South China Morning Post – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 10 May 2023 00:38:13 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 หนุ่มสาวชาวจีนหันหน้าเข้าหา ‘รสพระธรรม’ ที่พึ่งทางใจ หนีแรงกดดันจากการงานที่นับวันยิ่งแข่งขันสูง https://thestandard.co/chinese-people-temple-religious-worship/ Tue, 09 May 2023 02:52:34 +0000 https://thestandard.co/?p=787258

หรือเป็นเพราะความกดดันที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด! จนทำให้วัย […]

The post หนุ่มสาวชาวจีนหันหน้าเข้าหา ‘รสพระธรรม’ ที่พึ่งทางใจ หนีแรงกดดันจากการงานที่นับวันยิ่งแข่งขันสูง appeared first on THE STANDARD.

]]>

หรือเป็นเพราะความกดดันที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด! จนทำให้วัยหนุ่มสาวจำนวนมากในจีนหันหน้าเข้าวัดและบูชาทางศาสนา เพื่อหลีกหนีความกดดันจากหน้าที่การงานที่นับวันยิ่งเครียดและแข่งขันสูง

 

“รู้ไหมว่าฉันอายุ 27 ปี ยังไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และไม่มีแฟน ฉันไม่ต้องการอะไรมาก ฉันต้องการแค่เงิน 1.5 ล้านดอลลาร์ และที่สำคัญที่สุด ฉันต้องการแฟนสาวที่สวยและรักฉันมากกว่าเงิน” Zhang กล่าว

 

South China Morning Post รายงานว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าการหันหน้าเข้าวัดเพื่อบูชาเทพเจ้ากลายเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ในจีน เพราะต้องการหลีกเลี่ยงจากความกังวลและความเครียดจากหน้าท่ีการงาน ที่นับวันยิ่งมีแต่ความกดดันและการแข่งขันที่สูงขึ้นทุกวัน ซึ่งการอธิษฐานมีหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่หลายคนก็มักขอพรที่พึ่งพาพระพุทธเจ้าเป็นหลัก

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

Zhang กล่าวต่อไปว่า การขอพรตรงกับช่วงปรากฏการณ์ทางโหราศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นเพียง 3-4 ครั้งต่อปี ทำให้เราตัดสินใจขับรถโดยใช้เวลา 12 ชั่วโมง เดินทางจากมณฑลเจ้อเจียงที่อยู่ทางตะวันออกของจีน ไปยังวัดที่มณฑลเสฉวนที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้

 

ทั้งนี้ พระพุทธรูปเล่อซาน สูงกว่า 71 เมตร ถูกแกะสลักขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 713-803 ในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหินที่สูงที่สุดในโลก

 

อย่างไรก็ตาม สื่อจีนรายงานว่า วิดีโอการขอพรของชายชาวจีนถูกสตรีมมิงลงบนโซเซียลมีเดีย จนทำให้ผู้คนให้ความสนใจอย่างมาก โดยมีคนดูมากกว่า 5 แสนคน เพราะเขาประกาศใส่ลำโพงขนาดใหญ่ เพื่อต้องการให้พระพุทธรูปได้ยินสิ่งที่ปรารถนา

 

อ้างอิง:

The post หนุ่มสาวชาวจีนหันหน้าเข้าหา ‘รสพระธรรม’ ที่พึ่งทางใจ หนีแรงกดดันจากการงานที่นับวันยิ่งแข่งขันสูง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยุค ‘ดีไซเนอร์หญิง’ ผงาดในตลาดสนีกเกอร์ ‘adidas-Nike’ เปิดให้ออกแบบสินค้าที่ไม่จำกัดแค่สีชมพู ขยายกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากขึ้น https://thestandard.co/adidas-nike-vans-womens-sneakers/ Fri, 03 Feb 2023 05:11:43 +0000 https://thestandard.co/?p=745634

ถึงเวลาที่แบรนด์รองเท้าสนีกเกอร์ ‘adidas-Nike-Vans’ เปิ […]

The post ยุค ‘ดีไซเนอร์หญิง’ ผงาดในตลาดสนีกเกอร์ ‘adidas-Nike’ เปิดให้ออกแบบสินค้าที่ไม่จำกัดแค่สีชมพู ขยายกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถึงเวลาที่แบรนด์รองเท้าสนีกเกอร์ ‘adidas-Nike-Vans’ เปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์ผู้หญิงเข้ามามีบทบาท ออกแบบสินค้าที่ไม่จำกัดแค่สีชมพู เน้นขยายกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากขึ้น 

 

South China Morning Post รายงานว่า แบรนด์รองเท้า adidas, Nike และ Vans เริ่มเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์ผู้หญิงพัฒนาผลิตภัณฑ์รองเท้าผ้าใบหรือสนีกเกอร์ที่หลากหลายสีสันมากขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่สีชมพู เพื่อเน้นขยายกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้น

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

สอดคล้องกับหนังสือ She Kicks ที่เขียนโดย Nav Gill อดีตบรรณาธิการของแพลตฟอร์มออนไลน์ Hypebae และ Sanne Poeze ระบุไว้ว่า ในอดีตมุมมองทัศนคติที่มีต่อตลาดรองเท้าผ้าใบผู้หญิง การออกแบบรองเท้าจะโฟกัสไปที่สีชมพูเป็นหลัก แต่วันนี้อุตสาหกรรมเริ่มเปลี่ยนแปลงไป

 

แม้อุตสาหกรรมจะก้าวไปข้างหน้า แต่ดีไซเนอร์ที่เป็นผู้หญิงยังไม่ได้รับความเชื่อมั่นและเปิดโอกาสให้มากนัก ถ้าเทียบกับดีไซเนอร์ผู้ชาย กระทั่งในปี 2018 ที่ผ่านมา แบรนด์ต่างๆ ได้เปิดให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมสนีกเกอร์ ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เริ่มตั้งแต่ adidas, AMBUSH และ Nike Air Adjust Force ที่ออกแบบโดย Yoon Ahn หรือที่รู้จักกันในนาม Yoon AMBUSH ดีไซเนอร์หญิงสัญชาติเกาหลี-อเมริกัน 

 

พร้อมกันนี้ในช่วงนั้น Nike ได้เปิดตัว Air Jordan 1 และ Air Force 1 ที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของดีไซเนอร์ผู้หญิง 4 คน รวมถึงการเข้ามามีบทบาทของ Chitose Abe ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์แฟชั่นหรู และ Rei Kawakubo ผู้ก่อตั้งบริษัทค้าปลีก Dover Street Market ในตลาดสนีกเกอร์ แน่นอนว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว

 

รวมถึงฝั่งนักร้องชื่อดัง Rihanna ได้เข้ามาร่วมมีบทบาทด้วยเช่นกัน หลังจากได้รับเครดิตทำให้แบรนด์รองเท้า New Balance กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และยังได้ร่วมมือกับ PUMA และ Billie Eilish เพื่อนศิลปินด้วยกัน ทำงานร่วมกับ Nike เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์

 

ตามด้วย Tiffany Beers นักออกแบบอาวุโสของ Nike ซึ่งเธอเป็นผู้นำในการพัฒนารองเท้ารุ่นไอคอนจำลองในภาพยนตร์ Back to the Future Part II 

 

Nav Gill กล่าวต่อไปว่า จากนี้ผู้หญิงต้องสามารถรับตำแหน่งงานที่มีบทบาทในการตัดสินใจในอุตสาหกรรมรองเท้าผ้าใบได้มากขึ้น ซึ่งไม่ได้เอื้อเฉพาะการเติบโตของดีไซเนอร์ผู้หญิงเท่านั้น แต่ผลประโยชน์ยังส่งไปถึงระดับผู้บริโภคด้วย ตลอดจนการขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำกัดเพศด้วยเช่นกัน 

 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มเห็นความเคลื่อนไหว ล่าสุด Moolah Kicks ได้ผลิตรองเท้าบาสเกตบอลผู้หญิง ตามด้วย adidas ได้เปิดตัวรองเท้าที่ออกแบบโดยผู้หญิงคนแรกของแบรนด์ รวมถึงการเปิดตัวของรองเท้าผู้หญิง Jacquemus x Nike Air Humara สีชมพู เมื่อเดือนธันวาคม 2022 ที่ผ่านมา ถือเป็นรองเท้าที่มาแรงที่สุดของปี 

 

และปัจจุบัน เริ่มมีร้านจำหน่ายรองเท้าหลายแห่ง เช่น Maha ในอัมสเตอร์ดัม และ Finesse ในออสเตรเลีย มุ่งให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากขึ้น และถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี 

 

อ้างอิง:

The post ยุค ‘ดีไซเนอร์หญิง’ ผงาดในตลาดสนีกเกอร์ ‘adidas-Nike’ เปิดให้ออกแบบสินค้าที่ไม่จำกัดแค่สีชมพู ขยายกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ที่ปรึกษารัฐบาลจีนเผย จีนยึดไต้หวันได้ในไม่กี่นาที แต่ไม่มีเหตุผลต้องเร่งรีบ https://thestandard.co/beijing-no-rush-take-taiwan-force-say-chinese-government/ Sat, 20 Nov 2021 08:05:39 +0000 https://thestandard.co/?p=562146

สำนักข่าว South China Morning Post เผยแพร่บทสัมภาษณ์จาก […]

The post ที่ปรึกษารัฐบาลจีนเผย จีนยึดไต้หวันได้ในไม่กี่นาที แต่ไม่มีเหตุผลต้องเร่งรีบ appeared first on THE STANDARD.

]]>

สำนักข่าว South China Morning Post เผยแพร่บทสัมภาษณ์จากที่ปรึกษาด้านกิจการไต้หวันของรัฐบาลจีน ซึ่งแสดงความเห็นในกรณีการรวมชาติกับไต้หวัน โดยระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งมีความมั่นใจว่าสถานการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่มีเหตุผลที่ต้องเร่งรีบในการรวมชาติโดยใช้กำลัง ถึงแม้จะมีการเพิ่มความพยายามในการกำหนดมาตรการเพื่อจัดการกับกองกำลังสนับสนุนเอกราชของไต้หวัน

 

ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ความกังวลต่อสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างไต้หวันและจีนทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน บอกกับประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ระหว่างร่วมประชุมสุดยอดผ่านระบบทางไกลในช่วงสัปดาห์นี้ ระบุว่า จีนจะดำเนินการตอบโต้อย่างรุนแรงหากถูกยั่วยุในประเด็นไต้หวัน แต่ ณ ตอนนี้ ยืนยันว่าปักกิ่งยังคง ‘อดทน’ และมีความ ‘จริงใจ’ ในการหาทางรวมชาติอย่างสันติ

 

หยูซินเทียน ประธานสถาบันไต้หวันศึกษาแห่งเซี่ยงไฮ้ ในฐานะที่ปรึกษาด้านไต้หวันของรัฐบาลจีน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาในประเด็นการรวมชาติกับไต้หวันไม่ได้มีแค่คำถามง่ายๆ ว่าจะมีการทำสงครามหรือไม่ โดยหยูชี้ว่า ปักกิ่งยังสามารถใช้แนวทางเชิงรุก ทั้งการกดดันทางกฎหมาย เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

 

“หากกองกำลังเอกราชของไต้หวันยั่วยุมากขึ้น เราก็มีมาตรการรับมือเช่นกัน แต่นั่นไม่เหมือนกับการทำสงคราม บางคนคิดว่าการต่อต้านเอกราชของไต้หวันเป็นคำถามว่าจะสู้หรือไม่สู้ มันไม่ง่ายอย่างนั้น ยังมีหลายขั้นตอนที่ต้องทำ และเรามีเครื่องมือมากมายในกล่องเครื่องมือของเราที่ยังไม่ได้ใช้งาน” หยูกล่าว

 

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนยังแสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่าอะไรคือความหมายของการใช้กฎหมายจัดการกับกลุ่มชาวไต้หวันหัวดื้อที่สนับสนุนเอกราชของไต้หวัน ด้วยการขึ้นบัญชีดำ 3 เจ้าหน้าที่อาวุโสของไต้หวัน โดยระบุว่า พวกเขามีความผิดทางอาญาและห้ามเดินทางเข้าจีนแผ่นดินใหญ่

 

ขณะที่หยูกล่าวชัดเจนว่า อำนาจของรัฐบาลจีนนั้นมีแต่จะแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับประเทศต่างๆ ในการสนับสนุนและยืนข้างไต้หวัน โดยเธอยังชี้ว่า ปักกิ่งมีความได้เปรียบทางด้านกองทัพและสามารถใช้กำลังทหารยึดไต้หวันได้ภายในเวลาไม่กี่นาที

 

“มันจะใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีในการยึดไต้หวัน แต่เราไม่ได้เลือกที่จะทำเช่นนั้น เพราะมันจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในช่องแคบไต้หวัน” หยูกล่าว พร้อมทั้งเตือนว่า “ปัญหาของไต้หวันนั้นเป็นปัญหาหลักสำหรับจีน แต่ไม่ใช่ปัญหาของสหรัฐฯ”

 

ภาพ: Photo by Kevin Frayer / Getty Images

อ้างอิง:

The post ที่ปรึกษารัฐบาลจีนเผย จีนยึดไต้หวันได้ในไม่กี่นาที แต่ไม่มีเหตุผลต้องเร่งรีบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สื่อนอกตีข่าวศาลรัฐธรรมนูญไทยวินิจฉัยม็อบปฏิรูปสถาบันฯ เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ขณะที่ CNN เผย ไทยปกป้องกฎหมายมาตรา 112 บนเวที UN https://thestandard.co/international-media-report-thai-constitutional-court-news/ Thu, 11 Nov 2021 10:39:34 +0000 https://thestandard.co/?p=558821 ศาลรัฐธรรมนูญไทย

สื่อต่างประเทศหลายสำนักไม่ว่าจะเป็น BBC, CNN, Reuters, […]

The post สื่อนอกตีข่าวศาลรัฐธรรมนูญไทยวินิจฉัยม็อบปฏิรูปสถาบันฯ เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ขณะที่ CNN เผย ไทยปกป้องกฎหมายมาตรา 112 บนเวที UN appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลรัฐธรรมนูญไทย

สื่อต่างประเทศหลายสำนักไม่ว่าจะเป็น BBC, CNN, Reuters, AFP, The Guardian, South China Morning Post หรือ Channel News Asia ต่างติดตามรายงานข่าวกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญของไทยมีคำวินิจฉัยให้การชุมนุมและการปราศรัยเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ ของ อานนท์ นำภา, ภาณุพงศ์ จาดนอก และ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

 

โดยสำนักข่าว Reuters รายงานคำวินิจฉัยของผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “พฤติการณ์ของทั้ง 3 คน แสดงให้เห็นมูลเหตุจูงใจว่ามีเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างระบอบการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่ใช่เป็นการปฏิรูป” ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลไม่มีการกำหนดบทลงโทษใดๆ แต่ได้สั่งให้ทั้ง 3 คน และกลุ่มเครือข่าย เลิกการกระทำลักษณะดังกล่าวในอนาคต

 

Reuters ชี้ว่า บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นหัวข้อต้องห้ามในไทย ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง พร้อมทั้งชี้ถึงข้อเรียกร้องของทั้ง 3 คน ในคำปราศรัยที่เสนอให้แก้ไขกฎหมายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ลดการจัดสรรงบประมาณราชวงศ์ และเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายที่กำหนดโทษจำคุก 15 ปี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ 

 

ด้านสำนักข่าว BBC รายงานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นเสาหลักสำคัญของไทยที่ขาดไม่ได้” และ “การกระทำใดๆ ที่พยายามบ่อนทำลาย ด้อยคุณค่า หรือทำให้สถาบันฯ อ่อนแอนั้นแสดงถึงเจตนาที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์” 

 

โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ BBC วิเคราะห์ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยนั้นเป็นการปิดพื้นที่สำหรับสาธารณชนในการพูดคุยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ และทำให้นักเคลื่อนไหวทั้งสามอาจถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหากบฏ ซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิต

 

อย่างไรก็ตาม เฮดชี้ว่า การพูดคุยและวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ แบบส่วนตัว ที่ขยายวงกว้างมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะยังคงดำเนินต่อไปบนโซเชียลมีเดียอย่างแน่นอน แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามอย่างต่อเนื่องในการปราบปรามและปิดกั้นความคิดเห็นดังกล่าว ขณะที่คำวินิจฉัยของศาลที่ออกมาจะถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงทางการเมืองจากฝ่ายอนุรักษนิยมและฝ่ายสนับสนุนสถาบันฯ

 

ทางด้านสำนักข่าว AFP รายงานความเห็นของ สุนัย ผาสุก นักวิจัยอาวุโสขององค์กร Human Rights Watch ที่กล่าวถึงคำวินิจฉัยดังกล่าวว่า “เป็นการรัฐประหารในเชิงตุลาการ” ที่สามารถปูทางไปสู่การดำเนินคดีอื่นๆ ต่อกลุ่มผู้ประท้วงรวมถึงข้อหากบฏ

 

ขณะที่สำนักข่าว CNN รายงานว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีขึ้นในขณะที่ทางการไทยนั้นกำลังปกป้องกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ในระหว่างการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน โดยคณะทำงานของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หลังมีการแสดงความกังวลจากประเทศสมาชิกในประเด็นสิทธิมนุษยชนและการจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงเยาวชนที่ผลักดันให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ ซึ่งบางประเทศเรียกร้องให้ไทยแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 โดยระบุว่า เป็นกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก 

 

ซึ่งฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยโต้แย้งว่า กฎหมายมาตรา 112 นั้นเป็นกฎหมายคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์และความมั่นคงของไทย ซึ่งคดีหมิ่นสถาบันฯ นั้นทางการไทยมีการดำเนินการอย่างระมัดระวัง

 

อ้างอิง:

The post สื่อนอกตีข่าวศาลรัฐธรรมนูญไทยวินิจฉัยม็อบปฏิรูปสถาบันฯ เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ขณะที่ CNN เผย ไทยปกป้องกฎหมายมาตรา 112 บนเวที UN appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลจีนขยับเข้ามาจัดระเบียบ ‘บริษัทสื่อ’ บีบให้ Alibaba ต้องเตรียมขายหุ้นสื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นออกทั้งหมด https://thestandard.co/china-government-managing-media-companies-pressured-alibaba/ Fri, 24 Sep 2021 10:58:38 +0000 https://thestandard.co/?p=540362 Alibaba

หลังจากการจัดระเบียบบริษัทเทคฯ หลายๆ แห่งของจีน ในตอนนี […]

The post รัฐบาลจีนขยับเข้ามาจัดระเบียบ ‘บริษัทสื่อ’ บีบให้ Alibaba ต้องเตรียมขายหุ้นสื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นออกทั้งหมด appeared first on THE STANDARD.

]]>
Alibaba

หลังจากการจัดระเบียบบริษัทเทคฯ หลายๆ แห่งของจีน ในตอนนี้จีนเริ่มขยับเข้ามาจัดระเบียบบริษัทสื่ออย่างเข้มข้นมากขึ้น ทำให้ล่าสุด Alibaba กำลังเตรียมขายหุ้นสื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นออกทั้งหมด จากการถูกบีบโดยผู้คุมกฎหมาย

 

ทีมด้านการลงทุนของ Alibaba วางแผนเตรียมขายหุ้นสื่อ 5.01% ของ Mango Excellent Media Co. ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการเครือข่ายช้อปปิ้ง และความบันเทิงทางทีวี โดยเมื่อวันพฤหัสบดี (23 กันยายน) ที่ผ่านมา บริษัท Mango ได้กล่าวว่าอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่รายนี้ทำการซื้อหุ้นไปเมื่อ 9 เดือนที่แล้ว โดยมีการทำสัญญาล็อกอัพ (Lock-up) เป็นระยะเวลา 1 ปี ที่ระบุว่าห้ามมีการขายหุ้นออกไปภายในระยะเวลา 1 ปีหลังจากซื้อหุ้น ซึ่งในขณะนี้ผ่านมาแค่เพียง 9 เดือน และ Alibaba กำลังหาทางยกเลิกสัญญาล็อกอัพ เพื่อที่จะขายหุ้นออกไป ทั้งนี้ Bloomberg รายงานว่ายังไม่สามารถติดต่อตัวแทนของ Alibaba เพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

 

การขายหุ้นสื่อทิ้งของ Alibaba เป็นผลมาจากที่ผู้คุมกฎหมายของจีนต้องการให้บริษัทของ แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีชาวจีน ขายสินทรัพย์ด้านสื่อบางส่วน รวมทั้งหนังสือพิมพ์ South China Morning Post เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของสื่อในมือ ที่อาจมีผลต่อความคิดเห็นของประชาชนในประเทศ 

 

โดย Bloomberg รายงานว่า เมื่อต้นปีนี้ Alibaba ตกเป็นเป้าหมายหลักของการปราบปรามและจัดระเบียบที่ขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่อีคอมเมิร์ซและฟินเทค ไปจนถึงจัดระเบียบด้านความปลอดภัยของข้อมูล การเรียนพิเศษ การเล่นเกม และตอนนี้ก็มาถึงคิวของสื่อ วัฒนธรรม และการแสดงออกของบรรดาคนดังทั้งหลาย

 

“นี่อาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น” เฟิงชูเฉิง (Feng Chucheng) นักวิเคราะห์การเมือง และที่ปรึกษาของบริษัท Plenum กล่าว “จีนกังวลอย่างมากกับการควบคุมสื่อในพื้นที่หลักอย่างเมืองหลวง เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากการควบคุมสื่อของตน เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวที่ ‘ผิดกฎหมาย’ และยังสามารถบิดเบือนความคิดของประชาชนได้อีกด้วย”

 

ทั้งนี้ Mango ไม่ได้เปิดเผยราคาขายที่เสนอ หรือผู้ที่จะซื้อหุ้นต่อในอนาคต โดยหุ้นของ Mango ร่วงลงประมาณ 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วตอนที่ Alibaba เริ่มทำการซื้อหุ้น Mango โดยในตอนนั้น Alibaba จ่ายเงินไป 6.2 พันล้านหยวน (3.2 หมื่นล้านบาท) เพื่อถือหุ้น Mango 5% ซึ่งล่าสุดมีมูลค่าตกลงมาเหลือประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ (2 หมื่นล้านบาท) มูลค่าหายไปมากถึงราวๆ 1.2 หมื่นล้านบาท อ้างอิงจากการประเมินมูลค่าตลาดของ Mango เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

 

ในส่วนของมูลค่าหุ้น Alibaba เองก็ลดลงอย่างหนักมากกว่าครึ่งเลยทีเดียว นับตั้งแต่ที่เคยทำสถิติมูลค่าสูงสุดไปเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องหลังจากที่บริษัทฟินเทคในเครืออย่าง Ant Group Co. ถูกยกเลิกการเสนอขายหุ้น IPO รวมถึงหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดได้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม และโดนปรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์

 

นอกจากนั้น แจ็ค หม่า และ Alibaba ได้ร่วมกันครอบครอง และเพิ่มสื่อต่างๆ เข้ามาในพอร์ตการลงทุนกันอย่างเงียบๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการลงทุนตั้งแต่สื่อออนไลน์สไตล์เบาสมองหรือ BuzzFeed หนังสือพิมพ์ บริษัทผลิตรายการโทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย และสื่อโฆษณา 

 

โดย Alibaba เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Weibo และ Youku ที่เป็นแพลตฟอร์มคล้ายกับ Twitter และยังเป็นหนึ่งในบริการสตรีมมิงที่ใหญ่ที่สุดของจีนอีกด้วย เช่นเดียวกับสื่อสำนักข่าวออนไลน์และสิ่งพิมพ์อื่นๆ รวมถึงหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชั้นนำในฮ่องกงอย่าง SCMP ด้วย 

 

“Alibaba มีการลงทุนเป็นจำนวนมากในบริษัทสื่อชั้นนำหลายแห่ง ซึ่ง Alibaba อาจสร้างแรงกระเพื่อมอย่างรุนแรงจากขายหุ้นสื่อทั้งหมดเหล่านี้ได้” กล่าวโดย เฟิงชูเฉิง จาก Plenum 

 

อ้างอิง:

The post รัฐบาลจีนขยับเข้ามาจัดระเบียบ ‘บริษัทสื่อ’ บีบให้ Alibaba ต้องเตรียมขายหุ้นสื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นออกทั้งหมด appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนห่วง ‘ฟองสบู่’ การเงินโลก เตือนเสี่ยงปรับฐานในเร็วๆ นี้ ประกาศจับตาตลาดอสังหาฯ ในประเทศ หวั่นแรงเก็งกำไรมากเกินไป https://thestandard.co/china-worry-bubble-on-world-economy/ Mon, 08 Mar 2021 02:26:08 +0000 https://thestandard.co/?p=462396 จีนห่วง ‘ฟองสบู่’ การเงินโลก เตือนเสี่ยงปรับฐานในเร็วๆ นี้ ประกาศจับตาตลาดอสังหาฯ ในประเทศ หวั่นแรงเก็งกำไรมากเกินไป

สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานอ้างอิงความเห็นของเจ้าหน้าที่ผู […]

The post จีนห่วง ‘ฟองสบู่’ การเงินโลก เตือนเสี่ยงปรับฐานในเร็วๆ นี้ ประกาศจับตาตลาดอสังหาฯ ในประเทศ หวั่นแรงเก็งกำไรมากเกินไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนห่วง ‘ฟองสบู่’ การเงินโลก เตือนเสี่ยงปรับฐานในเร็วๆ นี้ ประกาศจับตาตลาดอสังหาฯ ในประเทศ หวั่นแรงเก็งกำไรมากเกินไป

สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานอ้างอิงความเห็นของเจ้าหน้าที่ผู้ทรงอิทธิพลทางการเงินของประเทศจีนที่ออกมาแสดงความเห็นส่งสัญญาณเตือนนักลงทุนให้เฝ้าระวังภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินโลก

 

โดย กัวชูฉิง หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ในธนาคารกลางจีน (PBOC) และยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการธนาคารและการประกันของจีน (CBIRC) กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในกรุงปักกิ่งเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า รู้สึกวิตกกังวลต่อความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก โดยอาจเกิดภาวะฟองสบู่แตกในตลาดการเงินสหรัฐฯ กับยุโรป เพราะความเคลื่อนไหวของตลาดสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศ ก่อนคาดการณ์ว่าตลาดน่าจะมีการปรับฐานในเร็ววันนี้

 

กัวชูฉิง ยังได้แสดงความกังวลต่อความเสี่ยงจากภาวะฟองสบูในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังจากที่มีคนจำนวนมากซื้อบ้านหรือที่ดินเพื่อการลงทุนหรือการเก็งกำไรมากขึ้น ก่อนใช้โอกาสนี้ย้ำว่าทาง CBIRC กำลังจับตามองเงินลงทุนที่ไหลเข้าสู่ประเทศ ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจจีนยังคงขยายตัวและมีการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น โดยขนาดและความเร็วของเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่จีนยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้

 

ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม ทาง CBIRC ได้ให้คำมั่นที่จะใช้มาตรการป้องกันความเสี่ยงต่อไปหลังจากที่ควบคุมการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ เดินหน้าจัดการกับธนาคารเงา ซึ่งเป็นตัวกลางที่ทำหน้าที่รับฝากเงินจากผู้ที่ต้องการออมและนำเงินฝากไปปล่อยกู้ให้แก่ผู้ที่ต้องการเงินทุน และควบคุมการปล่อยสินเชื่อในรูปแบบ Peer-to-Peer Lending หรือธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล

 

ขณะเดียวกันข้อมูลด้านศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ตัวเลขการส่งออกของจีนในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ขยับปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 60.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว โดยเป็นผลจากการที่โรงงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิต สามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง และแนวโน้มความต้องการบริโภคของผู้บริโภคในตลาดที่จะมีมากขึ้นหลังมีความหวังเรื่องของวัคซีนที่จะมาสกัดกั้นการระบาดของไวรัสโควิด-19

 

ทั้งนี้มูลค่าการส่งออกของจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 468,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เกือบสองเท่าตัว ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.2% มาอยู่ที่ 365,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

รายงานระบุว่า ทางการจีนได้รวมข้อมูลนำเข้า-ส่งออกของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อชดเชยวันหยุดยาวในช่วงเทศกลางตรุษจีน ที่ทางผู้ประกอบการปิดโรงเรียนเป็นเวลาสองสัปดาห์เพื่อให้พนักงานได้ใช้โอกาสฉลองปีใหม่กับครอบครัว

 

นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้จีนเกินดุลการค้า 103,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจีนจะเกินดุลการค้า 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

The post จีนห่วง ‘ฟองสบู่’ การเงินโลก เตือนเสี่ยงปรับฐานในเร็วๆ นี้ ประกาศจับตาตลาดอสังหาฯ ในประเทศ หวั่นแรงเก็งกำไรมากเกินไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
สื่อเผย Clubhouse อาจส่งข้อมูลเสียงสนทนาผู้ใช้งานให้ Agora แพลตฟอร์มหลังบ้านจากจีน https://thestandard.co/clubhouse-could-be-exposing-raw-audio-and-metadata-agora-its/ Sun, 14 Feb 2021 12:46:57 +0000 https://thestandard.co/?p=454325 Clubhouse

ไม่แน่ว่าข่าวนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานแอปพลิเคชันท […]

The post สื่อเผย Clubhouse อาจส่งข้อมูลเสียงสนทนาผู้ใช้งานให้ Agora แพลตฟอร์มหลังบ้านจากจีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Clubhouse

ไม่แน่ว่าข่าวนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานแอปพลิเคชันที่กำลังได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม และกำลังเป็นกระแสอยู่ในเวลานี้ก็ได้ เมื่อสื่ออย่าง South China Morning Post ได้ออกมาเปิดเผยว่า Clubhouse อาจจะส่งข้อมูลเสียงสนทนาของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มในห้องสนททนาแต่ละห้องให้กับผู้ให้บริการรายหนึ่งในจีนที่มีชื่อว่า Agora

 

โดย South China Morning Post อ้างข้อมูลจากศูนย์นโยบายไซเบอร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยและสังเกตการณ์ข้อมูลบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่าง The Stanford Internet Observatory ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (เจ้าเดียวกับที่เปิดเผยกรณีปฏิบัติการ IO กองทัพบกโจมตีพรรคก้าวไกล ชื่นชมกองทัพทหารเมื่อปลายปี 2020 ที่ผ่านมา) ซึ่งระบุว่า Agora สตาร์ทอัพที่ให้บริการระบบหลังบ้าน และโครงสร้างขั้นพื้นฐานภายในแพลตฟอร์ม Clubhouse ได้จำหน่ายข้อมูลเสียงผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม

 

การค้นพบในครั้งนี้ไดัรับการเผยแพร่รายละเอียดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดย SIO ระบุว่า ข้อมูล ID ผู้ใช้งานและห้องสนทนาบน Clubhouse ได้ถูกส่งออกในรูปแบบตัวเลข Serial Number ไม่ใช่ชื่อยูสเซอร์เนมของตัวผู้ใช้งานเอง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่เข้าถึงชุดข้อมูลนี้ได้ รวมถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตอาจจะจับคู่เลข ID ทั้งหมดเข้ากับเลขห้องแชต เพื่อดูว่ามีใครอยู่ในห้องสนทนานั้นๆ ได้

 

“หน่วยงานใดๆ ก็ตามที่สังเกตการณ์ทราฟฟิกคอินเทอร์เน็ต จะสามารถจับคู่เลข ID กับห้องแชตที่มีการแชร์ได้ เพื่อดูได้ว่าใครกำลังพูดคุยกับใครอยู่ ซึ่งสำหรับผู้ใช้งานในจีน นี่คือปัญหา” SIO กล่าวผ่านทวิตเตอร์

 

อย่างไรก็ดี แม้ทาง South China Morning Post จะอ้างว่าฝั่ง SIO ระบุว่า Clubhouse ‘อาจจะ (Likely)’ เข้าถึงข้อมูลไฟเสียงดิบ และอาจจะส่งมันให้รัฐบาลจีนเข้าถึงได้ 

 

แต่หากไปตรวจสอบข้อมูลจาก SIO ให้ละเอียด พวกเขาเลือกที่จะเลี่ยงบาลี โดยใช้คำว่า Agora อาจจะเข้าถึงข้อมูลเสียงหรือไม่เข้าถึงก็ได้ (ไม่ฟันธง) โดยชี้ว่าแม้ Agora จะไม่ได้เก็บข้อมูลเสียงผู้ใช้งานไว้ที่ตัวเอง แต่หากหน่วยงานความมั่นคงทางไซเบอร์ของรัฐบาลจีนต้องการให้พวกเขาส่งต่อข้อมูลให้ Agora ก็ไม่มีสิทธิ์ขวางหรือปฏิเสธแต่อย่างใด

 

ทั้งนี้ ในรายละเอียดเงื่อนไขการใช้งานบน Clubhouse ระบุไว้ว่า แพลตฟอร์มจะดำเนินการเก็บข้อมูลเสียงการสนทนาของผู้ใช้งานเอาไว้เป็นการ ‘ชั่วคราว’ แต่ SIO ชี้ว่า ปัญหาก็คือ เราไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า นิยามคำว่าชั่วคราวในที่นี้คือนานแค่ไหน แล้วเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลตั้งอยู่ในสหรัฐฯ หรือไม่ เพราะหากใช่ ก็เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจีนจะเข้าถึงข้อมูลชุดนี้ได้

 

หลังจากที่รายงานข่าวของ SCMP ได้เผยแพร่ออกไป Clubhouse ก็ได้ออกมาบอกว่า พวกเขาไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้อุดช่องโหว่ที่ทำให้ข้อมูลบางอย่างของผู้ใช้งานกลายเป็นสิ่งที่เปราะบาง และอาจทำให้รัฐบาลจีนเข้าถึงได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“ด้วยความช่วยเหลือของทีมวิจัยที่ SIO เราได้พบช่องโหว่บางส่วนที่เราอาจจะเสริมความแข็งแกร่งในการป้องกันข้อมูลส่วนตัวผู้ใช้งานได้ โดยใน 72 ชั่วโมงข้างหน้านี้ เราจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงมาตรการบนแพลตฟอร์ม เสริมการเข้ารหัสข้อมูล และป้องกันการส่งข้อมูลผู้ใช้งาน Clubhouse ยิงกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์จีน รวมถึงยังมีแพลนที่จะทำงานร่วมกับบริษัทรักษาความปลอดภัยข้อมูลความเป็นส่วนตัว เพื่อตรวจสอบรายละเอียดความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างถี่ถ้วน”

 

ก่อนหน้านี้ Clubhouse เคยถูกแบนห้ามใช้งานในจีนมาแล้ว หลังจากที่ผู้ใช้งานในจีน ไต้หวัน และฮ่องกง ได้ใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์การกระทำที่ไม่เหมาะสมของรัฐบาลจีนในประเด็นต่างๆ จนนำไปสู่การตัดสินใจลงดาบโดยรัฐบาลในที่สุด

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

The post สื่อเผย Clubhouse อาจส่งข้อมูลเสียงสนทนาผู้ใช้งานให้ Agora แพลตฟอร์มหลังบ้านจากจีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐกิจ ‘จีน’ โตไล่บี้ ‘สหรัฐฯ’ อานิสงส์โควิด-19 คาดเบียดขึ้นแซงภายในปี 2028 https://thestandard.co/china-economy-grew-up-beat-us-benefit-of-covid-19/ Mon, 01 Feb 2021 10:21:17 +0000 https://thestandard.co/?p=449564 เศรษฐกิจ ‘จีน’ โตไล่บี้ ‘สหรัฐฯ’ อานิสงส์โควิด-19 คาดเบียดขึ้นแซงภายในปี 2028

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ South China Morning Post รายงานว่า […]

The post เศรษฐกิจ ‘จีน’ โตไล่บี้ ‘สหรัฐฯ’ อานิสงส์โควิด-19 คาดเบียดขึ้นแซงภายในปี 2028 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐกิจ ‘จีน’ โตไล่บี้ ‘สหรัฐฯ’ อานิสงส์โควิด-19 คาดเบียดขึ้นแซงภายในปี 2028

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ South China Morning Post รายงานว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กับจีน ขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น โดยช่องว่างระหว่างเศรษฐกิจของสองชาติวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2020 ที่ผ่านมา ลดลง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ราว 6 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถขยายตัวเติบโตแซงหน้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภายในปี 2028 ซึ่งเร็วกว่าที่ทางรัฐบาลกรุงปักกิ่งคาดการณ์กันไว้ก่อนหน้าว่าจะเกิดขึ้นในปี 2032

 

รายงานครั้งนี้มีขึ้นหลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เผยรายงานการขยายตัวเติบโตของเศรษฐกิจประเทศประจำปี 2020 ที่หดตัวลง 3.5% ขณะที่เศรษฐกิจจีนกลับมีการเติบโตขึ้น 2.3% โดยเป็นผลจากการทุ่มลงทุนอย่างหนักของรัฐบาลจีนและการขยายตัวในภาคส่งออก

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจจีนนับจากนี้มีแนวโน้มจะพลิกกลับมาฟื้นตัวและขยายตัวเติบโตได้ดีกว่าและเร็วกว่าสหรัฐฯ และภูมิภาคยุโรป โดยสถาบัน Centre for Economics and Business Research (CEBR) ในอังกฤษประเมินว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเติบโตเฉลี่ยราว 1.9% ระหว่างปี 2022-2024 ก่อนจะปรับตัวลดลงเหลือ 1.6% ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ 5.7% ต่อปีจนถึงปี 2025 และจะปรับตัวมาเติบโตเฉลี่ย 4.5% จนถึงปี 2030

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

The post เศรษฐกิจ ‘จีน’ โตไล่บี้ ‘สหรัฐฯ’ อานิสงส์โควิด-19 คาดเบียดขึ้นแซงภายในปี 2028 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เศรษฐีจีน’ ช้อปกระจายกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ปี 2020 ชดเชยไม่สามารถเดินทางไปใช้จ่ายต่างประเทศ ดันยอดขายแบรนด์หรูพุ่ง 48% https://thestandard.co/chinese-millionaire-spend-money-shopping-pushing-economy/ Tue, 19 Jan 2021 13:32:22 +0000 https://thestandard.co/?p=444955 ‘เศรษฐีจีน’ ช้อปกระจายกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ปี 2020 ชดเชยไม่สามารถเดินทางไปใช้จ่ายต่างประเทศ ดันยอดขายแบรนด์หรูพุ่ง 48%

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ South China Morning Post เปิดเผยผล […]

The post ‘เศรษฐีจีน’ ช้อปกระจายกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ปี 2020 ชดเชยไม่สามารถเดินทางไปใช้จ่ายต่างประเทศ ดันยอดขายแบรนด์หรูพุ่ง 48% appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เศรษฐีจีน’ ช้อปกระจายกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ปี 2020 ชดเชยไม่สามารถเดินทางไปใช้จ่ายต่างประเทศ ดันยอดขายแบรนด์หรูพุ่ง 48%

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ South China Morning Post เปิดเผยผลการศึกษาสำรวจของ Bain & Company บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการชั้นนำระดับโลกที่พบว่า ยอดขายสินค้าแบรนด์หรูในตลาดจีนในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา ขยับพุ่งขึ้นถึง 48% มาอยู่ที่ 346,000 ล้านหยวน

 

รายงานที่จัดทำร่วมกับ Tmall อีคอมเมิร์ซค้าปลีกออนไลน์ของจีน ยังพบว่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลายยังส่งผลให้สัดส่วนตลาดสินค้าหรูของจีนในระดับโลกเพิ่มขึ้นสองเท่ามาอยู่ที่ 20 % ในปี 2020 อีกด้วย

 

สำหรับประเภทของสินค้าแบรนด์หรูที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ มากกว่า 70% ของกลุ่มลูกค้า ก็คือสินค้าประเภทเครื่องหนัง และอัญมณี ตามด้วยเสื้อผ้าซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 40%, สินค้าเพื่อการบำรุงดูแลความงาม 25% และนาฬิกาหรูระดับพรีเมียมที่ 20%

 

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า วิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ครอบครัวที่ร่ำรวยและมั่งคั่งชาวจีนส่วนใหญ่ประสบปัญหาหนักอกในเรื่องที่ไม่สามารถเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยทรัพย์สินของตนในต่างประเทศได้

 

อย่างไรก็ตาม แทนที่ข้อติดขัดดังกล่าวจะส่งผลให้การใช้จ่ายซื้อสินค้าแบรนด์หรูของเหล่าเศรษฐีกระเป๋าหนักชาวจีนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ผลปรากฏว่า เหล่าขาช้อปกลับใช้ช่องทางออนไลน์ในการช้อปกระจาย โดยที่หลายคนยอมรับว่าปริมาณเงินที่ใช้แทบจะไม่ต่างจากการเดินทางไปซื้อสินค้าถึงที่

 

ด้าน Hurun บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนและบริหารจัดการสินทรัพย์ เปิดเผยรายงาน China HNWIs Quality of Life ที่พบว่า จีนมีประชากรที่มูลค่าทรัพย์สินในครอบครองของครอบครัวอย่างน้อย 10 ล้านหยวน อยู่ที่ 1.58 ล้านครอบครัว ซึ่งทรัพย์สินในความครอบครองนี้หมายรวมถึงทรัพย์สินเพื่อการลงทุน

 

ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาฉบับเดียวกันยังพบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคสินค้าหรู (Luxury Consumer Price Index ) ของครอบครัวร่ำรวยชาวจีนเพิ่มขึ้น 3.4% ในปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับปี 2019 ก่อนหน้าที่ดัชนีดังกล่าวปรับลดลง 0.3% ถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2015 โดยดัชนีราคาผู้บริโภคสินค้าหรูครอบคลุมสินค้าและบริการไฮเอนด์ 129 รายการ ไล่เรียงตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์, บริการสุขภาพและการทำความสะอาดบ้าน, การศึกษา, การท่องเที่ยว, นาฬิกาและอัญมณี, เครื่องประดับตกแต่ง, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, รถยนต์, เรือยอชต์และเครื่องบินเจ็ต, บุหรี่หรือยาสูบ, ไวน์, น้ำชา และงานเลี้ยง

 

ไม่เพียงแต่สินค้าแบรนด์หรูต่างชาติเท่านั้นที่ขยับขยายได้ดี เพราะสินค้าและบริการที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นตลาดบนสัญชาติจีนก็ขยายตัวเติบโตได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่ฟื้นตัวกลับมาได้

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

The post ‘เศรษฐีจีน’ ช้อปกระจายกว่า 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ปี 2020 ชดเชยไม่สามารถเดินทางไปใช้จ่ายต่างประเทศ ดันยอดขายแบรนด์หรูพุ่ง 48% appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: จีนพร้อมตอบโต้สหรัฐฯ ฐานถอนชื่อบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก | HIGHLIGHT 4 มกราคม 2564 https://thestandard.co/morning-wealth-04012021/ Mon, 04 Jan 2021 04:33:06 +0000 https://thestandard.co/?p=438841

กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์แสดงความเห็นตอบโต้กรณีที่ต […]

The post ชมคลิป: จีนพร้อมตอบโต้สหรัฐฯ ฐานถอนชื่อบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก | HIGHLIGHT 4 มกราคม 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
  • กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์แสดงความเห็นตอบโต้กรณีที่ตลาดหลักทรัพย์มหานครนิวยอร์กได้เริ่มขั้นตอนการถอนชื่อบริษัทด้านเทคโนโลยีสื่อสารสัญชาติจีน 3 แห่งออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากเสี่ยงเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหา
  • South China Morning Post เปิดเผยรายงานการศึกษาของนักวิเคราะห์จากโนมูระ และ China International Capital Corporation (CICC) พบว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2021 มีแนวโน้มขยายตัวได้มากถึง 9% และความสามารถในการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ระบาดอย่างรวดเร็วจะกลายเป็นปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจจีนแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นแท่นเป็นชาติมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ว่าจะเกิดขึ้นในปี 2028
  • บทบาทสำคัญของ ‘เทคโนโลยีไร้สัมผัส’ (Contactless Technology) ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากการระบาดของโควิด-19 ที่เป็นชนวนเร่งให้ผู้คนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการใช้งานอุปกรณ์และการสื่อสารต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: จีนพร้อมตอบโต้สหรัฐฯ ฐานถอนชื่อบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก | HIGHLIGHT 4 มกราคม 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>