเข้าฉายทาง HBO Max และโรงภาพยนตร์ พร้อมกันในวันคริสต์มาส

นับเป็นข่าวดีของแฟนภาพยนตร์ทั่วโลก โดยเฉพาะเหล่าสาวกของ […]

The post Wonder Woman 1984 จะเข้าฉายทาง HBO Max และโรงภาพยนตร์ พร้อมกันในวันคริสต์มาส appeared first on THE STANDARD.

]]>
Wonder Woman 1984 จะเข้าฉายทาง HBO Max และโรงภาพยนตร์ พร้อมกันในวันคริสต์มาส

นับเป็นข่าวดีของแฟนภาพยนตร์ทั่วโลก โดยเฉพาะเหล่าสาวกของ DC Comics ที่ล่าสุดมีการออกมายืนยันแล้วว่า ภาพยนตร์ Wonder Woman 1984 ภาคต่อของ Wonder Woman (2017) จะเปิดตัวเข้าฉายในโรงภาพยนตร์สหรัฐอเมริกาพร้อมกับบริการสตรีมมิง HBO Max ในวันที่ 25 ธันวาคมหรือวันคริสต์มาส หลังก่อนหน้านี้หลายคนคาดการณ์ว่าตัวภาพยนตร์อาจต้องเลื่อนฉายตามภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่องอื่นๆ ไป เนื่องจากพิษการระบาดของโควิด-19 ที่ปัจจุบันยังคงไม่ดีขึ้น

 

สำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกของ HBO Max อยู่แล้วจะไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเข้าชม Wonder Woman 1984 แต่หากใครยังไม่เป็นสมาชิกก็ต้องเสียค่าสมัครใช้บริการจำนวน 15 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 450 บาท 

 

ส่วนคนที่อาศัยอยู่ในประเทศที่สตรีมมิง HBO Max ยังเข้าไม่ถึง หรือยังไม่มีการเปิดให้บริการ ก็สามารถเดินทางไปชมที่โรงภาพยนตร์ได้ในวันที่ 16 ธันวาคม หนึ่งสัปดาห์ก่อนเปิดตัวในสหรัฐฯ

 

แม้ว่าการตัดสินใจนำ Wonder Woman 1984 เข้าฉายในโรงภาพยนตร์และระบบสตรีมมิงพร้อมกัน จะยังถือว่ามีความเสี่ยงอยู่บ้างสำหรับ Warner Bros. Pictures ซึ่งเป็นสตูดิโอผู้จัดจำหน่าย เนื่องจากหลายฝ่ายเชื่อว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีศักยภาพมากพอที่จะทำเงินได้มหาศาลระดับเข้าใกล้หลักพันล้านเหมือนที่ Wonder Woman กวาดไปถึง 821 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทว่าด้วยสถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน ตัวภาพยนตร์คงไม่สามารถทำเงินได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และยากที่จะไปถึงจุดนั้น แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของพวกเขาครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามค้นหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่แฟนๆ ภาพยนตร์ด้วย

 

“ในขณะที่เรากำลังเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่ไม่คาดคิด เราต้องปรับตัวและค้นหาทางเดินใหม่ที่จะทำให้ธุรจกิจของเราเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมๆ กับการบริการและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่แฟนๆ Woder Woman 1984 เป็นภาพยนตร์ที่น่าทึ่ง มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฉายบนจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้เราก็ตระหนักดีว่ามีผู้คนมากมายที่ไม่สามารถเดินทางไปชมภาพยนตร์ในโรงได้ ดังนั้นเราจึงเพิ่มทางเลือกให้แก่พวกเขาในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านแพลตฟอร์มของ HBO Max” แอนน์ ซาร์นอฟฟ์ ซีอีโอ Warner Bros. Pictures กล่าว

 

ทางด้าน แพตตี เจนคินส์ ผู้กำกับภาพยนตร์ Wonder Woman ทั้งสองเรื่องได้ออกมาทวีตผ่านแอ็กเคานต์ส่วนตัวว่า เธอรักภาพยนตร์เรื่องนี้ และเธอก็รักแฟนๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน อีกทั้งเธอยังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยและให้คำแนะนำด้วยว่า หากใครจะไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ ก็ให้ไปโรงภาพยนตร์ที่ปลอดภัยมากที่สุด แต่ถ้ามันไม่ปลอดภัย ก็ขอให้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่บ้านผ่านทาง HBO Max 

 

ภาพ: Warner Bros.

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

The post Wonder Woman 1984 จะเข้าฉายทาง HBO Max และโรงภาพยนตร์ พร้อมกันในวันคริสต์มาส appeared first on THE STANDARD.

]]>
Gal Gadot เตรียมรับบทคลีโอพัตราในภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่เธอจะกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ Wonder Woman อีกครั้ง https://thestandard.co/gal-gadot-prepare-for-cleopatra-role/ Mon, 12 Oct 2020 00:48:16 +0000 https://thestandard.co/?p=406355 Gal Gadot เตรียมรับบทคลีโอพัตราในภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่เธอจะกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ Wonder Woman อีกครั้ง

หลังจากมีกระแสมานานว่าวงการฮอลลีวูดอยากนำภาพยนตร์ชีวประ […]

The post Gal Gadot เตรียมรับบทคลีโอพัตราในภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่เธอจะกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ Wonder Woman อีกครั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Gal Gadot เตรียมรับบทคลีโอพัตราในภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่เธอจะกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ Wonder Woman อีกครั้ง

หลังจากมีกระแสมานานว่าวงการฮอลลีวูดอยากนำภาพยนตร์ชีวประวัติเกี่ยวกับ คลีโอพัตรา มาปัดฝุ่นสร้างใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็มีข่าวลือมากมาย ตั้งแต่ แอนเจลินา โจลี จนถึง เลดี้ กาก้า ว่าจะมารับบทนำ ล่าสุดเว็บไซต์ Deadline ได้ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่านางเอกสาว กัล กาด็อต จะมารับบทสุดอมตะที่ อลิซาเบธ เทย์เลอร์ เคยเล่นไว้เมื่อปี 1963

 

สำหรับเรื่องนี้ กัล กาด็อต จะกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับคู่บุญ แพตตี้ เจนคินส์ อีกครั้ง หลังเคยร่วมงานในเรื่อง Wonder Woman ทั้ง 2 ภาค ซึ่งทั้งคู่ก็จะเป็นโปรดิวเซอร์สำหรับเรื่องคลีโอพัตราด้วย โดยมีรายงานเพิ่มเติมว่า ค่าย Paramount Pictures ได้ชนะสิทธิ์ผู้จัดจำหน่ายและสร้างเรื่องนี้ โดยเอาชนะคู่แข่งสำคัญทั้ง Apple, Netflix, Universal และ Warner Bros.

 

แม้ตอนนี้จะยังไม่มีรายละเอียดของชื่อเรื่องอย่างเป็นทางการ กำหนดการฉาย หรือ เรื่องราวว่าภาพยนตร์จะโฟกัสประวัติส่วนไหนของราชินีอียิปต์คนนี้ แต่ก็มีการคอนเฟิร์มว่า เลต้า คาโลกริดิส จะมาเขียนบทภาพยตร์ ซึ่งเธอเคยฝากผลงานไว้ในหนังเรื่อง Shutter Island และ Terminator Genisys มาแล้ว ส่วนใครที่คิดถึงผลงานการแสดงของ กัล กาด็อต ก็ต้องลุ้นว่าภาพยนตร์ภาคต่อ Wonder Woman 1984 จะโดนเลื่อนอีกหรือไม่ เพราะ ณ เวลานี้มีกำหนดเข้าฉายช่วงคริสต์มาสปีนี้ โดยเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับที่ภาพยนตร์เรื่อง Death on the Nile จะเข้าฉาย ซึ่งนักแสดงชาวอิสราเอลขวัญใจหลายๆ คนได้แสดงร่วมกับ แอนเน็ตต์ เบนนิง และ อาร์มี แฮมเมอร์ เป็นต้น

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

The post Gal Gadot เตรียมรับบทคลีโอพัตราในภาพยนตร์เรื่องใหม่ ที่เธอจะกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ Wonder Woman อีกครั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Justin Bieber, Trump, Billie Eilish, Obama, Wonder Woman, Rihanna, Mulan… อะไรจะเกิดขึ้นในวงการบันเทิงต่างประเทศปี 2020 https://thestandard.co/now-next-2020-entertainment/ Thu, 02 Jan 2020 11:59:30 +0000 https://thestandard.co/?p=317206 อุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศ

2020 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีสำคัญที่ต้องจับตามองและศึกษาอุ […]

The post Justin Bieber, Trump, Billie Eilish, Obama, Wonder Woman, Rihanna, Mulan… อะไรจะเกิดขึ้นในวงการบันเทิงต่างประเทศปี 2020 appeared first on THE STANDARD.

]]>
อุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศ

2020 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีสำคัญที่ต้องจับตามองและศึกษาอุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศไว้ให้ดี เพราะจะเต็มไปด้วยผลงานและเหตุการณ์ที่เชื่อได้ว่าจะขับเคลื่อน สร้างบทสนทนา และ Disrupt วัฒนธรรมและสังคมทั่วโลก พร้อมสะท้อนว่าแค่เริ่มปีแรกของทศวรรษใหม่ โลกเราจะต้องเผชิญอะไรกันบ้าง THE STANDARD POP ได้คาดเดาและหยิบ 7 ประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นจริงๆ หรือไม่ก็ต้องกลับมาเช็กดูอีกครั้งใน 12 เดือนข้างหน้า

 

Trump Billie Eilish

 

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และบทบาทของบิลลี่ อายลิช 

แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2020 จะยังคลุมเครือ เพราะเรายังไม่รู้ผลลัพธ์สถานการณ์การถอดถอน โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเตรียมตัวสำหรับการลงเลือกตั้งใหม่ ส่วนฝั่งเดโมแครตก็ยังเคาะไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นตัวแทน แม้ โจ ไบเดน ดูมีสิทธิ์สูงสุดหากอิงตามโพลต่างๆ แต่แน่นอนว่าประมาณกลางปีเราจะได้เห็นคนดังต่างรณรงค์ให้คนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากมาย เช่น แคมเปญ Rock The Vote และเพราะชาวฮอลลีวูดเป็นฐานเสียงสำคัญของฝั่งเดโมแครตมาโดยตลอด เราจะได้เห็นคนดังระดับเอลิสต์ต่างออกมาสร้างจุดยืนสนับสนุนอย่างแน่นอนไม่ว่าใครจะเป็นตัวแทนพรรค ยิ่งถ้าทรัมป์เป็นตัวแทนฝั่งรีพับลิกัน (ซึ่งเป็นไปได้สูง) ก็เตรียมตัวเห็นคนดังออกมาต่อต้านอย่างหนักหน่วงกันได้เลย พร้อมทั้งใช้ทุกแพลตฟอร์มในมือเพื่อโจมตี เพราะไม่อยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

 

แต่ถ้าการเลือกตั้งในปี 2016 ที่ ฮิลลารี คลินตัน พ่ายแพ้ไปจะสอนอะไรเราเกี่ยวกับแวดวงฮอลลีวูด ก็คือคุณจะมี บียอนเซ่, เคที เพอร์รี, เลดี้ กาก้า มาขึ้นเวทีหาเสียงช่วยคุณ แน่นอนว่าด้านกระแสข่าวก็จะมา แต่คนจะเลือกตามหรือไม่นั้นคืออีกเรื่องหนึ่ง 

 

แต่! ในปีนี้เรากลับมองว่าหนึ่งในศิลปินที่จะเป็นตัวแปรสำคัญอย่างมากต่อฐานคนยุคใหม่ (Gen Z) ที่จะเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นครั้งแรกก็คือ บิลลี่ อายลิช ที่เธอเพิ่งอายุ 18 ปี ซึ่งบิลลี่เองก็ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Times ว่าค่อนข้างเป็นกังวลว่าทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีอีกรอบ และเธอยังบอกอีกว่าเบื่อที่ผู้ใหญ่ชอบคิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอไป ส่วนการจัดแสดงคอนเสิร์ตของเธอในสหรัฐอเมริกาปีนี้จะมีการติดตั้งบูธร่วมกับ HeadCount เพื่อให้คนได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่เธอจะถึงขั้นขึ้นปราศรัยบนเวทีและใช้โซเชียลมีเดียของตัวเองในช่วงการหาเสียงหรือไม่ก็ต้องติดตามกันให้ดี

 

barack obama

Photo: Hannes Magerstaedt / Getty Images

 

หนังสือชีวประวัติ บารัก โอบามา

พูดถึงประเด็นเรื่องประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาแล้ว ชื่อของ บารัก โอบามา ก็จะวนเวียนในสารบบวัฒนธรรมป๊อปในปีนี้อย่างแน่นอน โดยสื่อสหรัฐอเมริกาหลายเจ้าทั้ง USA Today และ The Huffington Post ได้รายงานว่าหนังสือชีวประวัติของโอบามามีสิทธิ์วางแผงในช่วงการหาเสียงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งแม้โอบามาจะออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้สนับสนุนใครเป็นตัวแทนฝ่ายเดโมแครต (รวมถึง โจ ไบเดน ที่เคยเป็นรองประธานาธิบดีของเขามาสองสมัย) แต่ก็เชื่อว่าหนังสือจะสามารถสร้างกระแสและเพิ่มโปรไฟล์ฝ่ายเดโมแครตไม่มากก็น้อย และยิ่งถ้าตอนนั้นโอบามาตัดสินใจขึ้นหาเสียงช่วยปราศรัยเมื่อมีตัวแทนพรรค เราก็เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งหมากสำคัญด้านการเมือง 

 

โดยหนังสือเล่มที่กล่าวถึงนี้ โอบามาได้เซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์ Penguin Random House ไปเมื่อปี 2017 และมีการรายงานว่าค่าตัว (Book Advance) น่าจะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์หากเปรียบเทียบกับประธานาธิบดีคนก่อนๆ แต่ยอดขายจะชนะหนังสือ Becoming ของภรรยา มิเชล โอบามา ที่ทำไปกว่า 10 ล้านเล่มในปีเดียวหรือไม่ก็ต้องลุ้นกัน

 

อุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศ

Photo: Getty Images

 

American Crime Story: Impeachment หนึ่งในซีรีส์ที่จะมีคนพูดถึงมากที่สุด 

เรายังคงไม่จบประเด็นการเมืองและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาง่ายๆ เพราะหนึ่งในซีรีส์แห่งปีที่หลายคนเฝ้ารอชมก็คือ American Crime Story: Impeachment ของผู้สร้าง ไรอัน เมอร์ฟีย์ ที่จะออกอากาศตอนแรกวันที่ 27 กันยายน 2020 ทางช่อง FX โดยเรื่องนี้ดัดแปลงจากหนังสือ A Vast Conspiracy: The Real Story of the Sex Scandal That Nearly Brought Down a President ของนักเขียน เจฟฟรีย์ ทูบิน เล่าเรื่องราวคดีฟ้องร้องประธานาธิบดีบิล คลินตัน ในปี 1998 สืบเนื่องจากความสัมพันธ์ของเขาและ โมนิกา ลูวินสกี หญิงสาวที่มาฝึกงานในทำเนียบขาว ซึ่งลูวินสกีก็จะมาเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์และที่ปรึกษาอีกด้วย ด้านทีมนักแสดงก็มี ไคลฟ์ โอเวน มารับบทเป็น บิล คลินตัน, บีนนี่ เฟลด์สไตน์ มารับบทเป็น โมนิกา ลูวินสกี และซาร่าห์ พอลสัน รับบทเป็น ลินดา ทริปป์ โดยช่วงที่ซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าเรื่องนี้จะส่งผลอะไรบ้าง โดยเฉพาะกับภาพลักษณ์ของทรัมป์ (ถ้าเขาเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกัน) ที่มีประเด็นเรื่องผู้หญิงและความเหลื่อมล้ำทางสังคมมาโดยตลอด 

 

อุตสาหกรรมบันเทิงต่างประเทศ

Photo: Courtesy of Studio

 

พลังหญิงต้องมา! Wonder Woman, Black Widow, Mulan ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี

เพราะฮอลลีวูดทำให้ได้เห็นอย่างชัดเจนในช่วงปลายทศวรรษที่ผ่านมาว่าภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องโดยตัวละครผู้หญิง เกี่ยวกับผู้หญิง และกำกับโดยผู้หญิง ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และคำวิจารณ์ ในปี 2020 เราจึงได้เห็นภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์หลายๆ เรื่องที่ตัวละครหญิงจะได้บทนำในช่วงซัมเมอร์ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งแต่ละเรื่องก็มีฐานแฟนคลับนับล้านเตรียมตีตั๋วเข้าชม

 

เรื่องแรกคือ Mulan เวอร์ชัน Live-Action ของค่ายวอลต์ ดิสนีย์ ที่จะเข้าฉายช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งได้ หลิวอี้เฟย มารับบทนำ และนิกี้ คาโร ผู้กำกับหญิงจากนิวซีแลนด์ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่อง The Zookeeper’s Wife (2017) มากำกับให้ พร้อมทุนสร้างที่สูงถึง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

แต้มต่อของ Mulan คือการมีฐานแฟนคลับจากเวอร์ชันการ์ตูนในปี 1998 และที่สำคัญกว่าคือตลาดประเทศจีนที่เรื่องนี้มีสิทธิ์สร้างสถิติใหม่ด้านรายได้อย่างแน่นอน เห็นได้จากการที่ตัวอย่างภาพยนตร์สามารถทำยอดได้ 175.1 ล้านวิวภายใน 24 ชั่วโมงแรก ซึ่ง 52 ล้านวิวมาจากประเทศจีน

 

เรื่องที่สองมาจากค่ายวอลต์ ดิสนีย์ เช่นกันกับ Black Widow ภาพยนตร์เดี่ยวของตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวลซึ่งจะเข้าฉายต้นเดือนพฤษภาคม นำแสดงโดย สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน และกำกับโดยผู้กำกับหญิงชาวออสเตรเลีย เคต ชอร์ตแลนด์ ที่เคยฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์สายประกวดอย่าง Somersault (2004) และ Lore (2012) เชื่อว่ารายได้ของ Black Widow ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะฐานแฟนคลับจักรวาลมาร์เวลก็คุ้นเคยมานานบนจอเงินตั้งแต่เรื่อง Iron Man 2 (2010) แต่ก็น่าจะถูกเปรียบเทียบเรื่องรายได้กับ Captain Marvel (2019) ที่ทำเงินทั่วโลกไปกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

ปิดท้ายด้วย Wonder Woman 1984 ภาพยนตร์ภาคต่อของซูเปอร์ฮีโร่ในจักรวาลดีซีคอมิกส์ที่จะเข้าฉายกลางเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมทีมนักแสดงชุดเดิม นำทัพโดย กัล กาด็อต และกำกับโดย แพตตี้ เจนกินส์ ซึ่งได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้กำกับหญิงที่ได้ค่าตอบแทนสูงสุดจากเรื่องนี้ 

 

แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ Wonder Woman เด่นกว่าหากเทียบกับ Mulan และ Black Widow คือความสำเร็จของภาพยนตร์ภาคแรก โดยเฉพาะในแง่คำวิจารณ์ อีกทั้งผลโหวตของแฟนๆ จากเว็บไซต์ชื่อดัง Fandango ก็ยกให้ Wonder Woman 1984 เป็นภาพยนตร์ที่แฟนๆ เฝ้ารอชมมากที่สุด

 

ครอบครัวคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ 

Photo: Kevin Tachman / MG19 / Getty Images for The Met Museum / Vogue

 

ธุรกิจต่อไปของสาวๆ ครอบครัวคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ 

พูดถึงหญิงแกร่งแล้ว แน่นอนว่าสาวๆ ตระกูลคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่สำคัญที่สุดของทศวรรษที่ผ่านมาและสร้างอาณาจักรแสนล้าน ความน่าสนใจต่อเนื่องในปี 2020 คือสมาชิกแต่ละคนของครอบครัวจะสามารถต่อยอดธุรกิจของตัวเองไปในทิศทางไหน และทุกคนจะยังคงประคองยอดขายได้ต่อหรือไม่ 

 

เริ่มจาก คิม คาร์ดาเชียน เวสต์ ที่ได้เห็นแบรนด์ Skims ของตัวเองที่เปิดขายเมื่อปลายปีที่แล้วเติบโตอย่างรวดเร็วภายใน 4 เดือนแรก จากชุดกระชับสัดส่วนมาขายชุดชั้นในและชุดลำลอง (Loungewear) ซึ่งในปีนี้ก็น่าจะบุกสินค้าประเภทอื่นๆ และอาจจะมีการเซ็นสัญญาการขายแบบออนกราวด์ในห้างแบบเอ็กซ์คลูซีฟ 

 

ด้านมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลกอย่าง ไคลี เจนเนอร์ เราก็น่าจะเห็นธุรกิจความงาม Kylie Cosmetics ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หลังทางบริษัทยักษ์ใหญ่ Coty เข้ามาซื้อกิจการ 51% ในราคาสูงถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าทาง Coty จะเล่นใหญ่ให้แบรนด์โดยการเปิดเป็นเคาน์เตอร์ในห้างทั่วโลก หรือเน้นขายที่ Ulta Beauty และช่องทางออนไลน์อย่างเดียวต่อไป 

 

ส่วนถ้าให้ดูในเรื่องของตัวสินค้าเอง คอลเล็กชันที่แฟนคลับต่างรอกวาดซื้อหลังมีการแง้มออกมาบ้างแล้วก็คือการร่วมมือกับพี่สาว เคนดัลล์ เจนเนอร์ ซึ่งเคนดัลล์ยังไม่ได้ร่วมงานกับแบรนด์ความงามของพี่น้องตัวเองเลย (คิมเป็นเจ้าของแบรนด์ KKW Beauty ด้วย) เพราะน่าจะติดสัญญากับ Estée Lauder และ Proactiv แต่เมื่อคอลเล็กชันนี้วางขายก็เชื่อว่าต้อง sold out แน่นอน หรือเคนดัลล์จะเปิดแบรนด์ความงามของตัวเองบ้างหรือเปล่า… ต้องรอดูปีนี้ 

 

Justin Bieber

Photo: Courtesy of Justin Bieber

 

การกลับมาของจัสติน บีเบอร์ 

เริ่มต้นทศวรรษใหม่ ดูเหมือนแวดวงดนตรีต้องหลบให้การกลับมาของ จัสติน บีเบอร์ ที่กำลังจะปล่อยซิงเกิลใหม่ Yummy จากอัลบั้มใหม่ชุดที่ 5 ในวันที่ 3 มกราคมนี้ นอกจากนี้ยังประกาศทัวร์คอนเสิร์ตใหม่ในทวีปอเมริกาเหนือที่จะเริ่มในช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้าจนถึงเดือนกันยายน 

 

ต่อด้วยวันที่ 27 มกราคมนี้จะมีการปล่อยสารคดี 10 ตอนของเขาผ่านทางยูทูบในชื่อ Seasons ซึ่งมีรายงานว่าทางแพลตฟอร์มวิดีโอเบอร์หนึ่งได้ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์กว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อมาเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ด้านรายการ Originals แต่ที่น่าจับตามองคือทางนักร้องหนุ่มเองว่าเมื่อต้องกลับมาอยู่ในสปอตไลต์อีกครั้ง เขาจะสามารถทนกับสภาวะความกดดันได้แค่ไหน เพราะโมเมนต์ที่จะตามมาแน่ๆ คือการเดินสายโปรโมตและพูดคุยกับสื่อที่ต้องถามไถ่เรื่องราวชีวิตเกี่ยวกับตัวเขามากมาย  

 

Rihanna

 

ตกลงว่าริฮานนาจะเป็นนักร้องหรือแม่ค้าเบอร์หนึ่งของวงการ?

ปิดท้ายด้วยคำถามที่เราไม่แน่ใจที่สุด เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมาที่เราคิดว่านักร้องสาวริฮานนาต้องกลับมาแน่ๆ กับอัลบั้มชุดที่ 9 แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจปล่อยลิปสติกและรองพื้นใหม่ออกมาแทน 

 

แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังคงตั้งความหวังและภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าโปรดให้ริฮานนาตัดสินใจปล่อยผลงานเพลงใหม่สักที! ขณะเดียวกันเราก็เข้าใจว่าทำไมเธอจึงยังไม่พร้อมกลับมากับผลงานดนตรี เพราะการปล่อยเพลงและอัลบั้มใหม่แปลว่าเธอต้องทุ่มเทเวลาเกือบทั้งหมดในการถ่ายมิวสิกวิดีโอ ถ่ายแบบ เดินสายโปรโมต ออกทัวร์คอนเสิร์ต ซึ่งก็จะชนกับธุรกิจเสื้อผ้า Fenty ที่ยังต้องใช้เวลาปลุกให้ตื่นมากกว่านี้ นอกจากนี้ธุรกิจชุดชั้นใน Savage Fenty ที่กระแสกำลังมาหลังการจัดโชว์เมื่อช่วงเดือนกันยายน ปี 2019 ที่ผ่านมา และธุรกิจความงามมูลค่าพันๆ ล้านของเธออย่าง Fenty Beauty ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีก ซึ่งใครจะไปรู้ว่าริฮานนาอาจตามสาวไคลีไปทำแบรนด์สกินแคร์บ้างก็เป็นไปได้ เพราะในตลาด ณ ตอนนี้ก็มีอยู่ไม่กี่เจ้าที่ผลิตและโปรโมตด้าน Diversity อย่างจริงจัง

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

The post Justin Bieber, Trump, Billie Eilish, Obama, Wonder Woman, Rihanna, Mulan… อะไรจะเกิดขึ้นในวงการบันเทิงต่างประเทศปี 2020 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทำความรู้จัก 9 ศิลปินผู้อยู่เบื้องหลังงานวาดคอลเล็กชัน Prada A/W 2018 https://thestandard.co/9-artists-prada-aw-2018/ https://thestandard.co/9-artists-prada-aw-2018/#respond Tue, 06 Feb 2018 10:04:31 +0000 https://thestandard.co/?p=67893

  Prada เปิดตัวคอลเล็กชันประจำฤดูใบไม้ผลิ 2018 ด้ว […]

The post ทำความรู้จัก 9 ศิลปินผู้อยู่เบื้องหลังงานวาดคอลเล็กชัน Prada A/W 2018 appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

Prada เปิดตัวคอลเล็กชันประจำฤดูใบไม้ผลิ 2018 ด้วยการหยิบยกความแข็งแกร่งของผู้หญิง กระตุ้นให้ผู้หญิงลุกขึ้นมาประกาศจุดยืนในสังคมปัจจุบันว่าเพศหญิงและเพศชายต่างมีความเท่าเทียมกัน

 

โดยคอลเล็กชันนี้ Prada ได้ออกแบบเสื้อผ้าให้ดูมีความกระฉับกระเฉงพร้อมสู้ โดยที่เสื้อผ้าแต่ละชิ้นสร้างขึ้นด้วยผ้าเปล่าเหมือนแคนวาสที่ว่างเปล่า พร้อมลายปรินต์จากผู้หญิงในการแต่งเติมเรื่องราวต่างๆ อย่างไร้ขอบเขต โดย Prada ได้ร่วมงานกับเหล่าศิลปินหญิงนักวาดคอมิกต่างรุ่นต่างวัย 8 คน ประกอบด้วย Brigid Elva, Joëlle Jones, Stellar Leuna, Giuliana Maldini, Natsume Ono, Emma Ríos, Trina Robbins และ Fiona Staples

 

ความพิเศษที่สุดคือการหยิบผลงานของ Tarpé Mills ศิลปินหญิงคนแรกที่วาดซูเปอร์ฮีโร่หญิงมาต่อยอดใหม่ เพื่อพิมพ์ลงบนเสื้อผ้าที่ตัดเย็บเรียบร้อยแล้ว โดยใช้เทคนิคแบบโอเวอร์ปรินต์ ซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าทุกชิ้นจะมีรอยเหลื่อมอยู่ นั่นจึงทำให้เสื้อผ้าทุกชิ้นมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกัน

 

THE STANDARD ขอพาไปรู้จักผู้หญิงเก่งทั้ง 9 คนนี้ว่า ก่อนที่ผลงานพวกเธอจะมาอยู่บนเสื้อผ้าของ Prada พวกเธอมีผลงานอะไรกันมาบ้าง และพิเศษอย่างไร

 

 

Tarpé Mills
Miss Fury ตัวการ์ตูนฮีโร่ผู้หญิงตัวแรกที่มาในชุดหนังรัดรูปพร้อมหน้ากากแมว ถูกสร้างขึ้นโดย Tarpé Mills (เสียชีวิตในปี 1988 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อายุ 76 ปี) เรียกได้ว่าเธอเป็นนักเขียนคอมิกหญิงคนแรกๆ ของโลก ชื่อเต็มๆ ของเธอคือ June Tarpe Mills แต่กลับเลือกใช้ชื่อในงานวาดว่า Tarpe Mills เพื่อให้ชื่อดูเหมือนผู้ชายเพราะในยุคสมัยนั้นผู้อ่านหนังสือการ์ตูนฮีโร่คงจะผิดหวังถ้าหากรู้ว่างานถูกสร้างโดยผู้หญิง

 

เธอเป็นนักวาดการ์ตูนที่ใส่ใจในรายละเอียดของเสื้อผ้าสตรีมาก เพราะเธอเริ่มจากการเป็นนักวาดภาพประกอบด้านแฟชั่น ตลอดชีวิตการทำงาน เธอได้สร้างตัวละครการ์ตูนหลายตัวอย่าง Devil’s Dust, The Cat Man, The Purple Zombie และ Daredevil Barry Finn ก่อนที่จะสร้างตัวละครที่คนจดจำมากที่สุดอย่าง Miss Fury ในปี 1941



 

 

Brigid Elva
Brigid Elva นักวาดการ์ตูนสาวชาวอังกฤษ จบการศึกษาจากวิทยาลัยศิลปะแคมเบอร์เวล (Camberwell College of Arts) งานของเธอมีเอกลักษณ์ในความดาร์กและการจิกกัดสังคม

 

ที่ผ่านมา Brigid Elva มีผลงานทั้งงานในนิตยสารและงานแฟชั่นผ่านทาง The New York Times, Crack Magazine, Mind’s A/W Collection และหนังสือการ์ตูนอีกมากมาย นอกจากนี้เธอกำลังสนุกกับการทำ Fanzine (สิ่งพิมพ์ที่ทำโดยมือสมัครเล่นหรือทำโดยไม่เป็นทางการ) นับว่าเป็นศิลปินผู้หญิงหนึ่งคนที่ประสบความสำเร็จในวงการนักวาดภาพประกอบ ณ ตอนนี้

 

 

 

Emma Ríos
Emma Ríos ไม่ได้เป็นแค่นักวาดการ์ตูน แต่เธอยังเป็นทั้งนักเขียนและบรรณาธิการชาวสเปน เธอเคยทำงานให้กับสำนักพิมพ์หนังสือการ์ตูนรายใหญ่ของอเมริกาหลายที่ เช่น Marvel, Image Comics และ Boom! Studios

 

ตั้งแต่เด็กเธอเรียนรู้การวาดรูปด้วยตัวเอง จนเรียนจบและได้ทำงานเป็นสถาปนิกอยู่ 2-3 ปี พร้อมกับวาดการ์ตูนลง Fanzine ควบคู่ไปด้วย จนกระทั่งปี 2008 เธอเริ่มทำงานเป็นนักวาดการ์ตูนจริงจังในฐานะนักวาดภาพประกอบเรื่อง Hexed การ์ตูนแนวแฟนตาซีสยองขวัญของบริษัท Boom! Studios ส่วนผลงานชิ้นสำคัญ คือการได้ทำงานให้กับ Marvel เรื่องแรกคือ Doctor Strange เขียนโดย มาร์ก เวด (Mark Waid) จากนั้นมาเธอได้วาดภาพประกอบให้ The Amazing Spider-man, Runaways, Girl Comics และ Osborn

 

Emma Ríos มีชื่อเข้าชิงรางวัล Eisner ถึง 3 ครั้งในสาขานักวาดยอดเยี่ยม และสาขาวาดปกยอดเยี่ยมจากเรื่อง Pretty Deadly ในปี 2015 และเป็นผู้ร่วมเขียน Island ในปี 2017

 

 

Natsume Ono
Natsume Ono เป็นนักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่น อายุ 40 ปี ผลงานแรกและเป็นงานที่ทำให้เธอได้รับความสนใจคือ La Quinta Camera บนเว็บอ่านการ์ตูนออนไลน์ (Webcomic) ในปี 2003 และงานของเธอหลายชิ้นได้ถูกตีพิมพ์แปลเป็นภาษาอังกฤษโดย Viz Media บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น-อเมริกัน

 

ผลงานของเธอส่วนมากจะเป็นการ์ตูนหรือทำเป็นละคร โดยมีฉากหลังเรื่องราวในหลายประเทศ นอกจากนี้ยังมีงานในอีกหลากหลายรูปแบบ จากละครประวัติศาสตร์ ไปทำนิยายวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงนิยายชายรักชาย ผลงานที่ได้รับความนิยมอย่างเช่น House of Five Leaves (ซึ่งเธอเขียนและวาดเอง), Tsura Tsura Waraji, Ristorante Paradiso และ Futagashira ที่เริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่พฤษภาคม 2011 ถึงปัจจุบัน

 

 

 

Joëlle Jones

Joëlle Jones เป็นศิลปินหญิงที่อาศัยและทำงานอยู่ในลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เธอเข้าเรียนที่วิทยาลัยศิลปะ Pacific Northwest ในพอร์ตแลนด์ เธอได้ร่วมทำงานหลากหลายรูปแบบ จนล่าสุดงานที่เธอทำคือเขียนและวาดซีรีส์การ์ตูนของตัวเองเรื่อง Lady Killer ตีพิมพ์โดยบริษัทหนังสือการ์ตูน Dark Horse

 

ก่อนหน้านี้เธอยังเคยวาดภาพประกอบให้เรื่อง Supergirl: Being Super, Superman: American Alien ของ DC, Helheim, Brides of Helheim ของ Oni Press และ Mockingbird ของ Marvel

 

Joëlle ยังเคยทำงานให้กับบริษัทหนังสือการ์ตูนอย่าง Boom! Studios, The New York Times, Vertigo และที่น่าจับตามองมากในตอนนี้คือผลงานชิ้นต่อไปของเธอนั่นคือการที่เธอจะได้วาด Batman ให้กับ DC และเธอยังได้รับเลือกให้มาทำงานในส่วนของรูปปั้นหรือหุ่นสะสม Cover Girls ของ DC นอกจากนี้เธอยังเคยมีชื่อเข้าชิงรางวัล Eisner อีกด้วย

 

 

 

Stellar Leuna
Stellar Leuna ศิลปินงานจัดแสดงและนักวาดภาพประกอบจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย โดยเธอเป็นที่รู้จักในการวาดภาพแบบแหกคอก Femme Fatales แบบพังก์ร็อก ความหลงใหลในสิ่งเร้นลับ และศิลปะแบบโรแมนติกในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 18 จึงทำให้ภาพวาดของเธอเป็นหมึกสีดำขาว ที่สื่อถึงโลกกลางคืนที่มีแม่มด ปีศาจ และวัยรุ่นสาว


Stellar เริ่มอาชีพนี้จากการทำ Fanzine ของตัวเอง และออกแบบสินค้าให้กับวงฮาร์ดคอร์ หลังจากที่ฝีมือพัฒนาขึ้น ผลงานจึงเริ่มไปปรากฏทั้งในสื่อสิ่งพิมพ์ เสื้อผ้าแนวสตรีท วาดภาพประกอบออนไลน์ และวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ให้กับ Vans, The Sydney Opera House และ Penguin Random House

 

 

Giuliana Maldini
Giuliana Maldini หญิงสาวชาวอิตาลีที่เป็นศิลปินแนวผสมผสาน เธอมีความสามารถหลากหลาย จึงมีงานทั้งการเขียนภาพ งานปั้น ถ่ายภาพ และงานเขียน เธอเป็นผู้หญิงคนแรกในอิตาลีที่ตีพิมพ์หนังสือการ์ตูนเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของผู้หญิงในปี 1978 ในชื่อเรื่อง ‘Qui regna amore’ โดยมี Natalia Aspesi เป็นผู้เขียนบทนำ และในปี 1995 เธอชนะรางวัลวาดภาพประกอบหนังสือเด็ก

 

รูปแบบการเขียนของเธอจะวนเวียนอยู่กับโลกของผู้หญิง ส่วนรูปแบบการวาดจะเชื่อมโยงกับโลกของการเต้น งานล่าสุดของเธอที่ได้ตีพิมพ์เป็นเรื่องเกี่ยวกับสุภาษิตคำพังเพยและบทกวีญี่ปุ่น

 

 

Trina Robbins
Trina Robbins วาดและเขียนการ์ตูนให้กับ East Village Other และหนังสือพิมพ์ใต้ดินของนิวยอร์กมาตั้งแต่ปี 1996 ต่อมาในปี 1970 เธอได้ออกหนังสือการ์ตูนผู้หญิงล้วนเล่มแรกเรื่อง It Ain’t me, Babe และจากนั้นปี 1972 เธอยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Wimmen’s Comix หนังสือการ์ตูนผู้หญิงที่ตีพิมพ์ยาวนานที่สุด ระหว่างปี 1972-1992

 

แต่พอมาถึงช่วงปลายยุค 1980 เธอเบื่อหน่ายกับการที่สำนักพิมพ์และบรรณาธิการต่างบอกว่าผู้หญิงไม่อ่านหนังสือการ์ตูน และไม่มีผู้หญิงคนไหนวาดการ์ตูน เธอจึงจับมือกับ Catherine Yronwode เขียน Women and the Comics หนังสือการ์ตูนเล่มแรกที่เป็นประวัติศาสตร์ของนักวาดการ์ตูนหญิง และเธอกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่วาดให้กับหนังสือการ์ตูน Wonder Woman ปี 2013 และตอกย้ำความสำเร็จของเธอด้วยรางวัล Eisner ด้านการเรียบเรียงการ์ตูนเรื่อง Wimmen’s Comix

 



Fiona Staples
Fiona Staples เป็นนักเขียนการ์ตูนจากแคนาดา เธอเข้าเรียนที่วิทยาลัยศิลปะและการออกแบบอัลเบอร์ตา (Alberta College of Art and Design) และกลายเป็นนักวาดที่ฝีมือดีอีกคนของวงการ มีผลงานเป็นที่รู้จักอย่าง T.H.U.N.D.E.R. Agents, Archie และ Saga

ในช่วงแรกผลงานของเธอเป็นการผสมกันระหว่างการวาดมือและเทคนิคแบบดิจิทัล ในช่วงแรกๆ เธอสแกนงานวาดมือลงคอมพิวเตอร์และนำไปแก้ไขต่อใน Adobe Photoshop หลังจากนั้นเธอเริ่มวาดงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ทั้งหมด เธอเป็นผู้เขียนและผู้ร่วมสร้างหนังสือการ์ตูนซีรีส์ไซไฟแฟนตาซีที่ขายดีอย่าง Saga และมีชื่อติดอยู่ในอันดับหนังสือของดีของ The New York Times หนังสือเล่มนี้ทำให้เธอชนะรางวัลมากมายจากงาน Eisner Awards และ Harvey Awards

 

The post ทำความรู้จัก 9 ศิลปินผู้อยู่เบื้องหลังงานวาดคอลเล็กชัน Prada A/W 2018 appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/9-artists-prada-aw-2018/feed/ 0
2017 ปีที่ผู้หญิงในวงการฮอลลีวูดสร้างจุดยืนที่ยิ่งใหญ่ และไม่ใช่ของเล่นของใครอีกต่อไป https://thestandard.co/hollywood-actress-2017/ https://thestandard.co/hollywood-actress-2017/#respond Mon, 25 Dec 2017 11:53:20 +0000 https://thestandard.co/?p=58018

  งาน Women’s March   “โดนคางคกกินไปเหรอ” คือ […]

The post 2017 ปีที่ผู้หญิงในวงการฮอลลีวูดสร้างจุดยืนที่ยิ่งใหญ่ และไม่ใช่ของเล่นของใครอีกต่อไป appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

งาน Women’s March

 

“โดนคางคกกินไปเหรอ” คือหนึ่งในคอมเมนต์ที่เขียนถึงภาพของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ขณะที่เธอไปแสดงที่งาน Capital FM’s Jingle Bell Ball เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเทย์เลอร์เลือกใส่กางเกงขาสั้นที่เผยต้นขา ภาพการแสดงนี้กลายเป็นประเด็นฮอตฮิตในหลายเพจบันเทิง แต่สำหรับเราแล้ว มันคือการสะท้อนปัญหาของสังคมในปี 2017 ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์ยังคงถูกมองว่าต้องเพอร์เฟกต์ และคนเราวิจารณ์ได้ เพราะนี่คือ ‘โลกบันเทิง’ แต่สิ่งนี้ควรเบาลง เพราะในปีที่ผ่านมา หลายประเทศกำลังก้าวหน้าและหยิบประเด็นของการที่นักแสดง นักร้อง หรือดีไซเนอร์เพศแม่ ที่ต่างสร้างจุดยืน ออกมาต่อสู้ และเปิดโปงปัญหาเพื่อหวังว่าการเป็นผู้หญิงในปี 2017 และปีต่อๆ ไปจะมีคุณค่าและความเท่าเทียม THE STANDARD จึงขอรวบรวมเหตุการณ์สำคัญของวงการที่ทำให้เห็นว่าปีนี้คือปีของผู้หญิงอย่างแท้จริง


เริ่มต้นปี 2017 หลายคนทั่วโลกยังตกอยู่ในภวังค์ของการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ด้วยประวัติการพูดจาและข้อหาการล่วงละเมิดทางเพศของทรัพม์ต่อผู้หญิงเอง บทบาทของ ‘ผู้หญิง’ ในช่วงการบริหารบ้านเมืองในสหรัฐอเมริกาก็ดูน่าเป็นห่วง และเมื่อวันที่ 21 มกราคม คนราว 3-5 ล้านคนทั่วโลกต่างออกมาเดินขบวนชุมนุมภายใต้ชื่อ ‘Women’s March’ เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆ ทั้งด้านความเท่าเทียมทางสังคมของผู้หญิง, ระบบรักษาพยาบาล, กฎหมายสำหรับกลุ่ม LGBTQ+, การดูแลผู้ลี้ภัยจากต่างแดน และปัญหาการเหยียดสีผิว ฯลฯ การเดินขบวนในครั้งนั้นถูกจารึกให้เป็นการประท้วงในสหรัฐอเมริกาที่มีคนมาเดินมากสุดในหนึ่งวัน และเราได้เห็นเหล่าเซเลบอย่าง เชอร์, เอ็มมา วัตสัน, มาดอนน่า และเจสสิก้า เชสแทน ออกมาเดินขบวนแบบไร้บอดี้การ์ดเหมือนกับคนสามัญชนทั่วไป

 

เลดี้ กาก้า ที่งาน Super Bowl Half Time Show 2017

อเดล ที่งาน Grammy Awards 2017

 

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ เลดี้ กาก้า ก็ได้รับเลือกให้เปิดโชว์ช่วงพักครึ่งของการแข่งขัน Super Bowl 2017 ในปีที่ปัญหาบ้านเมืองในสหรัฐอเมริกากำลังร้อนแรง และเธอก็เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนตัวยงของฮิลลารี คลินตัน ด้วยการปีนขึ้นไปยืนประท้วงบนรถสิบล้อหน้าตึก Trump Towers ในวันที่ทรัมป์ชนะ แต่สำหรับการแสดงในครั้งนี้ กาก้าเลือกที่จะไม่ใช้ความก้าวร้าวและโจมตีใครทั้งสิ้น แต่เธอใช้เวทีในการพยายามนำพาทุกเชื้อชาติ ทุกสีผิว และทุกเพศมาเป็นหนึ่งเดียว ตั้งแต่เปิดโชว์กับการร้องเพลง God Bless America ของคอนนี ฟรานซิส จนถึงร้องเพลง Born This Way ที่เธอเป็นนักร้องคนแรกในประวัติศาสตร์ของเวทีนี้ที่ได้ร้องคำว่า ‘Transgender’ พร้อมทั้งสร้างเรตติ้งแบบถล่มทลาย

 

เซเลนา โกเมซ ก็เป็นอีกหนึ่งนักร้องสาวที่ขับเคลื่อนวงการปี 2017 ในหลายภาคส่วน เริ่มจากการที่เธอได้ออกมาเล่าเรื่องอย่างกล้าหาญผ่านอินสตาแกรมตัวเอง (เธอเป็นบุคคลที่มีฟอลโลเวอร์มากสุดในโลก) เรื่องราวที่เพื่อนสนิทของเธออย่างนักแสดงสาว ฟรานเซีย เรซา ยอมปลูกถ่ายไตให้ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา หลังเซเลนาตรวจพบโรค SLE มา 2 ปี ส่วนผลงานเพลงของเซเลนาในปีนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยม เพราะถึงแม้เธอจะไม่ได้ปล่อยอัลบั้มเต็ม แต่ก็มี 4 ซิงเกิลอย่าง It Ain’t Me, Bad Liar, Wolves และ Fetish ที่โชว์ชั้นเชิงในการเป็นศิลปินที่มีซาวด์เพลงแตกต่าง มีมิติ และพยายามสร้างนิยามใหม่ให้วงการเพลงป๊อป โดยเฉพาะกับเพลง Bad Liar ที่หลายสำนักได้ยกย่องให้เป็นหนึ่งในบทเพลงที่ดีสุดแห่งปี เช่น ในลิสต์ของ Billboard และนิตยสาร Rolling Stone ซึ่งเธอก็ได้รับรางวัลใหญ่ Woman of the Year ในงาน Billboard Women in Music 2017 อีกด้วย มากไปกว่านั้น ในปีนี้เซเลนายังรับหน้าที่เป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของซีรีส์ชื่อดัง 13 Reasons Why ของค่าย Netflix ที่ประสบความสำเร็จสุดๆ และเพิ่งถ่ายซีซันที่ 2 เสร็จ ส่วนผลงานการแสดงของเซเลนาเองก็ต้องรอหนังเรื่อง A Rainy Day in New York ของผู้กำกับ วู้ดดี้ อัลเลน ปีหน้า

 

ฟรานเซีย เรซา กับเซเลนา โกเมซ

เทย์เลอร์ สวิฟต์

 

พูดถึงเซเลนาก็ต้องหันไปชื่นชมความสำเร็จของอีกหนึ่งเพื่อนสนิทของเธออย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่ปีนี้ผลงานเพลงอัลบั้ม Reputation ก็ถือได้ว่ายกระดับวงการเพลงทั้งยอดวิวและยอดขาย เริ่มจากการปล่อยมิวสิกวิดีโอ Look What You Made Me Do ที่โชว์การทำมาร์เกตติ้งอย่างเหนือชั้นและสร้างสถิติยอดวิวสูงสุดใน 24 ชั่วโมงแรกถึง 43.2 ล้านวิว ส่วนอัลบั้ม Reputation ก็ทำยอดขายไป 2 ล้านแผ่นทั่วโลกในสัปดาห์แรกที่วางขาย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา แค่ 4 วันแรกที่อัลบั้มถูกปล่อยก็กลายเป็นอัลบั้มขายดีสุดประจำปี ส่วนอีกหนึ่งประเด็นที่ได้ทำให้สาวเทย์เลอร์อยู่ในสปอตไลต์ก็คือการชนะคดีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเดวิด มุลเลอร์ ดีเจคลื่นวิทยุ KYGO-FM หลังในปี 2013 เทย์เลอร์โดนเดวิดจับบั้นท้าย ซึ่งสำหรับการชนะคดีนี้ เทย์เลอร์ก็เรียกเงินค่าเสียหายแค่ 1 เหรียญสหรัฐ และให้เหตุผลว่าเธอไม่ได้มาฟ้องเพื่ออยากได้เงิน แต่ทำเพื่อศักดิ์ศรีและความถูกต้อง

 

แน่นอนว่าเรื่องราวการล่วงละเมิดทางเพศได้กลายเป็นประเด็นที่ยิ่งใหญ่สุดของวงการฮอลลีวูดในปีนี้ และยังคงเป็นที่ติดตามทุกชั่วโมง โดยชนวนเกิดขึ้นจากบทความเปิดโปงหนึ่งในโปรดิวเซอร์มือทองของฮอลลีวูดอย่างฮาร์วีย์ ไวน์สตีน จาก The New York Times เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยกล่าวหาฮาร์วีย์ว่าล่วงละเมิดผู้หญิงมากมายในวงการทั้งแอชลีย์ จัดด์ ที่เคยโดนฮาร์วีย์เรียกเข้าไปคุยงานที่โรงแรม The Peninsula Beverly Hills เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนเธอกำลังถ่ายทำหนังเรื่อง Kiss the Girls (1997) ส่วนกวินเน็ธ พัลโทรว์ ก็ออกมายอมรับว่าฮาร์วีย์เรียกให้เธอไปหาที่โรงแรมขณะที่กำลังถ่ายหนังเรื่อง Emma (1996) ตอนเธออายุ 22 ซึ่งเธอก็ปฏิเสธเช่นกัน แต่กวินเน็ธก็ยังคงร่วมงานกับค่ายหนัง Miramax ของฮาร์วีย์อยู่บ่อยครั้ง แถมยังคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากหนังเรื่อง Shakespeare in Love (1998) ซึ่งภาพที่หลายคนยังคงจดจำได้คือเธอยืนเคียงข้างกับฮาร์วีย์ ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของหนังในงานวันนั้น

 

 

จากเหตุการณ์การล่วงละเมิดทางเพศของฮาร์วีย์ก็เหมือนระเบิดนิวเคลียร์ลง เพราะเป็นการแฉความลับของฮอลลีวูดที่มีมานาน คนทุกเพศทุกวัยเริ่มกล้าที่จะออกมาพูดประสบการณ์ตัวเอง และทำให้เห็นว่านี่เป็นมากกว่าแค่ปัญหาของอุตสาหกรรมบันเทิง แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก

 

นักแสดงสาว อลิสซา มิลาโน ก็ได้ขยายการสนทนาเหตุการณ์นี้กับการทวีตข้อความให้คนติดแฮชแทก #MeToo หากเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งผลลัพธ์คือวันต่อมามีมากกว่า 30,000 คนที่ทวีตด้วยแฮชแท็กเดียวกัน พิธีกรอย่างเอลเลน ดีเจเนอเรส ก็เป็นอีกคนที่มีส่วนร่วมด้วย แต่หากใครสงสัยว่าชื่อ #MeToo มาจากไหน ต้นตอก็เกิดจากองค์กรไม่หวังผลกำไรของทารานา เบิร์ก ที่ก่อตั้งในปี 2006 ในการช่วยเหลือผู้หญิงที่เคยผ่านการล่วงละเมิดทางเพศ

 

หันมาที่ตัวเนื้องานของอุตสาหกรรมฮอลลีวูด เราก็ได้เห็นว่าในปี 2017 บทบาทของผู้หญิงก้าวหน้าขึ้นมาก และไม่ได้เป็นแค่ตัวรองอีกต่อไป เริ่มจากความสำเร็จของหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่อง Wonder Woman (2017) ของผู้กำกับสาว แพตตี้ เจนกินส์ ที่ทำเงินในบ็อกซ์ออฟฟิศสูงถึง 800 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก และด้านคำวิจารณ์ยังติด Top 10 หนังยอดเยี่ยมแห่งปีของ American Film Institute อีกด้วย ซึ่งเป็นการลบคำครหาว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีตัวละครเป็นผู้หญิงไม่สามารถทำเงินได้ แถมสำหรับหนังภาคต่อ Wonder Woman 2 แพตตี้ก็จะได้รับค่าจ้างสูงถึง 7-9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เธอเป็นผู้กำกับหญิงที่ได้เงินค่าตอบแทนสูงสุดตลอดกาล ต่างจากภาคแรกที่เธอได้ค่าจ้างแค่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับค่าตัวผู้กำกับชายในฮอลลีวูดสำหรับการกำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่

 

ผู้กำกับ แพตตี้ เจนกินส์ (ขวา) ขณะถ่ายทำหนัง Wonder Woman

ผู้กำกับ เกรตา เกอร์วิก (ขวา) ขณะถ่ายทำหนัง Lady Bird

 

ส่วนหนังเรื่อง Lady Bird ของผู้กำกับสาว เกรตา เกอร์วิก กลายเป็นหนังที่ได้คะแนนนิยมจากการรีวิวบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงสุดตลอดกาล และกลายเป็นหนังของผู้กำกับหญิงฟอร์มเล็กที่ทำยอดเงินได้สูงสุดต่อโรงในประวัติศาสตร์หลังฉายอย่างจำกัดโรงที่ลอสแอนเจลิสและนิวยอร์ก แถมหนัง Beauty and the Beast เวอร์ชัน Live Adaption ของดิสนีย์ ที่นำแสดงโดย เอ็มมา วัตสัน ก็เป็นหนังทำเงินสูงสุดในปีนี้ด้วยยอดสูงถึง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ตัวละครผู้หญิงดำเนินเรื่องเป็นหลัก

 

เข้าสู่ปี 2018 เราเชื่อว่าบทบาทของผู้หญิงในวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์จะยังคงเข้มข้น จุดยืนที่สร้างยิ่งมั่นคงและทำให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เทรนด์ที่จะเลือนหายไปในอีกไม่กี่เดือน แต่เป็นการเปลี่ยนสังคมอย่างจริงจัง ทั้งยังสร้างอนาคตสำหรับผู้หญิงรุ่นต่อไปให้มีความเท่าเทียม ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมใดๆ

 

หลายคนอาจคิดว่าอย่าได้แคร์ เพราะนี่เป็นเพียงวัฒนธรรมของอุตสาหกรรมบันเทิงฝั่งตะวันตก ซึ่งไม่ได้ส่งผลอะไรต่อสังคมไทย แต่เรากลับมองว่าสิ่งนี้สำคัญมาก นักวิชาการจะเถียงกันถึงขั้นไหน เทคโนโลยีจะก้าวไกลอย่างไร แต่วงการบันเทิงฮอลลีวูดก็ยังคงเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีพลังมากสุดในโลก ซึ่งไม่ผิดเลยถ้าผู้หญิงในบ้านเราอยากทาปากเหมือนไคลี เจนเนอร์ แต่งตัวเหมือนจีจี้ ฮาดิด หรือถ่ายเซลฟี่องศาเดียวกับคิม คาร์ดาเชียน เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเธออยากสะท้อนออกมาผ่านความภูมิใจในความเป็นหญิง ไม่ว่าจะเกิด เติบโต และมีชีวิตที่ใด ก็เป็นความภูมิใจที่ไม่ได้เกิดจากการบังคับว่าผู้หญิงควรเป็นอย่างไร

 

นาทีนี้ 2017 คือปีของผู้หญิงโดยแท้!

 

ลีนา เวธ ผู้หญิงผิวสีคนแรกที่ชนะรางวัล Emmy Awards ในสาขาเขียนบทซีรีส์ตคอเมดี้

นักแสดงจากซีรีส์ Big Little Lies ที่งาน Emmy Awards

 

อ้างอิง:

The post 2017 ปีที่ผู้หญิงในวงการฮอลลีวูดสร้างจุดยืนที่ยิ่งใหญ่ และไม่ใช่ของเล่นของใครอีกต่อไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/hollywood-actress-2017/feed/ 0