บทความชิ้นนี้ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน #NotAFinancialAdvice #DoYourOwnResearch

เป็นที่พูดถึงมากมายว่าเหรียญ Crypto Token ต่างๆ จะ Moon! จะเป็น Unicorn ตัวถัดไป! จะราคาพุ่งหลายเท่าตัว! อะไรคือเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนมากมายมีความเชื่อเช่นนี้ และทำไมต้องเป็นโปรเจกต์ที่เกี่ยวกับ Crypto Token

Bitcoin มีมูลค่าได้เพราะคนทั้งโลกเชื่อมั่นในระบบว่าเหรียญจะไม่หายไปไหน และไม่มีใครสามารถแก้ไขข้อมูลใดๆ ได้โดยมิชอบ หลายคนคงทราบแล้วว่านักลงทุนใช้ Bitcoin เป็นเครื่องมือต้านเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นกับหลายๆ สกุลเงินในประเทศต่างๆ เพราะเหรียญ Bitcoin จำกัดจำนวน Max Supply ไว้ที่ 21 ล้าน BTC (ปัจจุบันผลิตออกมาแล้วเกือบ 20 ล้าน BTC) โดยเงินเฟ้อจากการขุดเหรียญในปี 2024 เป็นต้นไปจะลดลงไปต่ำกว่า 1% ต่อปี และจะลดลงไปอีกครึ่งหนึ่งในทุกๆ 4 ปี เหมาะที่จะใช้งานเป็น Store of Value (การเก็บมูลค่าให้คงไว้) 

หากทำให้คนทั้งโลกใช้งาน Bitcoin เป็น Store of Value ได้ และเรารู้แล้วว่า BTC มีจำนวนจำกัดมาก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Demand จะมากกว่า Supply มหาศาล ทำให้เหรียญราคาพุ่งขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วและรุนแรง to the moon!

แล้วเหรียญอื่นๆ ทำไมถึงมีมูลค่า? เหรียญ Token ต่างๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเครือข่ายของ Ethereum และ BNB Chain ซึ่งถูกสร้างไว้เพื่อรองรับการใช้งาน DeFi, NFT, Metaverse, GameFi ฯลฯ การวัดมูลค่าของ Token เหล่านี้จะต่างจากการประเมินมูลค่าของ Bitcoin เป็นอย่างมาก เพราะ Token มีการใช้งานหลายรูปแบบมาก แล้วแต่การออกแบบเหรียญและระบบ Tokenomics (จำนวนเหรียญ การปล่อยเหรียญ การใช้งานเหรียญ ฯลฯ) 

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Token เหล่านี้ทำงานในระบบเครือข่าย Decentralized Blockchain ที่สามารถเชื่อมต่อคนทั้งโลกเข้าด้วยกันได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย Market Size หรือขนาดของตลาดสำหรับ Crypto Start up จึงใหญ่มากๆ เมื่อเทียบกับ Start-up ประเภทอื่นๆ 

นักลงทุนสามารถฝันไปไกลได้เลยว่าเหรียญ Token ไหนสามารถดึงดูดให้มีผู้ใช้งานได้จากทั่วโลก เหรียญ Token นั้นจะมี Network Value ที่สูงมาก และจะนำไปสู่ผลกำไรมหาศาลต่อผู้ถือเหรียญ Token นั้นๆ

ดังนั้นเมื่อนักลงทุนคริปโตพูดถึงโปรเจกต์ Crypto Token ที่น่าสนใจ สิ่งที่นักลงทุนคาดหวังเป็นอย่างแรกคือการเกิด Blockchain Adoption ที่จะทำให้คนทั่วโลกหันมาใช้งานระบบเครือข่ายต่างๆ นั่นเอง

หากยังไม่มีผู้ใช้งาน ก็จะไม่มีเหรียญไหนสร้างพื้นฐานมูลค่าอะไรได้เลย ดังนั้น Global Crypto Adoption จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ และเป้าที่หลายๆ คนตั้งไว้ก็คืออีกพันล้านคนในเร็วๆ นี้

จะทำอย่างไรให้เกิด The Next Billion Users ได้ สิ่งที่ Crypto Community กำลังพยายามพัฒนาอยู่ก็คือ

1. ทำให้คริปโตเป็นที่ยอมรับของหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก
2. Corporate Adoption หรือการให้บริษัทและองค์กรต่างๆ หันมาใช้ / ลงทุนในคริปโตและบล็อกเชน
3. พัฒนา UX / UI (User Experience / Interface) ให้เข้าใจง่ายและปลอดภัยที่สุด

ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เกิด Crypto Adoption ซึ่งมีจุดที่เรียกว่า Tipping Point อยู่ หากมีคนจำนวนมากเข้าร่วม สิ่งที่ตามมาก็คือ Network Effect ทั้งแบบทางตรง (Direct) และทางอ้อม (Indirect) ที่จะทำให้การเติบโตพุ่งขึ้นแบบ Exponential Growth ในทันที

ในตอนนี้สิ่งที่ดึงความสนใจของนักลงทุนทั่วโลกคือราคาและปริมาณซื้อขาย ผมจึงอยากให้เข้าใจที่มาและเหตุผลของราคาและปริมาณซื้อขายที่สูงว่าเกิดจากการคาดการณ์อะไร 

มีเหรียญ Token มากมายที่ไม่ได้ส่งเสริมหรือได้รับผลประโยชน์จาก Global Adoption และยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลต่อมูลค่าเหรียญ ดังนั้น ก่อนที่จะลงทุนในเหรียญอะไร ควรศึกษาให้ดีว่าใครเป็นผู้สร้าง เหรียญทำอะไรได้ จะสร้างมูลค่าคืนให้ผู้ถือเหรียญอย่างไร เหรียญจะหา User จากไหน หรือจะมีคู่แข่งที่เก่งกว่าเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปหมดหรือไม่ ฯลฯ 

เราต้องมีแนวทางในการบริหารความเสี่ยงที่ดีมากๆ ถึงจะอยู่รอดในตลาดคริปโตได้

ติดตามข่าวสารได้ที่ Brook Digital Asset 

• Facebook: https://www.facebook.com/BrookDigitalAsset 
• X (Twitter): https://twitter.com/BrookerGroupPLC

The post ประเมินมูลค่าคริปโตอย่างไร และทำไมต้องมี Crypto Adoption สู่ผู้ใช้งานนับพันล้าน appeared first on THE STANDARD.

ก.ล.ต. ออกหลักเกณฑ์กำกับดูแลผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) และการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำกับดูแลผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) และการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนและเหมาะสมมากขึ้น มีมาตรฐานเทียบเคียงได้กับที่ปรึกษาทางการเงินด้านหลักทรัพย์ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและช่องทางการเข้าถึงลูกค้าในการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2566

ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 มีมติเห็นชอบหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแล ICO Portal และหลักเกณฑ์การเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การกำกับดูแลมีความชัดเจนและเหมาะสมยิ่งขึ้น และมีมาตรฐานเทียบเคียงได้กับที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) ในกรณีการออกเสนอขายหลักทรัพย์ โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) รวมทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแก้ไขข้อขัดข้องและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้าในการเสนอขายโทเคนดิจิทัล โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการเมื่อเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2565 และร่างประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2565 – มกราคม 2566 โดยผู้แสดงความเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว

สำนักงาน ก.ล.ต. จึงออกประกาศเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำกับดูแล ICO Portal และการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง โดยมีสรุปสาระสำคัญดังนี้

1. ห้าม ICO Portal รับทำหน้าที่เป็น ICO Portal ให้กับผู้ออกโทเคนดิจิทัลที่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เช่น มีการถือหุ้นระหว่างกัน มีกรรมการ ผู้บริหาร ผู้รับผิดชอบสูงสุดหรือพนักงานของ ICO Portal ที่ทำหน้าที่กลั่นกรองโทเคนดิจิทัลที่จะเสนอขายเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกับกรรมการของผู้ออกโทเคนดิจิทัล หรือมีความเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียระหว่างกันในลักษณะที่อาจทำให้ขาดความเป็นอิสระในการทำหน้าที่

2. ICO Portal สามารถมอบหมายงานให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับดำเนินการในงานที่เกี่ยวข้อง (Outsource) ได้เฉพาะงานที่เกี่ยวกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ได้แก่ งานติดต่อและให้บริการแก่ลูกค้า และงานสนับสนุนด้านการเสนอขายและการจองซื้อโทเคนดิจิทัล เป็นต้น โดยห้ามมอบหมายงานหลักของการให้บริการ ICO Portal เช่น การกลั่นกรองโครงการเสนอขายโทเคนดิจิทัล นอกจากนี้ ICO Portal ต้องกำหนดนโยบาย มาตรการ และวิธีการในการมอบหมายงาน Outsource รวมถึงต้องปฏิบัติและตรวจสอบดูแลให้ผู้รับดำเนินการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และต้องแจ้งรายละเอียดและรายงานสรุปการ Outsource ให้สำนักงาน ก.ล.ต. ทราบด้วย

3. ปรับปรุงกฎเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ได้แก่ การติดตามการดำเนินงานของ ICO Portal ภายหลังได้รับความเห็นชอบ โดยกำหนดให้ ICO Portal ต้องแจ้งสำนักงาน ก.ล.ต. กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือการทำหน้าที่ของตนเอง รวมทั้งมีการปรับปรุงข้อกำหนดตามประกาศเกี่ยวกับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนให้ชัดเจนและครอบคลุมหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน

ทั้งนี้ การออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2566 และสำหรับ ICO Portal ที่รับทำหน้าที่เสนอขายโทเคนดิจิทัลโดยมีการทำข้อตกลงหรือสัญญากับผู้ออกโทเคนดิจิทัลไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ หากการรับทำหน้าที่ ICO Portal ไม่เป็นไปตามข้างต้น ICO Portal ดังกล่าวจะรับทำหน้าที่ตามที่ผูกพันไว้ต่อไปก็ได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• จับตา หุ้น STARK ตั้งอดีต ผอ. กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน นั่งประธานกรรมการคนใหม่ หลังเลื่อนส่งงบปี 65
• BJC ยื่นไฟลิ่งขาย IPO ‘บิ๊กซี รีเทล’ จำนวน 3,729.99 ล้านหุ้น จ่อเข้า SET นำเงินระดมทุนคืนหนี้-ลุยขยายธุรกิจ
• ตลาดฯ ขู่ยกระดับ DELTA เข้ามาตรการกำกับระดับ 2 และ 3 โบรกแนะขายหลังราคาสะท้อนข่าวดีไปมากแล้ว

The post ก.ล.ต. กำหนดเกณฑ์กำกับ ICO Portal ห้ามเกี่ยวข้องผู้ออกโทเคนดิจิทัล มีผลตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2566 appeared first on THE STANDARD.

Larry Fink ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BlackRock หนึ่งในบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (Assets Under Management: AUM) มากที่สุดในโลก ชี้ว่า Tokenization จะเป็นเทรนด์สำคัญถัดไปในโลกคริปโต

โดยในช่วงที่ผ่านมา ‘Bitcoin’ คือสิ่งที่ทุกคนต่างสนใจสำหรับการลงทุนในโลกคริปโตเคอร์เรนซี แต่ตอนนี้ทุกคนต่างมองหาว่าอะไรจะเป็นโอกาสที่สำคัญในอนาคต

ซึ่ง Fink ได้ยกตัวอย่างพัฒนาการสำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์ในประเทศบราซิล และส่วนอื่นในประเทศแถบแอฟริกาว่ามีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก หากเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วแบบสหรัฐอเมริกาที่ในขณะนี้ต้นทุนการทำธุรกรรมยังคงสูงอยู่

ทางผู้บริหารของ BlackRock จึงมองว่า นั่นคือโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพในตลาดทุน และเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนไปยังนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ได้มากขึ้น

Fink ชี้ว่า นั่นคือการนำสินทรัพย์มาแบ่งสัดส่วนหรือการทำ Tokenization ที่เป็นโอกาสสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตในอนาคต

ณ ขณะนี้ Fink ก็ได้ยืนยันแล้วว่า BlackRock กำลังศึกษาเกี่ยวกับบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อหาโอกาสในการนำหุ้นหรือพันธบัตรมาแบ่งสัดส่วนเป็นโทเคน (Tokenization)

นอกจากนี้ Fink ยังกล่าวว่า แม้ตอนนี้ในอุตสาหกรรมคริปโตจะยังไม่มีความชัดเจนสำหรับการกำกับดูแล แต่เขาก็ขอยืนยันให้กับนักลงทุนมั่นใจได้ว่า BlackRock จะใช้มาตรฐานและคุณภาพเดียวกันในการดูแลธุรกิจคริปโตเหมือนกับที่ใช้ในธุรกิจอื่นๆ ในเครือ

ล่าสุด Fink ยังได้กำชับไว้ในงานสัมมนาว่า ธุรกิจจำนวนมากในคริปโตจะล้มเหลว เพราะทาง BlackRock เองก็ยังขาดทุนจากการลงทุนใน FTX อดีตแพลตฟอร์มเทรดคริปโตเบอร์ 2 ของโลก ไปกว่า 24 ล้านดอลลาร์ (ราว 720 ล้านบาท) เช่นเดียวกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ย้อนรอยวิกฤตคริปโต การล่มสลายของ FTX รอบนี้จะสั่นสะเทือนตลาดคริปโตได้เหมือนรอบ Mt.Gox ปี 2014 หรือไม่?
• บิล แอคแมน เริ่มใจอ่อน เผย มองคริปโตในมุมบวกมากขึ้น ถึงขั้นเริ่มเข้าลงทุนบ้างแล้ว
• แม้แต่ ‘จัสติน บีเบอร์’ ยังขาดทุน! ผลงาน NFT จาก Bored Ape Yacht Club ที่ซื้อมาด้วยราคา 46.4 ล้านบาท ตอนนี้หล่นลงเหลือ 2.5 ล้านบาท

อ้างอิง: 

• https://u.today/forget-bitcoin-blackrock-ceo-touts-next-big-thing-in-crypto

The post ผู้บริหาร BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำของโลกชี้ว่า ‘Tokenization’ จะเป็นเทรนด์สำคัญในโลกคริปโต appeared first on THE STANDARD.

Celsius ประกาศวันนี้ (14 กรกฎาคม) ว่าบริษัทได้ยื่นฟ้องล้มละลายอย่างเป็นทางการ และเริ่มขอฟื้นฟูกิจการตามหมวดหมู่ที่ 11 กับเขตทางใต้ของนิวยอร์ก โดยหวังที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้แข็งแกร่งขึ้น ราคาโทเคน CEL ดิ่งลงทันทีมากกว่า 50% ก่อนที่ฟื้นตัวขึ้นมาได้บางส่วน

Celsius ยื่นฟ้องล้มละลายต่อจาก 3AC และ Voyager Digital 

หลังจากที่ก่อนหน้านี้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ Three Arrows Capital (3AC) ได้รับคำสั่งจากศาลในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินให้ล้มเลิกกิจการคริปโตเคอร์เรนซี ตามด้วย Voyager Digital โบรกเกอร์สกุลเงินดิจิทัลที่ยื่นฟ้องล้มละลายไป สำหรับวันนี้ (14 กรกฎาคม) บริษัท Celsius เป็นอีกรายที่ได้ยื่นฟ้องล้มละลายอย่างเป็นทางการ และเร่ิมขอฟื้นฟูกิจการตามหมวดหมู่ที่ 11 หลังจากที่บริษัทพยายามต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อให้ดำเนินต่อไปได้ หลังจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดที่ผ่านมา

บริษัท Celsius พยายามต่อสู้กับวิกฤตสภาพคล่องมาตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายนปี 2022 ล่าสุดบริษัทได้ชำระหนี้บางส่วน เพื่อปลดล็อกเงินทุนของผู้ใช้ในโปรโตคอลการให้กู้ยืมต่างๆ รวมถึง Aave และ Compound

หมวดหมู่ที่ 11 เป็นรูปแบบหนึ่งของกระบวนการล้มละลาย ที่ช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ในขณะที่มีการปรับโครงสร้างและภาระผูกพันของบริษัท แผนการปรับโครงสร้างองค์กรที่เสนอจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของเจ้าหนี้ และหากไม่มีการเสนอแนะแผน เจ้าหนี้อาจเสนอแผนแทน

Celsius เชื่อว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการขับเคลื่อนธุรกิจ และมีเป้าหมายที่จะหลุดจากการล้มละลาย เพื่อกลับมาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

บริษัทกล่าวว่า มีเงินสดในมือจำนวน 167 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีสภาพคล่องเพียงพอเพื่อรองรับการดำเนินงานบางอย่างในระหว่างกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ โดย Celsius มีเป้าหมายที่จะกลับมาดำเนินการต่อไปตามปกติ

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนที่แล้ว Celsius ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดคริปโต โดยการประกาศระงับการฝาก ถอน และแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์มชั่วคราว จนถึงตอนนี้ Celsius ก็ยังไม่อนุญาตให้ลูกค้าถอนเงินจากแพลตฟอร์ม ซึ่งเจ้าหนี้และลูกค้าหวังว่าจะได้รับเงินผ่านกระบวนการตามหมวดหมู่ที่ 11 ที่ยื่นไป

โทเคน CEL ดิ่งลงทันทีกว่า 50% หลังจากประกาศล้มละลาย

หลังจากที่มีการประกาศล้มละลาย ข้อมูลจาก CoinGecko แสดงให้เห็นว่าราคาโทเคน CEL ได้ร่วงลงทันทีมากกว่า 50% โดยดิ่งลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 0.376 ดอลลาร์ต่อโทเคน และ ณ เวลา 14.30 น. ราคาฟื้นตัวขึ้นมาได้บางส่วนอยู่ที่ 0.595 ดอลลาร์ ซึ่งลดลงมากกว่า 20% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และร่วงลงมากกว่า 30% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

นอกจากนักลงทุนจำนวนมากจะฟ้องดำเนินคดีกับบริษัทแล้ว อดีตพนักงานของบริษัทก็ยื่นฟ้องด้วยเช่นกัน พวกเขาอ้างว่า Celsius ดำเนินธุรกิจซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ (Ponzi Scheme) ซึ่งคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Celsius จะสามารถรอดพ้นจากวิกฤตล้มละลายครั้งนี้ได้หรือไม่

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น

อ้างอิง:

• https://beincrypto.com/celsius-files-chapter-11-bankruptcy-brings-new-directors/

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post ไปอีกราย! Celsius ยื่นล้มละลายอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้โทเคน CEL ร่วงลงทันทีกว่า 50% appeared first on THE STANDARD.

หลายคนอาจเคยได้ยินสำนวนที่ว่า To the Moon and Back ที่หากแปลตรงตัวคือ ‘ถึงดวงจันทร์และกลับมา’ ซึ่งดูเป็นคำพูดที่แปลกๆ อยู่ไม่น้อย

แต่ถ้าคำนี้ออกจากปากคนที่คุณแอบชอบหรือคนรักของคุณ สำนวนนี้จะมีความหมายที่เปลี่ยนไปและแฝงด้วยความโรแมนติกทันที เพราะคำนี้จะหมายถึงความรักที่มีระยะทางระยะไป-กลับดวงจันทร์ หรือรักคุณเท่าฟ้านั่นเอง

ดูๆ ไปคำว่า To the Moon ก็ดูเป็นคำที่โรแมนติก แต่เมื่อใดก็ตามที่คำนี้เกิดขึ้นในแวดวง ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ หรือสินทรัพย์ดิจิทัล แล้วล่ะก็ ต้องบอกว่านี่เป็นคำที่คนในวงการอยากให้เกิดขึ้นบ่อยๆ

เพราะคำว่า Moon หรือพระจันทร์ มักจะถูกพูดถึงในห้วงเวลาที่ราคาของเหรียญนั้นๆ พุ่งขึ้นไปภายในระยะเวลาอันสั้น เปรียบเสมือนกราฟเป็นจรวดที่กำลังทะยานทะลุชั้นบรรยากาศออกนอกโลกไปสู่ดวงจันทร์ เป็นที่มาของการเรียกราคาที่กำลังพุ่งทะยานว่า ‘To the Moon’ นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น ในวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ราคาในตลาดต่างประเทศของบิทคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยม ได้ขึ้นมาทะลุ 6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐอีกครั้ง ทำให้ราคาบิทคอยน์ที่ซื้อขายในประเทศไทยปรับตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 2 ล้านบาทต่อบิทคอยน์เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์

หรือ Zipmex Token (ZMT) เหรียญของ Zipmex เอง สร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยการทำราคา All Time High กว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ 

เพื่อชวนทุกคนมา To the Moon ไปด้วยกัน Zipmex หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซียอดนิยมของเอเชีย จึงได้เกิดไอเดียแสนเก๋ โดยการนำ ‘พระจันทร์’ ดวงใหญ่ไปตั้งไว้ใจกลางเมือง เพื่อสื่อถึงเป้าหมายที่อยากจะชวนบินสู่ดวงจันทร์ไปพร้อมกัน

โดยในวันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน – 3 กรกฎาคมนี้ พระจันทร์ดวงใหญ่จะถูกนำไปตั้งที่ลานพาร์คพารากอน ซึ่งไม่ได้เอามาตั้งให้คุณถ่ายรูปเช็กอินเฉยๆ แต่ยังมีเกมมาให้เล่นด้วย

เพียงถ่ายรูปที่คุณครีเอทีฟที่สุดกับพระจันทร์ของ Zipmex รูปไหนครีเอทีฟได้เก๋ที่สุด 10 ท่าน รับเลยเสื้อยืด Zipmex Day Limited Edition ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ไทย VVON SUGUNNASIL สำหรับงาน Zipmex Day เท่านั้น! กติกาง่ายๆ 

1. เพียงโพสต์รูปที่ถ่ายกับ Zipmex’s Moon 
2. โพสต์ลงโซเชียลมีเดีย และตั้งเป็น Public 
3. ติดแท็ก #ZipmexDay

โดยจะมีการประกาศผลผ่านทาง Facebook Zipmex Thailand วันที่ 4 กรกฎาคม นอกจากเกมดังกล่าวแล้ว ทาง Zipmex ยังมีเกมอื่นๆ ที่สามารถชิงของรางวัลได้อีกมากมายกว่า 1 ล้านบาท ให้ร่วมสนุกง่ายๆ เพียงแค่ลงทะเบียนที่ bit.ly/2TQX3Ye

อย่าลืมติดตาม ZipDay วันที่จะให้คุณเปิดประสบการณ์ที่ไร้ขีดจำกัดไปกับ Zipmex ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 กรกฎาคมนี้ ในทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของ Zipmex และที่พลาดไม่ได้คือ Zipmex Day Virtual Event ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 ติดตามชมไลฟ์นี้กันให้ดี เพราะจะพาคุณไปพบกับคอนเซปต์ของ ZipWorld และ Special Performance จากศิลปินดาราดังที่ไม่เคยได้ชมที่ไหนมาก่อนให้ได้รับชมอย่างเต็มอิ่ม

ส่วนปรากฏการณ์นี้จะครองเมืองแค่ไหน คอยสังเกตและติดตามได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!

อ้างอิง:

• https://siamblockchain.com/2018/06/28/what-event-make-coin-moon/
• https://www.thansettakij.com/content/tech/429493
• https://thestandard.co/bitcoin-exceed-2-million-baht/

The post To the Moon ไปด้วยกัน! Zipmex ผุดไอเดียเก๋ นำพระจันทร์มาตั้งไว้ใจกลางเมือง เพื่อชวนคุณบินไปพร้อมกัน appeared first on THE STANDARD.

เมื่อโลกมีการพัฒนามากขึ้น ผู้คนก็มักจะมองหาทางเลือกที่ดีกว่า เช่นกันกับเรื่องของการเงิน ซึ่งปัจจุบันอาจเรียกได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ ทำให้แนวทางในการบริหารจัดการการเงินอาจเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีตที่ผ่านมา

‘เทคโนโลยี’ และคำว่า ‘ดิจิทัล’ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของการเงิน ซึ่งหลายทศวรรษที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ปัจจุบัน ‘เงิน’ ในรูปแบบที่เรารู้จักกันมานาน กำลังถูกท้าทายด้วย ‘เงิน’ ในยุคดิจิทัล

หลายคนน่าจะเริ่มคุ้นชินหรือเคยได้ยินเรื่องราวของ ‘สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency)’ กันมาบ้าง ซึ่งในมุมมองของ พราว ลิ่มพงศ์พันธุ์ Chief Strategy Officer ของ Zipmex เชื่อว่า “สกุลเงินดิจิทัลจะเริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของผู้คนในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่แค่เทรนด์ในระยะสั้น หลังจากที่เราเริ่มเห็นแล้วว่า หลายบริษัทระดับโลกหันมาสนใจ และให้การยอมรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”

การเข้ามาของเงินในรูปแบบใหม่ ทำให้คนมีทางเลือกสำหรับการบริหารจัดการเงิน (Personal Finance) ได้หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล (Personal Lifestyle) ที่แตกต่างกัน

ในมุมของพราวมองว่า สกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ เป็นทางเลือกสำหรับการออมเงินที่น่าสนใจในปัจจุบัน เดิมทีคนไทยเลือกออมเงินประมาณ 30% ของเงินที่หามาได้ไว้กับธนาคาร ซึ่งจะเห็นว่าดอกเบี้ยในปัจจุบันค่อนข้างต่ำ ทำให้เงินออมเหล่านี้ไม่สามารถที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ และมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อถูกนำไปใช้ 

“หากมองไปยังประเทศที่พัฒนาแล้ว จะเห็นว่าผู้คนมีแนวโน้มที่จะกระจายเงินออมไปยังสินทรัพย์อื่นๆ มากขึ้น นอกเหนือจากเงินฝาก ซึ่งประเทศไทยเองก็น่าจะเดินไปในทิศทางนี้เช่นเดียวกัน”

ในฐานะแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Zipmex ให้ความสำคัญกับเรื่องของการบริหารจัดการเงินของแต่ละบุคคลอย่างมาก ซึ่งทำให้ Zipmex พยายามออกแบบการให้บริการและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องนี้

อย่างบริการสำหรับการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล และให้ผลตอบแทนคล้ายกับบัญชีฝากประจำ โดย Zipmex จะคำนวณอัตราผลตอบแทนรายปีที่กำหนดไว้ และให้เป็นรายวันตามที่ฝากไว้ เช่น กรณีการฝากบิตคอยน์ผ่าน Zipmex ผลตอบแทนที่ผู้ฝากได้รับจะอยู่ที่ 4.5% ต่อปี ในรูปแบบเดียวกับสินทรัพย์ที่ฝาก

นอกจากการรับฝากสกุลเงินดิจิทัลโดยทั่วไปแล้ว Zipmex ยังเป็นแพลตฟอร์มแรกของไทยซึ่งมีสินทรัพย์ดิจิทัลที่เรียกว่า ‘โทเคน (Token)’ ของตัวเอง ภายใต้ชื่อ Zipmex Token (ZMT)

ZMT เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มของ Zipmex ซึ่งนอกจากผลตอบแทนในรูปของส่วนต่างราคา ZMT จะให้ผลตอบแทนในรูปของสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น อัตราผลตอบแทน 12% ต่อปี และมีสิทธิจะขยับขึ้นไปถึง 16% ต่อปี สำหรับการสมัคร ZipLock ซึ่งเป็นเหมือนกับการฝากประจำเป็นเวลา 90 วัน

“เราอยากเป็น Alternative Investment Platform อย่างแท้จริง ทำให้บริการของ Zipmex ไม่ได้หยุดอยู่แค่เพียงการเปิดให้ผู้คนเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนเท่านั้น แต่ยังมุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล เพื่อช่วยเติมเต็มชีวิตในด้านต่างๆ” 

ผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์จาก Zipmex Token

อ้างอิง: Zipmex (Thailand) 

ขณะเดียวกันการถือครอง ZMT ในปริมาณที่มากขึ้น จะคล้ายกับการฝากเงินที่มากขึ้นถึงระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เราได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม โดยการฝาก 20,000 ZMT ขึ้นไปบน ZipLock หรือเป็นระดับ ZipCrew จะช่วยเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากการถือสินทรัพย์ต่างๆ อีก 2% รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น สิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมหรือการเปิดตัวสินค้าใหม่ อย่างเช่น การเป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์ VVON และมีโอกาสได้รับสินค้าลิมิเต็ดเอดิชัน รวมถึงโอกาสรับประทานอาหารจากร้านมิชลินสตาร์ Juban หรือเข้าร่วมอีเวนต์พิเศษในแต่ละเดือน

“โดยธรรมชาติแล้วไลฟ์สไตล์ของคนเรามักจะควบคู่ไปกับเรื่องการเงินอยู่แล้ว ทำให้ Zipmex มุ่งที่จะออกแบบบริการและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ช่วยให้ทุกคนได้สนุกไปกับการเรียนรู้เรื่องของการเงิน โดยเฉพาะการวางแผนสำหรับอนาคต”

สำหรับ Zipmex แล้ว เราต้องการจะเป็นคอมมูนิตี้สำหรับการเรียนรู้เรื่องของการออม และการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ และได้ลองเปิดรับโอกาสภายใต้โลกการเงินยุคดิจิทัล ซึ่งกำลังเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประกับวันของเรามากขึ้นทุกวัน 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post Zipmex Token ทางเลือกของสินทรัพย์ลงทุนในยุคดิจิทัล [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

โลกของการลงทุนกำลังเปลี่ยนแปลงไป ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ คืออีกทางเลือกสำหรับการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตที่เข้าถึงได้

Zipmex คือแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการลงทุนของตัวเอง
(Advertorial)

The post ชมคลิป: สินทรัพย์ดิจิทัลมีดีอย่างไร appeared first on THE STANDARD.