เรียกได้ว่าถูกใจคอภาพยนตร์ Disney Pixar อย่างจัง! กับการจับมือกันระหว่างผู้ผลิตเคสโทรศัพท์มือถือ CASETiFY และ Pixar ที่ยกขบวนเหล่าของเล่นใน Toy Story ออกจากจอสู่อุปกรณ์ไอที ด้วยคอลเล็กชันเคสโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์เสริม และอุปกรณ์ตกแต่งที่ขายดีที่สุดของ CASETiFY

Toy Story เป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชันเรื่องแรกของ Pixar Studios มีกำหนดออกฉายภาคแรกในปี 1995 และได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ชมทั่วโลก ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 27 ปี ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน โดยคอลเล็กชัน ‘Disney and Pixar’s Toy Story x CASETiFY’ นำเอาตัวเอกของเรื่องอย่าง Woody, Buzz Lightyear, Jessie, Slinky, Mr. & Mrs. Potato Head ฯลฯ มาทำเป็นลวดลายต่างๆ ที่สื่อถึงความสดใส ทั้งยังรวมเอาสัญลักษณ์ต่างๆ ในเรื่องมาใช้ด้วย เช่น ลูกบอล Pixar, ตรานายอำเภอของ Woody, ตราสัญลักษณ์ Space Ranger ของ Buzz Lightyear และสัญลักษณ์หัวกะโหลกของ Sid โดยมีไฮไลต์เด็ดเป็น ‘ลวดลายก้อนเมฆ’ วอลเปเปอร์สมัยเด็กของ Andy ซึ่งเป็นไอคอนิกของ Toy Story

สำหรับแฟนคลับที่สนใจเคสโทรศัพท์มือถือในคอลเล็กชันนี้ประกอบด้วยรุ่น Impact, Ultra Impact และ Ultra Compostable อันเป็นเอกลักษณ์ของ CASETiFY สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น iPhone, Samsung, Google Pixel, AirPods, AirPods Pro, AirTag, สายนาฬิกา Apple Watch, ที่ชาร์จไร้สาย, MacBook, iPad และ Nintendo Switch ราคาเริ่มต้นที่ 35-85 ดอลลาร์สหรัฐ สั่งซื้อออนไลน์ได้บนแอปพลิเคชันใหม่ CASETiFY Co-Lab App (ดาวน์โหลดได้จาก App Store) และที่ CASETiFY STUDiO ทุกสาขา ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ CASETiFY.com

ภาพ: Courtesy of Brand

The post CASETiFY ออกเคสลายใหม่ที่ชวนแฟนคลับวู้ดดี้และผองเพื่อนจาก Toy Story มาย้อนจินตนาการในวัยเด็ก appeared first on THE STANDARD.

Lightyear ถือเป็นแอนิเมชันเรื่องล่าสุดของค่าย Pixar ที่หลายคนรอคอย เพราะเรากำลังจะได้ออกเดินทางสู่ห้วงอวกาศและรู้จักกับ Buzz Lightyear ในเวอร์ชันนักบิน แบบที่ไม่ใช่ของเล่นแบบที่เราคุ้นชิ้นกันจาก Toy Story

และแน่นอน ก่อนจะไปพบกับเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ THE STANDARD POP ได้โอกาสพิเศษสัมภาษณ์สองนักแสดงที่มาพากย์เสียงตัวละครหลักทั้ง Chris Evans ผู้พากย์เสียง Buzz Lightyear พระเอกของเรา พร้อมด้วย Taika Waititi ที่มาพากย์​เสียง Mo Morrison หนึ่งในทีมนักบินในเรื่อง

ถ้าพร้อมแล้ว รัดเข็มขัด แล้วเตรียมออกเดินทางสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นได้เลย!

เรื่อง: ภูมิชาย บุญสินสุข, เริ่มต้น เขมะเพ็ชร

ตัดต่อ: เอกธันวา สารศรี

The post ชมคลิป: สัมภาษณ์พิเศษ Chris Evans และ Taika Waititi จากแอนิเมชัน Lightyear appeared first on THE STANDARD.

ฟอร์กกี้ (Forky) คาแรกเตอร์ส้อมพลาสติกขวัญใจมหาชนจากภาพยนตร์แอนิเมชัน Toy Story 4 กำลังจะมีรายการของตัวเองชื่อ Forky Asks a Question กับทาง Disney+ พร้อมออกอากาศวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้แล้ว

โดยจะเป็นรูปแบบภาพยนตร์สั้นจำนวน 10 ตอนที่เจ้าฟอร์กกี้ตั้งคำถามสุดคลาสสิกที่คนทั่วไปอาจจะรู้ แต่พอมันเป็นคำถามใสๆ จากฟอร์กกี้ก็ทำให้ดูน่าสนใจขึ้นมาทันที เช่น เพื่อนคืออะไร, ชีสคืออะไร, เวลา ศิลปะ และอินเทอร์เน็ตคืออะไร ซึ่งคนที่จะมาให้คำตอบก็คือเหล่าเพื่อนของเล่นใน Toy Story นี่ล่ะ 

ทาง Disney+ ได้ปล่อยตัวอย่างแรกของซีรีส์ภาพยนตร์สั้น Forky Asks A Question ออกมา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเจ้าส้อมฟอร์กกี้น่ารักมาก และแฟนๆ Toy Story คงไม่ต้องคิดอะไรให้มากนอกจากรอให้วันออกอากาศมาถึง ซึ่งน่าสนใจว่าโมเดลการนำคาแรกเตอร์ที่ผู้คนหลงรักมาสร้างเป็นภาคแยกคงจะเป็นทิศทางที่ Disney+ จะทำต่อเนื่องหลังจากนี้ และเราในฐานะคนดูก็ยินดีอย่างยิ่ง

สำหรับเจ้าฟอร์กกี้ เขาคือของเล่นที่บอนนี่สร้างจากของเหลือใช้ โดยนำส้อมพลาสติกมาผูกไหมพรมและติดลูกตาเข้าไป และด้วยความที่ยืนอยู่หมิ่นเหม่ระหว่างการเป็นของเล่นหรือของใช้กันแน่ ทำให้ฟอร์กกี้สับสนในตัวเองพอสมควร ส่วนนักแสดงที่พากย์เสียงให้ชีวิตชีวากับฟอร์กกี้ก็คือ โทนี ฮาเล นักแสดงตลกชื่อดัง ซึ่งเจ้าตัวยังคงพากย์เสียงเป็นฟอร์กกี้ในรายการนี้ด้วย โทนีได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ฟอร์กกี้เป็นตัวละครที่ผมรักมาก และ Forky Asks a Question เป็นเรื่องราวที่น่ารัก และคุณน่าจะชอบมันนะ”

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post น้องส้อมน่ารัก Forky จากแอนิเมชัน Toy Story 4 กำลังจะมีรายการเป็นของตัวเองทาง Disney+ appeared first on THE STANDARD.

Toy Story 4 ภาพยนตร์แอนิเมชันจากดิสนีย์ที่ยังคงทำเรตติ้งได้ดีตลอดกาล รวมทั้งคำวิจารณ์และรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศ โดยรายได้จากการเข้าฉาย 3 วันแรกในสหรัฐอเมริกาทำเงินไปถึง 118 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะไม่อาจสู้รุ่นพี่อย่าง Finding Dory หรือ Incredibles 2 แต่ล่าสุด Toy Story 4 ก็ได้รับตำแหน่งภาพยนตร์ G-rated ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลไปครอง 

และแน่นอนว่าภาพยนตร์แอนิเมชันจากเครือดิสนีย์ก็มักซ่อน Easter Eggs หรือเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ ให้คนดูจับตามองอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ Toy Story 4 ที่มีคนแอบเห็นว่าผู้สร้างได้ใส่ตัวละครเด็กที่ผ่าตัดประสาทหูเทียมและต้องใส่เครื่องช่วยฟังเอาไว้ที่หูเพิ่มเข้าไปในฉากที่โรงเรียนอนุบาล ซึ่งกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของแฟนภาพยนตร์ โดยมีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ในชื่อ @lexi_loo22 ได้ทวีตภาพดังกล่าวและเขียนข้อความประกอบว่า “น่าจะเกือบ 1 ปีได้แล้วที่ฉันได้ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กสมองพิการซึ่งต้องใส่ประสาทหูเทียม และการที่ Toy Story 4 ใส่คาแรกเตอร์เด็กที่ใส่ประสาทหูเทียมไว้ในหนังเป็นการสื่อถึงความเท่าเทียมที่ยอดเยี่ยมมาก ขอบคุณสำหรับการเพิ่มพลังครั้งนี้ @Pixar” 

https://twitter.com/lexi_loo22/status/1143247108755120130

รวมถึงโพสต์อื่นๆ ในโซเชียลมีเดียที่ออกมาชื่นชมดิสนีย์และพิกซาร์ ซึ่งต้องขอบคุณทีมงานเบื้องหลัง Toy Story 4 คนหนึ่งที่ออกมาบอกว่าเขามีลูกที่ประสบปัญหาทางการได้ยินและต้องใส่ประสาทหูเทียมเช่นเดียวกัน ทำให้เขาต้องการที่จะใส่คาแรกเตอร์นี้เข้าไปในเรื่อง บวกกับผลการศึกษาจากสถาบันแห่งชาติเกี่ยวกับคนหูหนวกและความผิดปกติด้านการสื่อสาร พบว่าเด็กจำนวน 2-3 คนจาก 1,000 คนในสหรัฐอเมริกาต้องเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติทางการได้ยิน เช่นเดียวกับเยาวชนในอังกฤษที่มีรายงานเมื่อปี 2018 ว่ามีจำนวนกว่า 5,500 คนที่ต้องใส่ประสาทหูเทียม

โดยล่าสุดในทวิตเตอร์ยังเกิดกระแสของกลุ่มคนที่สนับสนุนดิสนีย์และพิกซาร์ให้วางขายตุ๊กตาคาแรกเตอร์เด็กน้อยที่ใส่ประสาทหูเทียมคนนี้ โดยผู้ใช้งานทวิตเตอร์มากมายแท็กไปยังแอ็กเคานต์ของ @Pixar, @DisneySpain และ @toystory พร้อมข้อความว่า “We want a toy of the kid with the cochlear implant in Toy Story 4” แถมยังแนบลิงก์ให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมไปลงชื่ออีกด้วย ซึ่งล่าสุดก็มียอดผู้ที่ลงชื่อเข้าร่วมถึง 4,374 คน จากเป้าที่ตั้งไว้ที่ 5,000 คนเลยทีเดียว 

ด้วยการช่วยเหลือจากบริษัทสื่อแนวหน้าและผู้สร้างภาพยนตร์รายใหญ่อย่างพิกซาร์และดิสนีย์ ทำให้เด็กที่ต้องเผชิญปัญหาการได้ยินรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่รู้สึกแปลกแยกเพราะความผิดปกติของตัวเอง และรายละเอียดเล็กๆ ที่ใส่ไปในแอนิเมชันเรื่องนี้ยังช่วยแสดงให้คนดูเห็นความหลากหลายที่เท่าเทียมกันในสังคมอีกด้วย 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

• www.forbes.com/sites/travisbean/2019/06/24/toy-story-4-achieved-this-amazing-milestone-at-the-box-office/#7ea79e5369cf
• www.nidcd.nih.gov/health/statistics/quick-statistics-hearing
• www.change.org/p/pixar-we-want-a-toy-of-the-kid-with-the-cochlear-implant-in-toy-story-4-disneyspain-toystory

The post Toy Story 4 ใส่ใจ! เพิ่มคาแรกเตอร์เด็กที่ใส่ประสาทหูเทียม appeared first on THE STANDARD.

Toy Story 4 เปิดตัวสัปดาห์แรก กวาดรายได้ 3 วันของการฉายในสหรัฐอเมริกา (21-23 มิถุนายน) ไปได้ 118 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อรวมกับรายได้นอกประเทศที่ 120 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็เท่ากับว่าตอนนี้ Toy Story 4 ทำรายได้รวมทั่วโลกไปได้ 238 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นรายได้เปิดตัวสูงสุดของแฟรนไชส์ Toy Story ตั้งแต่ภาคแรกในปี 1995!

หลังจาก Toy Story 3 เข้าฉายในปี 2010 ปล่อยให้แฟนๆ รอคอยเกือบ 10 ปี ในที่สุดภาพยนตร์แอนิเมชันขวัญใจผู้ชมก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมบรรดาเพื่อนชาวของเล่นที่กลับมารวมตัวอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง นำทีมโดย วู้ดดี้ ตุ๊กตาคาวบอยคนเดิม การกลับมาของ โบ หวานใจของวู้ดดี้ เพิ่มเติมด้วยตัวละครใหม่อย่าง ฟอร์กกี้ เพื่อนของเล่นจากส้อม และ ดุ๊ก คาบูม ตุ๊กตาสตันต์แมน ที่ได้คีอานู รีฟส์ มาพากย์เสียง

ซึ่งแม้ว่าจะทำรายได้เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาไปสูงถึง 118 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลับเป็นตัวเลขที่ผิดหวังของทางพิกซาร์ ซึ่งคาดการณ์รายได้สัปดาห์แรกในสหรัฐอเมริกาไว้สูงถึง 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ถึงอย่างนั้นก็ตาม Toy Story 4 ก็นับเป็นแอนิเมชันที่เปิดตัวสูงสุดในแฟรนไชส์ Toy Story โดยที่ผ่านมารายได้เปิดตัวสัปดาห์แรกของแฟรนไชส์ Toy Story (1995) เปิดตัว 29.1 ล้านเหรียญสหรัฐ, Toy Story 2 (1999) เปิดตัว 300,000 เหรียญสหรัฐ, Toy Story 3 (2010) เปิดตัว 110.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกเหนือจาก Toy Story 4 แล้ว ภาพยนตร์เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาสัปดาห์นี้ ยังมีที่ทั้งทำได้ดีและน่าผิดหวัง อย่างเช่น รายได้เปิดตัวอันดับที่ 2 ภาพยนตร์ Child’s Play เรื่องของชัคกี้ ตุ๊กตาสุดหลอนที่เปิดตัวด้วยรายได้ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการเปิดตัวที่น่าผิดหวังประจำสัปดาห์นี้ คงต้องยกให้ Anna ภาพยนตร์นักฆ่าในคราบนางแบบของลุค เบซง ผู้กำกับภาพยนตร์แอ็กชันตัวพ่อ ที่ใช้ทุนสร้างถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่กลับมีรายได้เปิดตัวเพียง 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

• www.boxofficemojo.com/weekend/chart/?yr=2019&wknd=25&p=.htm
• www.boxofficemojo.com/movies/?page=weekend&id=pixar2017.htm
• edition.cnn.com/2019/06/22/entertainment/disney-box-office-dominance/index.html
• www.indiewire.com/2019/06/toy-story-4-opens-118-million-box-office-childs-play-1202152281/

The post Toy Story 4 ทำรายได้เปิดตัว 3 วันแรกทั่วโลก 238 ล้านเหรียญสหรัฐ! appeared first on THE STANDARD.

ตั้งแต่วันที่ Toy Story ภาคแรกเข้าฉายในปี 1995 นับเป็นเวลาร่วม 24 ปีที่ Pixar Animation Studios ได้สร้างสรรค์แอนิเมชันคุณภาพสู่สายตาผู้ชมมากมาย เช่น A Bug’s Life, Finding Nemo, The Incredibles, Inside Out ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่พลิกโฉมวงการภาพยนตร์แอนิเมชันไปแบบสิ้นเชิง และตลอด 24 ปีที่ผ่านมา เรายังได้เห็นความเชื่อมโยงของตัวละครต่างๆ ในจักรวาลพิกซาร์ผ่านปริศนา Easter Egg ที่ซ่อนไว้ จนกลายเป็นรายละเอียดเล็กๆ ที่แฟนๆ หลงรักและคอยลุ้นว่าปริศนาเหล่านั้นจะซ่อนไว้ที่ส่วนไหนของแอนิเมชันแต่ละเรื่องบ้าง

THE STANDARD POP พาย้อนเวลากลับไปค้นหาส่วนหนึ่งของเหล่า Easter Egg ในจักรวาลพิกซาร์ตลอดเส้นทาง 24 ปีของภาพยนตร์ Toy Story ซึ่งจะทำให้คุณย้อนกลับไปนึกถึงวันเวลาและความทรงจำเก่าๆ ที่ยากจะลืมเลือน

วู้ดดี้โผล่ในเครดิตตอนจบของ A Bug’s Life (1998)

The Bug’s Life เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของพิกซาร์ เข้าฉายในปี 1998 และประสบความสำเร็จทันทีที่เข้าฉาย จนทำให้ผู้สร้างต้องทำ End Credit เพื่อเป็นคำขอบคุณให้กับผู้ชมด้วยการรวมมุกตลก ฉากหลุด และเบื้องหลังการถ่ายทำของเหล่าแมลง

หนึ่งในนั้นเป็นฉากการสนทนาระหว่างฟลิกกับด็อกเตอร์ฟลอร่า ที่พูดชื่อเจ้าหญิงแอตตาผิดเป็นเจ้าหญิงแอบบา ทีมงานจึงตีสเลทตัดบทสนทนา โดยคนที่มาทำหน้าที่ตีสเลทก็เป็นวู้ดดี้ ตัวเอกจาก Toy Story ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรกของพิกซาร์นั่นเอง  

รถส่งพิซซ่าของร้าน Pizza Planet ที่อยู่ในแอนิเมชันแทบทุกเรื่อง!

นับว่าเป็น Easter Egg ที่โด่งดังที่สุดในเครือจักรภพพิกซาร์ นั่นคือรถกระบะสีเหลืองบุโรทั่งของร้าน Pizza Planet ซึ่งรถสีเหลืองคันนี้ปรากฏตัวครั้งแรกใน Toy Story ตอนที่วู้ดดี้กับบัซ ไลท์เยียร์ ได้พลัดหลงกับแอนดี้ที่ปั๊มน้ำมัน Dinoco พวกเขาทั้งสองคนจึงแอบปีนขึ้นรถเพื่อตามแอนดี้ที่กำลังกินพิซซ่าอยู่ที่ร้าน Pizza Planet

รถส่งพิซซ่าคันนี้ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ของพิกซาร์แทบทุกเรื่อง (ยกเว้น The Incredibles) ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งผ่านหน้าต่างบ้านของมิเกลใน Coco, จอดกลางไฟแดงใน Up, ถูกอีฟค้นหาในกองขยะเรื่อง Wall-E และไปดูการแข่งขันของไลท์นิ่ง แม็กควีน ใน Cars ฯลฯ อีกทั้งยังไปเคยปรากฏในวิดีโอเกม The Incredibles แม้ว่าจะไม่เคยปรากฏในภาพยนตร์ก็ตาม ดังนั้นจะเรียกว่ารถสีเหลืองคันนี้เป็นยานพาหนะคู่บุญของพิกซาร์ก็ไม่ผิดอะไร

โลโก้ปั๊มน้ำมัน Dinoco จากแอนิเมชัน Cars ทั้ง 3 ภาค

Dinoco คือปั๊มน้ำมันผู้สนับสนุนหลักการแข่งขัน Piston Cup ในภาพยนตร์เรื่อง Cars ทั้ง 3 ภาค เราจะเห็นโลโก้ปั๊มน้ำมัน Dinoco ปรากฏทั้งในสนามแข่ง ลายบนรถแข่ง หรือแม้กระทั่งถังน้ำมันในจุดพักรถอีกด้วย

ซึ่ง Dinoco ก็คือปั๊มน้ำมันเจ้าเดียวกันกับในแอนิเมชัน Toy Story ถ้ายังจำกันได้ แม่ของแอนดี้ได้เติมน้ำมันที่นี่ระหว่างการเดินทางพาแอนดี้ไปกินพิซซ่าที่ร้าน Pizza Planet ความแตกต่างของ Dinoco ระหว่างสองเรื่องนี้คือโลโก้ใน Cars เป็นไดโนเสาร์พันธุ์ Apatosaurus ส่วนโลโก้ใน Toy Story เป็นไดโนเสาร์พันธุ์ Tyrannosaurus Rex นั่นเอง

แบตเตอรี่ Buy N Large ของบัซ ไลท์เยียร์ (Toy Story 3, 2010)

Buy N Large เป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ในภาพยนตร์ Wall-E ซึ่งในภาพยนตร์ Toy Story 3 โลโก้ Buy N Large ปรากฏอยู่ในแบตเตอรี่ขนาด AA 2 ก้อน บรรจุอยู่ที่หลังของบัซ ไลท์เยียร์ เราจะเห็นได้ในฉากที่ล็อตโซและผองเพื่อนวายร้ายพยายามจะปิดบัซ ไลท์เยียร์ ด้วยการถอดแบตเตอรี่ออก นอกจากนี้บริษัท Buy N Large ยังไปเป็นผู้สนับสนุนการแข่งรถในภาพยนตร์เรื่อง Cars อีกด้วย

บัซ ไลท์เยียร์ หนึ่งในของเล่นที่คลินิกทำฟัน (Finding Nemo, 2003)

ในภาพยนตร์ Finding Nemo ฉากที่ปลาการ์ตูนสุดน่ารักอย่างนีโมโดนจับไปอยู่ในตู้ปลาสวยงามที่คลินิกทำฟันแห่งหนึ่ง ซึ่งขณะที่นีโมพยายามจะหนีออกจากตู้ ภาพก็แพนมุมกว้างที่ทำให้เราเห็นบัซ ไลท์เยียร์ กำลังนอนอยู่ข้างๆ หีบของเล่นในคลินิก นอกจากนี้เรายังเห็นของเล่นอย่างลุกโซบอลในแอนิเมชันสั้น Luxo Jr., ตุ๊กตาหมีของบลูใน Monster, Inc. และเครื่องบินที่บัซ ไลท์เยียร์ เคยเกาะใน Toy Story ภาคแรกอีกด้วย

ล็อตโซไปปรากฏตัวใน Up (2009)

ในภาพยนตร์เรื่อง Up ฉากที่คุณปู่คาร์ลนำบ้านของตัวเองบินขึ้นไปบนอากาศ ก็ได้ลอยผ่านห้องของเด็กสาวคนหนึ่งที่เราจะสังเกตเห็นล็อตโซบริเวณข้างหัวเตียง ซึ่งเจ้าล็อตโซ ตุ๊กตาหมีสีชมพูจาก Toy Story 3 เป็นวายร้ายตัวฉกาจแห่ง Sunnyside Daycare Center อดีตของขวัญวันคริสต์มาสที่ถูกทิ้งโดยเด็กสาวชื่อว่าเดซี่

สนามเด็กเล่นใน Toy Story 3 ที่อยู่ในความทรงจำของไรลีย์ (Inside Out, 2015)

Inside Out เป็นภาพยนตร์ที่อธิบายเรื่องราวของเด็กสาวไรลีย์ โดยแสดงผ่านอารมณ์ ความรู้สึก และความทรงจำ ซึ่งตัวละครหลักก็คือตัวแทนอารมณ์ของเธออย่าง จอย, เฟียร์, แองเกอร์, ดิสกัส และแซดเนส

ซึ่งฉากนี้คือตอนที่จอยหยิบลูกแก้วความทรงจำของไรลีย์มาเชยชม ลูกแก้วนั้นได้บรรจุเหตุการณ์ที่ไรลีย์ในวัยเด็กเล่นสไลเดอร์กับเพื่อนในสนามเด็กเล่นแห่งหนึ่งอย่างสนุกสนาน และสนามเด็กเล่นแห่งนี้เหมือนกับสนามเด็กเล่นของ Sunnyside Daycare Center ในภาพยนตร์ Toy Story 3

Rockem Sockem ตุ๊กตานักมวยในห้องทำงานของบ๊อบ พาร์ (The Incredibles, 2004)

เหตุการณ์ในภาพยนตร์ Toy Story 2 ที่เหล่าผองเพื่อนตามหาวู้ดดี้ที่หายตัวไปในร้านของเล่น Al’s Toys Barn สลิงกี้ สุนัขที่มีลำตัวเป็นสปริงได้เข้าไปถามตุ๊กตานักมวย Rockem Sockem ว่าเห็นวู้ดดี้หรือไม่ และนั่นก็เป็นฉากเดียวที่เราได้เห็นสองตุ๊กตานักมวยใน Toy Story 2

ซึ่งตุ๊กตานักมวย Rockem Sockem นั้นเป็นหนึ่งในของเล่นของบ๊อบ พาร์ เพราะปรากฏอยู่ในห้องทำงานของบ๊อบในภาพยนตร์ The Incredibles

ภาพยนตร์เรื่อง Toy Story ในเครดิตตอนจบเรื่อง Cars (2006)

Cars เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้รถยนต์มีชีวิตเหมือนมนุษย์ ซึ่งหากเราดูภาพยนตร์เรื่อง Cars ภาคแรกจนจบ ใน End Credit เราจะเห็นฉากน่ารักๆ ที่เหล่ารถมีชีวิตไปรวมตัวดูภาพยนตร์ที่ Radiator Springs ด้วยกัน โดยมีหนัง Toy Story ภาคแรกเข้าฉาย แต่อยู่ในชื่อของ Toy Car Story ให้เข้ากับบริบทของภาพยนตร์ที่เป็นรถมีชีวิต ทำให้ดูน่ารักไปอีกแบบ นอกเหนือจากนี้ยังมีภาพยนตร์ของพิกซาร์อีก 2 เรื่องที่เข้าฉายอยู่ในที่เดียวกัน นั่นคือ Monster Truck, Inc. และ A Bug’s Life นั่นเอง

ตุ๊กตาวู้ดดี้และบัซ ไลท์เยียร์ ใน Coco (2017)

Coco ภาพยนตร์ที่เล่าถึงมิเกล หนุ่มน้อยวัย 12 ปี ได้ผจญภัยไปยังดินแดนแห่งความตายหลังจากขโมยกีตาร์ในหลุมศพของเออร์เนสโต เดอ ลา ครูซ นักร้องผู้ล่วงลับ เพื่อสานฝันเส้นทางดนตรีของเขา

ซึ่งวู้ดดี้และบัซ ไลท์เยียร์ ได้ไปปรากฏตัวในฉากที่มิเกลออกไปวิ่งเล่นในตลาดที่เต็มไปด้วยร้านค้ามากมายทั้งสองข้างทาง จะสังเกตได้ว่ามีตุ๊กตาวู้ดดี้และบัซ ไลท์เยียร์ แขวนอยู่บนเสาร้านค้าแห่งหนึ่งในตลาดด้วย

เสื้อยืดลายหัวกะโหลกในเทศกาลเออร์เนสโต เดอ ลา ครูซ (Coco, 2017)

ในภาพยนตร์ Coco ฉากสำคัญที่ทุกคนจดจำได้นั่นคือเทศกาลเออร์เนสโต เดอ ลา ครูซ เทศกาลดนตรีในโลกแห่งความตาย เทศกาลที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาแสดงความสามารถบนเวที ซึ่งมีตัวละครหนึ่งใส่เสื้อยืดหัวกะโหลกสีดำที่เหมือนกับเสื้อยืดของซิท เด็กก้าวร้าวผู้เล่นของเล่นด้วยความรุนแรงใน Toy Story ภาคแรก

เร็กซ์ปรากฏตัวหลัง End Credit ของ Monster, Inc. (2001)

เช่นกันที่หลังจบ End Credit ของ Monster, Inc. ทีมผู้สร้างได้มีการรวมมุกตลก ฉากหลุด และเบื้องหลังการถ่ายทำของเหล่าสัตว์ประหลาดออกมาเหมือนในภาพยนตร์ A Bug’s Life ซึ่งหนึ่งในฉากเบื้องหลังของเรื่องนี้คือการที่ซัลลิแวนเดินมาทักทายเร็กซ์ ไดโนเสาร์จอมเซ่อซ่า ตัวละครจากภาพยนตร์ Toy Story ที่ชอบสร้างความวุ่นวายให้ผองเพื่อน นับเป็น Easter Egg ที่ทุกคนจดจำได้เป็นอย่างดี

วอลล์-อีเก็บเร็กซ์ไว้ในชั้นวางของ (Wall-E, 2008)

หลังจากที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง Monster, Inc. แล้ว เร็กซ์ก็ได้ปรากฏตัวอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Wall-E ฉากที่วอลล์-อีเปิดรถบ้านของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยชิ้นส่วนอะไหล่และอุปกรณ์ที่ยังใช้งานได้อยู่ กล้องได้ฉายไปยังชั้นเก็บของของวอลล์-อีที่เราจะสังเกตเห็นเร็กซ์ซ่อนอยู่ข้างหลังพินโบว์ลิงได้อย่างแนบเนียน

ต้นไม้ในฉากย้อนความทรงจำของเจสซี่ (Toy Story 2, 1998)

ในภาพยนตร์ Toy Story 2 มีเหตุการณ์สำคัญอยู่ฉากหนึ่ง นั่นคือการย้อนความทรงจำของเจสซี่ผ่านบทเพลง When She Loved Me โดยเล่าถึงอดีตของเจสซี่ที่เคยเป็นตุ๊กตาตัวโปรดของเอมิลี่ แต่เมื่อเอมิลี่เติบโตขึ้น เธอก็ไม่ได้สนใจเจสซี่อีกต่อไป และนำเจสซี่ทิ้งไว้ที่กล่องบริจาคบริเวณเนินดินที่มีต้นไม้รูปทรงเอกลักษณ์ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับต้นไม้เหนืออาณาจักรมดใน A Bug’s Life และยังเป็นต้นไม้เดียวกันกับที่คุณปู่คาร์ลพาคุณย่าเอลลี่มาปิกนิกอยู่บ่อยๆ ในฉากเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่อง Up อีกด้วย

A113 Nov 95 (Toy Story, 1995)

ปิดท้ายด้วย Easter Egg สุดคลาสสิก ปริศนาป้ายทะเบียน A113 ใน Toy Story (1995)

A113 คือป้ายทะเบียนรถมินิแวนคันสีฟ้าของมิสเดวิส แม่ของแอนดี้ ซึ่งมีที่มาจากรหัสห้องเรียนวิชาแอนิเมชันของสถาบันศิลปะแคลิฟอร์เนีย ซึ่งศิษย์เก่าจำนวนมากของสถาบันนี้ก็คือทีมงานพิกซาร์นั่นเอง

จอห์น ลาสเซ็ตเตอร์ หัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟของพิกซาร์อธิบายว่า “ที่นี่เป็นหนึ่งในโรงเรียนแอนิเมชันที่ดีที่สุด นักเรียนมากมายที่จบไปไม่ว่าจะทำภาพยนตร์ หนังสั้น หรือสารคดี มักจะซ่อนหมายเลข A113 ไว้ในผลงานของพวกเขาด้วย”

แน่นอนว่ารหัส A113 ไม่ได้ปรากฏอยู่แค่ในภาพยนตร์ในเครือของพิกซาร์เท่านั้น แต่ยังไปปรากฏในภาพยนตร์แอ็กชันเรื่องอื่น เช่น Mission Impossible: Ghost Protocol, Rise of the Planet of the Apes, Hunger Games, Terminator หรือในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง The Avengers

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

• youtu.be/FjyTjbYuxUk
• youtu.be/ejgaEbKT1sA

The post ย้อนรอย 24 ปี Toy Story ผ่าน Easter Egg ในจักรวาลพิกซาร์ appeared first on THE STANDARD.

สัปดาห์นี้คึกคักอย่างยิ่ง กับโปรแกรมหนังเข้าใหม่ 8 เรื่อง ทั้งภาพยนตร์แอนิเมชัน Toy Story 4 ที่เรารอคอยข้ามปี, Rocketman กับการแสดงที่ทรงพลังของ ทารอน เอเจอร์ตัน ในบทท่านเซอร์เอลตัน จอห์น, The Hummingbird Project ภาพยนตร์ปฏิบัติการสุดบ้าระห่ำ นำแสดงโดย เจสซี ไอเซนเบิร์ก, Proud of Me ดีที่สุดแล้วลูก หนังจีนฟอร์มเล็ก แต่สร้างกระแสปากต่อปากจนกลายเป็นหนังยอดนิยม, JT LeRoy ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องอื้อฉาววงการหนังสือ นำแสดงโดย คริสเตน สจวร์ต และลอรา เดิร์น

รวมถึงภาพยนตร์ไทย 3 เรื่อง Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า ผลงานใหม่ของผู้กำกับ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ซึ่งได้นักแสดงนำจาก BNK48 เจนนิษฐ์-เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ และ มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์, The Real Ghosts ช่องส่องผี หนังสยองขวัญที่ได้ สน-ยุกต์ ส่งไพศาล นำแสดง และภาพยนตร์ Love Battle รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน ผลงานกำกับของ โจ้-วิรัตน์ เฮงคงดี ที่เคยกำกับ ยอดมนุษย์เงินเดือน (2012)  

สุดสัปดาห์นี้สนใจเรื่องไหน ลองแท็กชวนเพื่อนไปดูกันดีกว่า

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ภาพยนตร์เข้าใหม่สัปดาห์นี้ 20 มิถุนายน 2562 appeared first on THE STANDARD.

หลังจากปิดท้ายอย่างสุดซึ้งในภาพยนตร์ Toy Story 3 ในปี 2010 ที่แอนดี้ได้มอบเหล่ากองทัพของเล่นของตนเองให้กับบอนนี่ แล้วดูเหมือนว่าทุกอย่างจะจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง แต่แล้วก็ยังมีเรื่องราวที่ทำให้ทางดิสนีย์ และพิกซาร์ต้องนำเหล่ากองทัพของเล่นเหล่านี้กลับมาให้แฟนๆ ได้ติดตามอีกครั้งหลังจากผ่านไปเกือบ 10 ปี

โดยล่าสุดทางดิสนีย์ได้เผยตัวอย่างใหม่ความยาว 2.28 นาที ให้แฟนๆ ได้ชมกัน ซึ่งในตัวอย่างล่าสุดนี้ เราจะได้เห็นตัวละครที่หายไปในภาคที่ 3 อย่าง ‘โบ ปีป’ แฟนสาวของวู้ดดี้ที่กลับมาในลุคหญิงแกร่งที่ดูทะมัดทะแมง พร้อมผจญภัยในทุกสถานการณ์

นอกจากตัวละครเก่าแล้ว ยังมีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมา ที่พร้อมจะสร้างเรื่องราววุ่นวายในภาคนี้ ซึ่งก็คือ ฟอร์กกี้ ช้อนกึ่งส้อมพลาสติกที่บอนนี่สร้างขึ้นมาเป็นเพื่อนในชั้นเรียน และแน่นอนว่าเมื่อมีของเล่นตัวใหม่ฝ่ายดีแล้ว เรื่องราวจะขาดสีสันไปเลยถ้าไม่มีของเล่นฝ่ายร้าย ซึ่งในภาคนี้ผู้ที่จะมารับบทเป็นของเล่นร้ายๆ ก็คือตุ๊กตาเด็กหญิงที่ชื่อว่า แก๊บบี้ แก๊บบี้ กับเหล่ากองทัพตุ๊กตาหุ่นเชิดสแลปปี้ นั่นเอง

โดยเนื้อเรื่องหลักในภาคนี้จะโฟกัสไปที่ตัวฟอร์กกี้ ที่คิดว่าตนเองไม่ใช่ของเล่น เป็นเพียงช้อนกึ่งส้อมที่ผู้คนใช้แล้วทิ้ง จึงกระโดดออกจากรถหนีไป และเกิดเป็นภารกิจที่เราคุ้นเคย คือการที่ทุกคนรวมตัวกันไปช่วยฟอร์กกี้กลับมาให้ได้

หลังจากที่ผจญภัยมาแล้วหลากหลายสถานที่ตลอด 3 ภาค ในภาคล่าสุด Toy Story 4 ก็ถึงคิวของโลเคชันที่น่าสนใจอย่างสวนสนุก ที่ทำให้วู้ดดี้เกิดการลังเลอีกครั้ง ว่าจะกลับไปหาบอนนี่เจ้าของคนใหม่ หรือสถานที่ที่เต็มไปด้วยเด็กซึ่งชื่นชอบของเล่นดี

Toy Story 4 มีกำหนดเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพยนตร์: 

ภาพ: twitter.com/toystory

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post มาแล้ว! ตัวอย่างล่าสุด Toy Story 4 กับการผจญภัยรูปแบบใหม่ เข้าฉาย 20 มิถุนายนนี้ appeared first on THE STANDARD.

ค่อยๆ ปล่อยข้อมูลออกมาเซอร์ไพรส์แฟนๆ อยู่เรื่อยๆ ก่อนการกลับมาอย่างเป็นทางการของการผจญภัยสุดอบอุ่นในโลกของเล่น Toy Story 4 ที่ก่อนหน้านี้เปิดเผยมาแค่ว่าตัวละครหลักอย่าง วู้ดดี้ และ บัซ ไลท์เยียร์ ฯลฯ จะเป็นแกนนำในการผจญภัยครั้งนี้

โดยในคลิปโปรโมตความยาว 11 วินาที ตัวล่าสุดของดิสนีย์เปิดเผยว่า ‘โบ ปีป’ แฟนสาวของวู้ดดี้ที่ไม่ได้ปรากฏตัวในภาค 3 จะได้กลับมาเป็นหนึ่งในตัวละครหลักร่วมกับเพื่อนๆ อีกครั้งในรอบ 20 ปี และได้ แอนนี่ พอร์ต กลับมาพากย์เสียงให้เหมือนเดิม

ทางดิสนีย์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการกลับมาในครั้งนี้ว่า “เธอจะได้พบกับการผจญภัยที่สนุกสนานร่วมกับวู้ดดี้ในสถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้บนโลกกว้างใหญ่ เมื่อมันกลายเป็นโลกของของเล่นล้วนๆ”

โดย โบ ปีป ได้ถูกยกเครื่องใหม่ โดยเปลี่ยนจากหมวกกันแดดและเดรสสีชมพูลายจุดที่เป็นเอกลักษณ์ของสาวหวานเต็มตัว มาเป็นริบบิ้นและชุดกางเกงขายาวที่ดูทะมัดทะแมงมากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นขึ้นกว่าเดิม

ถ้านับในภาคก่อนๆ ที่บทบาทของเธอดูจะเป็นแนวซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลังที่อาจจะไม่โดดเด่นเท่าตัวละครอื่นๆ การปรับลุคของเธอในครั้งนี้ ก็น่าจะเป็นการบ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่ ‘ตัวละครหญิง’ อย่างเธอ จะได้ขึ้นมามีบทบาทสำคัญขึ้นมาบ้าง เช่นเดียวกับกระแสสังคมในช่วงหลายปีนี้

ซึ่งเราจะได้รู้คำตอบนั้นพร้อมกันในวันที่ 21 มิถุนายน 2019 ทุกโรงภาพยนตร์

คลิปโปรโมต:

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

• www.slashfilm.com/toy-story-4-teaser-character-poster-bo-peep/
• pixar.fandom.com/wiki/Bo_Peep

The post 20 ปีที่หายไป ‘โบ ปีป’ แฟนสาววู้ดดี้กลับมาผจญภัยร่วมกันอีกครั้งใน Toy Story 4 appeared first on THE STANDARD.

สปอตไลต์ในปี 2019 คงต้องยกให้บทสรุปของสงครามระหว่างธานอสและทีมอเวนเจอร์ส รวมทั้งทิศทางของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหม่ของมาร์เวลที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปหลังจากจบช่วงเวลานี้ เพื่อบุกเบิกการนำเสนอซูเปอร์ฮีโร่รูปแบบใหม่ และเพื่อแข่งกับคู่แข่งอย่างค่ายดีซีที่กำลังปรับรูปแบบภาพยนตร์ยกใหญ่ในการทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนมา

นอกจากนั้นยังเป็นปีของภาพยนตร์แอนิเมชันที่มีทั้ง How to Train Your Dragon ภาคสุดท้าย, Toy Story ภาค 4 และ Frozen ภาค 2 รวมทั้งภาพยนตร์ Live Action ทั้ง Pokémon Detective Pikachu และ The Lion King แค่เห็นหน้าเจ้าหนูน้อยซิมบ้าจากตัวอย่างภาพยนตร์ เราก็รู้ทันทีว่าเราต้องเสียเงินให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้แน่นอน

1. Glass (เข้าฉาย 18 มกราคม)

ภาคต่อซีรีส์ชุด ‘ฮีโร่วิปลาส’ ที่ผู้กำกับอย่าง เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน เริ่มเปิดจักรวาลด้วย Unbreakable ในปี 2000 เดวิด ดันน์ (รับบทโดย บรูซ วิลลิส) ฮีโร่ผู้ไม่รู้จักความเจ็บป่วย และเอไลจาห์ ไพรซ์ (รับบทโดย ซามูเอล แอล. แจ็คสัน) ผู้ที่คลั่งไคล้ความแข็งแกร่งของซูเปอร์ฮีโร่ แต่ตัวเองกลับมีกระดูกที่เปราะบางไม่ต่างจากแก้ว ต่อด้วย Split ในปี 2016 ที่เริ่มขยายจักรวาลความวิปลาสจาก เควิน เวนเดลล์ ครัมป์ (รับบทโดย เจมส์ แม็กอะวอย) มนุษย์ผู้มี 23 บุคลิกในคนเดียว

คราวนี้เอ็ม. ไนท์ เลือกที่จะจัดงานรียูเนียนให้ทั้ง 3 คนมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน โดยเรื่องราวจะเริ่มต้นจากการที่เดวิด ดันน์ เริ่มออกตามล่าบุคลิก ‘อสูร’ ของเวนเดลล์ ครัมป์ ขณะที่ความลับของ เอไลจาห์ ไพรซ์ หรือ Mr. Glass ก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมาว่าคนที่ดูเหมือนจะอ่อนแอที่สุดอย่างเขาเป็นผู้ชักใยเหตุการณ์และกุมความลับสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับทั้งสองคนเอาไว้

2. How to Train Your Dragon: The Hidden World (เข้าฉาย 31 มกราคม)

บทสรุปสุดท้ายที่จะปิดตำนานมิตรภาพและความสัมพันธ์ระหว่าง ฮิคคัพ เด็กหนุ่มชาวไวกิ้ง และเจ้าเขี้ยวกุดที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เป็นเด็กไม่ประสีประสา ผ่านความทุกข์ ความสุข เผชิญการสูญเสียด้วยกันจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ในภาคนี้พวกเขาจะต้องเจอกับบททดสอบครั้งสำคัญ เมื่อฮิคคัพต้องขึ้นเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน และเขี้ยวกุดต้องขึ้นเป็นหัวหน้าฝูงมังกร รวมถึงประสบการณ์พบรักครั้งแรกกับมังกรสาวสีขาว แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมาทั้งหมด รวมทั้งการไขปริศนาที่ทิ้งเอาไว้ตั้งแต่ภาคแรกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหล่ามังกรแห่งท้องนภาที่เคยมีจำนวนมากกว่านี้

3. Alita: Battle Angel (เข้าฉาย 14 กุมภาพันธ์)

โปรเจกต์ในฝันของ เจมส์ คาเมรอน ที่เขาเริ่มบินตรงไปที่ญี่ปุ่นเพื่อขอซื้อลิขสิทธิ์มังงะชื่อดัง เพชฌฆาตไซบอร์ก (GUNNM) ของคิชิโระ ยูกิโตะ เพื่อดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ตั้งแต่ก่อนปี 2000 แต่เนื่องจากเทคโนโลยีในยุคนั้นไม่สามารถเนรมิตโลกไซบอร์กของอลิตาขึ้นมาได้ เจมส์ คาเมรอน จึงหันไปสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาขีดความสามารถกับหนังอย่าง Avatar (2009)

ล่าสุดก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะเนรมิตโลกใบนั้นขึ้นมาจริงๆ โดยเขาลงมือเขียนบทที่มีความยาวมากกว่า 180 หน้า (ยังมีโน้ตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกประมาณ 600 หน้า) ด้วยตัวเอง และส่งมอบให้ โรเบิร์ต โรดริเกซ มาเป็นผู้กำกับ

เนื้อเรื่องหลักๆ จะเล่าถึงโลกอนาคตที่ไซบอร์กจะใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ได้ตามปกติ ส่วน อลิตา คือส่วนผสมระหว่างคนที่สมองเป็นมนุษย์ แต่ร่างกายเป็นไซบอร์ก เธอถูกช่วยชีวิตไว้โดย อิโดะ แพทย์ไซบอร์ก ในสภาพร่างกายแหลกสลายและความทรงจำหายไปทั้งหมด เธอตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่ม ‘ฮันเตอร์วอร์ริเออร์’ เพื่อต่อสู้กับเหล่าฆาตกรโดยใช้ศิลปะการต่อสู้โบราณที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้เป็นเครื่องยืนยันตัวตนและความสามารถของเธอ

4. Captain Marvel (เข้าฉาย 6 มีนาคม)

ก่อนจะไปลุ้นบทสรุปศึกตัดสินระหว่างทีมอเวนเจอร์สและธานอส บอสใหญ่หัวมันม่วง ใน Avengers: Endgame ที่จะมีซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง กัปตันมาร์เวล (รับบทโดย บรี ลาร์สัน) มาเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญ

มาร์เวลได้เตรียมตัวให้แฟนๆ ไปทำความรู้จักกับซูเปอร์ฮีโร่หญิงคนนี้ด้วยการพาคนดูย้อนไปในปี 1995 ซึ่งนับว่าเป็นยุคที่ไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อนในประวัติศาสตร์ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล โดยเล่าเรื่องของ แครอล แดนเวอร์ส หญิงสาวที่ได้รับพลังจากคนที่เป็นมนุษย์ต่างดาวจนกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ทรงพลังที่สุด

เธอคือกุญแจสำคัญในช่วงที่โลกมนุษย์ถูกเปลี่ยนเป็นสนามรบของสงครามอวกาศระหว่างเอเลี่ยนสองเผ่าพันธุ์ และคาดการณ์ว่าใน Captain Marvel จะมีการตอบคำถามสำคัญที่ว่า ถ้ากัปตันมาร์เวลเก่งขนาดนี้ แล้วที่ผ่านมาเธอไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ทำไมเพิ่งมาปรากฏตัวตอนนี้ให้แฟนๆ ได้หายสงสัยกันด้วย

5. Greyhound (เข้าฉาย 22 มีนาคม)

ผลงานเรื่องล่าสุดที่ ทอม แฮงส์ จะได้รับบทเป็น ‘กัปตัน’ อีกครั้ง หลังจากเป็นกัปตันเรือสินค้าที่ถูกปล้นใน Captain Phillips (2013) และกัปตันเที่ยวบินพิเศษใน Sully (2016) ซึ่งในภาพยนตร์ Greyhound เขาจะรับบทเป็นกัปตันเรือพิฆาตที่ออกปฏิบัติภารกิจในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่จะไม่ใช่หนังสงครามที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชัน เพราะตัวหนังจะเน้นไปที่ภาวะที่ผู้นำต้องเผชิญ ทั้งแรงกดดันจากภายนอก สภาวะสงครามที่ตึงเครียด รวมทั้งความขัดแย้งในจิตใจที่เขามักจะถามตัวเองอยู่เสมอว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ณ ที่แห่งนี้

นอกจากทำหน้าที่แสดงนำ ทอม แฮงส์ ยังรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และคนเขียนบทด้วยตัวเอง และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาและ เชต แฮงส์ ลูกชายวัย 27 ปี จะได้เข้าฉากร่วมกันเป็นครั้งแรก

6.Shazam! (เข้าฉาย 5 เมษายน)

วอร์เนอร์บราเธอร์สและดีซีคอมิกส์ต้อนรับศักราชใหม่ด้วยซูเปอร์ฮีโร่สายฮาที่มีต้นกำเนิดจาก บิลลี่ แบทสัน (รับบทโดย แอชเชอร์ แองเจล) เป็นเพียงเด็กกำพร้าวัย 14 ปีที่ได้รับพลังจากพ่อมดชราจนเขาสามารถแปลงร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่วัยผู้ใหญ่ (รับบทโดย แซ็คคารี เลวี) ได้เพียงแค่ตะโกนคำว่า Shazam! ออกมา

ความน่าสนใจของ Shazam! ไม่ได้อยู่ที่การไล่ต่อสู้กับผู้ร้ายเหมือนหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป แต่อยู่ที่ความเป็นเด็กของ บิลลี่ แบทสัน กับการเลือกใช้พลังที่ได้รับเพื่อตอบสนองความสนุกสนานที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งต้องการ ในขณะที่เขาต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อเรียนรู้ที่จะใช้พลังเพื่อประโยชน์ด้านอื่นในฐานะซูเปอร์ฮีโร่เต็มตัวที่ไม่ได้มีแค่ความสนุกสนานอีกต่อไป

7.Hellboy (เข้าฉาย 12 เมษายน)

การกลับมาของแอนติฮีโร่สายดาร์กจากนรกที่ปรากฏตัวด้วยร่างกายสีแดงตัวใหญ่ยักษ์และเขาที่ถูกตัดออกไป ในภาคนี้จะได้ เดวิด ฮาร์เบอร์ นายอำเภอผู้แสนใจดีที่คอยดูแลเด็กๆ ในซีรีส์ Stranger Things มาเป็นซูเปอร์ฮีโร่พันธุ์อสูรครั้งนี้

นอกจากนี้ยังได้ มิลลา โจโววิช ที่พลิกบทบาทจากฮีโร่สาวที่ไล่ฆ่าฝูงซอมบี้เป็นผักปลามาเป็น บลัดควีน ตัวร้ายที่สร้างความปวดหัวให้กับเฮลบอยได้มากที่สุด นอกจากความสามารถที่น่ากลัว เธอยังมีพลังที่จะกระตุ้นด้านมืดในจิตใจของฮีโร่ผู้ถือกำเนิดขึ้นจากนรก และถูกกำหนดให้เป็นผู้ทำลายล้างโลกได้เป็นอย่างดี

ทำให้ภาคนี้จะเปลี่ยนทิศทางจากการจิกกัดและเสียดสีด้วยมุกตลกร้ายแสบๆ คันๆ มาเป็นความมืดดำที่จะพาคนดูไปสำรวจลึกภายใต้จิตใจของฮีโร่ผู้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดคนนี้แบบเต็มๆ

8. Avengers: Endgame (เข้าฉาย 26 เมษายน)

แม้จะถูกแซวเรื่องชื่อภาคอยู่พอสมควรว่ามาร์เวลจะใช้ชื่อที่ตรงไปตรงมาแบบนี้จริงๆ หรือ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Endgame ที่จะเป็นบทสรุปการต่อสู้ระหว่างธานอสและทีมอเวนเจอร์สคือภาพยนตร์ที่มีคนรอชมมากที่สุดในปี 2019 อย่างไม่ต้องสงสัย

โดยเฉพาะการปล่อยตัวอย่างที่ โทนี สตาร์ก ลอยเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศ รวมทั้งการขอความช่วยเหลือไปยังซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างกัปตันมาร์เวลที่เราจะได้รู้เบื้องหลังของเธอตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม

ซึ่งบทสรุปในครั้งนี้ไม่ใช่แค่น่าสนใจในด้านการจบสงครามกับธานอสอย่างเดียว เพราะนี่จะเป็นการกำหนดทิศทางต่อไปของภาพยนตร์มาร์เวลเฟส 4 ที่ซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหญ่อย่างไอรอนแมน, ธอร์, เดอะ ฮัลค์ อาจจะค่อยๆ ลดบทบาทของตัวเองลงไปเพื่อเปิดทางให้ซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหม่เข้ามาแทน

9. Pokémon Detective Pikachu (เข้าฉาย 10 พฤษภาคม)

ถึงจะมีแฟนๆ หลายคนออกแสดงอาการรับไม่ได้ที่เห็น ‘ปิกาจู’ ปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์ด้วยภาพลักษณ์ที่มีขนเต็มตัว แต่การที่เราจะได้เห็นสุดยอดมาสคอตระดับโลกตัวนี้ขึ้นมาเป็นพระเอกแบบเต็มตัวก็นับว่าเป็นปรากฏการณ์ในปี 2019 ที่น่าสนใจ

Pokémon Detective Pikachu คือภาคสปินออฟในซีรีส์โปเกมอนที่ดัดแปลงมาจากเกม Pokémon: Great Detective Pikachu ที่ปิกาจูต้องรับบทเป็นนักสืบ ที่สำคัญคือสามารถพูดได้และมีลักษณะแบบเพลย์บอย ชอบหว่านเสน่ห์จีบผู้หญิงไปทั่ว ยิ่งได้พระเอกจอมกวนอย่าง ไรอัน เรย์โนลด์ส มาพากย์เสียงก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความกวนประสาทให้มากขึ้นไปอีก

โดยในภาคนี้ปิกาจูต้องร่วมมือกับ ทิม (รับบทโดย จัสติส สมิธ) เพื่อตามสืบการหายตัวไปอย่างลึกลับของ แฮร์รี กู๊ดแมน นักสืบมือฉมังที่เป็นอดีตคู่หูของปิกาจูและพ่อแท้ๆ ของทิม ระหว่างทางพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับตัวละครจากโปเกมอน รวมทั้งมนุษย์มากมายที่ซ่อนความลับที่สามารถจะทำลายความสงบสุขและพร้อมทำลายจักรวาลของโปเกมอนให้หายไปทุกเวลา

10. John Wick 3: Parabellum (เข้าฉาย 17 พฤษภาคม)

ในภาคนี้นักฆ่าระดับพระกาฬที่ฆ่าคนเป็นร้อยเพื่อแก้แค้นให้หมาสุดที่รักอย่าง จอห์น วิค (รับบทโดย คีอานู รีฟส์) จะต้องถูกคนทั้งโลกตามล่าตัวพร้อมเงินรางวัลนำจับ 14 ล้านเหรียญสหรัฐ เพราะความระห่ำของเขาได้แหกกฎเหล็กด้วยการฆ่าคนในพื้นที่โรงแรมของคอนติเนนทัล ทำให้เขากลายเป็นศัตรูคนสำคัญของ ‘สภาสูง’ ทันที

เขามีเวลา 1 ชั่วโมงก่อนที่จะถูกยกเลิกการเป็นสมาชิกและถูกตัดการจากบริการในสังคมนักฆ่าทั้งหมด ด้วยสิทธิ์ของสมาชิกที่ยังเหลืออยู่ จอห์น วิค ต้องต่อสู้และลงมือฆ่าเพื่อเอาชีวิตรอดออกไปจากมหานครนิวยอร์กให้ได้

และเหยื่อในครั้งนี้คือสมาชิกจากสภาสูงที่สั่งตามล่าตัวเขาเอง ตามความเป็นจริง จอห์น วิค จะต้องถูกลงโทษทันที หากแต่ผู้จัดการโรงแรมวินสตันกลับต่อเวลาให้อีก 1 ชั่วโมง ก่อนเขาจะถูก ‘Excommunicado’ หรือถูกคว่ำบาตร ยกเลิกการเป็นสมาชิก ถูกแบนออกจากการบริการทั้งหมด และถูกตัดขาดจากสมาชิกคนอื่น ด้วยสิทธิ์ของสมาชิกที่ยังเหลืออยู่ จอห์น วิค ต้องต่อสู้และลงมือฆ่าเพื่อเอาชีวิตรอดออกไปจากมหานครนิวยอร์ก

11. Godzilla: King of the Monsters (เข้าฉาย 30 พฤษภาคม)

ภาคต่อของราชาสัตว์ประหลาด ‘โกจิระ’ จาก Godzilla (2014) โดยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสถาบันวิจัยสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่สมาชิกในองค์กรต้องเฝ้าดูการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างก็อดซิลล่ากับเจ้ามอธร่า โรแดน และสัตว์ประหลาดโบราณ คิง กิโดร่าห์

ระหว่างการเฝ้ามองราชาสัตว์ประหลาดต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ภาพอันทรงพลังและการต่อสู้อันดุเดือดก็ทำให้ฝ่ายมนุษย์เกิดคำถามขึ้นมา และพยายามค้นหาคำตอบว่าชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร หากต้องรับมือกับสัตว์ประหลาดเหล่านี้อีกครั้งจริงๆ

12. X-Men: Dark Phoenix (เข้าฉาย 7 มิถุนายน)

คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ในทีมเอ็กซ์เมนกลับกลายคนที่สนิทสนมกับพวกเขาดีที่สุด และเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีพลังมากที่สุดอย่าง จีน เกรย์

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อทีมเอ็กซ์เมนออกไปปฏิบัติภารกิจในอวกาศ แต่จีนถูกพลังลึกลับพุ่งเข้าใส่ ซึ่งมันมอบพลังให้เธอมหาศาล แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ควบคุมพลังที่ได้รับได้ยากขึ้นทุกที จนสุดท้ายพลังนั้นค่อยๆ กลืนกินตัวตนของเธอจนทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมทีมเกิดรอยร้าว และเธอต้องรีบดึงตัวเองกลับมาเพื่อปกป้องทั้งโลก และ ‘ครอบครัว’ ที่สำคัญที่สุดเอาไว้

13. Toy Story 4 (เข้าฉาย 21 มิถุนายน)

ถึงแม้ว่าบทสรุปของผองเพื่อนใน Toy Story จะปิดฉากอย่างสวยงามและน่าประทับใจไปตั้งแต่ Toy Story 3 ในปี 2010 แต่ด้วยความคิดถึงการผจญภัยที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พิกซาร์ก็จัดงานรียูเนียนให้พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

โดยเนื้อเรื่องจะไม่ต่อเนื่องกับ 3 ภาคที่ผ่านมา และเข้าสู่โหมดโรแมนติก-คอเมดี้เต็มตัว เน้นไปที่การเล่าเรื่องความสัมพันธ์ในการปลูกต้นรักระหว่างนายอำเภอวู้ดดี้และสาวน้อยตุ๊กตากระเบื้องโบพีพ รวมทั้งบัซไลเยียร์กับเจสซี่ ที่น่าจะเป็นอีกหนึ่งคู่ที่ได้จูงมือพากันไป ‘สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น’ ด้วยเหมือนกัน

14. Spider-Man: Far From Home (เข้าฉาย 5 กรกฎาคม)

หนังเปิดตัวเฟส 4 ของค่ายมาร์เวล หลังจบจากศึกธานอสใน Avengers: Endgame โดยภาคนี้จะเล่าเรื่องของ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ (รับบทโดย ทอม ฮอลแลนด์) ที่หนีไปพักร้อนอย่างสงบหลังเหตุการณ์ทั้งหมดจบลงไกลถึงแผ่นดินยุโรป แต่ก็ยังไม่วายมีคนมาดักรอเซอร์ไพรส์เพื่อจัดการเขาอยู่

และไม่ได้มีแค่ มิสเทริโอ (รับบทโดย เจค จิลเลนฮาล) ตัวร้ายหลักของภาคอย่างเดียว แต่ยังมี วัลเชอร์ (รับบทโดย ไมเคิล คีตัน) ตัวร้ายจากภาคแรกมาร่วมแจมด้วย

โดยทิศทางการนำเสนอในภาคนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นทิศทางใหม่ๆ ของมาร์เวลว่าจะหารูปแบบใหม่ๆ มานำพาทีมซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหม่ออกไปจากความสำเร็จที่เคยผ่านมาได้อย่างไรในวันที่ซูเปอร์ฮีโร่รุ่นใหญ่เริ่มโรยรากันหมดแล้ว

15. The Lion King (เข้าฉาย 19 กรกฎาคม)

การดัดแปลงแอนิเมชันในตำนานอย่าง The Lion King ให้กลายเป็นภาพยนตร์ฉบับ Live Action ที่แค่ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกมาแล้วได้เห็นฉากเปิดตัวในตำนาน เมื่อลิงราฟิกิอุ้มลูกสิงโตเกิดใหม่ชูขึ้นเหนือศีรษะเพื่อแสดงตัว ‘ซิมบ้า’ ให้เหล่าสัตว์ป่าที่มาชุมนุม นี่คือสิงโตเกิดใหม่ ลูกของมุฟาซาและซาราบี ว่าที่สิงโตซึ่งจะเติบโตมาเป็นจ่าฝูงของอาณาจักรตามคำที่มุฟาซาว่าไว้ “ทุกอย่างที่แสงสว่างส่องไปถึงคืออาณาจักรของเรา”

ความน่ารักของเจ้าซิมบ้าน้อย รวมทั้งการคารวะเวอร์ชันเก่าด้วยการถ่ายทำฉากสำคัญในเวอร์ชันใหม่ด้วยมุมกล้องแบบเดียวกันเป๊ะ ก็ยิ่งทำให้ The Lion King กลายเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่มีคนรอดูมากที่สุดในปี 2019

16. Hobbs And Shaw (เข้าฉาย 2 สิงหาคม)

ภาคแยกเรื่องล่าสุดจากแฟรนไชส์ Fast & Furious ที่ไหนๆ ในเรื่องก็ทะเลาะและมีปากเสียงกันตลอดเวลา ทางยูนิเวอร์แซล พิกเจอร์ส ก็เลยจัดแมตช์พิเศษให้ ลุค ฮอบส์ (รับบทโดย ดเวย์น จอห์นสัน) และเด็คการ์ด ชอว์ (รับบทโดย เจสัน สเตแธม) มาเผชิญหน้ากันแบบไม่ต้องมีคนขโมยซีนกันเต็มๆ ไปเลย

ยังไม่มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องหลักออกมา แต่อย่างน้อยนี่จะเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็น แฮทตี้ ชอว์ (รับบทโดย วาเนสซา เคอร์บี) น้องสาวที่สวย เท่ และฝีมือเฉียบขาดไม่แพ้พี่ชายอย่างเด็คการ์ด ชอว์ รวมทั้งสมาชิกครอบครัว ‘ฮอบส์’ แบบเต็มทีมครบทุกคนที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนเช่นกัน

17. It: Chapter Two (เข้าฉาย 6 กันยายน)

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายในภาคแรก แอนดี้ มัสเชียต ก็รีบเดินหน้าถ่ายทำภาค 2 ของตัวตลกสุดหลอนต่อทันที โดยจะเล่าเรื่องต่อจากภาคแรกหลังเวลาผ่านไป 27 ปี ที่กลุ่ม ‘เด็กขี้แพ้’ ที่โตเป็นผู้ใหญ่เดินทางกลับมาที่เมืองเพื่อเผชิญหน้าและหยุดยั้งเจ้าตัวตลกสุดหลอน เพนนีไวส์ ให้ได้อีกครั้ง

18. Joker (เข้าฉาย 4 ตุลาคม)

หลังจากรับหน้าที่เป็น ‘ตัวร้ายที่รัก’ ให้กับจักรวาลดีซีมาหลายเรื่อง ในที่สุดเราก็จะได้ดูการตีความตัวละครโจ๊กเกอร์ในยุคใหม่ด้วยฝีมือการกำกับของผู้กำกับสายดาร์กอย่าง ทอดด์ ฟิลลิปส์ และที่สำคัญคือการได้ โจอาคิน ฟีนิกซ์ มารับบทเป็น โจ๊กเกอร์ ที่ทำให้คนดูหลอนได้ตั้งแต่มีการปล่อยคลิปแคสติ้งบทนี้เป็นเวลา 30 วินาทีของเขาออกมา

เนื้อเรื่องจะเน้นไปที่เรื่องราวช่วงแรกเริ่มก่อนที่จะเป็นจุดกำเนิด Clown Prince of Crime หรือโจ๊กเกอร์อาชญากรอันดับหนึ่งแห่งเมืองก็อตแธม ว่ามีเหตุการณ์อะไรบ้าง ที่เข้ามาบีบคั้นให้นักแสดงตลกที่แสนธรรมดาต้องเปลี่ยนตัวเองให้เข้าสู่ด้านมืดได้ถึงขนาดนี้

19. Frozen 2 (เข้าฉาย 27 พฤศจิกายน)

“ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม” และเสียงเพลงสุดคลาสสิกของเจ้าหญิงเอลซ่าและผองเพื่อนกำลังจะกลับมาทำให้หัวใจของทุกคนชุ่มฉ่ำอีกครั้งในช่วงปลายปี 2019

ตอนนี้รายละเอียดทุกอย่างยังคงเป็นความลับ แต่ที่สบายใจได้อย่างหนึ่งคือยังได้ คริส บัค และเจนนิเฟอร์ ลี มารับหน้าที่กำกับเหมือนเดิม รวมทั้ง 4 ตัวละครหลักอย่างเอลซ่า, อันนา, โอลาฟ, และคริสตอฟ นั้นได้ทีมพากย์เสียงคนเดิมทั้ง ไอดินา เมนเซล, คริสเตียน เบล, จอช แกด และโจนาธาน กรอฟฟ์ มาแบบครบทีม

20. Star Wars: Episode IX

ภาคต่อของ The Last Jedi และเป็นภาคปิดฉากไตรภาคล่าสุดของอภิมหากาพย์สงครามแห่งจักรวาล โดยนอกจากชื่อที่ใช้ในการถ่ายทำว่า trIXie ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ของภาคนี้ออกมาอีกเลย

แต่แฟนๆ ส่วนใหญ่คาดเดาว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ คือการต่อสู้กันแบบซึ่งๆ หน้าระหว่าง เรย์ (รับบทโดย เดซี ริดลีย์) และไคโล เรน (รับบทโดย อดัม ไดรเวอร์) รวมทั้งนี่อาจจะเป็นการปิดฉากตำนาน ‘สกายวอล์กเกอร์’ ก่อนส่งผ่านให้กับเหล่าอัศวินรุ่นใหม่แบบเต็มตัวเสียที

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post The Lion King, Frozen, Godzilla, Captain Marvel จดลงปฏิทินไว้เลยกับลิสต์ 20 หนังไม่ควรพลาดในปี 2019 appeared first on THE STANDARD.