Sinovac – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 27 Jun 2022 11:36:46 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘ชัชชาติ’ รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 5 ขอเป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น https://thestandard.co/chadchart-getting-5th-coronavirus-vaccine/ Mon, 27 Jun 2022 11:36:46 +0000 https://thestandard.co/?p=647141 วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 5

วันนี้ (27 มิถุนายน) ที่ศูนย์ฉีดวัคซีน อาคารกีฬาเวสน์ 1 […]

The post ‘ชัชชาติ’ รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 5 ขอเป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
วัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 5

วันนี้ (27 มิถุนายน) ที่ศูนย์ฉีดวัคซีน อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิดเข็มที่ 5 เป็นเข็มกระตุ้น พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนมารับวัคซีนตามกำหนดระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ

 

ชัชชาติกล่าวว่า สำหรับตนเองวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 4 ที่ได้รับไปตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ถือว่าทิ้งช่วงมาพอสมควรแล้ว และด้วยการปฏิบัติงานที่ต้องลงพื้นที่เจอกับผู้คนจำนวนมาก แพทย์จึงแนะนำให้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่ม ซึ่งวันนี้ได้รับวัคซีนยี่ห้อ Moderna

 

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนที่รับวัคซีนเข็มล่าสุดไปแล้วช่วง 4-6 เดือนตามกำหนด ให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้นที่ศูนย์ฉีดวัคซีนใกล้บ้าน สำหรับตนที่เลือกมาที่ศูนย์ดินแดง เพราะเสร็จจากภารกิจการประชุมที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ก็สามารถเดินทางมาได้ง่าย โดยวันนี้เป็นการ Walk-in ไม่ได้จองคิว ซึ่งจะเห็นว่าไม่ต้องรอคิว ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ได้รับวัคซีนเลย สะดวกและง่าย

 

ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้พบปัญหาว่าประชาชนไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้นจำนวนน้อยกว่าที่ควร วันนี้จึงขอทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์เชิญชวนให้มารับวัคซีนเข็มกระตุ้น แม้จะไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อแต่ก็จะช่วยไม่ให้อาการหลังรับเชื้อรุนแรง 

 

ทั้งนี้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่จะเริ่มฉีดวัคซีน ผู้สื่อข่าวถามว่ากลัวเข็มหรือไม่ ชัชชาติกล่าวว่า ถ้าเราไม่มองก็จะไม่กลัว ซึ่งชัชชาติได้ถามอาการข้างเคียงกับเจ้าหน้าที่ที่จะฉีดวัคซีนให้ พร้อมแซวเจ้าหน้าที่ว่าพลาสเตอร์ที่จะเอามาแปะให้เป็นรูปแมวน้ำ เหมาะกับตัวเองมากๆ

 

สำหรับศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เปิดให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดทั้งแบบ Walk-in และจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน QueQ สำหรับประชาชนทั่วไปทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยให้บริการวัคซีน Sinovac, AstraZeneca, Pfizer และ Moderna

 

The post ‘ชัชชาติ’ รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 5 ขอเป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนประชาชนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฉีดวัคซีน Sinovac เสี่ยงโควิดรุนแรงมากกว่า Pfizer 5 เท่าจริงหรือไม่ สิงคโปร์ศึกษาอย่างไร https://thestandard.co/covid-19-vaccines-sinovac-pfizer-moderna-singapore-study/ Sun, 17 Apr 2022 06:39:46 +0000 https://thestandard.co/?p=618140 วัคซีน Sinovac

ในจำนวนวัคซีนที่ได้รับครบ 2 เข็มเท่ากัน ผู้ที่ฉีดวัคซีน […]

The post ฉีดวัคซีน Sinovac เสี่ยงโควิดรุนแรงมากกว่า Pfizer 5 เท่าจริงหรือไม่ สิงคโปร์ศึกษาอย่างไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
วัคซีน Sinovac

ในจำนวนวัคซีนที่ได้รับครบ 2 เข็มเท่ากัน ผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด 2.4 เท่า และมีความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง 4.6 เท่าของผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer ข้อมูลนี้เป็น ‘ข่าวจริง’ โดยเป็นงานวิจัยของสิงคโปร์ในช่วงที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2564 ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการด้านโรคติดเชื้อ Clinical Infectious Disease เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีน Moderna มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการป่วยรุนแรงน้อยกว่า 0.8 เท่า และ 0.4 เท่า 

 

งานวิจัยนี้น่าเชื่อถือหรือไม่ คณะผู้วิจัยศึกษาอย่างไร ผลการวิจัยเหมือนหรือแตกต่างจากผลการศึกษาเบื้องต้นในประเทศไทย

 

‘ที่มา’ งานวิจัยของสิงคโปร์

 

งานวิจัยดังกล่าวเป็นการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของวัคซีนชนิด mRNA และชนิดเชื้อตายต่อการติดเชื้อโควิดและอาการรุนแรงในสิงคโปร์ (Comparative Effectiveness of mRNA and Inactivated Whole Virus Vaccines against COVID-19 Infection and Severe Disease in Singapore) คณะผู้วิจัยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติสิงคโปร์ (NCID) โดยศึกษาทั้งวัคซีน Moderna, Sinovac และ Sinopharm เทียบกับวัคซีน Pfizer 

 

วัคซีนเป็นยุทธศาสตร์หลักในการลดการแพร่ระบาดและความรุนแรงของโรคโควิด สิงคโปร์ดำเนินโครงการฉีดวัคซีนระดับชาติ (National Vaccination Program: NVP) ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 ด้วยวัคซีน Pfizer ต่อมาได้อนุมัติวัคซีน Moderna และ Sinovac เข้ามาในโครงการเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ และ 23 ตุลาคม 2564 ส่วนวัคซีน Sinopharm ประชาชนสามารถฉีดได้ที่โรงพยาบาลเอกชน จนถึงปัจจุบันประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไปในสิงคโปร์ 96% ได้รับวัคซีนครบอย่างน้อย 2 เข็ม

 

ถึงแม้งานวิจัยหลายชิ้นก่อนหน้าจะพบว่าวัคซีนชนิด mRNA มีประสิทธิผลสูงกว่าชนิดที่ไม่ใช่ mRNA แต่ยังมีงานวิจัยน้อยชิ้นที่เปรียบเทียบระหว่างชนิดวัคซีนที่หลากหลาย งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อ และการป่วยรุนแรงของวัคซีน 2 ชนิด (4 ยี่ห้อที่ฉีดในสิงคโปร์) ในกลุ่มประชากรเดียวกัน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสำหรับการป้องกันการติดเชื้อและลดภาระต่อระบบสาธารณสุข

 

‘ที่เป็น’ งานวิจัยของสิงคโปร์

 

คณะผู้วิจัยศึกษาอัตราการติดเชื้อและการป่วยรุนแรง (อุบัติการณ์) ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 21 พฤศจิกายน 2564 โดยคัดกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ/ได้รับเข็มกระตุ้น/เคยติดเชื้อมาก่อนออกจากการวิเคราะห์ รวมถึงกำหนดระยะเวลาว่าจะต้องได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ระหว่าง 2 สัปดาห์ขึ้นไปจนถึงไม่เกิน 3 เดือน เพราะเป็นระยะที่ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อวัคซีน และเพื่อให้ไม่มีปัจจัยการลดลงของภูมิคุ้มกัน (Immunity Waning) เข้ามาเกี่ยวข้อง

 

จากประชากรที่ศึกษา 2,709,899 คน แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีน Pfizer 74% วัคซีน Moderna 23% วัคซีน Sinovac 2% และ Sinopharm 1% และมีผู้ติดเชื้อ 107,220 ราย (4.0%) ซึ่งยืนยันด้วยการตรวจ RT-PCR และผู้ป่วยอาการรุนแรง 644 ราย (0.6% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด) เมื่อเปรียบเทียบอัตราการติดเชื้อกับผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer พบว่า

  • ผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac มีความเสี่ยงเป็น 2.4 เท่า
  • ผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinopharm มีความเสี่ยงเป็น 1.6 เท่า
  • ผู้ที่ฉีดวัคซีน Moderna มีความเสี่ยงเป็น 0.8 เท่า

 

หมายความว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer คิดเป็น 2.4 เท่าหรือมากกว่า 140% ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีน Moderna มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer คิดเป็น 0.8 เท่า หรือน้อยกว่า 20%

 

เมื่อเปรียบเทียบอัตราการป่วยรุนแรงกับผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer พบว่า

  • ผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinovac มีความเสี่ยงเป็น 4.6 เท่า
  • ผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinopharm มีความเสี่ยงเป็น 1.6 เท่า
  • ผู้ที่ฉีดวัคซีน Moderna มีความเสี่ยงเป็น 0.4 เท่า

 

ผลการวิเคราะห์ทั้ง 6 ค่าข้างต้นมีนัยสำคัญทางสถิติทั้งหมด แสดงว่างานวิจัยนี้มีความน่าเชื่อถือในทางสถิติ ยกเว้นความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรงของผู้ที่ฉีดวัคซีน Sinopharm (ช่วงความเชื่อมั่น 0.6-4.0) หมายความว่าไม่แตกต่างจากผู้ที่ฉีดวัคซีน Pfizer อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างที่น้อย (ช่วงความเชื่อมั่นกว้าง) จึงทำให้สรุปไม่ได้ ส่วนขนาดของความแตกต่างที่มากของวัคซีน Sinovac (ช่วงความเชื่อมั่น 3.3-6.5) ก็ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจริง

 

คณะผู้วิจัยยังสมมติให้วัคซีน Pfizer มีประสิทธิผลป้องกันการป่วยรุนแรง 90% โดยอ้างอิงการทบทวนงานวิจัยก่อนหน้านี้อย่างเป็นระบบ (Systematic Review) เพื่อนำมาคำนวณเป็นประสิทธิผลของวัคซีนยี่ห้ออื่น พบว่าวัคซีน Moderna, Sinovac และ Sinopharm มีประสิทธิผลเท่ากับ 96%, 54% และ 84% ตามลำดับ จึงอาจสรุปได้ว่าวัคซีนชนิด mRNA มีประสิทธิผลต่อสายพันธุ์เดลตาสูงกว่าชนิดเชื้อตายชัดเจน และวัคซีน Moderna ยังมีประสิทธิผลสูงกว่าวัคซีน Pfizer

 

‘ที่ไป’ งานวิจัยของสิงคโปร์

 

งานวิจัยชิ้นนี้มีจุดแข็ง 3 ข้อคือ 

 

  1. เป็นการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนในสถานการณ์จริง (Real World) โดยใช้ฐานข้อมูลระดับชาติ ทำให้มีประชากรที่ศึกษาเกือบ 3 ล้านคน และถือเป็นการศึกษาแบบตามรุ่น (Cohort Study) 

 

  1. เป็นการเปรียบเทียบประสิทธิผลของวัคซีนต่างยี่ห้อในบุคคล/สถานที่/เวลาเดียวกัน ทำให้สามารถเปรียบเทียบกันได้ 

 

  1. มีการควบคุมอิทธิพลของตัวแปรอื่น ได้แก่ เพศ กลุ่มอายุ เชื้อชาติ สถานะการพำนักอาศัย และประเภทที่พักซึ่งเป็นปัจจัยที่บ่งชี้สถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้ คณะผู้วิจัยได้อภิปรายข้อจำกัดไว้ 4 ข้อคือ 

 

  1. งานวิจัยนี้อยู่บนสมมติฐานให้วัคซีนทุกยี่ห้อมีการลดลงของภูมิคุ้มกันไม่แตกต่างกัน 

 

  1. ตัวแปรอื่นที่ไม่ได้ควบคุม เช่น โรคประจำตัว ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกวัคซีน และผู้ฉีดวัคซีนแต่ละยี่ห้ออาจมีพฤติกรรมการเข้ารับการตรวจรักษาที่แตกต่างกัน 

 

  1. อัตราการติดเชื้อที่ต่ำกว่าความจริง เนื่องจากไม่ได้ตรวจหาเชื้อในผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ 

 

  1. ไม่สามารถวิเคราะห์เทียบกับ ‘ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน’ ได้ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

 

ผลการศึกษาเบื้องต้นในประเทศไทย

 

เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 กรมควบคุมโรคเคยแถลงผลการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนในประเทศไทยช่วงที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา โดยเป็นการศึกษาในกรุงเทพฯ เดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 พบว่าประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อเป็นดังนี้

 

  • วัคซีน 2 เข็ม
    • วัคซีน Sinovac 2 เข็ม 66%
    • วัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม 75%
    • วัคซีนไขว้ Sinovac + AstraZeneca 75%

 

  • วัคซีนเข็มกระตุ้น ในผู้ที่ได้รับ Sinovac 2 เข็ม
    • กระตุ้นด้วยวัคซีน AstraZeneca 86%
    • กระตุ้นด้วยวัคซีน Pfizer 82%

 

และยังมีการศึกษาที่จังหวัดเชียงใหม่ เดือนธันวาคม 2564 พบว่าประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อเป็นดังนี้

  • วัคซีน 2 เข็ม
    • วัคซีน Sinovac 2 เข็ม 28%
    • วัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม 93%
    • วัคซีนไขว้ Sinovac + AstraZeneca 93%
    • วัคซีน Pfizer เข็ม 92%

 

  • วัคซีนเข็มกระตุ้น ในผู้ที่ได้รับ Sinovac 2 เข็ม
    • กระตุ้นด้วยวัคซีน AstraZeneca 96%
    • กระตุ้นด้วยวัคซีน Pfizer 98%

 

ส่วนการป้องกันการป่วยรุนแรงมีการศึกษาที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ไม่ได้รายงานแยกตามยี่ห้อวัคซีน พบว่า วัคซีนป้องกันการเสียชีวิต 97% และ 99% ในผู้ที่ฉีดวัคซีน 2 เข็มและ 3 เข็ม จุดอ่อนของข้อมูลของกรมควบคุมโรคคือไม่มีรายละเอียดวิธีการศึกษาทำให้ไม่สามารถประเมินความน่าเชื่อถือได้ และไม่ได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ แต่สังเกตว่าวัคซีน Sinovac 2 เข็มป้องกันการติดเชื้อได้ต่ำกว่ายี่ห้ออื่น ซึ่งในภายหลังกระทรวงสาธารณสุขได้ปรับเป็นสูตรไขว้และนำเข้าวัคซีนชนิด mRNA เข้ามามากขึ้นแทน

 

โดยสรุปข่าวผู้ฉีดวัคซีน Sinovac มีความเสี่ยงต่อการป่วยโควิดรุนแรงมากกว่า Pfizer 5 เท่า เป็นข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นงานวิจัย โดยใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สิงคโปร์ และมีการควบคุมอิทธิพลของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อระดับภูมิคุ้มกันและความรุนแรงของโรค อย่างไรก็ตามข้อมูลในปัจจุบันพบว่าภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนลดลงตามระยะเวลา และไวรัสมีการกลายพันธุ์เพิ่มเติม ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วควรฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเว้นระยะห่างตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ

 

อ้างอิง:

The post ฉีดวัคซีน Sinovac เสี่ยงโควิดรุนแรงมากกว่า Pfizer 5 เท่าจริงหรือไม่ สิงคโปร์ศึกษาอย่างไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
สธ. เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กทั่วไป 5-11 ปี หลังฉีดให้กลุ่มเด็กที่มีโรคเรื้อรังแล้ว 20,000 ราย https://thestandard.co/moph-start-vaccinate-5-11-years-old-coronavirus-vaccine/ Mon, 07 Feb 2022 03:18:35 +0000 https://thestandard.co/?p=591162 สธ. เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กทั่วไป 5-11 ปี หลังฉีดให้กลุ่มเด็กที่มีโรคเรื้อรังแล้ว 20,000 ราย

วานนี้ (6 กุมภาพันธ์) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมค […]

The post สธ. เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กทั่วไป 5-11 ปี หลังฉีดให้กลุ่มเด็กที่มีโรคเรื้อรังแล้ว 20,000 ราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สธ. เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กทั่วไป 5-11 ปี หลังฉีดให้กลุ่มเด็กที่มีโรคเรื้อรังแล้ว 20,000 ราย

วานนี้ (6 กุมภาพันธ์) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการรับวัคซีนป้องกันโรคโควิดในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ว่าผ่านมา 1 สัปดาห์ มีการฉีดไปแล้ว 20,000 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กป่วยมีโรคเรื้อรัง กรมควบคุมโรคไม่ได้เร่งรัด ขอเพียงผู้ปกครองและเด็กทำความเข้าใจตรงกัน เพราะการรับวัคซีนเป็นเรื่องของความสมัครใจ

 

และในสัปดาห์นี้ ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 จะเริ่มมีการฉีดวัคซีนในเด็กทั่วไป เชื่อว่าขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการกำลังเตรียมความพร้อมดำเนินการ 

 

ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีน Sinovac และ Sinopharm ให้สามารถฉีดให้กับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปได้นั้น จะเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับผู้ปกครองและเด็ก เปิดโอกาสให้สามารถเลือกวัคซีนฉีดเองได้ เพราะวัคซีนมีมากจึงเปิดให้เลือก ทั้งนี้ ย้ำว่าวัคซีนทุกตัวที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. มีความปลอดภัย

The post สธ. เริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กทั่วไป 5-11 ปี หลังฉีดให้กลุ่มเด็กที่มีโรคเรื้อรังแล้ว 20,000 ราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
อย. อนุมัติวัคซีน Sinovac-Sinopharm ฉีดในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปได้ ส่วน 3-5 ปีรอพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม https://thestandard.co/fda-approved-sinovac-sinopharm-for-above-6-years-old-children/ Fri, 04 Feb 2022 14:15:50 +0000 https://thestandard.co/?p=590726 อย. อนุมัติวัคซีน Sinovac-Sinopharm ฉีดในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปได้ ส่วน 3-5 ปีรอพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม

วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรร […]

The post อย. อนุมัติวัคซีน Sinovac-Sinopharm ฉีดในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปได้ ส่วน 3-5 ปีรอพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม appeared first on THE STANDARD.

]]>
อย. อนุมัติวัคซีน Sinovac-Sinopharm ฉีดในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปได้ ส่วน 3-5 ปีรอพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม

วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  เปิดเผยว่า กรรมการผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาขยายขอบเขตการใช้วัคซีนสำหรับเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องมีการปรับขนาดยาของวัคซีน Sinovac ซึ่งนำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม และวัคซีน Sinopharm นำเข้าโดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด

 

ปัจจุบันวัคซีนทั้ง 2 ชนิดได้รับอนุญาตให้ใช้ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยผู้รับอนุญาต คือ องค์การเภสัชกรรม และ บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด มาขอขยายอายุในช่วง 3-17 ปี ซึ่งกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้พิจารณาถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยแล้ว ได้อนุมัติให้ขยายอายุกลุ่มผู้ใช้ตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป 

 

ทั้งนี้ อย. ได้แจ้งให้ผู้รับอนุญาตทั้ง 2 ราย ส่งข้อมูลเพิ่มเติมโดยเร็ว เพื่อพิจารณาขยายในกลุ่มอายุ 3-5 ปีต่อไป

The post อย. อนุมัติวัคซีน Sinovac-Sinopharm ฉีดในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปได้ ส่วน 3-5 ปีรอพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม appeared first on THE STANDARD.

]]>
สธ. เตรียมปูแนวทางโควิด เข้าเป็นโรคประจำถิ่น เผย อย. จะพิจารณาฉีด Sinovac ในเด็ก 3-17 ปี 4 ก.พ. นี้ https://thestandard.co/moph-preparing-covid-as-endemic-disease/ Wed, 02 Feb 2022 09:56:23 +0000 https://thestandard.co/?p=589790 สธ. เตรียมปูแนวทางโควิด เข้าเป็นโรคประจำถิ่น เผย อย. จะพิจารณาฉีด Sinovac ในเด็ก 3-17 ปี 4 ก.พ. นี้

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี […]

The post สธ. เตรียมปูแนวทางโควิด เข้าเป็นโรคประจำถิ่น เผย อย. จะพิจารณาฉีด Sinovac ในเด็ก 3-17 ปี 4 ก.พ. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สธ. เตรียมปูแนวทางโควิด เข้าเป็นโรคประจำถิ่น เผย อย. จะพิจารณาฉีด Sinovac ในเด็ก 3-17 ปี 4 ก.พ. นี้

วันนี้ (2 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ร่วมประชุมผู้บริหารระดับสูง กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ครั้งที่ 2/2565 และให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานติดตามกำกับการดำเนินงานตามนโยบายอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนการแพร่ระบาดของโรคโควิด ปัจจุบันเป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งแม้จำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่การเจ็บป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตไม่เพิ่มขึ้นตาม 

 

สธ. จึงวางเป้าหมายและแนวทางที่จะปรับโรคโควิด จากการระบาดใหญ่ (Pandemic) ไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโรคโควิดได้อย่างปลอดภัย มีความมั่นใจในความพร้อมของ สธ. ทั้งยา เวชภัณฑ์ และสถานพยาบาลในการดูแลรักษาเหมือนกับการดูแลรักษาโรคติดเชื้ออื่นๆ ขณะเดียวกันให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น รวมทั้งให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และองค์การเภสัชกรรม จัดหาและกระจายชุดตรวจ ATK ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในราคาที่เหมาะสม

 

อนุทินกล่าวต่อไปว่า สำหรับการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก 5-11 ปี เริ่มจากเด็กที่มีโรคประจำตัว เสี่ยงเกิดอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้กำชับให้ สสจ. ทำความเข้าใจถึงความจำเป็นในการให้วัคซีนเด็กกลุ่มนี้ก่อน พร้อมประสานสถานศึกษาในพื้นที่เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนแก่เด็กนักเรียนตามเป้าหมาย 

 

ส่วนวัคซีนเชื้อตายที่จะใช้ในเด็กนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะมีการประชุมพิจารณาวัคซีน Sinovac ที่ขอขยายการฉีดในเด็กอายุ 3-17 ปี ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งหากผ่านการอนุมัติจะเป็นทางเลือกให้พ่อแม่ผู้ปกครองต่อไป แต่การฉีดวัคซีนยังอยู่ที่ดุลยพินิจของกุมารแพทย์เป็นหลัก

 

ส่วนการรับผู้เดินทางเข้าประเทศในระบบ Test & Go ที่เปิดให้ลงทะเบียนไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้น มีการลงทะเบียน Thailand Pass เพื่อติดตามและกำหนดให้ต้องตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง ในวันแรกที่มาถึงไทยและวันที่ 5 

 

อย่างไรก็ตาม สธ. ต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการเข้มงวดการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้รับความเชื่อถือจากต่างชาติ โดยจะเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพร้อมรับมือและปรับเปลี่ยนมาตรการต่างๆ ให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

The post สธ. เตรียมปูแนวทางโควิด เข้าเป็นโรคประจำถิ่น เผย อย. จะพิจารณาฉีด Sinovac ในเด็ก 3-17 ปี 4 ก.พ. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทิน เผยพร้อมนำ Sinovac สำหรับเด็ก 3 ขวบมาใช้ หาก อย. อนุมัติขยายทะเบียน https://thestandard.co/anutin-sinovac-for-3-year-olds/ Mon, 31 Jan 2022 06:41:10 +0000 https://thestandard.co/?p=588701 อนุทิน ชาญวีรกูล

วันนี้ (31 มกราคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและร […]

The post อนุทิน เผยพร้อมนำ Sinovac สำหรับเด็ก 3 ขวบมาใช้ หาก อย. อนุมัติขยายทะเบียน appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทิน ชาญวีรกูล

วันนี้ (31 มกราคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมควบคุมโรคว่า วัคซีน Sinovac มายื่นขอจดทะเบียนเพื่อใช้สำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไป ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากหากฉีดวัคซีนครอบคลุมกลุ่มอายุมากขึ้นก็จะช่วยลดความเสี่ยง 

 

ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคเห็นชอบให้ใช้วัคซีน Sinovac สำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปได้ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติขึ้นทะเบียนเพิ่มเติม โดยขณะนี้ อย. อยู่ระหว่างการพิจารณาเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมจากองค์การเภสัชกรรมที่เป็นผู้นำเข้าวัคซีน หากมีการอนุมัติแล้ว กระทรวงสาธารณสุขพร้อมนำมาฉีดในกลุ่มอายุ 3 ขวบขึ้นไปทันที เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้แก่ประชาชน

 

“วันนี้ประเทศไทยมีวัคซีนอยู่ในระดับที่ดูแลประชากรทั้งประเทศได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบขึ้นไป หวังว่าจะมีความครอบคลุมถึง 3 ขวบขึ้นไปด้วย ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขขอให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือถึงกำหนดรับวัคซีนเข็ม 2 และเข็มกระตุ้น ให้มารับวัคซีนเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตนเอง ซึ่งผลข้างเคียงจากวัคซีนอาจมีได้บ้างทั้งผู้ใหญ่และเด็ก เช่น เป็นไข้ ตัวรุมๆ ปวดบวมบริเวณที่ฉีด แต่หายได้ใน 1-2 วัน ดีกว่าไม่ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ เพราะบางรายอาจมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงและเชื้อลงปอดได้ การฉีดวัคซีนจึงคุ้มค่าที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้” อนุทินกล่าว

The post อนุทิน เผยพร้อมนำ Sinovac สำหรับเด็ก 3 ขวบมาใช้ หาก อย. อนุมัติขยายทะเบียน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตรุษจีนปีนี้มีวัคซีน-ATK ตรวจโควิดกงเต๊ก https://thestandard.co/chinese-new-year-vaccine-and-atk-at-cloak/ Thu, 27 Jan 2022 11:35:34 +0000 https://thestandard.co/?p=587486 ตรุษจีนปีนี้มีวัคซีน-ATK ตรวจโควิดกงเต๊ก

อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันตรุษจีน บรรยากาศร้านค้าย่านเ […]

The post ตรุษจีนปีนี้มีวัคซีน-ATK ตรวจโควิดกงเต๊ก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตรุษจีนปีนี้มีวัคซีน-ATK ตรวจโควิดกงเต๊ก

อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันตรุษจีน บรรยากาศร้านค้าย่านเยาวราชเริ่มคึกคัก เสื้อผ้าสีสันสดใส ของสำหรับทำพิธีกงเต๊กในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะที่เข้ากับสถานการณ์การระบาดของโควิดในขณะนี้คือ ชุดตรวจ ATK และวัคซีนที่มีให้เลือกซื้ออย่างมากมาย ยกเว้นยี่ห้อ Sinovac

The post ตรุษจีนปีนี้มีวัคซีน-ATK ตรวจโควิดกงเต๊ก appeared first on THE STANDARD.

]]>
สิงคโปร์เผยสถิติ คนฉีดวัคซีนยี่ห้อใดเสียชีวิตมากที่สุดหลังติดโควิด https://thestandard.co/singapore-unveiled-coronavirus-vaccination-death-track/ Tue, 11 Jan 2022 10:23:05 +0000 https://thestandard.co/?p=581301 สิงคโปร์เผยสถิติ คนฉีดวัคซีนยี่ห้อใดเสียชีวิตมากที่สุด

ทางการสิงคโปร์เผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดที่มีประวัติ […]

The post สิงคโปร์เผยสถิติ คนฉีดวัคซีนยี่ห้อใดเสียชีวิตมากที่สุดหลังติดโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
สิงคโปร์เผยสถิติ คนฉีดวัคซีนยี่ห้อใดเสียชีวิตมากที่สุด

ทางการสิงคโปร์เผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิดที่มีประวัติเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดแล้ว พบว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด 802 รายในปี 2021 มีผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 247 ราย เสียชีวิตจากโควิด โดยผู้ที่ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายจาก Sinovac เสียชีวิตมากที่สุดถึง 11 รายต่อจำนวนประชากร 100,000 ราย ขณะที่ผู้ที่ฉีดวัคซีนชนิด mRNA จาก Moderna เสียชีวิตน้อยที่สุดเพียง 1 รายต่อจำนวนประชากร 100,000 ราย ขณะที่ 555 ราย หรืออีกราว 70% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด เป็นผู้ที่ยังไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนหรือเข้ารับการฉีดวัคซีนยังไม่ครบโดส

 

โดยข้อมูลดังกล่าวอาจไม่ได้พิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกับการเสียชีวิตอื่นๆ เช่น อายุ หรือระยะเวลาในการเข้ารับวัคซีน อย่างไรก็ตามก็มีแนวโน้มที่จะทำให้หลายรัฐบาลต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนโควิดแต่ละชนิดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เชื้อโอมิครอนแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ระบาดควบคู่ไปกับเชื้อเดลตาที่เคยสร้างภาวะตึงมือให้กับระบบสาธารณสุขของหลายประเทศมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา 

 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post สิงคโปร์เผยสถิติ คนฉีดวัคซีนยี่ห้อใดเสียชีวิตมากที่สุดหลังติดโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฉีด Sinovac หรือ AstraZeneca 2 เข็ม ควรกระตุ้นด้วยยี่ห้อไหน https://thestandard.co/sinovac-astrazeneca-and-booster-vaccine/ Tue, 11 Jan 2022 07:32:45 +0000 https://thestandard.co/?p=581181 booster vaccine

ผลวิจัยศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาว […]

The post ฉีด Sinovac หรือ AstraZeneca 2 เข็ม ควรกระตุ้นด้วยยี่ห้อไหน appeared first on THE STANDARD.

]]>
booster vaccine

ผลวิจัยศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ชี้ผู้ที่เคยได้รับวัคซีน Sinovac หรือ AstraZeneca 2 เข็ม ควรฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีน Pfizer จะมีภูมิคุ้มกันสูงทั้งต่อสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน

 

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 เพจศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยแพร่ผลการวิจัยเบื้องต้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอนจากการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ในผู้ที่เคยได้รับวัคซีน Sinovac หรือ AstraZeneca โดย รศ.พญ.ณสิกาญจน์ อังคเศกวินัย คณะผู้วิจัยศูนย์วิจัยคลินิกฯ ร่วมกับ ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา คณะผู้วิจัย สวทช.

 

โดยภูมิคุ้มกันที่ศึกษาเป็นชนิด PVNT50 (Psedovirus Neutralization Antibody Titer) หมายถึงระดับภูมิคุ้มกันที่สามารถยับยั้งไวรัสจำลองได้ 50% ที่ 2 สัปดาห์หลังฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีน AstraZeneca หรือ Pfizer ขนาดเต็มโดส หรือ Pfizer ขนาดครึ่งโดสเข้าชั้นกล้ามเนื้อ พบว่า

 

กลุ่มที่ได้รับวัคซีน Sinovac 2 เข็ม

  • เมื่อกระตุ้นด้วยวัคซีน Pfizer ให้ภูมิคุ้มกันดีมาก ไม่ว่าจะเป็นแบบครึ่งโดสหรือเต็มโดส สามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่ยับยั้งทั้งสายพันธุ์เดลตาและโอมิครอนได้ดี โดยระดับภูมิต่อโอมิครอนจะต่ำกว่าระดับภูมิต่อเดลตาประมาณ 1 เท่า
  • ส่วนการกระตุ้นด้วยวัคซีน AstraZeneca สร้างภูมิคุ้มกันต่อเดลตาได้ดี แต่ต่อโอมิครอนได้ระดับต่ำกว่าประมาณ 2-3 เท่า
  • แนะนำผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac 2 เข็มควรฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีน Pfizer จะมีภูมิคุ้มกันสูงทั้งต่อเดลตาและโอมิครอน

 

กลุ่มที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม

  • เมื่อกระตุ้นด้วยวัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 3 สามารถป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้ระดับหนึ่ง แต่อาจป้องกันสายพันธุ์โอมิครอนได้ไม่ดี 
  • ส่วนการกระตุ้นด้วยวัคซีน Pfizer สร้างภูมิคุ้มกันต่อเดลตาได้ดีทั้งแบบครึ่งโดสและเต็มโดส แต่สำหรับโอมิครอน ระดับภูมิจากการฉีดแบบครึ่งโดสต่ำกว่าแบบเต็มโดสประมาณ 1 เท่า
  • แนะนำผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็มควรฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยวัคซีน Pfizer จะมีภูมิคุ้มกันที่สูงสุดทั้งต่อเดลตาและโอมิครอน

 

 

อ้างอิง: ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

The post ฉีด Sinovac หรือ AstraZeneca 2 เข็ม ควรกระตุ้นด้วยยี่ห้อไหน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เช็กภูมิคุ้มกันหลังฉีด Sinovac 2 เข็ม + เข็มกระตุ้น https://thestandard.co/immune-check-up-after-vaccinated-2-sinovac-and-booster-dose/ Fri, 24 Dec 2021 09:37:41 +0000 https://thestandard.co/?p=575409 Sinovac

การฉีดวัคซีน Sinovac 2 เข็ม เป็นสูตรวัคซีนในช่วงแรกของป […]

The post เช็กภูมิคุ้มกันหลังฉีด Sinovac 2 เข็ม + เข็มกระตุ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sinovac

การฉีดวัคซีน Sinovac 2 เข็ม เป็นสูตรวัคซีนในช่วงแรกของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้วัคซีน Sinopharm ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายเหมือนกัน ยังเป็นวัคซีนทางเลือกให้กับหลายองค์กรในประเทศ จึงน่าจะมีคำถามว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตาย 2 เข็ม ควรฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนอะไร เมื่อไร และหลังจากนั้นต้องฉีดเข็ม 4 หรือไม่ อย่างไร

 

คำแนะนำการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบัน ผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac หรือ Sinopharm มาแล้ว 2 เข็ม ให้ฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีน AstraZeneca หรือวัคซีนชนิด mRNA (ฉีดได้ทั้ง Pfizer หรือ Moderna) ตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปหลังฉีดเข็มที่ 2 โดยสามารถติดต่อขอรับวัคซีนที่ศูนย์บริการฉีดวัคซีนใกล้บ้าน เนื่องจากภูมิคุ้มกันตกเร็วกว่าวัคซีนชนิดอื่น

 

ส่วนการฉีดเข็ม 4 จะเริ่มฉีดใน 2 กลุ่มเป้าหมายคือ 1. บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า และ 2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน โดยสามารถฉีดกระตุ้นตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปหลังฉีดเข็มที่ 3 ดังนั้นสูตรการฉีดเข็มกระตุ้นสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มจะเป็นเข็ม 3 ที่ 1 เดือน และเข็ม 4 ที่ 3 เดือนนับต่อจากเข็มสุดท้าย

 

ข้อมูลการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันของศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2564 พบว่าวัคซีน Pfizer กระตุ้นแอนติบอดีชนิด Anti-RBD IgG ได้สูงที่สุด 5,152 หน่วย ที่ 2 สัปดาห์หลังฉีดเข็มที่ 3 และลดลงเหลือ 525 หน่วย ที่ 4 เดือน รองลงมาเป็นวัคซีน AstraZeneca 1,358 หน่วย และลดลงเหลือ 291 หน่วย

 

ส่วนวัคซีน Sinopharm กระตุ้นแอนติบอดีได้เท่ากับ 155 หน่วย ซึ่งต่ำกว่าระดับภูมิคุ้มกันที่น่าจะป้องกันโรคได้ 80% (อ้างอิงจากงานวิจัยต่างประเทศเท่ากับ 264 หน่วย) และได้รับการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 4 ด้วยวัคซีน Pfizer ที่ 4 สัปดาห์หลังฉีดเข็มที่ 3 โดยภูมิคุ้มกันน่าจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้วิจัยรายงานระดับแอนติบอดีหลังจากนั้น 3 เดือน (เท่ากับ 4 เดือนหลังฉีดเข็มที่ 3) ว่าลดลงเหลือ 417 หน่วย

 

แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตายมาแล้ว 2 เข็ม จะต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อให้มีระดับแอนติบอดีสูงพอที่จะป้องกันโรค แต่วัคซีนเชื้อตายกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ไม่ดีนัก สอดคล้องกับการศึกษาของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากเป็นไปได้ควรฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีน Pfizer หรือถ้าจองวัคซีน Moderna ไว้ก็น่าจะให้ผลคล้ายกัน เพราะเป็นวัคซีนชนิด mRNA เหมือนกัน 

 

ทั้งนี้ ข้อมูลนี้เป็นการศึกษาในระดับห้องปฏิบัติการ ไม่ใช่ประสิทธิผลจริงของวัคซีน แต่ 2 ค่านี้มีความสัมพันธ์กัน จึงพอบอกแนวโน้มการป้องกันโรคได้ และเป็นการศึกษาปริมาณแอนติบอดี ไม่สามารถบอกความสามารถในการยับยั้งไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ได้ หากศูนย์วิจัยทดสอบระดับภูมิคุ้มกันที่ยับยั้งไวรัส (Neutralizing Antibody) ควรเผยแพร่ผลการศึกษาเพิ่มเติม

 

 

ภาพประกอบ: พุทธิพงศ์ โรจน์ศตพงค์

อ้างอิง:

The post เช็กภูมิคุ้มกันหลังฉีด Sinovac 2 เข็ม + เข็มกระตุ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>