Web3 – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 03 Feb 2024 11:25:21 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เปิดมุมมองล่าสุดของ ‘วิทาลิก บูเทอริน’ ผู้ก่อตั้ง Ethereum ที่มีต่อตลาดคริปโต Web3 และ AI https://thestandard.co/vitalik-buterin-reflects-on-personal-growth-and-crypto-industry-changes/ Sat, 03 Feb 2024 11:25:21 +0000 https://thestandard.co/?p=895727 วิทาลิก บูเทอริน

วิทาลิก บูเทอริน ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ซึ่งได้รับการข […]

The post เปิดมุมมองล่าสุดของ ‘วิทาลิก บูเทอริน’ ผู้ก่อตั้ง Ethereum ที่มีต่อตลาดคริปโต Web3 และ AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิทาลิก บูเทอริน

วิทาลิก บูเทอริน ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนแปลงโลกเช่นเดียวกับ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ออกมาแบ่งปันเรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขา การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงจุดบรรจบกันของบล็อกเชนและปัญญาประดิษฐ์ (AI) 

 

บล็อกโพสต์ล่าสุดในวันเกิดครบรอบ 30 ปีของ วิทาลิก บูเทอริน

 

บูเทอรินได้แชร์เรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขา โดยเผยว่า ความสนใจในด้านคณิตศาสตร์ช่วงมัธยมปลายช่วยเขาอย่างมากในด้านบล็อกเชน วิทาลิก บูเทอริน ก่อตั้ง Ethereum ในปี 2013 เมื่อเขาอายุเพียง 19 ปี และกลายเป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาอายุ 30 ปี ซึ่งเขามองว่าอุตสาหกรรมจะมีนักสร้างสรรค์นวัตกรรมหน้าใหม่อายุน้อยที่มีบทบาทเป็นผู้นำในสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง มาทำหน้าที่แทนเขาต่อไปในอนาคต

 

นอกจากนี้เขายังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการล้มละลายของ FTX ที่สั่นสะเทือนโลกคริปโต โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ของ FTX กับ Mt. Gox ที่ทำให้ผู้นำตลาดถูกกำจัดออกไป และไม่ชี้นำผู้คนในแวดวงคริปโตอีกต่อไป

 

เหตุการณ์สำคัญในชีวิตของเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาอีกอย่างคือ สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน บูเทอรินกล่าวว่า เขาเฝ้าดูสถานการณ์สงครามด้วยความกังวล หลังจากที่เขายืนยันความชอบธรรมในแคมเปญบริจาคเงินบนบล็อกเชน Ethereum ของยูเครน เขาก็ไม่สามารถกลับไปเยือนรัสเซียได้อีกต่อไป เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย

 

วิทาลิกเตือนว่า การผนึกรวม AI และเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้าด้วยกันควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง 

 

กระแส AI ได้บดบังตลาดคริปโตในปีที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ได้เปลี่ยนความสนใจจาก Web3 และ Metaverse ไปที่ AI และ ChatGPT แทน โปรเจกต์บล็อกเชนหลายแห่งพยายามใช้ประโยชน์จากกระแส AI แม้แต่ แซม อัลต์แมน ผู้ก่อตั้ง OpenAI ก็พยายามคิดค้นกรณีการใช้งานที่คร่อมทั้งสองอุตสาหกรรม 

 

ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum กล่าวว่า จุดตัดระหว่างคริปโตกับ AI อาจขัดแย้งกันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือ การสร้าง AI แบบกระจายอำนาจโดยใช้คริปโตและบล็อกเชน เพื่อให้แอปพลิเคชันอื่นๆ พึ่งพา แอปพลิเคชันเหล่านี้อาจช่วยในด้านฟังก์ชันการทำงานและปรับปรุงความปลอดภัยของ AI ในลักษณะที่หลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการรวมศูนย์ แต่ยังมีหลายวิธีที่อาจทำให้สมมติฐานพื้นฐานล้มเหลวได้ ดังนั้นนักพัฒนาจึงควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรับใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ในบริบทที่มีมูลค่าและความเสี่ยงสูง

 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 

 

อ้างอิง:

 

The post เปิดมุมมองล่าสุดของ ‘วิทาลิก บูเทอริน’ ผู้ก่อตั้ง Ethereum ที่มีต่อตลาดคริปโต Web3 และ AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
การเปิดตัว ChatGPT ปลุกกระแส ‘AI’ ทำให้ยอดการค้นหาบน Google แซงหน้า Bitcoin และ Crypto ในปี 2023 https://thestandard.co/word-ai-on-google-are-increasing/ Thu, 28 Dec 2023 01:20:06 +0000 https://thestandard.co/?p=881984

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการเสิร์ชคำว่า ‘Bitcoin’ และ ‘Cryp […]

The post การเปิดตัว ChatGPT ปลุกกระแส ‘AI’ ทำให้ยอดการค้นหาบน Google แซงหน้า Bitcoin และ Crypto ในปี 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการเสิร์ชคำว่า ‘Bitcoin’ และ ‘Crypto’ ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่านับตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 จะทำให้ผู้คนสนใจปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มากขึ้น ทำให้การค้นหาคำว่า ‘AI’ บน Google เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแซงหน้าคำที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีไปแล้ว

 

เหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโตเมื่อปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการล่มสลายของ Terra-LUNA การล้มละลายของอดีตเว็บเทรดคริปโตชั้นนำ FTX และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ผู้คนสนใจคริปโตและ Web3 ที่ลดลงในปี 2023 ในขณะเดียวกันการเปิดตัว ChatGPT ก็ได้ปลุกความสนใจเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์หรือเทคโนโลยี AI ให้เพิ่มขึ้น และส่งผลให้การค้นหาคำว่า ‘AI’ บน Google ติดอันดับ 1 แซงหน้า ‘Bitcoin’ และ ‘Crypto’ เป็นที่เรียบร้อย

 

ความสนใจในการค้นหาทั่วโลกสำหรับคำว่า ‘AI’ มีคะแนนบน Google Trends อยู่ที่ 91 ซึ่งเหนือกว่าคะแนนของ Bitcoin ที่ 22 อย่างมีนัยสำคัญ โดยคะแนนบน Google Trends จะมีค่าตั้งแต่ 0-100 สะท้อนถึงปริมาณการค้นหาของหัวข้อที่สัมพันธ์กับหัวข้ออื่นๆ ทั้งหมด 

 

ความนิยมในการค้นหาสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดคริปโตในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงตลาดคริปโตและ Bitcoin ที่เป็นขาลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 และ 2022 อย่างไรก็ตาม ราคา Bitcoin ก็สามารถค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาได้ในปีนี้ โดย BTC เริ่มต้นปีที่ 6,900 ดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นมาประมาณ 150% ในปีนี้ แตะระดับ 43,180 ดอลลาร์ ณ เวลา 18.00 น. วานนี้ (27 ธันวาคม) ตามข้อมูลจาก CoinGecko

 

ข้อมูลที่ได้จาก Google Trends ยังแสดงให้เห็นว่าประเทศที่แสดงความสนใจใน Bitcoin สูงสุด ได้แก่ เอลซัลวาดอร์ ไนจีเรีย เนเธอร์แลนด์ บราซิล และสวิตเซอร์แลนด์ ในขณะเดียวกันประเทศที่มีความสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับ AI มาจากเวียดนาม จีน ฟิลิปปินส์ และเมียนมา อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ การค้นหางานที่เกี่ยวข้องกับ AI ยังเพิ่มสูงขึ้นแซงหน้างานที่เกี่ยวข้องกับคริปโตมากกว่า 4 เท่าเลยทีเดียว 

 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 

 

อ้างอิง:

The post การเปิดตัว ChatGPT ปลุกกระแส ‘AI’ ทำให้ยอดการค้นหาบน Google แซงหน้า Bitcoin และ Crypto ในปี 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนเตรียมใช้บล็อกเชนมาช่วยในการระบุตัวตนประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน https://thestandard.co/china-blockchain-to-identify-people/ Wed, 13 Dec 2023 01:23:24 +0000 https://thestandard.co/?p=876194

กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนกำลังเป็นผู้นำโครงการริเร […]

The post จีนเตรียมใช้บล็อกเชนมาช่วยในการระบุตัวตนประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน appeared first on THE STANDARD.

]]>

กระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนกำลังเป็นผู้นำโครงการริเริ่มที่เรียกว่า ‘RealDID’ เพื่อนำระบบการระบุตัวตนแบบกระจายอำนาจระดับชาติมาใช้แห่งแรกของโลก ซึ่งจะทำให้รัฐบาลสามารถตรวจสอบตัวตนของพลเมืองจีนกว่า 1.4 พันล้านคนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

 

จีนเตรียมใช้ระบบยืนยันตัวตนประชาชนด้วยแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชน

 

รายงานของ Business Insider เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา เผยว่า รัฐบาลจีนเตรียมนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการตรวจสอบตัวตนของประชากรที่มีจำนวนมหาศาลในประเทศ ซึ่งปัจจุบันจีนมีประชากรประมาณ 1.4 พันล้านคน โดยโครงการ RealDID ร่วมมือกับ Blockchain-Based Service Network (BSN) โดย BSN China ดำเนินการโดยศูนย์ข้อมูลแห่งชาติของจีน และร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง China Mobile และ China UnionPay ในขณะเดียวกัน BSN Global ดำเนินงานในฐานะหน่วยงานแยกต่างหากที่ดูแลการดำเนินงานระหว่างประเทศ พร้อมด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยของตนเอง

 

การเปิดตัวบริการ RealDID จะทำให้ผู้ใช้สามารถลงทะเบียนและเข้าสู่เว็บไซต์โดยไม่เปิดเผยตัวตน โดยใช้เพียงที่อยู่แบบกระจายอำนาจ (DID) และคีย์ส่วนตัว ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลทางธุรกิจและธุรกรรมต่างๆ ยังคงแยกออกจากข้อมูลส่วนบุคคล โดยลดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการยืนยันตัวตน ซึ่งการนำ RealDID ไปใช้คาดว่าจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และช่วยให้มีการกำกับดูแลเนื้อหาออนไลน์โดยสาธารณะมากขึ้น 

 

บริษัทจีนเข้าสู่ Web3 แม้ว่าประเทศจะแบนคริปโตก็ตาม

 

นอกจากนี้ ยังมีกระแสเกี่ยวกับการใช้ Web3 ในจีนที่เพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุด Tencent และ Huawei สองยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน กำลังเข้าสู่พื้นที่ Web3 แม้ว่าจะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดของประเทศจีนเกี่ยวกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลก็ตาม แม้ว่าการมีส่วนร่วมของบริษัทเหล่านี้อยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของ Web2 และ Web3 เนื่องจากนโยบายแบนสกุลเงินดิจิทัลของจีน แต่บริษัทเหล่านี้กำลังใช้ประโยชน์จากทรัพยากรคอมพิวเตอร์ของตนเพื่อรองรับสตาร์ทอัพ Web3 คล้ายกับการให้บริการคลาวด์ของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชั้นนำหลายแห่ง

 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 

 

อ้างอิง:

The post จีนเตรียมใช้บล็อกเชนมาช่วยในการระบุตัวตนประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Gate.io เตรียมเปิดตัวในฮ่องกงอีกแห่ง หลังรัฐบาลท้องถิ่นทุ่มเงินกว่า 6.4 ล้านดอลลาร์สนับสนุน Web3 https://thestandard.co/gate-io-hongkong-launch/ Sat, 25 Feb 2023 03:01:13 +0000 https://thestandard.co/?p=755203 Gate.io

แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต Gate.io กำลังเตรียมพร้อมที่จะ […]

The post Gate.io เตรียมเปิดตัวในฮ่องกงอีกแห่ง หลังรัฐบาลท้องถิ่นทุ่มเงินกว่า 6.4 ล้านดอลลาร์สนับสนุน Web3 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Gate.io

แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโต Gate.io กำลังเตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวในฮ่องกง หลังจากที่รัฐบาลท้องถิ่นทุ่มเงินกว่า 50 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงในการสนับสนุน Web3 ภายใต้งบประมาณปีล่าสุด ซึ่งก่อนหน้านี้ Huobi Global ก็กำลังดำเนินการขอใบอนุญาตในฮ่องกง เนื่องจากกฎระเบียบใหม่ที่เป็นมิตรต่อคริปโตมากขึ้น

 

Gate.io เตรียมเปิดตัว Gate HK

Gate Group บริษัทแม่ของ Gate.io เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมที่จะขอใบอนุญาตในฮ่องกง เพื่อเปิดตัวบริษัทย่อยของแพลตฟอร์มซื้อขายแห่งใหม่ ‘Gate HK’ ซึ่งจะรองรับตลาดฮ่องกงโดยเฉพาะ ดร.ฮันลิน ผู้ก่อตั้ง Gate Group เผยว่า “ฮ่องกงเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ระดับโลกสำหรับ Gate Group ไม่เพียงเพราะฮ่องกงเป็นศูนย์กลางของสถาบันการเงินและนักลงทุนจำนวนมาก แต่ยังมีการกำกับดูแลในอุตสาหกรรมที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทั้งอุตสาหกรรมและช่วยเพิ่มความมั่นคงให้กับนักลงทุนด้วย”

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

แผนการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลท้องถิ่นประกาศแผนการอัดฉีดเงินมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือคิดเป็นประมาณ 6.4 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนเกี่ยวกับ Web3 ภายใต้งบประมาณปี 2023-2024 

 

ในช่วงที่ผ่านมา ฮ่องกงได้พยายามจะเป็นศูนย์กลางในการพัฒนานวัตกรรมและคริปโตมาตลอด ล่าสุดเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (SFC) ของฮ่องกง เผยว่ามีแผนที่จะอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อขายคริปโตอย่างบิทคอยน์และอีเทอเรียมได้ 

 

ฮ่องกงเนื้อหอม กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของบริษัทคริปโต

ขณะที่สหรัฐฯ กำลังเพ่งเล็งและสอบสวนบริษัทคริปโตหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา หลายประเทศในโลกกำลังสนับสนุนและวางตัวเองให้เป็นศูนย์กลางด้านคริปโต ซึ่งดูเหมือนว่า ดูไบ ยุโรป ฮ่องกง และสิงคโปร์ กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นสำหรับบริษัทคริปโตเหล่านี้ 

 

แม้ว่า Gate.io จะได้รับใบอนุญาตจากสหรัฐฯ ในหลายรัฐ แต่แพลตฟอร์มก็ยังไม่พร้อมให้บริการแก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในหลายรัฐ รวมถึงนิวยอร์ก เปอร์โตริโก และฮาวาย เนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดนั่นเอง หลังจากที่ฮ่องกงได้เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบให้เป็นมิตรกับคริปโตมากขึ้น บริษัทหลายแห่งก็เห็นโอกาสในครั้งนี้

 

ทางด้าน Huobi เว็บเทรดคริปโตชั้นนำอีกแห่งก็เตรียมย้ายสำนักงานใหญ่จากสิงคโปร์มายังฮ่องกง และเตรียมตั้งบริษัทย่อยใหม่อย่าง Huobi Hong Kong แม้แต่ Interactive Brokers แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินชื่อดังที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เตรียมขยายกิจกรรมธุรกิจเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลไปยังตลาดเอเชีย ซึ่งฮ่องกงก็เป็นเป้าหมายที่มองข้ามไม่ได้

 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 

 

อ้างอิง:

The post Gate.io เตรียมเปิดตัวในฮ่องกงอีกแห่ง หลังรัฐบาลท้องถิ่นทุ่มเงินกว่า 6.4 ล้านดอลลาร์สนับสนุน Web3 appeared first on THE STANDARD.

]]>
บิล เกตส์ เผยว่า ไม่ชอบแนวคิด Web3 กับ Metaverse เอาเสียเลย แต่กลับกัน มอง AI ค่อนข้าง ‘ปฏิวัติวงการ’ https://thestandard.co/bill-gates-web3-metaverse-ai/ Wed, 18 Jan 2023 02:13:44 +0000 https://thestandard.co/?p=738685

บิล เกตส์ ได้ออกมาตอบคำถามในช่วง Ask Me Anything ประจำป […]

The post บิล เกตส์ เผยว่า ไม่ชอบแนวคิด Web3 กับ Metaverse เอาเสียเลย แต่กลับกัน มอง AI ค่อนข้าง ‘ปฏิวัติวงการ’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

บิล เกตส์ ได้ออกมาตอบคำถามในช่วง Ask Me Anything ประจำปีบนเว็บบอร์ด Reddit เกี่ยวกับเทรนด์เทคโนโลยี โดยเขาได้พิจารณาถึงแนวคิดที่ฮือฮาที่สุดในแวดวง และได้เปิดเผยว่าเขาไม่ชอบแนวคิด Web3 กับ Metaverse เอาเสียเลย แต่สำหรับเขานั้น AI ค่อนข้าง ‘ปฏิวัติวงการ’

 

หนึ่งในผู้ใช้ Reddit ถามเกตส์ว่า “ช่วงปี 2000 ฉันได้ยินคุณพูดบนทีวีว่า ‘ผู้คนประเมินอนาคตของอินเทอร์เน็ตในอีก 5 ปีสูงเกินไป และประเมินต่ำเกินไปมากว่าในอีก 10 ปีข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร’ คุณคิดว่าเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้งหลายในตอนนี้มีอันไหนบ้างที่อยู่ในช่วงเดียวกัน?”

 

เกตส์ตอบว่า “AI เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ผมไม่คิดว่า Web3 จะสามารถยิ่งใหญ่ได้ขนาดนั้น และ Metaverse คงไม่สามารถปฏิวัติวงการด้วยตัวมันเองได้ แต่ AI นั้นอาจทำได้”

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

อย่างไรก็ตาม เขาดูกระตือรือร้นกับ Generative AI ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์เนื้อหาด้วยตัวมันเองได้ “ผมค่อนข้างประทับใจกับอัตราการพัฒนาของ AI เหล่านี้ ผมคิดว่าพวกมันจะมีผลกระทบอย่างมากในอนาคต

 

“เมื่อมองไปยังมูลนิธิเกตส์ เราต้องการติวเตอร์ที่ช่วยให้เด็กๆ เรียนคณิตศาสตร์และสนใจมันอยู่สม่ำเสมอ เราต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์สำหรับผู้คนในแอฟริกาที่ไม่สามารถเข้าถึงการแพทย์ที่ซับซ้อนได้” เกตส์กล่าวเสริม “ผมยังคงทำงานกับ Microsoft อยู่บ้าง ดังนั้นจึงติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด”

 

เขายังถูกถามเกี่ยวกับ ChatGPT ซึ่งเป็น AI แชตบอตที่ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นในตอนนี้ จากการที่มันตอบข้อความได้เหมือนมนุษย์แทบจะ 100%

 

“มันทำให้เห็นภาพรวมของสิ่งที่กำลังจะมาถึง ผมประทับใจกับแนวทางทั้งหมดนี้ และอัตราการเกิดของนวัตกรรม” เกตส์ตอบ

 

โดยจากรายงานเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมาของสำนักข่าวต่างประเทศ Semafor กล่าวว่า Microsoft กำลังเจรจาเพื่อลงทุนประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์กับ OpenAI ซึ่งเป็นเจ้าของ ChatGPT

 

อ้างอิง:

The post บิล เกตส์ เผยว่า ไม่ชอบแนวคิด Web3 กับ Metaverse เอาเสียเลย แต่กลับกัน มอง AI ค่อนข้าง ‘ปฏิวัติวงการ’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปิดฉากเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 วันสุดท้ายคึกคัก หลากหลายวงการร่วมแลกเปลี่ยน หุบเหวอนาคตประเทศไทย https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-2022-52/ Sun, 27 Nov 2022 12:02:30 +0000 https://thestandard.co/?p=716284

วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ที่ Crystal Design Center (CDC HA […]

The post ปิดฉากเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 วันสุดท้ายคึกคัก หลากหลายวงการร่วมแลกเปลี่ยน หุบเหวอนาคตประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (27 พฤศจิกายน) ที่ Crystal Design Center (CDC HALL) สำนักข่าว THE STANDARD จัดงานแห่งปี THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 ในธีม ‘EDGE OF TOMORROW เศรษฐกิจไทยบนปากเหว’ วันสุดท้าย เพื่อจับเทรนด์ เห็นอนาคต คว้าโอกาส ร่วมกับผู้นำกว่า 40 คน ตัวจริงจากทุกวงการ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และคนรุ่นใหม่ มาร่วมกันแชร์วิสัยทัศน์ และรับฟังความคิดเห็นที่มีประโยชน์ เพื่อร่วมกันหาทางออกให้ประเทศไทย  

 

สำหรับการพูดคุยในช่วงเช้ามี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหาคร บรรยายในหัวข้อบทบาทกรุงเทพฯ ต่อเศรษฐกิจไทย เพื่อสร้างเมืองให้มีความน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งบรรยากาศในวันนี้มี บรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร รวมถึงมีประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก 

 

จากนั้นในช่วงเช้าจะต่อด้วยการเสวนา WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION?

 

อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง? โดย ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, มุขยา พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด และ สรวิศ ศรีนวกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Band Protocol เพื่อร่วมกันฉายภาพความท้าทายและโอกาสของ Web 3.0 ในอนาคต 

 

ส่วนภาคบ่ายในช่วงแรก พบกับ Talk ทางการเมืองในหัวข้อ ‘THE POWER GAME การเมืองไทยบนปากเหว’ ร่วมพูดคุยกับ รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์​มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย สรกล อดุลยานนท์ หรือ หนุ่มเมืองจันท์ และ อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์

 

ต่อด้วยการ Talk ในหัวข้อ CODING THE FUTURE เขียนโปรแกรมอนาคตประเทศไทย โดยปุณพจน์ เอื้อพลิศาน์ และปิดท้ายการเสวนาด้วยการ Talk ร่วมกับคนรุ่นใหม่ ได้แก่ ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล, คมสันต์ ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฟลช เอ็กซ์เพรส จำกัด, แอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022 ในหัวข้อ GENERATION HOPE อนาคตประเทศไทยในมือคนรุ่นใหม่

 

จากนั้น เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD ได้ขึ้นกล่าวปิดท้ายเวที ขอบคุณแขกทุกคนที่ให้ความสนใจงานในปีนี้ 

 

 

The post ปิดฉากเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 วันสุดท้ายคึกคัก หลากหลายวงการร่วมแลกเปลี่ยน หุบเหวอนาคตประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
วาทะเด็ด ถกอนาคต Web 3.0 หลังฟองสบู่คริปโตแตก https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-2022-48/ Sun, 27 Nov 2022 11:17:35 +0000 https://thestandard.co/?p=716238

สรุปวาทะจากเวทีเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 ใ […]

The post วาทะเด็ด ถกอนาคต Web 3.0 หลังฟองสบู่คริปโตแตก appeared first on THE STANDARD.

]]>

สรุปวาทะจากเวทีเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 ในหัวข้อ WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง? 

 

 

“Decentralization ไม่ใช่การสร้างแพลตฟอร์มบางอย่างขึ้นมาอยู่ตรงกลาง แต่คือการแข่งขันที่ทำให้มีแพลตฟอร์มหลายๆ อัน และเราสามารถเลือกเองได้ว่าอยากจะไปอยู่บนแพลตฟอร์มไหน” 

 

ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในหัวข้อ ‘WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง?’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565

 

 

“ในภาพจบ (ฟองสบู่คริปโต) ไม่ได้สร้างอะไรเหลือให้โลกใบนี้ นอกเหนือจากการพัฒนาของบล็อกเชน และการดึงคนมาพนันร่วมกัน ดึงคนมาเป็นหนูทดลอง” 

 

ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในหัวข้อ ‘WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง?’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565

 

 

“คนที่ได้ประโยชน์ทุกอย่างคือ Big Tech Company ซึ่งเปิดให้เราสามารถใช้งานได้ฟรี แต่จริงๆ แล้วพวกเราคือผลิตภัณฑ์ของเขา พวกเขานำข้อมูลของเราไปสร้างรายได้ผ่านการขายพื้นที่โฆษณา”

 

มุขยา พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด กล่าวในหัวข้อ ‘WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง?’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565

 

 

“คนมักจะพูดว่าตอนนี้ Web 3.0 เป็นเหมือนฟองสบู่ดอตคอม แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ มีคนเก่งๆ เข้ามาอยู่ในวงการ Web 3.0 มากขึ้น ซึ่งเป็นเหมือน Paradigm Shift

 

มุขยา พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด กล่าวในหัวข้อ ‘WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง?’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565

 

 

“Web 3.0 มีการใช้งานอยู่แล้วในขณะนี้ คือ Bitcoin ซึ่งเป็นตัวอย่างของ Peer to Peer ที่สามารถใช้เป็น Store of Value”

 

สรวิศ ศรีนวกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Band Protocol กล่าวในหัวข้อ ‘WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง?’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565

 

 

“ในยุคของ Web 2.0 บริษัทที่เป็นเจ้าแพลตฟอร์มมีอำนาจสูงมาก นับเป็นประเด็นที่ควรกังวล เนื่องจากสามารถกำหนดทิศทางความคิดคนได้เลยทีเดียว”

 

สรวิศ ศรีนวกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Band Protocol กล่าวในหัวข้อ ‘WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง?’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

The post วาทะเด็ด ถกอนาคต Web 3.0 หลังฟองสบู่คริปโตแตก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ถอดมุมมองต่อ Web 3.0 ผ่านเลนส์ของ ‘Regulator-Investor-Developer’ แท้จริงแล้วคืออะไร? https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-2022-46/ Sun, 27 Nov 2022 09:58:12 +0000 https://thestandard.co/?p=716229

จากเวทีเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 วันที่ 27 […]

The post ถอดมุมมองต่อ Web 3.0 ผ่านเลนส์ของ ‘Regulator-Investor-Developer’ แท้จริงแล้วคืออะไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>

จากเวทีเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ในหัวข้อ ‘WEB3 REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง?’ โดยมีผู้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 3 ท่าน ได้แก่ มุขยา พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด, ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ สรวิศ ศรีนวกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Band Protocol

 

Web 3.0 คืออะไร

มุขยา พานิช มองว่า Web 3.0 คือยุคที่ 3 ของอินเทอร์เน็ต เป็นอินเทอร์เน็ตที่เป็นของผู้ใช้และผู้สร้าง ซึ่งผู้คนนิยามว่า Read-Write-Own นอกจากผู้ใช้จะสามารถอ่านและสร้างเนื้อหาได้แล้ว ยังสามารถเป็นเจ้าของเนื้อหาที่สร้างขึ้นมา โดยที่ผู้สร้างสามารถนำเนื้อหาของตัวเองไปใช้ซื้อขายได้ด้วยตัวเองผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ โดยจะมีโทเคนเป็นเหมือนตัวแทนของความเป็นเจ้าของ

 

ถ้ามองกลับไปยัง Web 1.0 จะเป็นอินเทอร์เน็ตที่มีไว้เพื่ออ่านอย่างเดียว (Read Only) ถัดมา Web 2.0 จะเป็นยุคที่ผู้ใช้นอกจากการอ่านแล้ว ยังสามารถสร้างเนื้อหาเองได้ (Read and Write) ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook, Instagram, Google เป็นต้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


แต่อย่างที่เรารู้กันว่าเมื่อเราสร้างเนื้อหาบนแพลตฟอร์มต่างๆ ผู้ที่เป็นเจ้าของเนื้อหาคือบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มเหล่านี้ อย่างเช่น การที่เราสร้างเนื้อหาบน Facebook และเป็นเนื้อหาที่ Facebook ไม่ชอบ บริษัทก็อาจจะถูกแบนจากการใช้ Facebook เป็นต้น เพราะฉะนั้น Web 2.0 จึงเหมือนเป็นการสร้างในระบบปิด และผู้ที่ได้รับประโยชน์ทุกอย่างคือบริษัทขนาดใหญ่

 

“คนที่ได้ประโยชน์ทุกอย่างคือ Big Tech Company ซึ่งเปิดให้เราสามารถใช้งานได้ฟรี แต่จริงๆ แล้วพวกเราคือผลิตภัณฑ์ของเขา พวกเขานำข้อมูลของเราไปสร้างรายได้ผ่านการขายพื้นที่โฆษณา”

 

ด้าน ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย มองว่า เมื่อพูดถึงคำว่า Web 3.0 ทำให้เกิดความรู้สึกต่อเนื่องมาจาก Web 2.0 เป็นขั้นหนึ่งของการสร้างกระแสว่า Web 3.0 จะเป็นสิ่งถัดไป กลายเป็นว่าบล็อกเชนหรือเรื่องของ Decentralization เกาะอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น เกาะกับเว็บ กลายเป็น Web 3.0, เกาะกับ Virtual Reality (VR) กลายเป็น Metaverse, เกาะกับ Payment กลายมาเป็นแพลตฟอร์ม Payment ในยุคถัดไป

 

“ทั้งหมดนี้คือการพยายามที่จะหาว่าเราคิดค้นบล็อกเชนมาได้แล้ว เราจะนำไปใช้อย่างไรบ้าง เปรียบเสมือนกับการมีคำตอบอยู่แล้ว วันนี้เราพยายามจะหาคำถามที่ถามแล้วได้คำตอบอันนี้”

 

หากมองย้อนไปในอดีต โลกของอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นตั้งแต่ยุค 60 โดยหน่วยงานด้านการทหารของสหรัฐฯ ก่อนที่จะพัฒนามาเป็น World Wide Web (www) ในยุค 90 โดย Tim Berners-Lee วิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษ ก่อนที่ผู้คนจะขนานนามว่านี่คือ Web 1.0

 

เมื่อพัฒนาเข้าสู่ Web 2.0 ทำให้เกิดบริษัทอย่าง Google และ Facebook เป็นต้น ถัดมา Tim Berners-Lee ก็ได้นิยาม Web 3.0 ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยการตั้ง Semantic Web ซึ่งคือการกระจายศูนย์ของข้อมูล

 

Web 3.0 โดยการนิยามของ Tim Berners-Lee คือการแชร์ข้อมูลกันระหว่างคอมพิวเตอร์ ทำอย่างไรให้ข้อมูลเปิดกว้างและเข้าถึงกันได้มากขึ้น ถูกลง และแชร์กันได้มากขึ้น”

 

หากมองย้อนกลับใน Web 2.0 จริงๆ แล้วเราเป็นเจ้าของคอนเทนต์ สาเหตุที่ทำให้เกิดการรวมศูนย์อย่าง Facebook, TikTok เพราะการเกิด Information Overload บริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางช่วยคัดกรองข้อมูลที่เราอยากจะดูมาให้ เป็นคุณค่าที่เขาให้เรา แล้วทำให้เขาได้รางวัลบางอย่างตอบแทน เช่น รายได้ มูลค่า

 

อีกหนึ่งมุมมองที่หลายคนอาจมองข้ามไปคือ การรวมศูนย์ช่วยขจัดปัญหาหลายเรื่อง เช่น การลดต้นทุน เพราะหากทุกคนต้องจัดการเนื้อหาของตัวเองอาจทำได้ยาก

 

“ในความเป็นจริงแล้วโลกของเรามีการกระจายศูนย์ (Decentralized) มานานแล้ว การที่แพลตฟอร์มอย่าง Facebook แบนเนื้อหาใด ผู้ใช้สามารถจะนำคอนเทนต์นั้นไปลงแพลตฟอร์มอื่นได้ แต่ปัญหาคืออาจจะไม่มีใครเห็น”

 

การที่ Web 3.0 เกิดขึ้นมาไม่ได้ช่วยป้องกันให้เราเป็นเจ้าของเนื้อหาที่ตัวเองสร้างขึ้น

 

“Decentralization ไม่ใช่การสร้างแพลตฟอร์มบางอย่างขึ้นมาอยู่ตรงกลาง แต่คือการแข่งขันที่ทำให้มีแพลตฟอร์มหลายๆ อัน และเราสามารถเลือกเองได้ว่าอยากจะไปอยู่บนแพลตฟอร์มไหน”

 

ณัฐย้ำกว่า นิยามของ Web 3.0 น่าจะเป็นเหมือนกับที่ Tim Berners-Lee บอกไว้ว่า Semantic Web คือการช่วยให้คนเป็นเจ้าของข้อมูลอย่างแท้จริง และเลือกนำข้อมูลนี้ไปใช้บนแพลตฟอร์มอื่นได้ มากกว่าที่จะเป็นลักษณะของ Read-Write-Own แบบที่หลายคนให้นิยามกันในเวลานี้

 

ขณะที่ สรวิศ ศรีนวกุล มองว่า Web 3.0 เป็นศัพท์ที่ถูกใช้ในเชิง Marketing Term หรือในแง่การตลาดค่อนข้างมาก จนเป็น Buzzword อยู่ ณ ตอนนี้

 

โดยส่วนตัวของสรวิศมองว่า Web 3.0 คือการกระจายศูนย์ (Decentralization) และการเชื่อมต่อระหว่างบุคคล (Peer to Peer) ทั้งยังมองว่า Web 3.0 มีอรรถประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายทั้งด้านความโปร่งใส (Transparency), การไม่สามารถแก้ไขภายหลังการสร้าง (Immutability) และการต้านความเปลี่ยนแปลง (Censorship Resistance)

 

ความแตกต่างของ Web 3.0 กับ Web 2.0 คือ ‘Ownership’ หรือ ‘ความเป็นเจ้าของ’ เนื่องจากว่าในยุคของ Web 2.0 บริษัทที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มมีอำนาจในตัวแพลตฟอร์มสูงมาก ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Twitter ที่ถูกสร้างมาเพื่อให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยนเนื้อหาระหว่างกันได้ แต่ด้วยความผูกขาดอำนาจไว้กับแพลตฟอร์ม ทำให้บัญชีผู้ใช้งานของลูกค้าสามารถถูกแบนได้ อย่างบัญชีของ โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เป็นต้น

 

“การมีอำนาจขนาดนี้นับว่าเป็นประเด็นที่ควรกังวล เนื่องจากผลกระทบในระยะยาวนั้นสามารถกำหนดทิศทางความคิดของคนได้เลยทีเดียว”

 

สรวิศยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ของตนเองว่า เขาเคยสร้างแอปพลิเคชันเกมบนแพลตฟอร์ม ซึ่งสามารถดาวน์โหลดผ่าน Playstore ของ Google จนติดท็อปฮิต และสร้างยอดขายมากมาย ทำให้เขาและเพื่อนๆ ลงทุนในเกมดังกล่าวเพิ่มเติม แต่ภายหลัง Google ได้ลบแอปพลิเคชันออกจาก Playstore โดยไม่บอกกล่าว ทั้งยังไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขอะไรได้ ซึ่งในมุมมองของสรวิศนั้นดูไม่ยุติธรรม เพราะเขาและทีมงานมีต้นทุนในการสร้างแอปพลิเคชันดังกล่าว แต่หากเราดำเนินการแบบ Web 3.0 นั้น อำนาจจะไม่ถูกผูกไว้ที่คนใดคนหนึ่งอย่างที่เป็นดังกล่าว

 

อนาคตของ Web 3.0 หลังฟองสบู่คริปโตแตก

ณัฐกล่าวว่า ทุกครั้งที่มีความตื่นเต้น ความสนใจ หรือการให้ค่ากับบางอย่างมากเกินไป ทำให้คนที่อาจจะไม่ดี ไม่เก่ง ไม่มีประสบการณ์ สามารถทำอะไรก็ได้และกลายเป็นสิ่งที่ดูดี อย่างช่วงฟองสบู่ ICO ขนาดโปรเจกต์ที่บอกชัดเจนว่านี่คือเหรียญปลอมก็ยังสามารถขายได้

 

“แม้จะมีข้อดีคือโปรเจกต์ต่างๆ ระดมทุนได้ง่าย แต่เมื่อมันเลยความเหมาะสม ทำให้คนเปลี่ยนความรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นของปลอมไปเสียหมด แม้จะมีของจริงปนอยู่บ้าง”

 

ความแตกต่างระหว่างฟองสบู่ดอตคอมปี 2000 กับฟองสบู่คริปโต คือโปรเจกต์ดอตคอมมีการสกรีนมาแล้วระดับหนึ่งจากนักลงทุนอย่าง Venture Capital (VC) แต่กับโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับคริปโตหรือโทเคนในปัจจุบัน ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าไปลงทุนได้ตั้งแต่ต้น ถึงขนาดมีการวิเคราะห์ว่า ICO ที่ออกมานั้นกว่า 80% เป็นโปรเจกต์ที่หลอกลวงตั้งแต่ต้น

 

ประเด็นที่สำคัญกว่านั้นคือ แม้ฟองสบู่ดอตคอมจะทำให้มูลค่าหายไป 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในเวลา 1-2 ปี แต่การระดมทุนในช่วงนั้นถูกนำไปสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้กับโลก แต่พอเป็นโลกของคริปโตเราไปลงทุนเกี่ยวกับบล็อกเชนเต็มไปหมด เมื่อฟองสบู่แตกออกเราเหลืออะไรบ้าง

 

“ในภาพจบ (ฟองสบู่คริปโต) ไม่ได้สร้างอะไรเหลือให้โลกใบนี้ นอกเหนือจากการพัฒนาของบล็อกเชน และการดึงคนทั่วไปให้เข้าไปเสี่ยงในธุรกิจที่ยังไม่ได้สร้างความชัดเจนว่าจะสร้างผลตอบแทนได้ไหม ดึงคนมาพนันร่วมกัน ดึงคนมาเป็นหนูทดลองด้วยกัน แทนที่จะให้สิ่งเหล่านี้ถูกดำเนินการอยู่ใน Sandbox วันนี้กลายเป็นว่าโลกทั้งใบกลายเป็นจานทดลอง”

 

ในมุมของสรวิศมองว่า Web 3.0 มีการใช้งานอยู่ในขณะนี้แล้ว คือ Bitcoin ซึ่งเป็นตัวอย่างของ Peer to Peer ที่สามารถใช้เป็นสินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่า (Store of Value) ทั้งยังมีความเป็น Decentralized อีกด้วย จากการที่สามารถส่งต่อระหว่างกันโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง หรืออย่าง Stablecoin (USDT) ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างนั้น แม้ในขณะนี้อาจจะยังไม่แพร่หลายเหมือนเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ต้องใช้เวลาเช่นกัน

 

แม้จะเกิดกรณี FTX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตล่มสลาย แต่แพลตฟอร์มอย่าง UniSwap ซึ่งเป็น Decentralized Exchange หรือศูนย์แลกเปลี่ยนแบบไม่อาศัยตัวกลางกลับไม่ได้รับผลกระทบ มีแต่ Centralized Exchange หรือศูนย์การแลกเปลี่ยนคริปโตแบบอาศัยตัวกลางที่ได้รับผลกระทบ เหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้คนตระหนักว่า ‘Not Your Key Not Your Coin’ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ช่วง 2-3 ปีนี้คนมั่นใจเกินไป

 

สรวิศกล่าวทิ้งท้ายว่า ใครก็ตามที่สนใจในคริปโตหรือบล็อกเชน ควรมีเหตุผลในการเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจนี้ จะในฐานะนักธุรกิจ ฝ่ายกำกับดูแล หรือเทรดเดอร์ ก็ควรรู้แน่ชัดว่าตนเองจะเข้ามาทำอะไร เพื่อจะได้รู้และปกป้องความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้

 

ขณะที่มุขยาฉายภาพว่า ปัจจุบันเราได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ให้ความสนใจกับ Web 3.0 มากขึ้น แต่ความสำเร็จของ Web 3.0 หรือนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่พัฒนาการของนวัตกรรมจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว

 

“คนมักจะพูดว่าตอนนี้ Web 3.0 เป็นเหมือนฟองสบู่ดอตคอม เพราะสิ่งที่เราคาดหวังเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา กับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงต่างกันมาก แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือมีคนเก่งๆ เข้ามาอยู่ในวงการ Web 3.0 มากขึ้น ซึ่งเป็นเหมือน Paradigm Shift”

 

อย่างไรก็ตาม การประเมินความเสี่ยงและมูลค่าของนวัตกรรมใหม่อย่าง Web 3.0 หรือคริปโต เป็นสิ่งที่ยากต่อการทำความเข้าใจ เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมควรจะช่วยให้ความรู้และสร้างการรับรู้ให้คนหมู่มาก เพื่อป้องกันความเสียหายจากนวัตกรรมใหม่

 

พร้อมกันนี้หน่วยงานกำกับควรเข้ามามีบทบาทในการดูแลเรื่องการจัดการเงินทุนของลูกค้าที่ฝากไว้กับแพลตฟอร์มต่างๆ และกำกับดูแลเรื่องของการใช้อัตราทด (Leverage) ที่สูงมากเกินไป ขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริมผู้ที่มีความสามารถในด้านเทคโนโลยี

The post ถอดมุมมองต่อ Web 3.0 ผ่านเลนส์ของ ‘Regulator-Investor-Developer’ แท้จริงแล้วคืออะไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: FTX ล่มสลาย WEB3 ไปต่อได้หรือไม่ | THE STANDARD https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-2022-43/ Sun, 27 Nov 2022 07:41:27 +0000 https://thestandard.co/?p=716193

ในช่วงที่ผ่านมา WEB3 ถูกคาดการณ์ว่าจะเปลี่ยนโฉมการใช้อิ […]

The post ชมคลิป: FTX ล่มสลาย WEB3 ไปต่อได้หรือไม่ | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในช่วงที่ผ่านมา WEB3 ถูกคาดการณ์ว่าจะเปลี่ยนโฉมการใช้อินเทอร์เน็ตไป โดยสิ้นเชิง ด้วยระบบบล็อกเชนที่กระจายศูนย์ไร้ตัวกลาง ผู้ใช้งานจึงสามารถจัดการข้อมูลของตัวเองได้สมบูรณ์ และมีความปลอดภัยมากขึ้น

 

ทว่าการล้มเป็นโดมิโนที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบล็อกเชน ทั้ง Terra และ FTX ทำให้แนวคิด WEB3 ถูกตั้งคำถามว่า การล้มครั้งนี้จะก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่เหมือนฟองสบู่ Dot-Com หรือจะหายไปจากสารระบบ และสุดท้าย WEB3 จะไปต่ออย่างไร พบการแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างเข้มข้นจากหลากมุมมองบนเวที WEB3: REVOLUTION OR ILLUSION? อนาคตของ WEB3 รุ่งหรือร่วง? ร่วมเสวนาโดย ณัฐ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, มุขยา พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด และ สรวิศ ศรีนวกุล ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งโปรเจกต์ Band Protocol

 


 

THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 จับเทรนด์ เห็นอนาคต คว้าโอกาส ผู้นำกว่า 40 คน 15 เวที หาทางออกให้ประเทศไทย เสวนาเข้มข้นกับตัวจริงจากทุกวงการ เช่น ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ, ขัตติยา อินทรวิชัย, คมสันต์ ลี, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, เศรษฐา ทวีสิน, ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์, สมโภชน์ อาหุนัย, ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย และ แอนนา เสืองามเอี่ยม

 

RERUN TICKET รับชมย้อนหลัง 3 เดือนเต็ม รับชมทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2565 – 1 มีนาคม 2566

ดูรายละเอียดและซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ ThaiTicketMajor

The post ชมคลิป: FTX ล่มสลาย WEB3 ไปต่อได้หรือไม่ | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ค่าเงิน ‘อ่อนค่า’ ทั่วโลก พิษดอกเบี้ยสูงและนาน จับตาประชุม กนง. สัปดาห์หน้า | Morning Wealth 23 กันยายน 2565 https://thestandard.co/morning-wealth-23092022/ Fri, 23 Sep 2022 01:31:34 +0000 https://thestandard.co/?p=685439

ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดรอบ 20 ปี ฉุดสกุลเงินเอเชียอ่อ […]

The post ชมคลิป: ค่าเงิน ‘อ่อนค่า’ ทั่วโลก พิษดอกเบี้ยสูงและนาน จับตาประชุม กนง. สัปดาห์หน้า | Morning Wealth 23 กันยายน 2565 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าสูงสุดรอบ 20 ปี ฉุดสกุลเงินเอเชียอ่อนค่าหนัก รวมถึงเงินบาทอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 16 ปีครั้งใหม่ นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ประเมินเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

 

อนาคตของ Web 3.0 หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร พูดคุยกับ มุขยา (ใต้) พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และ Chief Venture and Investment Officer SCB 10X

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: ค่าเงิน ‘อ่อนค่า’ ทั่วโลก พิษดอกเบี้ยสูงและนาน จับตาประชุม กนง. สัปดาห์หน้า | Morning Wealth 23 กันยายน 2565 appeared first on THE STANDARD.

]]>