Truong My Lan – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 12 Apr 2024 09:29:28 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 นักธุรกิจอสังหาเวียดนามเผชิญโทษประหารชีวิต หลังศาลตัดสินคดีฉ้อโกงมูลค่า 4 แสนล้านบาท https://thestandard.co/truong-my-lan-sentenced-death/ Fri, 12 Apr 2024 09:29:28 +0000 https://thestandard.co/?p=922341 นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เวียดนาม ถูกตัดสินโทษ ประหารชีวิต

สื่อทางการของเวียดนามรายงานว่า Truong My Lan นักธุรกิจด […]

The post นักธุรกิจอสังหาเวียดนามเผชิญโทษประหารชีวิต หลังศาลตัดสินคดีฉ้อโกงมูลค่า 4 แสนล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เวียดนาม ถูกตัดสินโทษ ประหารชีวิต

สื่อทางการของเวียดนามรายงานว่า Truong My Lan นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ถูกศาลในนครโฮจิมินห์ตัดสินโทษประหารชีวิต ด้วยข้อหายักยอกทรัพย์สินมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4 แสนล้านบาท) ซึ่งถือเป็นคดีฉ้อโกงทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

 

ศาลระบุในคำตัดสินว่า My Lan วัย 67 ปี ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงและส่งผลกระทบอย่างหนัก โดยไม่มีความเป็นไปได้ในการกู้คืนเงินที่สูญหาย การกระทำของเธอยังสั่นคลอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐ

 

My Lan ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Van Thinh Phat Group ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานติดสินบน ยักยอกทรัพย์ และใช้อำนาจในทางที่ผิด หลังจากการพิจารณาคดีที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว โดย My Lan ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ทนายความของเธอยืนยันว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน

 

My Lan ถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินจำนวน 304 ล้านล้านดองเวียดนาม (1.2 หมื่นล้านดอลลาร์) จากธนาคาร Saigon Joint Stock Commercial Bank (SCB) โดยใช้บริษัทนอมินีกว่า 1,000 แห่งในการกู้เงิน และจ่ายสินบนหลายล้านดอลลาร์ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง

 

นอกเหนือจาก My Lan แล้วยังมีผู้ต้องหาอีก 85 คนในคดีนี้ ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางด้วย ทางการระบุว่า SCB ได้ปล่อยกู้มูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท) ให้กับ Van Thinh Phat และบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ My Lan ระหว่างปี 2012-2022 คิดเป็น 93% ของยอดสินเชื่อทั้งหมดที่ธนาคารปล่อยออกมา SCB ถูกธนาคารกลางเข้าควบคุมกิจการหลังจาก My Lan ถูกจับกุม

 

ข้อกล่าวหาทุจริตต่อ My Lan ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามคอร์รัปชันครั้งใหญ่โดยพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งส่งผลให้การอนุมัติโครงการของรัฐบาลล่าช้า และสร้างความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

 

ในเดือนมีนาคม Vo Van Thuong ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเวียดนามหลังจากดำรงตำแหน่งเพียงปีเดียว จากเหตุ ‘การละเมิด’ และ ‘ข้อบกพร่อง’ ที่ไม่ระบุรายละเอียด ก่อนหน้านี้ Nguyen Xuan Phuc ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีก่อนหน้า Thuong ได้ลาออกในเดือนมกราคม 2566 ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนตำแหน่งสำคัญของรัฐบาลที่ส่งผลให้รองนายกรัฐมนตรีสองคนพ้นจากตำแหน่งเช่นกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลหลายร้อยคนถูกจับกุมจากการปราบปรามนี้

 

การที่รัฐบาลขยายขอบเขตการตรวจสอบมาถึงภาคเอกชนได้เพิ่มความไม่แน่นอนเข้าไปอีก การจับกุม My Lan ในปี 2565 ก่อให้เกิดการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์และการออกตราสารหนี้ภาคเอกชน 

 

ทั้งนี้ My Lan มาจากหนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดของเวียดนาม และเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต นับตั้งแต่เริ่มมีการปราบปราม

 

เวียดนามเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางชั้นนำของบริษัทข้ามชาติที่กำลังกระจายฐานการผลิตออกจากจีน ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.66 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท) ในปีที่แล้ว 

 

แต่การปราบปรามคอร์รัปชันกลับลดทอนเสน่ห์บางส่วนของเวียดนามลง ขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐลังเลที่จะอนุมัติใบอนุญาตและโครงการต่างๆ เพราะเกรงว่าจะถูกตรวจสอบ จนนำไปสู่สิ่งที่นักวิเคราะห์เรียกว่า ‘ภาวะอัมพาตของระบบราชการ’

 

อ้างอิง:

The post นักธุรกิจอสังหาเวียดนามเผชิญโทษประหารชีวิต หลังศาลตัดสินคดีฉ้อโกงมูลค่า 4 แสนล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลเวียดนามตัดสินประหารชีวิตเจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์ ฐานฉ้อโกงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ https://thestandard.co/vietnam-court-truong-my-lan-sentenced-to-death/ Fri, 12 Apr 2024 05:47:57 +0000 https://thestandard.co/?p=922222 Truong My Lan

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (11 เมษายน) ศาลในนครโฮจิมินห์ […]

The post ศาลเวียดนามตัดสินประหารชีวิตเจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์ ฐานฉ้อโกงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Truong My Lan

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (11 เมษายน) ศาลในนครโฮจิมินห์ซิตี้สั่งตัดสินประหารชีวิต Truong My Lan เศรษฐินีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชาวเวียดนาม ฐานฉ้อโกงเงินจากธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเป็นเวลายาวนานถึง 11 ปี โดยคดีนี้ถือเป็นคดีที่ฮือฮาที่สุดคดีหนึ่งในเวียดนาม และยังเป็นหนึ่งในการฉ้อโกงทางธนาคารครั้งใหญ่ที่สุดของโลกเลยทีเดียว 

 

คำพิพากษาดังกล่าวเกิดขึ้นไม่บ่อยในเวียดนาม โดย Truong My Lan เป็นสตรีเพียงไม่กี่คนในเวียดนามที่ถูกตัดสินประหารชีวิตจากคดีอาชญากรรมคอปกขาว (White Collar Crime) หรืออาชญากรรมซึ่งผู้กระทำผิดใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตน

 

รายละเอียดของคดี

 

Truong My Lan วัย 67 ปี ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงเงินกู้มูลค่ารวม 44,000 ล้านดอลลาร์ (1.6 ล้านล้านบาท) จากธนาคารพาณิชย์ไซ่ง่อน (Saigon Commercial Bank) โดยศาลสั่งให้เธอคืนเงินจำนวน 27,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่อัยการไม่เชื่อว่าจะสามารถเรียกคืนจากเธอได้ ขณะที่นักวิจารณ์บางรายเชื่อว่า โทษประหารชีวิตเป็นวิธีการของศาลในการเรียกคืนเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากเธอ 

 

เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเปิดเผยรายละเอียดของคดีนี้แก่สื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานได้ทั้งหมด 104 กล่อง คิดเป็นน้ำหนักรวมถึง 6 ตัน นอกจากนี้มีการเรียกบุคคลจำนวน 2,700 คนเพื่อมาให้การเป็นพยาน ขณะที่พนักงานอัยการ 10 คน และทนายความประมาณ 200 คนมีส่วนร่วมกับคดีนี้ 

 

นอกจาก Truong My Lan แล้ว ยังมีอีก 85 คนถูกพิจารณาคดี ซึ่งทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหาและสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ โดยในบรรดาจำเลยทั้งหมดนั้น 4 คนถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนที่เหลือได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 20 ปี ถึง 30 ปีรอลงอาญา ขณะที่สามีและหลานสาวของเธอถูกตัดสินจำคุก 9 และ 17 ปี ตามลำดับ

 

ผลจากการปราบคอร์รัปชันของพรรคคอมมิวนิสต์

 

“ไม่เคยมีการพิจารณาคดีแบบนี้มาก่อนเลยในยุคคอมมิวนิสต์” เดวิด บราวน์ อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานในเวียดนามกล่าว

 

การพิจารณาคดีถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าตื่นตะลึงที่สุดในการรณรงค์ต่อต้านการทุจริต ‘Blazing Furnaces’ ซึ่งนำโดย เหงียน ฟู้ จ่อง (Nguyen Phu Trong) เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ผู้มีความเชื่อว่า ความโกรธแค้นของประชาชนต่อการคอร์รัปชันที่ไร้ศีลธรรมก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อการผูกขาดอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ เขาเริ่มรณรงค์การปราบปรามคอร์รัปชันอย่างจริงจังในปี 2016 หลังจากได้นั่งเก้าอี้เป็นผู้นำพรรคอีกสมัย โดยเอาชนะนายกรัฐมนตรีเวียดนามในเวลานั้นที่มีนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจ

 

การเดินหน้าปราบปรามดังกล่าวส่งผลให้ประธานาธิบดี 2 คน และรองนายกรัฐมนตรี 2 คนต้องลาออกจากตำแหน่ง เจ้าหน้าที่หลายร้อยคนถูกลงโทษทางวินัยหรือจำคุก และผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของประเทศถือเป็นรายล่าสุด

 

ใครคือ Truong My Lan

 

Truong My Lan มาจากครอบครัวเวียดนามเชื้อสายจีนในโฮจิมินห์ซิตี้ หรือไซ่ง่อนเดิม ซึ่งเป็นเมืองการค้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนามมายาวนาน ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยที่ไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวงต่อต้านคอมมิวนิสต์ของเวียดนามใต้ โดยมีชุมชนชาวจีนกลุ่มใหญ่ตั้งรกรากอยู่ที่เมืองนี้

 

เธอเริ่มต้นจากการเป็นแม่ค้าแผงลอยขายเครื่องสำอางกับแม่ของเธอ ต่อมาเธอเริ่มซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์เข้าสู่ยุคของการปฏิรูปเศรษฐกิจที่เรียกว่า Doi Moi ในปี 1986 และในช่วงทศวรรษ 1990 เธอเป็นเจ้าของโรงแรมและร้านอาหารจำนวนมาก 

 

แม้ในสายตาต่างประเทศ เวียดนามเป็นฐานการผลิตที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในฐานะห่วงโซ่อุปทานทางเลือกนอกเหนือจากจีน แต่แท้จริงแล้วเศรษฐีเวียดนามส่วนใหญ่สร้างฐานะจากการพัฒนาและเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ เนื่องด้วยที่ดินทั้งหมดในเวียดนามถือเป็นของรัฐ การเข้าถึงที่ดินเหล่านั้นจึงมักต้องอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขณะที่การคอร์รัปชันรุนแรงขึ้นเมื่อเศรษฐกิจยิ่งเติบโต

 

ภายในปี 2011 เธอก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจหญิงที่มีชื่อเสียงในโฮจิมินห์ซิตี้ เธอได้รับอนุญาตให้ดำเนินการควบรวมกิจการธนาคารขนาดเล็ก 3 แห่งที่มีปัญหาด้านเงินสด ให้กลายเป็นธนาคารขนาดใหญ่อย่าง ธนาคารพาณิชย์ไซ่ง่อน หรือ Saigon Commercial Bank (SCB)

 

กฎหมายเวียดนามห้ามมิให้บุคคลใดถือหุ้นเกิน 5% ในธนาคาร แต่เธอกลับถือหุ้นในธนาคารพาณิชย์ไซ่ง่อนมากกว่า 90% ผ่านทางนอมินีและบริษัทที่ไม่ได้มีการประกอบกิจการจริง (Shell Company) หลายร้อยแห่ง

 

อัยการกล่าวหาว่าเธอใช้อำนาจจากการถือหุ้นส่วนใหญ่ในธนาคารแต่งตั้งคนของเธอเองเป็นผู้จัดการ จากนั้นสั่งให้พวกเขาอนุมัติเงินกู้หลายร้อยรายการให้กับเครือข่ายของบริษัทที่เธอควบคุม โดยรายงานระบุว่า เงินกู้ยืมของเธอคิดเป็น 93% ของสินเชื่อทั้งหมดของธนาคาร

 

จากการเปิดเผยของอัยการนั้น ตลอดระยะเวลา 3 ปีนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2019 เธอสั่งให้คนขับรถถอนเงินดองเวียดนามจำนวน 108 ล้านล้านดองจากธนาคาร ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเงินสดมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ และเก็บไว้ในห้องใต้ดินของเธอ โดยเงินสดจำนวนมากนั้น แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นธนบัตร แต่ก็มีน้ำหนักรวมกันมากถึง 2 ตัน

 

นอกจากนี้ เธอยังถูกกล่าวหาว่าติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ โดยอดีตหัวหน้าผู้ตรวจสอบของธนาคารกลางถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิตจากการรับสินบน 5 ล้านดอลลาร์

 

การทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึก

 

อย่างไรก็ดี ยังคงมีคำถามว่า เหตุใด Truong My Lan จึงสามารถรอดพ้นจากคดีฉ้อโกงมาได้ยาวนานขนาดนี้ ทั้งที่หลักฐานค่อนข้างชัดเจน

 

“ฉันงงมาก” เลอ หง เฮียป (Le Hong Hiep) ผู้บริหารโครงการเวียดนามศึกษาที่สถาบัน ISEAS – Yusof Ishak Institute ในสิงคโปร์กล่าว

 

“มันไม่ใช่ความลับ เป็นที่ทราบกันดีในตลาดว่า เธอและกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Van Thinh Phat ของเธอใช้ธนาคารพาณิชย์ไซ่ง่อนเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมากในทำเลที่ยอดเยี่ยมที่สุด

 

“เห็นได้ชัดว่าเธอต้องรับเงินจากที่ไหนสักแห่ง แต่แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องปกติ ธนาคารพาณิชย์ไซ่ง่อนไม่ใช่ธนาคารเดียวที่ถูกใช้ในลักษณะนี้ บางทีรัฐบาลอาจมองไม่เห็นเพราะมีกรณีที่คล้ายกันมากมายในตลาด” 

 

เดวิด บราวน์ เชื่อว่า เธอได้รับการคุ้มครองจากบุคคลผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งครอบงำธุรกิจและการเมืองในโฮจิมินห์ซิตี้มานานหลายทศวรรษ  

 

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วในเวียดนามย่อมหมายถึงการคอร์รัปชันที่เพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากต่อสู้กับการทุจริตมากเกินไป กิจกรรมทางเศรษฐกิจจำนวนมากก็อาจได้รับผลกระทบ 

 

“นั่นคือความย้อนแย้ง” เลอ หง เฮียป กล่าว “การเติบโตของเวียดนามพึ่งพาการทุจริตมาเป็นเวลานาน การทุจริตเป็นน้ำมันที่ทำให้เครื่องจักรทำงานได้ หากพวกเขาหยุดให้น้ำมัน สิ่งต่างๆ อาจไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป”

 

ภาพ: AFP

อ้างอิง:

The post ศาลเวียดนามตัดสินประหารชีวิตเจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์ ฐานฉ้อโกงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิกฤตยังไม่จบ! ผู้จัดการกองทุนแนะเลือกหุ้นเวียดนามเป็นรายตัวแทนซื้อดัชนี หลังภาคอสังหาเบี้ยวหนี้ https://thestandard.co/vietnam-real-estate-debt-crisis-2/ Thu, 23 Feb 2023 08:13:30 +0000 https://thestandard.co/?p=754441

ดัชนีหุ้นเวียดนามเมื่อปี 2022 ดิ่งลงประมาณ 35% ล้างภาพข […]

The post วิกฤตยังไม่จบ! ผู้จัดการกองทุนแนะเลือกหุ้นเวียดนามเป็นรายตัวแทนซื้อดัชนี หลังภาคอสังหาเบี้ยวหนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ดัชนีหุ้นเวียดนามเมื่อปี 2022 ดิ่งลงประมาณ 35% ล้างภาพของตลาดหุ้นที่เคยเติบโตดีมาตั้งแต่ต้นปี 2020 จนขึ้นไปสู่จุดพีคในช่วงปลายปี 2021 

 

แม้ว่าหุ้นเวียดนามจะดิ่งลงอย่างรุนแรงจนทำให้นักลงทุนจำนวนมากมองว่าเป็นโอกาสของการเข้า ‘ช้อนซื้อ’ ทำให้ดัชนี VN30 บวกขึ้นมาราว 12% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา จาก 1,005 จุด ไปแตะระดับ 1,142 จุด แต่หลังจากนั้นดัชนีกลับดิ่งกว่า 100 จุด มาสู่ระดับ 1,025 จุดในเวลานี้ ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ติดลบมากที่สุดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ปัจจัยลบที่เข้ามากดดันตลาดหุ้นเวียดนาม ซึ่งเป็นปัจจัยต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีก่อนประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ตามมุมมองของ พสุวุฒิ วิไลนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ 

 

  1. การปราบปรามคอร์รัปชัน
  2. การขาดสภาพคล่องของบริษัทอสังหาริมทรัพย์
  3. สภาพคล่องในตลาดที่ลดลงจากดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้น 

 

พสุวุฒิกล่าวต่อว่า ปัญหาเหล่านี้นักลงทุนรับรู้มาระยะหนึ่งแล้ว อย่างกรณีของ No Va Land ที่มีปัญหาสภาพคล่อง หรือการที่ Truong My Lan เศรษฐีด้านอสังหาของเวียดนามที่ถูกจับกุมตั้งแต่ปีก่อน นำมาสู่การเร่งปราบปรามคอร์รัปชัน และทำให้สภาพคล่องของอุตสาหกรรมอสังหาเริ่มตึงตัว ส่วนหนึ่งเพราะการสั่งห้ามบริษัทอสังหาออกขายหุ้นกู้ใหม่ 

 

นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางเวียดนามตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยรวดเดียว 2% จนทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากพุ่งขึ้นถึง 9% ทำให้นักลงทุนจำนวนมากดึงเงินออกไปจากตลาดหุ้น และอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นยังทำให้ต้นทุนการเงินของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นมาก 

 

“สำหรับฟองสบู่อสังหาของเวียดนามเรียกได้ว่าแตกไปแล้ว โดยเฉพาะโครงการบ้านราคาแพงซึ่งถูกเข้ามาเก็งกำไร หลายแห่งกลายเป็นเมืองร้าง” 

 

อย่างไรก็ตาม แนวทางของรัฐบาลเวียดนามต่อปัญหาที่เกิดขึ้นจะเป็นการปล่อยให้บริษัทที่มีปัญหาล้มละลายไป หรือหากไม่ล้มก็จะเป็นการบังคับขายที่ดินหรือสินทรัพย์เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ อย่างกรณีของ No Va Land น่าจะถูกธนาคารพาณิชย์รุมยึดสินทรัพย์

 

คำถามสำคัญที่ตามมาคือ วิกฤตภาคอสังหาจะลุกลามหรือไม่ 

 

“เชื่อว่าแบงก์ที่ไม่ได้ปล่อยกู้ในสัดส่วนที่มากให้กับบริษัทที่มีปัญหา น่าจะโดนผลกระทบเพียงเล็กน้อย ส่วนแบงก์ที่ปล่อยมากจะเห็นตัวเลข NPL พุ่งขึ้นแน่นอน 

 

“กรณีเลวร้ายสุดของปัญหาที่เกิดขึ้นคือ รายย่อยที่มีสินเชื่อบ้านเริ่มรู้สึกกังวลว่าตลาดอสังหาน่ากลัว จนนำไปสู่การหยุดจ่ายคืนเงินต้น และนำไปสู่หนี้เสียจำนวนมาก แต่ส่วนตัวมองว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดน้อย” 

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มอสังหาและกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คิดเป็นสัดส่วนต่อเศรษฐกิจเวียดนามราว 40% และ 30% ตามลำดับ ทำให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนในเวียดนามจะถูกกดดัน และทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามอาจจะไม่ได้ถูกอีกต่อไป 

 

หลังจากนี้นักลงทุนที่จะเข้าซื้อหุ้นเวียดนามจะต้องเลือกหุ้นเป็นรายตัวมากขึ้น แทนที่จะซื้อดัชนีอย่างช่วงก่อนหน้านี้ หรือหากใครที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมก็ควรเลือกกองทุน Active มากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนที่มีน้ำหนักของหุ้นอสังหาไม่มาก 

 

“อย่างกองทุน Private Fund ที่เราบริหารอยู่ อย่างกลุ่มแบงก์จะเลือกลงทุนเพียง 2-3 แบงก์ที่ดีจริงๆ จากทั้งหมด 20 กว่าแบงก์ ปีนี้ต้องเลือกมากขึ้นถึงระดับนี้” 

 

พสุวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับหุ้นกลุ่มอสังหาน่าจะซึมลงไปทั้งกลุ่ม โดยอาจจะมีบางกลุ่มที่เน้นขายบ้านในราคาที่คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ เช่น 1-3 ล้านบาท ยังเป็นกลุ่มที่พอไปได้ ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคยังดีอยู่ ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์จะเป็นโอกาสลงทุนถ้าเลือกหุ้นได้ถูกตัว 

 

“จุดตายของเวียดนามคือเรื่องดอกเบี้ย ถ้าเริ่มลดดอกเบี้ยได้เมื่อใดจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตลาด และความกดดันเรื่องต้นทุนการเงินของบริษัทจะเริ่มลดลง และกลุ่มอสังหาจะค่อยๆ ฟื้น”

 

ปัจจุบันเศรษฐกิจเวียดนามยังค่อนข้างเล็ก ทำให้ต้องดำเนินนโยบายการเงินล้อไปกับทิศทางของโลก หากสหรัฐอเมริกายังไม่ลดดอกเบี้ย หรือยังขึ้นดอกเบี้ยไม่สุด เวียดนามก็คงลดดอกเบี้ยไม่ได้ 

 

ส่วนกรณีดีสุดที่จะช่วยให้หุ้นเวียดนามฟื้นตัวเร็ว คือปัญหาหนี้เสียไม่ลุกลาม ทำให้กลุ่มธนาคารฟื้นตัวเร็ว และปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวไม่รุนแรง ทำให้การส่งออกของเวียดนามฟื้นตัวดีขึ้น

The post วิกฤตยังไม่จบ! ผู้จัดการกองทุนแนะเลือกหุ้นเวียดนามเป็นรายตัวแทนซื้อดัชนี หลังภาคอสังหาเบี้ยวหนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>