บริษัทผลิตรถยนต์หรู Ferrari ประกาศยอมรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลสำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา โดยจะขยายบริการนี้ไปยังตลาดยุโรปในไม่ช้า ในช่วงแรกของบริการ Ferrari ได้ร่วมมือกับ BitPay บริษัทชำระเงินด้านคริปโตรายใหญ่ ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมด้วย Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) และ USD Coin (USDC) ได้แล้ว

จากรายงานของสำนักข่าว Reuters เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา Enrico Galliera ผู้บริหารฝ่ายการตลาดและการค้าของ Ferrari ยืนยันว่า บริษัทมีความตั้งใจยอมรับการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการของตลาดและคำขอของตัวแทนจำหน่าย โดยมีลูกค้าจำนวนมาก รวมถึงนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลและต้องการชำระเงินในรูปแบบใหม่

สิ่งนี้อาจทำให้ Ferrari แตกต่างจากบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายแห่งที่ลังเลที่จะยอมรับสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากความผันผวนและความไม่แน่นอนทางด้านกฎระเบียบ Enrico ยังเผยเพิ่มเติมว่า การสนับสนุนคริปโตนี้สอดคล้องกับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2030 ของบริษัทอีกด้วย

นอกจากนี้ Ferrari ยังพยายามดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มั่งคั่งจากสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงนักลงทุนแบบดั้งเดิมที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนของตนไปสินทรัพย์แบบอื่นด้วย บริการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลจะเริ่มต้นในสหรัฐฯ และจะขยายไปยังตลาดยุโรปในไตรมาสแรกของปีหน้า ก่อนที่จะขยายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ที่เป็นมิตรกับคริปโตต่อไป

บริษัทรถยนต์หรู Ferrari ไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ยอมรับ Bitcoin ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2021 Tesla ยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์ไฟฟ้า ได้ยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวในช่วงสั้นๆ แต่ก็ยกเลิกการชำระเงินรูปแบบดังกล่าวไปเนื่องจากปัญหาคริปโต โดยอ้างถึงเหตุผลทางด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม บริษัท Tesla ของ Elon Musk ยังคงถือครอง BTC ไว้ในงบดุลของบริษัทจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ยังคงมีต่ออุตสาหกรรมคริปโต

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 

อ้างอิง:

• https://u.today/ferrari-now-accepts-payment-in-btc-eth-xrp 

The post บริษัทรถหรู Ferrari เปิดรับการชำระเงินด้วย Bitcoin, Ethereum และ USDC แล้ว appeared first on THE STANDARD.

ราคาเหรียญ USDC ของ Circle หลุดการตรึงมูลค่า (Peg) จาก 1 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 0.94 ดอลลาร์ บนเว็บเทรด Kraken เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่ Circle ยืนยันว่ามีเงินทุนสำรองประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์ที่ยังคงอยู่กับ Silicon Valley Bank

Circle บริษัทชำระเงินคริปโตเคอร์เรนซีผู้ออกเหรียญ Stablecoin อย่าง USDC ยืนยันเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า มีเงินทุนสำรองประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์ที่ยังคงอยู่กับ Silicon Valley Bank ข่าวนี้ส่งผลให้ราคาเหรียญ USDC หลุดการตรึงมูลค่าจาก 1 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 0.94 ดอลลาร์ บนเว็บเทรด Kraken

ก่อนหน้านี้ Circle ทวีตว่า Silicon Valley Bank เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ 6 รายที่จัดการสินทรัพย์ประมาณ 25% ของทุนสำรองทั้งหมด การสั่งปิด Silicon Valley Bank เมื่อคืนที่ผ่านมา (10 มีนาคม) นับเป็นการล้มของธนาคารสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 เลยทีเดียว

คู่การซื้อขาย USDC / USDT ลดลงแตะจุดต่ำสุดที่ 0.94 ดอลลาร์บนเว็บเทรด Kraken จากนั้นฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 0.984 ดอลลาร์ ณ เวลา 11.35 น. ของวันนี้ (11 มีนาคม) อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ยังคงต้องถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก Stablecoin ควรถูกตรึงมูลค่าไว้ที่ 1 ดอลลาร์ 

ขณะนี้ทาง Binance ได้ประกาศปิดรับการแปลงเหรียญ USDC เป็น BUSD แล้ว ขณะที่ทาง Coinbase ก็ประกาศหยุดแปลงเหรียญเช่นกัน และจะเปิดให้บริการตามปกติในวันจันทร์

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• สตาร์ทอัพเครียด! อาจจ่ายเงินให้กับพนักงานไม่ได้ เหตุ Silicon Valley Bank ถูกสั่งปิด หลังกลายเป็นแบงก์ที่ล้มหนักสุด ตั้งแต่ปี 2008
• ‘Silicon Valley Bank’ ประสบเหตุ Bank Run และถูกสั่งปิดชั่วคราว พร้อมหาคำตอบว่าวิกฤตนี้จะลุกลามแค่ไหน?
• สิ้นยุคเทคสหรัฐ? กระแสเลย์ออฟใน ‘Silicon Valley’ มีทิศทางเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

อ้างอิง: 

• https://www.coindesk.com/markets/2023/03/11/usdc-stablecoin-depegs-from-1-circle-says-operations-are-normal/?utm_medium=referral&utm_source=rss&utm_campaign=headlines
• https://www.bloomberg.com/news/articles/2023-03-10/binance-tether-say-no-svb-exposure-while-circle-stays-mum?srnd=premium-europe&sref=CVqPBMVg

The post เหรียญ USDC หลุด Peg หลังพบว่า Circle มีเงิน 3.3 พันล้านดอลลาร์อยู่ใน Silicon Valley Bank ที่เพิ่งล้ม appeared first on THE STANDARD.

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (13 ธันวาคม) จัสติน ซัน ผู้ก่อตั้งเครือข่ายบล็อกเชน TRON หวังเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยการโพสต์ธุรกรรมของตนจาก Etherscan ลงทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าได้ฝากเงินเป็น USDC กลับเข้าไปใน Binance แล้วเป็นมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3.46 พันล้านบาท) ท่ามกลางกระแสข่าวลบที่ถาโถมสู่ Binance ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

โดยกระแสข่าวร้ายที่กระทบ Binance เกิดจากที่มีนักวิเคราะห์มองว่าเงินสำรองของ Binance นั้นน้อยเกินไป และอาจทำให้แพลตฟอร์มขาดความมั่นคงที่นำไปสู่เหตุการณ์ล้มละลายได้ ทั้งยังมีประเด็นว่า Binance อาจกำลังถูกสอบสวนเรื่องการฟอกเงิน จนนักลงทุนรายย่อยต่างแห่ถอนเงินออกจากแพลตฟอร์มมากกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ (ราว 6.5 หมื่นล้านบาท) ในรอบ 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งยังมีข่าวว่า จัสติน ซัน ถอนเงินออกจาก Binance เป็นมูลค่ากว่า 1.7 พันล้านบาทร่วมด้วย

จากข้อมูลของ Nansen พบว่ามีเงินไหลเข้าแพลตฟอร์ม Paxos และ Huobi เป็นจำนวนถึง 162 ล้านดอลลาร์ (ราว 5.7 พันล้านบาท) ในขณะที่มีเงินไหลเข้า Coinbase เป็นมูลค่าถึง 124 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.3 พันล้านบาท)

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเหรียญ BNB ปรับตัวลงแรงกว่า 8% ไปเคลื่อนไหวบริเวณ 259 ดอลลาร์ จากที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 290 ดอลลาร์ในช่วงก่อนหน้า ทั้งยังมีข้อมูลจาก DefiLlama ที่เผยว่าตัวเลขเงินที่ฝากไว้ (Total Value Locked) กับเครือข่ายบล็อกเชน BSC ลดลงกว่า 4.5% ในรอบ 24 ชั่วโมง

ทางหัวเรือใหญ่ Binance อย่าง CZ ก็ได้ออกมาตอกย้ำความมั่นใจว่า จัสติน ซัน ได้ฝากเงินเข้ามาใน Binance เนื่องจากอยู่ในกระบวนการร่วมโปรเจกต์กัน โดยจะมีการนำเหรียญ BUSD ไปเชื่อมต่อในเครือข่ายของ TRON

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ‘จัสติน ซัน’ ซีอีโอเหรียญ ‘TRON’ ประมูลภาพ ‘หิน’ บน NFT ไปกว่า 18 ล้านบาท
• ย้อนรอยวิกฤตคริปโต การล่มสลายของ FTX รอบนี้จะสั่นสะเทือนตลาดคริปโตได้เหมือนรอบ Mt.Gox ปี 2014 หรือไม่?
• แซม แบงก์แมน ฟรายด์ อดีตซีอีโอ FTX ถูกไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานกำกับในบาฮามาส

อ้างอิง:

• https://www.coindesk.com/markets/2022/12/13/justin-sun-looks-to-calm-crypto-market-fear-as-bnb-falls-8-withdrawals-continue-on-binance/

The post ‘จัสติน ซัน’ หวังฟื้นเชื่อมั่น! ฝากเงินกลับเข้า Binance กว่า 3.4 พันล้านบาท สวนทางรายย่อยที่แห่ถอนเงินจากแพลตฟอร์ม appeared first on THE STANDARD.

Binance แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่มีมูลค่าเหรียญเป็นอันดับ 3 ของโลก ได้ประกาศหยุดให้บริการเทรดเหรียญ USDC เหรียญ Stablecoin ที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 2 ของโลก หวังชิงส่วนแบ่งการตลาดให้เป็นของเหรียญ BUSD ของตนเองเพิ่มขึ้น 

การดำเนินการดังกล่าวส่งผลกระทบให้ Circle บริษัทที่ออกเหรียญ USDC มีโอกาสเสียส่วนแบ่งการตลาดโดยตรง ซึ่ง ณ ตอนนี้ USDC มีมูลค่าในตลาด ที่ราว 5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท รองจากเหรียญ Stablecoin อันดับหนึ่งอย่าง USDT ที่มีขนาดตลาดอยู่ที่ 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดไว้มากถึง 44% ของ Stablecoin ทั้งหมด

และภายในวันที่ 29 กันยายน สินทรัพย์ที่เป็น Stablecoin ของผู้ใช้งานในแพลตฟอร์ม Binance เช่น USDC, USDP และ TUSD จะถูกแลกเป็น BUSD โดยอัตโนมัติ แต่หากผู้ใช้งานต้องการแลกเปลี่ยนในช่วงเวลาก่อนหน้าก็สามารถทำได้เช่นกัน

ทั้งนี้ แม้ทาง Binance จะชี้แจงว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นการช่วยเสริมสภาพคล่อง และเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดให้แก่ลูกค้า แต่ดูเหมือนว่าหลังจากการเดินกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้สัดส่วนของมาร์เก็ตแชร์เปลี่ยนไป จากการถือครองเหรียญ USDC, USDP และ TUSD มาอยู่ที่ BUSD มากยิ่งขึ้น

อ้างอิง:

• https://www.coindesk.com/business/2022/09/05/binance-to-convert-users-usdc-usdp-tusd-into-its-own-stablecoin-busd/

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post Binance ประกาศหยุดให้บริการเทรดเหรียญ Stablecoin ที่เป็นคู่แข่งอย่าง USDC หวังชิงส่วนแบ่งการตลาดให้เหรียญ BUSD ของตนเองเพิ่ม appeared first on THE STANDARD.

วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญของธุรกิจในการเชื่อมโยงโลกแห่งสกุลเงินดิจิทัลและสกุลเงินทั่วไปเข้าด้วยกัน  ด้วยการเปิดให้ USD Coin (USDC) หรือ Stablecoin ที่อ้างอิงราคากับเงินดอลลาร์สหรัฐ มาใช้ชำระเงินในการทำธุรกรรมกับวีซ่าได้เพิ่มเติมจากอีเทอเรียม (Ethereum) หนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในบล็อกเชนแบบเปิด (Open-Source) 

ทั้งนี้วีซ่าได้เปิดให้ทดลองผ่าน Crypto.com ซึ่งเป็นพันธมิตรของวีซ่า และเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มรายใหญ่ในโลกคริปโต โดยวีซ่าได้วางแผนที่จะเปิดรับการชำระด้วยสกุลเงิน USDC กับพันธมิตรรายอื่นๆ ภายในปลายปีนี้

นอกจากนี้วีซ่าได้ทำงานกับ Anchorage ธนาคารที่ให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกและพันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญด้านการชำระบัญชีด้วยสกุลเงินดิจิทัลของวีซ่า ในการเปิดทดสอบให้ Crypto.com ส่งเงินสกุล USDC ให้แก่วีซ่า เพื่อชำระหนี้ในส่วนของบัตร Crypto.com วีซ่า

กระบวนการชำระบัญชีตามมาตรฐานของวีซ่า ต้องการให้พันธมิตรชำระเงินในรูปแบบของสกุลเงินทั่วไป โดยสามารถเพิ่มทุนและความซับซ้อนให้กับธุรกิจที่เกิดขึ้นด้วยสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ได้ ซึ่งที่สุดแล้วความสามารถในการชำระบัญชีด้วย USDC สามารถช่วยให้ Crypto.com และบริษัทอื่นๆ ที่ดำเนินธุรกิจด้านคริปโตประเมินพื้นฐานโมเดลการทำธุรกิจใหม่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินคงคลังและผังระบบงานสำหรับการชำระบัญชีเช่นธุรกิจทั่วไป 

การอัปเกรดทางด้านการเงินและการบูรณาการร่วมกับ Anchorage ของวีซ่า ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านศักยภาพของวีซ่าในการสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC) ได้โดยตรงในอนาคต

แจ็ค ฟอเรสเทลล์ รองประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์ของวีซ่า กล่าวว่า การประกาศในครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า วีซ่ามีศักยภาพที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจฟินเทคในเรื่องของ Stablecoin หรือคริปโตเคอร์เรนซีได้ รวมถึงเป็นการต่อยอดสิ่งที่วีซ่าทำอยู่ในทุกวันนี้อย่างการอำนวยความสะดวกให้การชำระเงินให้มีความปลอดภัยสูงสุดในหลากหลายสกุลเงินทั่วโลก

ขณะที่ คริส มาร์สซาเล็ค ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Crypto.com กล่าวว่า กิจการเราเติบโตไปพร้อมกับระบบนิเวศคริปโตที่ขยายวงกว้างยิ่งขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา และเพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านของโลกสู่สกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี เราต้องการพันธมิตรที่มีความเข้าใจถึงโอกาส และเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การได้เป็นพันธมิตรกับวีซ่าในหลายปีที่ผ่านมา เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่ได้สานสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านข้อตกลงระดับโลกในครั้งนี้ พร้อมกับการเป็นผู้บุกเบิกเจ้าแรกในการเปิดให้ชำระเงินด้วย Stablecoin เป็นครั้งแรกของโลก

ด้าน เดวิด พุท ซีอีโอของ Centre ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบการออกใบอนุญาตของ USDC กล่าวปิดท้ายว่า วีซ่ากำลังขับเคลื่อนตลาดไปข้างหน้าผ่านการนำนวัตกรรมของวีซ่ามาใช้เพื่อเพิ่มวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย เรารู้สึกประทับใจถึงความพยายามต่างๆ ของวีซ่า การมีสกุลเงิน USDC บนเครือข่ายของวีซ่าเป็นอีกก้าวสำคัญในภารกิจของเราที่ต้องการเชื่อมโยงโลกเข้าด้วยกันผ่านการใช้สเตเบิ้ลคอยน์ที่อยู่บนมาตรฐานของ Centre โดยเริ่มที่สกุลเงิน USDC เป็นสกุลแรก”

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ‘วีซ่า’ เปิดรับธุรกรรมชำระเงินด้วย USD Coin (USDC) ผ่านเครือข่ายเป็นรายแรก appeared first on THE STANDARD.