Web 3.0 – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 17 Nov 2023 05:14:50 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.1 ดูไบใช้นโยบายเชิงกลยุทธ์ ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านฟินเทค, Web3 และ AI แห่งใหม่ของโลก https://thestandard.co/dubai-fintech-web3-ai/ Fri, 17 Nov 2023 05:14:50 +0000 https://thestandard.co/?p=866669

ดูไบกำลังจะแซงหน้าฮ่องกงและสิงคโปร์ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางข […]

The post ดูไบใช้นโยบายเชิงกลยุทธ์ ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านฟินเทค, Web3 และ AI แห่งใหม่ของโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>

ดูไบกำลังจะแซงหน้าฮ่องกงและสิงคโปร์ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของโลกทางด้านฟินเทค, Web3 และเศรษฐกิจดิจิทัล อันเป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่มองการณ์ไกล และข้อได้เปรียบทางธุรกิจ เช่น ที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ กฎระเบียบที่เอื้ออำนวย ระบบนิเวศด้านเงินทุน และเครือข่ายนักลงทุนที่แข็งแกร่ง โดยปีที่ผ่านมามีบริษัทเปิดกิจการใหม่เพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 

 

ดูไบใช้นโยบายเชิงกลยุทธ์ เพื่อดึงดูดนักลงทุน

 

รัฐบาลของดูไบริเริ่มนโยบายเชิงกลยุทธ์ที่เรียกว่า Dubai International Financial Centre (DIFC) ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางการเงินชั้นนำระดับโลก ระดับภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียใต้ (MEASA) ดูไบยังมีข้อได้เปรียบทางธุรกิจอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ กฎระเบียบที่เอื้ออำนวย ระบบนิเวศด้านเงินทุน และเครือข่ายนักลงทุนที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนและบริษัทต่างๆ ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศ ดูไบยังเพิ่มการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเป็น 2 เท่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นโยบายที่เป็นมิตรต่อฟินเทคและนวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้มีบริษัทเปิดกิจการใหม่เพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 

 

นอกจากนี้ ดูไบมีความมุ่งมั่นที่จะเป็น 1 ใน 10 เศรษฐกิจ Metaverse อันดับต้นๆ ของโลก โดยตั้งเป้าสร้างงานเสมือนจริง 40,000 ตำแหน่ง และดึงดูดบริษัท Metaverse และบริษัทบล็อกเชนมากกว่า 1,000 แห่งภายในปี 2023 อีกด้วย  

 

เมื่อเร็วๆ นี้ DIFC ยังอนุญาตให้บริษัท AI และ Web3 รวมถึงบริษัทที่มีใบอนุญาตเชิงพาณิชย์ ได้รับเงินอุดหนุนการก่อตั้งธุรกิจในดูไบถึง 90% เพื่อดึงดูดบริษัท AI และ Web3 ให้เข้าลงมาลงทุนในประเทศ และความคืบหน้าเหล่านี้คาดว่าจะยกระดับสถานะของดูไบในฐานะผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Web3 ระดับโลก และส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการทำงานร่วมกัน

 

หมุดหมายแห่งใหม่สำหรับธุรกิจคริปโต

 

นอกจากธุรกิจเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Web 3 แล้ว ดูไบยังกลายเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่สำหรับธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซีที่ต้องการความชัดเจนทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางความเข้มงวดทางด้านกฎระเบียบที่มีต่อบริษัทคริปโตในสหรัฐอเมริกาและในอีกหลายประเทศ กรอบการกำกับดูแลในดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่มีความชัดเจน ทำให้เป็นสถานที่ที่น่าดึงดูดสำหรับการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ถาวร สิ่งนี้เห็นได้จากการเข้ามาตั้งธุรกิจของบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลรายสำคัญหลายแห่ง รวมถึง Hex Trust, Crypto.com และ Bybit

 

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 

 

อ้างอิง:

The post ดูไบใช้นโยบายเชิงกลยุทธ์ ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านฟินเทค, Web3 และ AI แห่งใหม่ของโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
GameFi ยังไปได้สวย โกยเม็ดเงินลงทุนไปได้กว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 3 ปีนี้ https://thestandard.co/gamefi-going-strong-q3-2023/ Wed, 18 Oct 2023 02:36:05 +0000 https://thestandard.co/?p=855865

อุตสาหกรรมเกมใน Web 3.0 (GameFi) ยังน่าสนใจสำหรับนักลงท […]

The post GameFi ยังไปได้สวย โกยเม็ดเงินลงทุนไปได้กว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 3 ปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

อุตสาหกรรมเกมใน Web 3.0 (GameFi) ยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนอยู่ สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนไปได้กว่า 21,000 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2023 แม้จะลดลงจากช่วงก่อนหน้าก็ตาม

 

จากข้อมูลของ DappRadar พบว่า แม้เม็ดเงินลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมเกมใน Web 3.0 (GameFi) ของไตรมาส 3 ปี 2023 จะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ก็ยังสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนมาในอุตสาหกรรมดังกล่าวได้กว่า 600 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนอยู่เช่นกัน

 

โดย GameFi ที่เป็นที่รู้จัก เช่น Axie Infinity, Sandbox หรือ Decentraland เป็นต้น

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเผยว่าเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมเกม Web 3.0 ของไตรมาส 3 ปี 2023 นั้นลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 2 ปี 2023) ที่เคยมีการลงทุนไปแตะถึง 973 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท รวมถึงลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2022 ที่มีเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท ภายในเพียงแค่ไตรมาสเดียวเลยทีเดียว

 

ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (16 ตุลาคม) ในรายการ TechCrunch Equity Monday พอดแคสต์ ก็พูดคุยว่า ตัวเลขเงินลงทุนของอุตสาหกรรมเกมใน Web 3.0 ของปี 2023 ยังถือว่าแสดงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่ออุตสาหกรรมเกมใน Web 3.0 อยู่พอสมควร 

 

เพราะแม้ว่าเม็ดเงินลงทุนในไตรมาส 3 ปีนี้ (600 ล้านดอลลาร์) จะลดลงจากไตรมาส 2 ปีนี้ (973 ล้านดอลลาร์) แต่ก็ยังใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 4 ปี 2022 (654 ล้านดอลลาร์) ที่ตลาดเกมใน Web 3.0 ยังเป็นที่พูดถึง

 

โดย Venture Capital ชื่อดังอย่าง a16z และ SPEEDRUN ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะสตาร์ทอัพในเครือ ที่ชี้ว่าจะลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเกมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ถึง 75 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.6 พันล้านบาท

 

นอกจากนี้อุตสาหกรรมเกมใน Web 3.0 ยังเป็นหมวดหมู่ที่มีการลงทุนมากที่สุดในบรรดาหมวดหมู่ต่างๆ ของ Dapps (Decentralized Application) แม้จะมีการชะลอบ้างตามสภาวะตลาด

 

อ้างอิง: 

The post GameFi ยังไปได้สวย โกยเม็ดเงินลงทุนไปได้กว่า 2.1 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 3 ปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผลสำรวจพบ ‘นักพัฒนา Web 3.0’ ทั่วโลก รับรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 373,000 บาทต่อเดือน และส่วนใหญ่ ‘Work from Anywhere’ https://thestandard.co/web-3-developers-salary/ Tue, 03 Oct 2023 01:49:32 +0000 https://thestandard.co/?p=849727 งาน web3

จากข้อมูลการสำรวจของ Pantera เผยว่า นักพัฒนา Web 3.0 ใน […]

The post ผลสำรวจพบ ‘นักพัฒนา Web 3.0’ ทั่วโลก รับรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 373,000 บาทต่อเดือน และส่วนใหญ่ ‘Work from Anywhere’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
งาน web3

จากข้อมูลการสำรวจของ Pantera เผยว่า นักพัฒนา Web 3.0 ในปี 2023 ทั่วโลกส่วนใหญ่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 373,000 บาทต่อเดือน โดยกว่า 87.8% เผยอีกว่า เป็นรูปแบบการทำงานสถานที่ใดก็ได้ หรือ ‘Work from Anywhere’

 

โดยจากแบบสำรวจดังกล่าวพบว่า นักพัฒนาด้าน Web 3.0 ที่มีรายได้สูงที่สุดอยู่ในแถบอเมริกาเหนือ ที่ประมาณ 485,945 บาทต่อเดือน ตามมาด้วยยุโรป ที่ราว 298,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่ประเทศแถบตะวันออกกลางและแอฟริกาจะมีรายได้ประมาณ 264,000 บาทต่อเดือน และแถบเอเชียแปซิฟิกมีรายได้ราว 218,000 บาทต่อเดือน

 

ซึ่งในแบบสำรวจของ Pantera นั้นดำเนินการในกว่า 77 ประเทศ จากกลุ่มสำรวจกว่า 1,600 ราย โดย 40.1% ทำงานอยู่ในหมวด DeFi (Decentralized Finance) และ 26.1% ทำงานอยู่ในหมวด CeFi (Centralized Finance) และอีก 15.2% ทำงานอยู่ในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้านบล็อกเชน

 

ไม่เพียงเท่านั้น ในแบบสำรวจยังพบว่า ไม่ถึง 2% ของกลุ่มนี้ที่ยังทำงานในออฟฟิศแบบเต็มเวลา และมี 10.6% ที่ยังทำงานแบบผสมผสานระหว่างออฟฟิศกับสถานที่ใดก็ได้ แต่มีถึง 87.8% ที่ทำงานแบบสถานที่ใดก็ได้ (Work from Anywhere)

 

โดยในสหรัฐฯ สำหรับนักพัฒนาด้าน Web 3.0 ในตำแหน่งเริ่มต้น (Junior) หรือคนที่มีประสบการณ์ปานกลาง (Intermediate) นั้นมีรายได้ลดลง 4-8% ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา โดยอยู่ในช่วงระหว่าง 320,000-437,000 บาทต่อเดือน ในขณะที่นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ (Senior) Web 3.0 มีรายได้เพิ่มขึ้น 1.5% ซึ่งไปแตะถึง 561,706 บาทต่อเดือนในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

 

ข้อค้นพบจากการสำรวจยังระบุว่า ตำแหน่งเริ่มต้นของพนักงานด้าน Web 3.0 ที่ทำเกี่ยวกับการตลาดมีเงินเดือนเริ่มต้นน้อยที่สุด อยู่ที่ราว 192,500 บาทต่อเดือน ในขณะที่ตำแหน่งผู้บริหารด้าน Web 3.0 มีรายได้เริ่มต้นตั้งแต่ 429,000 บาทต่อเดือนสำหรับสตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มต้น ไปจนถึง 978,250 บาทต่อเดือนสำหรับสตาร์ทอัพระยะ Series C ขึ้นไป

 

ทั้งนี้ พนักงานกว่า 97% ของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ยังคงเลือกรับเงินเดือนเป็นเงินสด (Fiat Currency) อยู่ แทนที่จะรับรายได้เป็นคริปโต ในขณะที่ 3% ที่เหลือเลือกรับรายได้เป็นคริปโต และนอกเหนือจากเงินเดือน 1 จาก 5 คนของผู้ทำแบบสอบถาม เลือกรับโบนัส หรือ ‘Incentive Package’ เป็นคริปโต ตั้งแต่ราว 1.5 ล้านบาทในสตาร์ทอัพระยะแรก ไปจนถึง 4.5 ล้านบาทในสตาร์ทอัพระยะตั้งแต่ Series C 

 

อ้างอิง: 

The post ผลสำรวจพบ ‘นักพัฒนา Web 3.0’ ทั่วโลก รับรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 373,000 บาทต่อเดือน และส่วนใหญ่ ‘Work from Anywhere’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตรียมพร้อมสู่ ‘Super App’ Grab แพลตฟอร์มเดลิเวอรีครบวงจร จับมือกับ Circle เพื่อทดลองสร้างวอลเล็ตสำหรับ Web 3.0 https://thestandard.co/grab-super-app-with-circle/ Fri, 15 Sep 2023 03:01:43 +0000 https://thestandard.co/?p=841893 Grab

Grab แพลตฟอร์มเดลิเวอรีครบวงจรสัญชาติสิงคโปร์ เตรียมพัฒ […]

The post เตรียมพร้อมสู่ ‘Super App’ Grab แพลตฟอร์มเดลิเวอรีครบวงจร จับมือกับ Circle เพื่อทดลองสร้างวอลเล็ตสำหรับ Web 3.0 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Grab

Grab แพลตฟอร์มเดลิเวอรีครบวงจรสัญชาติสิงคโปร์ เตรียมพัฒนาสู่การเป็น ‘Super App’ หลังประกาศจับมือกับ Circle บริษัทผู้ออกเหรียญ Stablecoin เพิ่มเติม เพื่อการทดลองสร้างวอลเล็ตสำหรับ Web 3.0

 

ซึ่งวอลเล็ต Web 3.0 จะทดลองให้บริการสำหรับลูกค้าในสิงคโปร์ (Singapore Grand Prix) ก่อนในวันอาทิตย์นี้ (17 กันยายน) ซึ่งจะครอบคลุมลูกค้าทั้งกลุ่มจองรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์, ฟู้ดเดลิเวอรี และการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้สามารถใช้เวาเชอร์ที่เป็น NFTs

 

โดย Grab มีลูกค้าในมือกว่า 180 ล้านราย ถือว่าเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

 

ในขณะที่พาร์ตเนอร์ฝั่ง Circle แพลตฟอร์มผู้ออกเหรียญ Stablecoin อย่าง USDC ก็เป็นหนึ่งในผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่ได้รับความไว้วางใจเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเช่นกัน

 

Jeremy Allaire ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Circle กล่าวในงาน Token2049 ที่สิงคโปร์ว่า มันคงจะง่ายสำหรับเราที่จะจินตนาการโลกในปีหน้าที่เราสามารถนำลูกค้าระดับพันล้านรายมาสู่โลกของ Web 3.0 และเข้าถึงการใช้งานเหรียญ Stablecoin ได้

 

อ้างอิง:

The post เตรียมพร้อมสู่ ‘Super App’ Grab แพลตฟอร์มเดลิเวอรีครบวงจร จับมือกับ Circle เพื่อทดลองสร้างวอลเล็ตสำหรับ Web 3.0 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘McDonald’s’ เปิดตัวเมตาเวิร์ส ‘McNuggets Land’ บน The Sandbox เพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของเมนู McNuggets https://thestandard.co/mcdonalds-mcnuggets-land/ Mon, 24 Jul 2023 02:23:10 +0000 https://thestandard.co/?p=821181

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 กรกฎาคม) สาขาของเครือข่ายร้า […]

The post ‘McDonald’s’ เปิดตัวเมตาเวิร์ส ‘McNuggets Land’ บน The Sandbox เพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของเมนู McNuggets appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 กรกฎาคม) สาขาของเครือข่ายร้านฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง McDonald’s ในฮ่องกงประกาศเปิดตัวเมตาเวิร์ส ‘McNuggets Land’ บนแพลตฟอร์ม Web 3.0 ชื่อดังอย่าง The Sandbox เพื่อฉลองวันครบรอบ 40 ปีของเมนู McNuggets ที่ขายให้ลูกค้าเป็นครั้งแรกในปี 1983

 

โดยผู้เล่นเกม McNuggets Land จากที่ไหนก็ได้ในโลกที่สามารถทำภารกิจในเกมได้สำเร็จ ก็จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญ ‘SAND’ ซึ่งเป็นคริปโตเคอร์เรนซีประจำเครือข่ายบล็อกเชนของ The Sandbox รวมทั้งรางวัลอื่นๆ อย่างเครื่องประดับในเกมหรือของรางวัลอื่นๆ เป็นต้น

 

ในขณะที่ผู้เล่นเกมในฮ่องกงจะได้รับสิทธิ์สุดพิเศษ ที่หากเล่นเกม McNuggets Land แล้วทำภารกิจในเกมได้สำเร็จ ก็จะได้รับรางวัลเป็นคูปองสำหรับแลกซื้ออาหารในร้าน McDonald’s เพิ่มเติม ทั้งนี้การเข้าถึงเมตาเวิร์สดังกล่าวจะทำได้จนถึง 28 สิงหาคมนี้เท่านั้น

 

Randy Lai ประธานเจ้าหน้าที่ของ McDonald’s ประจำฮ่องกง กล่าวว่า “ในฐานะที่ McDonald’s มาตั้งสาขาในฮ่องกงกว่า 48 ปีแล้วนั้น เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และช่วงเวลาที่มีความสุขมาโดยตลอด”

 

Lai เผยว่า “ในครั้งนี้เราจึงรู้สึกตื่นเต้นที่จะร่วมมือกับ The Sandbox เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ด้านเกมแบบเมตาเวิร์สบน Web 3.0 ให้แก่ลูกค้า McDonald’s ของเรา”

 

ซึ่ง The Sandbox ถือได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มเกมแบบเมตาเวิร์สชื่อดังที่ทำงานบนเครือข่าย Ethereum เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถมาพัฒนาและสร้างเกมบนแพลตฟอร์มดังกล่าวได้

 

ทั้งนี้โปรเจกต์ ‘McNuggets Land’ ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ทาง McDonald’s นำเทคโนโลยีเกี่ยวกับบล็อกเชนมาใช้ เนื่องจากในปี 2021 McDonald’s ก็เคยนำเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่าง NFT มาใช้เป็นโปรโมชันสนับสนุนด้านการขายในสาขาของฝรั่งเศส จีน และสหรัฐอเมริกามาก่อนเช่นกัน

 

ซึ่งการเคลื่อนไหวสู่โลกเมตาเวิร์สครั้งนี้ของ McDonald’s ก็เป็นไปตามแบรนด์ดังอื่นๆ ที่เคยเคลื่อนไหวในช่วงก่อนหน้า เพื่อโปรโมตแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก เช่น adidas, Coca-Cola, Starbucks หรือ Gucci เป็นต้น 

 

อ้างอิง:

The post ‘McDonald’s’ เปิดตัวเมตาเวิร์ส ‘McNuggets Land’ บน The Sandbox เพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของเมนู McNuggets appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปลี่ยนรถยนต์เป็นสินทรัพย์! ELOOP ร่วมมือ Peaq Network ทำการ ‘Tokenized’ รถ Tesla จำนวน 100 คัน เพื่อสร้างรายได้จากรถยนต์ให้กับทุกคน https://thestandard.co/eloop-tokenized-100-tesla-cars/ Fri, 30 Jun 2023 01:00:53 +0000 https://thestandard.co/?p=809607

ในวันพุธที่ผ่านมา (27 มิถุนายน) ELOOP บริษัทด้านแพลตฟอร […]

The post เปลี่ยนรถยนต์เป็นสินทรัพย์! ELOOP ร่วมมือ Peaq Network ทำการ ‘Tokenized’ รถ Tesla จำนวน 100 คัน เพื่อสร้างรายได้จากรถยนต์ให้กับทุกคน appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในวันพุธที่ผ่านมา (27 มิถุนายน) ELOOP บริษัทด้านแพลตฟอร์มการเช่ารถยนต์สัญชาติเวียนนา ประกาศว่า รถยนต์ Tesla จำนวน 100 คันถูก ‘Tokenized’ (แปลงให้เป็นเหรียญคริปโต) ผ่าน Peaq Network บริษัทด้าน Web 3.0 สำหรับ IoT (Internet of Things) เพื่อสร้างโอกาสทำรายได้ให้กับทุกคน

 

โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนนี้จะทำให้ทุกคนสามารถลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของโทเคนของรถยนต์ Tesla ที่ถูก ‘Tokenized’ เหล่านั้น และร่วมรับรายได้จากค่าเช่าของรถยนต์ Tesla ตามสัดส่วนการถือครองโทเคนดังกล่าว

 

ซึ่งทาง Nico Prugger ผู้ร่วมก่อตั้ง ELOOP และ Leonard Dorloechter ผู้ร่วมก่อตั้ง preq Network เผยกับสำนักข่าวออนไลน์ Cointelegraph ว่า การนำระบบ ‘Car Sharing’ หรือการเช่ารถยนต์มา ‘Tokenized’ ผ่านระบบบล็อกเชน จะทำให้ Web 3.0 เข้าสู่สังคมกระแสหลักและถูกนำไปใช้จริง (Mass Adoption) ได้

 

Nico กล่าวว่า ระบบดังกล่าวเป็น ‘Car Sharing 2.0’ ที่เขาต้องการให้การซื้อเหรียญมีความใกล้เคียงกับการเป็นเจ้าของจริง (Ownership) มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีความง่ายที่ทุกคนจะลงทุนได้โดยไม่ต้องดูแลหรือรับผิดชอบอะไรมาก ทั้งนี้ ทางบริษัทก็มีการดำเนินการเกี่ยวกับด้านกฎหมายให้ถูกต้องเช่นกัน

 

Dorloechter ได้ย้ำว่าการนำระบบบล็อกเชนมาเชื่อมต่อกับสินทรัพย์ในโลกความเป็นจริงที่ทำให้ผู้ใช้ในกระแสหลักสามารถสร้างรายได้จากสินค้าและบริการจริงได้จะยิ่งทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจเทคโนโลยีของ Web 3.0 มากขึ้น

 

นอกจากนี้โทเคนของรถยนต์ Tesla ที่ทาง peaq พัฒนาขึ้นทำงานอยู่บน peaq Blockchain Network ที่ทำงานอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน Polkadot

 

ซึ่ง Dorloechter กล่าวว่า ที่เขาเลือกใช้ Polkadot เนื่องจากว่าเครือข่ายดังกล่าวมีความสามารถในการทำงานระหว่างเครือข่ายอื่นๆ ค่อนข้างดี (Interoperability) และมีการสร้างแรงจูงใจสำหรับกรณีการใช้งานจริงสำหรับ ‘IoT’ 

 

ผู้ก่อตั้งของทั้งสองบริษัทยังย้ำว่า ‘Carsharing’ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และในตอนนี้มีอีกหลายบริษัทที่กำลังสนใจในการ ‘Decentralized’ (กระจายศูนย์) ทั้งด้านรถยนต์ EV, Uber หรือแม้แต่กล้องถ่ายภาพ เนื่องจากว่าตอนนี้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของข้อมูลของตนเองได้อย่างแท้จริง และนำไปขายเพื่อสร้างรายได้หากต้องการ

 

ไม่ได้มีเพียงแต่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แล้วเท่านั้นที่จะเป็นตัวกลางของข้อมูลทุกอย่าง แล้วนำไปสร้างรายได้เข้าบริษัทแต่เพียงอย่างเดียว ตอนนี้มันคือกระแสของปัจเจกบุคคลที่ทุกคนเป็นเจ้าข้อมูลของตนเอง

 

Dorloechter มองว่าในอนาคต Tesla จะกลายเป็นบริษัทรถยนต์แบบอัตโนมัติที่จะสามารถกลายเป็น ‘Robotaxi’ หรือ ‘แท็กซี่ไร้คนขับได้’ ที่การ ‘Tokenization’ จะเข้ามาช่วยให้เกิดการกระจายศูนย์ในโลกยุคอัตโนมัติ และช่วยลดความเหลื่อมล้ำจากการที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดังกล่าวเพื่อลงทุนและสร้างรายได้อย่างทั่วถึง

 

อ้างอิง:

The post เปลี่ยนรถยนต์เป็นสินทรัพย์! ELOOP ร่วมมือ Peaq Network ทำการ ‘Tokenized’ รถ Tesla จำนวน 100 คัน เพื่อสร้างรายได้จากรถยนต์ให้กับทุกคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตรียมรับชมรายการ ‘Killer Whales’ ขั้นกว่าของเรียลิตี้ด้านการระดมทุนทางธุรกิจที่ผู้ชมก็สามารถมีส่วนร่วมได้ https://thestandard.co/killer-whales-business-fundraising-reality/ Sat, 10 Jun 2023 03:08:56 +0000 https://thestandard.co/?p=801526 Killer Whales

โดยปกติแล้วรายการที่เป็นโชว์ทางด้านธุรกิจอย่าง Shark Ta […]

The post เตรียมรับชมรายการ ‘Killer Whales’ ขั้นกว่าของเรียลิตี้ด้านการระดมทุนทางธุรกิจที่ผู้ชมก็สามารถมีส่วนร่วมได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Killer Whales

โดยปกติแล้วรายการที่เป็นโชว์ทางด้านธุรกิจอย่าง Shark Tank นั้นจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมาพิทช์ (Pitch) รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของตนเอง เพื่อขอเงินทุนและเครือข่ายจากนักลงทุนที่เป็นกรรมการในรายการที่จะถูกเรียกว่า Shark ได้ แต่หากธุรกิจไหนที่ตกรอบก็จะถูกปฏิเสธแล้วขนของกลับบ้านไปโดยทันที แต่ในรายการใหม่อย่าง Killer Whales จะไม่เป็นเช่นนั้น

 

Killer Whales เป็นรายการเรียลิตี้ด้านธุรกิจจากค่าย Hello TV ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการด้านคริปโตเคอร์เรนซีมานำเสนอไอเดียทางธุรกิจ Web 3.0 กับเหล่ากรรมการที่เป็นนักลงทุนชั้นนำของวงการได้ โดยที่ผู้ชมอาจร่วมลงทุนได้ด้วยหากโปรเจกต์คริปโตดังกล่าวพัฒนาสำเร็จ

 

โดยรายการจะมีการนำโปรเจกต์คริปโตมาเสนอให้กับผู้ชมได้รู้จักกันก่อนถ่ายทำจริง และหากผู้ชมสนใจและชื่นชอบไอเดียของโปรเจกต์ไหนก็สามารถเชื่อมต่อวอลเล็ตคริปโตกับเว็บไซต์ของ Hello TV เพื่อนำเหรียญคริปโต HELLO Token ไปใช้ในการโหวตให้คะแนนกับโปรเจกต์ที่ชอบได้เลย โดยคะแนนของแต่ละโปรเจกต์จะถูกจัดอันดับและแสดงไว้ใน Leaderboard และหากโปรเจกต์ไหนได้คะแนนถึงเกณฑ์ก็จะสามารถเข้ารอบพิเศษเป็น Wildcard Entry ได้เลย

 

ซึ่งการนำเสนอรายการในรูปแบบดังกล่าวจะเป็นการปฏิวัติรูปแบบรายการทางธุรกิจที่เคยมีมา จากแต่เดิมที่ผู้ชมจะไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับรายการเท่าไรนัก ทำได้แค่เพียงเชียร์ผู้ประกอบการที่ตนเองชอบให้สามารถเข้ารอบหรือได้รับเงินลงทุน

 

แต่ในรายการนี้จะเพิ่มความมีส่วนร่วมและอรรถรสแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในแง่ความบันเทิงและการให้ผู้ชมได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็นนักลงทุน ที่สามารถหาธุรกิจที่น่าลงทุนจากการรับชมอยู่ที่หน้าจอได้ หากธุรกิจไหนน่าสนใจ ผู้ชมก็สามารถเข้าร่วมในการโหวตโดยใช้เหรียญคริปโตเพื่อให้โปรเจกต์ที่ชื่นชอบเข้ารอบได้ 

 

และหากโปรเจกต์ไหนได้รับการร่วมลงทุนจนอาจจะถูกต่อยอดและพัฒนาจนเกิดขึ้นได้จริง เหล่าผู้ชมก็สามารถร่วมลงทุนในเหรียญได้โดยตรงเลยเช่นกัน จากการที่ระบบดังกล่าวเป็นเหรียญคริปโตที่อยู่บนบล็อกเชน ซึ่งแตกต่างจากธุรกิจแบบเก่าที่ผู้ชมไม่มีโอกาสร่วมลงทุนแม้แต่น้อย

 

ข้อดีอีกประการของรายการนี้ก็คือ โปรเจกต์คริปโตที่ถูกเสนอเข้ามาแข่งขันนั้นจะถูกตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่ายและความน่าเชื่อถือจากทั้ง Hacken บริษัทด้านความปลอดภัยบนบล็อกเชน, CoinMarketCap แพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลคริปโต และ Hello TV ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการเอง 

 

นอกจากนี้ รายการนี้ยังจะพาผู้ชมไปรู้จักกับวิธีคิดของนักลงทุนที่เป็นผู้ประกอบการ และนักลงทุนทั้งประเภท Angel Investor และ Venture Capitalist ที่ประสบความสำเร็จและมีประสบการณ์ว่ามีวิธีคิดในการเลือกลงทุนในโปรเจกต์คริปโตอย่างไรให้ทำกำไรได้

 

ทั้งนี้ รายการ Killer Whales ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้ามาได้จากทั่วทุกมุมโลก และจะมีกำหนดถ่ายทำภายในวันที่ 27-30 มิถุนายนนี้ สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องไปถ่ายทำ ณ ฮอลลีวูด สหรัฐอเมริกา ตามเวลาที่กำหนด

The post เตรียมรับชมรายการ ‘Killer Whales’ ขั้นกว่าของเรียลิตี้ด้านการระดมทุนทางธุรกิจที่ผู้ชมก็สามารถมีส่วนร่วมได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ข่าวดีมาอีกแล้ว! ‘Google Cloud’ ประกาศโปรแกรมสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน Web 3.0 https://thestandard.co/google-cloud-introduces-new-web3/ Mon, 01 May 2023 05:38:38 +0000 https://thestandard.co/?p=783532 Google Cloud

สัปดาห์ที่ผ่านมา (26 เมษายน) Google Cloud ได้ประกาศโครง […]

The post ข่าวดีมาอีกแล้ว! ‘Google Cloud’ ประกาศโปรแกรมสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน Web 3.0 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Google Cloud

สัปดาห์ที่ผ่านมา (26 เมษายน) Google Cloud ได้ประกาศโครงการ ‘Google for Startups Cloud Program’ เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน Web 3.0 ให้สามารถขยายและเติบโตธุรกิจได้อย่างปลอดภัย

 

โดยโครงการดังกล่าวเปิดรับสตาร์ทอัพระยะตั้งแต่ Pre-seed จนถึงระยะ Series A ซึ่งโครงการที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับสิทธิประโยชน์ อย่าง Google Cloud เครดิตมากถึง 2 แสนดอลลาร์ หรือประมาณ 7 ล้านบาท รวมไปถึงมีทีมสนับสนุนคอยช่วยเหลือในระยะเวลา 2 ปี

 

เนื่องจาก Google มีเป้าหมายที่จะให้สตาร์ทอัพเหล่านี้โฟกัสไปยังจุดสำคัญของการทำธุรกิจจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Speed to the Market (การตีตลาด) และนวัตกรรม โดยไม่จำเป็นต้องกังวลปัจจัยด้านต้นทุนอย่างค่าเซิร์ฟเวอร์และค่าใช้จ่ายอื่นๆ หรือด้านทีมงานที่คอยช่วยเหลือว่าจะมีเพียงพอหรือไม่

 

สตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกยังจะสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากเครือข่ายบล็อกเชนอย่าง Aptos, Celo, Flow, The HBAR Foundation, Near และ Solana Foundation

 

ผู้ร่วมก่อตั้งแต่ละรายยังจะได้รับเงินทุนสนับสนุนมูลค่ามากที่สุดถึง 1 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 35 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเร่งการเติบโตทางธุรกิจอีกเช่นกัน

 

รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพเหล่านี้มีโอกาสได้รับการลงทุนแบบร่วมถึงจาก Polygon Ventures Ecosystem Fund มูลค่ามากสุดถึง 3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมไปถึงการสนับสนุนด้านการทำงานจากทีมของ Polygon Ventures

 

นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ใช้สิทธิประโยชน์อื่นๆ จากเครือข่ายของ Google เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ของ Nansen ในราคาส่วนลด หรือการได้รับเครดิตในการเรียนกับ Alchemy เป็นต้น

 

ซึ่ง Google Cloud นั้นได้เริ่มต้นการสนับสนุน Web 3.0 มานับตั้งแต่ปี 2018 โดยเริ่มจากการใส่ชุดข้อมูลเกี่ยวกับ Bitcoin ก่อนจะขยายไปยังการจับมือกับบริษัทด้านคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Coinbase รวมไปถึงเครือข่ายบล็อกเชน BNB และ Celo Foundation ในเวลาต่อมา


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อ้างอิง: 

The post ข่าวดีมาอีกแล้ว! ‘Google Cloud’ ประกาศโปรแกรมสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน Web 3.0 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Visa’ บริษัทด้านการเงินชั้นนำของโลก เดินหน้าขยายทีมคริปโต สวนทางบริษัทเทคจำนวนมากที่ทยอยปลดคนอย่างต่อเนื่อง https://thestandard.co/visa-expand-crypto-team/ Wed, 26 Apr 2023 02:07:11 +0000 https://thestandard.co/?p=781345 Visa คริปโต

Visa บริษัทด้านการชำระเงินชั้นนำของโลก เดินหน้าขยายทีมน […]

The post ‘Visa’ บริษัทด้านการเงินชั้นนำของโลก เดินหน้าขยายทีมคริปโต สวนทางบริษัทเทคจำนวนมากที่ทยอยปลดคนอย่างต่อเนื่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Visa คริปโต

Visa บริษัทด้านการชำระเงินชั้นนำของโลก เดินหน้าขยายทีมนักพัฒนาสำหรับคริปโตเพิ่ม เพื่อดันแผน Web 3.0 ให้เกิดขึ้นจริง สวนทางกับบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งทั่วโลกที่ต่างทยอยปลดคนอย่างต่อเนื่อง

 

โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Visa ประกาศหา ‘วิศวกรด้านซอฟต์แวร์อาวุโส’ ที่มีความสนใจและหลงใหลในเทคโนโลยีด้าน Web 3.0

 

ซึ่งคนในวงการต่างมองว่า Web 3.0 จะเป็นอีกขั้นของวิวัฒนาการทางด้านอินเทอร์เน็ต โดยสร้างอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชนที่จะให้อำนาจแก่เหล่าเจ้าของข้อมูลมากยิ่งขึ้น ที่ Visa กำลังมองหาโอกาสมาโดยตลอด

 

ในประกาศจ้างงานของ Visa ยังขยายความต่อว่าทีมงานคริปโตของ Visa นั้นจะมาสร้างผลิตภัณฑ์และบริการยุคใหม่เพื่อให้ชีวิตการด้านคอมเมิร์ซของทุกคนง่ายขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น Visa ยังต้องการสร้างฟีเจอร์ที่สามารถส่งต่อคุณค่าใหม่ๆให้ลูกค้า ได้อย่างลึกซึ้ง

 

คุณสมบัติของวิศวกรที่ Visa ตามหา ยังมีการระบุถึงคนที่มีความเข้าใจการเพิ่มประสิทธิภาพของ Ethereum และยังมีการระบุถึง ‘ERC-4337’ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับการออกเหรียญใหม่บนบล็อกเชนอีกด้วย รวมไปถึงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ โปรโตคอลด้านความปลอดภัยและ Private Key Custody

 

แม้ Visa จะชะลอบางโปรเจกต์ในช่วงการล้มละลายของ FTX เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาไปบ้าง แต่ทางบริษัทก็เชื่อว่าเหรียญคริปโตที่มีการค้ำประกันด้วยเงินดิจิทัล (Fiat Backed Digital Currency) จะมามีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศการชำระเงินในอนาคต

 

โดยตัวแทนของ Visa ก็ได้บอกกับสำนักข่าว Decrypt เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเช่นกันว่า การล้มละลายของบริษัทที่เคยยิ่งใหญ่อย่าง FTX ก็ถือว่าเป็นข้อเตือนใจว่าบริษัท Visa ยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ ก่อนที่คริปโตจะขึ้นมาเป็นกระแสหลักในการชำระเงินและบริการทางการเงิน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


อ้างอิง: 

The post ‘Visa’ บริษัทด้านการเงินชั้นนำของโลก เดินหน้าขยายทีมคริปโต สวนทางบริษัทเทคจำนวนมากที่ทยอยปลดคนอย่างต่อเนื่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
CryptoGPT แพลตฟอร์ม AI บนบล็อกเชน ระดมทุนได้เพิ่มอีก 350 ล้านบาท ดันมูลค่ากิจการแตะ 8 พันล้านบาท https://thestandard.co/cryptogpt-ai-blockchain-raise-funds/ Tue, 11 Apr 2023 08:44:07 +0000 https://thestandard.co/?p=775640 CryptoGPT

CryptoGPT แพลตฟอร์มด้าน AI (Artificial Intelligence) บน […]

The post CryptoGPT แพลตฟอร์ม AI บนบล็อกเชน ระดมทุนได้เพิ่มอีก 350 ล้านบาท ดันมูลค่ากิจการแตะ 8 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
CryptoGPT

CryptoGPT แพลตฟอร์มด้าน AI (Artificial Intelligence) บนบล็อกเชน ระดมทุนได้กว่า 350 ล้านบาท ในการระดมทุนรอบ Series A ดันมูลค่ากิจการแตะ 8 พันล้านบาท

 

โดยผู้นำการลงทุนในรอบดังกล่าวคือ DWF Labs บริษัทที่มีการเข้าลงทุนในบริษัทคริปโตจำนวนมากท่ามกลางตลาดขาลง

 

และล่าสุด CryptoGPT ยังเพิ่งปล่อย Alex ผู้ช่วยในรูปแบบ AI บน Web 3.0 ทั้งยังพัฒนา Zero-knowledge บนเลเยอร์ 2 ของบล็อกเชน ซึ่งเป็นรูปแบบการยืนยันข้อมูลโดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูล รวมไปถึงการพัฒนา Data-to-AI Engine ที่จะเก็บข้อมูล-เข้ารหัส-ส่งต่อข้อมูลเพื่อการต่อยอดทางธุรกิจ

 

รายงานของบริษัทยังอธิบายเพิ่มเติมว่าแทนที่จะนำ Zero-knowledge เทคโนโลยีไปใช้แค่กับธุรกรรม CryptoGPT นำมันมาใช้กับการส่งข้อมูลส่วนบุคคลอีกเช่นกัน

 

Dejan Erja ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานฝ่ายเทคโนโลยีของ CryptoGPT กล่าวว่า เงินทุนที่ระดมมาได้จะใช้ไปในการขยายทีมของนักพัฒนา และการขยายผลิตภัณฑ์ไปยังระดับภูมิภาคของเอเชีย

 

เป้าหมายหลักของ CryptoGPT คือการให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเงินจากข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานได้ ทั้งในด้านฟิตเนส การออกเดต รวมไปถึงการเล่นเกมและการศึกษา

 

นอกจากนี้ CryptoGPT ยังมีการปล่อยโทเคน GPT ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และจากข้อมูลของ CoinMarketCap (ณ ขณะนี้) เหรียญดังกล่าวมีมูลค่าตลาดรวมที่ราว 400 ล้านบาท ไม่เพียงเท่านี้ในตลาดคริปโตด้าน AI ยังมีคู่แข่งอื่นๆ อย่าง Fetch.ai (FET) และ SingularityNET (AGIX) อีกเช่นกัน

 

อ้างอิง: 

The post CryptoGPT แพลตฟอร์ม AI บนบล็อกเชน ระดมทุนได้เพิ่มอีก 350 ล้านบาท ดันมูลค่ากิจการแตะ 8 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>