องค์การสหประชาชาติ (UN) – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 27 Oct 2025 12:55:16 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 โฆษก กต. สรุปการประชุมอาเซียนและกรอบประชุมที่เกี่ยวข้อง ย้ำจุดยืนส่งเสริมสันติภาพ การค้าพหุภาคี แก้ปัญหาสแกม https://thestandard.co/asean-peace-trade-and-anti-scam/ Mon, 27 Oct 2025 12:55:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1136256 โฆษก กต.สรุปการประชุม อาเซียน และกรอบประชุมที่เกี่ยวข้อง ย้ำจุดยืนส่งเสริมสันติภาพ การค้าพหุภาคี แก้ปัญหา สแกม

วันนี้ (27 ตุลาคม) นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและ […]

The post โฆษก กต. สรุปการประชุมอาเซียนและกรอบประชุมที่เกี่ยวข้อง ย้ำจุดยืนส่งเสริมสันติภาพ การค้าพหุภาคี แก้ปัญหาสแกม appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษก กต.สรุปการประชุม อาเซียน และกรอบประชุมที่เกี่ยวข้อง ย้ำจุดยืนส่งเสริมสันติภาพ การค้าพหุภาคี แก้ปัญหา สแกม

วันนี้ (27 ตุลาคม) นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสรุปผลการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 26 และ 27 ตุลาคม ณ ศูนย์การประชุมกัวลาลัมเปอร์ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

 

นอกจากพิธีลงนาม 4 ฝ่ายในถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้และรัฐมนตรีต่างประเทศได้แถลงสรุปไปแล้ว ยังมีการประชุมอีกหลายวงที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยเข้าร่วม ได้แก่ การประชุมระดับทวิภาคีกับ อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN), เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และคริสตาลินา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

 

สำหรับการประชุมในกรอบอาเซียนที่ผู้นำไทยเข้าร่วมนั้น โฆษกกล่าวว่า รัฐบาลไทยยังคงยึดมั่นที่จะแสดงบทบาทในฐานะผู้เล่นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนา ซึ่งรวมถึงกรอบอาเซียนกับคู่เจรจาด้วย

 

โดยในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 แบบเต็มคณะที่นายกฯ เข้าร่วมนั้น ผู้นำอาเซียนได้แสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง นอกจากนี้ผู้นำอาเซียนยังได้กล่าวต้อนรับติมอร์-เลสเต ที่เข้าร่วมประชุมอาเซียนในฐานะประเทศสมาชิกครั้งแรก

 

ในภาพรวมมีการหารือเกี่ยวกับทิศทางการเสริมสร้างประชาคมอาเซียนตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 และการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์กับภาคีภายนอก โดยนายกฯ ได้ย้ำว่า อาเซียนเป็นรากฐานสำคัญของนโยบายการต่างประเทศของไทยและการมีปฏิสัมพันธ์กับภาคีภายนอกบนพื้นฐานของการเป็นแกนกลางของอาเซียน และการสร้างประชาคมโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

 

ประเด็นต่อมา ไทยเน้นการสนับสนุนการรับมือกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์โลกผ่านการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและยั่งยืน ผ่านการรวมตัวทางเศรษฐกิจ การผลักดันการบรรลุการเจรจาความตกลงทางเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน (DEFA) ให้แล้วเสร็จ และการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสีเขียว ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล และเกษตรยั่งยืน

 

ประเด็นที่ 3 ไทยยังเน้นย้ำความสำคัญในการแก้ปัญหาสแกมออนไลน์ หมอกควันข้ามแดน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนในภูมิภาคมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนในการประชุมอาเซียนแบบไม่เป็นทางการที่นายกฯ ได้มอบหมายให้ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เข้าประชุมแทนนั้น ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการตามฉันทมติ 5 ข้อเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา และสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ โดยรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการยึดมั่นของไทยต่อแนวทางภูมิภาคนิยมและพหุภาคีนิยม การสนับสนุนความพยายามในการเสริมสร้างสันติภาพในเมียนมา ผ่านการเปิดพื้นที่สำหรับการหารืออย่างครอบคลุม และเพิ่มช่องทางการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา

 

ทั้งสองเวทีไทยยังยึดมั่นการแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคี ยึดมั่นต่อข้อตกลงหยุดยิง และถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาที่เพิ่งลงนามไปและมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน

 

อีกการประชุมที่สำคัญคือการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศเป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ ที่มีมายาวนาน หลายประเทศกล่าวชื่นชมบทบาทของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีส่วนช่วยให้เกิดสันติภาพในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในไทย-กัมพูชา และสถานการณ์ในกาซา

 

ที่ประชุมดังกล่าวยังมีการหารือในประเด็นที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ นั่นคือการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสแกมออนไลน์ การค้ามนุษย์ ยาเสพติด และอาชญากรรมไซเบอร์ โดยไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างประเทศเรื่องการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ

 

สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 28 ได้กำหนดทิศทางความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล AI พลังงานสะอาด และความเชื่อมโยง

 

ส่วนการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 22 มีการทบทวนและหารือทิศทางความร่วมมืออาเซียน-อินเดีย ภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน ทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความเชื่อมโยง โดยมีการเร่งรัดการสรุปการเจรจาทบทวนความตกลงด้านสินค้าอาเซียน-อินเดียตามกรอบเวลาที่กำหนด และประกาศให้ปี 2026 เป็นปีแห่งความร่วมมือทางทะเลอาเซียน-อินเดียด้วย

 

ด้านการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 26 ในวันนี้ เป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีอีแจ-มยอง ของเกาหลีใต้กับผู้นำอาเซียน ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่อาเซียนและเกาหลีใต้จะกำหนดทิศทางความร่วมมือภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน โดยนายกฯ ไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-เกาหลีใต้ปีนี้ได้ชูประเด็นความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้ไทยยังแสดงความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเกาหลีใต้ก็แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือในด้านนี้ ขณะเดียวกันก็มีการหารือเพื่อเร่งรัดการเจรจา FTA ระหว่างอาเซียนและเกาหลีใต้ด้วย

 

ต่อมาเป็นการประชุมอาเซียน+3 มีการหารือเรื่องทิศทางความร่วมมือ โดยเฉพาะด้านการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล ความมั่นคงทางอาหาร การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทะเลจีนใต้ สถานการณ์ในเมียนมา คาบสมุทรเกาหลี ยูเครน และภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยประเด็นที่ไทยผลักดันมีอยู่ 3 เรื่อง คือ ความมั่นคงทางการเงิน ความมั่นคงทางดิจิทัล และความมั่นคงของมนุษย์

 

นอกจากนี้วันนี้ยังมีการประชุมสุดยอดกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ซึ่งถือเป็นการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกนับตั้งแต่ความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้ในปี 2022 เพื่อหารือแนวทางการยกระดับการดำเนินการตามพันธกรณีภายใต้ RCEP เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศภาคี RCEP ในการรักษาระบบการค้าพหุภาคี ซึ่งประเด็นที่ไทยผลักดันมี 3 ประเด็น คือ (1) การสนับสนุนบทบาทของ RCEP รวมทั้งระบบการค้าพหุภาคีที่โปร่งใสและมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน (2) การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากกลุ่ม RCEP อย่างเต็มที่ และเร่งรัดกระบวนการรับสมาชิกใหม่ เพื่อให้เศรษฐกิจของ RCEP ขยายตัวได้ดีขึ้นจากการขยายเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งเวลานี้มีฮ่องกง ชิลี ศรีลังกา และบังกลาเทศได้ขอเข้าร่วม RCEP แล้ว และ (3) การเสนอแนะแนวทางความเป็นผู้นำทางการค้าของ RCEP โดยให้ทบทวนทิศทางความร่วมมือให้สอดคล้องกับความเป็นไปของโลกและความต้องการของภาคธุรกิจ

 

ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ

The post โฆษก กต. สรุปการประชุมอาเซียนและกรอบประชุมที่เกี่ยวข้อง ย้ำจุดยืนส่งเสริมสันติภาพ การค้าพหุภาคี แก้ปัญหาสแกม appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไชยชนก ร่วมลงนามอนุสัญญา UN จับมือกว่า 68 ประเทศทั่วโลก ลุยต่อต้านภัยสแกมเมอร์ https://thestandard.co/global-pact-fights-scam-threat/ Sun, 26 Oct 2025 07:02:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1135700 ไชยชนก ร่วมลงนาม อนุสัญญา UN จับมือกว่า 68 ประเทศทั่วโลก ลุยต่อต้าน ภัยสแกมเมอร์

วานนี้ (25 ตุลาคม) ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงด […]

The post ไชยชนก ร่วมลงนามอนุสัญญา UN จับมือกว่า 68 ประเทศทั่วโลก ลุยต่อต้านภัยสแกมเมอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไชยชนก ร่วมลงนาม อนุสัญญา UN จับมือกว่า 68 ประเทศทั่วโลก ลุยต่อต้าน ภัยสแกมเมอร์

วานนี้ (25 ตุลาคม) ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย พชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดีอี สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี และโฆษกกระทรวงดีอี อุรวดี ศรีภิรมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมพิธีลงนามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ (United Nations Convention against Cybercrime) และการประชุมระดับสูง (High-Level Conference) ที่มี 68 ประเทศ และสหภาพยุโรป (EU) เข้าร่วม ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมี เลือง เกื่อง ประธานาธิบดีเวียดนาม และ อันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ เข้าร่วมในพิธีลงนามดังกล่าว

 

ไชยชนก เปิดเผยว่า พิธีลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ (United Nations Convention against Cybercrime) ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของ 68 ประเทศ และสหภาพยุโรป (EU) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมและสร้างมาตรการในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น พร้อมทั้งอํานวยความสะดวก และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ รวมถึงการสนับสนุนความช่วยเหลือทางวิชาการและการเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันและต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์ของประเทศกําลังพัฒนา

 

ขณะเดียวกันในระหว่างการประชุมระดับสูง (High-Level Conference) ตนยังได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลง โดยได้เน้นย้ำถึงความรุนแรงของการหลอกลวงออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนไทย ซึ่งรัฐบาลไทย โดยนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ได้ให้ความสำคัญ และเอาจริงเอาจังต่อปัญหาดังกล่าว โดยได้กำหนดให้เป็น ‘วาระแห่งชาติ’

 

ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมดำเนินมาตรการเชิงรุก 3 ด้าน ได้แก่

 

1.การตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตบริเวณแนวชายแดน และตรวจจับการลักลอบการเชื่อมต่อสัญญาณ เพื่อไม่ให้มีสัญญาณเล็ดลอดออกนอกประเทศ

 

2.การบูรณาการด้านข้อมูลร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาฐานข้อมูลกลางแบบเรียลไทม์ เพื่อการติดตามเส้นทางการเงินของผู้กระทำผิด บัญชีม้า ได้อย่างทันท่วงที รวมถึงการเร่งคืนเงินเยียวยาให้กับผู้เสียหาย

 

3.ดำเนินการตอบโต้ โดยเร่งรัดการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามทางเทคโนโลยีฉบับใหม่ ที่เน้นให้ความสำคัญ ในการ ‘ป้องกัน ปราบปราม และตอบโต้’ เน้นการกำกับดูแลตามหลักเกณฑ์ และบทลงโทษที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ เพื่อจัดการกับปัญหาดังกล่าว ภายในระยะเวลา 1 – 2 เดือน โดยหากพบเบาะแส ข้อมูลการร่วมกระทำความผิด หรือเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และการพนันออนไลน์ ของบุคคลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และบุคลากรของรัฐ จะดำเนินการเอาผิดอย่างเด็ดขาดและถึงที่สุดตามกฎหมายในทันที

 

นอกจากนี้ รัฐบาลไทย ยังขอแสดงความชื่นชมกับการดำเนินการอย่างเด็ดขาดของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ และพร้อมให้ความร่วมมือกับนานาประเทศในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

 

“การลงนามอนุสัญญาดังกล่าว นับเป็นก้าวสำคัญและการแสดงจุดยืนของไทยในการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับโลก โดยแสดงให้เห็นว่าประเทศไทย ให้ความสำคัญและพร้อมใช้ยาแรงในการปราบปราม ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับนานาชาติจัดการปัญหาสแกมเมอร์ ที่มีผลกระทบต่อประชาชนคนไทย ประชาคมโลก อย่างจริงจัง เพื่อร่วมสร้างเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน” ไชยชนก กล่าวในตอนท้าย

The post ไชยชนก ร่วมลงนามอนุสัญญา UN จับมือกว่า 68 ประเทศทั่วโลก ลุยต่อต้านภัยสแกมเมอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาริษ ชี้ภัยสแกมเมอร์เป็นสงครามมวลมนุษยชาติ แนะใช้โมเดลรัฐบาลเพื่อไทย ใช้การทูตดึงพลังมหาอำนาจ – UN ร่วมแก้ปัญหา https://thestandard.co/scammers-war-on-humanity/ Sat, 25 Oct 2025 03:30:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1135194 มาริษ ชี้ภัยสแกมเมอร์เป็นสงครามมวลมนุษยชาติ แนะใช้โมเดล รัฐบาลเพื่อไทย ใช้การทูตดึงพลังมหาอำนาจ - UN ร่วมแก้ปัญหา

วันนี้ (25 ตุลาคม) มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการ […]

The post มาริษ ชี้ภัยสแกมเมอร์เป็นสงครามมวลมนุษยชาติ แนะใช้โมเดลรัฐบาลเพื่อไทย ใช้การทูตดึงพลังมหาอำนาจ – UN ร่วมแก้ปัญหา appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาริษ ชี้ภัยสแกมเมอร์เป็นสงครามมวลมนุษยชาติ แนะใช้โมเดล รัฐบาลเพื่อไทย ใช้การทูตดึงพลังมหาอำนาจ - UN ร่วมแก้ปัญหา

วันนี้ (25 ตุลาคม) มาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่มีแรงงานต่างชาติหลายประเทศ ถูกหลอกกว่า 1,000 คน หลบหนีจากพื้นที่ชายแดนเมียนมาเข้ามาในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หลังกองทัพเมียนมาได้บุกทลาย ‘เคเคพาร์ค’ ว่า เป็นศูนย์ปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งพบว่า มีการใช้อุปกรณ์สตาร์ลิงก์ ในศูนย์ปฏิบัติการเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ว่า มาตรการปราบปรามสแกมเมอร์ ที่เข้มงวดของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เริ่มหย่อนสมรรถภาพลงเรื่อยๆ

 

หลัง แพรทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราบปรามสแกมเมอร์อย่างเด็ดขาดด้วยนโยบาย 3 ตัดแล้ว มีแรงงานหลากหลายประเทศที่ถูกหลอกเข้าไปทำงานในเมียนมา ได้หลบหนีข้ามพรมแดนเข้ามาในฝั่งไทยหลายพันคน ตนเองจึงได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในทันที และร่วมกับ ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเชิญ ‘กงอัน’ หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน มาร่วมประชุมเพื่อคัดกรองแรงงานชาวจีน และเร่งส่งกลับ รวมถึงตนเองยังได้ตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ประสานกับสถานทูตตามหลักมนุษยธรรม จนสามารถช่วยแรงงานต่างชาติให้เดินทางกลับมาตุภูมิได้โดยปลอดภัย

 

ดังนั้น ตนอยากเห็นรัฐบาล เร่งจัดตั้งทีมเฉพาะกิจประสานงานกับประเทศต่างๆ เพื่อช่วยเหลือแรงงานชาติต่างๆ ที่ถูกหลอกเข้าไปทำงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา โดยใช้แบบแผนการทำงานที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ได้ดำเนินการไว้ และประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือแรงงานต่างชาติที่ถูกหลอกเข้าไปทำงานในเมียนมา จนได้รับความชื่นชมไปจากทุกภูมิภาค

 

มาริษ ยังย้ำถึงปัญหาสแกมเมอร์ว่า ถือเป็นสงครามมวลมนุษยชาติของประชาคมโลก ฉะนั้น ในขณะที่มีประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่มาเลเซียรัฐบาลควรจะมองเห็น และมีบทบาทนำในการดึงความร่วมมือกับนานาประเทศที่ประสบปัญหาการถูกโกงจากสแกมเมอร์ รวมทั้งจะต้องส่งเสริมความร่วมมืออย่างเข้มแข็งกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ซึ่งเป็นกลไกลสำคัญของสหประชาชาติ ที่พยายามแก้ไขปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ ให้หมดไปจากประชาคม

 

ที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวด มีจุดยืนที่ชัดเจน ในการร่วมมือกับนานาประเทศ และเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือทั้งหลายขององค์การสหประชาชาติ และอาเซียนทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศว่า เส้นทางการขนส่งเม็ดเงิน และได้ออกมาตรการต่าง ๆ มารองรับ เช่น ให้กระทรวงการคลังดำเนินการแก้ไขปัญหา ร่วมกับธนาคารต่างๆ เพื่อที่จะอายัดบัญชีเงินของนักธุรกิจที่ทำผิดกฎหมาย หรือจะนำไปใช้เป็นทุนในการสร้างธุรกิจสีเทา รวมทั้งมีการร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในประเทศ ที่มีมาตรการต่างๆ ในการเข้าไปปิด บัญชีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา

 

มาริษ ยังยกตัวอย่างสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำไว้ ซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่เห็นการดำเนินการ หรือการต่อยอดจากสิ่งที่รัฐบาลได้ทำในอดีต คือ กระทรวงต่างประเทศ โดยผมและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ริเริ่ม การประชุมหารือครั้งสำคัญ 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการประชุม 3 ฝ่าย โดยมีไทย เมียนมา และอินเดีย ส่วนครั้งที่สองเป็นการประชุม 4 ฝ่าย โดยมีไทย จีน ลาว และเมียนมา ซึ่งวัตถุประสงค์ของการประชุมสองครั้งที่ผ่านมาต้องการที่จะผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ 2 ประการ คือ ความพยายามที่จะเข้าไปแก้ปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ในประเทศเมียนมา เปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ และความต้องการที่จะแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ข้ามพรมแดน โดยเฉพาะเรื่องสแกมเมอร์ ทั้ง 2 เรื่องนี้ เป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสามารถแก้ปัญหา 2 อย่างได้โดยใช้มาตรการ-กลยุทธ์เพียงอันเดียว

 

หลังจากที่ไทยได้มีมาตรการในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในฝั่งประเทศเมียนมาอย่างรุนแรง จึงเป็นเรื่องปกติที่กลุ่มธุรกิจสีเทาจะหาทางออกโดยการย้ายฐานเข้าไปในฝั่งกัมพูชา

 

ดังนั้น หากรัฐบาลปัจจุบัน ยังไม่ได้มีการดำเนินการสานต่อ หรือยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการต่อยอดจากสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ทำไว้ ก็จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรมสูญเสียไป และเรื่องดังกล่าวทั้งหมด ควรจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันต้องต่อยอด เพื่อรักษาโมเมนตัมของการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาค ซึ่งไทยสามารถให้ประเทศเพื่อนบ้าน และมหาอำนาจในการเข้ามาช่วยกดดัน

 

มาริษ ยังย้ำว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยร่วมกับจีน และได้มีการประชุมแบบลงรายละเอียดในการแก้ไขปัญหา มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล เส้นทางการเงินของการทำธุรกิจสีเทา ซึ่งในท้ายที่สุดรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ได้รับคำชื่นชมจากนานาประเทศว่าได้มีการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดในการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ ผ่านนโยบาย 3 ตัด ซึ่งทั้งเมียนมา และรัฐบาลจีนเอง ก็ได้ให้ความร่วมมือจนนำไปซึ่งการแก้ไขปัญหาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

 

ส่วนการแก้ไขปัญหากัมพูชานั้น มาริษ ระบุว่า ช่วงที่ผ่านมา ไทยกัมพูชามีปัญหาการกระทบกระทั่งกันบริเวณชายแดน ซึ่งทำให้เห็นชัดว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาร่วมกันกับไทยในการปราบปรามสแกมเมอร์ หรืออาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจว่า จะใช้กลไกเช่นเดียวกันในการประชุม 3 ฝ่าย ซึ่งจะมีไทย จีน และกัมพูชา ที่ไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วในฝั่งของประเทศเมียนมา แต่ด้วยเหตุการณ์การทบกระทั่งกัน จึงทำให้เรื่องเหล่านี้มีความล่าช้าออกไป แต่ในช่วงที่ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้หารือกับประเทศจีน รวมทั้งได้หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ในการสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา

 

มาริษ ยังระบุว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยดำเนินการไว้ ทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ แต่โจทย์วันนี้ไม่ใช่เรื่องของการมีนโยบาย แต่เป็นเรื่องของการนำนโยบายไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ให้ประเทศไทยมีบทบาทนำในการปราบปรามสแกมเมอร์ในภูมิภาค โดยเฉพาะในอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

The post มาริษ ชี้ภัยสแกมเมอร์เป็นสงครามมวลมนุษยชาติ แนะใช้โมเดลรัฐบาลเพื่อไทย ใช้การทูตดึงพลังมหาอำนาจ – UN ร่วมแก้ปัญหา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทูตไทยสวนกัมพูชา กลางเวที UNHCR ชี้ไทยไม่ควรถูกตอบแทนแบบนี้ เคยช่วยเขมรให้ที่พักพิงหนีภัยสงคราม https://thestandard.co/thailand-refutes-cambodia-unhcr-excom-statement/ Sat, 11 Oct 2025 07:36:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1129362 thailand-refutes-cambodia-unhcr-excom-statement

ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ปรารถนา ดิษยทัต อัครราชทูตร […]

The post ทูตไทยสวนกัมพูชา กลางเวที UNHCR ชี้ไทยไม่ควรถูกตอบแทนแบบนี้ เคยช่วยเขมรให้ที่พักพิงหนีภัยสงคราม appeared first on THE STANDARD.

]]>
thailand-refutes-cambodia-unhcr-excom-statement

ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ปรารถนา ดิษยทัต อัครราชทูตรองผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา  ชี้แจงต่อถ้อยแถลง ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ในเวทีการประชุมคณะกรรมการบริหารของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR ExCom) สมัยที่ 76  ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์

 

หลังฝ่ายกัมพูชา กล่าวหาไทยละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งห้ามการย้ายถิ่นของพลเรือนโดยใช้กำลัง การทำลายทรัพย์สิน และการลงโทษหมู่ รวมทั้งกล่าวหาว่าไทยรุกล้ำทำให้ประชาชนต้องพลัดถิ่น ทำลายบ้านเรือน ในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ทั้งที่อาศัยมาหลายชั่วอายุคน

 

ทั้งนี้ ปรารถนา ได้ กล่าวชี้แจง พร้อมความเสียใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยต้องใช้สิทธิ์ในการพูดเพื่อตอบต่อถ้อยแถลงของกัมพูชา ทั้งที่เวทีพหุภาคีเช่นนี้ไม่ควรถูกใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อกล่าวหาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

 

ปรารถนา กล่าว่า ประเทศไทยขอยืนยันว่า หมู่บ้านที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างถึงนั้นตั้งอยู่ในดินแดนของไทย จากการที่ไทยตัดสินใจเปิดพรมแดนเพื่อให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศตัวเองเข้ามาพักพิงในไทย อันเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความเห็นอกเห็นใจและหลักมนุษยธรรม ซึ่งเป็นรากฐานของธรรมเนียมปฏิบัติด้านมนุษยธรรมอันยาวนานของไทย

 

หมู่บ้านเหล่านี้เริ่มแรกเป็นเพียงที่พักพิงชั่วคราวในช่วงปี 1980 (พ.ศ.2523) สำหรับชาวกัมพูชาที่หลบหนีการสู้รบผ่านการคัดกรองโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อรอการตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3

 

แต่หลังจากความขัดแย้งในกัมพูชาสิ้นสุดลงที่พักพิงชั่วคราวก็ปิดตัวลงแล้ว แต่กลับมีชาวกัมพูชาบางส่วนเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว และขยายการตั้งถิ่นฐานออกไปอีก แม้ประเทศไทยจะได้ประท้วงหลายครั้งต่อการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย แต่รัฐบาลกัมพูชาไม่เคยตอบสนองหรือดำเนินการรับผิดชอบใดๆ ในทางกลับกัน ไม่นานมานี้ กองทัพกัมพูชาได้ระดมชาวกัมพูชา ทั้งเด็ก สตรี และพระภิกษุ เดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพื่อยั่วยุประเทศไทย ซึ่งมีเจตนาเพื่อเพิ่มความตึงเครียด

 

นี่จึงเป็นการละเมิดอธิปไตยและกฎหมายภายในของประเทศไทยอย่างร้ายแรง และเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของกัมพูชาในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวา

 

การกระทำของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของมนุษยธรรมและความเป็นมิตรที่ดีต่อเพื่อนบ้าน ไม่ควรถูกตอบแทนจากกัมพูชาในลักษณะเช่นนี้

 

ส่วนประเด็นที่เกี่ยวกับเชลยศึก ประเทศไทยขอย้ำว่า เชลยศึกจำนวน 18 คนถูกจับกุมได้ระหว่างการสู้รบที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ยืนยันว่สบุคคลเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและมนุษยธรรมอย่างครบถ้วนตามกฎหมาย

 

ทั้งนี้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ได้เข้าเยี่ยมเชลยศึกเหล่านี้เป็นประจำ และอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับครอบครัวของพวกเขา การคุมขังของพวกเขาไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกนำกลับไปเข้าร่วมการสู้รบอีก  พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศเมื่อการสู้รบสิ้นสุดลง

 

อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบัน กัมพูชายังคงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และพยายามทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศ แทนที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่ได้ตกลงไว้

The post ทูตไทยสวนกัมพูชา กลางเวที UNHCR ชี้ไทยไม่ควรถูกตอบแทนแบบนี้ เคยช่วยเขมรให้ที่พักพิงหนีภัยสงคราม appeared first on THE STANDARD.

]]>
สัมภาษณ์พิเศษ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เจาะเบื้องหลังสปีชเวที UN และแนวทางนำไทยกลับสู่จอเรดาร์โลก https://thestandard.co/sihasak-phuangketkeow-un-speech-interview/ Wed, 01 Oct 2025 09:35:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1125221 สัมภาษณ์พิเศษ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เจาะเบื้องหลังสปีช UN

วินาทีที่การทูตไม่ใช่แค่เรื่องประนีประนอม แต่คือการเดิน […]

The post สัมภาษณ์พิเศษ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เจาะเบื้องหลังสปีชเวที UN และแนวทางนำไทยกลับสู่จอเรดาร์โลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
สัมภาษณ์พิเศษ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เจาะเบื้องหลังสปีช UN

วินาทีที่การทูตไม่ใช่แค่เรื่องประนีประนอม แต่คือการเดินเกมโต้กลับอย่างมีกลยุทธ์!

 

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเบื้องหลังการปรับแก้สคริปต์ถ้อยแถลงก่อนขึ้นเวทีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในระหว่างการสัมภาษณ์พิเศษในรายการ THE STANDARD NOW ในวันทำงานวันแรกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ หลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

 

พาเจาะลีกประเด็นเหล่านี้

 

  • การปรับถ้อยแถลงที่เวทีสมัชชาสหประชาชาติ เพื่อโต้กลับกัมพูชา อะไรคือจุดชี้ขาดที่ทำให้ไทยต้องเปลี่ยนเกม?
  • ไทยจะเตรียมตัวรับมืออย่างไรในการประชุม ASEAN Summit ที่กำลังจะมาถึง เพื่อตรึงเกมนี้ให้อยู่ในระดับทวิภาคีให้ได้
  • สู่ภารกิจใหญ่ “นำไทยกลับสู่เรดาร์โลก” ผ่านการทูต “ทุกทิศทุกทาง” ที่จะสร้างดุลยภาพใหม่ในเวทีโลก

 

 

 

 

The post สัมภาษณ์พิเศษ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ เจาะเบื้องหลังสปีชเวที UN และแนวทางนำไทยกลับสู่จอเรดาร์โลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
UN ห่วงคดีเลขาฯ BIOTHAI ถูกฟ้องปมปลาหมอคางดำ จับตา 22 ต.ค. นี้ นัดพิจารณาคดี https://thestandard.co/un-concern-biothai-slapp-case-cpf/ Mon, 29 Sep 2025 01:38:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1124050 un-concern-biothai-slapp-case-cpf

องค์กร Protection International รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 […]

The post UN ห่วงคดีเลขาฯ BIOTHAI ถูกฟ้องปมปลาหมอคางดำ จับตา 22 ต.ค. นี้ นัดพิจารณาคดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
un-concern-biothai-slapp-case-cpf

องค์กร Protection International รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชน แมรี่ ลอว์เลอร์ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แสดงความกังวลต่อกรณีที่ วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร ถูกอัยการสั่งฟ้องในคดีหมิ่นประมาท 

 

แมรี่ระบุว่า ตนเองได้ยินข่าวที่น่ากังวลจากประเทศไทย ที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชน วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ถูกฟ้องเมื่อไม่นานมานี้ และมีกังวลว่าข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลอาจเป็นการตอบโต้ต่อการทำงานของเขาในด้านสิทธิชุมชนและความมั่นคงทางอาหาร พร้อมยืนยันว่า จะติดตามการพิจารณาคดีครั้งแรกของเขาในวันที่ 22 ตุลาคมนี้อย่างใกล้ชิด 

 

ที่มาคดีฟ้องหมิ่น BIOTHAI 

 

สำหรับที่มาของคดีดังกล่าวนี้มีต้นตอมาจากเวทีวิชาการสาธารณะเรื่อง ‘หายนะสิ่งแวดล้อม กรณีปลาหมอคางดำ’ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 โดยมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ และเชื่อมโยงกับฟาร์มยี่สารของบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ในจังหวัดสมุทรสงคราม

 

ต่อมา บริษัท CPF ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อ BIOTHAI จำนวน 2 คดี โดยกล่าวหาว่าข้อมูลที่เผยแพร่เป็นเท็จและทำให้บริษัทเสียหาย กระทั่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 อัยการมีคำสั่งฟ้องวิฑูรย์ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และได้ส่งฟ้องทั้งสองคดีต่อศาลเรียบร้อยแล้ว

 

ขณะที่วิฑูรย์กล่าวแสดงความขอบคุณต่อหลายองค์กร ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่ร่วมกันผลักดันให้กรณีการฟ้องแบบ SLAPPกลายเป็นประเด็นที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ให้ความสนใจ พร้อมทั้งแสดงความคาดหวังว่าการที่ UN ยกเรื่องนี้ขึ้นมา จะทำให้ประเทศไทยถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า กลไกยุติธรรมจะสามารถคุ้มครองและปกป้องสิทธิของประชาชนได้จริงหรือไม่

 

ทั้งนี้ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี (BIOTHAI) และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร ระบุเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวน่าจะทำให้หลายประเทศและประชาคมโลกหันมาสนใจและติดตามการพิจารณาคดีในประเทศไทยมากขึ้น และยังแสดงความหวังว่าประเทศไทยจะพัฒนากลไกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้คดีความเป็นเครื่องมือปิดปากหรือขัดขวางการทำงานของประชาชนที่ลุกขึ้นมาปกป้องสิ่งแวดล้อมของประเทศ

 

คดี ‘วิฑูรย์’ วัดใจรัฐบาลปกป้องสิทธิมนุษยชน

 

ปรานม สมวงศ์ จากองค์กรโพรเทคชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (PI Thailand) อธิบายว่า คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้จัดตั้งกลไกผู้รายงานพิเศษว่าด้วยสถานการณ์นักปกป้องสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ปี 2000 และเพิ่งได้รับการต่ออายุล่าสุดในปี 2020 ตามมติ 43/115 และมติ 43/16 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้รัฐบาล บริษัทเอกชน และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องเข้าใจบทบาทและความสำคัญของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน รวมถึงรูปแบบการคุ้มครองที่จำเป็น

 

ตัวแทนจากจากองค์กรโพรเทคชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (PI Thailand ) กล่าวเพิ่มเติมว่า  คดีต่อวิฑูรย์เป็นการทดสอบว่า รัฐบาลไทยและบริษัทเอกชนจะปฏิบัติตามพันธกรณีเหล่านี้หรือไม่  ไม่ใช่เพียงเพื่อคุ้มครองสิทธิของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน แต่เพื่อยืนยันสิทธิในการปกป้องสิทธิมนุษยชนของทุกคน”

 

องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศมองว่าคดีนี้เป็นตัวอย่างของการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทเชิงยุทธศาสตร์ (SLAPP) ที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกป้องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออก โดยการดำเนินคดีมีเป้าหมายเพื่อข่มขู่และปิดปากนักปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน โดยเฉพาะผู้ที่ตรวจสอบผลกระทบของบรรษัทขนาดใหญ่ต่อระบบนิเวศและความมั่นคงทางอาหาร

 

นอกจากนี้ คดีดังกล่าวยังสะท้อนถึงปัญหาการไม่ปฏิบัติตาม หลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (UNGPs) ซึ่งกำหนดให้บริษัทเอกชนต้องเคารพสิทธิมนุษยชน และให้รัฐมีหน้าที่คุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากการถูกกลั่นแกล้งทางกฎหมาย โดยกรณีนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการคุกคามปัจเจกบุคคล แต่ยังบั่นทอนกลไกการตรวจสอบสาธารณะ และเป็นภัยต่อความรับผิดชอบของรัฐและภาคธุรกิจในสังคมประชาธิปไตย

The post UN ห่วงคดีเลขาฯ BIOTHAI ถูกฟ้องปมปลาหมอคางดำ จับตา 22 ต.ค. นี้ นัดพิจารณาคดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘คำต่อคำ’ เปิดถ้อยแถลงสีหศักดิ์ กล่าวบนเวที UNGA80 ย้ำบทบาทไทยในเวทีโลก-แจงข้อเท็จจริงพิพาทกัมพูชา https://thestandard.co/sihastak-unga80-speech-transcript/ Sun, 28 Sep 2025 06:10:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1123935 sihastak-unga80-speech-transcript

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเท […]

The post ‘คำต่อคำ’ เปิดถ้อยแถลงสีหศักดิ์ กล่าวบนเวที UNGA80 ย้ำบทบาทไทยในเวทีโลก-แจงข้อเท็จจริงพิพาทกัมพูชา appeared first on THE STANDARD.

]]>
sihastak-unga80-speech-transcript

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก วานนี้ (27 กันยายน) 

 

 

 

โดยกล่าวย้ำความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อหลักการพหุภาคี และนำเสนอวิสัยทัศน์และบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความแตกแยกมากขึ้น จากลัทธิปกป้องผลประโยชน์ การแยกตัว ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

 

ขณะที่สีหศักดิ์ ยังใช้โอกาสนี้ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงและแสดงตนเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนที่เกิดขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายข้อพิพาทไปสู่ระดับนานาชาติ

 

และนี่คือถ้อยแถลงทั้งหมดแบบ ‘คำต่อคำ’

 

ท่านประธานสมัชชาฯ

 

ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย

 

คณะผู้แทนที่เคารพ

 

ก่อนอื่น ผมขอแสดงความยินดีต่อการเข้ารับหน้าที่ประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ของประธานสมัชชาฯ

 

แม้ผมจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อการมอบหมายให้ผมเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ เพราะเราเชื่อว่าช่วงเวลานี้สำคัญยิ่ง เนื่องจากการครบรอบ 80 ปี ของ สหประชาชาติ เป็นช่วงเวลาที่สหประชาชาติกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ

 

ผมขอเริ่มต้นด้วยการย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของประเทศไทยต่อระบอบพหุภาคี

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โลกยังคงต้องการสหประชาชาติ และสหประชาชาติก็ต้องการเราทุกคน แต่เพื่อให้สหประชาชาติบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง สหประชาชาติจะต้องพัฒนาไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป

 

ประเทศไทยก็ยืนอยู่บนทางเส้นทางของช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญเช่นกัน โดยกำลังเผชิญกับความท้าทายเร่งด่วนภายในประเทศ ซึ่งเราไม่สามารถเสียเวลาต่อไปได้อีก วิสัยทัศน์ของเรานั้นกว้างไกลกว่าชายแดน เรามองสู่โลกกว้าง เพราะเรามีความปรารถนาเช่นเดียวกับทุกประเทศที่จะเห็นโลกที่สงบสุข ยุติธรรม และครอบคลุม

 

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ที่จะสร้างสหประชาชาติให้เป็นองค์กรที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการมอบสันติภาพ การพัฒนา และสิทธิมนุษยชนให้กับทุกคนอย่างแท้จริง

 

ท่านประธานสมัชชาฯ

 

หัวข้อของการอภิปรายทั่วไปของปีนี้ – “น้ำหนึ่งใจเดียวกัน” – ย้ำเตือนเราว่าสหประชาชาติจะเข้มแข็งที่สุดเมื่อเราร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว

 

เป็นประชาคมหนึ่งเดียว

 

ประการแรก เราต้องรวมตัวเป็นประชาคมหนึ่งเดียว

 

แปดสิบปีก่อน ประเทศต่าง ๆ ได้ร่วมกันรับรองกฎบัตรสหประชาชาติที่เปี่ยมด้วยความหวังต่อสันติภาพ แต่ในวันนี้ เรากลับยังคงต้องเผชิญกับการแบ่งแยกที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งจากนโยบายกีดกันทางการค้า ความแตกแยก ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ไม่ละเว้นประเทศไหน

 

สงครามในยูเครนซึ่งยืดเยื้อมาถึงปีที่สาม ยังคงสร้างความทุกข์ทรมานและความเสียหาย เช่นเดียวกับความทุกข์ทรมานอันแสนสาหัสในกาซ่าที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็ก ที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงที่สุดนั้น ได้สร้างความเศร้าสลดต่อจิตสำนึกต่อส่วนรวมของเราอย่างยิ่ง อันเป็นเครื่องเตือนใจว่า เมื่อสันติภาพถูกทำลาย ความสูญเสียจะไม่ได้ตกอยู่กับประเทศต่าง ๆ เพียงเท่านั้น แต่ยังตกอยู่กับประชาชนธรรมดาที่ชีวิตต้องถูกทำลาย

 

ในการเป็นประชาคมหนึ่งเดียวกัน ทุกประเทศต่างมีส่วนรับผิดชอบในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของโลก

 

ความรับผิดชอบนี้จะต้องครอบคลุมทุกคน พหุภาคีนิยมจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อสตรีมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะในภารกิจรักษาสันติภาพ การป้องกันความขัดแย้ง หรือการตอบสนองด้านมนุษยธรรม เสียงและการเป็นผู้นำของสตรีเหล่านั้นได้สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนของเรา และทำให้สันติภาพยั่งยืนยิ่งขึ้น ผมจึงมั่นใจว่าการที่ท่านประธานสมัชชาฯ ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้นำของสมัชชาแห่งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเราทุกคนขับเคลื่อนวาระสตรีของสหประชาชาติด้วยความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ยิ่งขึ้น

 

ประเทศไทยตั้งใจที่จะทำหน้าที่ในส่วนของเรา โดยกองกำลังรักษาสันติภาพของไทยได้ปฏิบัติหน้าที่ในทุกมุมโลก เพื่อช่วยฟื้นฟูวิถีชีวิตของผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง

 

ภายในประเทศ ไทยได้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ปนเปื้อนไปแล้วกว่าร้อยละ 99 ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยการดำเนินการของไทยไม่ได้เป็นเพราะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ แต่เป็นการคืนพื้นที่ให้แก่ชุมชน เพื่อให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตและเติบโต โดยเป็นการทำตามหน้าของเราที่มีต่อประชาชน

 

การปกป้องผู้คนในประเทศเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจที่ต้องกระทำ เรายังคงต้องรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ อาทิ การโยกย้ายถิ่นฐานที่เกิดจากความขัดแย้งและภัยพิบัติ ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นบททดสอบร่วมกันที่ไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขได้โดยลำพัง

 

ประเด็นเหล่านี้เป็นภารกิจที่แท้จริงของประเทศไทย เราได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้พลัดถิ่นจากเมียนมามาเป็นเวลากว่าสี่ทศวรรษ และปัจจุบัน เราได้เพิ่มโอกาสให้แก่พวกเขาโดยอนุญาตให้ทำงานนอกพื้นที่พักพิงชั่วคราว เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีและมีส่วนสร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคม การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในด้านการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

 

ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยได้ยกระดับความพยายามในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการหลอกลวงออนไลน์ ซึ่งได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยอาชญากรรมที่ไร้พรมแดนต้องอาศัยความร่วมมือไร้พรมแดนด้วยเช่นกัน

 

วิสัยทัศน์ของการเป็นประชาคมหนึ่งเดียวกันต้องเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัว ภูมิภาคต่าง ๆ เป็นรากฐานสำคัญของประชาคมโลก โดยในภูมิภาคของเรา สันติภาพและเสถียรภาพยังเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างประชาคมระหว่างประเทศภายใต้อาเซียน

 

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงมีอยู่ระหว่างเพื่อนบ้านด้วยกัน สถานการณ์ในเมียนมายังคงน่าห่วงกังวลอย่างยิ่ง โดยประเทศไทยได้ทำหน้าที่ของเราด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามแนวชายแดน และยังคงสนับสนุนให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการเจรจาและมุ่งสู่กระบวนการสันติภาพที่ยั่งยืน ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมา

 

แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด ความขัดแย้งระหว่างกันก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยต้องยอมรับว่าสถานการณ์กับกัมพูชาในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นที่พึงปรารถนาหรือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โดยสันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรื่อง ของเราล้วนมีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างใกล้ชิด เราไม่อาจแยกออกจากกันได้ เพราะเราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน

 

เช้าวันนี้ ผมตั้งใจที่จะกล่าวในประเด็นที่ต่างจากนี้และในเชิงบวกที่สะท้อนถึงความหวังสำหรับอนาคต แต่ผมจำเป็นแก้ไขถ้อยแถลงนี้ใหม่เพราะคำกล่าวที่น่าผิดหวังโดยเพื่อนกัมพูชาของผม เป็นที่น่าเสียใจว่ากัมพูชายังคงสร้างภาพให้ตนเป็นผู้ถูกกระทำ กัมพูชาได้ให้ข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนที่ไม่สามารถยืนยันได้เมื่อถูกตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งก็เป็นเพราะว่าสิ่งที่กล่าวเป็นการบิดเบือนความจริง

 

เราต่างรู้ว่าใครคือผู้ถูกกระทำที่แท้จริง ผู้ถูกกระทำที่แท้จริงคือ ทหารไทยที่ต้องสูญเสียขาจากทุ่นระเบิด คือเด็ก ๆ ที่โรงเรียนถูกโจมตี และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังจับจ่ายซื้อของในวันนั้นที่ร้านสะดวกซื้อที่ถูกโจมตีจากจรวดของฝ่ายกัมพูชา

 

เมื่อวานนี้ ผมได้พบกับเพื่อนกัมพูชาที่สหประชาชาติแห่งนี้ เราได้พูดคุยกันในเรื่องสันติภาพ การเจรจา ความไว้ใจ และความเชื่อมั่น ประเด็นเหล่านี้ ได้รับการยืนยันในการหารืออย่างไม่เป็นทางการสี่ฝ่าย จัดโดยสหรัฐอเมริกา เราขอขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์สำหรับความมุ่งมั่นต่อสันติภาพของท่าน

 

แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า คำกล่าวของกัมพูชาในวันนี้ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคำกล่าวในการหารือเมื่อวาน โดยคำกล่าวของกัมพูชาได้แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา คำกล่าวหาของกัมพูชานั้นเป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อนอย่างมากจนทำให้ความจริงดูเหมือนเป็นเรื่องตลก

 

ตั้งแต่เริ่มแรก กัมพูชาเป็นผู้ริเริ่มความขัดแย้งด้วยความตั้งใจที่จะขยายข้อพิพาทชายแดนไปสู่ความขัดแย้งระดับชาติ และทำให้เป็นประเด็นระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้

 

หมู่บ้านที่กัมพูชาอ้างถึงในคำกล่าวก่อนหน้านี้ตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศไทย โดยตามข้อเท็จจริง หมู่บ้านเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะ ประเทศไทยได้ตัดสินใจด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมที่จะเปิดชายแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 เพื่อให้ประชาชนหลายแสนคนได้หลบหนีจากสงครามกลางเมืองและมีที่พักพิงในประเทศไทย เราได้ตัดสินใจบนหลักการของความเมตตาและมนุษยธรรม ผมได้เห็นภาพดังกล่าวด้วยตนเอง เมื่อครั้งผมยังเป็นเพียงเป็นนักการทูตผู้น้อย

 

แม้ว่าสงครามกลางเมืองได้สิ้นสุด และที่พักพิงได้ปิดตัวลง แต่หมู่บ้านของกัมพูชายังคงขยายขอบเขตตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้ว่าประเทศไทยได้พยายามที่จะประท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องที่จะจัดการกับปัญหาการบุกรุกดังกล่าว

 

เมื่อสันติภาพกลับคืนสู่กัมพูชาภายหลังจากข้อตกลงสันติภาพปารีส ค.ศ. 1991 ประเทศไทยได้ช่วยสร้างและฟื้นฟูให้กัมพูชาสามารถรักษาสันติภาพของชาติตนได้ เราได้ช่วยสร้างบ้านเรือน ถนน และโรงพยาบาล เพราะว่าสันติภาพของกัมพูชานั้นเป็นผลประโยชน์ของไทยด้วยเช่นกัน และนี่คือสิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านควรทำเพื่อกันและกัน

 

ท่านประธานสมัชชาฯ

 

ข้อตกลงหยุดยิงยังคงเปราะบาง เราจำเป็นต้องทำให้ข้อตกลงนี้เกิดผล ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการกระทำที่จริงใจจากทั้งสองฝ่าย

 

เป็นที่น่าเสียใจว่า กัมพูชายังคงยั่วยุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการระดมพลเรือนเข้ามาในเขตแดนของไทยและยิงเข้ามาทางฝั่งของเรา ถือเป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดน ผมหมายความถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2568 ที่กองกำลังกัมพูชาได้ยิงใส่กองกำลังไทยที่ประจำอยู่บริเวณชายแดน โดยเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นในวันนี้ กองกำลังไทยยังได้ตรวจพบโดรนลาดตระเวนของฝ่ายกัมพูชาที่บุกรุกเข้ามาดินแดนไทยทุกวันบริเวณชายแดน การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่ได้เห็นชอบร่วมกันในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา มาเลเซีย และได้รับการยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับทวิภาคี

 

โปรดอย่าได้มีข้อสงสัยต่อการยึดหยัดเพื่อสันติภาพของไทย และไทยจะดำเนินการทุกวิถีทางที่สามารถกระทำได้เพื่อหาทางออกโดยสันติต่อปัญหากับกัมพูชา ในขณะเดียวกัน ไทยจะยังคงยืนหยัดเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดนของเรา โดยเราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราเพื่อแก้ไขความแตกต่างผ่านการหารือโดยสันติและกลไกที่มีอยู่

 

ในวันนี้ ประเทศของเราทั้งสองต้องตัดสินใจเลือกเส้นทาง ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านและมิตรกัน ประเทศไทยขอถามกัมพูชาว่า จะเลือกเส้นทางใด เส้นทางของการเผชิญหน้าหรือเส้นทางของสันติภาพและความร่วมมือ

 

ประเทศไทยขอเลือกเส้นทางแห่งสันติภาพ เพราะเราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนของทั้งสองประเทศสมควรได้รับ แต่เราก็ยังมีข้อสงสัยว่ากัมพูชาตั้งใจที่จะร่วมมือกับเราในการมุ่งสู่สันติภาพหรือไม่

 

สำหรับประเทศไทย การเจรจา ความไว้วางใจ และความสุจริตใจ ไม่ใช่เป็นเพียงคำพูด แต่คือหนทางในการเดินต่อไปภายหน้า เราจะยังคงยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ในการดำเนินความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนต่าง ๆ ทั้งในอาเซียนและนอกเหนือออกไป รวมถึงมหาอำนาจต่าง ๆ เพื่อมุ่งสู่การมีสันติภาพที่ยั่งยืนและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

 

การกล่าวถึงการเป็นประชาคมหนึ่งเดียวกันเป็นการย้ำว่า เราต่างผูกพันกันด้วยหลักการร่วมกันที่ว่า ทุกคนเกิดมาอย่างเสรีและเท่าเทียมกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ

 

ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน วาระปี ค.ศ. 2025-2027 และประธานคณะกรรมการ 3 ของสมัชชาสหประชาชาติ เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนของทุกคน

 

สำหรับเรา ความมุ่งมั่นนี้ไม่ใช่เพียงเพราะการได้เป็นสมาชิกในเวทีเหล่านั้น แต่เป็นความมุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้ที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้ง ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับความพิการ และผู้ที่มักถูกละเลยหรือถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

 

การส่งเสริมสิทธิของสตรีและเด็กหญิงเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามครั้งนี้ด้วยเช่นกัน การมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม และการรอดพ้นจากความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติ มิใช่เป็นเพียงสิทธิของมนุษย์เท่านั้น แต่คือรากฐานของสังคมที่เป็นธรรมและสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง

 

สุขภาพเป็นอีกหนึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่ง การรับประกันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลไม่ใช่เป็นเพียงการช่วยชีวิตเท่านั้น แต่คือ การมอบโอกาสให้ทุกคนได้มีชีวิตที่เปี่ยมด้วยศักดิ์ศรีและความมั่นคง

 

ด้วยเหตุผลนี้ ประเทศไทยจึงเป็นผู้นำในเรื่องสิทธิทางสุขภาพ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นลำดับแรก เพื่อไม่ให้มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และทุกชุมชนจะได้รับเครื่องมือเพื่อการเติบโต

 

ประเทศไทยยังได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคระบาด ซึ่งรวมถึงความตกลงว่าด้วยการระบาดใหญ่ขององค์การอนามัยโลก เราไม่รู้ว่าการระบาดใหญ่ ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด และเราจะพร้อมรับมือได้ก็ต่อเมื่อเราได้เตรียมความพร้อมและร่วมมือกัน

 

ท่านประธานสมัชชาฯ

 

สันติภาพและสิทธิมนุษยชนไม่อาจดำรงอยู่ได้หากปราศจากการพัฒนาที่ยั่งยืน ถึงกระนั้น การพัฒนาในปัจจุบันยังคงถูกคุกคามจากการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ภาษีศุลกากรและอุปสรรคทางการค้าอาจสร้างประโยชน์ในระยะสั้น แต่กลับทำร้ายเราในระยะยาว และแบ่งแยกเราในยามที่เราต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างที่สุด

 

ประเทศไทยเชื่อมั่นว่า ความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงไม่ได้สร้างขึ้นบนกำแพงภาษี แต่สร้างบนสะพานแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจ

 

หนทางข้างหน้าของเราคือ การค้าที่เปิดกว้างและเป็นธรรม ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางและครอบคลุม แต่การพัฒนาที่ยั่งยืนมิได้หมายถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของค่านิยมที่เรายึดถือ และการสร้างสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความก้าวหน้าและการอนุรักษ์

 

ด้วยเหตุนี้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความสมดุล ความยืดหยุ่น และความพอเพียง จึงเป็นสิ่งนำทางการพัฒนาของประเทศไทย ปรัชญานี้ย้ำเตือนเราว่าความก้าวหน้าที่แท้จริงต้องเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการปกป้องโลก

 

โดยที่เหลือเวลาอีกเพียงห้าปีเท่านั้นในการที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เราจึงต้องเสริมสร้างความร่วมมือในทุกระดับ และต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางการเงินที่ยังคงฉุดรั้งอนาคตร่วมกันของเรา

 

ในขณะเดียวกัน เราต้องไม่ลืมว่า โลกใบนี้คือ หัวใจหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ของพวกเรา กำลังทำให้ช่องว่างระหว่างผู้ที่มีและผู้ที่ไม่มี ยิ่งกว้างขึ้น หากปราศจากการสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เราจะล้มเหลวทั้งต่อประชาชน และโลกของเรา

 

คำมั่นเดียวกัน

 

ท่านประธานสมัชชาฯ

 

เนื่องในโอกาสที่สหประชาชาติมีอายุครบ 80 ปี ภารกิจของเรานั้นเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง นั่นคือ การมาร่วมกันภายใต้คำมั่นเดียวกัน

 

เราทุกคนผูกพันกับอุดมการณ์ บรรทัดฐาน และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ แต่โลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก การสานต่อคำมั่นภายใต้ระบบพหุภาคีไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป

 

แต่ความจริงก็คือ ประวัติศาสตร์ของสหประชาชาติล้วนเต็มไปด้วยคำสัญญาที่ไม่ได้เคยได้รับการปฏิบัติตาม คำมั่นที่ไม่ได้รับการตอบรับนั้นบั่นทอนความน่าเชื่อถือ และทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน หากสหประชาชาติจะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของระบอบพหุภาคี เราไม่อาจปล่อยให้วัฏจักรนี้ดำเนินซ้ำไปเช่นเดิม

 

นั่นคือเหตุผลที่เอกสาร “คำมั่นเพื่ออนาคต” ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปีที่แล้ว จะต้องเป็นต้นแบบของการปฏิบัติ เพื่อสร้างความคืบหน้าอย่างแท้จริง ประเทศต่าง ๆ จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับคำมั่นที่ให้ไว้

 

แต่การที่สหประชาชาติจะสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามอาณัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ สหประชาชาติจำเป็นที่จะต้องได้รับทรัพยากรที่ต้องการ รัฐสมาชิกทุกประเทศจะต้องปฏิบัติตามคำมั่นทางการเงินของตน เพื่อให้สหประชาชาติยังสามารถทำหน้าที่ขับเคลื่อนวาระด้านสันติภาพและการพัฒนาได้

 

อนาคตเดียวกัน

 

ประธานสมัชชาฯ

 

ในขณะที่เรามุ่งมั่นที่จะปรับปรุง ฟื้นฟู และปฏิรูปสหประชาชาติ เราจะต้องดำเนินการโดยมุ่งไปสู่การมีอนาคตเดียวกัน

 

เพื่อให้สหประชาชาตินำเราไปสู่อนาคตที่เราต้องการ การปฏิรูปสหประชาติอย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงคณะมนตรีความมั่นคง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง สหประชาชาติจะต้องเพิ่มการมีส่วนร่วม เพิ่มความโปร่งใส เพิ่มความรับผิดชอบ และต้องเหมาะสมกับอนาคต ด้วยการเป็นเอกภาพในการลงมือทำ มีความเกี่ยวเนื่องกับผู้คน และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลง

 

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยสนับสนุนข้อริเริ่ม UN80 ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของการปิดช่องว่างทางการเงินเท่านั้น แต่เป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้สหประชาชาติกลับมาเชื่อมโยงกับประชาชนซึ่งเป็นผู้ที่สหประชาชาติรับใช้

 

แต่ในขณะที่เราสร้างความเข้มแข็งให้กับสหประชาชาติ เราจำเป็นต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของสหประชาชาติด้วยเช่นกัน ระบบพหุภาคีนั้นใหญ่กว่าสหประชาชาติเพียงลำพัง ระบบพหุภาคีจะเจริญรุ่งเรืองได้ก็ต่อเมื่อมีรากฐานมาจากระบบภูมิภาคที่เข้มแข็ง องค์กรระดับภูมิภาคคือผู้ตอบสนองต่อวิกฤติต่าง ๆ เป็นลำดับแรก คือผู้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคำมั่นระดับโลกและความเป็นจริงในพื้นที่

 

สำหรับประเทศไทย อาเซียนคือบ้านและศูนย์กลางของเรา การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 15 ในเดือนหน้า จะแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนหลักการร่วมกันให้เป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะผลักดันความร่วมมือนี้ เพื่อให้เสียงของภูมิภาคได้รับการรับฟังอย่างเต็มที่ในการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก

 

การสร้างประชาคมโลกที่เข้มแข็งนั้นไกลเกินกว่ายุคของเรา ด้วยเหตุนี้ เราต้องยอมรับถึงพลังของเยาวชน เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี แผนปฏิบัติการโลกว่าด้วยเยาวชน ประเทศไทยขอย้ำความมุ่งมั่นที่จะเสริมพลังให้แก่เยาวชน ลงทุนเพื่อศักยภาพของพวกเขา และให้โอกาสในการเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

 

ด้วยแนวคิดนี้ ประเทศไทยจึงมีความภูมิใจที่มีผู้แทนเยาวชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ซึ่งผู้แทนเหล่านั้นจะได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของอนาคตที่พวกเขามุ่งหวัง

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว อนาคตเป็นของพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงควรได้สร้างอนาคตด้วยตนเอง

 

ท่านประธานสมัชชาฯ

 

ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย

 

คณะผู้แทนที่เคารพ

 

ในวาระครบรอบ 80 ปี สหประชาชาติจะต้องสมกับนามที่ตั้งไว้ นั่นคือ ชาติที่ยืนหยัดอย่างเป็นเอกภาพ เรามารวมตัวกันที่นี่ ไม่เพียงเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ผ่านมาเท่านั้น แต่เพื่อมองไปยังอนาคตข้างหน้าถึงสิ่งที่เราสามารถจะบรรลุร่วมกันได้อีก

 

บทเรียนจากแปดสิบปีนั้นชัดเจน เราจะแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเราเป็นประชาคมหนึ่งเดียวกัน มีคำมั่นเดียวกัน และร่วมกันสร้างอนาคตเดียวกัน ซึ่งเป็นความหมายที่แท้จริงของคำว่า เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

 

ประเทศไทยขอให้คำมั่นว่าจะทำหน้าที่ของเรา แต่ยิ่งไปกว่านั้น เราขอท้าทายตัวเราเองและมิตรประเทศ ณ ที่นี้ ที่จะเปลี่ยนคำพูดเป็นการกระทำ นั่นคือวิธีที่เราจะทำให้แปดสิบปีต่อไปข้างหน้านั้นดีกว่าที่ผ่านมา

 

ขอบคุณครับ

The post ‘คำต่อคำ’ เปิดถ้อยแถลงสีหศักดิ์ กล่าวบนเวที UNGA80 ย้ำบทบาทไทยในเวทีโลก-แจงข้อเท็จจริงพิพาทกัมพูชา appeared first on THE STANDARD.

]]>
กัมพูชาฟ้อง UN กล่าวหาไทยละเมิดหยุดยิง-บังคับขับไล่พลเรือนกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ยังไม่ปักปันเขตแดน https://thestandard.co/cambodia-prak-sokhonn-un-border-claims/ Sun, 28 Sep 2025 05:28:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1123924 cambodia-prak-sokhonn-un-border-claims

ปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่า […]

The post กัมพูชาฟ้อง UN กล่าวหาไทยละเมิดหยุดยิง-บังคับขับไล่พลเรือนกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ยังไม่ปักปันเขตแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>
cambodia-prak-sokhonn-un-border-claims

ปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์ในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก วานนี้ (27 กันยายน) โดยเน้นย้ำความสำคัญของสันติภาพ และความมุ่งมั่นของกัมพูชาในการเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย

 

พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงกรณีความขัดแย้งชายแดน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ไม่ระบุชื่อประเทศไทยตรงๆ แต่ระบุว่าเป็น “ความขัดแย้งทางชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน” โดยกล่าวหาว่า ไทยยังคงมีการเคลื่อนไหวฝ่ายเดียวอย่างต่อเนื่องเพื่อกำหนดอธิปไตยเหนือดินแดน” และใช้กำลังทหารแทนกลไกทวิภาคีที่ตกลงกันไว้ รวมถึงมีการใช้แผนที่ฝ่ายเดียว แทนแผนที่ที่ได้รับการรับรองในระดับนานาชาติที่จัดทำขึ้นตามสนธิสัญญาที่ผูกมัดทั้งสองประเทศ

 

“น่าเศร้าที่ยังคงมีการเคลื่อนไหวฝ่ายเดียวอย่างต่อเนื่อง เพื่อกำหนดอธิปไตยเหนือดินแดนจากเพื่อนบ้าน โดยใช้กำลังทหารแทนกลไกที่ตกลงกันไว้ ใช้แผนที่ฝ่ายเดียวแทนแผนที่ที่ได้รับการรับรองในระดับนานาชาติที่จัดทำขึ้นตามสนธิสัญญาที่ผูกมัดทั้งสองประเทศ และการกระทำอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วนที่บ่อนทำลายความพยายามในการสร้างความไว้วางใจและสันติภาพเหล่านี้” เขากล่าว

 

นอกจากนี้ ปรัก สุคน ยังอ้างว่าฝ่ายไทยบังคับขับไล่พลเรือนชาวกัมพูชา ออกจากพื้นที่ที่อาศัยอยู่มานานหลายทศวรรษและยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดน และชี้ว่าการที่ไทยเข้าควบคุมพื้นที่ดังกล่าวของไทย แสดงให้เห็นถึงการเพิกเฉยอย่างชัดเจน ต่อเงื่อนไขของการหยุดยิงและข้อตกลงร่วมกันในการยุติปัญหาชายแดน

 

“สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือการบังคับขับไล่พลเรือนชาวกัมพูชา และการข่มขู่ว่าจะใช้กฎหมายแห่งชาติกับพวกเขา และขับไล่พลเรือนอีกหลายร้อยคนออกจากดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่มานานหลายทศวรรษ การควบคุมดินแดนในพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่ได้กำหนดเขตเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงการเพิกเฉยอย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่ต่อเงื่อนไขของการหยุดยิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อตกลงร่วมกันในการยุติปัญหาชายแดนด้วย”

 

“อำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาถูกละเมิด สิทธิและศักดิ์ศรีของชาวกัมพูชาจำนวนมากก็ถูกละเมิด กัมพูชาได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์สุจริตและความโปร่งใสอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติตามข้อตกลง เราได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างที่สุด แม้จะเผชิญกับเหตุการณ์และการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ยิงโจมตีที่เกิดขึ้นล่าสุด โดยยืนยันว่าทหารกัมพูชาไม่ได้เปิดฉากยิงก่อน และไม่มีการยิงตอบโต้ใดๆ ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสันติภาพ

 

“เมื่อเช้านี้เอง ได้เกิดการโจมตีโดยไม่ได้รับการยั่วยุใกล้กับพื้นที่อ่อนไหวแห่งหนึ่ง หลังจากมีข้อกล่าวหาว่า กองกำลังของเราเปิดฉากยิงก่อน กองกำลังของเราไม่ได้ยิงและยังคงงดเว้นการตอบโต้ใดๆ ซึ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสันติภาพ ด้วยจิตวิญญาณเดียวกันกับที่ยุติความขัดแย้งภายในเมื่อเกือบสามทศวรรษก่อน กัมพูชาขอยืนยันอีกครั้งถึงข้อเรียกร้องการเจรจาและการยุติปัญหาที่คั่งค้างทั้งหมดอย่างสันติ”

 

โดยเขายังเรียกร้องให้มีการยึดมั่นในเงื่อนไขการหยุดยิงที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัดและจริงใจ เคารพข้อตกลงทวิภาคีอย่างเต็มที่ และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกฎบัตรของทั้งสหประชาชาติและอาเซียน และเรียกร้องการสนับสนุนจากประธานอาเซียน สมาชิกอาเซียน เลขาธิการสหประชาชาติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหประชาชาติ รวมถึงผู้นำทั่วโลก เพื่อช่วยลดความตึงเครียด และส่งเสริมการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ

 

“กัมพูชาเป็นประเทศเล็กๆ ที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน เราไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศใดๆ แม้ว่าเราจะปกป้องเอกราช อำนาจอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของเราอยู่เสมอ แต่การใช้กำลังยังคงเป็นทางเลือกสุดท้าย กัมพูชาจะยังคงพยายามทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูความไว้วางใจและความปกติ ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนและความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนบ้าน และเปลี่ยนพื้นที่ชายแดนให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”

 

อย่างไรก็ตาม ทางด้านสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ตอบโต้ข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชา โดยระบุว่ากัมพูชานั้นแสดงตนเป็นเหยื่อ และนำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะสิ่งที่กล่าวเป็นการบิดเบือนความจริง

 

เราต่างรู้ว่าใครคือผู้ถูกกระทำที่แท้จริง ผู้ถูกกระทำที่แท้จริงคือ ทหารไทยที่ต้องสูญเสียขาจากทุ่นระเบิด คือเด็ก ๆ ที่โรงเรียนถูกโจมตี และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังจับจ่ายซื้อของในวันนั้นที่ร้านสะดวกซื้อที่ถูกโจมตีจากจรวดของฝ่ายกัมพูชา” สีหศักดิ์ กล่าว และชี้ว่า “ข้อกล่าวหาของกัมพูชานั้นเป็นสิ่งที่คลาดเคลื่อนอย่างมากจนทำให้ความจริงดูเหมือนเป็นเรื่องตลก”

 

กรณีการบังคับขับไล่พลเรือนกัมพูชานั้น สีหศักดิ์ชี้แจงว่า หมู่บ้านที่กัมพูชาอ้างถึงในคำกล่าวก่อนหน้านี้ตั้งอยู่ในเขตแดนของประเทศไทย โดยตามข้อเท็จจริง หมู่บ้านเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะ ประเทศไทยได้ตัดสินใจด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมที่จะเปิดชายแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 เพื่อให้ประชาชนหลายแสนคนได้หลบหนีจากสงครามกลางเมืองและมีที่พักพิงในประเทศไทย 

 

“เราได้ตัดสินใจบนหลักการของความเมตตาและมนุษยธรรม ผมได้เห็นภาพดังกล่าวด้วยตนเอง เมื่อครั้งผมยังเป็นเพียงเป็นนักการทูตผู้น้อย” 

 

“แม้ว่าสงครามกลางเมืองได้สิ้นสุด และที่พักพิงได้ปิดตัวลง แต่หมู่บ้านของกัมพูชายังคงขยายขอบเขตตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้ว่าประเทศไทยได้พยายามที่จะประท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่ฝ่ายกัมพูชายังคงเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องที่จะจัดการกับปัญหาการบุกรุกดังกล่าว”

 

ส่วนกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยการยั่วยุและยิงโจมตีล่าสุดนั้น สีหศักดิ์ ยืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงยั่วยุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการระดมพลเรือนเข้ามาในเขตแดนของไทยและยิงเข้ามาทางฝั่งไทย 

 

“ถือเป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดน ผมหมายความถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2568 ที่กองกำลังกัมพูชาได้ยิงใส่กองกำลังไทยที่ประจำอยู่บริเวณชายแดน โดยเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นในวันนี้ กองกำลังไทยยังได้ตรวจพบโดรนลาดตระเวนของฝ่ายกัมพูชาที่บุกรุกเข้ามาดินแดนไทยทุกวันบริเวณชายแดน การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และข้อตกลงหยุดยิงที่ได้เห็นชอบร่วมกันในการประชุมสมัยพิเศษที่เมืองปุตราจายา มาเลเซีย และได้รับการยืนยันอีกครั้งในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับทวิภาคี”

 

ภาพ : REUTERS/Caitlin Ochs

The post กัมพูชาฟ้อง UN กล่าวหาไทยละเมิดหยุดยิง-บังคับขับไล่พลเรือนกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ยังไม่ปักปันเขตแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สีหศักดิ์ ขึ้นพูดเวที UNGA80 ย้ำความมุ่งมั่นไทยต่อพหุภาคี แจงกัมพูชาแสดงเป็นเหยื่อ มุ่งขยายข้อพิพาทพรมแดนไปสู่ระดับนานาชาติ https://thestandard.co/sihastak-un-cambodia-border-dispute/ Sun, 28 Sep 2025 04:07:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1123896 sihastak-un-cambodia-border-dispute

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเท […]

The post สีหศักดิ์ ขึ้นพูดเวที UNGA80 ย้ำความมุ่งมั่นไทยต่อพหุภาคี แจงกัมพูชาแสดงเป็นเหยื่อ มุ่งขยายข้อพิพาทพรมแดนไปสู่ระดับนานาชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
sihastak-un-cambodia-border-dispute

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก วานนี้ (27 กันยายน) โดยย้ำความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของประเทศไทยต่อพหุภาคี และชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาพยายามบิดเบือนและแสดงตนเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนที่เกิดขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขยายข้อพิพาทไปสู่ระดับนานาชาติ

 

สีหศักดิ์ เริ่มต้นสุนทรพจน์ โดยกล่าวว่า โลกยังคงต้องการสหประชาชาติ แต่ชี้ว่า เพื่อให้การทำหน้าที่บรรลุวัตถุประสงค์ สหประชาชาติต้องพัฒนาให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป

 

ขณะที่เขายืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่มีต่อหลักการพหุภาคี และชี้ว่าวิสัยทัศน์ของไทยขยายออกไปนอกพรมแดน แม้ว่าประเทศจะยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อและเผชิญกับความท้าทายภายใน

 

“ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เผชิญกับความท้าทายภายในประเทศที่เร่งด่วน แต่วิสัยทัศน์ของเราขยายออกไปนอกพรมแดน สู่โลกกว้าง เพราะเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ เรามุ่งมั่นในหลักการพหุภาคี ปรารถนาโลกที่สันติ ยุติธรรม และเปิดกว้าง” เขากล่าว 

พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการทำงานร่วมกันและเป็นประชาคมเดียวกันเพื่อความแข็งแกร่งของสหประชาชาติ ตามหัวข้อการอภิปรายทั่วไปในปีนี้คือ “Better Together”  

 

โดยเขาชี้ว่า ปัจจุบันทั่วโลกเผชิญกับความแตกแยกมากขึ้น ด้วยลัทธิปกป้องผลประโยชน์ การแยกตัว ความขัดแย้ง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และชี้ถึงปัญหา สงครามและความขัดแย้งที่รุนแรง เช่น กรณีสงครามในยูเครน 

 

ขณะเดียวกันยังย้ำบทบาทและการมีส่วนร่วมของไทย ทั้งการมีกองกำลังรักษาสันติภาพปฏิบัติการอยู่ทั่วโลก, การกวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิด, การรับมือกับความท้าทายข้ามชาติ เช่น การพลัดถิ่นและภัยพิบัติที่เกิดจากความขัดแย้ง, การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการฉ้อโกงทางออนไลน์

 

แจงข้อเท็จจริง กัมพูชาแสดงตนเป็นเหยื่อ

 

สีหศักดิ์ กล่าวถึงสถานการณ์พิพาทพรมแดนไทย-กัมพูชา ว่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์และไม่เอื้ออำนวยต่อสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองฝ่ายที่มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และย้ำว่า “ไทยและกัมพูชานั้นไม่อาจแยกจากกันได้” และเป็น “ส่วนหนึ่งของครอบครัวอาเซียนเดียวกัน”

 

ขณะที่เขาแสดงความผิดหวังที่กัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่อและบิดเบือนข้อเท็จจริงในความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

 

“ ผมรู้สึกผิดหวังที่กัมพูชายังคงแสดงตนเป็นเหยื่ออยู่ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กัมพูชาได้นำเสนอข้อเท็จจริงในแบบฉบับของตนเอง ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นเพียงการบิดเบือนความจริง”

 

“เรารู้ว่าใครคือเหยื่อที่แท้จริง พวกเขาคือทหารไทยที่สูญเสียขาจากกับระเบิด เด็กๆ ที่โรงเรียนถูกยิงถล่ม และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ที่กำลังซื้อของในวันนั้นที่ร้านสะดวกซื้อ ที่ถูกโจมตีจากจรวดของกัมพูชา”

 

โดยสีหศักดิ์ยังเผยว่า ก่อนหน้านี้เขาได้พบกับผู้แทนฝ่ายกัมพูชาที่ห้องประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ และพูดคุยเกี่ยวกับสันติภาพ การเจรจา ความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน และต่อมายังได้มีการเน้นย้ำเรื่องนี้ในการปรึกษาหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่าง 4 ฝ่ายที่มีสหรัฐฯ และมาเลเซียเข้าร่วมด้วย แต่ว่าสิ่งที่ปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา พูดบนเวที UN กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่พูดในการประชุม และเป็นข้อกล่าวหาที่เกินเลยจากข้อเท็จจริง ซึ่งเผยให้เห็นเจตนาที่แท้จริงของกัมพูชา

 

ขณะเดียวกัน สีหศักดิ์ยังกล่าวว่า “ตั้งแต่แรกเริ่ม กัมพูชาได้ริเริ่มความขัดแย้งโดยมีเจตนาที่จะขยายข้อพิพาทเรื่องพรมแดนให้กลายเป็นความขัดแย้งระดับชาติ และขยายขอบเขตไปสู่ระดับนานาชาติมากขึ้น ดังเช่นที่เกิดขึ้นในการกล่าวสุนทรพจน์บนเวที UN

 

โดยเขายังชี้แจงถึงกรณีของพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจาน ในอำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยยืนยันว่าพื้นที่เหล่านี้อยู่ในดินแดนไทย แต่เพราะประเทศไทยได้ตัดสินใจด้านมนุษยธรรมที่จะเปิดพรมแดนในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมือง เข้ามาพักพิงในประเทศไทย 

 

“แม้ว่าสงครามกลางเมืองจะสิ้นสุดลงและศูนย์พักพิงถูกปิดไปแล้ว แต่หมู่บ้านของกัมพูชาก็ยังคงขยายตัวรุกล้ำในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา และแม้ไทยจะประท้วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องเหล่านั้นในการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำดังกล่าว” เขากล่าว

 

นอกจากนี้  สีหศักดิ์ยังชี้ถึงการยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา รวมถึงการระดมพลเรือนเข้าสู่ดินแดนไทยและการยิงปืนเข้าใส่ฝ่ายไทยที่ประจำการอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้น ขณะที่กองทัพไทยยังคงตรวจจับโดรนสอดแนมของกัมพูชาที่บุกรุกเข้ามาในดินแดนไทยเป็นประจำทุกวัน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย รวมถึงข้อตกลงหยุดยิง

 

พร้อมกันนี้ เขาย้ำว่า “ประเทศไทยยืนหยัดเพื่อสันติภาพ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกอย่างสันติต่อปัญหาปัจจุบันกับกัมพูชา แต่ในขณะเดียวกัน ไทยจะยืนหยัดอย่างมั่นคงและแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเรา” 

 

“เราขอเรียกร้องให้กัมพูชาร่วมมือกับเราในการแก้ไขความขัดแย้งผ่านการเจรจาอย่างสันติและกลไกที่มีอยู่” เขากล่าว 

 

The post สีหศักดิ์ ขึ้นพูดเวที UNGA80 ย้ำความมุ่งมั่นไทยต่อพหุภาคี แจงกัมพูชาแสดงเป็นเหยื่อ มุ่งขยายข้อพิพาทพรมแดนไปสู่ระดับนานาชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษก กต. เผยภารกิจสีหศักดิ์ ร่วมประชุม UN เตรียมแสดงวิสัยทัศน์ประเด็นตะวันออกกลาง ยูเครน เมียนมา – แจงข้อเท็จจริง ไทย-กัมพูชา https://thestandard.co/thailand-un-brief-ukraine-myanmar/ Sat, 27 Sep 2025 03:49:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1123605 สีหศักดิ์ ประชุม UN

นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างป […]

The post โฆษก กต. เผยภารกิจสีหศักดิ์ ร่วมประชุม UN เตรียมแสดงวิสัยทัศน์ประเด็นตะวันออกกลาง ยูเครน เมียนมา – แจงข้อเท็จจริง ไทย-กัมพูชา appeared first on THE STANDARD.

]]>
สีหศักดิ์ ประชุม UN

นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในห้วงสัปดาห์ผู้นำของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 (UNGA80) ที่นครนิวยอร์ก โดยเปิดเผยว่า นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมสมัชชาฯ ในวันนี้ (27 กันยายน) เพื่อแสดงท่าทีของไทยต่อการสนับสนุนพหุภาคีนิยม เนื่องจากปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปีของสหประชาชาติ ในขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศกำลังตั้งคำถามถึงกลไกพหุภาคีนิยม

 

นอกจากนี้ไทยจะแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นอื่น ๆ เช่น ตะวันออกกลาง ยูเครน เมียนมา รวมถึงการดำเนินการของไทยต่อสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการชี้แจงข้อเท็จจริงบางประการที่ประชาคมระหว่างประเทศยังไม่ได้รับฟังจากปากของไทย

 

อธิบดีกรมสารนิเทศ ยังกล่าวถึงจุดยืนของไทยบนเวที UN ต่อความขัดแย้งกับกัมพูชา โดยระบุว่า ไทยจะย้ำถึงการยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งย้ำจุดยืนในการแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคของทั้ง 2 ประเทศ ท่ามกลางความหวังในการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ ขณะเดียวกันไทยยังคงยืนหยัดในการรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

 

จับตาการหารือทวิภาคีในกรอบสหประชาชาติ

 

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเดินทางถึงนิวยอร์กวานนี้ (26 กันยายน) มีกำหนดในการหารือกับอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ และอันนาเลนา แบร์บอค ประธานการประชุมสมัชชาฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นในฐานะประธาน การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) ซึ่งในขณะนี้ไทยกำลังผลักดันในเรื่องของการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคง (UNSC) ในห้วงเดือนตุลาคมนี้ รวมถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ และบุคคลอื่นๆ เช่น ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติว่าด้วยเมียนมา และข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน ซึ่งการนัดหมายเหล่านี้ เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 กันยายน 

 

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เข้าร่วมงานเลี้ยงพบปะกับสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน และหอการค้าสหรัฐฯ เพื่อชี้แจงถึงโอกาสการลงทุน และขยายความร่วมมือทางการค้ากับสหรัฐฯ 

 

ความคาดหวังของไทยต่อผลการประชุม

 

อธิบดีกรมสารนิเทศหวังว่า ประชาคมระหว่างประเทศมีความรู้ความเข้าใจว่าไทยยึดมั่นในกลไกพหุภาคีตามแนวทางของสหประชาชาติ 

 

นอกจากนี้ไทยยังต้องการทำให้โลกเห็นถึงการช่วยเหลือเมียนมาอย่างสร้างสรรค์ในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างประชาคมโลก กับ เมียนมา

 

สำหรับประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา การเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ไทยได้ชี้แจงต่อผู้บริหารระดับสูงของสหประชาชาติและประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรง

 

The post โฆษก กต. เผยภารกิจสีหศักดิ์ ร่วมประชุม UN เตรียมแสดงวิสัยทัศน์ประเด็นตะวันออกกลาง ยูเครน เมียนมา – แจงข้อเท็จจริง ไทย-กัมพูชา appeared first on THE STANDARD.

]]>