Shinjiro Koizumi – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 14 Oct 2025 05:39:48 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 New Era of Japan? ก้าวต่อไปของการเมืองญี่ปุ่น ในวันที่ (อาจ) ได้นายกฯ หญิงคนแรก https://thestandard.co/japan-first-female-prime-minister/ Tue, 14 Oct 2025 05:39:48 +0000 https://thestandard.co/?p=1130179 New Era of Japan? ก้าวต่อไปของการเมืองญี่ปุ่น ในวันที่ (อาจ) ได้นายกฯ หญิงคนแรก

ขวาจัด-หัวก้าวหน้า, มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ แห่งญี่ปุ่น และ […]

The post New Era of Japan? ก้าวต่อไปของการเมืองญี่ปุ่น ในวันที่ (อาจ) ได้นายกฯ หญิงคนแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
New Era of Japan? ก้าวต่อไปของการเมืองญี่ปุ่น ในวันที่ (อาจ) ได้นายกฯ หญิงคนแรก

ขวาจัด-หัวก้าวหน้า, มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ แห่งญี่ปุ่น และหญิงเหล็ก คือหลากคำนิยามตัวตนของ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแห่งญี่ปุ่น หลังใช้ระยะเวลาเกือบ 5 ปี ในการขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่น (LDP) หรือผู้นำประเทศคนใหม่โดยพฤตินัย ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีการประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อลงคะแนนเสียงเลือกเธออย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์นี้

 

ท่ามกลางความปีติยินดีว่า ‘สังคมชายเป็นใหญ่’ ระดับเข้มข้นอย่างญี่ปุ่น กำลังจะได้นายกฯ หญิงคนแรกอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ยังมีความท้าทายที่ทาคาอิจิต้องเผชิญในเก้าอี้นายกฯ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้อง การเมืองระหว่างประเทศ หรือแม้แต่ภารกิจกอบกู้ความแตกแยกภายในพรรค LDP ที่ผู้นำหลายคนล้มเหลวมานับต่อนับ

 

THE STANDARD พาทุกคนสำรวจการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของญี่ปุ่นว่า เพราะเหตุใดผู้หญิงคนนี้จึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำ รวมถึงประมวลความท้าทายและก้าวต่อไปสังคมญี่ปุ่นนับต่อจากนี้คืออะไรบ้าง

 

ความสามารถ ความไว้วางใจ และความเป็น ‘ผู้ชาย’ คือเหตุผลทำให้ทาคาอิจินั่งเก้าอี้ผู้นำ

 

“แทนที่จะรู้สึกความสุข ฉันรู้สึกว่า มันยากมากกว่าจะมาถึงจุดนี้”

 

เป็นคำพูดของทาคาอิจิในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด หลังจากวนเวียนในสังเวียนเก้าอี้ผู้นำ LDP ตั้งแต่ปี 2021 หรือคิดเป็นระยะเวลานานถึง 5 ปี เธอต้องพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับผู้ชายในพรรค ไม่ว่าจะเป็น ฟุมิโอะ คิชิดะ และ ชิเงรุ อิชิบะ จนมาถึงวันนี้ ทาคาอิจิสามารถเอาชนะ ชินจิโร โคอิซูมิ (Shinjiro Koizumi) รัฐมนตรีกระทรวงการเกษตรญี่ปุ่น ในการลงคะแนนเสียงรอบสองไปที่คะแนน 185 โหวต ต่อ 156 โหวต

 

นับได้ว่าความพยายามอยู่คู่กับทาคาอิจิมาตลอด หากย้อนดูเส้นทางการเมืองของเธอ โดยเริ่มจากการท้าชิงตำแหน่ง สส. ในนามผู้สมัครอิสระจากเขตนารา (Nara) ในปี 1992 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งปีถัดมา เธอได้รับเลือกเป็น สส. ครั้งแรก และทำงานร่วมกับ ชินโซ อาเบะ อดีตนายกฯ จากพรรค LDP ผู้ล่วงลับอย่างใกล้ชิด

 

แม้ในปี 1994 ทาคาอิจิเข้าร่วมพรรคก้าวหน้าใหม่ (New Frontier Party) แต่เวลาของเธอกับพรรคนี้สั้นมาก เพราะต่อมาในปี 1996 เธอได้เข้าร่วมกับพรรค LDP และอยู่ในฝ่ายสนับสนุนอาเบะ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสำคัญตลอดทั้ง 2 ทศวรรษ ได้แก่ 

 

  • รัฐมนตรีกระทรวงกิจการโอกินาวา และดินแดนทางตอนเหนือ
  • หัวหน้าของสภาวิจัยนโยบายหญิงคนแรก
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารหญิงคนแรก
  • รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม
  • รัฐมนตรีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

 

ผศ. ดร. ธีวินท์ สุพุทธิกุล ผู้เชี่ยวชาญการเมืองญี่ปุ่น เอเชียตะวันออก และหัวหน้าภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ที่ทาคาอิจิได้รับความไว้วางใจ และแรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่หรือนักการเมืองชายในพรรค LDP เพราะเธอมีความสามารถ ประสบการณ์การทำงาน และมีความอาวุโส แม้จะมีตัวเก็งสูสีก็ตาม

 

“เราอาจจะคิดว่า เธอเป็นผู้หญิง และพรรค LDP ไม่พร้อมมีนายกฯ หญิง ก็ถือว่าเป็นความแปลกใหม่ เพราะทุกครั้งที่ทาคาอิจิพลาดชิงตำแหน่ง หรือตกรอบชิง ก็จะมีข้อโต้แย้งว่า เธอขึ้นมาเป็นผู้นำไม่ได้ เพราะเป็นผู้หญิง”

 

อย่างไรก็ตาม ผศ. ดร ธีวินท์มองว่า สถานการณ์ตรงนี้ ‘ก้ำกึ่ง’ แม้ทาคาอิจิเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้มีนโยบายสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิสตรี โดยเธอยังคงจะดำเนิน ‘แบบแผน’ (Playbook) ของพรรค LDP ที่รักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิมไว้

 

มิกิโกะ เอโตะ (Mikiko Eto) ศาสตราจารย์ด้านเพศสภาพและการเมืองจาก Hosei University ตั้งข้อสังเกตกับ TIME ไว้ว่า ทาคาอิจิมีบุคลิกและวางตัวเหมือน ‘ผู้ชาย’ ซึ่งมักแสดงท่าทีต่อต้านประเด็นเรื่องเพศสภาพและกระแสสตรีนิยม ต่างจาก โยโกะ คามิคาวะ (Yoko Kamikawa) รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศหญิงวัย 71 ปี ที่เป็นดาวเด่นในพรรค และมีนโยบายเป็นมิตรกับผู้หญิงมากกว่า

 

เช่นเดียวกับ เจฟฟ์ คิงสตัน (Jeff Kingston) ศาสตราจารย์ด้านเอเชียศึกษาและประวัติศาสตร์จาก Temple University ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP ว่า ทาคาอิจิไม่เคยมีประวัติด้านบวกกับประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ นโยบายครอบครัว หรือแม้แต่การเสริมสร้าง (Empowerment) พลังหญิง

 

ในช่วงที่ผ่านมา ทาคาอิจิมีภาพลักษณ์ ‘หญิงเหล็ก’ ในหน้าสื่อ จากบุคลิกดุดันและไลฟ์สไตล์ส่วนตัว เช่น การเป็นอดีตมือกลองวงเฮฟวีเมทัล และผู้คลั่งไคล้รถ ขณะที่ด้านการดำเนินนโยบายทางการเมือง ทาคาอิจิสนับสนุนประเด็นด้านความมั่นคง บทบาทของกองทัพที่เข้มแข็ง และต่อต้านนโยบายรับผู้อพยพ สมรสเท่าเทียม การเปลี่ยนแปลงกฎมณเทียรบาลที่ให้ผู้หญิงขึ้นเป็นกษัตริย์ รวมถึงไม่สนับสนุนให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เลือกใช้นามสกุลเองได้

 

แต่ก็ไม่ใช่ว่า ทาคาอิจิจะละทิ้งนโยบายสำหรับผู้หญิงทั้งหมด เพราะเธอสนับสนุนสวัสดิการรักษาสุขภาพผู้หญิง และการรักษาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรค LDP เป็นทุนเดิม หากแต่เน้นย้ำบทบาทสตรีในฐานะ ‘แม่’ และ ‘ภรรยา’ ที่ดี

 

นอกจากนี้ ทาคาอิจิยังให้คำมั่นสัญญาว่า จะเพิ่มจำนวนรัฐมนตรีหญิงในคณะรัฐมนตรีของเธอ หากแต่นักวิเคราะห์จาก AP มองว่า แนวโน้มดังกล่าวเกิดขึ้นได้ยาก เพราะเธอต้องแสดงความ ‘ภักดี’ ต่อผู้ชายที่มีอิทธิพลในพรรค ซึ่งมีผลต่อการนั่งเก้าอี้ผู้นำระยะยาว

 

สังคมญี่ปุ่นมองการได้นายกฯ หญิงอย่างไรบ้าง

 

แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมองว่า การมาของทาคาอิจิไม่ได้ช่วยสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศในสังคมญี่ปุ่นให้ดีขึ้น แต่ ผศ. ดร. ธีวินท์มองว่า เป็น ‘นิมิตหมายใหม่’ อันดี ถือเป็นก้าวแรกที่ญี่ปุ่นยอมรับให้ผู้หญิงเป็นผู้นำทางการเมือง โดยเฉพาะหากเทียบกับ 10-20 ปีก่อน ที่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

 

“ก็ต้องยอมรับว่า สังคมญี่ปุ่นมีการถกเถียง และเปลี่ยนแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมพอสมควร เป็นการสั่งสมความเชื่อของคนญี่ปุ่น ที่ยอมรับให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ตั้งแต่นโยบายเศรษฐกิจของอาเบะที่ให้ผู้หญิงได้ ‘เฉิดฉาย’ โดยพยายามดึงแรงงานสตรีที่แฝงอยู่ในสังคม เข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจ (Womenomics) มากขึ้น”

 

อย่างไรก็ตาม อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ มองว่า หากประเมินจากกระแสโซเชียลฯ ของญี่ปุ่น ความเห็นของผู้คนก็ยังอยู่ในระดับก้ำกึ่ง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ที่ทาคาอิจิเป็นนายกฯ

 

“ถ้าดูจากเสียงในโซเชียลมีเดียของคนญี่ปุ่น เขาก็ให้ความคิดเห็นในลักษณะก้ำกึ่ง จนถึงเชิงต่อต้านด้วยซ้ำว่า ทาคาอิจิเป็นผู้หญิงก็จริง แต่อย่าคิดว่า มันจะทำให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงขนาดนั้น”

 

ผศ. ดร. ธีวินท์ยังระบุว่า ภายในพรรค LDP ก็ยังมีการต่อสู้กระแสธารทางความคิดอยู่ ซึ่งเราอาจจะเห็นปรากฏการณ์นี้ภายในพรรคมากขึ้น ท่ามกลางสภาพแวดล้อมสังคมญี่ปุ่น ที่ยังไม่เปิดกว้างความเท่าเทียมทางเพศ และมีความท้าทายต่อบทบาทของผู้หญิงในพื้นที่ทางสังคมอยู่

 

อนึ่งน่าสนใจว่า ผลสำรวจจาก Pew Research Center ในปี 2023 ระบุว่า คนญี่ปุ่นถึง 86% เชื่อว่า ผู้หญิงและผู้ชายต่างก็เป็นผู้นำที่ดีได้เหมือนกัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก

 

อย่างไรก็ดี เอโตะ ผู้เชี่ยวชาญด้านเพศสภาพให้สัมภาษณ์กับ TIME ว่า สำหรับพรรค LDP ผู้หญิงเป็นเพียงไม้ประดับเชิง ‘สัญลักษณ์’ เท่านั้น พร้อมยกตัวอย่างเหตุการณ์เหยียดเพศในหน้าการเมืองปี 2021 หลัง โทชิฮิโระ นิไค (Toshihiro Nikai) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ เสนอให้ผู้หญิงเข้าไปร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคได้ ตราบใดที่พวกเธอ ‘เงียบ’ ไม่แสดงความคิดเห็นอะไร

 

ขณะที่ ฮิโรโกะ ทาเคดะ (Hiroko Takeda) อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์จาก Nagoya University วิเคราะห์ว่า LDP เป็นโลกคู่ขนานของญี่ปุ่น โดยมองตำแหน่งทางการเมืองเป็น ‘การสืบทอด’ ภายในตระกูล ทำให้ผู้หญิงมักไม่ได้รับตำแหน่งสำคัญมากนัก

 

ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีสถิติรั้งท้ายด้านความเท่าเทียมทางเพศในกลุ่มประเทศ G7 คือ 118 ประเทศจาก 148 ประเทศ ขณะที่ในปี 2021 มีเพียงผู้หญิงญี่ปุ่น 13.2% ที่มีบทบาทในตำแหน่งผู้บริหารเท่านั้น ซึ่งต่ำสุดในบรรดากลุ่มประเทศ OECD

 

ความท้าทายและก้าวต่อไปของญี่ปุ่น ในมือว่าที่นายกฯ หญิง

 

กล่าวได้ว่า การขึ้นมาเป็นนายกฯ หญิงคนแรก และคนใหม่ของญี่ปุ่น คือ ส่วนที่ง่ายที่สุดของทาคาอิจิในวันนี้ เพราะยังมีความท้าทายนับไม่ถ้วน ที่เธอต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน โดย ผศ. ดร. ธีวินท์ วิเคราะห์สิ่งที่ทาคาอิจิต้องทำหลังจากนี้ ได้แก่

 

  1. ภารกิจกอบกู้รอยร้าวพรรค LDP – ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองญี่ปุ่นมองว่า ปัญหาดังกล่าวเรื้อรังตั้งแต่การเลือกผู้นำครั้งที่ผ่านมา สะท้อนจากการมีแคนดิเดตถึง 9 คนที่เสนอตัวท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคปี 2024 ซึ่งปรากฏการณ์นี้บอกได้ว่า ภายในพรรค LDP แบ่งออกเป็นหลายฝ่าย ที่ต่างมีผู้สนับสนุนเป็นของตนเอง

 

ผศ. ดร. ธีวินท์ยังเสริมประเด็นต่อว่า LDP มีความหลากหลายสูง ทั้งอุดมการณ์หัวก้าวหน้า กลาง และขวาจัด ดังนั้นภารกิจใหญ่ของทาคาอิจิ คือ ทำอย่างไรให้คนในพรรคอยู่ร่วมกันโดยไม่แตกแยก รวมถึงกระจายตำแหน่งผู้บริหารภายในพรรคด้วย

 

อนึ่ง วิกฤตศรัทธาพรรค LDP ยังเกิดขึ้นกับประชาชน จากข้อกล่าวหาว่านักการเมืองในพรรคซุกเงินระดมทุนไว้ใช้ส่วนตัว โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มก้อนของอาเบะ และเป็นสาเหตุทำให้รัฐบาลของคิชิดะมีคะแนนเสียงตกต่ำถึง 17% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี

 

  1. ภาวะเสียงข้างน้อยในสภา ซ้ำเติมด้วยพันธมิตรเดิมถอนตัว – ผศ. ดร. ธีวินท์มองว่า โจทย์ของพรรค LDP และทาคาอิจิ คือ ทำอย่างไรให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยมีเสถียรภาพ และผลักดันวาระสำคัญของตนเองได้ ขณะที่หลีกเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือ การถูกโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือล้มงบประมาณประจำปี

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ล่าสุดน่ากังวล หลังวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา พรรคโคเม (Komeito) พันธมิตรเก่าแก่ของ LDP ร่วม 25 ปี ประกาศถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากไม่พอใจที่พรรค LDP กำลังหันเหไปในแนวทางขวาจัดภายใต้ทาคาอิจิ ซึ่งขัดกับพรรคโคเมที่มีอุดมการณ์สายกลาง-เอียงซ้าย และยึดแนวทางสันตินิยม เช่น การไม่สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 9 หรือ ‘บทบัญญัติสันติภาพ’ ที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถกลับมาใช้กำลัง เข้าร่วมสงครามได้ตามปกติ รวมถึงการมีกองทัพเป็นของตนเอง

 

อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หมายเหตุไว้ว่า สาเหตุที่ต้องเรียกทาคาอิจิว่า ‘ขวาจัด’ เพราะเธอมีแนวทางเดียวกับอาเบะ คือ การไปเยือนศาลเจ้ายาสุกุนิ (Yasukuni Shrine) เพื่อสักการะทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงในหมู่ประเทศเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกว่า ทหารเหล่านี้คืออาชญากรสงครามที่รุกราน และเข่นฆ่าผู้คนมากมาย การไปสักการะบุคคลเหล่านี้ จึงเปรียบเสมือนว่า ผู้นำญี่ปุ่นไม่รู้สึก ‘สำนึกผิด’ ต่อเหตุการณ์ในอดีต

 

ทั้งนี้ ผศ. ดร. ธีวินท์คาดว่า วิธีการจัดการปัญหาเสียงข้างน้อยของพรรค LDP มี 2 วิธี คือ

 

  1. ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งฉับพลัน (Snap Election) ซึ่งเป็นการเดินหมากรูปแบบเดียวกันกับอิชิบะ โดยช่วงชิงความนิยมของประชาชนในช่วงแรก หรือ Honeymoon Period
  2. หาพรรคฝ่ายค้านมาร่วมรัฐบาลให้เสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งเต็งโผคือพรรคที่ได้คะแนนเสียงรองลงมา คือ พรรค DPP (Democratic Party for the People) 28 เสียง และพรรคนิปปอนอิชิน (Nippon Ishin) ที่มี 38 เสียง แต่ ผศ. ดร. ธีวินท์มองว่า เป็นเรื่องยากมากที่ LDP จะได้เสียง 2 พรรคมาร่วมรัฐบาล

 

อนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองญี่ปุ่นจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า มีแนวโน้มที่สถานการณ์อาจ ‘พลิก’ ทำให้ญี่ปุ่นไม่ได้นายกฯ หญิงคนแรก

 

ทั้งนี้ Nikkei Asia และ Bloomberg รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า พรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น (Constitutional Democratic Party of Japan: CDP) พรรคแกนนำฝ่ายค้าน กำลังวางแผน ‘จัดตั้งรัฐบาลผสม’ แข่งกับพรรค LDP พร้อมเสนอชื่อของ ยูจิโร ทามากิ (Yuichiro Tamaki) หัวหน้าพรรค CDP เป็นนายกฯ พร้อมเปิดกว้างเจรจากับพรรคนิปปอนอิชิน และพรรค DPP หากแต่ติดที่ประเด็นความแตกต่างด้านนโยบายและอุดมการณ์

 

  1. วิกฤตเงินเฟ้อในภาคเศรษฐกิจ – ขณะนี้ ญี่ปุ่นเผชิญภาวะเงินเฟ้อสูงในรอบ 10 ปี ทำให้กำลังซื้อของภาคประชาชนต่ำลง โดย ผศ. ดร. ธีวินท์วิเคราะห์ว่า รัฐบาลของทาคาอิจิมีนโยบายอัดฉีดการใช้จ่ายของประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งก็เป็นแนวทางของ LDP ในทุนเดิม
  2. ปัญหาการต่อต้านผู้อพยพ – ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ มองว่า ปัญหานี้เป็นภาวะเรื้อรัง เพราะแต่เดิม ญี่ปุ่นไม่ได้มีชื่อเสียงดีในด้านภาพลักษณ์เป็นมิตรกับคนต่างชาติ แต่ด้วยภาวะสังคมผู้สูงอายุ และอัตราการเกิดต่ำ ทำให้ญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกนัก ผู้อพยพและคนต่างชาติจึงเป็นกำลังสำคัญในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ

 

สำหรับในหน้าการเมืองญี่ปุ่น พรรคซันเซโตะ (Sanseito) ถือเป็นหัวหอกสำคัญในการสนับสนุนนโยบายต่อต้านผู้อพยพ โดยใช้สโลแกน ‘คนญี่ปุ่นต้องมาก่อน’ (Japanese First) และเชื่อว่า คนต่างถิ่นเข้ามาทำลายเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคมญี่ปุ่น

 

  1. ความท้าทายด้านการต่างประเทศ – ผศ. ดร. ธีวินท์ระบุว่า เรื่องหลักของการต่างประเทศญี่ปุ่น คือ การรักษาพันธมิตรกับสหรัฐฯ ในฐานะเสาหลักด้านความมั่นคง เพื่อรักษากลไกป้องปราม (Deterrence) จากช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญมาตรา 9 แม้ว่า การขึ้นมาของทรัมป์ แปรเปลี่ยนให้มหามิตร ดู ‘เอาแต่ใจ’ ซึ่งญี่ปุ่นก็ต้องประนีประนอมกับสหรัฐฯ ต่อไป

 

“ญี่ปุ่นก็มองพันธมิตรญี่ปุ่น-สหรัฐ เป็นเสาหลักในการรักษาเสถียรภาพและความสงบในพื้นที่ เพื่อที่จะป้องปรามไม่ให้จีนกระทำบุ่มบ่าม หรือว่าใช้กำลังในเรื่องต่างๆ ”

 

อีกประเด็นหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกต คือ ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออก อาจกลับมาร้าวฉานอีกครั้ง โดยพูดถึงประเด็นการเยือนศาลเจ้ายาสุกุนิ ที่มักถูกท้วงติงจากจีนและเกาหลีใต้ ประเทศคู่กรณีเสมอ

 

‘ญี่ปุ่น’ โอกาสของไทยในวิกฤตไทย-กัมพูชา

 

แต่ในเรื่องดีที่ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่ว่ารัฐบาลชุดไหน คือ ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ผศ. ดร. ธีวินท์มองว่า ญี่ปุ่นก็ยังให้ความสำคัญกับประเทศอาเซียนไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีข้อพิพาททะเลจีนใต้กับจีน เช่น ญี่ปุ่นเคยส่งเรือปลดระวางให้ฟิลิปปินส์และเวียดนาม

 

ยิ่งกว่านั้น ไทย-ญี่ปุ่นสามารถร่วมมือประเด็นความมั่นคงกันได้มากขึ้น ท่ามกลางความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ซึ่งไทยและญี่ปุ่นมีข้อตกลงแลกเปลี่ยนอาวุธ หรือ Defense Equipment Transfer

 

“ผมคิดว่าเป็นโอกาสของไทย ซึ่งก็เหมาะกับญี่ปุ่นด้วย เพราะญี่ปุ่นก็คงอยากจะสานสัมพันธ์ประเด็นด้านความมั่นคง เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับจีน เหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณว่า มีหลายประเทศที่อยู่ข้างญี่ปุ่น และไม่อยากเห็นจีนสร้างความปั่นป่วนในภูมิภาค”

 

ภาพ: YUICHI YAMAZAKI / Reuters

อ้างอิง:

The post New Era of Japan? ก้าวต่อไปของการเมืองญี่ปุ่น ในวันที่ (อาจ) ได้นายกฯ หญิงคนแรก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ญี่ปุ่นอาจมีนายกฯ หญิงคนแรก หรือมีนายกฯ อายุน้อยที่สุด หลังเตรียมเลือกหัวหน้าพรรครัฐบาลคนใหม่ https://thestandard.co/japan-first-female-or-youngest-pm/ Fri, 03 Oct 2025 05:33:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1125955

พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือพรรค LDP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของญ […]

The post ญี่ปุ่นอาจมีนายกฯ หญิงคนแรก หรือมีนายกฯ อายุน้อยที่สุด หลังเตรียมเลือกหัวหน้าพรรครัฐบาลคนใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือพรรค LDP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของญี่ปุ่นในขณะนี้ เตรียมลงคะแนนเสียงเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันพรุ่งนี้ (4 ตุลาคม) ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นอาจมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ หรือมีผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในยุคสมัยใหม่

 

มีผู้สมัครชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค LDP ทั้งหมด 5 คน ซึ่งกำลังแข่งขันกันในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อเข้ามารับไม้ต่อจาก ชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งหลายครั้ง

 

โดยผู้ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้มีแนวโน้มสูงมากที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนต่อไป เนื่องจากพรรค LDP เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในรัฐสภา แม้ว่าพรรคได้สูญเสียเสียงข้างมากในทั้งสองสภา ภายใต้การนำของอิชิบะแล้วก็ตาม

 

ส่องผู้สมัครคนสำคัญ

 

หนึ่งในผู้สมัครตัวเต็งคือ ซานาเอะ ทาคาอิจิ วัย 64 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษนิยม เธอเป็นพันธมิตรของ ชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ โดยเธอให้คำมั่นว่าจะ กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายของรัฐบาลอย่างแข็งกร้าว ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก เนื่องจากญี่ปุ่นมีภาระหนี้สินมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

 

ทาคาอิจิ สัญญาว่าจะ เพิ่มขนาดเศรษฐกิจเป็นสองเท่าภายในหนึ่งทศวรรษ ด้วยการลงทุนของรัฐจำนวนมหาศาลในเทคโนโลยีใหม่ โครงสร้างพื้นฐาน การผลิตอาหาร และด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจอื่นๆ

 

โดยเธอผ่านเข้าสู่การเลือกตั้งหัวหน้าพรรครอบ Runoff เมื่อปีที่แล้ว ก่อนจะแพ้ให้กับอิชิบะด้วยคะแนนเสียง 52.57% ต่อ 47.43% ถ้าหากครั้งนี้เธอได้รับเลือก ทาคาอิจิจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองญี่ปุ่น

 

อีกหนึ่งคู่แข่งคนสำคัญคือ ชินจิโร โคอิซึมิ วัย 44 ปี ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรอยู่ในขณะนี้ และเป็นลูกชายของ จุนอิจิโร โคอิซึมิ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น (2001-2006) โดย โคอิซึมิ รวมถึงผู้สมัครคนอื่นๆ (ยกเว้น ทาคาอิจิ) ได้กล่าวว่า พวกเขาจะ ลดภาษีเพื่อช่วยครัวเรือนรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่จะยึดถือแนวทางจำกัดทางเศรษฐกิจ (Economic Restraint) ของอิชิบะอย่างใกล้ชิด

 

โดยโคอิซึมิถูกมองว่า เป็นบุคคลที่สามารถสร้างฉันทามติร่วมกับพรรคอื่นๆ ได้ หากเขาได้รับเลือกตั้ง โคอิซึมิจะมีอายุมากกว่า ฮิโรบูมิ อิโตะ เพียงไม่กี่เดือน เมื่อเทียบกับอายุของอิโตะขณะที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของญี่ปุ่นในปี 1885 และนั่นทำให้ญี่ปุ่นอาจมีนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในยุคสมัยใหม่

 

ส่วนผู้สมัครอีก 3 คนได้แก่ โยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี วัย 64 ปี, ทาคายูกิ โคบายาชิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วัย 50 ปี และ โทชิมิตสึ โมเตกิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วัย 69 ปี

 

เกณฑ์การเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP คนใหม่

 

หากผู้สมัครคนใดได้รับเสียงข้างมาก มากกว่า 50% หรือประมาณ 297 คะแนน ในรอบแรก จะเป็นผู้ชนะและได้เป็นเก้าอี้หัวหน้าพรรค LDP ทันที แต่หากไม่มีผู้สมัครคนใดได้คะแนนเสียงถึงเกณฑ์ดังกล่าว จะมีการจัดการลงคะแนนแบบ Runoff ทันทีในรอบที่สอง

 

โดยผู้ที่จะเข้าสู่รอบสุดท้ายจะเป็นสองผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากรอบแรก ผู้ชนะจะถูกตัดสินโดยสมาชิกสภานิติบัญญัติ 296 คน และตัวแทนจาก 47 สาขาประจำจังหวัดของพรรค ซึ่งแต่ละสาขาจะมีคะแนนเสียงเท่ากันจำนวน 1 คะแนน รวมเป็น 343 คะแนน ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งในรอบที่สองจะได้เป็นหัวหน้าพรรค LDP คนใหม่

 

ใครก็ตามที่ชนะการเลือกตั้งผู้นำพรรค LDP จะต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก หลังพรรคที่กำลังประสบวิกฤต ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ความไม่พอใจต่อพรรค LDP กำลังผลักดันให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนหนุ่มสาวที่รู้สึกผิดหวัง หันไปหาพรรคฝ่ายค้าน เช่น พรรคขวาจัดที่ต่อต้านผู้อพยพ

 

พรรค LDP ถูกมองว่าห่างเหินจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้นเรื่อย ๆ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองได้ให้ความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการเลือกตั้งผู้นำประเทศอีกครั้งในไม่ช้า

 

แฟ้มภาพ: Tomohiro Ohsumi / Getty Images

 

อ้างอิง:

The post ญี่ปุ่นอาจมีนายกฯ หญิงคนแรก หรือมีนายกฯ อายุน้อยที่สุด หลังเตรียมเลือกหัวหน้าพรรครัฐบาลคนใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>