SCG ขยายธุรกิจผ่านการนำเสนอโซลูชันหลากหลาย ได้แก่ พลังงานสะอาดครบวงจร – สุขภาพและการแพทย์ – ดิจิทัลโลจิสติกส์ – นวัตกรรมกรีน – สมาร์ทลิฟวิ่ง – หุ่นยนต์อัจฉริยะ เพื่อให้การใช้ชีวิตในวันนี้เเละอนาคตสะดวกสบายและสามารถดูแลโลกได้พร้อมกัน

โลกไม่เหมือนเดิม วิกฤตรุนแรงและคืบคลานรวดเร็วขึ้นทุกที เรื่องจริงที่ทุกคนรู้ดีและต่างก็เตรียมหาโซลูชันเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นล้วนส่งผลกระทบกับความเป็นอยู่ของเรา เอสซีจีจึงเสนอโซลูชันแห่งอนาคต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่และให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ตามแนวทาง ESG 4 Plus ‘มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ’

การเดินทางครั้งใหม่นี้ SCG ได้ชูโซลูชันแห่งอนาคตที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบาย และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ภายในงาน ‘SCG: The Next Chapter Exposition’ ได้แก่

1. โซลูชันพลังงานสะอาดครบวงจร (Energy Transition Solutions) เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงพลังงานสะอาดได้สะดวก คุ้มค่า และมุ่งสู่เป้า Net Zero ในปี 2050 โดยเริ่มจากการปรับกระบวนการผลิตภายในของเอสซีจี ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานชีวมวลจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและเชื้อเพลิงจากขยะ ใช้ลมร้อนเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต และพลังงานแสงอาทิตย์

โดยมีโซลูชันที่น่าสนใจ เช่น SCG Solar Roof Solutions ระบบหลังคาโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัย, การนำโซลูชันพลังงานทดแทนครบวงจรในรูปแบบ Smart Grid เข้ามาใช้ในภาคอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ, ผลักดันนวัตกรรมโซลูชันด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการของเสียและวัสดุพลอยได้จากอุตสาหกรรม, จัดการของเสียจากเกษตรกรรม ขยะชุมชน และกากอุตสาหกรรม, จัดการวัตถุดิบหมุนเวียนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงจัดการวัสดุทนไฟจากวัสดุหมุนเวียน

โซลูชันพลังงานสะอาดยังหมายรวมถึงการพัฒนา EV โซลูชันแพลตฟอร์มครบวงจร ทั้ง EV Fleet Solution จัดหาทั้งรถสำเร็จรูปและดัดแปลงภายในประเทศ รวมถึงประกันภัยและการซ่อมบำรุง EV Charging Solution ครอบคลุมทั้งสแตนด์อโลน และความต้องการชาร์จไฟในแต่ละประเภท และ Mobility As A Service (MaaS) ให้บริการรูปแบบการเช่า การเช่าพร้อมคนขับ และบริการขนส่งสินค้าและการให้บริการรับ-ส่งพนักงาน

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของนวัตกรรมอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) คาร์บอนแบล็กชนิดพิเศษที่เป็นวัสดุนำไฟฟ้า ใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัท Denka Company Limited ประเทศญี่ปุ่น นวัตกรรมพลาสติกเพื่อชิ้นสวนรถยนต์น้ำหนักเบาและวัสดุคอมโพสิต และ Imprint Energy หรือแบตเตอรี่แผ่นบาง ผลิตได้ด้วยการพิมพ์ ออกแบบขนาดได้ตามต้องการเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย เช่น Smart Labels ที่นำไปใช้เป็นเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ หรือติดตามสินค้าระหว่างขนส่ง หรือ Medical Devices พัฒนาเป็นแถบรัดข้อมือผู้ป่วย ที่สามารถวัดอุณหภูมิร่างกายและการเคลื่อนไหวได้

2. โซลูชันสุขภาพและการแพทย์ (Health & Medical Solutions) ตอบโจทย์เทรนด์ดูแลสุขภาพ และสังคมผู้สูงอายุ เช่น DoCare (Health & Safety Monitoring Solution) นำเทคโนโลยี IoT และ Digital Platform เชื่อมต่อบ้านกับโรงพยาบาล และนำความเชี่ยวชาญด้านเคมีภัณฑ์มาพัฒนาเป็นโซลูชันทางการแพทย์ เช่น รถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ ถังทิ้งเข็มฉีดยา รถเข็นผู้ป่วย แคปซูลขนส่งผู้ป่วยทางอากาศ และหน้ากากอนามัยภายใต้แบรนด์ VAROGARD รวมถึงโซลูชันเพื่อการแพทย์ ทาง SCGP ที่ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจร ได้มีการต่อยอดธุรกิจสู่วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูง ด้วยการลงทุนใน Deltalab ผลิตสิ่งส่งตรวจจากร่างกาย Vacuum Urine Container และหลอดน้ำยาสำหรับเก็บรักษาตัวอย่างเชื้อด้วยความเย็น นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์แอลกอฮออล์ทำความสะอาดมือ ALMIND และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HOLIS อีกด้วย

3. โซลูชันดิจิทัลโลจิสติกส์ (Digital Logistics & Supply Chain Solutions) บริการขนส่งและซัพพลายเชนครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน ด้วยพื้นที่คลังสินค้ากว่า 2.3 ล้านตารางเมตร โดย SCGJWD ให้บริการทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ขนส่งหลากหลายทั้งทางบก เรือ ราง อากาศ รองรับสินค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ พร้อมเครือข่ายครอบคลุมกลุ่มอาเซียนและจีน โดยให้บริการตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานสำหรับงานด้านโลจิสติกส์, การจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร, การขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ เช่น การขนส่งทางรถ เรือ ราง และอากาศ, บริการขนส่งสินค้าข้ามชายแดน รวมถึงบริการขนส่งสินค้าโครงการ และสินค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งเป็นพิเศษ, การขนส่งสินค้าจากร้านค้าถึงลูกค้าปลายทาง

บริการทั้งหมดมีการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และมุ่งสู่การเป็น ‘Green Logistic’ ด้วยการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าและการใช้พลังงานจาก Solar Roof ภายในคลังสินค้า

4. โซลูชันรักษ์โลก นวัตกรรมกรีน (Green Solutions) ลดใช้ทรัพยากร ส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาใช้ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้โซลูชันนี้ยังมีนวัตกรรมมากมาย เช่น CPAC Green Solution นวัตกรรมก่อสร้างครบวงจรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, CPAC Bridge Solution นวัตกรรมก่อสร้างสะพานคอนกรีตที่บางที่สุดแห่งแรกในไทยและอาเซียน, สินค้าคาร์บอนต่ำ อย่างโซลูชันคอนกรีตคาร์บอนต่ำ รวมถึงผลิตภัณฑ์ภายใต้ฉลาก SCG Green Choice ที่มีให้เลือกกว่า 232 รายการ

นอกจากนั้นยังมีนวัตกรรมเคมีภัณฑ์เพื่อทุกความเป็นไปได้ ‘INNOVATION THAT’S REAL’ และโซลูชันนวัตกรรมพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม SCGC GREEN POLYMER ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย SCGP ขยายกำลังการผลิต และร่วมกับกิจการจากพันธมิตร เช่น Peute Recycling B.V. และ Jordan Trading Inc. เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจรีไซเคิล วัสดุบรรจุภัณฑ์ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรของบริษัท

5. โซลูชันสมาร์ทลิฟวิ่ง (Smart Living Solutions) เพื่อการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย สุขภาพดี ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น SCG Active AIR Quality เครื่องเติมอากาศดีในบ้าน, SCG Active AIRflow System โซลูชันการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อน, SCG Bi-ion ระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ, SCG HVAC Air Scrubber นวัตกรรมบำบัดน้ำเสีย พร้อมลดภาระการทำงานความเย็นของระบบปรับอากาศ ไปจนถึงโซลูชันบรรจุภัณฑ์บรรจุอาหารอัจฉริยะ เช่น บรรจุภัณฑ์กระดาษสำหรับอาหารเนื้อสดแช่เย็น Fest by SCGP, บรรจุภัณฑ์สำหรับยืดอายุผักและผลไม้ OptiBreath®, บรรจุภัณฑ์ต้านการปล่อยกลิ่น Odor Lock

6. โซลูชันหุ่นยนต์อัจฉริยะ (Artificial Intelligence Solutions) เช่น Drone in The Box ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการใช้ภาพมุมสูงเพื่อประกอบแผนที่ ตรวจความคืบหน้าของงานกอ่สร้าง สำรวจจุดผิดปกติของโซลาร์ฟาร์ม สำรวจความปลอดภัยของหมู่บ้าน หรือเครื่องคัดแยกกุ้ง ด้วยเทคโนโลยี AI และ Machine Learning เพิ่มความแม่นยำสูงถึง 95% ไปจนถึงโซลูชัน Smart Farming ครบวงจร โดยสยามคูโบต้า เช่น Smart Farm Solutions, Land Reform & Rice Field Expansion, แอปพลิเคชัน KAS Crop Calendar, โดรนเพื่อการเกษตร, รถตัดหญ้าควบคุมด้วยรีโมตระยะไกล ทั้งหมดนี้เพื่อลดต้นทุน เวลา และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีในกระบวนการผลิต

นี่คือการเดินทางครั้งใหม่ของ SCG และเราคนไทยทุกคน เพราะ SCG เชื่อว่า “Your next chapter is our next chapter”

The post SCG ส่งมอบ 6 โซลูชันตามแนวทาง ESG ขับเคลื่อนสังคมให้พร้อมรับมือทุกวิกฤต [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

ปัจจุบันวิถีชีวิตคนเราเปลี่ยนไปมาก การทำงานหลายๆ อย่างก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเข้าออฟฟิศตอกบัตร แต่เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ แม้แต่บนเตียงนอนในบ้านเรา นอกเหนือจากการทำงาน การใช้ชีวิตอื่นๆ ก็ยังแทบจะไม่ต้องเคลื่อนย้ายตัวไปไหน จะช้อปปิ้งออนไลน์ จะสั่งร้านอาหารเจ้าดังมากินแบบไม่ต้องไปยืนต่อแถวรอ นอนอยู่บ้านสวยๆ ก็สามารถทำทุกสิ่งอย่างได้ สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เราเป็นคนติดบ้าน และรักการซุกตัวอยู่บนเตียงนุ่มๆ อุ่นๆ  

เราลองมานั่งเช็กดูว่า ‘บ้าน’ ควรตอบโจทย์อะไรให้ชมรมคนติดบ้าน

บ้านต้องเป็นเหมือนสวน (สนุก)   

หากไม่ต้องออกไปทำธุระหรือใช้ชีวิตนอกบ้าน การได้ใช้เวลาอยู่บ้านและหากิจกรรมสนุกๆ ทำได้เสมอจนไม่มีคำว่า เบื่อ คงเป็นวิถีชีวิตในฝันของคนติดบ้าน เช่น ถ้าคุณเป็นคนรักธรรมชาติ อาจลองสรรหากิจกรรมทำอย่างการปลูกต้นไม้ หรือหากบ้านที่คุณอาศัยอยู่มีพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติมากพอ ก็อาจจะเปลี่ยนบรรยากาศหากิจกรรมทำให้ดูน่ารักขึ้นอย่างการปิกนิกที่บ้าน กิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ คนติดบ้านมักจะหาทำได้เสมอ จะดีแค่ไหนถ้าอยู่บ้านแล้วมีกิจกรรมให้ทำไม่มีเบื่อ

บ้านคือโรงหนังสุดโรแมนติก

หากคุณเป็นคนที่รักการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ แต่เบื่อหน่ายที่ต้องเดินทางฝ่าการจราจรออกไปโรงหนังเพื่อดูหนังสักเรื่อง คงจะดีไม่น้อยหากบ้านสามารถเป็นโรงหนังให้คุณได้และจะยิ่งดีขึ้นไปอีก หากโรงหนังสามารถกลายร่างเป็นวิวสุดโรแมนติก ลองจินตนาการดูว่า เมื่อตะวันลับขอบฟ้าก็ถึงเวลาของความบันเทิงแบบเอาต์ดอร์บน Star Scene Space เป็นพื้นที่ที่สามารถนอนดูหนังในโรงภาพยนตร์เปิดโล่งที่ให้ความรู้สึกราวกับอยู่บนยอดเขาสูง จะดูหนังเรื่องโปรดหรือนอนนับดาวกับคนรู้ใจก็ไม่มีใครห้าม

บ้านคือที่ที่มีเตียงนุ่มๆ ให้เราทิ้งตัว

หากคุณชอบหรือหลงใหลการหมกตัวอยู่ในผ้าห่มแสนอบอุ่น จิบเครื่องดื่มแกล้มขนมขบเคี้ยว ละเลียดดูซีรีส์เรื่องโปรดทั้งวันผ่านสตรีมมิงออนไลน์ หรือนอนฟังเพลงโปรด เช็กอีเมลงาน ทำทุกอย่างได้หมดบนเตียงนุ่มๆ ของคุณ คุณอาจกำลังเป็นคนติดบ้านที่เข้าข่ายของ ‘Internest’ …แล้ว Internest คืออะไร? ลองมองไปรอบๆ คุณอาจจะเริ่มสังเกตเห็นเพื่อนเราที่มีความสุขและสนุกกับซุกตัวนอนอยู่แต่ในบ้านในวันหยุด ทั้งหมดในบ้านโดยที่ยังอัพเดตเทรนด์โลกได้อย่างไม่มีหลุด ขอเพียงให้บ้านมีอินเทอร์เน็ตก็พอ แต่ต่อให้ติดบ้านแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่า เรายังต้องการเทคโนโลยีที่ดีเสมอเพื่อเชื่อมต่อกับโลกภายนอก และช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้เราเสมอ

บ้านคือที่ทำงานหรือร้านอาหารเจ้าประจำ

พูดถึงเรื่องการทำงาน บางเวลาที่อยากขยับตัวจากเตียงนอน เราก็คงอยากจะมีพื้นที่ดีๆ ที่ให้เราได้นั่งทำงาน และถ้าที่นั่งทำงานสามารถสร้างความสนุกอื่นๆ ได้อีกคงดีไม่น้อย เพราะหากคุณไม่ได้เป็นเชฟ คงไม่มีทางที่ที่ทำงานกับครัวจะอยู่ด้วยกัน จะดีแค่ไหนถ้าในโครงการบ้านที่เราอยู่มี Co-working Space ไว้นั่งสะสางงาน และ Co-kitchen ครัวส่วนกลางที่เอาไว้โชว์ฝีมือปรุงอาหารเพื่อสร้างสรรค์เมนูสุขภาพแสนอร่อย คราวนี้จะ cook หรือจะ work ก็ทำได้ไปพร้อมๆ กัน

บ้านคือที่ซุกตัวอันแสนอบอุ่นหลังปาร์ตี้

สุดสัปดาห์เมื่อเพื่อนชวนไปแฮงเอาต์กันเก๋ๆ ที่ทองหล่อ เคยไหมเวลาที่ต้องออกไปปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน แม้จะรู้สึกสนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหน สักพักคุณก็อยากกลับบ้านแล้ว อยากกลับไปนอนแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ เปิดเพลงคลอเพื่อผ่อนคลาย ถ้าคุณเป็นคนที่ยังต้องเจอะเจอเพื่อนฝูง แต่ก็มักชอบแวบหายจากงานปาร์ตี้เพื่อกลับบ้านก่อน คงจะดีไม่น้อยถ้าคุณจะมีบ้านอยู่ในทำเลที่ยังไม่ตัดขาดจากไลฟ์สไตล์คนเมืองและอยู่ใกล้แหล่งแฮงเอาต์ ทีนี้จะปาร์ตี้ก็ได้ คิดถึงบ้านเมื่อไรก็แวบกลับสะดวก

บ้านที่ตอบโจทย์ทั้งธรรมชาติ เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์

ถ้าสิ่งที่เราพูดมาทั้งหมดก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่คุณต้องการ หรือเป็นไลฟ์สไตล์ในแบบของคุณ oka HAUS คือคอนโดมิเนียมที่ให้ความสำคัญกับแนวคิด Smart Living Transformation ที่จะเปลี่ยนนิยามการใช้ชีวิตของคุณเพื่อเติมโจทย์ไลฟ์สไตล์ สร้างสมดุลชีวิตที่ลงตัวกับ oka HAUS บ้านแนวคิดใหม่จากแสนสิริ

The post สวรรค์ของคนติดบ้านควรเป็นแบบไหน [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.

     จากกระแส ‘Prop Tech’ หรือ Property Technology การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังมาแรงในต่างประเทศ และค่อยๆ เติบโตในประเทศไทยเช่นกัน ส่งผลให้หลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนา Property Innovation มุ่งสร้างนวัตกรรมที่ช่วยให้การชำระเงินซื้อขายที่อยู่อาศัย การใช้ชีวิตในบ้านอัจฉริยะ รวมถึงการรับบริการหลังการขายของผู้พักอาศัยยุค 4.0 เป็นไปอย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น

     โดยผู้นำรายสำคัญในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย อย่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้นำเอาความล้ำตามแนวความคิด Smart Living มาใช้ในโครงการคอนโดมิเนียมชั้นนำอย่างโครงการ The Line Sathorn ที่ร่วมมือกับบีทีเอสกรุ๊ป บนทำเลเศรษฐกิจขนาดใหญ่ย่านสาทร

Smart Service จาก ‘แสนดี’ Sansiri Delivery Bot ตัวแรกของเอเชีย

     นวัตกรรมสุดล้ำที่เป็นไฮไลต์ของโครงการ The Line Sathorn คือ ‘แสนดี’ หุ่นยนต์ตัวแรกของเอเชียที่จะมาช่วยทำให้ชีวิตผู้อยู่อาศัยสะดวกสบายอย่างเหนือระดับ โดยเจ้าแสนดี Sansiri Delivery Bot ตัวนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยบริการรับ-ส่งของภายในคอนโดมิเนียม หากมีพัสดุมาฝากถึงผู้พักอาศัยห้องใดก็ตาม ทางนิติบุคคลก็จะจัดส่งแสนดี ผู้ช่วยผู้น่ารักของเรา ขึ้นไปส่งของถึงหน้าห้องพัก และแจ้งเตือนผ่าน Sansiri Home Application เมื่อพัสดุถึงหน้าห้องเรียบร้อยแล้ว เรียกว่าหมดปัญหาการเดินขึ้นลงรับของจุกจิก และหมดห่วงด้านความปลอดภัยในกรณีที่คนไม่รู้จักเดินขึ้นมาส่งพัสดุให้ลูกบ้านไปเลย

Smart Access ทำให้ทุกการเข้าถึงปลอดภัยและง่ายขึ้นด้วยสมาร์ทโฟน

     ไม่ต้องสาละวนกับการคลำหาการ์ดหรือไขกุญแจเพื่อเปิดประตูอีกต่อไป แค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว กับฟังก์ชัน One Stop Access ก็สามารถคลิกสั่งการผ่านนิ้วมือเพื่อเข้าถึงได้ทุกการใช้งาน ตั้งแต่ Main Entrance การขึ้นลิฟต์ การจอดรถแบบ Mechanical Parking การเปิดประตูห้องพัก ไปจนถึงระบบ Home Automation เพื่อเปิด-ปิดไฟภายในห้อง

     และในวันที่คนสำคัญมาหาถึงหน้าห้อง แต่คุณดันมีธุระต้องจัดการจนไปรับไม่ได้ ก็ไม่ต้องปล่อยให้เขาต้องรอเก้อ เพียงส่ง One Time Access เข้าโทรศัพท์ของแขกคนสำคัญ เขาก็สามารถผ่านเข้าไปจนถึงห้องพักได้สะดวกด้วย Digital Key โดยคุณไม่จำเป็นต้องฝากกุญแจไว้กับนิติบุคคล หรือเสียเวลาลงมาเปิดประตูถึงชั้นล่างสุด และก็ไม่ต้องกังวลว่าระบบดังกล่าวจะไม่ปลอดภัย เพราะสิ่งนี้ผ่านการรับรองจากนานาชาติมาแล้ว

Smart Facilities เพิ่มความสะดวกสบายอย่างไร้ขีดจำกัด

     ไม่ว่าจะเป็นบริการหรืออำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้ง Meeting Room, Entertainment Room ไปจนถึงฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำ ก็สามารถใช้สมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียวของเรานี่ล่ะจัดการได้ ด้วยบริการ Smart Booking จับจองสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการล่วงหน้าได้ทั้งหมด

     นอกจากนี้ยังมี Smart Relaxation อย่างเก้าอี้นวดอัจฉริยะ OSIM ที่สุดแห่งความหรูหราของการนวดผ่อนคลาย ที่มาพร้อมฟังก์ชันสแกนร่างกายได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าผู้ใช้งานจะมีรูปร่างแบบไหนก็จะให้สัมผัสราวกับได้รับการนวดจริงจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงสามารถควบคุมและดาวน์โหลดโปรแกรมการนวดใหม่ๆ ได้อีกด้วย

Air Tube ระบบระบายอากาศเพื่อคุณภาพการนอนหลับเหนือระดับ

     เหนือจากบริการอำนวยความสะดวกให้คุณใช้ชีวิตได้สมาร์ทยิ่งขึ้น ภายในคอนโดนิเนียม The Line Sathorn ยังมี Private Air Ventilation System ระบบระบายอากาศส่วนตัวที่ออกแบบมาเป็นพิเศษโดยเฉพาะ ช่วยลดอุณหภูมิลงได้ถึง 1-2 องศา ทำให้ประหยัดพลังงานเนื่องจากลดความร้อนสะสม อีกทั้งยังช่วยลดความชื้นอันเป็นเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียในอากาศ ส่งผลให้ผู้พักอาศัยหลับสนิท และเพิ่มคุณภาพการนอนให้เต็มอิ่มยิ่งขึ้น

     แม้อ่านๆ ไปแล้วจะดูเหมือนเรื่องราวในอนาคตที่หลุดมาจากหนังไซ-ไฟ แต่เราขอยืนยันว่า คุณสามารถสัมผัสนวัตกรรมที่อยู่อาศัยเหล่านี้ได้จริงๆ ที่โครงการ The Line Sathorn

The post ‘แสนดี’ หุ่นยนต์รับ-ส่งของในคอนโดฯ ตัวแรกของเอเชีย ตอบรับกระแส Smart Living [Advertorial] appeared first on THE STANDARD.