Suzuki – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 22 Aug 2024 11:32:25 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Suzuki ยุติการผลิตในไทย! สิ้นสุดตำนานอีโคคาร์ สู่ยุครถยนต์นำเข้า สะท้อนปัญหาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยุคเปลี่ยนผ่าน https://thestandard.co/suzuki-to-close-automobile-plant-in-thailand-by-end-of-2025/ Fri, 14 Jun 2024 09:23:09 +0000 https://thestandard.co/?p=945270 Suzuki

จากข่าวลือที่สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการยานยนต์ไทยว่า […]

The post Suzuki ยุติการผลิตในไทย! สิ้นสุดตำนานอีโคคาร์ สู่ยุครถยนต์นำเข้า สะท้อนปัญหาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยุคเปลี่ยนผ่าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Suzuki

จากข่าวลือที่สร้างความปั่นป่วนให้กับวงการยานยนต์ไทยว่า ‘ซูซูกิจะปิดแบรนด์’ และทิ้งเมืองไทยไป โดยผู้ใช้งานท่านหนึ่งอ้างข้อมูลการปิดโชว์รูมและกล่าวว่า ‘ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จะเลิกกิจการ’ ทำให้ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ต้องออกแถลงการณ์อย่างเร่งด่วนว่า “จะยังคงอยู่ทำตลาดในประเทศไทยต่อไป ไม่หายไปไหน”

 

แต่แล้ว ระยะเวลาห่างกันไม่นาน ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ก็ได้ออกแถลงการณ์อีกครั้ง สร้างความตกใจให้แก่แฟนคลับชาวไทย ด้วยการประกาศว่า ‘จะยุติกิจการของโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยในสิ้นปี 2025’

 

มันเกิดอะไรขึ้น อย่างไร เหตุใดซูซูกิจึงต้องดำเนินการกระชากจิตใจชาวไทยเช่นนี้!

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

เริ่มต้นด้วย ‘อีโคคาร์’

 

ขออนุญาตเท้าความถึงการเข้ามาทำตลาดของ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กันเป็นลำดับแรก โดยย้อนกลับไปในช่วงราวปี 2010 ที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ ‘อีโคคาร์’ ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี

 

และหนึ่งในนั้นได้เชิญ ซูซูกิ มอเตอร์ เข้ามาลงทุนภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลผ่านโครงการดังกล่าว ซึ่งมีการตั้งบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) และก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ขึ้นที่จังหวัดระยอง

 

ทั้งนี้ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้ดำเนินกิจการมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีรถยนต์ที่ผลิตภายใต้โครงการอีโคคาร์ทั้งเฟสหนึ่งและเฟสสองจำนวน 3 รุ่น ได้แก่ Swift, Ciaz และ Celerio ที่สามารถทำยอดขายเติบโตตามวัฏจักรของการจำหน่ายรถยนต์ได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งถึงปี 2023 ที่ทั้ง 3 โมเดลดังกล่าวเข้าสู่ช่วงปลายอายุของการทำตลาด 

 

ซึ่งโดยปกติจะต้องมีข่าวการเตรียมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ แต่กลับกลายเป็นว่ามีเพียงการลดราคาล้างสต็อกในรุ่น Ciaz และ Celerio แทน อันเป็นเหตุให้หลายคนเกิดข้อสงสัย ก่อนที่แถลงการณ์จะถูกเปิดเผยในเวลาอีกไม่นาน โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ต้องตัดสินใจแบบนั้นเราวิเคราะห์แล้วมีดังนี้

 

 

เจาะเหตุผลที่ไม่ไปต่อ

 

เหตุผลแรก สิ้นสุดโครงการอีโคคาร์ ด้วยในปี 2025 การสนับสนุนของรัฐบาลในโครงการอีโคคาร์จะสิ้นสุดลง ซึ่งจะทำให้รถยนต์ที่ผลิตในโครงการดังกล่าวนั้นไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป ส่งผลให้ราคาจะสูงขึ้นจากปัจจุบันทันทีในระดับ 30,000-50,000 บาทต่อคัน กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันที่รุนแรงในเวลานี้

 

ประการต่อมา หลังการหารือที่ญี่ปุ่นกับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเสร็จสิ้น รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนยันสนับสนุนโครงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยไม่มีโครงการอีโคคาร์เฟสสาม รวมถึงไม่มีการส่งเสริมรถไฮบริดเพิ่มเติม นั่นหมายความว่าบีบให้ค่ายรถญี่ปุ่นต้องลงทุนก้อนใหม่สำหรับโครงการผลิตรถอีวี

 

ประการถัดไป ตลาดรถยนต์ไทยกำลังหดตัว ด้วยปัจจัยหลากหลายด้านทั้งเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมาก ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การประเมินสภาพตลาดมีความยากเป็นทวีคูณ

 

รวมถึงเหตุผลด้านต้นทุนการผลิต ที่ต้องยอมรับว่าค่าแรงขั้นต่ำของไทยมีผลต่อต้นทุนการผลิตโดยตรง เมื่อซูซูกิมีโรงงานอยู่แล้วทั้งในอินโดนีเซียและอินเดีย รวมถึงญี่ปุ่น ทำให้เมื่อต้องบริหารจัดการต้นทุนให้เหมาะสม ทางเลือกในการปิดโรงงานบางแห่งเปรียบเหมือนตัดนิ้วเพื่อรักษาร่างกายเอาไว้ จึงจำเป็นต้องทำ

 

ขณะเดียวกัน จากการเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการของ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในช่วงระยะเวลา 10 ปีหลังสุด เราได้เห็นตัวเลขการขาดทุนสะสมสูงถึงระดับ 2,000 กว่าล้านบาท ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลเชิงบวกในการสนับสนุนให้ซูซูกิยังคงการผลิตในประเทศไทยเอาไว้

 

 

อนาคตซูซูกิในไทย

 

หลายคนจะห่วงว่าแล้วในท้ายที่สุดซูซูกิจะหนีจากเมืองไทยไปเหมือนกับเชฟโรเลต คำพยากรณ์ของผู้เขียนขอทายว่าไม่หนีหายไปไหนในห้วงเวลาสิบปีนับจากนี้แน่นอน 

 

ด้วยแผนงานต่างๆ ที่วางเอาไว้แล้ว ทั้งแผนการนำเข้ารถจากอินโดนีเซียที่ได้รับการยกเว้นอากรนำเข้า ราคาจะเท่ากับรถที่ผลิตในไทย 

 

ซึ่งจุดนี้คือความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของซูซูกิกับเชฟโรเลต เนื่องจากเชฟโรเลตไม่มีแผนการทำตลาดรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ตรงข้ามกับซูซูกิที่มีการนำเข้ามาทำตลาดอยู่แล้วจึงเป็นการเพิ่มรุ่นที่นำเข้ามา ลดภาระในเรื่องของการบริหารจัดการโรงงานออกไป ทำให้คล่องตัวในการดำเนินกิจการมากขึ้นอีกด้วย เพียงแค่อาจจะต้องรอรถนานและการควบคุมคุณภาพอาจจะยังสู้เมืองไทยไม่ได้

 

โชว์รูมและศูนย์บริการของซูซูกิจะยังคงอยู่ต่อไป เพียงแต่ว่าจำนวนรุ่นรถที่ขายและบริการการขายอาจจะน้อยลง ทำให้มีบางโชว์รูมที่ยอดขายน้อยไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ก็จะปิดตัวลงหรือหันไปขายยี่ห้ออื่น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของธุรกิจโดยทั่วไป ไม่มีใครทนขายของขาดทุนตลอดไปได้ 

 

ส่วนเรื่องของอะไหล่ ตามกฎหมายจะต้องมีการสำรองอะไหล่เริ่มต้นนับหลังจากรถคันสุดท้ายขายออกไปเป็นระยะเวลา 10 ปี ฉะนั้นลูกค้าซูซูกิทุกคนจึงเบาใจได้ในระดับหนึ่ง 

 

ประเด็นสำคัญประการสุดท้าย หลายคนน่าจะสงสัยว่าหาก ‘ซูบารุ’ คือโดมิโนตัวแรก แล้ว ‘ซูซูกิ’ คือโดมิโนตัวที่สอง แล้วแบรนด์ใดจะจากไปเป็นโดมิโนตัวที่สาม…คำตอบ…ต้องรอลุ้นกันต่อไป

 

ภาพ: Supermop, Bigc Studio, UM-UMM / Shutterstock

The post Suzuki ยุติการผลิตในไทย! สิ้นสุดตำนานอีโคคาร์ สู่ยุครถยนต์นำเข้า สะท้อนปัญหาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยุคเปลี่ยนผ่าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ค่ายรถญี่ปุ่นยังสู้เพื่ออยู่ในตลาดรถไฮบริดในไทย! BOI ยันอุตสาหกรรมยังแกร่ง แม้ ‘ซูบารุ-ซูซูกิ’ ถอนการผลิต https://thestandard.co/boi-confirms-the-automobile-industry-is-still-strong/ Thu, 13 Jun 2024 00:39:14 +0000 https://thestandard.co/?p=944570

ค่ายรถญี่ปุ่นสู้ตลาดรถในไทย! BOI ยัน อุตสาหกรรมยังแกร่ง […]

The post ค่ายรถญี่ปุ่นยังสู้เพื่ออยู่ในตลาดรถไฮบริดในไทย! BOI ยันอุตสาหกรรมยังแกร่ง แม้ ‘ซูบารุ-ซูซูกิ’ ถอนการผลิต appeared first on THE STANDARD.

]]>

ค่ายรถญี่ปุ่นสู้ตลาดรถในไทย! BOI ยัน อุตสาหกรรมยังแกร่ง แม้ ‘ซูบารุ-ซูซูกิ’ ยุติการผลิตในไทย ย้ำไทยเป็นฐานผลิตส่งออกสำคัญ และกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ โดยสามารถดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรม EV มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน 

 

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวถึงกรณีของบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (SUZUKI) ออกมาแถลงการณ์แจ้งยุติการดำเนินการผลิตที่โรงงานในประเทศไทยภายในช่วงสิ้นปี 2568 ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการทบทวนโครงสร้างการผลิตของซูซูกิทั่วโลก รวมไปถึงซูบารุ (SUBARU) ที่ได้ออกประกาศปิดโรงงานอย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำตลาดในเมืองไทย

 

“วันนี้ไทยยังคงเป็นแหล่งลงทุนด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลกและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรม EV มากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นมาลงทุนในไทยราวๆ 2 หมื่นล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนจากนักลงทุนญี่ปุ่นในไทยอีกประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยจะลงทุนในรถยนต์ไฮบริดและ EV

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

 


 

 

ปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว ไม่ว่าจะเป็น BYD, MG, Great Wall Motor, NETA, CHANGAN, GAC Aion และ OMODA & JAECOO หรือ Chery และ Proton โดย  BYD และ CHANGAN จะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยในปีหน้า 

 

ดังนั้น จากการลงทุนดังกล่าวทำให้มองเห็นภาพได้ว่า ไทยเรายังเป็นแหล่งลงทุนด้านรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งชิ้นส่วนรถยนต์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า 

 

โดยเฉพาะในปีนี้จะมีอีก 2 บริษัทจากจีนพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าระดับเซลล์ ส่งผลให้คาดว่าจะมีเงินลงทุนรวมทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถยนต์ และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 8 แสนล้านบาท ที่ยื่นคำขอส่งเสริมการลงทุนกับ BOI เข้ามา โดยโครงการที่ผ่านการอนุมัติทั้งหมดจะเริ่มลงทุนภายใน 1-3 ปีนี้

The post ค่ายรถญี่ปุ่นยังสู้เพื่ออยู่ในตลาดรถไฮบริดในไทย! BOI ยันอุตสาหกรรมยังแกร่ง แม้ ‘ซูบารุ-ซูซูกิ’ ถอนการผลิต appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ฮอนด้า-อีซูซุ’ จ่อลงทุนไทยร่วม 7 หมื่นล้าน นายกฯ ย้ำรัฐบาลอยู่ 4 ปีสำเร็จทุกโครงการแน่ https://thestandard.co/honda-isuzu-invests-in-thailand/ Fri, 15 Dec 2023 14:02:08 +0000 https://thestandard.co/?p=877263

วันนี้ (15 ธันวาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมน […]

The post ‘ฮอนด้า-อีซูซุ’ จ่อลงทุนไทยร่วม 7 หมื่นล้าน นายกฯ ย้ำรัฐบาลอยู่ 4 ปีสำเร็จทุกโครงการแน่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (15 ธันวาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเดินทางเยือนญี่ปุ่นวันแรก โดยเฉพาะการหารือกับ 7 บริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นว่า สิ่งที่ตนได้พูดคุยในวันนี้คือการเร่งให้แต่ละบริษัทลงทุนรถยนต์ EV ให้เร็วขึ้น เพราะบริษัทเหล่านี้อยู่ในไทยมา 50-60 ปี มีความเป็นไทยมองตาก็รู้ใจ และพูดคุยถึงการใช้พลังงานสะอาดที่จะเป็นหัวข้อหลักในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ด้วย

 

เมื่อถามว่าพอใจกับการหารือกับนักธุรกิจญี่ปุ่นตลอดทั้งวันหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พอใจมาก เพราะญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่สำคัญของเรา และพูดจากันด้วยท่าทีที่ดีและเป็นมิตร แต่เราก็พยายามให้เขาเร่งการลงทุนเข้ามา เพราะโลกเปลี่ยนไปมาก และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้มีการเตรียมข้อมูลไว้ก่อนอย่างดีมาก 

 

ส่วนมีการประเมินหรือไม่ว่าโอกาสในการหารือจะสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์ในรัฐบาลชุดนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลตน 4 ปี ทุกโครงการก็สำเร็จ เพราะเขาจะเข้ามาเร็ว บางอันก็เข้ามาปีหน้า และขณะนี้บางเรื่องก็เริ่มการลงทุนแล้ว แต่อาจมีเรื่องของรถยนต์ไฮโดรเจน ซึ่งไม่แน่ใจว่าใช้ระยะเวลานานแค่ไหน แต่เรื่องอื่นก็กำลังดำเนินการอยู่

 

ทั้งนี้ ในการหารือ 7 บริษัทยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น มีรายละเอียดดังนี้

 

บริษัท Mitsui 

  • กลุ่มบริษัทรายใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของญี่ปุ่น
  • พูดคุยถึงการสำรวจ-ขุดเจาะแหล่งก๊าซธรรมชาติ ความเป็นไปได้ในการใช้น้ำมันพืชใช้แล้วมาทำเป็นน้ำมันเครื่องบิน 
  • เชิญชวนให้มาเปิดสำนักงานใหญ่ของภูมิภาคในไทย

 

บริษัท Honda

  • มีแผนลงทุนในไทย 5 หมื่นล้านบาทในอีก 5 ปี 
  • ยืนยันไทยให้ความสำคัญ ขออย่าห่วงเรื่องการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานสันดาปในรถยนต์ไปเป็นอีวี 

 

บริษัท Nissan

  • ยืนยันว่าจะทำอย่างต่อเนื่องในเมืองไทย
  • เริ่มทำธุรกิจด้าน EV แล้ว

 

บริษัท Mitsubishi

  • สนใจที่จะผลิตรถกระบะ EV ซึ่งเป็นประเภทรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย จะเป็นโอกาสในการพัฒนาพลังงานสะอาด Zero Carbon 

 

บริษัท Isuzu 

  • พร้อมลงทุน 32,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า 
  • โดยนายกรัฐมนตรีเร่งให้เริ่มลงทุนเร็วขึ้น และใช้ไทยเป็นฐานการส่งออก

 

บริษัท Mazda 

  • เป็นบริษัทที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต และส่งรถไปขายประเทศต่างๆ

 

บริษัท Suzuki

  • ลงทุนในไทยมานานแล้ว และขอให้ไทยส่งเสริมการลงทุนต่อ 
  • นายกรัฐมนตรีเสนอให้ผลิตมอเตอร์ไซค์ EV ในประเทศไทย

 

บริษัท Toyota

  • บริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่เมืองไทยมา 60 ปี 
  • ปี 2568 จะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 5,000 คัน เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องสถานีชาร์จรถไฟฟ้า เมื่อรัฐบาลให้ความมั่นใจเรื่องนี้ Toyota ก็จะเร่งการผลิต EV ให้เร็วขึ้น
  • รัฐบาลขอให้ Toyota ช่วยเรื่องการปรับหนี้ เนื่องจาก Toyota มีไฟแนนซ์รถยนต์ สอดคล้องกับการแก้หนี้ในระบบ โดย Toyota รับปากจะดูแลให้ 

 

 

The post ‘ฮอนด้า-อีซูซุ’ จ่อลงทุนไทยร่วม 7 หมื่นล้าน นายกฯ ย้ำรัฐบาลอยู่ 4 ปีสำเร็จทุกโครงการแน่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐประหารเป็นเหตุ Suzuki Motor สั่งหยุดผลิต 2 โรงงานในเมียนมา ด้านบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆ กำลัง ‘ติดตามอย่างใกล้ชิด’ https://thestandard.co/suzuki-motor-factories-stop-production-in-myanmar/ Wed, 03 Feb 2021 04:23:40 +0000 https://thestandard.co/?p=450270 รัฐประหารเป็นเหตุ Suzuki Motor สั่งหยุดผลิต 2 โรงงานในเมียนมา ด้านบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆ กำลัง ‘ติดตามอย่างใกล้ชิด’

Suzuki Motor ซึ่งมีส่วนแบ่งการขายรถยนต์ใหม่ในเมียนมา 60 […]

The post รัฐประหารเป็นเหตุ Suzuki Motor สั่งหยุดผลิต 2 โรงงานในเมียนมา ด้านบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆ กำลัง ‘ติดตามอย่างใกล้ชิด’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐประหารเป็นเหตุ Suzuki Motor สั่งหยุดผลิต 2 โรงงานในเมียนมา ด้านบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆ กำลัง ‘ติดตามอย่างใกล้ชิด’

Suzuki Motor ซึ่งมีส่วนแบ่งการขายรถยนต์ใหม่ในเมียนมา 60% โดยมียอดขาย 13,200 คันในปี 2019 ได้สั่งให้หยุดการผลิตที่โรงงานผลิตรถยนต์ 2 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน 400 คน 

 

ขณะเดียวกันบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ระบุว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะกลับมาผลิตเมื่อใด ทั้งๆ ที่มีแผนจะเริ่มดำเนินการที่โรงงานแห่งใหม่ในเดือนกันยายน ซึ่งสามารถผลิตได้ 40,000 คันต่อปี โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศกำลังพัฒนา

 

คำสั่งนี้มีขึ้นหลังวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทัพเมียนมาได้เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลของ ออง ซาน ซูจี ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถูกควบคุมตัวพร้อมกับผู้นำคนอื่นๆ 

 

บริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นได้ผลักดันเข้าสู่เมียนมาตั้งแต่พรรคของซูจีชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2015 และจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนชุดแรกในรอบครึ่งศตวรรษ ตามรายงานขององค์การส่งเสริมการค้าภายนอกของญี่ปุ่นระบุว่า มีบริษัทญี่ปุ่นราว 400 แห่งที่ทำธุรกิจในเมียนมา

 

นอกเหนือจาก Suzuki บริษัทญี่ปุ่นแห่งอื่นๆ ระบุว่า กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้ง Toyota Motor ซึ่งวางแผนที่จะเริ่มดำเนินการโรงงานผลิตแห่งแรกในเมียนมาภายในเดือนนี้, Aeon ซึ่งวางแผนที่จะเปิดห้างสรรพสินค้าในเมียนมาในปี 2023 รวมไปถึง Kirin ที่ระบุว่า ยังคงวางแผนที่จะใช้เวลาจนถึงสิ้นเดือนเมษายนในการตัดสินใจเกี่ยวกับกิจกรรมในเมียนมา

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

The post รัฐประหารเป็นเหตุ Suzuki Motor สั่งหยุดผลิต 2 โรงงานในเมียนมา ด้านบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆ กำลัง ‘ติดตามอย่างใกล้ชิด’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เคล็ดลับความสำเร็จของ ซูซูกิ จงชนะด้วยใจ ใช้แนวคิดเกมบะ | The Secret Sauce VDO EP.5 https://thestandard.co/the-secret-sauce-vdo-ep-5/ Fri, 20 Dec 2019 12:02:25 +0000 https://thestandard.co/?p=314364

อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ Suzuki ผันตัวจากแบรนด […]

The post เคล็ดลับความสำเร็จของ ซูซูกิ จงชนะด้วยใจ ใช้แนวคิดเกมบะ | The Secret Sauce VDO EP.5 appeared first on THE STANDARD.

]]>

อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ Suzuki ผันตัวจากแบรนด์เบอร์รองกลายเป็นเจ้าตลาดรถยนต์อีโคคาร์และรถบรรทุกขนาดเล็ก ที่ปัจจุบันขยายใหญ่จนมีตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศไทย และเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของคนที่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของรถสักคัน หรือนำรถมาประกอบอาชีพเพื่อต่อเติมความฝันให้สำเร็จ

เคน นครินทร์ คุยกับ วัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด พนักงานคนไทยคนแรกของบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้อยู่เบื้องหลังการต่อสู้กับยักษ์ใหญ่ และเชื่อในวิธีคิดที่พร้อมทำงานให้หนักจนเกินเงินเดือน

The post เคล็ดลับความสำเร็จของ ซูซูกิ จงชนะด้วยใจ ใช้แนวคิดเกมบะ | The Secret Sauce VDO EP.5 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฮาซัน พ่อค้าอาหารทะเลออนไลน์ ที่เลือกเดินตามความฝันและดังที่สุดในประเทศไทย [Advertorial] https://thestandard.co/all-new-suzuki-carry/ Wed, 25 Sep 2019 10:00:15 +0000 https://thestandard.co/?p=283702 ALL NEW SUZUKI CARRY

ซูซูกิ เปิดตัว ALL NEW SUZUKI CARRY เจเนอเรชันที่ 2 ภาย […]

The post ฮาซัน พ่อค้าอาหารทะเลออนไลน์ ที่เลือกเดินตามความฝันและดังที่สุดในประเทศไทย [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ALL NEW SUZUKI CARRY

ซูซูกิ เปิดตัว ALL NEW SUZUKI CARRY เจเนอเรชันที่ 2 ภายใต้แนวคิด ‘CARRY YOUR DREAM เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน’ ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งที่ 2 หลังจากผลิตครั้งแรกในปี 2519 และมีการขายไปใน 145 ประเทศทั่วโลก กวาดยอดขายสะสมกว่า 1,970,000 คัน โดยในประเทศไทย SUZUKI CARRY ได้เปิดตัวไปเมื่อปี 2549 และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าชาวไทยด้วยยอดขายถึงปัจจุบันกว่า 50,000 คัน ซึ่งพิสูจน์ได้ถึงศักยภาพของ SUZUKI CARRY ที่เป็นได้มากกว่ารถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ แต่ยังเป็นพาร์ตเนอร์คู่ใจผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจ Food Truck ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

 

ALL NEW SUZUKI CARRY

 

การปรับโฉมครั้งนี้ของ ALL NEW SUZUKI CARRY ไม่ได้ปรับแค่ภายนอกตัวรถเท่านั้น แต่ยังปรับแนวคิดของรถให้เข้ากับยุคสมัย ยุคที่ผู้คนฝันถึงความสำเร็จในการทำงานอิสระ หรือมีความต้องการอยากเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง 

 

เหมือนกับ ฮาซัน พ่อค้าอาหารทะเลตากแห้งทางออนไลน์ ที่เริ่มทุกอย่างจากฝันเล็กๆ โดยมีความเชื่อว่าฝันของเขาจะต้องเป็นจริงได้ และโลกออนไลน์ก็เปิดโอกาสให้เขาทำฝันได้สำเร็จจริงๆ แนวคิดนี้ก็เหมือนกับที่ ALL NEW SUZUKI CARRY เชื่อเช่นกัน เพราะรถคันนี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนมีฝันที่อยากจะมีกิจการของตัวเองได้อย่างดี 

 

ALL NEW SUZUKI CARRY

 

ALL NEW SUZUKI CARRY ถูกวางให้เป็นรถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์เพื่อการพาณิชย์ขนาดย่อม แตกต่างด้วยเทคโนโลยีและดีไซน์ที่มากกว่า ตัวรถมีเหลี่ยมมุมที่สวยงาม ชัดเจน สะดุดตา และยังคงให้ความรู้สึกที่ทันสมัย ไม่เหมือนรถบรรทุกทั่วไป กระจังหน้าและโคมไฟสวยงาม แต่ยังคงได้ความรู้สึกแข็งแกร่งทนทาน ที่พิเศษคือมิติตัวรถขนาดความยาว 4,195 มิลลิเมตร ความกว้างมากถึง 1,765 มิลลิเมตร และความสูง 1,910 มิลลิเมตร กระบะบรรทุกแบบเรียบผลิตจากแผ่นเหล็กเสริมกัลวาไนซ์ที่มีคุณสมบัติป้องกันสนิมและลดการสึกกร่อน พื้นที่บรรทุกอยู่ที่ 1,670 มิลลิเมตร  และ 2,450 มิลลิเมตร สามารถเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน ทำให้ขนถ่ายสัมภาระได้สะดวกยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ รับน้ำหนักบรรทุกได้สูงสุดถึง 945 กิโลกรัม

 

ALL NEW SUZUKI CARRY

 

และด้วยขนาดรถที่อเนกประสงค์ขนาดนี้ เครื่องยนต์จึงถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ALL NEW SUZUKI CARRY ใช้เครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่ล่าสุด รหัส K15B 4 สูบ 16 วาล์ว 1,462 ซีซี กำลังสูงสุด 97 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ กำลังขนาดนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เร่งแซงและขับทางไกลได้อย่างสบายใจ 

 

 

ส่วนภายในของรถนั้นแตกต่างจากกระบะอเนกประสงค์รุ่นอื่น เพราะถูกออกแบบให้ทันสมัย ด้วยสีของเบาะและคอนโซลที่ดูเรียบ สบายตา มีช่องใส่ของอเนกประสงค์ด้านหน้าที่กว้างและสามารถปรับเป็นช่องใส่ของได้หลายแบบ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่โดยสารกว้าง นั่งสบาย เพราะตัวรถมีความกว้างมากถึง 1,765 มิลลิเมตร ช่วยให้การเดินทางในแต่ละทริปสบายขึ้น 

 

จะเห็นได้ว่า ALL NEW SUZUKI CARRY เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีเยี่ยมสำหรับคนมีฝันทางธุรกิจในทุกรูปแบบอย่างแท้จริง เหมือนที่ ฮาซัน พ่อค้าออนไลน์ชื่อดัง มีเครื่องมือสานฝันทางธุรกิจเป็นช่องทางออนไลน์ ALL NEW SUZUKI CARRY ก็ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์เพื่อสานความฝันทางธุรกิจในยุคนี้เช่นกัน โดยสามารถทำให้คนที่มีฝันเช่นเขาพาความฝันไปแจกจ่ายกับทุกคนได้ในทุกหนทุกแห่ง ไม่ต้องรอวันฟ้าเป็นใจ

 

ALL NEW SUZUKI CARRY

 

ใครที่เป็นแฟนของพ่อค้าออนไลน์คนเก่งคนนี้ เรามีข่าวดีมาบอกอีกว่าฮาซันกับบทบาทใหม่ในฐานะพรีเซนเตอร์คนใหม่ของ ALL NEW SUZUKI CARRY จะเดินทางไปร่วมสร้างฝันให้กับพี่น้องผู้ประกอบการในหลายจังหวัดทั่วประเทศด้วย ALL NEW SUZUKI CARRY ได้ร่วมสานฝันของคนในชุมชน ด้วยการตกแต่ง ALL NEW SUZUKI CARRY ให้เป็นร้านขายอาหารทะเลเคลื่อนที่พร้อมเสิร์ฟถึงมือลูกค้าในพื้นที่อีกด้วย

 

#ALLNEWSUZUKICARRY
#CARRYYOURDREAM
#เคียงข้างทุกเส้นทางฝัน

 

ติดตามรายละเอียดทุกเส้นทางฝันได้ที่:

Facebook Fan Page: 

Website:

The post ฮาซัน พ่อค้าอาหารทะเลออนไลน์ ที่เลือกเดินตามความฝันและดังที่สุดในประเทศไทย [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฮาซัน อนุรักษ์ พ่อค้าออนไลน์ผู้ยืนหยัดเคียงข้างทุกความฝัน [Advertorial] https://thestandard.co/hasan-driedseafood/ Fri, 13 Sep 2019 11:00:20 +0000 https://thestandard.co/?p=285999 ฮาซัน อนุรักษ์ พ่อค้าออนไลน์ผู้ยืนหยัดเคียงข้างทุกความฝัน [Advertorial]

ฮาซัน-อนุรักษ์ สรรฤทัย เจ้าของธุรกิจฮาซันอาหารทะเลตากแห […]

The post ฮาซัน อนุรักษ์ พ่อค้าออนไลน์ผู้ยืนหยัดเคียงข้างทุกความฝัน [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฮาซัน อนุรักษ์ พ่อค้าออนไลน์ผู้ยืนหยัดเคียงข้างทุกความฝัน [Advertorial]

ฮาซัน-อนุรักษ์ สรรฤทัย เจ้าของธุรกิจฮาซันอาหารทะเลตากแห้ง จ.สตูล ผู้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ในวงการช้อปปิ้งออนไลน์ ด้วยเอกลักษณ์การขายที่ไม่เหมือนใคร จากความสนุกและความกระตือรือร้นที่อยากจะทำให้คนในพื้นที่ไกลทะเลได้กินของอร่อยคุณภาพดี ในราคาที่เหมาะสม แปรเปลี่ยนเป็นรายได้ กระจายกลับมาสู่ชาวบ้านในชุมชนและคนในพื้นที่ใกล้เคียง

 

แม้ตอนนี้ธุรกิจจะเติบโตมาไกลเกินฝันของฮาซันแล้ว แต่เขายังต้องแบกรับความฝันของคนอื่นไว้มากมาย ทั้งพนักงานของตัวเอง รวมถึงความฝันของคนในชุมชน หน้าที่ครั้งใหม่ของฮาซันจึงเป็นการช่วยเติมความฝันของผู้คนให้เป็นจริง

The post ฮาซัน อนุรักษ์ พ่อค้าออนไลน์ผู้ยืนหยัดเคียงข้างทุกความฝัน [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมื่อ First Jobber อยากมี ‘รถคันแรก’ ในชีวิต เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ [Advertorial] https://thestandard.co/first-jobber-suzuki-ciaz/ https://thestandard.co/first-jobber-suzuki-ciaz/#respond Thu, 17 Jan 2019 03:22:28 +0000 https://thestandard.co/?p=180387

หลังเรียนจบและทำงานมาพักใหญ่ ‘รถคันแรก’ มักเป็นหนึ่งในเ […]

The post เมื่อ First Jobber อยากมี ‘รถคันแรก’ ในชีวิต เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังเรียนจบและทำงานมาพักใหญ่ ‘รถคันแรก’ มักเป็นหนึ่งในเป้าหมายของคนเมืองวัยเริ่มทำงาน (First Jobber) ที่ใฝ่ฝันอยากมีรถยนต์สักคันไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะรถคันแรกไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะที่ช่วยอำนวยความสะดวก หากแต่ยังเปรียบเสมือนความสำเร็จขั้นหนึ่งในชีวิตที่หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง แต่คำถามคือเมื่อคุณพร้อมแล้วสำหรับรถคันแรก แต่รถแบบไหนล่ะที่เราควรมองหาและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองยุคนี้วัยนี้ได้ดีที่สุด โดยมอบทั้งความคุ้มค่าและไม่ทำให้เจ็บตัวในภายหลัง   

 

วางแผนความต้องการและบัดเจ็ตในกระเป๋า

สิ่งแรกที่ควรทำคือการวางแผน การวางแผนจะทำให้เราได้คำตอบว่าถึงเวลาที่เราควรถอยรถสักคันแล้วหรือยัง และรถคันไหนที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด ประการแรกคุณต้องประเมินถึงความจำเป็นของการมีรถยนต์ว่าจำเป็นสำหรับชีวิตมากน้อยเพียงใด สามารถต่อยอดสร้างรายได้ ช่วยเรื่องหน้าที่การงาน หรือปูทางสู่ชีวิตในอนาคตได้หรือไม่ จากนั้นจึงหันกลับมามองว่าสถานะทางการเงินเป็นอย่างไร ลองคำนวณดูว่าแต่ละเดือนเรามีรายได้เท่าไร หากตัดเรื่องค่าผ่อนรถไปแล้ว เราจะมีเหลือใช้เท่าไร เพราะรถยนต์มักมาพร้อมค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่า พ.ร.บ. ภาษีรถยนต์ ประกันภัยรถยนต์ รวมถึงค่าซ่อมบำรุงต่างๆ เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ค่ายาง ค่าเช็กตามระยะ ฯลฯ อย่าลืมว่ายิ่งรถสมรรถนะสูง ค่าใช้จ่ายยิ่งสูงตามไปด้วย เหล่านี้ล้วนเป็นตัวเลขที่เราต้องนำมาคิดวิเคราะห์และคำนวณประกอบการพิจารณา

 

 

จับคู่ความต้องการและตัวเลือกที่มีอยู่ในตลาด

เมื่อเรารู้จุดประสงค์และกำลังการซื้อรถยนต์คันแรกแล้ว เราก็พอเห็นภาพคร่าวๆ ว่าขอบเขตของรถยนต์ที่เราจะซื้อควรเป็นอย่างไร หากต้องการใช้งานในเมืองเป็นหลัก มีผู้โดยสารประจำไม่เกินสองคน นานๆ ทีจะขับออกต่างจังหวัด อาจมองเป็นรถขนาดเล็กที่เหมาะกับการซอกแซกไปตามท้องถนนกรุงเทพฯ หาที่จอดได้ไม่ยาก ขนาดเครื่องยนต์อาจไม่ต้องใหญ่มาก แต่ควรเน้นเรื่องความประหยัดน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ เพราะรถคันใหญ่ที่มีเครื่องยนต์ใหญ่โตย่อมแลกมาด้วยอัตราการกินน้ำมันที่สูงกว่า ราคาค่าตัวสูงกว่า รวมถึงค่าซ่อมบำรุงรักษาต่างๆ ก็สูงตาม

 

เมื่อเลือกประเภทและขนาดรถยนต์ในใจได้แล้ว มาดูกันต่อที่ค่ายรถยนต์ หากเป็นรถญี่ปุ่น ข้อได้เปรียบอยู่ที่ราคาและศูนย์บริการที่ทั่วถึง ราคาอะไหล่ไม่สูงจนเกินไปนัก ทั้งยังหาได้ง่ายกว่า ค่าซ่อมบำรุงรักษาเมื่อถึงคราวต้องซ่อมหรือเช็กระยะก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรถยุโรปที่ทั้งราคาขาย ค่าอะไหล่ และค่าบำรุงรักษาสูงกว่ารถญี่ปุ่นอย่างชัดเจน แต่จุดเด่นของรถยุโรปอยู่ที่ความแข็งแรงและระบบความปลอดภัย สิ่งถัดไปที่ควรคำนึงถึงคือการออกแบบ ควรเลือกดีไซน์รถที่คุณชอบจริงๆ และเหมาะกับคาแรกเตอร์ของคุณ เพราะคุณเองเป็นคนที่จะนั่งอยู่หลังพวงมาลัยและมองเห็นภาพสะท้อนจากกระจกรถคันข้างๆ ว่านี่แหละคือรถที่คุณเลือกแล้ว

 

 

ที่สุดของความคุ้มค่าสำหรับการเป็นรถคันแรกของคนเมือง

มาถึงตอนนี้ หากคุณอยากได้คำตอบของรถคันแรกที่เล็งไว้ เราอยากแนะนำเป็นอีโคคาร์ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง มีพละกำลังเหลือเฟือ แต่ไม่กินน้ำมัน ส่วนเรื่องดีไซน์ที่สำคัญคือต้องมีหน้าตาที่โฉบเฉี่ยวทันสมัย

 

ภาพลักษณ์และแนวคิดใหม่ของ Suzuki Ciaz อาจตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้ดี เพราะเป็นอีโคคาร์สไตล์สปอร์ต มาพร้อมความโมเดิร์นทั้งภายในและภายนอก เริ่มจากภายนอกที่มาพร้อมไฟโปรเจกเตอร์แบบไฮโดรเจน และล้ออะลูมิเนียมอัลลอยขนาด 16 นิ้ว เท่สะกดสายตา ในขณะที่งานดีไซน์ภายในก็ยังคงคอนเซปต์สปอร์ต ทันสมัย บริเวณคอนโซลเลือกใช้โทนสีและวัสดุที่ให้อารมณ์สปอร์ต สอดรับกับเทคโนโลยีเครื่องเสียงอย่างจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว และระบบเชื่อมต่อ Suzuki Smart Connect ที่สามารถใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนค่ายต่างๆ ทั้งยังฝังระบบนำทางเนวิเกเตอร์มาให้พร้อมปุ่มคอนโทรลเครื่องเสียงอยู่บริเวณพวงมาลัย ง่ายต่อการควบคุม มีระบบ Cruise Control และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังอีกด้วย   

 

ภายในกว้างขวาง มีพื้นที่เก็บสัมภาระต่างๆ ที่ใหญ่พอสำหรับกระเป๋าเดินทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เพียงพอสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องพร้อมทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะแวะไปฟิตเนสตอนเช้า ทำงานจนถึงค่ำ ก่อนเปลี่ยนชุดหรือรองเท้าเพื่อสังสรรค์ต่อยามเย็น    

 

 

ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.25 ลิตรและชุดเกียร์ CVT มีระบบเบรกที่แม่นยำ ขับสนุก ปลอดภัย ประหยัดน้ำมันได้มากถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตร คุณจึงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องค่าน้ำมันที่ต่อให้ขับทั่วกรุงในวันทำงานและ Cafe Hopping ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ทั้งเงินในกระเป๋าและน้ำมันในถังก็ยังเหลือๆ นับเป็นที่สุดของความคุ้มค่า มากกว่ากับความสบาย ตอบโจทย์ความต้องการคนเมืองได้อย่างดีเยี่ยม

 

ลองทำการบ้านดูว่ารถคันแรกของคุณจะเป็นอย่างไร ข้อมูลเพิ่มเติม www.suzuki.co.th/th/ciaz

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post เมื่อ First Jobber อยากมี ‘รถคันแรก’ ในชีวิต เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/first-jobber-suzuki-ciaz/feed/ 0
เตรียมพบกับรถใหม่ที่น่าสนใจปี 2019 https://thestandard.co/upcoming-car-2019/ https://thestandard.co/upcoming-car-2019/#respond Tue, 08 Jan 2019 10:37:46 +0000 https://thestandard.co/?p=176519

และแล้วปี 2018 ก็ผ่านไปกับการเปิดตัวรถใหม่มากมายในงานมห […]

The post เตรียมพบกับรถใหม่ที่น่าสนใจปี 2019 appeared first on THE STANDARD.

]]>

และแล้วปี 2018 ก็ผ่านไปกับการเปิดตัวรถใหม่มากมายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ที่มีให้เลือกตั้งแต่รถไฟฟ้าขนาดเล็กอย่าง FOMM ราคา 6 แสน ไปจนถึงรถซูเปอร์เอสยูวี ราคา 20 กว่าล้าน อย่าง Lamborghini Urus เป็นต้น สำหรับปี 2019 นี้ เรามาดูกันว่าค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่รุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง

 

All New Suzuki Jimny

นี่คือรถยนต์อีกรุ่นที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดตั้งแต่มีการเปิดตัวไปเมื่อกลางปี 2018 ที่ญี่ปุ่น ด้วยรูปทรงที่ดูน่ารัก กะทัดรัด มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ปี 1970 ซึ่งสามารถครองใจผู้ใช้รถแบบขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็กมาโดยตลอด ซึ่งมียอดจำหน่ายทั่วโลกรวมแล้วกว่า 2.85 ล้านคันเลยทีเดียว รถรุ่นใหม่นี้นับเป็นเจเนอเรชันที่ 4 ของตระกูล นี่คือรถขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็กที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-time 4WD ที่ยังคงเอกลักษณ์โครงสร้างตัวถังแบบครอบทับเฟรม (Ladder Frame) ช่วงล่างคานแข็งแบบ 3 Link Suspension การออกแบบตัวถังภายนอกทำได้ลงตัวมากกับแนวคิด Professional Tools มีการใช้ DNA ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่นในอดีตมาใช้ในการออกแบบได้อย่างกลมกลืน เช่น ไฟหน้าทรงกลม กระจังหน้าแนวตั้ง 5 ช่อง และฝากระโปรงหน้าทรงเหลี่ยม รถรุ่นนี้มีให้เลือก 2 เวอร์ชันคือ Jimny และ Jimny Sierra ซึ่งในรุ่น Jimny Sierra มีมิติความกว้างที่มากกว่า สูงกว่า และยาวกว่ารุ่น Jimny เล็กน้อย (สังเกตได้จากโป่งล้อที่ถูกเสริมขึ้นมาให้กว้างขึ้น) แต่ระยะฐานล้อนั้นเท่ากัน

 

 

ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย เน้นการใช้งานแบบสมบุกสมบัน ห้องโดยสารถูกขยายให้กว้างมากขึ้น นั่งสบายขึ้นกว่ารุ่นเดิม สำหรับขุมพลังนั้นบ้านเราน่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 102 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือ เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-time คาดว่ารถรุ่นนี้จะได้รับความนิยมในบ้านเราอย่างแน่นอน (ถ้าราคาสมเหตุสมผลนะครับ)

 

 

All New Mazda 3

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา มีการเปิดตัว Mazda 3 เจเนอเรชันที่ 4 เป็นครั้งแรกที่งาน Los Angeles Auto Show ทั้งรุ่น 4 ประตูซีดาน และ 5 ประตูแฮตช์แบ็ก จุดเด่นของรถรุ่นนี้ได้แก่ความพิถีพิถันในการออกแบบตามแนวทางของ Mazda ที่เรียกว่า KODO Design ซึ่งถือว่าเป็นเวอร์ชันที่ 2 แล้ว

 

รูปทรงภายนอกถูกขัดเกลาพื้นผิวของตัวรถให้มีความเรียบเนียนโดยลดเส้นสายที่ไม่จำเป็นออกเกือบหมด ทำให้รูปทรงของรถดูแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรุ่น 5 ประตูที่ถอดแบบมาจากรถต้นแบบ KAI Concept นั่นเอง ภายในถูกออกแบบใหม่หมด เรียบหรูสไตล์รถยุโรป แต่ยังคงแนวคิด Less is more โดยจะเน้นให้มีปุ่มเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเรื่องระบบเก็บเสียงภายในรถให้ดีขึ้น เทียบเท่ากับรถยุโรปชั้นนำอีกด้วย สำหรับขุมพลังนั้นน่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ลิตรเดิม แล้วนำมาปรับแต่งใหม่ หรืออาจจะมี เซอร์ไพรส์เป็นเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่อย่าง SKYACTIV-X 2.0 ลิตร ก็เป็นได้ โครงสร้างตัวถัง SKYACTIV-Vehicle Architecture แบบใหม่มีการใช้เหล็กกล้า High-tensile มากขึ้นจากเดิมเพียง 3% เพิ่มเป็น 30% ทำให้ตัวถังมีการบิดตัวน้อยเวลาสะเทือนหรือเข้าโค้ง รวมทั้งมีความปลอดภัยมากขึ้นเวลาเกิดอุบัติเหตุด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE เตรียมไว้ให้อีกเพียบ สำหรับสาวก Mazda 3 ก็เตรียมความพร้อมกันไว้ให้ดีเพราะปีนี้มาแน่ๆ

 

 

All New BMW 3 Series

นับเป็นการรอคอยที่ยาวนานถึง 7 ปี สำหรับการเปลี่ยนโฉมของ BMW 3 Series รุ่นใหม่ล่าสุด เจเนอเรชันที่ 7 ที่มีรหัสตัวถัง (G20) ด้วยรูปทรงภายนอกที่ใช้ภาษาการออกแบบเดียวกับรถ BMW ยุคใหม่รุ่นอื่นๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ สังเกตได้จากกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่แบบชิ้นเดียว เชื่อมต่ออย่างลงตัวกับไฟหน้า LED ซึ่งกลมกลืนกับกันชนหน้าได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยช่องลมรูปตัว T ที่กันชนหน้าทั้งสองด้าน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากช่องดักอากาศของเครื่องบินในอดีต มิติของตัวรถใหญ่ขึ้นและนำ้หนักลดลง 55 กิโลกรัมจากรุ่นที่แล้ว (F30) เล็กน้อย เส้นสายด้านข้างดูเพรียวและสปอร์ตมากขึ้น ทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศลดลงเหลือ 0.23 ไฟท้ายรูปตัว L เรียวยาว 3 มิติ

 

ขุมพลังมีให้เลือกตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซินทวินพาวเวอร์เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบในรุ่น 320i ให้กำลัง 184 แรงม้า รุ่น 330i ให้กำลัง 258 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ในรุ่น 318d ให้กำลัง 150 แรงม้า 320d ให้กำลัง 190 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ในรุ่น 330d ให้กำลัง 265 แรงม้า รุ่นปลั๊กอินไฮบริด 330e จะประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 10% และสามารถวิ่งแบบใช้ไฟฟ้าล้วนได้ไกลถึง 60 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับรุ่นที่จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทยนั้นคงต้องรอให้ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

 

 

The New Mercedes-Benz A-Class

นี่คือ Mercedes-Benz A-Class เจเนอเรชันที่ 4 และนับเป็นครั้งแรกที่รุ่น A-Class มีแบบตัวถังให้เลือกทั้งแบบ 5 ประตูแฮตช์แบ็ก (รหัสตัวถัง W177) และแบบ 4 ประตูซีดาน (รหัสตัวถัง V177) โดดเด่นด้วยการออกแบบรูปทรงที่ดูลู่ลมมากขึ้น โดยเฉพาะรุ่นซีดานที่สามารถลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศลงได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยตัวเลข 0.22 Cd เลยทีเดียว มิติความยาวของตัวรถรุ่น 4 ประตูจะยาวกว่า 30 มิลลิเมตร และสูงกว่า 6 มิลลิเมตร

 

รูปทรงด้านหน้าใช้ภาษาการออกแบบเดียวกันกับรุ่นพี่อย่าง CLS ไฟหน้า LED พร้อม Daytime Running Light รูปตัว L คว่ำ ไฟท้ายของรุ่นซีดานและแฮตช์แบ็กมีลวดลายที่แตกต่างกัน ขนาดล้อมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16-19 นิ้ว อุปกรณ์ภายในจัดเต็มเริ่มจากระบบควบคุม Multimedia MBUX เพื่อรองรับการสั่งงานด้วยเสียง ส่วนระบบแสดงผลมีให้เลือกถึง 3 แบบ สำหรับรุ่น Top นั้นดูอลังการมากด้วยหน้าจอคู่ขนาดใหญ่ถึง 12.25 นิ้ว ยาวต่อกัน (เหมือนกับที่อยู่ในรุ่น E-Class) เช่นเดียวกับช่องแอร์ทรงไอพ่นเครื่องบิน และระบบการเปลี่ยนแสงสีภายในห้องโดยสาร Ambient Lighting ได้มากถึง 64 สี ขุมพลังนั้นมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล สำหรับตลาดบ้านเราน่าจะเป็นรุ่น A 200 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.3 ลิตร เทอร์โบ 163 แรงม้า คาดว่าคงจะถูกใจวัยรุ่นไทยแน่นอนสำหรับรถรุ่นนี้

 

 

All New Porsche 911 (992)

ด้วยระยะเวลาในการรอคอยที่รู้สึกว่าไม่นานมากนัก (เพราะว่ารถรุ่นก่อนยังดูเหมือนว่าเพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้) ในที่สุด Porsche ก็เปิดตัวเจ้าชายกบเจเนอเรชันที่ 8 รุ่นล่าสุด (รหัสตัวถัง 992) รูปทรงภายนอกยังคงเอกลักษณ์ของรุ่น 911 เอาไว้อย่างเหนียวแน่น โป่งซุ้มล้อถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น ระยะฐานล้อกว้างขึ้น 45 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยไฟท้ายแนวนอนเป็นเส้นสีแดง LED เชื่อมต่อกัน พร้อมไฟเบรก LED ดวงที่ 3 อยู่บนฝาระบายอากาศด้านบนซึ่งทำเป็นเส้นคู่แนวตั้งดูแปลกตา รวมทั้งยังมีติดตั้งซ่อนอยู่ใต้สปอยเลอร์ท้ายอีกจุดหนึ่ง ซึ่งจะมองเห็นเมื่อสปอยเลอร์ท้ายยกขึ้นเท่านั้น ภายในออกแบบใหม่หมด หน้าจอกลางแดชบอร์ดขนาดใหญ่ 10.9 นิ้ว ที่เรียกว่า Porsche Communication Management (PCM) แบบทัชสกรีน ถัดลงมาเป็นช่องแอร์และแผงคอนโซลกลางสีดำเงา ซึ่งที่แปลกตาไปมากที่สุดก็คือเจ้าคันเกียร์อัตโนมัติอันเล็กๆ ที่ตั้งขึ้นมาอย่างโดดเด่น มองแล้วไม่เหมือนคันเกียร์ทั่วไปที่คุ้นเคย

 

ขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ เริ่มจากรุ่น Carrera ให้กำลัง 385 แรงม้า รุ่น Carrera S และ 4Sให้กำลัง 450 แรงม้า แฟนๆ Porsche เตรียมตัวเสียสตางค์อีกแน่นอน

 

 

ภาพ: Courtesy of brands

ภาพประกอบ: Nuttarut B.

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post เตรียมพบกับรถใหม่ที่น่าสนใจปี 2019 appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/upcoming-car-2019/feed/ 0