ในยุคที่ซีรีส์วายล้นตลาด สิ่งที่ยังคงสร้างความตื่นเต้นได้เสมอมาและเสมอไปก็คือการประกาศไลน์อัพซีรีส์จากค่ายต่างๆ ที่มักจะมีพล็อตเรื่องและแนวทางใหม่ๆ มาให้ได้เห็นกันอยู่ตลอด โดยเฉพาะปี 2567 ที่บรรดาค่ายซีรีส์ต่างงัดไม้เด็ดของตัวเองมาสู้กันแบบหมัดต่อหมัด เรียกได้ว่าเป็นปีที่เราน่าจะได้เห็นซีรีส์จากหลายๆ ผู้จัดออกมาขับเคี่ยวกันในตลาดอย่างสนุกสนานเลยทีเดียว

หลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นเทรนด์และการขยับขยายของวงการมากขึ้นเรื่อยๆ ซีรีส์วายไม่ได้แข่งกันขายแค่คู่นักแสดงอีกต่อไป แต่วงการนี้ยังแข่งกันงัดเอาพล็อตเรื่องสนุกๆ มาประชันกันเพื่อหวังจะสร้างความโดดเด่นในสนามนี้ให้ได้

ในขณะที่ค่ายซีรีส์กำลังเตรียมตัวออกหมัดฮุกกันอย่างขันแข็ง จากการสำรวจซีรีส์วายที่ออกอากาศและน่าจะจัดทำในปีนี้กว่า 80 เรื่อง มีแนวโน้มว่าเราน่าจะได้เห็นตัวละครนำเป็นทั้งนักเรียน, พนักงานออฟฟิศ, คนตาบอด, พญานาค, ครุฑ, นางเงือก, แวมไพร์, มนุษย์ต่างดาว, ลูกพระยา, หม่อมหลวง, หมอผี, หมอคน, ตำรวจ, โจร, มาเฟีย, ผี, นักล่าผี, นักกีฬา และผู้กำกับ ฯลฯ จนอาจกล่าวได้ว่านี่คืออีกหนึ่งปีที่ผู้ชมจะได้เพลิดเพลินไปกับการทำความรู้จักความหลากหลายจากคาแรกเตอร์เหล่านี้อย่างแน่นอน

การฟาดฟันของตลาดซีรีส์วายในปีนี้น่าจะสนุกและเต็มไปด้วยหมัดมวยเด็ดๆ มากกว่าปีที่แล้วมา ดังนั้น THE STANDARD POP จึงขอมัดรวมท่าไม้ตายจากหลายๆ ค่ายมาสรุปเป็นการคาดการณ์ภาพรวมของซีรีส์วายในปีนี้ให้ผู้อ่านทุกท่านได้ตื่นเต้นกันก่อนที่การแข่งขันแมตช์จริงจะเริ่มต้นขึ้น

เกรท-อิน, ต่อ-เจเจ และ เคน-ไบร์ท หมัดเด็ดเจ้าของเสียงฮือฮาทั่วสนามแข่ง

ถ้าเป็นสนามมวยจริงๆ ท่าไม้ตายหรือหมัดเด็ดน่าจะต้องมาช่วงท้ายๆ ของการแข่งขัน แต่ด้วยความที่สนามวายปีนี้ดุเดือดยิ่งกว่าปีไหนๆ ผู้เขียนจึงขอหยิบท่าไม้ตายของ 3 ค่ายยักษ์อย่าง GMMTV, one31 และ TV Thunder มาเล่าให้อ่านเป็นอย่างแรก

ในบรรดาซีรีส์ที่เปิดตัวมาในทุกๆ ปี ซีรีส์ที่ได้รับเสียงฮือฮามากที่สุดมักจะเป็นซีรีส์ที่ได้นักแสดงดีๆ มาประกบคู่กัน อย่างปีก่อนที่ นนกุล-ชานน สันตินธรกุล เข้ามารับบท พ่อจอม ใน หอมกลิ่นความรัก ร่วมกับ ไบร์ท-รพีพงศ์ ทับสุวรรณ ก็กลายเป็นกระแสพูดถึงอย่างล้นหลามมาแล้ว โดยปีนี้เอง 3 ค่ายใหญ่ที่เราพูดถึงไปข้างต้นก็มีโปรเจกต์ซีรีส์ที่ดึงนักแสดงชั้นนำของวงการมารับบทคู่กันในรูปแบบนี้ด้วย

เริ่มต้นกันที่ค่าย GMMTV ที่ปีนี้ได้เซ็นสัญญากับ เกรท-สพล อัศวมั่นคง และ อิน-สาริน รณเกียรติ ไปหมาดๆ ก็ถือโอกาสนำนักแสดงมากฝีมือทั้งสองคนนี้มาเล่นซีรีส์คู่กันใน วันดีวิทยา Wandee Goodday ตามเสียงเรียกร้องของแฟนๆ จนทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นไฮไลต์ที่น่าจะตามองเป็นอันดับต้นๆ ในงานประกาศไลน์อัพ GMMTV2024 UP&ABOVE PART1 เลยทีเดียว

ทางด้าน one31 เองก็มีโปรเจกต์ การุณยฆาต ที่ได้ เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม และ ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร มารับบทนำคู่กันครั้งแรกเช่นกัน โดยนิยายต้นฉบับของเรื่องนี้เป็นผลงานของนักเขียนชื่อดัง Sammon เจ้าของนิยาย Triage และ พฤติการณ์ที่ตาย ที่เคยถูกสร้างเป็นซีรีส์ไปก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้โปรเจกต์นี้ได้รับการจับจ้องจากแฟนๆ ตั้งแต่นักเขียนประกาศขายลิขสิทธิ์ไป จนได้ไลน์อัพนักแสดงที่แน่นอนว่าเป็น ต่อ-เจเจ ก็ยิ่งทำให้กระแสของโปรเจกต์นี้กระพือมากขึ้นไปอีก โดยหลังจาก one31 ปล่อยตัวอย่างสั้นๆ ของโปรเจกต์นี้แทรกไปกับละครเรื่องอื่นในโปรเจกต์ oneD Original แฮชแท็ก #การุณยฆาต ก็ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 บน X ในทันทีแบบไม่ต้องสงสัย พร้อมความตื่นเต้นของแฟนๆ ซีรีส์วายที่เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างล้นหลาม

อีกหนึ่งเรื่องที่มีนักแสดงหลักน่าจับตาไม่แพ้กัน ก็คือ The Fridge ย้อนเวลาเป็น ข้ามเวลาตาย ซีรีส์จากนิยายของภาคินัย นักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดังที่หันมาจับปากกาเขียนนิยายแฟนตาซีข้ามเวลา โดยผู้จัด TV Thunder ก็ได้หยิบเรื่องนี้มาสร้างสรรค์ พร้อมแคสติ้งนักแสดงอย่าง เคน-ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค และ ไบร์ท-รพีพงศ์ ทับสุวรรณ มารับบทคู่กัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการโคจรมาเจอกันที่น่าสนใจและน่าจับตามากๆ 

ในฐานะคนที่ติดตามวงการวายมาโดยตลอด การวนมาเจอกันของนักแสดงทั้ง 6 คนจาก 3 เรื่องนี้นับเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก ทั้งในเชิงของการแสดง คุณภาพ และกระแสไวรัล ฯลฯ และยังทำให้รู้สึกสะใจอย่างสุดเหวี่ยง เพราะเรากำลังจะได้เห็นการขับเคี่ยวกันในเชิงการแสดงที่น่าประทับใจอย่างแน่นอน

การต่อสู้ของซีรีส์แวมไพร์ในจักรวาลวาย

หนึ่งในท่าทีที่น่าสนใจของวงการซีรีส์วายในปีนี้คือการปะทะกันของซีรีส์แวมไพร์ที่มีถึง 4 เรื่องจาก 4 ค่าย คือ My Golden Blood เลือดนายลมหายใจฉัน จาก GMMTV, The Vampire Project จาก Studio Wabi Sabi, 1000 YEARS OLD อายุมั่นขวัญยืน จาก Feelgood Bangkok ร่วมกับ h8 studio และ OMG Vampire แวมไพร์ ไวน์แดง จาก Workpoint ร่วมกับ VERY GREAT COMPANY LIMITED ที่ต่างก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจ

อย่างซีรีส์เรื่อง My Golden Blood เลือดนายลมหายใจฉัน จากค่ายยักษ์ GMMTV ก็มีความน่าสนใจด้วยคู่นักแสดงอย่าง จอส-เวอาห์ แสงเงิน ที่เข้ามารับบทในซีรีส์วายเป็นครั้งแรก ร่วมกับ ฟลุ๊ค-กวิน แคสกี้ อีกหนึ่งนักแสดงดาวรุ่งของค่าย ในขณะที่เนื้อหาของเรื่องจะเน้นไปที่การล่ามนุษย์ผู้มี ‘เลือดสีทอง’ เพื่อช่วงชิงพลังในหมู่แวมไพร์

ทางด้านซีรีส์จากอีกหนึ่งค่ายดังอย่าง Studio Wabi Sabi ที่ตอนนี้ยังใช้ชื่อว่า The Vampire Project นั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะได้พระเอกของเรื่องอย่าง บุ๋น-นพณัฐ กันทะชัย มารับหน้าที่เจ้าของโปรเจกต์ร่วมด้วย โดยเรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเขียนบท ซึ่งเนื้อหาคร่าวๆ จะเกี่ยวกับคนขายของเก่าและพิพิธภัณฑ์ลึกลับที่เก็บซ่อนความลับของเหล่าแวมไพร์เอาไว้ 

Workpoint และ VERY GREAT COMPANY เองก็เข้ามาสู้ในสนามแวมไพร์ด้วยเช่นกัน โดยส่งซีรีส์เรื่อง OMG Vampire แวมไพร์ ไวน์แดง ที่ได้นักแสดงมากผลงาน แฟรงค์-ธนัตถ์ศรันย์ ซำทองไหล และ หล่ง ซื่อ ลี มารับบทนำ เล่าเรื่องราวของแวมไพร์ที่หลับไป 100 ปี ก่อนจะตื่นมาพบว่าโลกในปัจจุบันถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ส่วน 1000 YEARS OLD อายุมั่นขวัญยืน ซีรีส์ชื่อน่ารักจาก Feelgood Bangkok ร่วมกับ h8 studio นั้น แม้ว่าจะยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดอะไรมากมาย แต่เรื่องนี้ก็ได้ผู้กำกับ แชมป์-วีรชิต ทองจิลา ที่เคยฝากฝีมือไว้ใน เพราะเราคู่กัน 2gether The Series ซีรีส์ในตำนานที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากทั่วโลก จึงนับว่า 1000 YEARS OLD อายุมั่นขวัญยืน เป็นซีรีส์ที่น่าจับตาอยู่ไม่น้อย

จริงๆ แล้วในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื้อหาเกี่ยวกับแวมไพร์มีการพูดถึงอยู่บ้างจากกลุ่มผู้จัด แม้จะเป็นการพูดแบบผ่านๆ ด้วยข้อจำกัด ทั้งขนาดของตลาด ทุนทรัพย์ และความยากของการเขียนบท แต่ในเวลาไม่ถึง 2 ปี เรากลับได้เห็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นของโปรเจกต์แวมไพร์เหล่านี้ ซึ่งนับว่าเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจของวงการ และหากผู้จัดสามารถทำผลงานออกมาได้ดีทั้งในแง่ของโปรดักชันและเนื้อหา มวยยกนี้ก็น่าจะเป็นการต่อสู้ที่สูสีและน่าสนุกจนนั่งไม่ติด

เตรียมตัวปะทะตัวละครสายแฟนตาซีในปี 2567

นอกจากแวมไพร์แล้ว ปีนี้บรรดาผู้จัดยังมีคาแรกเตอร์สายแฟนตาซีตัวอื่นๆ มานำเสนอตลอดทั้งปี มัดรวมมาตั้งแต่บรรดาสัตว์ในตำนานไปจนถึงคนที่มีพลังวิเศษ ซึ่งถือเป็นการปะทะกันที่ดุเดือด และนับเป็นจุดเด่นหลักๆ ของคอนเทนต์วายในปีนี้เลยก็ว่าได้

เริ่มจากซีรีส์ที่ออกฉายมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว (2566) ที่มีมาให้เห็นถึง 3 เรื่องจาก 3 ค่ายเลยก็คือ Pit Babe พิษเบ๊บ ซีรีส์แฟนตาซีอ้างอิง Omegaverse จากค่าย CHANGE2561 ของฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ที่เล่าเรื่องราวของโลกที่คนเกิดมาพร้อมลักษณะพิเศษและความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนกัน ล้อไปกับฉากหลังของวงการแข่งรถที่ดุเดือดทั้งบนสนามและโต๊ะเจรจา จนกลายเป็นกระแสมากๆ ในช่วงนี้เลยทีเดียว 

ต่อด้วยอีกหนึ่งซีรีส์จาก GMMTV อย่าง Cherry Magic 30 ยังซิง ซีรีส์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากมังงะของ โทโยตะ ยู สร้างสรรค์เป็นเวอร์ชันไทย โดยบอกเล่าเรื่องราวของ อชิ พนักงานออฟฟิศที่ยังโสดยังซิง จนวันเกิดอายุ 30 ปี อชิก็มีพลังวิเศษสามารถได้ยินเสียงความคิดของคนอื่นขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น นอกจากนี้ซีรีส์นี้ยังเป็นการวนมาร่วมงานกันอีกครั้งของคู่นักแสดง เต-ตะวัน วิหครัตน์ และ นิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ ในรอบหลายปีอีกด้วย

ส่วนซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่เข้าฉายมาตั้งแต่ปีก่อนอย่าง The Sign ลางสังหรณ์ จากค่าย Idol Factory เจ้าของผลงาน ทฤษฎีสีชมพู GAP The series ที่เคยปลุกปั้นคู่นักแสดง ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ และ เบคกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง จนดังเป็นพลุแตกไปแล้ว ก็หันมาลงทุนกับงานแฟนตาซีเต็มตัว โดย The Sign ลางสังหรณ์ เป็นเรื่องที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานครุฑยุดนาคผสมผสานกับพล็อตเรื่องสืบสวนสอบสวนที่ลุ้นระทึก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผลงานปล่อยของของค่ายนี้เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตในตำนานที่เราจะได้เห็นแน่ๆ ในปีนี้ก็คือเงือกจากซีรีส์ เพียงนาวา Lover Merman ของค่าย GO2 Infinity ที่ปล่อยไพล็อตออกมาให้ชมเป็นน้ำจิ้มแล้วเรียบร้อย 

ข้ามจากฟากฝั่งความเชื่อมาที่เชิง (เกือบๆ จะ) วิทยาศาสตร์เล็กน้อย กับเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวจากซีรีส์ Wuju Bakery (우주빵집) จากผู้จัดอย่าง Be On Cloud ที่ล่าสุด (22 ธันวาคม 2566) แอ็กเคานต์ X ของ STUDIO ON SATURN OFFICIAL ต้นสังกัด เจฟ ซาเตอร์ ก็ได้โพสต์ความเคลื่อนไหวของซีรีส์เรื่องนี้ว่าน่าจะพร้อมให้แฟนๆ ได้ชมกันช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

ต่อด้วยอีกหนึ่งทฤษฎี (เกือบจะ) วิทยาศาสตร์ อย่างเรื่องราวของ Time Traveller เองก็กำลังจะมีให้เห็นถึง 5 เรื่อง คือ ภพเธอ และ 2 Worlds โลกสองใบ ใจดวงเดียว จาก Mandee Work, Time The Series ไทม์ ผ่าน เวลา จาก M Flow Entertainment, Reverse 4 You ดาวบริวาร จากกันตนา และ The Fridge ย้อนเวลาเป็น ข้ามเวลาตาย จาก TV Thunder ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะมีเงื่อนไขของเวลาและการย้อนเวลาที่แตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่ชอบเนื้อหาแนวนี้รับรองว่าในปีนี้มีมาให้ดูแบบจุใจแน่นอน

ได้เวลาลงสนาม Girl’s Love เต็มตัว

นอกจากกระแส Boy’s Love (BL) ที่พุ่งสูงมาสักพักใหญ่ ปีนี้เรากำลังจะได้เห็นความคึกคักของซีรีส์ Girl’s Love (GL) กันมากขึ้น เนื่องจากกระแสและผู้ชมที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจาก ทฤษฎีสีชมพู GAP The series และ Show Me Love The Series แค่อยากบอกรัก ในปีที่แล้ว ทำให้ผู้จัดวายทั้งเก่าและใหม่หันมาสนใจและมองหาคอนเทนต์ฝั่ง GL มาเสิร์ฟผู้ชมมากมาย

โดยในปีนี้ทาง GMMTV ที่ทำแต่ซีรีส์ BL มาตลอดก็มีแพลนสร้างและออกอากาศซีรีส์ GL ถึง 2 เรื่องคือโปรเจกต์ 23.5 องศาที่โลกเอียง และ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก ในขณะที่ Studio Wabi Sabi เองก็มีแพลนจะทำ GL เรื่องแรกของค่ายในชื่อ Sunshine in the Wind ยามทิวาพัดผ่าน ส่วนทาง Y.Entertainment ก็กำลังจะเริ่มทำ About Galaxy มูลค่าดาวล้านดวง อยู่เช่นกัน

ผู้จัดฟากฝั่งละครและทีวีเก่าเองก็เรียงแถวเข้าสู้ในสนาม GL ไม่แพ้กัน โดยช่อง 3 กำลังจะเริ่มถ่ายทำซีรีส์ The Secret of Us ใจซ่อนรัก ที่ได้สองนักแสดงสาวดาวรุ่ง หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง และ ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ มารับบทนำ ในขณะที่ ThaiPBS ก็ส่ง หม่อมเป็ดสวรรค์ ลงสนาม พร้อมเนื้อหาพีเรียดที่ได้แรงบันดาลใจจากหน้าเล็กๆ ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการเล่นเพื่อนหรือการมีความรักระหว่างหญิงกับหญิงในราชสำนัก 

ฝั่งของกันตนา ปีนี้กำลังจะมีซีรีส์แนวแฟนตาซีย้อนเวลาในชื่อ Reverse 4 You ดาวบริวาร ที่ปล่อยไพล็อตออกมาแล้วเรียบร้อย ตามมาด้วย TV Thunder ที่มีโปรเจกต์ GL ในชื่อ หยดฝนกลิ่นสนิม ซีรีส์สืบสวนสอบสวนที่กำลังเร่งหาตัวนักแสดงกันอยู่ เช่นเดียวกับ Un-Trovert ปลดล็อคหัวใจยัยคนซึน ของผู้จัด น้ำฝน-กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์ ที่อยู่ในขั้นตอนการเตรียมตัวนักแสดงให้พร้อมสำหรับการถ่ายทำ

ด้านค่าย Idol Factory ค่ายที่เรียกได้ว่าเติบโตมาจาก GL ในปีนี้ก็กำลังเดินหน้าโปรเจกต์ ปิ่นภักดิ์ ซีรีส์พีเรียดของ ฟรีน-เบคกี้ อย่างขันแข็ง พร้อมทยอยปล่อยสปอยล์ออกมาให้แฟนคลับได้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ

การมาถึงของกระแสและคอนเทนต์ GL เรียกได้ว่าเป็นการแข่งขันที่น่าสนใจและน่าจับตามากๆ ในปีนี้ ซึ่งหากกระแสยังไม่ตก เราน่าจะได้เห็นการสร้างสรรค์และความน่าสนใจใหม่ๆ จากฝั่ง GL อย่างต่อเนื่องแน่นอน

ไฮไลต์หมัดหนักอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของปีนี้ไม่ใช่แค่เนื้อหาเชิงแฟนตาซีเท่านั้น แต่ยังมีการมาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัวของซีรีส์วายแนว Horror-Thriller ที่กำลังฉายและมีแผนจะออกฉายในปีนี้หลายเรื่อง 

เริ่มต้นตั้งแต่ซีรีส์ที่เริ่มออกฉายไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้วอย่าง ศพกระซิบ The Whisperer หนึ่งในซีรีส์สยองขวัญจากปลายปากกาของภาคินัย ที่ผู้จัด Fix Entertainment นำมาสร้างเป็นผลงานสุดหลอนข้ามปี ออกอากาศชนกับซีรีส์ Shadow เงา / ล่า / ตาย จาก Viu Original ที่เล่าเรื่องราวความลับในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง พร้อมบาทหลวงปริศนาในโรงเรียนที่พยามเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในครั้งนี้

ส่วนเรื่องที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการสร้างสรรค์ ณ ตอนนี้ ได้แก่ บ้านหลอน ON SALE | Peaceful Property ซีรีส์ Horror ผสมคอเมดี้จาก GMMTV, เขมจิราต้องรอด Spirit Reborn ซีรีส์เกี่ยวกับไสยศาสตร์จาก Tumi Tuma และ ใครในกระจก ซีรีส์จากนิยาย Horror-Thriller ที่ถ่ายทำเสร็จไปตั้งแต่ปีก่อน

นอกจาก Horror-Thriller แล้ว ปีนี้เรายังจะได้เห็นซีรีส์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากต่างประเทศเช่นเดียวกับ Cherry Magic 30 ยังซิง อีกหลายเรื่อง เช่น My Love Mix-Up! เขียนรักด้วยยางลบ, Ossan’s Love, Kiseki 奇跡 ฤดูปาฏิหาริย์ และ Addicted Heroin รักร้ายนายเสพติด ส่วนสายพีเรียดที่กำลังรอคอยซีรีส์เรื่องใหม่ ปีหน้าก็น่าจะได้เริ่มเห็นเค้าลางของงานพีเรียดที่มากกว่าปีก่อน เช่น เดือนพราง THE HIDDEN MOON, ฟ้ากั้นแดน Wall of Dawn และ หม่อมเป็ดสวรรค์ ฯลฯ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือการสรุปภาพรวมคร่าวๆ ของคอนเทนต์ซีรีส์วาย ที่ทำให้เราได้เห็นความกล้าในการลงทุนกับเนื้อหาใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกก้าวที่พัฒนาขึ้นและออกจากกรอบเดิมๆ ในขณะเดียวกันเรายังมั่นใจได้มากขึ้นในระดับหนึ่งว่าปีนี้วงการวายไทยน่าจะมีผลงานดีๆ ออกมาให้เราได้เสพอย่างมากมายแน่นอน

อ้างอิง:

• https://x.com/mombobox/status/1727667442556498155?s=20 
• https://blwatcher.com/new-bl-series/
• https://world-of-bl.com/

The post อนาคตซีรีส์วาย 2567 ปีแห่งการฟาดฟันของคนทำคอนเทนต์ appeared first on THE STANDARD.

หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของ เพื่อนผมมีมรดกเป็นโฮมสเตย์ครับ (Escape to Homestay) 

เตรียมแพ็กกระเป๋าออกจากเมืองกรุงเพื่อออกเดินทางไปพักใจตามรอย เพื่อนผมมีมรดกเป็นโฮมสเตย์ครับ (Escape to Homestay) ซีรีส์ TV THUNDER ORIGINAL ความยาว 8 ตอนที่ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง น๊อต-พงศธร ทองเจริญ พร้อมกับทีมนักแสดงทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่มาร่วมพาทุกเพศทุกวัยพักจากความวุ่นวายใจ สู่การดื่มด่ำไปกับความฟีลกู๊ดท่ามกลางธรรมชาติที่หาได้ในประเทศไทย

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ขนทัพนักแสดงจากทุกเจเนอเรชันมาสร้างสีสันร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงดาวรุ่งอย่าง แปลน-รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์, พร้อม-ราชภัทร วรสาร, มาร์ค-ศิวัช จำลองกุล, ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา, จ๊ะจ๋า-จินต์จุฑา ศิริเพ็ง และบอนซ์-ณดล ล้ำประเสริฐ ตลอดจนถึงนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมืออย่าง ต๊งเหน่ง-รัดเกล้า อามระดิษ, ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, โจ๊ก-กรภพ จันทร์เจริญ, หนุ่ม-สันติสุข พรหมศิริ และ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ที่พวกเขาร่วมจับมือส่งต่อความฟีลกู๊ดให้ผู้ชมอิ่มเอมไปพร้อมๆ กัน

เพื่อนผมมีมรดกเป็นโฮมสเตย์ครับ (Escape to Homestay) ว่าด้วยเรื่องราวของสามเพื่อนซี้อย่าง ท็อป (รับบทโดย พร้อม-ราชภัทร วรสาร) อดีตเจ้าของผับบาร์ใจกลางกรุงเทพฯ ที่เจ๊งไม่เป็นท่า, ฟิล์ม (รับบทโดย แปลน-รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์) ตากล้องผู้ลาพักร้อนยาวเพื่อหาแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง และ กันต์ (รับบทโดย มาร์ค-ศิวัช จำลองกุล) พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหนุ่มผู้ถูกพักงานเนื่องจากชกต่อยกับผู้โดยสารเพราะเหตุป้องกันตัว ซึ่งทั้ง 3 คนปลีกตัวจากปัญหาในเมืองกรุงสู่โฮมสเตย์อันอบอุ่นของ คุณยายทับ (รับบทโดย ต๊งเหน่ง-รัดเกล้า อามระดิษ) คุณยายสุดใจดีของท็อปที่เปิดบ้านกะทัดรัดในจังหวัดนครนายกให้หนุ่มๆ ทั้ง 3 คนได้มาชาร์จพลัง พร้อมหาแรงบันดาลใจและเรียนรู้วิถีชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่ไม่สามารถพบเจอได้ในเมืองใหญ่

ซึ่งใน 2 ตอนแรกนอกจากซีรีส์ได้พาพวกเราทุกคนเห็นถึงที่มาที่ไปของทั้ง 3 หนุ่มสำหรับการเดินทางครั้งนี้แล้ว ตัวซีรีส์ยังพาเราไปทำความรู้จักกับตัวละครอื่นๆ ที่จะทำให้ผู้ชมอย่างเราได้ถอดบทเรียนไปกับชีวิตของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น เตอร์ (รับบทโดย ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์) หนุ่มกรุงเทพฯ สุดกวนที่ผันตัวเป็นเจ้าหน้าที่เขื่อนประจำจังหวัด และเป็นขวัญใจคนในหมู่บ้าน รวมถึงน้องสาวของเตอร์อย่างตาว (รับบทโดย จ๊ะจ๋า-จินต์จุฑา ศิริเพ็ง) ผู้เกิดมากับพรสวรรค์ในการเล่นเปียโน แต่ดันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขจนทำให้เธอหนีออกจากบ้าน เช่นเดียวกันกับเบลล์ (รับบทโดย ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา) ผู้มีความฝันจะเป็น TikToker แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ เพราะพวกเขาอยากให้ทำงานประจำเพื่อความมั่นคงในชีวิต

มากไปกว่านั้นตลอด 2 อีพีแรกสิ่งที่ปรากฏให้เห็นชัดคือ การสอดแทรกเกร็ดความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ของ ‘เจ้าหน้าที่เขื่อน’ ที่มีบทบาทสำคัญต่อปากท้องของชาวบ้าน หรือเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับจังหวัดนครนายกทั้งเรื่องพื้นดินทำกิน รวมถึงภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างการดองมะยงชิด ผลไม้กระตุ้นเศรษฐกิจชั้นเยี่ยมประจำจังหวัด ตลอดจนถึงฉายภาพให้พวกเราเห็นถึงการมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ตามแบบฉบับของวิถีชีวิตที่ไม่ต้องหวือหวา แต่อบอวลด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นที่ทุกคนสัมผัสกับความรู้สึกนี้ได้ด้วยกัน

เพื่อนผมมีมรดกเป็นโฮมสเตย์ครับ (Escape to Homestay) ไม่เพียงแค่เป็นซีรีส์ที่ต้องการเผยแพร่สถานที่ Unseen หรือสถานที่ที่สวยงามแต่ไม่ค่อยถูกค้นพบในประเทศไทยเพื่อเป็น Soft Power ให้ทุกคนได้มาตามรอยกันอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทีมผลิตยังแฝงประเด็น Generation Gap หรือช่องว่างระหว่างวัยไว้กับแทบทุกตัวละคร แม้ใน 2 อีพีแรกอาจยังไม่ได้เจาะลึกถึงประเด็นนี้มากมาย แต่คนดูอย่างเราได้กลิ่นอายของความฟีลกู๊ดผ่านประเด็นดังกล่าวที่ต้องรอติดตามในอีก 6 อีพีข้างหน้า รวมถึงเชื่อว่าเรื่องนี้อาจทำให้ใครหลายคนเข้าใจ และเปิดใจฟังเสียงของคนใกล้ตัวที่ต่างวัยได้ไม่มากก็น้อย

ติดตามชมซีรีส์ เพื่อนผมมีมรดกเป็นโฮมสเตย์ครับ (Escape to Homestay) ทุกวันเสาร์ เวลา 22.00 น. ทางช่อง 9 กด 30 และดูออนไลน์เวลา 23.00 น. บนแอป iQIYI และเว็บไซต์ www.iQ.com 

ภาพ: TV THUNDER

The post เพื่อนผมมีมรดกเป็นโฮมสเตย์ครับ EP.1-2 ปิดโหมดความวุ่นวายสู่ความเรียบง่ายใน Unseen ประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

ถัดจาก หน่าฮ่าน เดอะซีรีส์ ที่เล่าเรื่องราววัยเปลี่ยนผ่านของเดอะแก๊งจากบ้านโนนหินแห่ TV Thunder ส่ง ทริอาช The Series ลงจอตามมา กระทั่งซีรีส์เพิ่งจบลงไปเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว แต่ก็ยังได้รับการพูดถึงอยู่เรื่อยๆ จากความดีงามของซีรีส์ที่เป็นรสชาติใหม่ๆ ในวงการบันเทิงไทย

ทริอาช The Series เป็นซีรีส์วายแนวการแพทย์และแฟนตาซี กำกับโดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และ อั้ม-ณัฐพงษ์ อรุณเนตร์ บทโทรทัศน์โดยมะเดี่ยว ร่วมกับ ฐานะมาศ เถลิงสุข และ ดวงสมร ท้าวคำลือ ดัดแปลงมาจากนวนิยายขายดีของผู้เขียนนามปากกา Sammon เจ้าของผลงาน พฤติการณ์ที่ตาย และ ส่งร้อน เสิร์ฟรัก ที่เคยนำมาทำเป็นซีรีส์ไปแล้วก่อนหน้านี้

จริงๆ ทริอาช The Series เคยได้ทำเป็นหนังสั้นมาก่อนแล้ว โดย เต้-ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์ แสดงเป็น หมอติณห์ และ ตี๋-ธนพล จารุจิตรานนท์ แสดงเป็น ต้อล ก่อน TV Thunder จะหยิบมาทำเป็นซีรีส์ด้วยนักแสดงหลักสองคนเดิม

ชื่อเรื่อง ทริอาช มาจากคำว่า Triage หมายถึงระบบการคัดสรรผู้ป่วยเพื่อจัดลำดับการรักษาให้เหมาะสม อีเวนต์เวรเยินของ ติณห์ แพทย์ประจำบ้านปี 3 จึงเกิดขึ้นที่ห้องฉุกเฉินในกลางดึกคืนวันที่ 18 กรกฎาคม เมื่อเขาไม่สามารถยื้อชีวิต ต้อล นักศึกษาหนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ แล้วเขาก็เจอกับ จินตะ เทพลึกลับที่มาอธิบายว่าเขาตกอยู่ในวังวนของลูปเวลาเพื่อหาวิธีช่วยชีวิตผู้ป่วยเอาไว้ให้ได้ นั่นจึงนำไปสู่การค้นพบเรื่องราวไม่ชอบมาพากลภายในโรงพยาบาล พร้อมๆ กับความสัมพันธ์ของเขาและต้อลที่เปลี่ยนไป

ด้วยความที่ผู้เขียนนิยายเองเป็นแพทย์และเป็นผู้ให้คำปรึกษาร่วมกับแพทย์คนอื่นๆ จึงไม่แปลกที่ซีรีส์จะได้รับคำชมตั้งแต่อีพีแรกจากฉากถ่ายทำแบบลองเทค ฉากลงมีดผ่าตัด ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลที่ถูกเซ็ตขึ้นมาใหม่ทั้งหมด รวมไปถึงอุปกรณ์ประกอบฉาก รายละเอียดต่างๆ ก็ผ่านการทุ่มเทรีเสิร์ชมา ทำให้สมจริงมากที่สุดบนข้อจำกัดที่มี

อีพีถัดมาจะอยู่กับพล็อตหลักคือการติดอยู่ในลูปเวลา ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ซีรีส์ไม่ซ้ำซากจำเจและเดาทิศทางไม่ได้ง่ายๆ ทุกความเคลื่อนไหวของติณห์เป็น Butterfly Effect ส่งผลกระทบไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายหากไม่จบลงด้วยความตายของต้อล ก็อาจเป็นความตายของคนอื่นอยู่ดี เขาต้องตั้งหลักเริ่มต้นลูปใหม่โดยยังมีความทรงจำจากลูปก่อนติดตัวมา ในด้านหนึ่งมันคือข้อมูลที่ช่วยให้เขาแก้ไขเหตุการณ์ไปทีละเปลาะทั้งในมหาวิทยาลัยและในโรงพยาบาล โดยเฉพาะการต่อกรกับบอสใหญ่อย่างหมอศักดิ์ แต่ขณะเดียวกันก็เท่ากับว่าความรักของเขากับต้อลต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มีบางฉากที่ตัวละครเกิดอาการเดจาวู รู้สึกคุ้นว่าเคยอยู่ในเหตุการณ์นี้มาแล้ว อาจจะเรียกได้ว่าแต่ละลูปเวลาเป็นมัลติเวิร์สหรือจักรวาลคู่ขนาน เมื่อการได้รับโอกาสย้อนไปช่วยชีวิตคน (แบบไฟลต์บังคับ) ได้เปลี่ยนบุคลิกของติณห์คนเดิมที่ถูกเพื่อนอย่างหมอสิงห์นิยามว่าเป็นอิกนอแรนต์ ให้เลิกจมปลักกับอดีตและไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องอยุติธรรมตรงหน้า

แน่นอนว่าตัวเขามีอิทธิพลต่อตัวละครอย่างต้อลและคนอื่นๆ รอบตัว แม้จะไม่ใช่กับทุกคน แต่ติณห์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวจนพฤติกรรมและการกระทำของหลายคนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้

“ชีวิตของคนเรายังพบพานหลายอย่าง มีสุขสมหวัง มีปวดร้าวปนเป”

ต้องชื่นชมองค์ประกอบอีกอย่างที่สำคัญมากๆ คือการนำเพลง อย่าหยุดยั้ง มาทำเวอร์ชันใหม่ประกอบซีรีส์ ร้องโดย โป่ง หิน เหล็ก ไฟ และ ป๊อด โมเดิร์นด็อก ซึ่งเตือนใจได้ดีว่าสุดท้ายเวลาของทุกคนจะเดินต่อไปข้างหน้า ไม่มีลูปให้ย้อนกลับไปเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ที่พลาดพลั้งได้อีก การกระทำของเราในวันนี้ วินาทีนี้ เป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเราเอง ไม่ว่าชีวิตจะต้องเผชิญกับเรื่องดีร้ายอย่างไร

สามารถรับชม ทริอาช The Series ทั้ง 13 EP. ได้ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน AIS PLAY

ตัวอย่าง ทริอาช The Series

ภาพ: TV Thunder

The post ทริอาช The Series ซีรีส์วายที่มอบบทเรียนเรื่องคุณค่าของโอกาส และการกระทำที่กำหนดชะตาชีวิต appeared first on THE STANDARD.

10 กรกฎาคมนี้ เปิดจดหมายและรับฟังเรื่องราวใน Junk Mail จดหมายที่ไม่ถูกเปิด ละครเรื่องใหม่จาก Thai PBS ร่วมกับ TV Thunder นำเสนอเรื่องเล่า 5 เรื่อง 5 รส จากเค้าโครงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคม นำแสดงโดย พล-ศิริพล ศิรินินาทกุล, แปลน-รัฐวิทย์ กิจวรลักษณ์ และ กุ๊กไก่-ภาวดี คุ้มโชคไพศาล

สมทบด้วย ต้นน้ำ-เปี่ยมชล ดำรงสุนทรชัย, ซีนาย-พัสกร ไชยเทพ, กัน-ณภัทร ณ ระนอง, อันดา-กุลฑีรา ยอดช่าง, ป๊อป-ศุภสิทธิ์ ชินวินิจกุล, ปอนด์-ณปรัชญ์ รัตนนิตย์ และ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ฯลฯ

จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจาก ‘ดาม’ เมื่อรายการโทรทัศน์ช่วยเหลือปัญหาเยาวชนที่เขากำกับถูกปิดตัวลงสายฟ้าแลบ เขาตัดสินใจชวนเพื่อนสนิทอย่าง ‘มินิ’ นักสังคมสงเคราะห์ และ ‘ยีน’ นักจิตวิทยาจบใหม่ มาร่วมทีมสร้างรายการขึ้นมาใหม่ เล่าเรื่องราวจากเคสมากมายใน Junk Mail ของรายการที่ปิดตัวไปก่อนหน้า

เมื่อเปลี่ยนแพลตฟอร์มจากโทรทัศน์มาเป็นออนไลน์ ก็ต้องพึ่งพิงตัวเลขของคนดูไม่น้อย มาร่วมติดตามกันว่าพวกเขาจะหาทางออกอย่างไรให้รายการยืนอยู่รอดได้ ท่ามกลางความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นกระบอกเสียงให้กับเยาวชนและคนชายขอบในสังคม

เปิดจดหมายพร้อมกันใน Junk Mail จดหมายที่ไม่ถูกเปิด เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 20.15-21.10 น. ทาง Thai PBS ช่องหมายเลข 3 รับชมย้อนหลังที่แอปพลิเคชัน VIPA และเว็บไซต์ https://vipa.me/

รับชมตัวอย่างได้ที่

ภาพ: ThaiPBS, TV Thunder

อ้างอิง:

• https://program.thaipbs.or.th/watch/149091

The post Junk Mail จดหมายที่ไม่ถูกเปิด ละครจากเค้าโครงจริงในสังคม นำโดย พล ศิริพล, แปลน รัฐวิทย์ และ กุ๊กไก่ ภาวดี appeared first on THE STANDARD.

‘รวมหัวใจแฟนทริอาช เพื่อหัวใจคนไทย’ ทริอาช The Series ซีรีส์วายแนวการแพทย์และแฟนตาซีจาก TV Thunder ชวนคุณมารับชม EP.10 ก่อนใคร พร้อมกับผู้กำกับและนักแสดงทั้ง 9 คน โดยรายได้ทั้งหมดจะไม่มีการหักค่าใช้จ่าย เพื่อนำไปสมทบทุนโครงการผ่าตัดโรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

งานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 19 มิถุนายน 2565 ณ SF World Cinema ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บัตรมีทั้งหมด 3 โซน ได้แก่ โซนสีเหลือง 4,599 บาท / โซนสีฟ้า 1,299 บาท / โซนสีเขียว 799 บาท โดยมีสิทธิประโยชน์แตกต่างกันไปตามโซนที่นั่ง สามารถจองบัตรได้ในวันที่ 11 มิถุนายน เวลา 11.00 น. ทางเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com/

สำหรับรายชื่อนักแสดง 9 คนที่จะมาเข้าร่วมในงานนี้ ได้แก่ เต้-ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์, ตี๋-ธนพล จารุจิตรานนท์, ต้นน้ำ-เปี่ยมชล ดำรงสุนทรชัย, โอ๊บ-ธนดล วงศ์สอาดสกุล, ตี๋มายด์-จิณณะ พิชิตโอภากุล, ฟอร์จูน-ปัณฑิตา คูณทวี (ฟอร์จูน CGM48), ออม-ปุณยวีร์ จึงเจริญ (ออม CGM48), แจ็ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา และ เฟียต-ภัชทา จันทร์เงิน

รายละเอียดที่จะเกิดขึ้นภายในงานมีดังนี้

10.00 น. เปิดลงทะเบียน

10.30 น. เริ่มชม EP.10

11.00 น. พิธีรับมอบเงินบริจาค โดย รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

11.45 น. ถามตอบกับนักแสดง

12.15 น. ถ่ายภาพร่วมกับนักแสดง

ทริอาช The Series โดดเด่นด้วยรายละเอียดความรู้ทางการแพทย์ที่สมจริง ผสมกับพล็อตแฟนตาซี เมื่อแพทย์คนหนึ่งต้องติดอยู่ในลูปเวลาเดิมจนกว่าจะยื้อชีวิตผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินได้สำเร็จ จึงนำไปสู่การค้นพบเรื่องราวไม่ชอบมาพากลภายในโรงพยาบาล พร้อมๆ กับความสัมพันธ์ของเขากับผู้ป่วยคนนั้นที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป

ซีรีส์กำกับการแสดงโดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และ อั้ม-ณัฐพงษ์ อรุณเนตร บทโทรทัศน์โดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, ฐานะมาศ เถลิงสุข, ดวงสมร ท้าวคำลือ ซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายของผู้เขียนนามปากกา Sammon เจ้าของผลงาน พฤติการณ์ที่ตาย และ ส่งร้อน เสิร์ฟรัก ที่เคยนำมาทำเป็นซีรีส์ไปแล้วก่อนหน้านี้

สามารถรับชม ทริอาช The Series ตอนใหม่ได้ทุกวันจันทร์ทาง AIS PLAY เวลา 22.00 น. และทางช่อง 3 กด 33 เวลา 23.00 น.

ภาพ: TV Thunder

อ้างอิง:

• https://twitter.com/tvthunderseries/status/1534143135659372545

The post สมทบทุนโครงการผ่าตัดโรคหัวใจ และดู EP.10 พร้อมผู้กำกับและนักแสดงจาก ทริอาช The Series เปิดจองบัตร 11 มิ.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

“คอนเทนต์แบบ ‘หน่าฮ่าน’ อยู่ๆ เดินไปเสนอ อาจจะไม่ค่อยมีใครสนใจนะ” 

“แต่ด้วยความที่เชื่อใจกัน แพลตฟอร์มเปิดกว้างยอมรับ และพร้อมที่จะพัฒนา เราคนทำจึงมีโอกาสหาของดีๆ มาเติมเต็มตลาด”

เราอยู่ในยุคที่อินเทอร์เน็ตและแพลตฟอร์มสตรีมมิงเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้ชมมีความต้องการและความสนใจในเนื้อหาที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นโอกาสอันดีให้ผู้ผลิตนักทดลองอย่าง TV Thunder มีพื้นที่ในการปล่อยของลองตลาดใหม่

หน่าฮ่านเดอะซีรีส์ คือซีรีส์ลูกอีสานแท้ๆ เล่าเรื่องวัยรุ่นอีสานที่คนทุกภาคเข้าถึงได้ ซึ่งหากมองเผินๆ นี่อาจจะดูเป็นซีรีส์วัยรุ่นธรรมดาๆ กับความรักที่เรียบง่ายบนพื้นหลังของโรงเรียนทั่วไป แต่ในความธรรมดาและเรียบง่าย ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของวัยรุ่นที่ทั้งสดใสด้วยแสงสีของเวทีหมอลำและวัฒนธรรมอีสาน แต่ก็เจ็บปวดด้วยสภาพสังคมที่กดทับพวกเขาเอาไว้ ทั้งความอึดอัดของระบบการศึกษา โอกาสที่ไขว่คว้าได้ยากเย็น และตัวตนที่อาจจะไม่มีใครยอมรับ

เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่แตกต่างและน่าสนใจ จนไม่แปลกใจเลยว่าทำไม TV Thunder ถึงจับมือกับ AIS PLAY เพื่อปลุกปั้นให้ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานชูธง ส่งออกวัฒนธรรมไทยลองตลาดใหม่ ทลายกรอบคอนเทนต์แบบเดิมๆ

THE STANDARD POP มีโอกาสได้พูดคุยกับ จารุพร กำธรนพคุณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการผลิต บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) และคุณรุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ ตำแหน่ง รักษาการ กรรมการผู้จัดการ พันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS เพื่อสำรวจแผนการ สมมติฐาน และสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทดลองแห่งนี้ พร้อมตามหาคอนเทนต์ใหม่ๆ มาเติมเต็มอุตสาหกรรมบันเทิงไทย

ซ้าย: จารุพร กำธรนพคุณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการผลิต บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน)

ขวา: รุ่งทิพย์ จารุศิริพิพัฒน์ ตำแหน่ง รักษาการ กรรมการผู้จัดการ พันธมิตรธุรกิจด้านบันเทิงและคอนเทนต์ AIS

การจับมือกันเพื่อตามหาคอนเทนต์ใหม่ๆ สู่ใจผู้ชม

รุ่งทิพย์: AIS PLAY เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอซึ่งมีกลุ่มคนดูที่ค่อนข้างกว้าง เราจึงต้องมีคอนเทนต์หลากหลายให้ผู้ชมเลือกดู ทั้งกีฬา ซีรีส์ วาไรตี้ และภาพยนตร์ ในรูปแบบ Freemium และ Premium

ด้วยความที่ทุกวันนี้เทรนด์ของการดูคอนเทนต์มาที่ออนไลน์กันเยอะ ทำให้กลุ่มลูกค้ายุคใหม่ รุ่นใหม่ๆ เขาก็ย้ายมาดูแบบ On Demand ตามความสนใจมากขึ้น ทำให้การเสพคอนเทนต์มีการกระจายตัวออกไป

เราจึงพยายามแยกคอนเทนต์ตามกลุ่มของลูกค้า อย่าง Premium เอง ถ้าเข้าไปดูจะเห็นว่ามีทั้งช่องทีวีและกลุ่มแพลตฟอร์มสตรีมมิงอย่าง Disney+ Hotstar, Netflix, VIU ด้วย ในส่วนของการพัฒนาคอนเทนต์ Freemium ก็จะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ลูกค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย สามารถเข้ามาดูฟรีได้เลย โดยในกลุ่มนี้เรามองการซัพพอร์ตหรือจับมือกันกับพาร์ตเนอร์ที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อหาคอนเทนต์ที่มีความนิยม สามารถเข้าถึงคนดูที่เป็นคนไทยจริงๆ ซึ่ง TV Thunder ก็เข้ามาช่วยในส่วนนี้ด้วย

จารุพร: ตั้งแต่ AIS เริ่มทำ AIS PLAY เราก็เป็นพาร์ตเนอร์กันมาตลอด จนถึงวันนี้มันเกินกว่าการเป็นคนทำคอนเทนต์ฟีดให้ช่องแล้ว

คอนเทนต์ที่เราเริ่มพัฒนากันมาตั้งแต่แรกสะท้อนให้เห็นความสนใจของกลุ่มผู้ชมที่เป็นฐานใหญ่ของประเทศนี้ อย่างเช่น Take Me Out Reality เราทำมาตั้งแต่ปีแรกที่เริ่ม AIS PLAY เป็น Reality แบบไทยอันแรก และเป็น Dating Reality อันเดียวที่ยังอยู่จนถึงตอนนี้ซีซันที่ 5

ล่าสุดใน 1 ปีที่ผ่านมา ยอดวิวเกิน 10 ล้านไปแล้ว รายการนี้ก็สะท้อนจริงๆ ว่ากลุ่มผู้ชมชอบคอนเทนต์แบบไหน เพราะฉะนั้นคงต้องบอกว่าเรากับ AIS PLAY พยายามหาแนวทางที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้ชมชอบ พัฒนาคุณภาพให้ทัน แล้วก็ตอบรับกับสิ่งที่เขาอยากดู 

ความอยากลองของ AIS PLAY และความอยากทำของ TV Thunder

รุ่งทิพย์: ส่วนตัว AIS PLAY ไม่ได้ถนัดทำคอนเทนต์ แต่เราเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถเข้าถึงคนไทยได้เกินครึ่งประเทศ ถามว่าทำอย่างไรให้คนดู สิ่งที่เราเชื่อมั่นคือพาร์ตเนอร์ในการทำคอนเทนต์ ซึ่ง TV Thunder เป็นอีกเจ้าหนึ่งที่เห็นฝีไม้ลายมือมาตลอด ในการคัดเลือกทั้งคอนเทนต์ นักแสดง เส้นเรื่อง และผลงานกับเราที่ผ่านมาก็มียอดคนดูติด Top 5 มาตลอด เพราะฉะนั้นเวลาคุณจารุพรมาขายของอะไร นอกจากเราเชื่อใจแล้ว เราก็มีเนเจอร์ของความอยากลองด้วย ก็คือเรายินดีจะร่วมทดลองไปด้วยกัน

จารุพร: จนถึงปีนี้ AIS PLAY มีสิ่งที่เรียกว่า AIS PLAY Original คือการทำซีรีส์ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ AIS PLAY จริงๆ สิ่งที่ TV Thunder เข้าไปเป็นพาร์ตเนอร์ก็คือเราช่วยมองหาสิ่งที่ตลาดไทยและตลาดต่างประเทศต้องการ 

ในปีนี้ TV Thunder กับ AIS PLAY จะดัน AIS PLAY Original ทั้งหมด 2 เรื่องด้วยกัน คือ หน่าฮ่านเดอะซีรีส์ เป็นซีรีส์อีสานแท้ๆ ที่กำลังออกอากาศอยู่ตอนนี้ กับอีกเรื่องคือ Triage (ทริอาช) ซึ่งจะออกอากาศต่อจาก หน่าฮ่าน ในเดือนเมษายน

นอกจากการหาคอนเทนต์ใหม่ๆ แล้ว เราก็ยังช่วยผลักดันให้ทั้ง 2 เรื่องนี้ขายได้ในตลาดต่างประเทศด้วย ตอนนี้ประเทศที่จะฉายพร้อมๆ กันกับเราคือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง 2 เรื่องก็จะไปอยู่ในแพลตฟอร์มอันดับ 1 ของญี่ปุ่นเหมือนกัน 

ฉะนั้นสิ่งที่บอกก็คือตอนนี้เราอยากให้คอนเทนต์สัญชาติไทยมีพื้นที่บนตลาดคอนเทนต์โลก พวกเราอยากให้ต่อไปนี้คนดูซีรีส์ทั่วโลกแล้วเห็นโลโก้ AIS PLAY Original เห็นโลโก้ TV Thunder มันคือคอนเทนต์สัญชาติไทยที่ได้มาตรฐานและตรงความต้องการของตลาดโลก

หน่าฮ่าน และ ทริอาช ตัวแทนทีมชาติจาก TV Thunder สู่เวทีโลก

จารุพร: ในฐานะคนทำคอนเทนต์แล้วเราอยากทำคอนเทนต์ที่อยู่บนเวทีโลกได้ ซึ่งมันทำแค่ไม่กี่อย่างไม่ได้ เราก็เชื่อว่าคนดูยุคนี้เขาไปหาตลาดสตรีมมิงต่างประเทศเพราะมีทางเลือกให้ดูเยอะกว่า มีซีรีส์หมอ มีซีรีส์นักสืบ มีซีรีส์ฆาตกรรมอื่นๆ อีกเยอะแยะ ซึ่งเป้าของเราก็คือการมองหาสิ่งที่กลุ่มคนดูต้องการ

จารุพร: เมื่อปี 2562 มันมีหนังไทยเรื่องหนึ่งชื่อเรื่องว่า หน่าฮ่าน เป็นหนังนอกกระแส แล้วก็เป็นหนังทุนน้อย แต่ว่าวันแรกที่เราได้เห็น Trailer เรื่องนี้ เราก็รู้สึกว่ามันมีเอกลักษณ์ มีความโดดเด่น และกำกับโดยลูกชาวนาที่เป็นคนอีสาน นักแสดงเป็นนักแสดงหน้าใหม่หมด แต่ทุกคนจริงมาก แล้วก็รู้สึกว่าเราควรมีคอนเทนต์อย่างนี้ในยุคที่ตลาดคอนเทนต์กำลังเติบโตแต่สื่อกระแสหลักมีรูปแบบของคอนเทนต์แค่ไม่กี่อย่าง 

เรามองว่า Soft Power แบบไทยที่จะไปเมืองนอกได้ อีสานน่าจะเป็นตัวแทนทีมชาติได้ดีที่สุด ทั้งในแง่เรื่องดนตรีอีสานที่สนุกเข้าถึงง่ายแต่มีอัตลักษณ์ ถ้าคนฟังดนตรีก็จะรู้ว่าดนตรีอีสานถูกเบลนด์เข้าดนตรีทั่วโลกได้แล้ว ฉะนั้นเราจึงคิดว่าเรื่องนี้น่าจะทำได้ ก็เลยพัฒนา หน่าฮ่าน มาตั้งแต่ตอนนั้น

อีกโจทย์ที่ยากสำหรับเราคือเรื่อง Triage (ทริอาช) ซีรีส์แนว Medical Drama ที่ผสมกลิ่นอาย Fantasy เป็นซีรีส์ Boy’s Love แบบที่ขายเส้นเรื่องหลักของการเป็นแพทย์ ที่เรียกว่าหนักหนาสาหัส เพราะเรื่องราวของตัวเอกเป็นแพทย์ในห้องฉุกเฉิน ที่วันหนึ่งต้องเจอกับสภาพห้องฉุกเฉินที่เรียกได้ว่าเยินสุดๆ หนึ่งในนั้นคือเคสของนักศึกษาหนุ่มที่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์พร้อมๆ กับลุงขับซาเล้งคู่กรณีที่อาการสาหัสเป็นทริอาชสีแดง แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตทั้ง 2 คนไว้ได้ ด้วยความเป็นหมอจึงเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้ เขาลงเวรและกลับไปห้องพักแพทย์ตามปกติ แต่เมื่อตื่นขึ้นมากลับพบว่า เอ้า!! มันเป็นวันเดิม เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำไปซ้ำมา เขาจึงรู้ว่าตัวเองติดอยู่ในลูปเวลา และหนทางเดียวที่เขาจะหลุดจากลูปนี้ได้คือการช่วยชีวิตนักศึกษาหนุ่มให้รอด!

ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขายตลาดต่างประเทศได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำโปรดักชัน ทั้งหมดนี้คงต้องบอกว่าเป็นความเชื่อถือที่ตลาดโลกมีให้กับชื่อ AIS PLAY และ TV Thunder นี่คือความร่วมมือกันใน Next Step พยายามทำให้ AIS PLAY Original อยู่ได้ในเวทีโลก 

หน่าฮ่าน ซีรีส์ Coming of Age วัยรุ่นอีสานที่เข้าถึงเด็กกลางๆ ได้ทุกภาค

จารุพร: เราอยากทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีบางอย่างที่มีมิติเชิงสังคมมากขึ้น แล้วนำเสนอผ่านซีรีส์ Coming of Age ของวัยรุ่นอีสาน 

ที่น่าแปลกก็คือซีรีส์ในเมืองไทย 95% หรือ 99% ถูกถ่ายทำในกรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องของคนในกรุงเทพมหานคร โรงเรียนที่ถูกนำเสนอเป็นแบ็กกราวด์ในเรื่องส่วนหนึ่งเป็นโรงเรียนที่พวกเราไม่คุ้นเลย เป็นโรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ ใส่เครื่องแบบที่เราไม่คุ้น ในขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศคุ้นกับการศึกษาแบบนี้ บรรยากาศโรงเรียนแบบนี้ มันเกิดคำถามว่าทำไมเราไม่ทำซีรีส์ที่เป็นของเขาจริงๆ บ้าง เป็นเรื่องราวที่คนดูรู้สึกได้จริงๆ 

ในเนื้อหาก็มีเรื่องการศึกษาหลายๆ อย่างแทรกเข้าไปด้วย สิ่งที่เราอยากเล่าก็คือชีวิตวัยรุ่น ความเป็นหนุ่มสาวที่มีพลัง แต่ด้วยระบบการศึกษาสังคมไทยถูกมองว่า เด็กดี คือเด็กที่เรียนได้ดีในการศึกษาภาคบังคับ แต่ว่าอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป มันมีอีกหลายทางเลือก แต่เราดันไม่ค่อยมีทางเลือกให้เขา 

เรื่องของเด็กวัยรุ่น เราว่ามัน Universal นะ มันเป็นเรื่องที่เด็กทั่วโลกรู้สึกเหมือนกันหมดกับความอึดอัดกับระบบบางอย่างที่ถูกวางไว้ ทำให้เขาไม่ได้มีทางเลือกเยอะมากนัก เราเชื่อว่าเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมจิตวิญญาณแห่งการเรียนรู้ของเขาเอง แล้วเราก็เชื่อว่าแต่ละคนมีวิธีการเข้าถึงความรู้ที่ต่างกัน แต่โลกและการศึกษาภาคบังคับในปัจจุบันบอกว่ามันมีอยู่ไม่กี่แบบ ต้องแบบนี้ เด็กดีคือเด็กที่เรียนได้ดี เด็กเกเรคือคนที่สังคมต้องจับตา แล้วทอดทิ้งเด็กกลางๆ ไว้ข้างหลัง

จาก 2 ตอนที่ออนแอร์ไปก็ได้รับกระแสตอบรับดีมากๆ ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 บนทวิตเตอร์ได้ทั้งสองตอน คนดูส่วนใหญ่ก็ชมว่าเรื่องนี้มีความแตกต่างจากที่เขาเคยๆ ดูมา และเนื้อหาที่เล่าก็เชื่อมกับตัวเขา เหมือนกับประสบการณ์ที่เขาเจอมาในชีวิตจริง 

ตัวอย่าง หน่าฮ่านเดอะซีรีส์

จุดเริ่มต้นอุตสาหกรรมบันเทิงที่ต้องโตไปพร้อมกัน

จารุพร: ช่วงนี้มีคนตั้งคำถามเยอะว่าอุตสาหกรรมนี้ไม่โตเพราะอะไร เพราะนักแสดง เพราะคนเขียนบท เพราะเงินทุน เพราะอะไรก็ตามที่ทำให้อุตสาหกรรมไม่โตหรือสู้การแข่งขันในระดับโลกไม่ได้ แต่ว่าในฐานะคนทำเราว่าต้องทั้งระบบนะ เราต้องไปถึงจุดนั้นด้วยกัน 

อย่างคอนเทนต์แบบ ‘หน่าฮ่าน’ อยู่ๆ เดินไปเสนอ อาจจะไม่ค่อยมีใครสนใจนะ หนึ่งคือนักแสดง 90% เป็นนักแสดงใหม่หมดเลย ไม่เคยมีผลงาน แต่เราก็ยังเชื่อว่าเขาเล่นไม่ได้ แล้วทุกอย่างก็พิสูจน์ว่าเขาเล่นได้ ในขณะที่วันนี้ซีรีส์ใหม่ๆ มักจะเลือกนักแสดงจากความนิยม ซึ่งไม่ได้การันตีว่าเขาจะเล่นได้ ถ้าเราไม่เจอคนที่เข้าใจ คุณศิวพรก็คงถามแล้วว่าคนนี้ใครหรอ ทำไมเลือกคนนี้ แต่ด้วยความที่เชื่อใจกัน แพลตฟอร์มเปิดกว้างยอมรับและพร้อมที่จะพัฒนา เราคนทำจึงมีโอกาสหาของดีๆ มาเติมเต็มตลาด 

เส้นทางในอนาคตของ AIS Play และ TV Thunder

รุ่งทิพย์: ปัจจุบันตลาดสตรีมมิงในไทยมีมูลค่ากว่าพันล้านบาท ซึ่งเราเองเติบโตต่อเนื่องจากปีที่แล้วมาประมาณ 30% ซึ่งถือว่าเยอะมาก 

ตอนนี้เราก็พยายามปรับปรุงในมุมของนวัตกรรมมากขึ้น อย่าง AIS 5G PLAY VR ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเกี่ยวกับคอนเทนต์ AR และ VR ที่ใหม่มาก มันอาจจะไม่ได้ทำเงินหรอกแต่เรามองว่าเป็นสิ่งที่เราอยากลองทำ เพื่อพัฒนาให้ตลาดเห็นแนวทางในอนาคต ส่วนในเรื่องคอนเทนต์เองจริงๆ เราก็พร้อมปรับอยู่ตลอดเหมือนกัน อาจจะไม่ใช่ในมุมของนวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยี แต่อาจจะเป็นด้านของเส้นเรื่อง เนื้อหา การทำโปรดักชัน แล้วใช้เทคโนโลยีที่เรามีมาเสริมกันดู สมัยนี้ต้องลองไปเรื่อยๆ จะอยู่กับที่ไม่ได้ 

จารุพร: ตอนนี้เราค่อนข้างสนใจซีรีส์แบบ Slice of Life (ซีรีส์ที่เล่าเรื่องชีวิตธรรมดาๆ) เพราะการมาของ ‘What Did You Eat Yesterday?’ ซีรีส์จากต่างประเทศที่พูดเรื่องทั่วไปของชีวิตคนเราแล้วตลาดโลกให้ความสนใจ คนดูกันเยอะมากๆ

เราจึงอยากให้คอนเทนต์แบบนี้มีพื้นที่ในตลาดกระแสหลักบ้านเรามากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าเด็กยุคนี้มีความหลากหลาย เขาต้องการเสพเรื่องที่หลากหลาย การที่ซีรีส์แบบ Slice of Life ได้รับความนิยม แปลว่าจากนี้ซีรีส์ไม่จำเป็นต้องเข้มข้นด้วยความรักแบบเดิมๆ หรือต้องมีความผิดหวัง แต่สามารถเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ใครก็เข้าถึงได้ เรื่องราวแบบนี้จึงเป็นเรื่องราวอีกแบบที่เราสนใจจะทำและเลือกซื้อลิขสิทธิ์เข้ามา

การมาของสตรีมมิงทำให้เรามีวิธีในการนำเสนอเรื่องใหม่ๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาชีพต่างๆ การพูดถึงประเด็นทางสังคม การเมือง รวมถึงเรื่องแนวอื่นๆ ที่ท้าทาย ไม่ต้องติดอยู่ในกรอบของช่องทีวีที่มีกฎเกณฑ์ เป้าหมายของเราก็คือทำคอนเทนต์ใหม่ๆ และหลากหลายให้กับผู้ชมในอนาคต

รับชม AIS PLAY Original เรื่อง หน่าฮ่านเดอะซีรีส์ ผลิตโดย TV Thunder ได้ทาง AIS PLAY ดูฟรีทุกเครือข่าย ทุกวันจันทร์ เวลา 22.00 น. และทางช่อง 3HD กด 33 เวลา 23.00 น.

บทความที่เกี่ยวข้อง:

• หน่าฮ่านเดอะซีรีส์ ได้เวลาจับจองพื้นที่ แล้ววาดลวดลายหน้าเวทีหมอลำไปพร้อมกันทางช่อง 3 และ AIS PLAY

The post หน่าฮ่าน ชีวิตเด็กกลางๆ ในห้องทดลอง คอนเทนต์คุณภาพจาก TV Thunder และ AIS PLAY [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.