เพจสถิติเพลงชื่อดังอย่าง Chart Data รายงานว่า BTS เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ด้วยการเป็นวงแรกที่มียอดสตรีมมิงกว่า 40,000,000,000 ครั้งบน Spotify จากเพลงทั้งหมดของพวกเขา รวมทั้งเพลงที่พวกเขามีส่วนร่วมในการทำงาน ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการที่พวกเขามีแฟนเพลงและแฟนคลับอย่างเหล่า ARMY คอยสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นมาโดยตลอด

โดยทางเว็บไซต์ Kworb ระบุว่า จากทั้งหมด 249 แทร็กที่เป็นเพลงของพวกเขา มียอดสตรีม 35,628,751,818 ครั้ง และเพลงที่พวกเขาไปร่วมฟีเจอริงหรือมีส่วนร่วมอีก 23 เพลงนั้น มียอดสตรีมอีก 4,382,882,038 ครั้ง โดยเพลงที่มียอดสตรีมมิงสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ Dynamite กับยอดสตรีม 1,800,000,000 ครั้ง, My Universe ที่พวกเขาร่วมร้องกับวง Coldplay ที่มียอดสตรีม 1,290,000,000 ครั้ง, Butter กับยอดสตรีม 1,270,000,000 ครั้ง, Boy With Luv ที่ฟีเจอริงกับ Halsey มียอดสตรีม 1,100,000,000 ครั้ง และ Left And Right ของ Charlie Puth ที่ Jungkook ไปร่วมฟีเจอริงอีก 970,000,000 ครั้ง

ต้องย้อนกลับไปว่านับตั้งแต่ที่พวกเขาเดบิวต์มาตั้งแต่ปี 2013 พวกเขาก็สร้างผลงานเพลงยอดเยี่ยมมากมายออกมาให้แฟนๆ ทั่วโลกได้ฟังกันเรื่อยมา อย่างเช่น อัลบั้ม DARK & WILD (2014), WINGS (2016), LOVE YOURSELF: ANSWER (2018), MAP OF THE SOUL : 7 (2020), BE (2020) ตลอดจนอัลบั้มโซโล่ของแต่ละคนที่ปล่อยมาในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละเพลงก็มีความแตกต่างหลากหลาย ทั้งในเชิงตัวตนของเมมเบอร์แต่ละคน ดนตรีที่มีเกือบทุกแนว เรื่องราวที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ในเนื้อเพลง ภาษาที่ใช้ในเพลงก็มีทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ หรือแม้แต่ภาษามือ ดังนั้นคนทุกกลุ่มจึงสามารถเข้าใจและเข้าถึงงานของพวกเขาได้ง่ายยิ่งขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ในบางผลงานเพลงก็สอดแทรกวัฒนธรรมเกาหลีเข้าไปทั้งในเพลง เพอร์ฟอร์แมนซ์ หรือมิวสิกวิดีโอ ซึ่งนั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีเลยว่า สำหรับวง BTS โลกดนตรีไม่เคยมีพรมแดนและสามารถเชื่อมโยงผู้คนทั่วโลกเข้าหากันได้

นอกจากนี้ พวกเขาก็ร่วมงานกับศิลปินต่างประเทศเพื่อสร้างสรรค์งานดีๆ ร่วมกันหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น Becky G, USHER, Coldplay, Megan Thee Stallion, Steve Aoki, Halsey และอีกมากมาย ซึ่งเพลงเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดสตรีมมิงสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ นอกจาก BTS จะเป็นวงแรกของโลกที่มียอดสตรีมมิงสูงถึง 40,000,000,000 ครั้งแล้ว พวกเขายังเป็นวงเอเชียวงแรกที่สามารถสร้างสถิตินี้ได้ด้วย ซึ่งก็เป็นการตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของพวกเขาในฐานะศิลปินเอเชียว่าพวกเขามีอิทธิพลในวงการดนตรีระดับโลก และพร้อมที่จะทลายกำแพงด้านภาษา พร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับวงการเพลงด้วยเช่นเดียวกัน

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

• https://x.com/chartdata/status/1816849985922650490
• https://kworb.net/spotify/artist/3Nrfpe0tUJi4K4DXYWgMUX_songs.html#google_vignette

The post BTS เป็นวงแรกในประวัติศาสตร์ที่มียอดสตรีมมิงบน Spotify รวมกันสูงถึง 4 หมื่นล้านครั้ง appeared first on THE STANDARD.

ศิลปิน นักแสดง และคนดัง มักมีงานอดิเรกคือการเป็นนักสะสม แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสะสมของหรูหราอย่างรถยนต์ นาฬิกา ไวน์ หรืองานศิลปะ เพราะของเรียบง่ายแต่มูลค่าไม่ธรรมดาอย่างการ์ดกีฬาและเกม ก็กลายเป็นของสะสมยอดนิยมในหมู่ศิลปินและในวงการเพลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวว่า Post Malone แรปเปอร์ชื่อดัง ทุ่มเงินซื้อการ์ด ‘One Ring’ จากแฟรนไชส์ ​​Lord Of The Rings ในบอร์ดเกม Magic: The Gathering แม้ยังไม่แน่ชัดว่าเขาจ่ายเงินไปเท่าไร แต่การ์ดใบนี้ก็มีผู้เสนอซื้อด้วยราคา 2.2 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 76 ล้านบาท 

เหตุผลที่แพงขนาดนี้เพราะนี่คือการ์ดที่มีโอกาสน้อยกว่า 0.0003% ที่จะได้เจอ โดยมีร้านขายการ์ดในนิวยอร์กเสนอราคา 1 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เจ้าของร้านในสเปนยอมจ่าย 2 ล้านยูโร (หรือ 2.2 ล้านดอลลาร์) ซึ่งหากการทุ่มซื้อของ Post Malone เป็นจริง เขาต้องจ่ายมากกว่านั้น 

สำหรับผู้โชคดีที่ได้เป็นเจ้าของการ์ดใบนี้คือ Brook Trafton พนักงานขับรถในโทรอนโต โดยเขาวางแผนที่จะขายเพื่อนำเงินไปลงทุน และ Post Malone ก็เป็นหนึ่งในคนที่เสนอซื้อเข้ามา ซึ่ง Post Malone เป็นแฟนตัวยงของเกม Magic: The Gathering มานานแล้ว และก่อนหน้านี้เขาก็เคยซื้อการ์ดหายากใบอื่นๆ จากเกมมาแล้วด้วย

Post Malone เป็นเพียงแค่หนึ่งในศิลปินเพลงที่เริ่มหันมาสะสมการ์ด โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์โควิดที่เหล่าคนดังต้องหยุดงาน และหันมาหางานอดิเรกใหม่ๆ ยิ่งในช่วงนั้นต้องงดการแข่งขันกีฬาด้วย ก็ยิ่งทำให้การสะสมการ์ดกีฬากลับมาเฟื่องฟูมีมูลค่าสูงถึง 5.4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม ปี 2021 eBay เปิดเผยว่า ยอดขายการ์ดเพิ่มสูงขึ้นกว่า 140% ระหว่างปี 2019-2020 โดยการ์ดบาสเกตบอลเพิ่มขึ้น 373% 

Steve Aoki ดีเจชื่อดังระดับโลก สะสมการ์ดตั้งแต่เป็นวัยรุ่น แต่เมื่อโตขึ้นก็หันไปสนใจดนตรีแทน จนกระทั่งในปี 2020 เพื่อนสนิทของเขาแนะนำให้กลับมาสะสมการ์ดอีกครั้ง โดยเน้นไปที่นักกีฬาดังๆ อย่าง Jackie Robinson และ Michael Jordan นอกจากนี้ยังร่วมมือกับบริษัทการ์ดชื่อดังออกแบบการ์ดเบสบอลในปี 2020 อีกด้วย 

นอกจากเป็นงานอดิเรกแล้ว อีกส่วนที่ทำให้การสะสมการ์ดเป็นที่นิยมคือ มูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างเช่นการ์ดของ Wayne Gretzky Rookie Card ขายแบบ Private Sale ในราคา 3.75 ล้านดอลลาร์ ช่วงปลายปี 2022 หรือ Mickey Mantle Iconic Rookie ที่ได้รับการประมูลไปในปี 2022 ที่ราคา 12.6 ล้านดอลลาร์ ทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาสนใจลงทุนในการ์ด ตั้งแต่เหล่าคนดัง นักธุรกิจในวอลล์สตรีท ไปจนถึงมหาเศรษฐีเลยทีเดียว 

Steve Aoki

ก่อนหน้าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นดีเจระดับโลก Steve Aoki เป็นนักสะสมการ์ดกีฬาตัวยง ก่อนจะหันมาโฟกัสด้านดนตรีแทน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์โควิดแพร่ระบาด ทำให้เขากลับมาสะสมการ์ดกีฬาอีกครั้ง และรู้ว่าปัจจุบันการ์ดบางใบมีมูลค่ากว่า 5 แสนบาทไปแล้ว ปัจจุบันเขาทุ่มเงินกว่าล้านดอลลาร์ไปกับการ์ดกีฬาประเภทต่างๆ รวมถึงการ์ดโปเกมอนด้วย 

Snoop Dogg

สร้างเซอร์ไพรส์เสมอสำหรับแรปเปอร์ Snoop Dogg เพราะเขาตัดสินใจขายรถหายาก Oldsmobile Cutlass ร่วม 1 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปซื้อการ์ด Kobe Bryant Rookie Card รุ่นปี 1996 ปรากฏว่าหลังจากนักบาสเกตบอลชื่อดังเสียชีวิต ราคาสิ่งของต่างๆ ของ Kobe Bryant ก็สูงขึ้นอย่างมาก รวมถึงการ์ดกีฬาด้วย 

Drake

Drake แรปเปอร์ชาวแคนาดา เป็นอีกหนึ่งคนดังที่หันมาสนใจการสะสมการ์ด เขาเป็นเจ้าของ Panini Flawless Cards คอลเล็กชันการ์ดพร้อมลายเซ็น รวมทั้งการ์ดหายาก Triple Logoman ที่ประกอบด้วยโลโก้ NBA จากแต่ละทีมของ LeBron ทั้ง Cleveland Cavaliers, Miami Heat และ Los Angeles Lakers ทำให้กลายเป็นที่ต้องการของนักสะสมทุกๆ ทีม

Post Malone

Post Malone เป็นแฟนตัวยงของเกม Magic: The Gathering และเคยซื้อการ์ดหายากของเกมนี้มาก่อนหน้านี้ โดยล่าสุดมีข่าวว่า เขาทุ่มเงินซื้อ ‘One Ring’ จากแฟรนไชส์ ​​Lord Of The Rings ที่คาดว่ามีราคามากกว่า 2.2 ล้านดอลลาร์ 

Charlie Sheen

Charlie Sheen คือนักแสดงชื่อดังจากยุคทศวรรษ 80 เป็นนักสะสมการ์ดกีฬาตัวจริง ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นเจ้าของคอลเล็กชันการ์ดเบสบอลหายากที่ชื่อว่า All-Star Cafe รวมทั้งการ์ดหายาก T206 Honus Wagner ซึ่งการ์ดใบนั้นเคยถูกขโมยไป และได้กลับคืนในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น Charlie Sheen ได้ขายคอลเล็กชันส่วนใหญ่ของเขาออกไปเพราะปัญหาชีวิต 

อ้างอิง:

• https://clutchpoints.com/drake-and-6-celebrities-you-did-not-know-were-avid-sports-card-collectors 
• www.rollingstone.com/product-recommendations/lifestyle/musicians-collect-sports-cards-1132950/ 
• https://robbreport.com/lifestyle/news/post-malone-lotr-trading-card-1234875659/ 

The post ‘5 คนดัง’ กับกระแสการสะสมการ์ดเกมและกีฬา appeared first on THE STANDARD.

เมื่อเจ้าพ่อคำสาป Aoki Cures อย่าง Steve Aoki และเจ้าพ่อ NFTs ศิลปินฮิปฮอปในตำนาน Snoop Dogg มาร่วมมือกัน บูมมมมม กลายเป็น…Alpha Doggz

ไอคอนแรปเปอร์ Snoop Dogg และผู้บุกเบิกดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ Steve Aoki ประกาศผ่านทางทวิตเตอร์ว่า พวกเขากำลังร่วมมือกันในนามของ ‘Alpha Doggz’ เพื่อปล่อย Extended Play (EP) ที่มีชื่อว่า Da Da ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 ผ่านทาง Gala Music และค่ายพาร์ตเนอร์ Death Row Records

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Snoop Dogg สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้วงการเพลงด้วยการเปิดประกาศทำ NFT Music และนำ Death Row Records มาสู่ Gala Music โดยเขาหวังใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อเป็นตัวอย่างและรันวงการให้ศิลปินมีช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์และสร้างรายได้ รวมถึงการมอบความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งขึ้นให้กับแฟนๆ ในขณะที่ Steve Aoki ก็เป็นหนึ่งในนักดนตรีที่คลุกคลีและประสบความสำเร็จในวงการ NFTs

ผู้ถือกล่อง Gala Music x Snoop’s Stash Box จะได้รับเพลงสุดพิเศษ Super Freak ที่พวกเขาไปฟีเจอริงกับแรปเปอร์ชาวอเมริกัน October London และทั้งคู่ยังออกซิงเกิล Holy Grail ให้กับผู้ถือพาสปอร์ตของ A0K1VERSE ด้วย ส่วนสามเพลงสุดท้ายจาก EP ได้แก่ Da Da, Girls และ How I Do It จะออกจำหน่ายทั่วไปในวันเดียวกัน

สำหรับใครที่สนใจ Mint ชิ้นงานของ Alpha Doggz สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://music.gala.world

ภาพ: Steve Aoki

อ้างอิง:

• https://etcanada.com/news/897725/snoop-dogg-teams-up-with-steve-aoiki-for-new-duo-alpha-doggz
• https://nftevening.com/steve-aoki-x-snoop-dogg-are-releasing-an-nft-ep-check-it-out

The post Steve Aoki และ Snoop Dogg แท็กทีมกันรันวงการ NFT Music ในนามของ Alpha Doggz appeared first on THE STANDARD.

เว็บไซต์ Music Ally รายงานว่า แอปพลิเคชันสตรีมมิงเพลง Spotify กำลังเริ่มทดสอบระบบ NFT Profile Picture แล้ว โดยอนุญาตให้ศิลปินสามารถโปรโมตโปรเจกต์ NFTs ได้ผ่านรูปโปรไฟล์ของตน

“Spotify กำลังดำเนินการทดสอบ ซึ่งจะช่วยให้ศิลปินกลุ่มเล็กๆ สามารถโปรโมต NFTs ผ่านภาพโปรไฟล์ศิลปินของพวกเขา” โฆษกของ Spotify กล่าวกับ Music Ally

การทดสอบนี้จะเริ่มในกลุ่มศิลปินเล็กๆ ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก มีรายงานว่า Steve Aoki และ The Wombats ก็ร่วมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ผู้ที่อยู่ในกลุ่มทดสอบจะสามารถเชื่อมต่อรูป NFTs เข้ากับรูปโปรไฟล์ได้ เมื่อคลิกเข้าไปดูระบบจะดึงภาพใหญ่ และมีปุ่มดูเพิ่มเติมเพื่อนำผู้ใช้ไปตลาด NFTs อาทิ OpenSea เพื่อทำการซื้อขายต่อไป

การทดสอบฟีเจอร์นี้ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและสตรีมมิง ก่อนหน้านี้มีแอปในหมวดดังกล่าวเริ่มทดสอบระบบและเปิดใช้งานแล้ว เช่น Twitter, Instagram และ Reddit

ภาพ: Shutterstock

อ้างอิง:

• https://musically.com/2022/05/13/spotify-artists-promote-nfts
• https://hypebeast.com/2022/5/spotify-tests-new-feature-artists-display-sell-nfts

The post Spotify เริ่มทดสอบระบบ NFT Profile Picture ในกลุ่มศิลปินนำร่อง ซึ่งมี Steve Aoki และ The Wombats ร่วมอยู่ด้วย appeared first on THE STANDARD.

อย่างที่ทราบกันดีว่า Steve Aoki เป็นหนึ่งในผู้คร่ำหวอดวงการ NFTs ทั้งในฐานะครีเอเตอร์และนักสะสม จนแทบเรียกได้ว่าเป็นหัวหอกของวงการคนหนึ่ง เขาเรียกตัวเองว่า ‘Futurist’ และเชื่อมั่นว่า NFTs จะสามารถปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรีได้ 

จากการสำรวจของเรา Aoki มี NFTs ไว้ครอบครองประมาณ 1,100 ตัวในแอ็กเคานต์หลัก และยังมีอีกหลายร้อยตัวในแอ็กเคานต์สำรอง แน่นอนว่าเขาย่อมมีตั้งแต่คอลเล็กชันดังอย่าง Bored Ape Yacht Club, CryptoPunk หรือ Doodles ฯลฯ เราจะไม่หยิบเอาตัวแพงที่สุดมาให้คุณดูเพียงอย่างเดียว แต่เราหยิบเอา 9 NFTs จาก 9 โปรเจกต์น่าสนใจ ที่แค่เห็นก็รู้ว่ามูนแน่นอน

ภาพประกอบ: เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

The post ส่อง 9 NFTs จาก 9 โปรเจกต์น่าสนใจของ Steve Aoki ที่แค่เห็นก็รู้ว่ามูนแน่นอน appeared first on THE STANDARD.

Steve Aoki (สตีฟ อาโอกิ) ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการ NFTs แถมยังโลดแล่นในในฐานะครีเอเตอร์มา 2-3 ปีแล้ว ซึ่งเขาต้องการเห็นทรัพย์สินดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัวเหล่านี้มาช่วยปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรี

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในงานเปิดตัว Gala Music ซึ่งจัดขึ้นที่ The Forum ในเมืองอิงเกิลวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย Steve Aoki เผยว่าเงินที่เขาได้จาก NFTs นั้นมีมากกว่าการทำดนตรีมากว่า 10 ปี 

“ในช่วง 10 ปีที่ผมทำงานดนตรีมา ออกเพลงมา 6 อัลบั้ม และเมื่อรวมรายได้ทั้งหมดนี้ยังน้อยกว่าที่ผมได้จากการปล่อย NFTs ครั้งเดียวเมื่อปีที่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น NFTs ยังช่วยผมให้สามารถเต็มที่กับงานดนตรีมากขึ้น” Aoki กล่าว

Steve Aoki เรียกตัวเองว่า ‘Futurist’ และเขาเชื่อมั่นว่า NFTs จะปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรีได้อย่างแน่นอน เขายังเสริมว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ NFTs น่าตื่นเต้นเพราะมันขึ้นอยู่กับคอมมูนิตี้ที่ตื่นตัวมาสนับสนุนพวกเขา สำหรับ Aoki แล้วเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม เพราะนักดนตรีส่วนใหญ่มีฐานแฟนเพลงที่คลั่งไคล้จำนวนมากอยู่แล้ว

“และเมื่อเพลง NFTs เริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งในการมีส่วนร่วมสนับสนุนศิลปิน ค่ายเพลงต่างๆ ย่อมต้องทำอะไรมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มเพลงในเพลย์ลิสต์” Aoki กล่าว

NFTs คือโทเคนที่มีความแตกต่างเฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร อยู่บนบล็อกเชน เฉกเช่น Ethereum หรือ Solana และสามารถบ่งบอกกรรมสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเหนือรูปภาพ ผลงานดนตรี หรือแม้แต่ทรัพย์สินอื่นๆ ที่จับต้องได้ในโลกจริงด้วย ตลาด NFTs บูมอย่างมากในปีที่ผ่านมา และปัจจุบันกลายเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

Steve Aoki ไม่ได้เป็นเพียงผู้สร้างผลงานแต่ยังเป็นนักสะสมอีกด้วย เขาเป็นเจ้าของ NFTs ชุด Bored Ape Yacht Club (BAYC) หลายชิ้น และยังทำผลงานบน NFT Marketplace ที่อยู่บนบล็อกเชน Solana และปัจจุบันเขาได้เปิดตัว A0kiverse คลับแบบสมัครสมาชิกที่มี NFTs ซึ่งจะมีอยู่ในโลกจริงด้วย

ภาพ: Ross Gilmore / Redferns via Getty Images

The post ดีเจระดับโลก Steve Aoki เผยทำเงินจาก NFTs ได้มากกว่ารายได้จากดนตรี 10 ปี appeared first on THE STANDARD.

ยินดีต้อนรับสู่ A0K1VERSE! 

Steve Aoki (สตีฟ อาโอกิ) ดีเจและโปรดิวเซอร์เพลงระดับโลก ประกาศเปิดคลับของตัวเองในนามของ A0K1VERSE ด้วยการให้สมาชิกคลับถือ NFT เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่างๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น NFT คอลเล็กชันใหม่ บัตรคอนเสิร์ต ของสะสมที่ระลึก หรือกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

อย่างที่ทราบกันดีว่า Steve Aoki เป็นหนึ่งในนักสะสม NFTs ตัวยง และเขายังนำสิ่งเหล่านี้มาดัดแปลงให้เข้ากับคลับของเขาได้ A0K1VERSE จึงเป็นโซเชียลคลับที่ใช้โทเคนมาผสานร่วมกับชุมชน สมาชิกของ A0K1VERSE จะสามารถเข้าถึงโอกาสทั้งทางดิจิทัลและในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่เพียงแต่จาก Aoki เองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเครือข่ายพันธมิตรและแบรนด์ต่างๆ ที่ Aoki ทำงานด้วย

Aoki กล่าวว่า “ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 1996 ผมก็ใส่ใจกับเสียงของชุมชนหรือแฟนคลับเสมอมา เมื่อมาถึงตอนนี้ ผมพบว่าสิ่งที่ชุมชนของเราต้องการคือสิทธิประโยชน์ หรือ Utility ที่มีความหลากหลายมากขึ้นและกลมกลืนไปกับโลก”

การจะเป็นสมาชิกของ A0K1VERSE สมาชิกจะต้องมีคือ A0K1Credit และ Passport โดย A0K1Credit จะเป็นโทเคนแบบ ERC-1155 มีอุปทานทั้งสิ้น 50,000 เหรียญ แบ่งออกเป็น Public Sale 25,000 เหรียญ และอีก 25,000 เหรียญจะถูกเก็บไว้เป็น Rewards สำหรับคอมมูนิตี้

และเมื่อมี Credits แล้วก็สามารถนำไปแลก Passport เพื่อแสดงว่าคุณคือประชาชนในโลก A0K1VERSE 

จาก 25,000 ชิ้น A0K1Credit จำนวน 5,800 ชิ้น จะถูกกันไว้ให้ผู้ถือ NFTs ของ Steve Aoki ในเวอร์ชันต่างๆ และที่เหลือจะถูกปล่อยขายในรอบ Pre-Sale ให้แก่พาร์ตเนอร์และคอมมูนิตี้ในวันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ และปล่อย Public Sale ในวันถัดมา 15 กุมภาพันธ์ 2022

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://a0k1verse.xyz

ภาพ: Mike Coppola/Getty Images for ASICS America

อ้างอิง:

• https://hypebeast.com/2022/1/steve-aoki-a0k1verse-nft-platform
• https://nftevening.com/a0k1verse-steve-aokis-new-nft-community-with-major-rewards

The post ‘A0K1VERSE’ โซเชียลคลับของ Steve Aoki ที่ให้ผู้ถือ NFT รับสิทธิประโยชน์จากกิจกรรมในอนาคต appeared first on THE STANDARD.

ความสำเร็จที่วง BTS ได้รับตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาถือเป็นปรากฏการณ์ของอุตสาหกรรมดนตรีโลก เราได้เห็นศิลปินเกาหลีมีบทบาทอย่างมหาศาลในเชิงตัวเลข ไม่ว่าจะยอดขายตั๋วคอนเสิร์ต ยอดดาวน์โหลดเพลง ยอดวิวมิวสิกวิดีโอ ซึ่งวงการเพลงสากลจะมองข้ามไม่ได้อีกต่อไป

แต่หากพูดกันตามตรง แม้ BTS จะได้ขึ้นปกนิตยสาร Time, ออกรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon หรือได้รับรางวัลจาก UN แต่ก็มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เรารอคอยมาเสมอ นั่นก็คือการปล่อยเพลงสากลที่ร้องเป็นภาษาอังกฤษ 100% ที่จะฮิตติดหู ดีเจคลื่นวิทยุอยากเปิดตลอดเวลา ขึ้นชาร์ตเพลงสากล Top 40 ทั่วโลก และลบคำครหาว่าได้อันดับในชาร์ตเพราะยอดสตรีมและยอดวิว

ล่าสุดความหวังของเราอาจจะเกิดขึ้นกับเพลง Waste It On Me ที่ทางวงกลับมาร่วมงานกับดีเจชื่อดัง สตีฟ อาโอกิ อีกครั้ง และร้องเป็นภาษาอังกฤษเต็มเพลงเป็นครั้งแรก!

Waste It On Me เป็นเพลงสไตล์ป๊อปอีดีเอ็มจังหวะ Mid-tempo ฟังง่ายและปรุงแต่งด้วยเสียงสังเคราะห์ต่างๆ ที่ไม่รู้สึกล้นเกินไป เนื้อหาพูดถึงการเสียสละเวลาทั้งหมดที่มีให้คนที่เรารัก ซึ่งเชื่อได้ว่านี่อาจเป็นหนึ่งในเพลงของ BTS ที่แม้แต่คนทั่วไปจะต้องคิดใหม่ว่าทั้ง 7 หนุ่มวง BTS มีอะไรมากกว่าวงเคป๊อป และเป็นศิลปินเอเชียคุณภาพที่สามารถขับเคลื่อนสังคมบนเวทีโลกได้ยาวนาน ไม่ใช่แค่ ‘เทรนด์’ ในช่วงเวลาเดียว

จะเจ๋งมากถ้าหากเพลง Waste It On Me กลายเป็นเพลงฮิตขึ้นชาร์ตหลายสัปดาห์ในตลาดเพลงสำคัญอย่างอเมริกาและอังกฤษ เพราะนี่จะเป็นผลงานเพลงแรกๆ ของศิลปินเชื้อสายเอเชียที่ทำได้ขนาดนี้ โดยไม่ได้เป็นแค่กระแสไวรัลหรือตลกโปกฮาอย่างเดียว และต่อไปอาจสร้างหลักการใหม่ให้ศิลปินเกาหลีหันมาทำเพลงภาษาอังกฤษเต็มเพลงหากอยากบุกตลาดสากล

สำหรับเพลง Waste It On Me จะรวมอยู่ในอัลบั้มใหม่ของสตีฟ อาโอกิ ที่ชื่อ Neon Future III ซึ่งจะวางจำหน่ายในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ และกำลังจะมีมิวสิกวิดีโอเร็วๆ นี้ด้วย ส่วนเดือนหน้าในวันที่ 15 พฤศจิกายน สารคดี Burn The Stage ติดตามทัวร์คอนเสิร์ตในปี 2017 ของ BTS ก็จะเข้าฉาย ส่วนแฟนเพลงชาวไทยก็รอพบพวกเขาได้ที่คอนเสิร์ตใหญ่ในเดือนเมษายนปีหน้า BTS World Tour ‘Love Yourself’ Bangkok

เพลง Waste It On Me 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post BTS ร่วมกับ Steve Aoki ปล่อยเพลงภาษาอังกฤษ Waste It On Me ที่มีสิทธิ์ติดชาร์ตเพลงสากลทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.