US Capitol – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 30 May 2021 12:53:06 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ตำรวจรัฐสภาสหรัฐฯ เสียชีวิต 1 นาย จากเหตุคนขับรถพุ่งชนแนวกั้นเขต US Capitol https://thestandard.co/us-capitol-police-officer-dies-after-car-rams-security-barrier/ Sat, 03 Apr 2021 11:55:33 +0000 https://thestandard.co/?p=472198 ตำรวจรัฐสภาสหรัฐ

เกิดเหตุคนขับรถยนต์พุ่งชนแผงกั้นรักษาความปลอดภัยที่บริเ […]

The post ตำรวจรัฐสภาสหรัฐฯ เสียชีวิต 1 นาย จากเหตุคนขับรถพุ่งชนแนวกั้นเขต US Capitol appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจรัฐสภาสหรัฐ

เกิดเหตุคนขับรถยนต์พุ่งชนแผงกั้นรักษาความปลอดภัยที่บริเวณอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ หรือ US Capitol ในวอชิงตัน ดี.ซี. ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตหนึ่งนาย และอีกหนึ่งนายได้รับบาดเจ็บ นับเป็นเหตุโจมตีร้ายแรงล่าสุดซึ่งเกิดขึ้นที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ หลังจากเหตุการณ์จลาจลสะเทือนขวัญชาวอเมริกันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 

รายงานระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันศุกร์ที่ 2 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น ระบบแจ้งเตือนของตำรวจรัฐสภาได้ส่งอีเมลไปยังสมาชิกสภานิติบัญญัติและเจ้าหน้าที่ของสภา โดยสั่งให้ทุกคนอยู่ห่างจากประตูและหน้าต่าง เนื่องจากอาคารรัฐสภาถูกคุกคาม ส่วนคนที่อยู่ภายนอกอาคารถูกสั่งให้หาที่หลบภัย

 

ระบบได้ส่งข้อความเตือนดังกล่าวหลังเกิดเหตุชายคนหนึ่งขับรถยนต์สีน้ำเงินพุ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ซึ่งยืนประจำการอยู่ที่แนวกั้นทางทิศเหนือของอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ลงจากรถและวิ่งถือมีดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทั้งสอง ส่งผลให้ตำรวจ 1 ใน 2 ชักอาวุธปืนขึ้นมายิงใส่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 

 

โรเบิร์ต คอนที รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาลวอชิงตัน ดี.ซี. เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า ผู้ก่อเหตุเสียชีวิตเมื่อเวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยคาดว่าก่อเหตุเพียงลำพัง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย 

 

“ไม่ว่าการโจมตีจะเกิดขึ้นกับหน่วยงานใดหรือใครก็ตาม เรามีหน้าที่ที่จะต้องสืบหาสาเหตุ และเราจะทำเช่นนั้น” คอนทีกล่าว

 

ด้าน โยกานันดา พิตต์แมน รักษาการผู้บัญชาการตำรวจรัฐสภา กล่าวว่า “ฉันขอแจ้งให้ทราบด้วยหัวใจที่หนักอึ้งว่า เจ้าหน้าที่นายหนึ่งของเราเสียชีวิตเนื่องจากอาการบาดเจ็บ”

 

ในแถลงการณ์ต่อมา พิตต์แมนได้เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตมีชื่อว่า วิลเลียม บิลลี อีแวนส์ ซึ่งอยู่ในสังกัดตำรวจรัฐสภามานาน 18 ปี 

 

แหล่งข่าวเปิดเผยกับ CBS News ว่า ผู้ก่อเหตุมีชื่อว่า โนอาห์ กรีน วัย 25 ปีจากรัฐอินดีแอนา ซึ่งจากการสืบสวนไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุรายนี้ในฐานข้อมูลของตำรวจมาก่อน

 

รายงานระบุว่า กรีนได้โพสต์ข้อความบน Facebook เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม ระบุว่า เขาเพิ่งออกจากงานเมื่อไม่นานมานี้ “ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ แต่ท้ายที่สุดคือเพื่อค้นหาการเดินทางทางจิตวิญญาณ” เขาเสริมว่า เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับผลข้างเคียงของยาที่เขาเสพเข้าไปโดยไม่รู้ตัว และยังได้เขียนบรรยายเกี่ยวกับความสนใจของเขาที่มีต่อองค์กรศาสนา Nation of Islam  

 

อย่างไรก็ดี ตอนนี้ข้อความดังกล่าวถูกลบไปแล้ว โดยแถลงการณ์ของ Facebook ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเข้าข่ายนโยบายบุคคลและองค์กรที่เป็นอันตราย ซึ่งหมายความว่าบัญชี Facebook และ Instagram ของกรีนจะถูกลบออก รวมไปถึงเนื้อหาใดๆ ก็ตามที่ยกย่องคนร้าย

 

ทั้งนี้ เหตุการณ์โจมตีวานนี้นับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึง 3 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยนับตั้งแต่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งก่อน อาคารรัฐสภาได้กลายเป็นเหมือนป้อมปราการที่ล้อมไปด้วยลวดหนาม รั้วเหล็ก และการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง 

 

เนื่องด้วยขณะนี้สภาคองเกรสไม่ได้อยู่ในสมัยการประชุม นักการเมืองส่วนใหญ่จึงไม่ได้อยู่ที่อาคารรัฐสภาในช่วงที่เกิดเหตุการณ์โจมตี โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของ BBC ว่า รู้สึกโชคดีที่อยู่บ้าน แต่ก็กังวลที่จะต้องกลับไปทำงานหลังจากวันหยุดอีสเตอร์ พร้อมกล่าวว่า เป็นเรื่องน่ากลัวที่สถานที่ทำงานของตนเองถูกโจมตีถึง 2 ครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะแม้จะมีการรักษาความปลอดภัยเพิ่มขึ้น แต่เหตุการณ์ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ก็ยังคงเกิดขึ้น

 

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวว่ารู้สึก “ใจสลายที่ได้ทราบข่าวการโจมตีรุนแรง” พร้อมทั้งแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเจ้าหน้าที่อีแวนส์ และทุกคนที่เสียใจกับการสูญเสียของเขา และระบุว่า เขาได้สั่งลดธงครึ่งเสาที่ทำเนียบขาว

 

ด้าน แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า “อเมริกาโศกเศร้า” และกล่าวว่า นายตำรวจอีแวนส์คือผู้พลีชีพเพื่อประชาธิปไตยของเรา

 

ขณะที่ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต ระบุว่า รู้สึกเสียใจอย่างมาก และรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณตำรวจรัฐสภา 

 

เช่นเดียวกับ มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ที่ออกมาแสดงความเสียใจผ่านข้อความ พร้อมระบุว่า เขาขอสวดภาวนาให้แก่ทุกคนที่ถูกโจมตี

 

ภาพ: Amanda Andrade-Rhoades / For The Washington Post via Getty Images

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง: 

The post ตำรวจรัฐสภาสหรัฐฯ เสียชีวิต 1 นาย จากเหตุคนขับรถพุ่งชนแนวกั้นเขต US Capitol appeared first on THE STANDARD.

]]>
วุฒิสภาสหรัฐฯ จะเริ่มกระบวนการไต่สวนทรัมป์วันนี้ แกนนำ ส.ว. เห็นพ้องเร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว https://thestandard.co/us-senate-trump-inquiry-process/ Tue, 09 Feb 2021 07:40:49 +0000 https://thestandard.co/?p=452378 วุฒิสภาสหรัฐฯ จะเริ่มกระบวนการไต่สวนทรัมป์วันนี้ แกนนำ ส.ว. เห็นพ้องเร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว

วุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมเปิดฉากกระบวนการไต่สวน อดีตประธานาธ […]

The post วุฒิสภาสหรัฐฯ จะเริ่มกระบวนการไต่สวนทรัมป์วันนี้ แกนนำ ส.ว. เห็นพ้องเร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
วุฒิสภาสหรัฐฯ จะเริ่มกระบวนการไต่สวนทรัมป์วันนี้ แกนนำ ส.ว. เห็นพ้องเร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว

วุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมเปิดฉากกระบวนการไต่สวน อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันนี้ (9 กุมภาพันธ์) ในความผิดกรณีปลุกปั่นกลุ่มผู้สนับสนุนให้ก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภา (US Capitol) เมื่อวันที่ 6 มกราคม ขณะที่ผู้นำ ส.ว. ต่างเห็นพ้องในกรอบเวลาที่จะเร่งการไต่สวนให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว

 

ทรัมป์ถูกตั้งข้อหา ‘ปลุกระดมให้เกิดจลาจล’ ในขณะที่เขาปราศรัยที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นเหตุให้กลุ่มผู้สนับสนุนบุกเข้าอาคารรัฐสภาที่อยู่ใกล้เคียง ในระหว่างที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภากำลังประชุมเพื่อลงคะแนนรับรองผลการเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) โดยเหตุการณ์รุนแรงในวันนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย 

 

สมาชิกเดโมแครตในสภาคองเกรสเผยว่า พวกเขามีหลักฐานมากมายที่ชี้ชัดความผิดของทรัมป์ แต่ทีมกฎหมายของทรัมป์อ้างว่า กลุ่มผู้ก่อจลาจลได้กระทำการด้วยตัวของพวกเขาเอง พร้อมทั้งตำหนิการไต่สวนครั้งนี้ว่า “ไร้สาระและผิดรัฐธรรมนูญ” 

 

โดยทีมทนายความของทรัมป์ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (8 กุมภาพันธ์) ว่า การไต่สวนครั้งนี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากทรัมป์สิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่งไปแล้ว และปัจจุบันเขาเป็นเพียงประชาชนธรรมดาเท่านั้น

 

ทรัมป์ถือเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติถอดถอนจากตำแหน่ง 2 ครั้งในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง โดยครั้งที่สองเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะพ้นตำแหน่งตามวาระไม่นาน แต่หากทรัมป์ถูกตัดสินว่าผิดจริงในวุฒิสภา อาจทำให้เขาถูกตัดสิทธิ์ห้ามลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกต่อไป อย่างไรก็ดี การโหวตชี้ความผิดในสภาสูงต้องใช้เสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 จากจำนวนที่นั่ง ส.ว. ทั้งหมด 100 คน แต่เดโมแครตครองที่นั่งในสภาดังกล่าวเพียง 50 ที่นั่ง และมีสัญญาณเพียงน้อยนิดว่าจะมี ส.ว. รีพับลิกัน โหวตเห็นชอบด้วย

 

สำหรับการไต่สวนวันนี้นั้น สองฝ่ายซึ่งแบ่งเป็นทีมถอดถอนและทีมทนายความทรัมป์จะมีเวลาฝ่ายละ 4 ชั่วโมงในการจัดการกับข้อซักถามเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ จากนั้นคาดว่าจะมีการลงมติในช่วงท้ายของวันเดียวกันว่า จะเดินหน้ากระบวนการไต่สวนต่อหรือไม่

 

ด้าน ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากของเดโมแครตในวุฒิสภา เผยว่า ทุกฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการไต่สวนอย่างยุติธรรมและซื่อสัตย์ ซึ่งหากการพิจารณาบทบัญญัติรัฐธรรมนูญผ่านความเห็นชอบ การไต่สวนที่เปิดโอกาสให้โต้แย้งจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายวันพุธ (10 กุมภาพันธ์) โดยแต่ละฝ่ายจะมีเวลาฝ่ายละ 16 ชั่วโมงในการนำเสนอ

 

คาดว่าการโต้แย้งจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นเวลาที่ ส.ว. จะมีโอกาสได้ซักถามประเด็นต่างๆ กับทั้งสองฝ่าย ซึ่งสองฝั่งระบุว่า ต้องการให้การไต่สวนจบลงโดยเร็ว โดยมีความเป็นไปได้ว่า การลงมติชี้ความผิดของทรัมป์จะมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์หน้า

 

ภาพ: Kent Nishimura / Los Angeles Times via Getty Images

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

The post วุฒิสภาสหรัฐฯ จะเริ่มกระบวนการไต่สวนทรัมป์วันนี้ แกนนำ ส.ว. เห็นพ้องเร่งหาข้อสรุปโดยเร็ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไบเดนสาบานตนอย่างเป็นทางการ ให้คำมั่นฟื้นฟูประเทศทุกด้าน เป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน https://thestandard.co/biden-made-an-official-oath/ Wed, 20 Jan 2021 18:00:04 +0000 https://thestandard.co/?p=445496 ไบเดนสาบานตนอย่างเป็นทางการ ให้คำมั่นฟื้นฟูประเทศทุกด้าน เป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน

สหรัฐอเมริกาผลัดใบสู่การบริหารประเทศของประธานาธิบดีคนที […]

The post ไบเดนสาบานตนอย่างเป็นทางการ ให้คำมั่นฟื้นฟูประเทศทุกด้าน เป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไบเดนสาบานตนอย่างเป็นทางการ ให้คำมั่นฟื้นฟูประเทศทุกด้าน เป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน

สหรัฐอเมริกาผลัดใบสู่การบริหารประเทศของประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ หลัง โจ ไบเดน จากเดโมแครต เสร็จสิ้นการสาบานตนที่อาคารรัฐสภา หรือ US Capitol ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด 

 

พิธีการเริ่มต้นขึ้นในเวลาประมาณ 11.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังมีการเชิญบุคคลสำคัญเข้างานครบแล้ว เอมี โคลบูชาร์ ส.ว. เดโมแครตจากรัฐมินนิโซตา เป็นตัวแทนกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน จากนั้น เลดี้ กาก้า ศิลปินชื่อดังเป็นผู้ร้องเพลงชาติสหรัฐฯ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงพิธีสาบานตน โดย คามาลา แฮร์ริส ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ ได้กล่าวคำสาบานตนตาม โซเนีย โซโตเมเยอร์ ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ 

 

จากนั้น เจนนิเฟอร์ โลเปซ ได้ขับร้องเพลง ‘America the Beautiful’ และนำเข้าสู่ช่วงไฮไลต์สำคัญของงาน

 

โจ ไบเดน ยืนเคียงคู่จิลล์ ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ ได้กล่าวคำสาบานตนตาม จอห์น โรเบิร์ตส์ ประธานคณะผู้พิพากษาศาลสูงสุด ซึ่งถือเป็นการรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 อย่างเป็นทางการ

 

หลังกล่าวคำปฏิญาณแล้ว ไบเดนได้กล่าวสุนทรพจน์ในฐานะประธานาธิบดีเป็นครั้งแรก โดยประกาศว่า “นี่คือวันของอเมริกา”

 

“วันนี้เป็นวันของประชาธิปไตย วันแห่งประวัติศาสตร์และความหวังของการฟื้นฟูและแก้ไข” ไบเดนกล่าว

 

เขายังบอกด้วยว่า เสียงเจตจำนงของประชาชนถูกรับฟังแล้ว โดยไบเดนยอมรับช่วงเวลาแห่งความแตกแยกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แต่เชื่อมั่นว่าความสามัคคีจะเอาชนะได้

 

เขาระบุว่า สหรัฐฯ ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้วหลายครั้งในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามกลางเมือง ยุคเศรษฐกิจตกต่ำ สงครามโลกทั้งสองครั้ง และเหตุวินาศกรรมโจมตีเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ หรือ 9/11 “ซึ่งเรามีชัยเสมอ” 

 

ไบเดนยังประกาศนำสหรัฐฯ กลับไปสู่จุดที่เคยเป็นในเวทีโลก และให้คำมั่นว่าจะเป็นประธานาธิบดีสำหรับชาวอเมริกันทุกคน รวมถึงคนที่ไม่ได้สนับสนุนตัวเขาด้วย

 

ไบเดนพูดถึงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ด้วยว่า สหรัฐฯ มีสิ่งที่ต้องซ่อมแซม ฟื้นฟู เยียวยา และสร้างขึ้นใหม่อีกมากมาย ด้วยยอดผู้เสียชีวิตที่ทะลุ 4 แสนคนในสัปดาห์นี้ สหรัฐฯ เผชิญกับความท้าทายจากไวรัสที่ร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษ ซึ่งคร่าชีวิตคนอเมริกันมากกว่าการสูญเสียในสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก

 

“เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ เพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณและอนาคตของอเมริกา เราจึงต้องการมากกว่าคำพูด เราต้องการสิ่งสำคัญในระบอบประชาธิปไตยนั่นคือความสามัคคี” 

 

ไบเดนยังให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตร “นี่คือสารจากผมถึงผู้ที่อยู่นอกพรมแดนของเรา อเมริกาได้รับการทดสอบ และเราเข้มแข็งขึ้น เราจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพันธมิตร และมีส่วนร่วมกับโลกอีกครั้ง

 

“เราจะเป็นผู้นำ ไม่เพียงแต่ด้วยตัวอย่างของพลังเรา แต่ด้วยพลังของตัวอย่างเรา เราจะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้สำหรับสันติภาพ ความก้าวหน้า และความมั่นคง” ไบเดนกล่าวเสริม 

 

สำหรับพิธีในวันนี้ มีแขกผู้มีเกียรติ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และบุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ เข้าร่วมงานมากมาย รวมถึงอดีตประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอย่างบารักและมิเชล โอบามา, บิลและฮิลลารี คลินตัน, จอร์จและลอรา บุช เช่นเดียวกับ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีและคาเรน เพนซ์ ภริยา ก็มาร่วมงานด้วย ขาดก็แต่​ โดนัลด์ ทรัมป์ และเมลาเนีย ทรัมป์ที่ปฏิเสธเข้าร่วมงานก่อนหน้านี้ โดยทุกคนล้วนสวมใส่หน้ากากตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งในพิธียังมีการจำกัดจำนวนคนเข้างานและจัดที่นั่งห่างกันเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดจนเกินไปตามมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม 

 

พิธีการครั้งนี้จัดขึ้นท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยมีการวางกำลังตำรวจและกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิราว 25,000 นายอารักขาตามจุดต่างๆ โดยรอบ หลังจากเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุจลาจลโดยกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ที่พยายามขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้งในรัฐสภา จนเกิดความวิตกว่าอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำในระหว่างประกอบพิธี

 

คาดว่าหลังจากรับตำแหน่งแล้ว ไบเดนจะลงนามคำสั่งพิเศษประธานาธิบดีรวม 17 ฉบับในช่วงไม่กี่ชั่วโมงแรก ไล่ตั้งแต่การออกคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการใหม่เพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19 รวมถึงลบล้างหลายนโยบายที่ออกโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

CNN รายงานว่า หนึ่งในหลายๆ มาตรการที่ไบเดนจะประกาศใช้ทันที ประกอบด้วยการกำหนดให้สวมใส่หน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อในสถานที่ทางการของรัฐบาล รวมถึงการแต่งตั้งผู้ประสานงานรับมือโรคระบาด เพื่อดูแลการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ยา และอุปกรณ์การแพทย์

 

นอกจากนี้ ไบเดนยังมีแผนล้มล้างคำสั่งพิเศษที่ออกโดยทรัมป์หลายฉบับ โดยจะนำสหรัฐฯ กลับเข้าสู่ความตกลงปารีสเพื่อร่วมแก้ปัญหาโลกร้อนกับนานาชาติอีกครั้ง และยับยั้งการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) ของสหรัฐฯ

 

อีกหนึ่งคำสั่งพิเศษของไบเดนที่คาดว่าจะลงนามตั้งแต่วันแรกคือ การยุติการใช้มาตรการที่เข้มงวดต่อผู้อพยพผิดกฎหมายในบริเวณชายแดน และการยกเลิกกฎแบนที่ไม่ให้ชาวมุสลิมจากหลายประเทศเข้าประเทศ นอกจากนี้ยังยุติการจัดสรรงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนทางใต้อีกด้วย

 

ภาพ: PATRICK SEMANSKY / POOL / AFP

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

The post ไบเดนสาบานตนอย่างเป็นทางการ ให้คำมั่นฟื้นฟูประเทศทุกด้าน เป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวแล้ว ก่อนกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดี https://thestandard.co/donald-trump-officially-out-from-united-states-president/ Wed, 20 Jan 2021 14:31:23 +0000 https://thestandard.co/?p=445473 ทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวแล้ว ก่อนกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดี

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางออกจากทำเนียบขาวเมื่อ […]

The post ทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวแล้ว ก่อนกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวแล้ว ก่อนกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดี

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางออกจากทำเนียบขาวเมื่อเวลาประมาณ 08.15 น. เช้านี้ตามเวลาสหรัฐฯ จากนั้นได้กล่าวคำอำลาครั้งสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 45 ที่ฐานทัพอากาศ Joint Base Andrews ในรัฐแมริแลนด์ และบินต่อด้วยเครื่องบิน Air Force One เที่ยวสุดท้ายสู่ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ปิดฉาก 4 ปีแห่งการบริหารประเทศที่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก

 

ทรัมป์ปฏิเสธร่วมพิธีสาบานตนของโจ ไบเดน ที่อาคารรัฐสภา (US Capitol) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รวมถึงไม่เชิญไบเดนเข้าชมทำเนียบขาวตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ประธานาธิบดีคนก่อนๆ ยึดถือมายาวนาน แต่เขาตัดสินใจเดินทางออกจากทำเนียบขาวตั้งแต่ช่วงเช้าตามความคาดหมาย

 

หลังเดินออกจากทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่มารอรายงานว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 

 

ทรัมป์กล่าวเสริมว่า มันเป็นเกียรติยศแห่งชีวิต และเขาแค่ต้องการเดินออกมาและบอกลา นอกจากนี้เขายังบอกด้วยว่า นี่ไม่ใช่การลายาวอย่างแน่นอน

 

จากนั้นทรัมป์เดินทางต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์ในชื่อ Marine One เที่ยวสุดท้ายสู่ฐานทัพอากาศ Joint Base Andrews ในรัฐแมริแลนด์ ซึ่งที่นั่นมีการจัดพิธีอำลาให้แก่เขา โดยทรัมป์ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกในรอบกว่า 1 สัปดาห์ และกล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดีบนโพเดียม พร้อมด้วยเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และสมาชิกครอบครัว

 

“พวกคุณเป็นคนที่น่าอัศจรรย์มาก นี่เป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่มากๆ มันเป็นเกียรติยศสูงสุดที่ได้เป็นประธานาธิบดีของพวกคุณ” ทรัมป์กล่าว

 

ถึงแม้เขาจะส่งความปรารถนาดีไปยังคณะบริหารชุดใหม่ และอวยพรให้โชคดี แต่ทรัมป์ไม่ได้เอ่ยชื่อ โจ ไบเดน โดยตรง

 

เขาพูดทิ้งท้ายก่อนขึ้นเครื่องบินว่า “ขอให้มีชีวิตที่ดี เราจะได้เจอกันอีกเร็วๆ นี้”

 

ภาพ: Mandel Ngan / AFP

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

The post ทรัมป์ออกจากทำเนียบขาวแล้ว ก่อนกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายในฐานะประธานาธิบดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาชิกสภาคองเกรสกลับมาประชุมต่อ มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภา https://thestandard.co/conference-continue-after-1-death-of-donald-trump-supporter/ Thu, 07 Jan 2021 02:37:19 +0000 https://thestandard.co/?p=440180 สมาชิกสภาคองเกรสกลับมาประชุมต่อ มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภา

อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ หรือ US Capitol ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. […]

The post สมาชิกสภาคองเกรสกลับมาประชุมต่อ มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภา appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาชิกสภาคองเกรสกลับมาประชุมต่อ มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภา

อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ หรือ US Capitol ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กลับสู่ความสงบเรียบร้อยอีกครั้ง ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภากลับเข้าประชุมต่อเพื่ออภิปรายและลงมติรับรองการนับคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งเพื่อยืนยันชัยชนะของโจ ไบเดน หลังเกิดเหตุการณ์วุ่นวายจากกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีที่บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา

 

ช่วงบ่ายวานนี้ (6 มกราคม) ตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนทรัมป์หลายร้อยคนได้ฝ่าแนวกีดขวางเข้าไปในอาคารรัฐสภาที่มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่อารักขาอย่างแน่นหนา จากนั้นราว 90 นาทีต่อมา ตำรวจเผยว่าผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปในอาคารได้สำเร็จ ขณะที่ประตูเข้าสู่ห้องประชุมของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาถูกล็อกไว้

 

ต่อมาตำรวจรัฐสภาได้อพยพเจ้าหน้าที่และสมาชิกสภาออกจากอาคาร ซึ่งรวมถึงไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย โดยเขาจะมีบทบาทสำคัญในฐานะประธานวุฒิสภาในการนับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง หรือ Electoral Vote อย่างเป็นทางการ

 

ตำรวจยืนยันกับสำนักข่าว CNN ว่า มีผู้หญิงเสียชีวิต 1 คน หลังถูกยิงที่หน้าอกในอาคารรัฐสภา ซึ่งโฆษกตำรวจจะเปิดเผยรายละเอียดต่อไป

 

นอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว แหล่งข่าวหลายแหล่งเผยกับ CNN ว่า มีเจ้าหน้าที่หลายคนได้รับบาดเจ็บ และมีอย่างน้อย 1 คนที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

 

ในระหว่างเคลียร์สถานที่นั้น ตำรวจได้ใช้ระเบิดควันในฝั่งหอประชุมของวุฒิสภาในอาคาร Capitol และมีการทุบกระจกทางฝั่งตะวันตกของห้องประชุมวุฒิสภา ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายร้อยคนรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ของอาคาร

 

CNN รายงานว่า ตำรวจเคลียร์พื้นที่ในวุฒิสภาเรียบร้อยเมื่อเวลา 15.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเผยว่า ตำรวจได้กันคนออกจากปีกวุฒิสภาของอาคารผ่านทางห้องโถงใหญ่ของอาคารรัฐสภาได้สำเร็จ แต่ยังไม่แน่ชัดว่ามีใครถูกจับกุมหรือไม่

 

และเมื่อเวลา 17.40 น. อาคารรัฐสภากลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย จากนั้นสมาชิกสภาได้กลับมาประชุมเพื่ออภิปรายและนับคะแนนกันต่อ 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

The post สมาชิกสภาคองเกรสกลับมาประชุมต่อ มีผู้เสียชีวิต 1 คนจากเหตุการณ์กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกรัฐสภา appeared first on THE STANDARD.

]]>
อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เตรียมการสำหรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี https://thestandard.co/us-capitol-prepare-president-oath-of-ceremony/ Mon, 09 Nov 2020 10:21:29 +0000 https://thestandard.co/?p=418999 อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เตรียมการสำหรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี

งานก่อสร้างต่อเติมเริ่มต้นขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ […]

The post อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เตรียมการสำหรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เตรียมการสำหรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี

งานก่อสร้างต่อเติมเริ่มต้นขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ หรือ US Capitol ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเตรียมไว้สำหรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า โดย โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตเป็นผู้คว้าชัยในการเลือกตั้งจากผลนับคะแนนเบื้องต้นและการคาดคะเนอย่างไม่เป็นทางการที่ประกาศโดยสื่อมวลชนอย่าง CNN, NBC และ AP 

 

สำหรับการนับคะแนนยังดำเนินต่อไปในหลายรัฐ รวมถึงรัฐนอร์ทแคโรไลนาและแอริโซนา โดยนับจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐฯ ไบเดนมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งแล้วเกิน 270 เสียง และมีโอกาสทำได้เกิน 300 เสียง หากชนะในรัฐจอร์เจียด้วย

 

 

ภาพ: Getty Images 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เตรียมการสำหรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘กำแพง-หญิงชุดขาว-เด็กนั่งหลับ’ ประมวลเรื่องเด่น State of the Union ครั้งที่ 2 ของทรัมป์ https://thestandard.co/state-of-the-union-2/ https://thestandard.co/state-of-the-union-2/#respond Thu, 07 Feb 2019 11:54:55 +0000 https://thestandard.co/?p=193242

State of the Union (SOTU) คือการแถลงประจำปีของประธานาธิ […]

The post ‘กำแพง-หญิงชุดขาว-เด็กนั่งหลับ’ ประมวลเรื่องเด่น State of the Union ครั้งที่ 2 ของทรัมป์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

State of the Union (SOTU) คือการแถลงประจำปีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรสที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบาย ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสรุปผลงานในรอบปีที่ผ่านมา ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ มาตรา 2 หมวด 3  

 

โดยปกติแล้ว สหรัฐฯ ไม่นับการแถลงในปีแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีว่าเป็น State of the Union ดังนั้นสำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งนี้จึงถือเป็น State of the Union ครั้งที่ 2 อย่างไรก็ตามการแถลงในปีนี้ต้องพบกับอุปสรรคมากมาย เนื่องจากเกิดภาวะชัตดาวน์นาน 35 วัน ซึ่งเป็นเหตุให้ แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตัดสินใจไม่อนุญาตให้ทรัมป์ใช้สถานที่ House Chamber ในรัฐสภา หรือ US Capitol ในการแถลงต่อสภา ส่งผลให้ State of the Union ถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิมหลายวัน

 

ไปดูกันว่า เรื่องเด่นๆ ที่ทรัมป์พูดในปีนี้มีอะไรบ้าง รวมถึงประเด็นเก็บตกต่างๆ ที่ THE STANDARD รวบรวมมาไว้ที่นี่

 

 

สรุปประเด็นสำคัญ

 

  • สร้างกำแพงต่อ: ทรัมป์เรียกร้องให้สมาชิกรีพับลิกันและเดโมแครตในสภาคองเกรสเร่งผ่านกฎหมาย เพื่อรับมือกับวิกฤตเร่งด่วนระดับชาติในบริเวณชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังกดดันให้รัฐสภาจัดสรรงบประมาณให้รัฐบาล เพื่อปกป้องมาตุภูมิ และพิทักษ์ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ โดยเป้าหมายคือ การสกัดผู้อพยพเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงกำจัดธุรกิจของแก๊งอิทธิพล ผู้ลักลอบค้ายาและค้ามนุษย์ให้หมดไป
  • เศรษฐกิจเฟื่องฟู: ทรัมป์ระบุว่า เขาทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เฟื่องฟูในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ตั้งแต่การปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไปจนถึงการผ่อนปรนกฎระเบียบต่างๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ โดยอัตราว่างงานในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ราว 4% ขณะที่ตัวเลขสร้างงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 100 ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่วนเงินเฟ้อกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งเป็นตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์เห็นตรงกันว่าดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
  • ถอนทหารจากซีเรีย-อัฟกานิสถาน: ทรัมป์ยังยืนยันในเจตนารมณ์เดิมที่จะถอนทหารอเมริกันกลับจากสมรภูมิในซีเรียและอัฟกานิสถาน โดยให้เหตุผลว่า ถึงเวลาเหมาะสมแล้ว เพราะนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) กำลังพ่ายแพ้ ขณะที่สหรัฐฯ กำลังเร่งเจรจาจัดทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัฐบาลอัฟกานิสถานกับกลุ่มตอลิบาน เพื่อหาทางยุติสงครามที่ยืดเยื้อมาเกือบ 2 ทศวรรษ
  • ซัมมิตทรัมป์-คิม: ทรัมป์ประกาศอย่างเป็นทางการว่า การประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างเขากับ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะจัดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์นี้ แต่เขาทำให้เกิดข้อถกเถียงตามมาคือ คำกล่าวอ้างที่ว่า หากเขาไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ป่านนี้สหรัฐฯ อาจทำสงครามใหญ่กับเกาหลีเหนือไปแล้ว
  • จุดยืนต่อปัญหานิวเคลียร์อิหร่าน: ทรัมป์ย้ำจุดยืนในการหันหลังให้กับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (Joint Comprehensive Plan of Action) โดยอ้างว่า อิหร่านละเมิดข้อตกลงและกำลังซุ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในขณะนี้
  • กำแพงภาษีสินค้าจีน: ทรัมป์อ้างว่า มาตรการตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าส่งออกของจีนมูลค่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีเงินเข้าคลังหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม มีข้อโต้แย้งว่า ภาษีอากรที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าเหล่านี้ไม่ได้จ่ายโดยคนจีน แต่เป็นบริษัทอเมริกันที่นำเข้าสินค้าต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ เอง

 

 

เกร็ดน่าสนใจ

 

  • โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เวลาแถลงทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง 22 นาที 25 วินาที นานที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ เป็นรองเพียง State of the Union ของ บิล คลินตัน เมื่อปี 2000 (1 ชั่วโมง 28 นาที) และปี 1995 (1 ชั่วโมง 24 นาที)
  • เมื่อเทียบกับ State of the Union ปีที่แล้ว ทรัมป์ใช้เวลามากกว่าเดิมราว 2 นาที
  • The American Presidency Project เริ่มเก็บสถิติการพูดของประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 1964
  • ประธานาธิบดีคนแรกที่แถลง State of the Union ต่อสภาคองเกรสคือ วูดโรว์ วิลสัน ประธานาธิบดีคนที่ 28 ของสหรัฐฯ โดยก่อนหน้าปี 1913 ประธานาธิบดีจะใช้วิธียื่นรายงานต่อสภาคองเกรส
  • ถึงแม้ State of the Union จะถูกเลื่อนเพราะปัญหาชัตดาวน์ที่กินเวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ (35 วัน) แต่ทรัมป์ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องชัตดาวน์ต่อสภาคองเกรสเลย ไม่แม้แต่จะให้คำมั่นกับประชาชนว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้อีก สิ่งเดียวที่ใกล้เคียงที่สุดที่เขาอ้างอิงถึงเรื่องนี้คือ การเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งผ่านกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ให้ทันก่อนวันที่ 15 กุมภาพันธ์
  • ผู้หญิงที่ชนะการเลือกตั้งปี 2018 และได้เข้ามานั่งเก้าอี้ในสภาคองเกรสปีนี้มีจำนวน 117 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์

 

 

สีสัน State of the Union ปี 2019

 

 

  • สมาชิกคองเกรสหญิงจากเดโมแครตพร้อมใจกันสวมชุดขาว (รวมถึง แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร) เพื่อแสดงพลังความสามัคคีของผู้หญิง ส่วนสาเหตุที่เลือกสีขาว เพราะเป็นสีสัญลักษณ์ของกลุ่มเคลื่อนไหวที่เรียกร้องสิทธิออกเสียงของสตรีในช่วงต้นศตวรรษที่ 20

 

 

  • อเล็กซานเดรีย โอกาซิโอ-กอร์เตส ส.ส. พรรคเดโมแครตจากนิวยอร์ก ติดเข็มกลัดระลึกถึง แจ็กเกอลิน คาล เด็กวัย 7 ขวบ ที่เสียชีวิตระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรและพิทักษ์ชายแดนสหรัฐฯ ควบคุมตัวเมื่อปี 2018
  • เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่ เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เดินทางแยกกับสามีมายัง US Capitol ด้วยรถยนต์ของเธอเอง

 

 

  • หนึ่งในแขกรับเชิญพิเศษที่ประธานาธิบดีชวนมาฟังการแถลง SOTU คือ โจชัว ทรัมป์ วัย 11 ปี จากเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ เด็กคนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ ครอบครัวโดนัลด์ ทรัมป์ แม้แต่น้อย แต่ได้รับเชิญเพราะเขาถูกเพื่อนนักเรียนล้อนามสกุลของเขา และหนึ่งในภาพที่สร้างความประทับให้กับผู้คนคือ ภาพที่โจชัวนั่งหลับระหว่างทรัมป์แถลง

 

 

  • เด็กหญิงเกรซ เอลิน วัย 10 ปี เป็นแขกพิเศษที่อายุน้อยที่สุดในงาน State of the Union ปีนี้ เรื่องราวของเธอสร้างความประทับใจอย่างมาก เกรซชวนเพื่อนๆ บริจาคเงินให้โรงพยาบาลเด็ก St. Jude’s ตั้งแต่อายุ 4 ปี ต่อมาเธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมองชนิด Germinoma เมื่อตอนอายุ 9 ปี แต่เธอก็ไม่ท้อแท้สิ้นหวัง ทำเนียบขาวเผยว่า เกรซรับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ซึ่งวันนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า เธอยังคงเบิกบานและแข็งแรงดี นอกจากนี้เธอยังหวังว่า จะช่วยเหลือเด็กคนอื่นๆ ให้ต่อสู้กับโรคมะเร็งได้เหมือนกับเธอ
  • สมาชิกสภาใน US Capitol ร่วมร้องเพลง Happy Birthday ฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ 81 ให้ จูดาห์ ซาเมต ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ที่เป็นแขกรับเชิญพิเศษด้วย โดยทรัมป์พูดติดตลกด้วยว่า “สมาชิกสภาจะไม่ร้องเพลงฉลองให้ผมแบบนี้จูดาห์”
  • โพลสำรวจความคิดเห็นจากสำนักข่าว CBS พบว่า ชาวอเมริกัน 76% ที่ชมการถ่ายทอด State of the Union ปีนี้ นิยมชมชอบกับการแถลงของทรัมป์ ขณะที่ 24% ไม่ปลื้ม

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

The post ‘กำแพง-หญิงชุดขาว-เด็กนั่งหลับ’ ประมวลเรื่องเด่น State of the Union ครั้งที่ 2 ของทรัมป์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/state-of-the-union-2/feed/ 0