อีกไม่กี่วันการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเปิดฉากขึ้น ซึ่งสองผู้สมัครทั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน และ คามาลา แฮร์ริส จากเดโมแครต ต่างขับเคี่ยวหาเสียงเพื่อหวังคว้าชัยใน 7 รัฐ Swing State หรือรัฐสมรภูมิที่จะตัดสินว่าใครชนะ เพราะรัฐเหล่านี้ยังไม่ตัดสินแน่ชัดว่าจะเลือกใคร และผลก็ออกได้ทั้งสองหน้า

ตามระบบเลือกตั้งของสหรัฐฯ ผู้สมัครที่ชนะรัฐใดจะได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) ของรัฐนั้นไปทั้งหมด ซึ่งคณะผู้เลือกตั้งนี้จะไปลงคะแนนเลือกประธานาธิบดีตามเสียงของประชาชนส่วนใหญ่อย่างเป็นทางการอีกทีหนึ่ง

รัฐ Swing State ในปีนี้มีรัฐไหนบ้าง แต่ละรัฐมี Electoral College จำนวนเท่าไร

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post 7 รัฐ Swing State มีรัฐอะไรบ้าง แต่ละรัฐมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งเท่าไร appeared first on THE STANDARD.

มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง กลับสู่เส้นทางรณรงค์หาเสียงอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่งานประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยขึ้นปราศรัยมุ่งหาเสียงกับกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ชายและกลุ่มอื่นๆ ที่พรรคเดโมแครตพยายามกระตุ้นให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง

มิเชลขึ้นเวทีแนะนำ คามาลา แฮร์ริส ในการชุมนุมที่จัดขึ้นที่รัฐมิชิแกน โดยกล่าวว่าการแข่งขันระหว่างแฮร์ริสและอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นั้น ‘ใกล้เคียงเกินกว่าที่เธอจะพอใจ’ และเธอกังวลลึกๆ ว่าคนจำนวนมากยังคงสับสนและเชื่อในเรื่องที่บิดเบือนจากคนที่ไม่ได้หวังดีต่อเรา

นอกจากนี้เธอยังวิจารณ์การทำงานของทรัมป์จากวิธีการจัดการกับโควิด ไปจนถึงบทบาทของเขาในเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 และเธอยังนำเสนอจุดยืนเกี่ยวกับสิทธิการทำแท้ง ซึ่งมุ่งเน้นกลุ่มผู้ชายอย่างชัดเจน โดยกล่าวว่า “อย่ามัวแต่นั่งบ่น เราต้องลงมือทำ”

การกลับมาของมิเชลสร้างความหวังให้กับพรรคเดโมแครตในรัฐมิชิแกนมากขึ้น แม้ผลสำรวจแฮร์ริสยังนำอยู่ในบางโพล แต่คะแนนสูสีมาก และสถานการณ์อาจพลิกได้ตลอด ขณะที่ข้อมูลการลงคะแนนล่วงหน้าจากรัฐนี้พบว่ามีผู้ลงคะแนนล่วงหน้าแล้วเกือบ 1.5 ล้านคน

ผลสำรวจยังแสดงสัญญาณบวกต่อแฮร์ริส การสำรวจจาก Quinnipiac University แสดงให้เห็นว่าแฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์ 49 ต่อ 46 ในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐ ขณะที่ทรัมป์พยายามดึงดูดกลุ่มผู้ใช้แรงงาน โดยเฉพาะสหภาพแรงงาน UAW ด้วยการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์

ทั้งนี้ แฮร์ริสและทรัมป์จัดกิจกรรมหาเสียงในมุมต่างๆ ของรัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นรัฐสวิงสเตทสำคัญ โดยทรัมป์อยู่ที่โนวีชานเมืองดีทรอยต์ ส่วนแฮร์ริสมีมิเชลมาร่วมสนับสนุนที่เมืองคาลามาซู และพยายามเพิ่มคะแนนเสียงในเขตที่เคยสนับสนุน ฮิลลารี คลินตัน ในปี 2016 และ โจ ไบเดน ในปี 2020

ภาพ: Reuters

อ้างอิง:

• https://www.politico.com/news/2024/10/26/michelle-obama-harris-michigan-dems-00185701

The post มิเชล โอบามา ลุยรัฐมิชิแกน ช่วยแฮร์ริสสู้ศึกเลือกตั้ง หวังชิงคะแนนเสียงกลุ่มผู้ชาย appeared first on THE STANDARD.

การดีเบตประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรกระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน จะมีขึ้นในช่วงค่ำวันนี้ (10 กันยายน) ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเช้าวันพรุ่งนี้ (11 กันยายน) ตามเวลาไทย ท่ามกลางโพลสำรวจความคิดเห็นจากชาวอเมริกันที่ชี้ว่าทั้งสองผู้สมัครยังคงขับเคี่ยวกันอย่างสูสี

โพลสำรวจความเห็นชาวอเมริกันทั่วประเทศจาก New York Times/Siena College ชี้ว่าทรัมป์ยังมีคะแนนนิยมนำหน้าแฮร์ริสอยู่เล็กน้อยที่ 48% ต่อ 47%

ในขณะที่โพลจาก CBS News/YouGov ระบุว่าแฮร์ริสเป็นฝ่ายเบียดนำทรัมป์ที่ 40% ต่อ 38% เช่นเดียวกับโพลจาก 538/ABC News ที่ชี้ว่าแฮร์ริสนำหน้าทรัมป์อยู่ที่ 47.2% ต่อ 44.4%

สำหรับใน Swing States หรือรัฐสมรภูมิ (Battleground States) ที่ยังไม่แน่นอนว่าใครจะชนะ และอาจเป็นรัฐชี้ขาดการเลือกตั้ง ปรากฏว่าโพลจากแทบทุกสำนักชี้ว่าแฮร์ริสนำหน้าทรัมป์อย่างชัดเจนในรัฐเพนซิลเวเนีย มิชิแกน และวิสคอนซิน

ขณะที่โพลจาก The Washington Post และ 538/ABC News ชี้ว่าทรัมป์มีคะแนนนำในรัฐแอริโซนาและนอร์ทแคโรไลนา ส่วนในรัฐจอร์เจียและเนวาดา ทั้งสองฝ่ายยังมีคะแนนสูสี

ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร

อ้างอิง:

• https://www.nytimes.com/2024/09/08/us/politics/trump-and-harris-times-siena-poll.html
• https://www.washingtonpost.com/elections/interactive/2024/presidential-polling-averages/?itid=lk_inline_manual_3
• https://today.yougov.com/topics/politics/explore/topic/2024_Presidential_Election
• https://projects.fivethirtyeight.com/polls/president-general/2024/national/
• https://www.bbc.com/news/articles/cj4x71znwxdo
• https://www.aljazeera.com/news/2024/9/9/poll-suggests-trump-harris-in-a-tie-ahead-of-first-presidential-debate

The post โพลชี้ แฮร์ริส vs. ทรัมป์ คะแนนสูสีก่อนดีเบตแรก appeared first on THE STANDARD.

หนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คือรัฐที่เรียกว่า Battleground States (รัฐสมรภูมิ) หรือ Swing State ซึ่งเป็นรัฐที่ผู้สมัครจาก 2 พรรคการเมืองหลักอย่างเดโมแครตและรีพับลิกันยังมีคะแนนนิยมสูสีกันเกินกว่าจะบอกได้ว่าพรรคไหนจะเป็นผู้ชนะ 

ในการเลือกตั้งปี 2024 มี 7 รัฐที่ได้รับการจับตาว่าเป็น Battleground States ประกอบด้วย แอริโซนา (Arizona), จอร์เจีย (Georgia), เนวาดา (Nevada), นอร์ทแคโรไลนา (North Carolina), เพนซิลเวเนีย (Pennsylvania), มิชิแกน (Michigan) และวิสคอนซิน (Wisconsin) 

โดยผู้ที่คว้าชัยในรัฐเหล่านี้มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นผู้นำทำเนียบขาว 

ขณะที่โพลสำรวจความคิดเห็นจาก The New York Times และ Siena College ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ชี้ว่า ทั้งรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ยังมีคะแนนสูสีกัน 

โดยแฮร์ริสนั้นได้รับคะแนนนิยมมากกว่าเล็กน้อยใน 4 รัฐ คือ นอร์ทแคโรไลนา, เพนซิลเวเนีย, มิชิแกน และวิสคอนซิน ส่วนทรัมป์นำหน้าในอีก 3 รัฐที่เหลือ 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

อ้างอิง: 

• https://www.forbes.com/sites/saradorn/2024/08/17/election-2024-swing-state-polls-harris-closes-gap-in-4-new-states-arizona-georgia-nevada-n-carolina/
• https://www.nytimes.com/2024/08/17/us/elections/kamala-harris-trump-az-nc-ga-nv.html?smid=nytcore-ios-share&referringSource=articleShare&sgrp=c-cb
• https://www.cbsnews.com/news/2024-harris-trump-polling-michigan-wisconsin-arizona-nevada-north-carolina/

The post เลือกตั้งสหรัฐฯ 2024: 7 รัฐสมรภูมิ ชี้ชะตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 มีรัฐไหนบ้าง appeared first on THE STANDARD.

นี่คือโฉมหน้า 3 รัฐสวิงสเตทเจ้าปัญหาในการเลือกตั้งสหรัฐฯ​ 2020 ครั้งนี้ โดยในค่ำคืนวันเลือกตั้ง (3 พฤศจิกายน) โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายมีคะแนนนำ โจ ไบเดน ทั้ง 3 รัฐ แต่หลังจากที่เริ่มนับคะแนนบัตรเลือกตั้งที่ส่งทางไปรษณีย์แล้ว เป็นไบเดนที่พลิกกลับมานำทรัมป์ก่อนเข้าป้ายคว้าชัย จนส่งผลให้ชนะการเลือกตั้งในท้ายที่สุด อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดตัดสำคัญที่ชี้วัดผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างแท้จริง

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post 3 รัฐสวิงสเตทสำคัญ ส่ง โจ ไบเดน คว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดี appeared first on THE STANDARD.

ผู้อ่านที่ติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาตั้งแต่เช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน บางคนอาจคิดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ น่าจะเป็นฝ่ายกำชัยไปอย่างสบายๆ เพราะคะแนนของทรัมป์ดูจะนำห่าง โจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตอย่างหายห่วง โดยเฉพาะมลรัฐในภูมิภาคมิดเวสต์ที่เป็นมลรัฐสีม่วงอย่างมิชิแกน วิสคอนซิน และเพนซิลเวเนีย

บางช่วงบางเวลา คะแนนของทรัมป์นำขึ้นไปถึงเกือบ 10% แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อการนับคะแนนผ่านไปจนถึงเวลาช่วงค่ำของประเทศไทย คะแนนของไบเดนกลับตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ จนเขาพลิกกลับมาชนะในรัฐมิชิแกนที่ 1.2 แสนเสียง และในวิสคอนซินที่ 2 หมื่นเสียง (ทั้งสองมลรัฐนับครบแล้ว และนี่คือคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ) และตามมาติดๆ ที่เพนซิลเวเนีย โดยคะแนนตอนนี้ไบเดนตามอยู่แค่ 2 แสนเสียง (และยังนับคะแนนไม่เสร็จสิ้น) ซึ่งนักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายคนเชื่อว่าไบเดนจะชนะที่เพนซิลเวเนียอีกหนึ่งมลรัฐด้วยเมื่อการนับคะแนนสิ้นสุดลง (คล้ายกับกรณีของมิชิแกนและวิสคอนซิน) ซึ่งเพนซิลเวเนียนี่เองที่จะเป็นมลรัฐสุดท้ายที่ทำให้ไบเดนได้คะแนน Electoral College ถึง 270 เสียง และได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป

เหตุใดคะแนนใน 3 มลรัฐนี้จึงพลิกผันได้ในชั่วข้ามคืน 
สาเหตุที่คะแนนของทรัมป์นำค่อนข้างมากในช่วงแรกนั้นเป็นเพราะว่าการนับคะแนนช่วงแรกใน 3 มลรัฐที่ว่านั้นเป็นการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งของผู้ที่มาลงคะแนนเสียงในคูหาด้วยตัวเองในวันที่ 3 พฤศจิกายนเป็นหลัก ซึ่งผู้ที่มาลงคะแนนด้วยตัวเองนั้นมักจะเป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน เพราะทรัมป์พยายามโปรโมตให้ฐานเสียงของเขามาลงคะแนนที่คูหา เพราะอยากจะฉายภาพว่ารัฐบาลของเขาสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้ว ผู้คนสามารถใช้ชีวิตกันตามปกติ (รวมถึงออกไปเลือกตั้งตามปกติ) ได้แล้ว

นอกจากนี้เขายังพยายามโจมตีไบเดน (อย่างไม่มีหลักฐาน) มาตลอดว่าพรรคเดโมแครตจะพยายามโกงการเลือกตั้งด้วยการส่งบัตรเลือกตั้งปลอมมาทางไปรษณีย์ ทำให้ฐานเสียงของพรรครีพับลิกันยิ่งไม่มีความมั่นใจกับการโหวตทางไปรษณีย์ และพยายามมาโหวตที่คูหาด้วยตัวเอง

ในทางตรงกันข้าม ไบเดนพยายามจะส่งเสริมให้ฐานเสียงของพวกเขาโหวตทางไปรษณีย์เป็นหลัก ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นความหวังดีของเขาจริงๆ ที่ไม่อยากให้ฐานเสียงของตัวเองเสี่ยงกับโรคระบาดจากการไปรวมตัวกันกับคนหมู่มากในสถานที่แคบๆ

แต่อีกส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเขาอยากการันตีว่าฐานเสียงของเขาจะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้เขาแน่ๆ เพราะฐานเสียงของพรรคเดโมแครตมักเป็นคนผิวสีและคนมีรายได้น้อย ซึ่งมีสถิติในการออกมาใช้สิทธิค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคนกลุ่มอื่นๆ การพยายามรณรงค์ให้พวกเขาออกมาใช้สิทธิทางไปรษณีย์แต่เนิ่นๆ ย่อมดีกว่าการรอลุ้นให้ออกมาเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนทีเดียว

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่คะแนนของไบเดนจะพุ่งขึ้นมาในช่วงหลังของการนับคะแนนที่เป็นช่วงการนับคะแนนจากบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์

ทรัมป์กล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง
แล้วก็ไปตามที่ทรัมป์ส่งสัญญาณไว้ตั้งแต่ในช่วงหาเสียงว่าเขาจะไม่ยอมแพ้ไบเดนง่ายๆ และจะต้องมีการต่อสู้กันทางกฎหมายอย่างแน่นอน ภายหลังจากที่ทรัมป์ทราบว่าคะแนนของเขาที่นำมาตลอดในช่วงแรกถูกแซงโดยไบเดน เขาก็ทวีตออกมาว่าเขาจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง เพราะเดโมแครตได้ทุจริตด้วยการส่งบัตรเลือกตั้งปลอมมาทางไปรษณีย์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยและไม่มีหลักฐาน จนทวิตเตอร์ต้องออกข้อความมาเตือนไว้คู่กับทวีตของประธานาธิบดีว่าข้อความที่เขาทวีตออกไปนั้นอาจจะไม่มีมูล

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post ทำไมคะแนนใน 3 รัฐสวิงสเตทจึงพลิกผันได้ในชั่วข้ามคืน ส่งไบเดนกลับสู่เส้นทางที่อาจชนะเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.

โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในสมรภูมิรัฐโอไฮโอ เหนือ โจ ไบเดน ได้สำเร็จ รัฐดังกล่าวเป็น 1 ใน 7 รัฐสวิงสเตท หรือ Battleground State ที่สำคัญ และมีจำนวนผู้แทนคณะเลือกตั้งถึง 18 เสียง

ตามสถิติแล้ว ประธานาธิบดีจากรีพับลิกันทุกคนในอดีตล้วนชนะในรัฐนี้ ดังนั้นจึงมีความหมายสำหรับทรัมป์อย่างมาก

สำหรับรัฐสวิงสเตทอื่นๆ ที่ยังนับคะแนนกันอยู่ในตอนนี้ ประกอบด้วยมิชิแกน, ไอโอวา, วิสคอนซิน, จอร์เจีย, ฟลอริดา, นอร์ทแคโรไลนา ขณะที่นิวแฮมป์เชียร์ที่ถูกยกเป็นสวิงสเตทโดยสื่อบางสำนักโหวตเลือกไบเดน

เกาะติดสถานการณ์ทั้งหมดได้ที่ https://thestandard.co/us-election-2020-voting/

พบกับเว็บไซต์พิเศษ US ELECTION 2020 เกาะติดศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ทั้งสถานการณ์ล่าสุดและบทความเจาะลึก ได้ที่นี่ https://thestandard.co/us-election-2020/

The post BREAKING: ทรัมป์ชนะรัฐโอไฮโอ หนึ่งในสวิงสเตทสำคัญ appeared first on THE STANDARD.

หลายรัฐของสหรัฐฯ ทยอยเปิดหีบลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดี เช่น นิวแฮมป์เชียร์ เวอร์มอนต์ นิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ เวอร์จิเนีย และนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งหลายรัฐเป็นหนึ่งในรัฐ Battleground State โดยภาพรวมการเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อย ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้อาจสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าล่าสุดสูงกว่า 100 ล้านคนแล้ว

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ Fox & Friends ของสถานีโทรทัศน์ Fox News โดยบอกว่าเขารู้สึกดีมากและคิดว่าจะคว้าชัยชนะ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่าฝูงชนที่ไปร่วมรับฟังการปราศรัยหาเสียงของเขาคือสุดยอดโพล ซึ่งเขามั่นใจว่าเขาทำได้ดีในการหาเสียงในรัฐ Swing State ต่างๆ และมีโอกาสชนะ โจ ไบเดน คู่แข่งจากเดโมแครตที่ตอนนี้มีคะแนนนำในโพลสำรวจของสำนักต่างๆ

ทรัมป์ยังเปิดเผยว่าจะใช้เวลาในวันเลือกตั้งโทรหาคนที่ภักดีกับเขา และจะเดินทางไปสำนักงานหาเสียงในชานเมืองเวอร์จิเนียเพื่อแสดงความขอบคุณต่อบรรดาสตาฟฟ์ ขณะที่ยืนยันว่าจะประกาศชัยชนะต่อเมื่อมีชัยชนะจริงๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าเขาอาจประกาศชัยชนะก่อนที่การนับคะแนนจะเสร็จสิ้น ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลที่ต้องเล่นเกม

ทรัมป์ยังแสดงความเชื่อมั่นว่าเขาจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งในรัฐเท็กซัส ฟลอริดา และแอริโซนา และคิดว่าจะทำผลงานได้ดีในรัฐนอร์ทแคโรไลนาและเพนซิลเวเนียด้วย โดยทั้ง 5 รัฐนี้ทรัมป์เคยชนะ ฮิลลารี คลินตัน จากเดโมแครตเมื่อ 4 ปีก่อนจนกรุยทางสู่ทำเนียบขาว

ทางด้านอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน วัย 77 ปี พร้อม จิลล์ ไบเดน ภริยา และหลานสาว 2 คน ใช้เวลาในเช้าวันเลือกตั้งเดินทางไปโบสถ์ที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ก่อนจะข้ามถนนไปยังสุสานที่ฝังศพโบ ลูกชายของเขาซึ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสมองในปี 2015 และนีเลีย ภริยาคนแรกของเขาที่เสียชีวิตพร้อมบุตรสาวทารกจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1972 ซึ่งเป็นช่วงที่ไบเดนเพิ่งรับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกได้ไม่นาน โดยหลังจากนี้ไบเดนมีกำหนดเดินทางต่อไปยังเมืองสแครนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นบ้านเกิด ก่อนที่จะออกไปใช้สิทธิลงคะแนนที่คูหา

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:

• https://www.aljazeera.com/news/2020/11/3/in-final-pre-election-push-biden-and-trump-gird-for-possible-cou 
• https://www.bbc.com/news/live/election-us-2020-54786937 

The post สรุปความเคลื่อนไหวเลือกตั้งสหรัฐฯ หลังหลายรัฐทยอยเปิดหีบลงคะแนน ทรัมป์มั่นใจคว้าชัยในรัฐฟลอริดา-แอริโซนา appeared first on THE STANDARD.

หากไม่มีอะไรพลิกโผ โจ ไบเดน มีโอกาสชนะในรัฐสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นฐานเสียงของเดโมแครต เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย, วอชิงตัน, อิลลินอยส์, นิวยอร์ก และฮาวาย โดยรัฐเหล่านี้จัดอยู่ในโซนปลอดภัยสำหรับเดโมแครต และหากรวมกับรัฐที่มีแนวโน้มเลือกไบเดนหรือเอนเอียงไปทางเดโมแครต จะทำให้ไบเดนมีจำนวนผู้แทนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) รวม 229 เสียง ขณะที่เป้าหมายของผู้สมัครทั้งสองอยู่ที่ 270 เสียงเป็นอย่างน้อย นั่นหมายความว่า ไบเดนต้องชนะเพิ่มเพื่อให้ได้จำนวนคณะผู้แทนอีก 41 เสียงจากรัฐที่เหลือ ก็จะได้เป็นประธานาธิบดี

ดังนั้น จึงต้องมาวัดกันในรัฐที่เป็น Swing State หรือ Battleground State ซึ่งความเป็นไปได้สูงสุดก็คือ ไบเดนอาจชิงรัฐเพนซิลเวเนีย (20 เสียง) กลับคืน บวกมิชิแกน (16) และวิสคอนซิน (10) ซึ่งโพลชี้ว่าไบเดนมีคะแนนนำหน้าโดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐเหล่านี้ หากทำได้สำเร็จ ไบเดนจะมีคะแนนเสียงเกิน 270 เสียงทันที และในกรณีที่ไบเดนชนะในรัฐฟลอริดา (29) ที่คะแนนนิยมระหว่างสองผู้สมัครขับเคี่ยวสูสีได้ด้วย จะทำให้ไบเดนเข้าเส้นชัยในศึกเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้นรัฐที่เป็นเป้าหมายสำหรับไบเดนก็คือการพิชิตรัฐเพนซิลเวเนียที่เสียให้รีพับลิกันครั้งก่อนให้ได้ รวมถึงคว้าชัยในรัฐมิชิแกนและวิสคอนซิน โดยสำหรับไบเดนนั้น เขาไม่จำเป็นต้องชนะในรัฐฟลอริดาก็ได้ หากเก็บชัยชนะในรัฐ Swing State ในแถบมิดเวสต์ได้ทั้งหมด 

ส่วนทรัมป์นั้น หากเขารักษาคะแนนเสียงในรัฐที่เป็นแดงเข้ม รวมถึงรัฐที่มีแนวโน้มเลือกรีพับลิกันได้ทั้งหมด (รวมทั้งเท็กซัส) จะทำให้เขามีคะแนน Electoral Votes ในมือ 163 เสียง ซึ่งทรัมป์ต้องได้เพิ่มอีกอย่างน้อย 107 เสียง เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2

เป้าหมายสำคัญของทรัมป์คือการคว้าชัยชนะในรัฐฟลอริดาที่เป็น Swing State ให้ได้เหมือนกับปี 2016 ซึ่งจะทำให้เขาได้เพิ่มอีก 29 เสียง ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาคะแนนเสียงในรัฐทางใต้อย่างจอร์เจียและแอริโซนา (รวม 27 เสียง) ให้ได้ด้วย รวมถึงรัฐแถบมิดเวสต์ที่เป็นตัวแปรสำคัญอย่างไอโอวา, โอไฮโอ, วิสคอนซิน และมิชิแกน (รวม 50 เสียง) ซึ่งเขาเคยชนะในการเลือกตั้งครั้งก่อน โดยอีกรัฐสำคัญที่ทรัมป์จะต้องแย่งชิงกับไบเดนคือ เพนซิลเวเนีย (20 เสียง) ซึ่งถ้าทรัมป์ชนะทั้งหมดในรัฐที่กล่าวมา เขาจะมีคะแนน Electoral Votes 289 เสียง ได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยทันที

สำหรับทรัมป์นั้น หากเขาแพ้ในรัฐเท็กซัส (38 เสียง) นั่นหมายความว่ามีโอกาสสูงมากที่เขาจะพ่ายแพ้ให้ไบเดน ดังนั้นเท็กซัสจึงเป็นตัวแปรที่น่าจับตาในการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างมาก  

บทสรุปจะเป็นอย่างไร ออกหน้าไหน ใครจะเป็นผู้ชนะ สหรัฐฯ จะได้ประธานาธิบดีคนที่ 46 หรือจะเป็นประธานาธิบดีคนเดิม อีกไม่นานเราจะได้คำตอบ

The post ใครมีโอกาสชนะรัฐไหน และรัฐ Swing State ที่ต้องขับเคี่ยว appeared first on THE STANDARD.

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้ระบบการเลือกตั้งผ่านผู้แทนที่เรียกว่า คณะผู้เลือกตั้ง (Electorial College) โดยผู้สมัครที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดในมลรัฐนั้นๆ จะได้จำนวนผู้แทนผู้เลือกตั้งไปทั้งรัฐ ไม่ได้นับคะแนนดิบแบบ Popular Vote ทั่วทั้งประเทศเป็นเกณฑ์ตัดสิน ซึ่งแต่ละรัฐจะมีจำนวนผู้แทนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสัดส่วน ส.ส. ในสภาคองเกรสและจำนวนประชากร ดังนั้นสมรภูมิการเลือกตั้งที่น่าจับตาจึงอยู่ที่รัฐขนาดใหญ่ที่มีจำนวนผู้แทนมาก และบรรดารัฐที่เรียกว่า Swing States ที่คาดเดาได้ยากว่าจะเลือกเดโมแครตหรือรีพับลิกัน หรือที่เราเรียกกันว่ารัฐสีม่วง (ไม่ฟ้าแบบเดโมแครต หรือไม่แดงแบบรีพับลิกัน)

The Guardian ได้เลือก 8 มลรัฐเป็น Swing States ในการเลือกตั้งปี 2020 โดยพิจารณาจากการที่ 6 รัฐ ได้แก่ ฟลอริดา, เพนซิลเวเนีย, โอไฮโอ, มิชิแกน, วิสคอนซิน และไอโอวา ได้หันไปเลือก โดนัลด์ ทรัมป์ ของรีพับลิกันในปี 2016 จากเดิมที่เลือก บารัก โอบามา ของเดโมแครตในปี 2012 และอีก 2 รัฐ คือ แอริโซนา และนอร์ทแคโรไลนา ที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การเลือกตั้งหนนี้ 

ไปดูกันว่าในโพลล่าสุดช่วงปลายเดือนกันยายนของ The Guardian ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ใครมีคะแนนนำในรัฐ Swing States ต่างๆ

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

The post เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020: ทรัมป์-ไบเดน ใครนำในรัฐ Swing States ที่อาจชี้ชะตาผลการเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.