Smart Home – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 29 Jan 2025 05:11:22 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เปิดเทรนด์แต่งบ้าน 2025! โทนสีมอคค่า-สมาร์ทโฮม ครองใจคนไทย ดันมูลค่าตลาดทะลุหมื่นล้าน https://thestandard.co/thai-home-decor-trends-2025/ Wed, 29 Jan 2025 05:11:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1035639 เทรนด์แต่งบ้าน 2025

บ้านในปี 2025 จะไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แต่กำลังแ […]

The post เปิดเทรนด์แต่งบ้าน 2025! โทนสีมอคค่า-สมาร์ทโฮม ครองใจคนไทย ดันมูลค่าตลาดทะลุหมื่นล้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เทรนด์แต่งบ้าน 2025

บ้านในปี 2025 จะไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แต่กำลังแปรเปลี่ยนเป็น ‘พื้นที่แห่งความสุข’ ที่ผสานความงาม เทคโนโลยี และฟังก์ชันการใช้งานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สะท้อนผ่านตัวเลขการเติบโตของตลาดตกแต่งบ้านที่คาดว่าจะทะยานแตะ 10,300 ล้านบาท จากกระแสการปรับโฉมที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่

 

จากการศึกษาของ NocNoc พบว่า โทนสีที่จะมาแรงในปีนี้คือ ‘Mocha Mousse’ สีน้ำตาลอมชมพูที่ถูกเลือกให้เป็นสีแห่งปีโดย PANTONE ส่งผลให้การตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลและเอิร์ธโทนกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้น 

 

โดยเฉพาะเมื่อนำมาผสานกับสไตล์การแต่งบ้านอย่าง Japandi ที่ครองใจผู้บริโภคไทยถึง 25% ตามมาด้วย Scandinavian 23% และ Industrial 20% สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมของคนไทยที่เริ่มโน้มเอียงไปทางการผสมผสานความเรียบง่ายแบบญี่ปุ่นเข้ากับความทันสมัยแบบสแกนดิเนเวียน

 

‘มินิมัล’ ยังคงเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญของการแต่งบ้านปี 2025 แต่มาในรูปแบบที่ฉลาดขึ้น เน้นเฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย สร้างพื้นที่โปร่งโล่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายจากความวุ่นวายภายนอก การจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบมินิมัลไม่เพียงสร้างความสบายตา แต่ยังช่วยให้การทำความสะอาดและดูแลรักษาง่ายขึ้น เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีเวลาจำกัด

 

ความน่าสนใจอยู่ที่เทรนด์ ‘Personalized Space’ ที่มาแรงแซงโค้ง สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคที่อยากให้บ้านสะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงาน Work from Home ที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่เป็นสัดส่วน พร้อมโทนสีที่ช่วยเสริมสมาธิอย่างสีเทาหรือน้ำเงิน การจัดสรรพื้นที่แบบนี้ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับการทำงานได้อย่างลงตัว

 

‘Smart Home Technology’ กำลังปฏิวัติการอยู่อาศัยครั้งใหม่ ด้วยระบบอัจฉริยะที่ควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ตั้งแต่สวิตช์ไฟอัตโนมัติ ระบบล็อกประตู กล้องวงจรปิด ไปจนถึงผู้ช่วย AI ที่สั่งการด้วยเสียง เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย 

 

นอกจากนี้ ระบบ AI ยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย เพื่อปรับการทำงานให้เหมาะสมที่สุด เช่น การปรับอุณหภูมิอัตโนมัติตามช่วงเวลาที่ผู้อยู่อาศัยชอบ หรือการเปิด-ปิดไฟตามรูปแบบการใช้งานประจำวัน

 

การตกแต่งบ้านในปี 2025 ยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงกับธรรมชาติมากขึ้นด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นมุมสวนเล็กๆ การจัดวางต้นไม้ประดับ หรือการใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่ง เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายและเพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้าน

 

เมื่อบ้านไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่คือพื้นที่ที่หลอมรวมเทคโนโลยี ความงาม และการใช้ชีวิต เราจึงกำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการตกแต่งบ้านที่มุ่งสู่การสร้างสรรค์พื้นที่ที่ ‘ฉลาดล้ำ’ แต่ยังคงความ ‘อบอุ่น’ ราวกับมีชีวิต

 

The post เปิดเทรนด์แต่งบ้าน 2025! โทนสีมอคค่า-สมาร์ทโฮม ครองใจคนไทย ดันมูลค่าตลาดทะลุหมื่นล้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
อายุ 30 แต่ร่างกาย 70 เตรียมบ้านอย่างไรในวันที่ร่างกายเริ่มแก่ https://thestandard.co/life/how-to-prepare-your-smart-home Fri, 26 Jul 2024 17:00:26 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=963594

เตรียมบ้าน อย่างไรในวันที่แค่อยากนอนนิ่งๆ ในบ้าน   […]

The post อายุ 30 แต่ร่างกาย 70 เตรียมบ้านอย่างไรในวันที่ร่างกายเริ่มแก่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เตรียมบ้าน อย่างไรในวันที่แค่อยากนอนนิ่งๆ ในบ้าน

 

ใครเคยมีความรู้สึกแบบนี้บ้าง “อายุเราก็ไม่ได้เยอะ แต่ทำไมบางวันรู้สึกร่างกายไม่ไหวแล้ว” อาจจะเป็นเพราะระหว่างวันเราใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วง หรือไม่เราก็แก่จริงๆ บางทีถึงขั้นนอนอยู่บ้านไม่อยากขยับตัวไปไหน อยากนอนนิ่งๆ แล้วใช้บ้านจัดการตัวเอง

 

จริงๆ ทางออกของปัญหานี้ง่ายมาก แค่คุณเปลี่ยนบ้านให้เป็น Smart Home อธิบายง่ายๆ มันคือการเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยอุปกรณ์เหล่านั้นต้องรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย เหมือนกับเราสั่งปิดไฟ ปิดม่าน หรือสั่งให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นภายในบ้าน โดยที่เราไม่ต้องลุกไปไหนเลย

 

ฟังดูอาจจะสงสัยว่ายากไหม ขั้นตอนเยอะไหม หรือค่าใช้จ่ายแพงไหม แต่ความเป็นจริงอยู่ที่คุณอยากให้บ้านคุณสมาร์ทขนาดไหน วันนี้เราเลยจะมาแนะนำว่าถ้าอยากเริ่มทำ Smart Home ควรเริ่มเตรียมตัวอย่างไรบ้าง และมีอุปกรณ์ไหนที่น่าเปลี่ยนเมื่อเลือกจะทำบ้านแบบ Smart Home

 

 

อินเทอร์เน็ตคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

จุดเริ่มต้นของการทำ Smart Home คือการสร้างเครือข่ายโดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นส่วนกลางในการเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ เพราะฉะนั้นคุณควรเตรียมอินเทอร์เน็ตที่บ้านให้พร้อม

 

 

อยากใช้อะไรในการควบคุม

 

เมื่อเรามีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ดีแล้ว เราต้องมาเลือกกันต่อว่าอยากใช้อะไรในการควบคุมและดูสถานะของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้าน ซึ่งตอนนี้สมาร์ทโฟนหลายรุ่นก็มีแอปพลิเคชันเพื่อรองรับการเชื่อมต่อกับ Smart Home แต่ถ้าอยากให้ชีวิตง่ายขึ้นก็มีหลายบริษัทผลิตลำโพงขนาดเล็กเอาไว้เพื่อรองรับการสั่งงานด้วยเสียงอีกด้วย

 

 

เปลี่ยนอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานให้สมาร์ท

 

เชื่อว่าหลายคนก็คงเป็น โดยมีจุดเริ่มต้นจากการขี้เกียจลุกขึ้นไปปิดไฟ ขี้เกียจลุกขึ้นไปเปิดม่าน เราเลยมองว่าการเริ่มใช้พวก Smart Light ที่ตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ หรือม่านที่สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

 

 

เติมของใช้ที่รองรับระบบ Smart Home

 

อีกหนึ่งปัญหาของคนที่อยู่บ้านแล้วไม่อยากขยับตัวคือขี้เกียจทำงานบ้าน หรืออยากดูทีวีแต่ขี้เกียจเดินไปหยิบรีโมต จะบอกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันหลายยี่ห้อรองรับการสั่งงานผ่านอินเทอร์เน็ตแล้ว แถมยังตั้งเวลาในการทำงานได้อีกด้วย เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาด ทีวี หรือเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

 

 

เปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราผูกพันให้เข้ากับระบบ

 

ถึงจะเปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะแค่ไหน แต่จะมีบางชิ้นที่เรายังไม่อยากเปลี่ยนแต่ก็อยากควบคุมมันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เราแนะนำให้ใช้ Smart Plug จ่ายไฟให้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นแทน เพราะเราสามารถควบคุมเปิด-ปิด Smart Plug ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้

 

จริงๆ ประโยชน์ของการทำ Smart Home ไม่ได้มีดีแค่ให้เราไม่ต้องขยับร่างกายเยอะ แต่ยังมีทั้งระบบรักษาความปลอดภัยหรือเซ็นเซอร์ช่วยเตือนเวลาลืมปิดประตูหรือหน้าต่าง ใครที่อยากใช้ชีวิตในบ้านชิลๆ ไม่ต้องขยับตัวเยอะ หรือบ้านใครมีผู้สูงอายุ แนะนำลองทำระบบ Smart Home เลย มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด

 

ภาพ: shutterstock

The post อายุ 30 แต่ร่างกาย 70 เตรียมบ้านอย่างไรในวันที่ร่างกายเริ่มแก่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
2024 คนทั่วโลกไม่ได้มองบ้านเป็นแค่ที่อยู่อาศัยแล้ว https://thestandard.co/life/life-space-trend-2024 Fri, 03 May 2024 10:07:49 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=929695 LIFE SPACE TREND 2024

ปัจจุบันคนมองหาบ้านไม่ได้เพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น   […]

The post 2024 คนทั่วโลกไม่ได้มองบ้านเป็นแค่ที่อยู่อาศัยแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
LIFE SPACE TREND 2024

ปัจจุบันคนมองหาบ้านไม่ได้เพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น

 

เมื่อวันก่อน AP Thai ได้ชวน THE STANDARD LIFE เข้าไปฟังทอล์กโชว์สุดพิเศษจาก ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน หรือเฮียวิทย์ โดยหัวข้อที่พูดเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘LIFE SPACE TREND 2024’ หรือเทรนด์การอยู่อาศัยของคนหลายๆ ประเทศที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต 

 

ในอดีตมนุษย์ใช้งานบ้านเป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่หลังจากที่โลกของเราต้องเจอกับการระบาดของโควิด พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนทั่วโลกเปลี่ยนไป เช่นเดียวกันกับความต้องการที่คนมีต่อบ้านก็เปลี่ยนไป เฮียวิทย์เลยพาไปเจาะเทรนด์ใหม่ของ 7 ประเทศทั่วโลก 

 

 

ไม่ต้องอยู่กลางเมืองก็ได้ แต่ขอสเปซให้ได้ใช้ชีวิต

สหรัฐอเมริกา

เริ่มต้นที่อเมริกา ในอดีตเราจะเคยได้ยินคำว่า ‘American Dream’ คือการมีบ้านอยู่ใจกลางเมือง ขนาดไม่ต้องใหญ่มาก แค่ใช้นอนพัก เพราะชีวิตส่วนใหญ่ทุกคนต้องอยู่ที่ออฟฟิศ แต่ในปัจจุบันคนอเมริกันมองหาที่อยู่ที่ไม่แออัด ไม่วุ่นวาย อยู่ในบริเวณใกล้เมืองก็พอ ไม่ต้องกลางเมือง เพราะการทำงานปัจจุบัน อยู่บ้านก็ทำงานได้ คนจะอยากได้พื้นที่ในการใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น

 

 

ขนาดพื้นที่ไม่ใช่ปัญหา แต่บ้านต้องเป็นออฟฟิศได้

ออสเตรเลีย

ต่อมาคือออสเตรเลีย ประเทศที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ขนาดพื้นที่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่พฤติกรรมต่างหากที่สำคัญ หลังจากยุคโควิด ออสเตรเลียก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการ Work from Home, Work from Anywhere กันมากขึ้น ชาวออสเตรเลียเลยแสดงความต้องการผ่านการออกแบบบ้านตั้งแต่แรกเลยว่า ‘บ้านต้องเป็นออฟฟิศได้’

 

 

ทำไมต้องอยู่แต่ในพื้นที่แคบๆ Outdoor Space คือสิ่งที่ทุกคนต้องการ

ญี่ปุ่น

ต่อไปเป็นประเทศที่มีพื้นที่เล็กมากๆ อย่างญี่ปุ่นกันบ้าง ในอดีตคนญี่ปุ่นอยู่อาศัยกันในพื้นที่แคบๆ ห้องเล็กๆ ในอาคาร แต่ปัจจุบันคนโหยหาธรรมชาติและพื้นที่กลางแจ้งมากขึ้น Outdoor Space และการได้ใกล้ชิดธรรมชาติจึงกลายเป็นปัจจัยหลักของคนญี่ปุ่นสำหรับการเลือกที่อยู่อาศัย

 

 

‘Smart Home’ คือสิ่งที่ต้องการ

เกาหลีใต้

เกาหลีใต้คืออีกหนึ่งประเทศที่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี แต่อีกหนึ่งความจริงของประเทศนี้คือ อายุเฉลี่ยของประชากรสูงขึ้นเรื่อยๆ คนจะมองหาที่อยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวก หรือเรียกง่ายๆ ว่า พวกเขามองหา ‘Smart Home’ กันมากขึ้น

 

 

บ้านต้องสร้างความยั่งยืนให้กับสภาพแวดล้อมด้วย

เดนมาร์ก

มุมมองของคนเดนมาร์กที่มีต่อที่อยู่อาศัยน่าสนใจมาก พวกเขาไม่ได้มองแค่ความต้องการส่วนบุคคล แต่มองครอบคลุมไปถึงความยั่งยืนของสภาพแวดล้อมด้วย เช่น บ้านต้องปล่อยน้ำเสียสู่สาธารณะให้น้อยที่สุด เป็นต้น

 

 

ข้อมูลบ้าน ที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์ ถูกเก็บในระบบบล็อกเชน

ดูไบ

ในด้านความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศนี้อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่การจัดการเปลี่ยนไป นี่เป็นประเทศที่จัดการข้อมูลบ้านผ่านระบบบล็อกเชนที่ทำให้จัดการง่ายและปลอดภัยขึ้น

 

 

มองหาสเปซที่เข้ากับไลฟ์สไตล์

ไทย

ประเทศสุดท้ายที่เฮียวิทย์ได้มาอัปเดตเทรนด์การอยู่อาศัยคือประเทศไทย หลังจากช่วงยุคโควิด คนไทยหันมาสนใจสเปซภายในบ้านมากขึ้น หลายคนหันมามองว่า พื้นที่ในบ้านสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของเราหรือไม่ เช่น มีมุมให้เราใช้ประชุม Zoom ไหม หรือมีมุมฟิตเนสเล็กๆ ไหม 

 

นั่นจึงเป็นโจทย์ให้นักสร้างที่อยู่อาศัยอย่างเช่น AP Thai ต้องเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นนักออกแบบพื้นที่ คอยคิดพื้นที่ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์เทรนด์การอยู่อาศัยในปัจจุบัน เพื่อให้บ้านไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่ให้บ้านกลายเป็น ‘อาณาจักรแห่งการใช้ชีวิตที่เราออกแบบเองได้’

 

 

ภาพ: Shutterstock

The post 2024 คนทั่วโลกไม่ได้มองบ้านเป็นแค่ที่อยู่อาศัยแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCG ผนึก Tuya-T3 สร้างระบบนิเวศ Smart Home​ ที่สมบูรณ์ ตั้งเป้าพา Craft Tech บุกตลาดโลก https://thestandard.co/scg-tuya-t3-smart-home/ Tue, 07 Nov 2023 13:00:04 +0000 https://thestandard.co/?p=863069

แม้คำว่า Smart Home จะเป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อยๆ แต่ที่ […]

The post SCG ผนึก Tuya-T3 สร้างระบบนิเวศ Smart Home​ ที่สมบูรณ์ ตั้งเป้าพา Craft Tech บุกตลาดโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้คำว่า Smart Home จะเป็นคำที่เราได้ยินกันบ่อยๆ แต่ที่ผ่านมาจำนวนผู้ใช้งานจริงอาจยังไม่มากนัก ข้อมูลจาก Statista พบว่าในปี 2022 มีผู้ใช้งาน Smart Home ในประเทศไทยเพียง 2.9 ล้านคนเท่านั้น แต่เป็นไปได้ว่าอีกไม่เกิน 5 ปีสถานการณ์จะเปลี่ยนไป Smart Home จะกลายเป็นวิถีชีวิตปกติไม่ต่างจากความนิยมในการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยตอนนี้ อภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG เชื่อมั่นอย่างนั้น

 

 

“ภายใน 5 ปี Smart Living จะกลายเป็นวิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ ก่อนหน้านี้คนอาจจะยังใช้กันในจำนวนไม่มาก แต่ปัจจุบันราคาย่อมเยาลง ง่ายต่อการเข้าถึงมากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาทางเทคโนโลยีก็ครอบคลุมมิติต่างๆ ของชีวิตมากขึ้น ทุกอย่างสามารถเชื่อมต่อกันอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพสูง หลังจากนี้คำว่า Smart จะไม่ได้อยู่เพียงแค่หน้าจอเท่านั้น แต่จะอยู่ในทุกๆ ที่ในชีวิตของเรา”

 

 

ด้วยหลักคิด Passion for Better Living อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น นำมาสู่การพัฒนา ‘mind’ โซลูชันเพื่อบ้านอัจฉริยะ (Smart Home Solution) ที่ครอบคลุมทุกโมเมนต์ของการใช้ชีวิต ผ่านอุปกรณ์ Smart Home มาตรฐานใหม่ที่ใช้งานง่าย เชื่อมอุปกรณ์ได้ทุกค่าย และรู้ใจสมาชิกทุกคนในบ้าน พร้อมบุกตลาดที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบ B2B และ B2C

 

ผนึกกำลังพันธมิตรสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์

 

ล่าสุด SCG ผนึกกำลังกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมเทคโนโลยี IoT  (Internet of Things) จากแดนมังกรอย่าง Tuya Smart และ T3 Technology เพื่อผลักดันให้ไทยมีระบบนิเวศของเทคโนโลยีที่สมบูรณ์และแข็งแกร่ง พร้อมสร้างโอกาสครั้งใหม่ในการพางานดีไซน์ฝีมือคนไทยไปบุกตลาดโลก

 

 

Ross Luo ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Tuya Smart ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม IoT ระดับโลก กล่าวว่า “Tuya Smart ต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อช่วยพันธมิตรทางธุรกิจของเรา โดยมีไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมาย ผมมองว่าประเทศไทยมีโอกาสมากมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะปัจจุบันไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ดีขึ้นมาก และมีการลงทุนใน 5G อย่างจริงจัง”

 

 

Kevin Guo รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง T3 Technology ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมและ IoT ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ต Top 3 ของไทย กล่าวเสริมว่า “T3 Technology มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และ WiFi ปัจจุบันเราคือผู้ให้บริการอันดับ 1 ของ Broadband Supplier ในประเทศไทย การที่ SCG, Tuya และ T3 มารวมกัน นับเป็นการช่วยส่งเสริมศักยภาพกันและกัน ทำให้ลูกค้ามีชีวิตที่ชาญฉลาดและสะดวกสบายมากกว่าเดิม

 

“เราไม่หยุดความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงมีแผนจะเปิดหน้าร้านเพิ่ม เพื่อเสนอสินค้าที่มีคุณภาพและบริการที่รองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ”

 

ส่งออก Craft Tech ไทยสู่ตลาดโลก

 

ในอนาคตที่โลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) อุปกรณ์ทุกอย่างในชีวิตประจำวันจะเชื่อมต่อและส่งข้อมูลกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต เศรษฐกิจไทยจะอยู่ตรงไหน?

 

นับเป็นคำถามที่ตอบไม่ง่าย เพราะต้องยอมรับว่าโลกมีประเทศที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งเดิมอยู่แล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และจีน ฯลฯ แต่สิ่งที่โดดเด่นเป็นจุดแข็งของประเทศไทยคืองานศิลปหัตถกรรมหรืองานคราฟต์ฝีมือคนไทย ที่ปัจจุบันเติบโตได้ดีและเป็นที่หลงใหลของคนทั่วโลก

 

 

อภิรัตน์กล่าวว่า “เศรษฐกิจไทยในอนาคตกำลังถูกท้าทายด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของโลกและการพัฒนาอย่างรุดหน้าของเทคโนโลยี ในขณะที่เรากำลังเผชิญกับวิกฤตของสังคมผู้สูงวัย SCG มองว่าหนทางในการที่เราจะแข่งขันทางด้านนวัตกรรมให้ได้คือเราจะต้องผสมผสานเทคโนโลยีให้เข้ากับวัฒนธรรมไทยที่นับเป็นจุดแข็งของเรา”

 

จึงเป็นที่มาของการจับมือกับเหล่าดีไซเนอร์ชั้นแนวหน้าของไทย เช่น Yothaka แบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวาของไทย เพื่อนำงานคราฟต์ของไทยมาผสมผสานกับเทคโนโลยี โดยมี mind เป็นแพลตฟอร์มกลางในการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และสินค้าหัตถกรรมให้มีความ Smart หรืออัจฉริยะยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรจากอีกหลายภาคส่วนของไทยที่มาร่วมกันผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปรับเปลี่ยนสู่ Digital Economy เพื่อเติบโตต่อในอนาคต เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), สมาคมไทยไอโอที (Thai IoT Association), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT), บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด และ Social Lab Thailand

 

 

“ปัจจุบันคนต่างชาติรู้จักมวยไทย ต้มยำกุ้ง และอาหารไทยของเราแล้ว ความฝันต่อไปคืออยากให้เขารู้จัก mind ในฐานะ Smart Home Solution ที่รู้ใจ และทำให้การใช้ชีวิตของสมาชิกทุกคนในบ้านดียิ่งขึ้น โดยเราไม่ได้นำเสนอแค่เทคโนโลยี เพราะหลายๆ ประเทศในโลกก็ทำได้ แต่เมื่อเรานำเอาเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใส่ลงในงานคราฟต์ของไทย เราจะได้เฟอร์นิเจอร์และของใช้ในชีวิตประจำวันที่นอกจากมีความประณีตจากฝีมือการทำหัตถกรรมที่มีคุณภาพสูงแล้ว ยังมีความอัจฉริยะ ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อทุกคนมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือจะเป็นอัตลักษณ์ของไทยที่ไม่มีใครเลียนแบบได้อย่างแน่นอน” อภิรัตน์กล่าวทิ้งท้าย

The post SCG ผนึก Tuya-T3 สร้างระบบนิเวศ Smart Home​ ที่สมบูรณ์ ตั้งเป้าพา Craft Tech บุกตลาดโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple ยกเครื่องอุปกรณ์ ‘สมาร์ทโฮม’ ลุยพัฒนา HomePod – TV Box สู้กับ Amazon และ Google https://thestandard.co/apple-introduces-new-homepod/ Thu, 19 Jan 2023 03:46:21 +0000 https://thestandard.co/?p=739253

Apple Inc. บริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลกกำลังพัฒน […]

The post Apple ยกเครื่องอุปกรณ์ ‘สมาร์ทโฮม’ ลุยพัฒนา HomePod – TV Box สู้กับ Amazon และ Google appeared first on THE STANDARD.

]]>

Apple Inc. บริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลกกำลังพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีหลายอย่าง เช่น HomePod Speaker รวมถึง TV Set Top Box เพื่อแข่งขันกับ Amazon และ Google ในตลาดสมาร์ทโฮม 

 

การบุกตลาดสมาร์ทโฮมของ Apple จะนำด้วยสินค้าจำพวกแท็บเล็ต ซึ่งสามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ภายในบ้าน เช่น อุณหภูมิ แสงไฟ วิดีโอ และการสื่อสารผ่าน FaceTime ซึ่งแท็บเล็ตที่ว่านี้จะสามารถยึดไว้กับผนังบ้านหรือพื้นที่อื่นๆ ด้วยที่ยึดแบบแม่เหล็ก ทำหน้าที่เป็นเหมือน Home Gadget มากกว่า iPad ทั่วๆ ไป

 

Apple ยังได้แลกเปลี่ยนไอเดียเกี่ยวกับการพัฒนาหน้าจอของสมาร์ทโฮมที่ใหญ่ขึ้น และในขณะที่ iPad เป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์สมาร์ทโฮมได้อยู่แล้ว แต่อุปกรณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับสมาร์ทโฮมเพียงอย่างเดียวก็กำลังเป็นที่นิยมขึ้นมาก 

 

อย่าง Amazon ที่มี Echo Show ส่วน Google ก็มี Nest Hub รวมถึง Pixel Tablet เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ทำให้ Apple ต้องหันมาคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับการสร้างอุปกรณ์เพื่อสมาร์ทโฮมโดยเฉพาะ

 

ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า Apple จะไม่ได้พัฒนามากนักในส่วนของตลาดสมาร์ทโฮม แม้ว่าจะมี Siri ที่ช่วยในการควบคุมผ่านเสียง แต่บริการในด้านนี้ก็ยังสู้กับ Alexa ของ Amazon ไม่ได้ ซึ่งอุปกรณ์ใหม่ที่กำลังพัฒนากันอยู่นี้จะมาพร้อมกับ Siri โฉมใหม่

 

สำหรับ HomePod Speaker ที่เปิดตัวด้วยราคาขาย 299 ดอลลาร์ เมื่อวันพุธ (18 มกราคม) ที่ผ่านมา เป็นรุ่นที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่จากรุ่นดั้งเดิม ประมวลผลบนชิปรุ่นเดียวกับ Apple Watch รุ่นปี 2022 

 

ส่วน HomePod รุ่นเดิมได้หยุดจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 2021 เนื่องจากเสียงสะท้อนจากลูกค้าที่มองว่าราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับฟังก์ชันในการใช้งาน โดยรุ่นดั้งเดิมเปิดตัวด้วยราคา 349 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับลดลงเหลือ 299 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักสำหรับ Apple 

 

มากไปกว่าแค่หน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นและ HomePod รุ่นใหม่ Apple ยังอยู่ระหว่างการยกเครื่องกล่องทีวีให้ประมวลผลได้เร็วขึ้น ซึ่งน่าจะได้เห็นกันในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 

 

ปัจจุบัน Apple มีส่วนแบ่งในตลาดทีวีเพียงแค่ 5% เทียบกับคู่แข่งอย่าง Amazon ที่ 30% และ Roku 28% อิงจากข้อมูลของ Insider Intelligence 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

อ้างอิง:

The post Apple ยกเครื่องอุปกรณ์ ‘สมาร์ทโฮม’ ลุยพัฒนา HomePod – TV Box สู้กับ Amazon และ Google appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Haier’ มัดใจผู้บริโภค ครองแชมป์อันดับ 1 ผู้นำตลาดโลก 13 ปีซ้อน พร้อมรุกตลาดสมาร์ทโฮมเต็มสูบ https://thestandard.co/haier-thailand/ Mon, 17 Jan 2022 10:00:18 +0000 https://thestandard.co/?p=582378 Haier

  หากถามว่าอะไรบ้างที่เป็นจุดแข็งที่สร้างความสำเร็ […]

The post ‘Haier’ มัดใจผู้บริโภค ครองแชมป์อันดับ 1 ผู้นำตลาดโลก 13 ปีซ้อน พร้อมรุกตลาดสมาร์ทโฮมเต็มสูบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Haier

Haier

 

หากถามว่าอะไรบ้างที่เป็นจุดแข็งที่สร้างความสำเร็จให้แบรนด์ และทำให้คนส่วนใหญ่เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้า Haier มาช่วยอำนวยความสะดวกภายในบ้าน ต้องบอกว่ามีอยู่ 3 ข้อด้วยกัน ได้แก่



1. การรับฟังความต้องการของผู้บริโภค

2. การไม่หยุดปรับตัวเพื่อให้เท่าทันทุกความเปลี่ยนแปลง

3. การมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างความโดดเด่นและตอบโจทย์ความต้องการในตลาด



ภายใต้หลักการทั้งสามได้นำมาสู่ความพยายามในการคิดค้นนวัตกรรมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและการพัฒนาต่อยอดอย่างไม่หยุดยั้ง จน Haier สามารถครองตำแหน่งแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันได้ถึง 13 ปีซ้อน 

 

ความสำเร็จติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานไม่ได้ทำให้ Haier นิ่งนอนใจ แต่กลับเลือกที่จะยกระดับแบรนด์ให้ดียิ่งขึ้นและตอบโจทย์ยุคสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการออกกลยุทธ์ใหม่ๆ ขยายฐานผู้บริโภค และสร้างสรรค์นวัตกรรมตอบโจทย์คนในกลุ่มต่างๆ ครอบคลุมทั้งคนเจเนอเรชัน X, Y และ Z รวมถึงการเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่มสมาร์ทโฮมและสินค้ารุ่นไฮเอนด์ เพื่อให้สอดคล้องกับการวิถีชีวิตยุคใหม่ภายใต้คอนเซปต์ Haier Inspired Living หรือ การใช้ชีวิตของคุณคือแรงบันดาลใจของเรา 

 

Haier

 

เพราะการใช้ชีวิตในทุกๆ วันของผู้บริโภค ที่ต้องเผชิญปัญหาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปจนถึงปัญหาใหญ่ๆ ทุกเรื่องราวคือแรงบันดาลใจที่สำคัญของ Haier นำไปสู่การคิดค้นพัฒนานวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาและมอบประสบการณ์ที่ดี รวมถึงช่วยยกระดับชีวิตประจำวันของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น 


สำหรับในปี 2023 Haier ยังคาดการณ์ว่าด้วยกลยุทธ์นี้จะทำให้แบรนด์สามารถพิชิตยอดขายถึง 12,000 ล้านบาท โดยสินค้าที่จะเป็นตัวนำร่อง ปูทางให้คนจดจำ Haier ในฐานะแบรนด์ที่ช่วยยกระดับชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้นมีทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่

 

  • เครื่องปรับอากาศที่มีระบบ Smart Control สั่งการผ่านสมาร์ทโฟนจากที่ไหนก็ได้ และระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ (Human Sensor) ตรวจจับสมาชิกภายในห้องเพื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน สร้างความสะดวกสบายให้ทุกคนภายในบ้าน
  • ตู้เย็นยุคใหม่ที่มาพร้อมระบบ IoT กับระบบจัดการสินค้าภายในตู้เย็น และยังสามารถสั่งซื้อของสดเข้าตู้เย็นผ่านระบบออนไลน์ช้อปปิ้งจากหน้าจอของตู้เย็นได้เลย
  • เครื่องซักผ้าที่มีเทคโนโลยี i-Refresh ช่วยกำจัดกลิ่นแบคทีเรีย และให้กลิ่นหอมสดชื่น แถมยังมีระบบ Wi-Fi ให้สามารถควบคุม สั่งงานเครื่องซักผ้าได้ด้วยโทรศัพท์มือถือ 

 

 

เพื่อสื่อสารความไว้วางใจที่ผู้บริโภคมอบให้ทางแบรนด์เสมอมา Haier ได้ออก TVC ที่เล่าเรื่องราวของแบรนด์ภายใต้คอนเซปต์ ‘การใช้ชีวิตของคุณคือแรงบันดาลใจของเรา’ ที่ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันที่เคยถูกมมองข้าม ซึ่ง Haier มองว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้คือสิ่งที่สำคัญ ยิ่งเล็กยิ่งต้องใส่ใจ ยิ่งง่ายยิ่งต้องพิถีพิถัน เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า เมื่อมี Haier ชีวิตของเขาจะดีขึ้นและสมาร์ทขึ้นในทุกๆ มิติ 

 

 

ชม TVC ที่บอกเล่าถึงความตั้งใจในการยกระดับชีวิตของผู้บริโภคให้สมาร์ท สะดวกสบาย และดีต่อใจคนทุกเจเนอเรชัน เพราะการใช้ชีวิตของผู้บริโภคคือแรงบันดาลใจของ Haier ได้ที่ 

 

 

 

สัมผัสนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพจาก Haier ที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่ชาญฉลาด ควบคู่ไปกับประโยชน์และความคุ้มค่า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.haier.com/th อัปเดตข่าวสารและโปรโมชันใหม่ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง Facebook: HaierThailand 

The post ‘Haier’ มัดใจผู้บริโภค ครองแชมป์อันดับ 1 ผู้นำตลาดโลก 13 ปีซ้อน พร้อมรุกตลาดสมาร์ทโฮมเต็มสูบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
5 สิ่งที่เราเรียนรู้จาก CES 2020 งานแสดงนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า https://thestandard.co/ces-2020/ Thu, 16 Jan 2020 04:53:50 +0000 https://thestandard.co/?p=321182 CES 2020

จบลงไปแล้วสำหรับ CES 2020 งานจัดแสดงนวัตกรรมเครื่องใช้ไ […]

The post 5 สิ่งที่เราเรียนรู้จาก CES 2020 งานแสดงนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
CES 2020

จบลงไปแล้วสำหรับ CES 2020 งานจัดแสดงนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคประจำปีที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-10 มกราคมที่ผ่านมา ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งงานในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 52 แล้ว (จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1957)

 

ความพิเศษของงาน CES คือการที่ค่ายผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำในอุตสาหกรรม สตาร์ทอัพในแวดวง และผู้ผลิตเทคโนโลยีจากทั่วทุกมุมโลก จะนำนวัตกรรมโดดเด่น เทคโนโลยีสุดเจ๋ง ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ชูโรงของตัวเองในปีนั้นๆ มาจัดแสดง เพื่อโชว์ให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นถึงศักยภาพของพวกเขา

 

และนี่คือ 5 ประเด็นที่เราได้เรียนรู้ และเก็บเกี่ยวจากงาน CES 2020 มาแบ่งปันให้กับผู้อ่าน THE STANDARD 

 

AI และผู้ช่วยอัจฉริยะกำลังจะมีหน้าตาและลักษณะทางกายภาพเหมือนมนุษย์ 

ถ้าจะมองหานวัตกรรมดาวเด่นประจำงาน CES ในปีนี้สักอย่างที่ไม่ใช่หุ่นยนต์ Ballie หรือรถยนต์ต้นแบบ Vision-S และ Vision AVTR เราขอยกให้ ‘NEON’ โปรเจกต์พัฒนามนุษย์จำลอง (Artificial Human) ภายใต้ Samsung STAR Labs เพราะพวกเขาสามารถโน้มสปอตไลต์ทุกดวงให้หันมาที่ตัวเองได้อยู่หมัดตั้งแต่ช่วงที่งาน CES ยังไม่เริ่มต้นเลยด้วยซ้ำ

 

NEON คือโครงการพัฒนามนุษย์จำลองที่ริเริ่มโดย พรานาฟ มิสทรี (Pranav Mistry) นักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวอินเดียวัย 38 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีผลงานคิดค้นนวัตกรรมเจ๋งๆ ให้ Samsung มาแล้วมากมาย โดยเฉพาะสมาร์ทวอทช์  Galaxy Gear

 

แนวคิดการพัฒนา NEON คือการสร้างมนุษย์จำลองขึ้นมาสวมทับผู้ช่วยอัจฉริยะปัญญาประดิษฐ์หรือแชตบอต เพราะทีมพัฒนาบอกกับเราว่า ในเชิงจิตวิทยา การสื่อสารระหว่างมนุษย์ด้วยกันมีประสิทธิภาพมากกว่าการที่มนุษย์พูดคุยกับ AI ดังนั้น มนุษย์จำลองก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ในวันที่ผู้ช่วยอัจฉริยะเริ่มแพร่หลาย และผูกติดกับไลฟ์สไตล์มนุษย์

 

นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

 

นวัตกรรมของ NEON ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มเทคโนโลยี CORE R3 และ SPECTRA ซึ่งจะช่วยให้เหล่ามนุษย์จำลองที่มีความหลากหลายทางชาติพันธ์ุ อาชีพ และบุคลิกภาพ สามารถแสดงออกทางอารมณ์ เคลื่อนไหว และตอบโต้กับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ใกล้เคียงเหมือนที่มนุษย์คุยกันให้ได้มากที่สุด

 

ปัจจุบัน มนุษย์จำลองของ NEON เวอร์ชันต้นแบบยังจำเป็นต้องพึ่งพาโมเดลและหน้าตาของมนุษย์จริงๆ มาพัฒนาหรือออกแบบต่อ แต่ในอนาคตทางทีมงานตั้งเป้าไว้ว่าจะพัฒนาพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ให้ได้แบบ 100% และมีท่าทีการโต้ตอบเป็นธรรมชาติไม่ต่างจากมนุษย์

 

CES 2020

 

ส่วนปลายทางของการพัฒนาเทคโนโลยี NEON คือการที่พวกเขาจะร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ภาคองค์กรธุรกิจในกลุ่มบริการ เพื่อนำมนุษย์จำลองไปให้บริการผู้บริโภคในอนาคต หมายความว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจจะได้เห็นพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ผู้ประกาศข่าว หรือแม้แต่เพื่อนคลายเหงาบนโลกดิจิทัลที่มีหน้าตาและรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่เป็นมนุษย์จำลองของ NEON 

 

CES 2020

 

รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็น ‘เรื่องปกติ’ แต่คอนเซปต์คาร์สุดแหวกแนวและแท็กซี่บินได้คือ ‘อนาคต’

ในเวทีโลก ‘รถยนต์พลังงานไฟฟ้า’ ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อีกต่อไปแล้ว เพราะปัจจุบัน ค่ายผู้พัฒนารถยนต์หลายเจ้าก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญในการพัฒนา EV กันมากขึ้น ถึงขนาดที่ค่ายรถยนต์หลายแห่งได้ประกาศวิสัยทัศน์ และโรดแมปมุ่งสู่การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว เช่น BMW และ Daimler

 

ไม่ต่างจากงาน CES ปีนี้ ที่ค่ายรถยนต์จำนวนไม่น้อยเริ่มหาลูกเล่นใหม่ๆ มาใส่ให้กับยานยนต์ไฟฟ้าของตัวเองแทบทั้งนั้น เริ่มที่ Mercedes-Benz ค่ายผู้ผลิตรถจากเยอรมนีที่นำ Vision AVTR ยานยนต์ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากภาพยนตร์ดังของวงการฮอลลีวูด ‘Avatar’ มาจัดแสดง

 

ความเจ๋งของ Vision AVTR ไม่ได้อยู่แค่นวัตกรรม สมรรถนะด้านการขับขี่ หรือความสามารถในการเคลื่อนตัวไปทางด้านซ้ายหรือขวาได้เหมือนกับลักษณะการเดินของปูเท่านั้น เพราะดีไซน์การออกแบบตัวรถ ซึ่งมีกลิ่นอายของดาวแพนโดราและวัฒนธรรมของชาวนาวีแบบเต็มๆ ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน โดยเน้นแนวคิดการผสมผสานตัวรถ คนขับ และธรรมชาติให้กลายเป็นหนึ่งเดียว

 

CES 2020

 

ฝั่ง Sony ก็สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนทั่วโลก เพราะเลือกเปิดตัว Vision-S ต้นแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ‘คันแรก’ ของค่าย ที่แม้จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน รวมถึงไทม์ไลน์ในการผลิตจำหน่ายจริง แต่ก็นับว่าเป็นทิศทางที่น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะการที่เราได้เห็นค่ายผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเบนเข็มหันมาชิมลางเข้าสู่วงการยานยนต์

 

CES 2020

 

ขณะที่อีกบูธที่มีคนให้ความสนใจกันอย่างล้นหลามคือ Hyundai เพราะงานนี้ยกเอา S-A1 ต้นแบบยานยนต์พลังงานไฟฟ้าบินได้ที่ในอนาคตจะให้บริการร่วมกับ Uber มาโชว์กันแบบตัวเป็นๆ ส่วน Bell Nexus พาร์ตเนอร์อีกรายของ Uber ก็ไม่น้อยหน้า เพราะเอาต้นแบบแท็กซี่บินได้มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสด้วยการทดลองนั่งในตัวห้องโดยสาร

 

อย่างไรก็ดี เรามีโอกาสได้พูดคุยกับหนึ่งในทีมงานของ Bell และก็ได้ความเห็นที่น่าสนใจว่า บริการแท็กซี่บินได้อาจจะใช้เวลาในการ ‘เทกออฟ’ เปิดตัวให้บริการจริงนานพอสมควร โดยคาดว่าน่าจะเริ่มให้บริการได้เร็วที่สุดในปี 2026-2027 เนื่องจากติดข้อจำกัดด้านกฎหมาย ความปลอดภัย และการสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร

 

อีกประเด็นความท้าทายที่สำคัญคือ การพัฒนาจุดจอดตัวยาน รวมถึงการทำให้ประสบการณ์การใช้งานระบบขนส่งรูปแบบนี้มีความลื่นไหลและยั่งยืนมากที่สุด ก็น่าจะเป็นโจทย์สำคัญลำดับต้นๆ ที่ผู้เล่นในอุตสาหกรรมนี้ต้องคำนึงถึง

 

นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

 

ยุคของ Smart Home และ IoT ที่มี ‘ภาษา’ และ ‘ราคา’ เป็นอุปสรรคสำคัญ

ในงาน CES ไม่ว่าคุณจะเดินไปที่โซนจัดแสดงนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าของค่ายผู้ผลิตรายใด สิ่งที่คุณจะได้เห็นเหมือนๆ กันคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบอัจฉริยะกลุ่ม Smart Home และ IoT ที่มีความสามารถในการพูดคุยและทำงานร่วมกันกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็น Smart Home เหมือนกัน และอยู่ในโครงข่ายเดียวกัน

 

ไม่ว่าจะบูธของ Samsung ที่มีทั้งหุ่นยนต์อัจฉริยะ Bot Chef หุ่นยนต์ผู้ช่วยปรุงอาหารชั้นดีที่ทำงานร่วมกับเตาไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่เป็น Smart Home ได้อย่างคล่องแคล่ว หรือหุ่นยนต์ Ballie ที่ในคลิปเปิดตัวก็มีการโชว์ให้เห็นว่ามันสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Smart Home ได้ฉลาดแค่ไหน

 

ขณะที่บูธของ Google ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในด้านนอกก็ชูคอนเซปต์ ‘Hey Google’ ซึ่งเป็นประโยคเปิดที่ใช้สั่งการผู้ช่วยอัจฉริยะ Google Assistant ที่มีอยู่ในอุปกรณ์และสมาร์ทดีไวซ์ที่รองรับ โดยภายในบูธได้จำลองบรรยากาศบ้านอัจฉริยะ ยูสเคสการใช้งานจริง และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าจากค่ายผู้ผลิตต่างๆ ที่รองรับ Google Assistant มีตั้งแต่ หลอดไฟ, โทรทัศน์, สมาร์ทโฟน ไปจนถึงรถยนต์มาจัดแสดงด้วย

 

นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

 

แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ ถ้าเราจะเปลี่ยนอุปกรณ์ในบ้านให้เป็น Smart Home ทั้งหมด และรองรับเทคโนโลยี Google Assistant ทั้งที เราจะต้องใช้ต้นทุนเท่าไร เพราะอย่าลืมว่าเทคโนโลยีบางอย่างก็ยังมีราคาที่สูงยากที่จะจับต้องได้ 

 

ที่สำคัญข้อจำกัดด้านภาษา (การพัฒนาระบบผู้ช่วยอัจฉริยะให้เข้าใจภาษาไทยได้อย่างถ่องแท้) ก็ยังเป็นหนึ่งในกำแพงอุปสรรคชั้นดีที่ทำให้ในประเทศไทย ความแพร่หลายของ Smart Home ยังกระจุกตัวอยู่กับผู้ใช้งานเฉพาะกลุ่ม ส่งผลให้ฟีเจอร์บางอย่างของเครื่องใช้ไฟฟ้า Smart Home ในไทยอาจจะยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ

 

นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

 

โทรทัศน์ 8K กับคำถามเรื่องความคุ้มค่าและความพร้อมของผู้บริโภค

ถัดจากความคมชัดระดับ 4K ที่เราเสพกันจนชินตา ในงาน CES ครั้งนี้ เราได้เห็นค่ายผู้ผลิตเทคโนโลยีจอ Display และโทรทัศน์นำนวัตกรรมจอความคมชัดแบบ 8K มาเปิดตัวกันอึกทึกครึกโครม ไม่ว่าจะ Samsung, LG หรือ Sony จนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่ผู้ผลิตทุกเจ้าจะต้องมีไลน์อัพผลิตภัณฑ์ที่รองรับความคมชัดสุดโหดที่ระดับนี้

 

อย่างไรก็ดี คำถามที่ตามมา และชวนให้เราตั้งข้อสังเกตอยู่บ้างคือ คอนเทนต์ 8K ณ วันนี้มีให้เรารับชมมากเพียงพอแล้วหรือยัง ประกอบกับไลน์อัพสินค้าที่มีสเปกหน้าจอในระดับดังกล่าวก็ล้วนแล้วแต่มีราคาที่สูงแทบทั้งสิ้น

 

ในเชิงเทคโนโลยี เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าค่ายผู้ผลิตทุกเจ้าต้องงัดเอานวัตกรรมที่ตัวเองมีมาจัดแสดงเพื่อโชว์ศักยภาพของบริษัท ช่วงชิง ‘ภาพ’ ของการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม แต่ในมุมของผู้บริโภค อดคิดไม่ได้ว่าไลฟ์สไตล์ของผู้คนส่วนใหญ่ ณ วันนี้จำเป็นต้องใช้งานทีวีระดับ 8K จริงไหม

 

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหากผู้ผลิตคอนเทนต์แต่ละรายทั้งในอุตสาหกรรมภาพยนนตร์, แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิง, เกมคอนโซลและกีฬา เริ่มให้ความสำคัญในการผลิตคอนเทนต์ที่รองรับความคมชัดระดับ 8K มากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต โทรทัศน์จอ 8K ก็น่าจะค่อยๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับเช่นกัน เหมือนที่ปรากฏการณ์เดียวกันเคยเกิดขึ้นกับทีวี 4K มาแล้ว (PlayStation 5 และ Xbox Series X สองเครื่องเกมคอนโซลเจนล่าสุดที่ทั้ง Sony และ Microsoft จะเปิดตัวปลายปีนี้จะรองรับเทคโนโลยี 8K) 

 

ปิดท้ายด้วยความเห็นของ เดวิด เมอร์เซอร์ นักวิเคราะห์ในแวดวงที่บอกกับนิตยสาร CES Daily ฉบับประจำปีนี้ไว้ว่า ผู้ผลิตโทรทัศน์แทบทุกเจ้าต่างก็พร้อมจะนำโทรทัศน์ใหม่ๆ ที่รองรับความคมชัดระดับ 8K มาจัดแสดง 

 

แต่เขายังเชื่อว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็น่าจะยังแฮปปี้กับโทรทัศน์ 4K อยู่ โดยโทรทัศน์ 8K จะกลายเป็น ‘การเปลี่ยนผ่านในระยะยาว’ ของยุค 2020’s หรืออีกหลายปีข้างหน้า ยังไม่ใช่อะไรที่พร้อมจะเข้ามาทรานส์ฟอร์มอุตสาหกรรมโทรทัศน์อย่างทันทีทันใดในอีก 12 เดือนต่อจากนี้

 

นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

 

ประเทศไทยให้ความสำคัญกับ ‘อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมากพอ’ แล้วหรือยัง?

อาจจะไม่ใช่ประเด็นที่ใหม่เลยซะทีเดียว แต่เมื่อได้มีโอกาสไปสัมผัสงาน CES ด้วยตัวเองแล้วก็พบว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ประเทศไทยเรายังไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยี ส่งออกนวัตกรรมได้ด้วยตัวของตัวเองเสียที 

 

ขณะที่เพื่อนบ้านในเอเชียอย่าง เกาหลีใต้​ ญี่ปุ่น และจีน ต่างก็สามารถถีบทะยานตัวเองขึ้นมายืนหยัดในแนวหน้าของอุตสาหกรรมได้อย่างสง่างาม จนได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก โดยที่ตลอดทั้งงาน CES เราแอบสังเกตว่ามีผู้เข้าร่วมงานจากทั้งสามชาติดังกล่าวไม่ว่าจะสื่อมวลชน ตัวแทนจากบริษัท สตาร์ทอัพ หรือคนทั่วไป เดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

 

จริงอยู่ที่ภาครัฐไทยนำโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีความพยายามในการผลักดันนำผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไทยมาจัดแสดงที่โซนศาลาไทยของงาน CES ในปีนี้มากถึง 7 ราย แต่ลำพังแค่การสนับสนุนในสเกลนี้อาจจะยังไม่เพียงพอ

 

บางทีรัฐบาลอาจจะต้องเริ่มมองหากลวิธีใหม่ๆ ที่สามารถส่งเสริม และช่วยให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเทคฯ สัญชาติไทย ซึ่งมีศักยภาพมากพอให้ก้าวขึ้นมาแข่งขันกับบริษัทชั้นนำของต่างประเทศอื่นๆ ได้อย่างทัดเทียม เพราะในอนาคต หากไทยสามารถผลิตนวัตกรรมส่งออกได้ด้วยตัวเอง ภาคเศรษฐกิจไทยก็จะพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post 5 สิ่งที่เราเรียนรู้จาก CES 2020 งานแสดงนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
โลกของการใช้ชีวิตไปถึงไหนกันแล้ว https://thestandard.co/smart-living/ Thu, 13 Jun 2019 02:40:03 +0000 https://thestandard.co/?p=261913 smart home

ปัจจุบันนี้เราพูดถึง Smart House กันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ทั้ […]

The post โลกของการใช้ชีวิตไปถึงไหนกันแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
smart home

ปัจจุบันนี้เราพูดถึง Smart House กันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่อง Smart Camera, Smart Entertainment, Smart Thermostat ไปจนถึง Smart Light Bulb หรือหลอดไฟอัจฉริยะ

 

แม้จะฟังดูไกลตัวราวกับหลักล้านปีแสงแบบในหนังไซไฟ แต่แท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นแล้ว และจากการไปสำรวจเทคโนโลยีการใช้ชีวิตล่าสุดกับ Dyson แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากอังกฤษที่ก่อตั้งขึ้นโดย เซอร์ เจมส์ ไดสัน เราพบว่าการใช้ชีวิตแบบภาพในอนาคตอยู่อีกไม่ไกล และกำลังค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างที่ต้องจับตามอง เห็นได้จาก 3 การพัฒนาใหม่ของ Dyson ที่แค่นึกภาพอีก 10 ปีก็น่าตื่นเต้นตามแล้ว

 

ชีวิตเปลี่ยนด้วยเทคโนโลยีภายในบ้าน

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ Dyson ในฐานะเครื่องดูดฝุ่นล้ำ ราคาชวนต้องคิดเยอะ หรือตอนที่ทำเอาผู้หญิงทั้งโลกอึ้งกับไดร์เป่าผมไร้แกน หน้าตาแปลกประหลาด แต่ครั้งนี้แบรนด์ยังเปิดตัวตัวช่วยการใช้ชีวิตให้สะดวกขึ้น ดังนี้

 

smart home

 

เพื่ออากาศบริสุทธิ์

ขณะที่ในตลาดเอเชียมีหลายแบรนด์ที่ต่างส่งผู้ท้าชิงอัศวินขี่ม้าขาวมาทำหน้าที่ฟอกอากาศอันเป็นปัญหาเรื้อรังในเอเชีย ทั้งแบรนด์อย่าง Daikin, Philips, Sharp ไปจนถึง Xiaomi ส่วน Dyson เปิดตัว Dyson Pure Cool Me เทคโนโลยีเครื่องกรองอากาศล่าสุดที่มาในขนาดจิ๋ว เหมาะสำหรับการกรองอากาศเฉพาะบุคคล โดยเฉพาะประชากรในแถบเอเชียที่เผชิญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกันเป็นนิจ นี่เป็นการคิดค้นและทดสอบจากทีมงานในแถบสหราชอาณาจักร ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และมาเลเซีย และทดลองผลิตกว่า 2,000 ตัวกว่าจะได้ออกมาสมบูรณ์แบบที่ตัวที่ 2,022

 

smart home smart home

 

ความน่าสนใจ: นี่เป็นการปรับเทคโนโลยีทางทหารนำมาใช้ในครัวเรือน มีแผ่นคาร์บอนที่คัดกรองฝุ่นละอองได้ 99.95% รวมถึงอนุภาคจิ๋วๆ อย่างเกสรดอกไม้ แบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ หรือ PM2.5 PM1.0 และฝุ่นที่เล็กกว่าเส้นผม 300 เท่า รวมถึงแก๊สเก็บกลิ่นและควันต่างๆ (เช่น จากครัวและควันบุหรี่) โดยไม่ปล่อยกลับออกมา นอกจากนั้นยังมีเสียงเบา ไม่รบกวนการนอนหลับ และทำขึ้นมาให้สามารถปรับทิศทางลมเพื่อจ่อบริเวณต่างๆ ในร่างกายได้โดยเฉพาะ ปรับระดับลม เช่น เบาสบาย ไปจนถึงเย็นสดชื่นได้ สามารถนำมาตั้งที่โต๊ะทำงานออฟฟิศ ห้องนอน หรือห้องเด็กได้ ซึ่งจะทำการกรองอากาศไปทั่วห้อง และด้วยขนาดที่ใกล้เคียงกับพัดลมตั้งโต๊ะขนาดเล็ก ทำให้สามารถโยกย้ายไปไหนมาไหนได้สะดวก โดยราคาเปิดตัวอยู่ที่ 13,900 บาท

 

smart home

 

เพื่อบ้านที่สะอาดยิ่งกว่า

เนื่องด้วยในตลาดเครื่องดูดฝุ่นมีหลากหลายแบรนด์ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านมาช่วยปัดกวาด ทั้งแบบไร้สาย และกระทั่งหุ่นยนต์ทำความสะอาด แต่ถึงจะไม่ใช่แบรนด์ที่ชูโรงเรื่องการออกแบบ แต่เมื่อมาถึงเรื่องกลไกและเครื่องยนต์ Dyson ยังคงเป็นแบรนด์ที่น่าจับตามอง ในงานเปิดตัวครั้งนี้แบรนด์ยังเผยถึงเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นล่าสุด Dyson V11 ที่ทาง เควิน แกรนต์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ Floorcare เผยว่าพัฒนาโดยวิศวกรกว่า 300 ชีวิต เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศและชีวิตของคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดียที่มีปัญหาฝุ่นละออง โดยพัฒนาให้จัดเก็บฝุ่นละอองด้วยน้ำ ทำให้ไม่ฟุ้งกระจายออกไป

 

smart home

 

ความน่าสนใจ: เครื่องดูดฝุ่นรุ่นล่าสุดนี้แม้จะไม่เน้นงานการออกแบบและเผยให้เห็นกลไกภายใน แต่กลับชาญฉลาด สามารถเรียนรู้ประเภทพื้นผิวตามโหมดการทำงานได้ ทั้งยังมีจุดเด่นอยู่ตรงแบตเตอรี่ที่วิเคราะห์ด้วยตัวเองว่าเหลือพลังงานแค่ไหนและเหลือเวลาเท่าไรในการทำความสะอาดผ่านหน้าจอแอลซีดี ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 25,900 บาท

 

smart home

 

เพื่อแสงสว่างสำหรับทุกช่วงวัย

หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับการเปิดตัวในครั้งนี้หนีไม่พ้น Dyson Lightcycle โคมไฟอัจฉริยะตัวแรกของแบรนด์อังกฤษนี้ โดย วิลเลียม ดาร์วิล หัวหน้าฝ่าย Professional & Lighting ผู้นำทีมคิดค้น บอกกับเราว่าเขาค้นพบว่าแสงสังเคราะห์จากหลอดไฟและหน้าจอต่างๆ ในชีวิตประจำวันส่งผลต่อร่างกายของเรา ทำให้ฮอร์โมน อารมณ์ และนาฬิกาชีวภาพของร่างกายถูกรบกวน แต่น่าสังเกตตรงที่ร่างกายทำปฏิกิริยาที่ดีกว่าเมื่อได้รับแสงแดดตามธรรมชาติ นั่นเป็นต้นแบบความคิดในการปรับแสง ‘สังเคราะห์’ ให้เลียนแบบธรรมชาติมากที่สุด จนออกมาเป็นโคมไฟอัจฉริยะที่สามารถปรับแสงได้ตามช่วงเวลาของวัน ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากโต๊ะออกแบบโบราณ

 

smart home

 

ความน่าสนใจ: สิ่งที่น่าสนใจอยู่ตรงการใช้งานของหลอดไฟ ซึ่งผู้ใช้สามารถยกแสงธรรมชาตินอกหน้าต่างมาไว้ในบ้านได้! โดยสามารถเลือกตำแหน่งและเวลาบนโลกที่คุณอยู่ แสงก็จะเปลี่ยนเลียนแบบแสงภายนอกบ้าน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ช่วงเวลาของวัน และฤดูกาลด้วย โดยนักพัฒนายังเรียนรู้อีกว่าแสงยามเช้าจะอบอุ่นที่สุดและมีแดดอ่อนๆ ขณะที่ตอนเที่ยงวันแดดจะส่องสว่างและให้โทนสีฟ้ามากที่สุด และช่วงพระอาทิตย์ตกดินแสงจะกลับไปอบอุ่นและเบาสบายตา พร้อมเตรียมส่งเราเข้านอน โดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่คุณอยู่บนโลกด้วย ส่งผลให้แสงจากหลอดไฟอัจฉริยะทำการติดตามสภาพแสงภายนอกและปรับไปตามช่วงเวลาโดยอัตโนมัติ อาทิ ขณะคุณอ่านหนังสืออยู่ยามบ่ายแล้วฝนเริ่มตก แสงแดดก็จะปรับความจ้าให้สบายตาขึ้นตามอากาศด้านนอกนั่นเอง

 

นอกเหนือจากนั้น คลื่นความถี่และการกะพริบของหลอดไฟยังต่ำมากเมื่อเทียบกับหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์และหลอดแอลอีดี ทำให้รบกวนสายตาน้อย และยังสามารถปรับแสงโดยตั้งตามช่วงอายุได้อีกด้วย เนื่องจากกระจกตาของแต่ละช่วงวัยมีความต้องการที่ต่างกัน เช่น คุณป้าอายุ 65 ปี ต้องการแสงมากกว่าหลานในวัย 12 ปี เป็นต้น โคมไฟนี้ปิดได้ด้วยตัวเองจากระบบเซนเซอร์เมื่อไม่มีคนอยู่ใกล้เคียง แถมยังมียูเอสบีให้ชาร์จโทรศัพท์และแล็ปท็อปควบคู่ไปด้วยได้

 

smart home

 

วิลเลียมยังเผยกลไลการทำงานล้ำๆ อีกอย่างของโคมไฟ นั่นคือเมื่อใช้ไปนานๆ เข้า หลอดไฟมีความร้อนสูง ภายในยังมีระบบปรับความร้อนที่ใช้หยดน้ำเป็นตัวช่วยปรับระดับอุณหภูมิและแสงไฟเพื่อให้มีอายุการใช้งานได้ยาวนานถึง 60 ปี

 

ในการใช้งานสามารถปรับโหมดได้หลากหลาย เช่น Relax สำหรับยามเย็นที่อยากพักผ่อน, Study ตอนที่อ่านหนังสือหรือนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ และสามารถปรับแสงได้เองตามใจชอบ โคมไฟแบบตั้งโต๊ะนี้มีราคาเปิดตัวที่ 19,900 บาท และ 28,900 บาท สำหรับโคมไฟแบบตั้งพื้น

 

นี่เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ถูกนำมาใช้ภายในบ้านเพื่อความสะดวกสบาย คล้ายกับภาพส่องอนาคตจากงานเปิดตัวของแบรนด์จากอังกฤษล่าสุดที่ประเทศสิงคโปร์ แต่โฉมหน้าบ้านในอนาคตจะเป็นเหมือนในเรื่อง The Jetsons หรือ Oblivion หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป

 

อ่านเรื่อง บ้านแห่งอนาคต หน้าตาเป็นอย่างไร ได้ที่นี่

 

ภาพ: Courtesy of Dyson

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post โลกของการใช้ชีวิตไปถึงไหนกันแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
โทรทัศน์ 8K เครื่องกรองอากาศพกพา เครื่องทำคราฟต์เบียร์แคปซูล บุกบ้านอัจฉริยะ LG InnoFest ถึงออสเตรเลีย https://thestandard.co/lg-innofest-apac-2019/ https://thestandard.co/lg-innofest-apac-2019/#respond Thu, 14 Mar 2019 11:27:20 +0000 https://thestandard.co/?p=222639

ถึงจะอดเสียดายที่เราไม่ได้ยลโฉมโทรทัศน์จอม้วนได้แบบตัวเ […]

The post โทรทัศน์ 8K เครื่องกรองอากาศพกพา เครื่องทำคราฟต์เบียร์แคปซูล บุกบ้านอัจฉริยะ LG InnoFest ถึงออสเตรเลีย appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถึงจะอดเสียดายที่เราไม่ได้ยลโฉมโทรทัศน์จอม้วนได้แบบตัวเป็นๆ (Rollable TV) แต่ก็นับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่พอสมควร เมื่อ LG InnoFest APAC 2019 งานจัดแสดงนวัตกรรมโดยผู้พัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศเกาหลีใต้อย่าง แอลจี (LG) ถูกจัดขึ้นที่ ‘บ้าน’ หลังใหญ่ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นครั้งแรก ไม่ใช่ศูนย์จัดแสดงงานหรือหอประชุมเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา

 

สาเหตุที่ทางแอลจีเลือกฉากหลังงานเปิดตัวนวัตตกรรมในปีนี้ของพวกเขาเป็นบ้านก็เพราะธีมหลักของ InnoFest 2019 คือการชูคอนเซปต์ ‘ThinQ AI’ และบ้านอัจฉริยะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จะต้องทำงานเชื่อมต่อบนแพลตฟอร์มเดียวกันพร้อมผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ ผ่านการโชว์ยูสเคส สาธิตการใช้งานจริงเพื่อให้เห็นภาพการใช้งานนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ชัดเจน

 

THE STANDARD มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน LG InnoFest APAC 2019 ในครั้งนี้ พร้อมสื่อมวลชนจากนานาประเทศ และได้สรุปเรื่องราวต่างๆ นวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ๆ ไปจนถึงประเด็นที่น่าสนใจจากงานครั้งนี้เอาไว้ให้แล้ว

 

 

เปิดบ้านอัจฉริยะ LG InnoFest มีนวัตกรรมอะไรเด็ดๆ มาอวด?

ปีนี้แอลจีขนเอานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจของพวกเขาออกมาให้ยลโฉมเป็นจำนวนมาก ภายในงานได้แบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วนคือ อาคารหลัก (Main Building) และ Annex โซนสาธิตการทำงานจริง

 

 

โทรทัศน์ความคมชัดระดับ 8K

เมื่อเดินเข้าบ้านฝั่งอาคารหลัก สิ่งแรกที่คุณจะพบคือ ‘88Z9’ สมาร์ททีวีจอ OLED ความคมชัดระดับ 8K ขนาด 88 นิ้ว ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Alpha 9 Gen 2, AI Sound 80W, ThinQ AI และ Dolby Vision: Atmos ซึ่งนอกจากจะมีขนาดจอใหญ่ และให้คุณภาพของภาพที่สวยคมบาดใจแล้ว ตัวเครื่องยังมีความบางมากๆ อีกด้วย

 

 

จุดเด่นของ 88Z9 คือการเป็นโทรทัศน์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์และ Deep Learning เข้ามาประมวลผลในการทำงาน เพื่อช่วยให้ภาพ สี และเสียงที่แสดงผลออกมาถูกปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม เช่น การทำงานร่วมกับเซนเซอร์รับแสงเพื่อปรับภาพและแสงบนหน้าจอตามสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ​ ให้คุณภาพความชัดของภาพที่ดีไม่ว่าจะนั่งรับชมจากมุมไหนของจอ เป็นต้น

 

ถัดมาเป็น ‘75SM99’ โทรทัศน์ Nano Cell ความละเอียดระดับ 8K ที่ใช้เทคโนโลยี Nano Cell แบบ Full Array Dimming Pro พร้อมชิปประมวลผล Alpha 9 Gen 2, ThinQ AI และ Dolby Vision: Atmos เช่นกัน โดยทางแอลจีเปิดเผยว่าทั้ง 88Z9 และ 75SM99 จะเป็นสองโมเดลโทรทัศน์ระดับไฮเอนด์หลักที่บริษัทจะทำตลาดในปีนี้ (สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้จะเป็นสองตลาดแรกที่เริ่มวางจำหน่าย)

 

 

นอกจากนี้ แอลจี ประเทศไทย ยังเปิดเผยอีกด้วยว่าในปีนี้ทางบริษัทจะเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์โทรทัศน์จอยักษ์ขนาด 86 นิ้วในซีรีส์ ‘U’ เพื่อปรับกลยุทธ์เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น จากเดิมทีซีรีส์ U เป็นเซกเมนต์ที่เน้นเจาะกลุ่มเทียร์กลางถึงล่างเป็นหลักและขนาดของจอที่ใหญ่ที่สุดก็เคยอยู่ที่ 75 นิ้วเท่านั้น โดยคาดว่าราคาเริ่มต้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 170,000 บาท

 

 

เครื่องฟอกอากาศยังได้ไปต่อ แต่เจาะตลาดพรีเมียมก่อน

ตั้งแต่ปลายปี 2018 จนถึงเวลานี้ ต้องยอมรับว่าเทรนด์และยอดขายเครื่องฟอกอากาศในกลุ่มประเทศแถบเอเชียกำลังมาแรงแซงเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ ไปพอสมควร สืบเนื่องจากปัจจัยบวก สภาพอากาศที่เลวร้าย และการตื่นตัวของผู้บริโภค

 

สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันแอลจีมีผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศวางจำหน่ายแค่โมเดล PuriCare 360 เท่านั้น ถือเป็นสินค้าในกลุ่มตลาดพรีเมียม ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 54,900 บาท และถูกนำมาจัดแสดงภายในบ้านอัจฉริยะหลังนี้ด้วย

 

PuriCare 360 เป็นเครื่องฟอกอากาศแบบ 360 องศาที่ทำงานได้ไกลครอบคลุมพื้นที่กว่า 91 ตารางเมตรโดยรอบ มี Smart Indicator ช่วยดักจับฝุ่นได้ในระดับ PM1.0 (ละเอียดกว่า PM2.5) จอแสดงผลและปริมาณฝุ่นที่พบ แถมมาพร้อมกับเทคโนโลยี SmartThinQ และ Wi-Fi ช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานได้ทันทีจากสมาร์ทโฟน

 

 

นอกจากนี้ยังมีเครื่องปรับอากาศที่มาพร้อมกับเครื่องฟอกอากาศในตัวเดียวกัน สามารถกรองฝุ่นพิษด้วยเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่น PM1.0 พร้อมจอแสดงผลการทำงานแบบละเอียดบริเวณฝั่งขวาของตัวเครื่อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในไทยแล้วเช่นกัน

 

แต่โมเดลที่เราพบว่าน่าสนใจมากๆ และน่าจะทำตลาดได้ดีเลยถ้าถูกนำเข้ามาขายในประเทศไทยคือ ‘PuriCare Mini Air Purifier’ เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาขนาดกะทัดรัด (กว้าง 69 มม. สูง 200 มม. หนา 64 มม. หนักแค่ 550 กรัม) จุดเด่นอยู่ที่ขนาดตัวเครื่องที่หอบหิ้วไปใช้งานที่ไหนก็สะดวก กรองฝุ่นได้ในระดับ PM1.0 ใช้ระบบ IoT ทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ในระบบนิเวศ แถมแบตเตอรี่ในตัวที่ 3600 mAh ซึ่งสามารถชาร์จไฟเพิ่มได้ผ่านช่อง USB-C

 

 

ทั้งนี้ นิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด แอลจี ประเทศไทย เปิดเผยกับ THE STANDARD ว่าปัจจุบัน แอลจี ประเทศไทย กำลังอยู่ในระหว่างพูดคุยกับทางแอลจี เพื่อมองหาความเป็นไปได้ในการนำสินค้ากลุ่มเครื่องฟอกอากาศโมเดลอื่นๆ เข้ามาจำหน่ายในไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งก็มีโอกาสสูงที่เราจะได้เห็นไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของเครื่องฟอกอากาศวางขายในไทยเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะเจ้า PuriCare Mini Air Purifier

 

Photo: www.lg.com

 

ข้ามไปฝั่งตู้เสื้อผ้าอัจฉริยะ ‘LG Styler’ กันบ้าง ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคคนไทยจำนวนไม่น้อย (แม้จะยังไม่มีแพลนจำหน่ายในไทยก็ตาม) เนื่องจากมันสามารถทำความสะอาดสิ่งสกปรก ฝุ่น และกลิ่นไม่พึงประสงค์เบื้องต้นของแจ็กเก็ต, เสื้อผ้า, รองเท้า, ของเล่นเด็ก หรือชุดกีฬา ฯลฯ รวมถึงลดรอยยับได้ และยังทำงานร่วมกับ SmartThinQ อีกด้วย ราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 1,999 เหรียญสหรัฐหรือราว 63,000 บาท

 

 

อีกไฮไลต์ในตัวบ้านของแอลจีที่ถูกรุมให้ความสนใจเป็นอย่างมากคือ ‘LG HomeBrew’ เครื่องทำคราฟต์เบียร์แคปซูลที่เพิ่งเปิดตัวในงาน CES 2019 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาไปหมาดๆ ฟีเจอร์เด่นอยู่ที่ความสามารถในการผลิตคราฟต์เบียร์ในกระบวนการแสนสั้น เพียงเติมน้ำ มอลต์ และแคปซูลเบียร์ลงไป สามารถทำความสะอาดตัวเอง และควบคุมการทำงานผ่านแอปฯ ได้ แถมประเภทของเบียร์ก็มีให้เลือกมากมายหลากหลาย ทั้ง Pilsner, Wheat, Pale Ale, IPA และ Stout

 

งานนี้นักดื่มในไทยคนไหนที่สนใจอาจจะต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เนื่องจากข้อกำหนดทางกฎหมายของประเทศไทยที่ยังเข้มงวดกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงทำให้ LG HomeBrew จะเริ่มเปิดตลาดที่สหรัฐฯ เป็นประเทศแรก

 

หุ่นยนต์ผู้ช่วย LG CLOi ที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา

 

ผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ คือหัวใจสำคัญในการพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าของ LG

หลังเสร็จสิ้นการเดินสำรวจบ้านแอลจีฝั่งอาคารหลัก เราเดินต่อมายังโซน Annex ซึ่งหัวใจของบ้านหลังนี้คือการเป็น Smart Home เชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านเข้าด้วยกันบนแพลตฟอร์มเดียว (ผ่านสัญญาณ Wi-Fi ตัวเดียวกัน) แล้วอาศัยการทำงานของผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์อำนวยความสะดวกในเชิงไลฟ์สไตล์ให้กับผู้ใช้งาน

 

 

แกเบรียล ผู้นำการสาธิตฝั่ง Annex เริ่มต้นด้วยการโชว์เปิดรายการโปรดของเขาบนโทรทัศน์ของแอลจีที่เพิ่งดูไปไม่นาน แต่เพิ่มความเหนือชั้นด้วยการออกคำสั่งเสียงผ่านรีโมต (ทำงานร่วมกับ Google Assistant ที่ปัจจุบันรองรับ 9 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เกาหลี, นอร์เวย์, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์ และฮินดี (ภาษาอินเดีย)) โดยในปีนี้มีแพลนจะรองรับการใช้งานภาษาไทย

 

หลังจากนั้นเขาได้สาธิตการสั่งการเปิดเครื่องฟอกอากาศด้วยเสียงผ่านลำโพงผู้ช่วยอัจฉริยะ XBOOM AI WK7 (เตรียมวางขายในไทยเร็วๆ นี้) ซึ่งสามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่ทำงานร่วมกันบน ThinQ AI ได้อย่างอิสระ โดยความพิเศษอยู่ที่ AI Google Assistant สุดความอัจฉริยะ สามารถประมวลผลจากประโยคคำพูดโดยอีกจากบริบทก่อนหน้าได้อย่างแม่นยำ มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น ไม่แข็งทื่อเหมือนหุ่นยนต์

 

เช่น เมื่อสั่งให้เปิดเครื่องกรองอากาศ XBOOM AI จะแจ้งข้อมูลทันทีว่าสภาพฝุ่นพิษทางอากาศภายนอกอยู่ที่เท่าไร พร้อมแนะนำให้เจ้าของบ้านปิดกระจกทุกบานจนกว่าสภาพอากาศจะกลับมาเป็นปกติ แถมยังบอกให้เปิดเครื่องปรับอากาศภายในบ้านแทน

 

หรือเมื่อแกเบรียลเริ่มเปิดใช้งานเครื่องดูดฝุ่น CordZero A9 เจ้าลำโพง XBOOM AI ก็จะแนะนำให้เขาเปิดใช้งานหุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัตโนมัติขนาดจิ๋ว CordZero R9 แทนเพื่อทุ่นแรง และประหยัดเวลาในการทำงาน

 

 

สุดท้ายแกเบรียลได้โชว์ความสามารถของตู้เย็นอัจฉริยะ Door-In-Door Fridges ที่สามารถแสดงผลภาพในตู้เย็นบนจอด้านขวาบานประตูตู้เย็นได้ แถมยังคำนวณข้อมูลวัตถุดิบในตู้แช่แล้วประมวลผลต่อได้ทันทีว่าสามารถนำไปปรุงเป็นเมนูอาหารใดได้บ้าง

 

แจ อาน (Jae Ahn) ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารแบรนด์ แอลจี ประจำสำนักงานใหญ่ประเทศเกาหลี ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของแอลจี ThinQ AI เริ่มเปิดตัวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยปีนี้จะเน้นหนักไปที่การนำไปใช้งานจริงกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมากขึ้น และจะยึดโยงบนเสาหลักสำคัญ 3 ประการ ประกอบด้วย การวิวัฒนาการ (Evole) การเชื่อมต่อ (Connect) และการพัฒนาการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ร่วมกับพาร์ตเนอร์ (Partner ได้แก่ Google Assistant และ Amazon Alexa)

 

“ความแตกต่างของผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ของแอลจี กับแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ คือเรามีผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างหลากหลายบนระบบนิเวศเดียวกัน นอกจากนี้เรายังดำเนินการพัฒนา AI ร่วมกับค่ายรถยนต์อย่าง Daimler และ Volkswagen อีกด้วย ส่วนภารกิจหลักของเราคือต้องรับฟังฟีดแบ็กจากลูกค้าแล้วนำมาปรับปรุงพัฒนาสินค้าของเราให้ได้”

 

 

เมื่อถามถึงความกังวลในด้านการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ที่เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้จะต้องทำการบันทึกข้อมูล แจ อาน บอกว่า “ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานถือเป็นเรื่องใหญ่มากๆ แอลจีเองก็ให้ความสำคัญกับข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เช่นกัน ดังนั้นเราจึงทำการเก็บข้อมูลทั้งหมดบนเซิร์ฟเวอร์ของเราเอง และไม่ได้นำมันไปให้กับพาร์ตเนอร์ผู้ให้บริการคลาวด์ข้อมูล พร้อมเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดอีกด้วย”

 

ปิดท้ายด้วยสถิติที่น่าสนใจของเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มสมาร์ท โปรดักต์ (Smart Product) ของประเทศไทยในปี 2018 ที่ผ่านมาพบว่า มีการเติบโตเชิงปริมาณเกือบ 30% คิดเป็นสัดส่วนกว่า 25% ของทั้งอุตสาหกรรม ส่วนในเชิงมูลค่า อยู่ที่ประมาณ 96,000 ล้านบาท โดยปัจจัยบวกอยู่ที่ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

 

ด้านนิพนธ์กล่าวว่า จุดตัดที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มสมาร์ท โปรดักต์มีศักยภาพเหนือกว่าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของแบรนด์อื่นๆ คือความสามารถของผลิตภัณฑ์ในการต่อสัญญาณ Wi-Fi ที่มีมากกว่า 40 ชิ้น (ยังไม่นับรวมโทรทัศน์อีกกว่า 30 รุ่น) ทั้งยังทำงานบนระบบ ThinQ AI ช่วยให้ควบคุมการใช้งานได้บนระบบนิเวศเดียวกัน ต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่รองรับการทำงานแบบ IoT ได้เพียงแค่ 10 โมเดลเท่านั้น

 

โดยปีนี้ แอลจี ประเทศไทย จะเน้นหนักเริ่มสร้าง Awareness ให้กับผู้บริโภคในการใช้งาน ThinQ AI ผ่านผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสมาร์ททีวีเป็นลำดับแรก ก่อนแตกแขนงไปยังไลน์สินค้าชนิดอื่นๆ

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post โทรทัศน์ 8K เครื่องกรองอากาศพกพา เครื่องทำคราฟต์เบียร์แคปซูล บุกบ้านอัจฉริยะ LG InnoFest ถึงออสเตรเลีย appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/lg-innofest-apac-2019/feed/ 0
เปิดบ้านอัจฉริยะ LG InnoFest 2019 ยลโฉมทีวี 8K เครื่องทำคราฟต์เบียร์แคปซูล https://thestandard.co/lg-innofest-2019/ https://thestandard.co/lg-innofest-2019/#respond Thu, 14 Mar 2019 10:42:01 +0000 https://thestandard.co/?p=222567

THE STANDARD พาไปชมต้นแบบบ้านอัจฉริยะพร้อมสาธิตการใช้งา […]

The post เปิดบ้านอัจฉริยะ LG InnoFest 2019 ยลโฉมทีวี 8K เครื่องทำคราฟต์เบียร์แคปซูล appeared first on THE STANDARD.

]]>

THE STANDARD พาไปชมต้นแบบบ้านอัจฉริยะพร้อมสาธิตการใช้งานเทคโนโลยี ThinQ AI ในงาน LG InnoFest 2019 ไกลถึงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พร้อมยลโฉมสมาร์ททีวีจอ OLED ความคมชัดระดับ 8K เครื่องทำคราฟต์เบียร์แบบแคปซูล เครื่องฟอกอากาศขนาดพกพา ฯลฯ

The post เปิดบ้านอัจฉริยะ LG InnoFest 2019 ยลโฉมทีวี 8K เครื่องทำคราฟต์เบียร์แคปซูล appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/lg-innofest-2019/feed/ 0