SCBX – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 17 Dec 2025 08:59:13 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 SCBX ยื่นจดสิทธิบัตร 3 นวัตกรรม AI แห่งอนาคต รับมือยุค Post-Quantum พร้อมปูทางสู่โลกการเงินแห่งอนาคต https://thestandard.co/scbx-ai-patents-post-quantum/ Wed, 17 Dec 2025 08:59:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1155736 SCBX ยื่นจดสิทธิบัตร 3 นวัตกรรม AI แห่งอนาคต รับมือยุค Post-Quantum พร้อมปูทางสู่โลกการเงินแห่งอนาคต

SCBX ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการยื่นจดสิทธิบัตร 3 น […]

The post SCBX ยื่นจดสิทธิบัตร 3 นวัตกรรม AI แห่งอนาคต รับมือยุค Post-Quantum พร้อมปูทางสู่โลกการเงินแห่งอนาคต appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBX ยื่นจดสิทธิบัตร 3 นวัตกรรม AI แห่งอนาคต รับมือยุค Post-Quantum พร้อมปูทางสู่โลกการเงินแห่งอนาคต

SCBX ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการยื่นจดสิทธิบัตร 3 นวัตกรรมหลักที่พัฒนาโดย SCBX R&D and Innovation Lab ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างมีความรับผิดชอบ ปลอดภัย และโปร่งใส พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมทางเทคโนโลยีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุค ‘Post-Quantum’ ที่กำลังจะมาถึง

 

สิทธิบัตรทั้ง 3 ฉบับครอบคลุมมิติสำคัญในการดำเนินธุรกิจการเงิน ได้แก่ การคุ้มครองผู้บริโภคผ่านเทคโนโลยีการแปลงเสียงเพื่อตรวจสอบคุณภาพบริการ การยกระดับศักยภาพบุคลากรผ่านระบบจำลองสถานการณ์เสมือนจริง และการวางกรอบการประเมินเครดิตรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับการรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล

 

กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Chief Innovation Officer บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การยื่นจดสิทธิบัตรเหล่านี้สะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ในการสร้างรากฐานทรัพย์สินทางปัญญาที่แข็งแกร่งและพร้อมรับอนาคต อันจะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า หน่วยงานกำกับดูแล และระบบนิเวศทางการเงิน เรามุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์ แต่ยังมีความรับผิดชอบและปลอดภัย

 

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่อุตสาหกรรมการเงินกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ขับเคลื่อนด้วย AI และตระหนักถึงภัยจากควอนตัมมากขึ้น ความท้าทายเหล่านี้ทำให้กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ต้องคิดล่วงหน้าและพัฒนานวัตกรรมที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่ายในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีของเราจะมีความยืดหยุ่นและรองรับความเปลี่ยนแปลงได้” กวีวุฒิกล่าวเสริม

 

ดร.ทุตานนท์ สินธุประสิทธิ์ Head of R&D บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่ SCBX R&D เรามองว่าการจดสิทธิบัตรเป็นมากกว่าการคุ้มครอง แต่เป็นหลักฐานของการลงทุนระยะยาวในการสร้างเครื่องยนต์นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยอย่างแท้จริงสำหรับกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในเวทีระดับสากล”

 

ดร.ทุตานนท์ อธิบายเพิ่มเติมว่า “ตั้งแต่ระบบ AI ที่ตรวจสอบการโต้ตอบกับลูกค้าไปจนถึงการประเมินเครดิตที่ป้องกันภัยจากควอนตัม สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงินไทยสามารถสร้างเทคโนโลยีระดับโลกที่ทนทานต่อการทดสอบของกาลเวลา และพร้อมแข่งขันในเวทีสากล รวมถึงยกระดับตำแหน่งของประเทศไทยด้านเทคโนโลยีทางการเงินในภูมิภาคอีกด้วย”

 

วีรินท์ ฉันทโรจน์ Head of Innovation บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การจดสิทธิบัตรครั้งนี้สะท้อนถึงนวัตกรรมที่แท้จริงภายในกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทีมวิศวกร หน่วยงานธุรกิจ และทีมหน้างาน เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขั้นตอนปฏิบัติงานจริง โดยเปลี่ยนปัญหาหน้างานให้กลายเป็นโอกาสในการพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ

 

“โซลูชัน AI ตั้งแต่การกำกับดูแลการบริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม ไปจนถึงการประเมินความเสี่ยงและให้สินเชื่ออย่างปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ และยังช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ในการขยายผล AI ให้นำไปใช้ให้เกิดได้ทั่วทั้งกลุ่ม ความร่วมมือที่แข็งแกร่งทำให้เราสามารถวางรากฐานสำหรับวงจรนวัตกรรมที่เร็วและแปลงไอเดียล้ำสมัยให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่กำหนดอนาคต” วีรินท์กล่าวปิดท้าย

 

สำหรับนวัตกรรมแรกที่มีการยื่นจดสิทธิบัตรคือ Voice-to-Understanding ซึ่งเป็นระบบแปลงบทสนทนาระหว่างลูกค้าและพนักงานให้เป็นข้อความ โดยใช้เทคโนโลยีการรู้จำเสียงอัตโนมัติ (ASR) ที่ได้รับการปรับแต่งโมเดลให้รองรับภาษาไทยโดยเฉพาะ เพื่อให้การจับใจความมีความแม่นยำสูงสุดในบริบทของการสนทนาทางธุรกิจ

 

ระบบดังกล่าวทำงานร่วมกับการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย LLM เพื่อช่วยตรวจจับพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการละเมิดกฎระเบียบ หรือการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้งานจริงแล้วที่บริษัท AutoX และ CardX เพื่อช่วยตรวจสอบคุณภาพการให้บริการแบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถติดตามมาตรฐานการขายของพนักงานได้รวดเร็วและสม่ำเสมอ

 

นวัตกรรมที่สองคือ Voice-to-Voice AI Trainer ระบบฝึกอบรมพนักงานรูปแบบใหม่ที่ใช้ AI เข้ามาจำลองสถานการณ์การสนทนา เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance) ของพนักงานส่วนหน้า โดยระบบมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนคำถามและประเมินความถูกต้องของข้อมูลแบบไดนามิกตามสถานการณ์จริง

 

เทคโนโลยีนี้ช่วยยกระดับโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับ Relationship Manager ตัวแทน และทีมขายของบริษัทในเครือ ให้มีความพร้อมในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนแก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยปิดช่องว่างด้านทักษะบุคลากรและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าในวงกว้างได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

นวัตกรรมสุดท้ายคือ Distributed Credit Scoring ซึ่งเป็นกรอบการประเมินเครดิตที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดด้วยเทคโนโลยี Post-Quantum Cryptography (PQC) และ Zero-Knowledge Proof (ZKP) เพื่อรองรับการทำธุรกรรมและการประเมินความเสี่ยงร่วมกันระหว่างสถาบันการเงินและธุรกิจ Non-bank เช่น กลุ่มโทรคมนาคมหรือค้าปลีก

 

จุดเด่นของนวัตกรรมนี้คือความสามารถในการคำนวณคะแนนเครดิตร่วมกันได้โดยไม่ต้องมีการส่งข้อมูลดิบของลูกค้าระหว่างองค์กร ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล พร้อมทั้งเสริมเกราะป้องกันภัยคุกคามจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต นับเป็นการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานการเงินดิจิทัลที่มีความปลอดภัยขั้นสูง

 

กลุ่ม SCBX วางแผนที่จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอสิทธิบัตรอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะต่อไปจะมุ่งเน้นการขยายขนาดการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ครอบคลุมทุกระดับขององค์กร และเร่งนำนวัตกรรมที่คิดค้นได้ไปประยุกต์ใช้จริงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนกลุ่มเอสซีบีเอกซ์สู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการเงินในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน

The post SCBX ยื่นจดสิทธิบัตร 3 นวัตกรรม AI แห่งอนาคต รับมือยุค Post-Quantum พร้อมปูทางสู่โลกการเงินแห่งอนาคต appeared first on THE STANDARD.

]]>
ความเข้าใจที่สร้างจากโค้ด : AI ที่อ่อนโยนเกินเครื่องจักร https://thestandard.co/opinion-the-gentle-ai/ Thu, 27 Nov 2025 05:02:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1148371 ความเข้าใจ ที่สร้าง จาก โค้ด : AI ที่อ่อนโยน เกิน เครื่องจักร

“ทะเลาะกับเขาอีกแล้ว เขาบอกว่าฉันคิดมากไปเอง ควรทำยังไง […]

The post ความเข้าใจที่สร้างจากโค้ด : AI ที่อ่อนโยนเกินเครื่องจักร appeared first on THE STANDARD.

]]>
ความเข้าใจ ที่สร้าง จาก โค้ด : AI ที่อ่อนโยน เกิน เครื่องจักร

“ทะเลาะกับเขาอีกแล้ว เขาบอกว่าฉันคิดมากไปเอง ควรทำยังไงดี”

 

ประโยคแบบนี้ฟังดูเหมือนคำที่คุณส่งให้เพื่อนสนิทตอนกลางคืน แต่ทุกวันนี้ ผู้คนจำนวนมากกำลังคุยแบบนี้…ไม่ใช่กับมนุษย์ แต่กับ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ (Artificial Intelligence)

 

สิ่งที่เริ่มต้นจากแชตบอตตอบคำถามพื้นฐาน กลับค่อยๆ กลายร่างเป็นสิ่งที่ ‘ส่วนตัว’ กว่านั้นมาก ผู้คนเริ่มคุยกับ AI เรื่องอกหัก (Heartbreak), ความกังวล (Anxiety), ความสูญเสีย (Grief), หรือความไม่มั่นใจในตัวเอง (Self-doubt) ระบบเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ ‘ฟัง’ ให้ ‘จำ’ บทสนทนาก่อนหน้า และตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น จนกระทั่งสำหรับผู้ใช้นับล้าน มันไม่ใช่เครื่องมืออีกต่อไป แต่เป็น ‘เพื่อนที่อยู่ตรงนั้นเสมอ ไม่เคยหายไปไหน และเข้าใจเราอย่างไม่มีวันหมดแรง’

 

การเปลี่ยนแปลงนี้บอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ ‘เรา’ มากพอๆ กับ เทคโนโลยี

 

องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) เคยระบุว่า ‘ความเหงา’ คือปัญหาสุขภาพระดับโลก เชื่อมโยงกับทั้งโรคทางกายและใจ แบบสำรวจหลายชิ้นพบว่า 1 ใน 6 ของผู้คนทั่วโลกรู้สึกโดดเดี่ยว โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาวที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

 

ในช่องว่างของความสัมพันธ์ที่ห่างออกเรื่อยๆ นั้น AI ก้าวเข้ามาแทนที่ แอปอย่าง Gemini และ ChatGPT ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือทำงานหรือเรียนรู้ แต่กลายเป็น ‘พื้นที่ให้พิงใจ’ ที่ใครหลายคนเข้ามาหาความสบายใจ ความสนใจ และการตอบรับทางอารมณ์ที่มนุษย์บางครั้งให้กันไม่ได้ ความอบอุ่นนั้น ‘รู้สึกจริง’ ทั้งที่สร้างขึ้นจากโค้ด ไม่ใช่ความห่วงใย

 

แต่เบื้องหลังภาพลวงตาแห่งความเข้าใจนี้ คือการออกแบบอย่างตั้งใจ ปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกว่า ELIZA Effect ตั้งชื่อตามโปรแกรมแชตบอตยุค 1960 จาก MIT ที่เลียนแบบนักบำบัดด้วยการสะท้อนคำพูดของผู้ใช้กลับไป แม้จะไม่ได้ ‘เข้าใจอะไรเลย’ แต่ผู้คนจำนวนมากกลับรู้สึกว่าตัวเองได้รับการรับฟัง จนเกิดความผูกพันทางใจ

 

มันเผยให้เห็นนิสัยลึกของมนุษย์ – แค่มีเสียงที่คล้ายมนุษย์ เราก็พร้อมจะเติม “ความหมาย” และ ‘ความตั้งใจดี’ ลงไปให้มันเอง

 

นักออกแบบจึงให้แชตบอตมีชื่อ มีบุคลิก เช่น Chloe หรือ Eve ใช้ประโยคอย่าง “ฉันเข้าใจนะ” (I hear you) หรือ ‘มันคงยากสำหรับคุณมาก’ (That must be hard) และให้ระบบจำบทสนทนาเก่าเพื่อสร้างความต่อเนื่อง แม้แต่ความไม่สมบูรณ์แบบก็ถูกออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเว้นจังหวะ คำอุทานอย่าง “อืม” หรือ “คือว่า…” หรือแม้แต่จังหวะลมหายใจกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนขึ้นลงเล็กน้อยให้ใกล้เคียงคนจริง ทุกองค์ประกอบคือการจำลองท่าทางของมนุษย์ ที่ทำให้การสื่อสารรู้สึกอบอุ่น แม้จะเป็นความอบอุ่นที่ถูกสร้างขึ้นก็ตาม

 

แต่ ความเห็นใจที่ถูกออกแบบ…ไม่ใช่ความเห็นใจจริง และเมื่อ AI “เหมือนเข้าใจความรู้สึกเรามากเกินไป” ผลลัพธ์อาจไม่เป็นอย่างที่เราคาดคิด

 

ปี 2025 คดี Raine v. OpenAI ทำให้โลกต้องหยุดฟังอีกครั้ง พ่อแม่ของเด็กชายวัย 16 ฟ้อง OpenAI ว่า การตอบในเชิงเห็นใจของ AI ทำให้ความคิดอยากทำร้ายตัวเองของลูกแย่ลง คำถามใหญ่จึงเกิดขึ้น – เมื่อ AI “ฟังอย่างอบอุ่นแต่ไม่เข้าใจจริง” นักพัฒนาต้องรับผิดชอบอย่างไร

 

นักจิตวิทยาเตือนว่า เมื่อเราชินกับคำตอบที่ไม่ตัดสินเรา และยังเข้าใจเราทุกครั้ง เราอาจเริ่มหลบเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับคนจริง เลือก “ความสบายใจแบบดิจิทัล” แทน “ความยุ่งเหยิงแบบมนุษย์” สิ่งที่เหมือนจะเป็น ความสัมพันธ์… อาจค่อยๆ กลายเป็นความพึ่งพาโดยไม่รู้ตัว

 

ความกังวลเหล่านี้ทำให้อุตสาหกรรม AI ต้องชัดเจนขึ้นในพื้นที่อ่อนไหว เช่น สุขภาพ กฎหมาย หรือการเงิน

 

วันที่ 29 ตุลาคม 2025 OpenAI ปรับ Usage Policies ระบุชัดว่า ระบบของบริษัท “ห้ามถูกใช้เพื่อให้คำแนะนำเฉพาะทางที่ต้องมีใบอนุญาต เช่น คำปรึกษาทางการแพทย์หรือกฎหมาย หากไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตกำกับ”

 

การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนการขยับไปสู่ความรับผิดชอบที่มากขึ้นและการออกแบบระบบที่ปลอดภัยขึ้น

 

AI จะยังคงพัฒนาไปเรื่อยๆ เรียนรู้ที่จะเว้นจังหวะ ฟัง และปลอบโยนด้วยความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น แต่ที่ SCBX เราเชื่อว่าบทบาทของเทคโนโลยีไม่ใช่การแทนที่ความสัมพันธ์ของมนุษย์ แต่คือการทำให้มนุษย์ “เข้าใจกันมากขึ้น” ความก้าวหน้าที่แท้จริงจึงไม่ได้วัดกันที่ AI ฟังดูเป็นมนุษย์แค่ไหน แต่ดูจากการที่เทคโนโลยีช่วยให้มนุษย์เข้าใจกันได้ลึกเพียงใด

 

เพราะความเข้าอกเข้าใจและความเห็นใจจริงไม่สามารถโปรแกรมได้ มันต้องมาจากมนุษย์

 

และบางที วันหนึ่งเมื่อมีใครพิมพ์ว่า “ทะเลาะกับเขาอีกแล้ว เขาบอกว่าฉันคิดมากไปเอง ควรทำยังไงดี” AI ที่เข้าใจความเป็นมนุษย์ อาจไม่ใช่ AI ที่ตอบด้วยน้ำเสียง หรือคำพูดเสมือนมนุษย์ที่สุด แต่อาจเป็น AI ที่กระซิบเตือนเราเบาๆ ว่า… ถึงเวลาเดินกลับไปคุยกับมนุษย์จริงๆ สักคนแล้ว

The post ความเข้าใจที่สร้างจากโค้ด : AI ที่อ่อนโยนเกินเครื่องจักร appeared first on THE STANDARD.

]]>
Thailand’s Digital Twin: ประเทศไทยอีกใบในโลกดิจิทัล https://thestandard.co/thailand-digital-twin/ Tue, 28 Oct 2025 08:15:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1136533 Thailand’s Digital Twin: ประเทศไทย อีกใบในโลก ดิจิทัล

เที่ยงคืนในกรุงเทพฯ เมืองกำลังหลับใหล แต่ในศูนย์ข้อมูลแ […]

The post Thailand’s Digital Twin: ประเทศไทยอีกใบในโลกดิจิทัล appeared first on THE STANDARD.

]]>
Thailand’s Digital Twin: ประเทศไทย อีกใบในโลก ดิจิทัล

เที่ยงคืนในกรุงเทพฯ เมืองกำลังหลับใหล แต่ในศูนย์ข้อมูลแห่งหนึ่ง ‘ประเทศไทยอีกใบ’ กลับตื่นอยู่ตลอดเวลา

 

ในโลกเสมือนนี้ มีผู้คนดิจิทัลนับล้านที่ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์จริง คุยกับเพื่อน ทำงาน ช้อปปิ้ง และแสดงความคิดเห็นต่อข่าวสารบ้านเมือง ข้อมูลจากพฤติกรรมเหล่านี้กำลังถูกใช้เพื่อช่วยให้นักวิจัยเข้าใจว่า ‘คนไทยจริงๆ’ คิดและตัดสินใจอย่างไร

 

นี่คือโลกของ Agent Simulation เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์รูปแบบใหม่ที่ไม่ได้แค่ ‘ตอบคำถาม’ แต่ ‘คิด วางแผน และตัดสินใจ’ ได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่ทำให้แนวคิดนี้น่าตื่นเต้น คือ มันพยายามสร้างแบบจำลองของมนุษย์ หรือที่เรียกว่า ‘Digital Twin’ ที่สะท้อนวิธีคิดและพฤติกรรมของเราอย่างใกล้เคียงที่สุด

 

จากแนวคิดเชิงเทคนิค สู่การเปลี่ยนแปลงเชิงสังคมจริงๆ

 

ไม่กี่ปีก่อน ‘AI Agent’ ยังหมายถึงบอตในคอลล์เซ็นเตอร์ที่ตอบคำถามซ้ำๆ แต่วันนี้ มันกลายเป็นเครื่องมือระดับมหภาคที่ใช้ทำความเข้าใจสังคมทั้งหมด ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเคยสร้างตัวแทนดิจิทัลของคนจริงกว่าพันคน จากข้อมูลการสัมภาษณ์และแบบสอบถาม แล้วเปรียบเทียบคำตอบของ AI Agent กับเจ้าของตัวจริง ผลปรากฏว่าตรงกันถึง 85% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับความต่างของความคิดของคนเดียวกันเมื่อทดสอบซ้ำในเวลาต่อมา

 

บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง OpenAI, Google, Anthropic และ Meta ต่างเร่งพัฒนา ‘Agentic Systems’ ที่ไม่ได้รอคำสั่งจากมนุษย์ แต่สามารถ ‘ลงมือคิดและทำ’ ได้เอง พวกเขามองว่านี่คือก้าวต่อไปของการเข้าใจมนุษย์ในสังคมทั้งหมด

 

แล้วถ้าเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้กับประเทศของเรา จะเกิดอะไรขึ้น

 

ลองจินตนาการว่า ก่อนรัฐบาลจะประกาศนโยบายใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเงินกู้เพื่อการศึกษา ราคาน้ำมัน หรือโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ นโยบายนั้นสามารถ ‘ทดสอบล่วงหน้า’ ได้ในโลกจำลองของประเทศไทย โลกที่มีประชากรดิจิทัลกว่าเจ็ดสิบล้านคน สะท้อนข้อมูลจากชีวิตจริง ทั้งรายได้ การศึกษา ความคิดเห็นทางสังคมและพฤติกรรมการใช้จ่าย

 

ผลลัพธ์ที่ได้ช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายมองเห็นผลกระทบต่อประชาชนแต่ละกลุ่มก่อนจะเกิดขึ้นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องแล็บวันนั้น ไม่ได้เป็นเพียงการทดลองของนักวิจัย แต่คือภาพจำลองของอนาคตที่ใกล้กว่าที่คิด

 

งานวิจัย Generative Agents (Stanford, 2023) เคยสร้างเมืองจำลองขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยตัวละคร AI ซึ่งมีบุคลิกและความทรงจำของตัวเอง เมื่อปล่อยให้โต้ตอบกันอย่างอิสระ พวกเขากลับ ‘ใช้ชีวิต’ เหมือนมนุษย์จริง ตั้งวงคุยกัน สร้างมิตรภาพ และจัดงานวันวาเลนไทน์ขึ้นเองโดยไม่มีมนุษย์สั่ง

 

จากแนวคิดในเมืองจำลอง สู่เครื่องมือกำหนดอนาคตในโลกจริง

 

เมืองต่างๆ อาจใช้ Agent Simulation เพื่อจำลองปัญหาการจราจรหรือวิเคราะห์ความต้องการที่อยู่อาศัย นักเศรษฐศาสตร์สามารถสร้างแบบจำลองเพื่อศึกษาผลกระทบของภาษีใหม่ นักวิจัยด้านสาธารณสุขอาจคาดการณ์ว่าผู้คนจะตอบสนองต่อมาตรการสุขภาพหรือแคมเปญรณรงค์อย่างไร และในภาคเอกชน นักการตลาดสามารถทดสอบกลยุทธ์กับ ‘ลูกค้าจำลอง’ เพื่อคาดการณ์ปฏิกิริยาต่อสินค้าและราคาก่อนเปิดตัวจริง

 

แต่ในขณะที่เทคโนโลยีขยับเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์มากขึ้น คำถามใหม่ๆ ก็เริ่มตามมา ถ้าตัวตนของคุณถูกจำลองขึ้นในระบบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ใครคือเจ้าของ ‘คุณอีกคน’ ข้อมูลนั้นสามารถถูกใช้เพื่อวางนโยบายโดยไม่ขออนุญาตได้ไหม และถ้าโลกจำลองนี้คือกระจกสะท้อนของสังคมจริง เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ‘กระจกบานนั้น’ สะท้อนความเป็นมนุษย์ครบทุกแง่มุม

 

คำตอบหนึ่งอาจอยู่ในแนวทางขององค์กรที่เลือกใช้เทคโนโลยีนี้อย่างมีความรับผิดชอบ

 

ที่ SCBX แนวคิด Agent Simulation ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือแทนมนุษย์ แต่เป็นวิธีใหม่ในการ ‘เข้าใจมนุษย์ให้ลึกกว่าเดิม’ เพราะการจำลองพฤติกรรมของผู้คน ไม่เพียงช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เสียงของประชาชน ‘ถูกได้ยิน’ แม้ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม

 

และบางที สิ่งสำคัญอาจไม่ใช่ว่าเราจะสร้างโลกใหม่ได้แค่ไหน แต่คือเราจะ ‘มองเห็น’ ตัวเองจากโลกนั้นได้ชัดแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้ว Agent Simulation อาจไม่ใช่เทคโนโลยีที่สร้างโลกใหม่ แต่มันคือ ‘กระจก’ ที่สะท้อนให้เราเห็นตัวเองชัดขึ้น ก่อนที่การตัดสินใจของเราจะสร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา ทั้งในโลกจริง และในโลกอีกใบที่ไม่มีใครรู้ว่ามีอยู่ และในวันหนึ่งข้างหน้า ก่อนที่กฎหมาย นโยบาย หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ใดๆ จะถูกเปิดตัว การทดลองครั้งแรกของมัน… อาจไม่ได้เกิดขึ้นในโลกจริง แต่ใน ‘โลก Digital Twin ของประเทศไทย’ ที่เต็มไปด้วยผู้คนจำลองนับล้าน ซึ่งคิด รู้สึก และมีชีวิตเหมือนเรา

The post Thailand’s Digital Twin: ประเทศไทยอีกใบในโลกดิจิทัล appeared first on THE STANDARD.

]]>
เหตุผลที่ธุรกิจเพิกเฉย Scope 3 Emissions ไม่ได้ https://thestandard.co/scope-3-emissions-cannot-be-ignored/ Sat, 18 Oct 2025 09:39:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1132299 COVER - Scope 3 Emissions cannot be ignored

โลกกำลังชี้เป้าใหม่ของความยั่งยืน   การเดินหน้าสู่ […]

The post เหตุผลที่ธุรกิจเพิกเฉย Scope 3 Emissions ไม่ได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
COVER - Scope 3 Emissions cannot be ignored

โลกกำลังชี้เป้าใหม่ของความยั่งยืน

 

การเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ทำให้การบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) กลายเป็นภารกิจระดับชาติ และ ‘Scope 3’ กำลังกลายเป็นจุดชี้วัดความจริงจังของภาคธุรกิจ

 

หาก Scope 1 คือการปล่อยจากการดำเนินงานโดยตรงขององค์กร และ Scope 2 คือการใช้พลังงานที่ซื้อมา Scope 3 คือการปล่อยทางอ้อมจากกิจกรรมที่เกิดขึ้นตลอดห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัตถุดิบ การขนส่ง การผลิต ไปจนถึงการใช้สินค้าของผู้บริโภค

 

แม้จะเป็นส่วนที่จัดการได้ยากที่สุด แต่ในความเป็นจริง การปล่อยคาร์บอนขององค์กรกว่า 70% กลับเกิดจากกิจกรรมในห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะภาคการผลิต ค้าปลีก และการเงิน ที่สัดส่วน Scope 3 อาจสูงถึง 90% ของการปล่อยทั้งหมด

 

นั่นทำให้ ‘Scope 3’ ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือโครงสร้างของความสามารถในการแข่งขัน

 

กติกาโลกใหม่ ไม่ทำไม่ได้

 

ปี 2568 เป็นต้นมา องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เริ่มกำหนดให้การรายงาน Scope 3 เป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อยกระดับการจัดการให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล ขณะเดียวกันระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศก็เข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ในยุโรป กฎ CSRD (Corporate Sustainability Reporting Directive) บังคับให้บริษัทขนาดใหญ่รายงานข้อมูลความยั่งยืนที่รวมถึง Scope 3 อย่างละเอียด และต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ ขณะที่ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ปี 2569 กำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าในสหภาพยุโรปต้องซื้อใบรับรองคาร์บอนตามปริมาณการปล่อยในกระบวนการผลิต

 

ผลกระทบนี้ไม่เพียงจำกัดอยู่ในระดับนโยบาย แต่ลามไปถึงการเงินและการลงทุน นักลงทุนทั่วโลกใช้ข้อมูล ESG และ Scope 3 เป็นเกณฑ์ประเมินความเสี่ยง บริษัทที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใสจะถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘ความเสี่ยงสูง’ ทั้งต่อการลงทุนและการเข้าถึงแหล่งทุน ธนาคารพาณิชย์ในไทยหลายแห่งจึงเริ่มบรรจุเกณฑ์นี้ไว้ในกระบวนการพิจารณาสินเชื่อ

 

นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกยังเริ่ม ‘ผลักความรับผิดชอบ’ ด้านคาร์บอนมายังคู่ค้าทุกราย เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero ร่วมกัน หากทำไม่ได้ ก็เสี่ยงหลุดจากซัพพลายเชนโลก

 

สัญญาณจากองค์กรไทย ‘เริ่มลงมือจริง’

 

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (2563 – 2567) จำนวนองค์กรไทยที่ขอรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จาก อบก. เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบ 40% ต่อปี ปัจจุบันมีองค์กร 711 แห่งที่ผ่านการรับรองระดับองค์กร (CFO) และ 437 บริษัทผ่านการรับรองระดับผลิตภัณฑ์ (CFP) รวมสินค้ากว่า 6,000 รายการ

 

Content_1

 

กลุ่มที่ขับเคลื่อนมากที่สุดคือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ตามด้วยบริการ พลาสติก วัสดุก่อสร้าง และพลังงาน สะท้อนว่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อาหารและการบริโภคเริ่มปรับตัวก่อน เพราะเป็นกลุ่มที่ถูกแรงกดดันจากตลาดต่างประเทศมากที่สุด

 

ข้อมูลจริงจาก SET50 ‘Scope 3’ คือของจริง

 

ข้อมูลจาก SETSMART ระบุว่า บริษัทในดัชนี SET50 ปี 2567 (48 แห่ง) ปล่อยคาร์บอนรวมกว่า 628 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดย Scope 3 มีสัดส่วนสูงสุดถึง 81% ของการปล่อยทั้งหมด

 

Content_2

 

ตัวเลขนี้สะท้อนว่าการลดคาร์บอนไม่สามารถทำได้ด้วยการจัดการภายในองค์กรเท่านั้น แต่ต้องอาศัย ‘การร่วมมือของทั้ง Value Chain’ ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบไปจนถึงผู้บริโภคปลายทาง

 

น่าสังเกตว่ามีเพียง 4 บริษัทในกลุ่มนี้ที่ยังไม่มีการทวนสอบข้อมูลคาร์บอนโดยบุคคลภายนอก และกว่า 10 บริษัทที่ยังไม่ได้รายงาน Scope 3 อย่างครบถ้วน สะท้อนว่าช่องว่างด้านการรายงานยังมีอยู่มาก แต่ทิศทางโดยรวมเริ่มชัดว่า ‘การเปิดเผยข้อมูลคือบรรทัดฐานใหม่ของตลาดทุน’

 

วิธีจัดการ Scope 3: ตัวอย่างจากอุตสาหกรรม

 

การเงินและธนาคาร – สัดส่วนคาร์บอนส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากสาขาหรืออาคาร แต่เกิดจาก ‘พอร์ตสินเชื่อ’ ที่ปล่อยให้ลูกค้าไปดำเนินธุรกิจ SCBX จึงใช้มาตรฐาน PCAF ประเมินการปล่อยคาร์บอนของลูกหนี้ (Financed Emissions) พร้อมตั้งเป้าลด Scope 1- 2 ลง 90% ภายในปี 2573 และวางเป้าหมายลด Scope 3 ผ่านความร่วมมือกับลูกค้าองค์กรกว่า 200 ราย

 

อาหารและเครื่องดื่ม – การปล่อยส่วนใหญ่เกิดจากวัตถุดิบเกษตร การใช้ปุ๋ย และการขนส่ง อุตสาหกรรมนี้จึงหันมาส่งเสริมเกษตรคาร์บอนต่ำ และเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ ซึ่งไม่เพียงลดคาร์บอนแต่ยังช่วยลดต้นทุนระยะยาว

 

ยานยนต์ – ผู้ผลิตรถยนต์สันดาปปล่อยคาร์บอนกว่า 80% จากการใช้งานของลูกค้า การเปลี่ยนผ่านสู่ EV จึงเป็นทางออกหลัก แต่ก็เปิดโจทย์ใหม่เรื่องการผลิตและกำจัดแบตเตอรี่หลังหมดอายุ

 

เทคโนโลยี – ต้องจัดการคาร์บอนจากศูนย์ข้อมูล (Data Center) และซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ผ่านแนวคิด Circular Design และการใช้พลังงานหมุนเวียน

 

Content_3

 

บทสรุป: โลกเปลี่ยนเร็ว ธุรกิจต้องเร็วกว่านั้น

 

เมื่อกติกาโลกเข้มข้นขึ้นและภัยภูมิอากาศใกล้ตัวขึ้นทุกวัน การบริหาร Scope 3 ไม่ใช่เพียง ‘ทางเลือกเพื่อความยั่งยืน’ แต่คือ ‘ยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอด’

 

องค์กรที่เริ่มต้นประเมินและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยคาร์บอนของตนเองตั้งแต่วันนี้ จะไม่เพียงลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและต้นทุนในอนาคต แต่ยังได้เปรียบในโลกการค้าและการลงทุนที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง 

 

อ้างอิง:

The post เหตุผลที่ธุรกิจเพิกเฉย Scope 3 Emissions ไม่ได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBX เข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโครงการ FinTechAI@CSAIL ของ MIT ผลักดันนวัตกรรมด้าน AI สำหรับการเงิน https://thestandard.co/scbx-fintechaicsail/ Tue, 02 Sep 2025 08:44:25 +0000 https://thestandard.co/?p=1114589 FinTechAI@CSAIL

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ประกาศเข้า […]

The post SCBX เข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโครงการ FinTechAI@CSAIL ของ MIT ผลักดันนวัตกรรมด้าน AI สำหรับการเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
FinTechAI@CSAIL

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ประกาศเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโครงการ FinTechAI@CSAIL ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านการวิจัยนวัตกรรมที่ริเริ่มโดย Computer Science and Artificial Intelligence Laboratory (CSAIL) แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยมีศาสตราจารย์แอนดรูว์ ดับเบิลยู. โล เป็นผู้นำโครงการ เพื่อศึกษาศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการพลิกโฉมระบบการเงินโลกในอนาคต

 

SCBX เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มสมาชิกผู้ก่อตั้งที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ SCBX ในการขับเคลื่อนนวัตกรรม AI อย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible AI) และร่วมผลักดันบทสนทนาเชิงนโยบายระดับโลกเกี่ยวกับอนาคตของระบบการเงิน

 

ตัวแทนจาก SCBX ในโครงการนี้ ได้แก่ กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร Chief Innovation Officer บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ด้านนวัตกรรมและทิศทางการวิจัยของกลุ่ม โดยเป็นผู้เชื่อมโยงระหว่างงานวิจัยเทคโนโลยีเชิงลึกกับการประยุกต์ใช้จริงในภาคการเงิน

 

“การเข้าร่วมโครงการ FinTechAI@CSAIL ถือเป็นก้าวสำคัญของ SCBX ในการเดินหน้าสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาค” กวีวุฒิ กล่าว และเสริมว่า “ความร่วมมือนี้เปิดโอกาสให้เราได้ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมกับนักวิจัยระดับโลกและผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อให้เทคโนโลยี AI ถูกพัฒนาอย่างมีนวัตกรรมและความรับผิดชอบ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะมีส่วนร่วมในการวิจัยที่จะกำหนดทิศทางของบริการทางการเงินในอนาคต”

 

ศาสตราจารย์ดาเนียลา รัส ผู้อำนวยการ MIT CSAIL กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับสมาชิกในโครงการนี้ เพื่อพัฒนารากฐานของ AI และสร้างขีดความสามารถใหม่ให้กับอุตสาหกรรมฟินเทค เราจะร่วมกันพัฒนาโซลูชัน FinTech AI ที่ชาญฉลาด น่าเชื่อถือ และเปลี่ยนแปลงวงการการเงินโลก”

 

ความร่วมมือครั้งนี้ จะส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยจาก MIT CSAIL และทีม R&D ของ SCBX โดยเน้นการประยุกต์ใช้ AI กับระบบการเงินในโลกจริง พร้อมผลักดันการพัฒนาแนวคิดร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีความหมาย ครอบคลุม และยั่งยืน

 

โครงการ FinTechAI@CSAIL จะมุ่งเน้นการวิจัยใน 5 ด้านหลัก ได้แก่

  1. โมเดล AI, โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) และการนำ AI ไปใช้ 
  2. ระบบ AI อัตโนมัติที่มีความสามารถในการตัดสินใจ 
  3. ความปลอดภัยทางไซเบอร์และข้อมูลสังเคราะห์ 
  4. ประสิทธิภาพของนักพัฒนา 
  5. โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและความไว้วางใจจากสาธารณชน 

 

โครงการนี้สะท้อนถึงความเร่งด่วนร่วมกันของสถาบันการเงินทั่วโลกในการนำ AI มาใช้ด้วยแนวทางที่มีจริยธรรมและเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ในขณะที่อุตสาหกรรมการเงินกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว SCBX ยังคงยึดมั่นในการสร้างอนาคตของการเงินผ่านนวัตกรรม ความร่วมมือ และการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ

 

The post SCBX เข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งโครงการ FinTechAI@CSAIL ของ MIT ผลักดันนวัตกรรมด้าน AI สำหรับการเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBX ปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่! ‘ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์’ ว่าที่ซีอีโอ SCBX คนต่อไป ‘มาณพ เสงี่ยมบุตร’ นั่งซีอีโอ AutoX ‘สุทธิพงศ์ กนกากร’ ควบซีอีโอ DataX-SCB TechX https://thestandard.co/scbx-announces-major-management-reshuffle/ Wed, 20 Aug 2025 14:20:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1109465 SCBX

SCBX จัดทัพครั้งใหญ่ ‘ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์’ เตรียมขึ้นเป […]

The post SCBX ปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่! ‘ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์’ ว่าที่ซีอีโอ SCBX คนต่อไป ‘มาณพ เสงี่ยมบุตร’ นั่งซีอีโอ AutoX ‘สุทธิพงศ์ กนกากร’ ควบซีอีโอ DataX-SCB TechX appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBX

SCBX จัดทัพครั้งใหญ่ ‘ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์’ เตรียมขึ้นเป็นซีอีโอ SCBX คนต่อไป ในวันที่ 1 มกราคม 2570 ส่วน ‘มาณพ เสงี่ยมบุตร’ นั่งซีอีโอ AutoX ด้าน ‘สุทธิพงศ์ กนกากร’ นั่งตำแหน่งซีอีโอ DataX ควบซีอีโอ SCB TechX ตำแหน่งเดิม ตั้งแต่ 16 กันยายนนี้

 

วันนี้ (20 สิงหาคม) กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ (SCBX) ประกาศปรับทัพผู้บริหารระดับสูงภายในกลุ่ม โดยแจ้งให้ทราบว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริษัทวันนี้ ได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2568 เป็นต้นไป

 

โดย SCBX ได้แต่งตั้ง ‘มาณพ เสงี่ยมบุตร’ ซึ่งจะยุติบทบาทในตำแหน่ง Chief Financial Officer ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)  เพื่อขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ AutoX โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2568 หลังอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโต้เอกซ์ จำกัด (AutoX) จะเกษียณอายุการทำงานในวันที่ 16 กันยายน 2568 หลังจากได้เป็นผู้วางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนเป็นหลักประกันของกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ในช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ยังได้แต่งตั้ง ‘ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์’ ซึ่งจะยุติบทบาทในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เดต้า เอกซ์ จำกัด (DataX) และ Chief Blockchain and Digital Assets Business Officer ของ SCBX มาดำรงตำแหน่ง Chief Financial Officer ของ SCBX โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2568 ควบคู่ไปกับตำแหน่ง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Deputy CEO) ของ SCBX และเตรียมพร้อมขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 1 มกราคม 2570 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานกำกับทางการที่เกี่ยวข้อง

 

เพื่อให้การดำเนินงานของ DataX เป็นไปอย่างต่อเนื่อง กลุ่มเอสซีบีเอกซ์ได้แต่งตั้ง ‘สุทธิพงศ์ กนกากร’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เทคเอกซ์ จำกัด (SCB TechX) ขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ DataX ควบคู่ไปกับบทบาทเดิม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2568

 

อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ว่า “ในวาระที่คุณอภิพันธ์จะเกษียณอายุการทำงาน ผมขอขอบคุณคุณอภิพันธ์เป็นอย่างยิ่งสำหรับความทุ่มเทและบทบาทสำคัญในฐานะผู้บุกเบิกและวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับ AutoX ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเพื่อให้การดำเนินงานของกลุ่มเอสซีบีเอกซ์เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ คณะกรรมการบริษัทจึงได้ปรับเปลี่ยนผู้บริหารให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละธุรกิจ โดยพิจารณาจากความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่ลึกซึ้งของแต่ละบุคคล ผมมั่นใจว่าการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่น และสอดคล้องกับแนวทางที่คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดไว้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจต่างๆ ของกลุ่ม เติบโตสู่อนาคตอย่างมั่นคง”

 

การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มเอสซีบีเอกซ์ในการพัฒนาบุคลากรและองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้นำรุ่นใหม่พร้อมเสริมสร้างศักยภาพของกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและโอกาสใหม่ในโลกการเงินแห่งอนาคต

The post SCBX ปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่! ‘ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์’ ว่าที่ซีอีโอ SCBX คนต่อไป ‘มาณพ เสงี่ยมบุตร’ นั่งซีอีโอ AutoX ‘สุทธิพงศ์ กนกากร’ ควบซีอีโอ DataX-SCB TechX appeared first on THE STANDARD.

]]>
อินโนเวสท์ เอกซ์ ชี้ การลงทุนปี 68 ‘ผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ’ แนะเก็งกำไรแทนลงทุนยาว หลังราคาไม่ถูกอีกแล้ว https://thestandard.co/innovest-x-2025-investment-outlook/ Fri, 17 Jan 2025 08:10:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1031412 อินโนเวสท์ เอกซ์ นำเสนอมุมมองการลงทุนปี 2568

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ธุรกิจด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบ […]

The post อินโนเวสท์ เอกซ์ ชี้ การลงทุนปี 68 ‘ผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ’ แนะเก็งกำไรแทนลงทุนยาว หลังราคาไม่ถูกอีกแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
อินโนเวสท์ เอกซ์ นำเสนอมุมมองการลงทุนปี 2568

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ธุรกิจด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกและการลงทุนปี 2568 จะอยู่ในสภาพของ ‘ความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ’ กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะคือ การลงทุนแบบเก็งกำไร (Trading)

 

สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2568 จะอยู่ในสภาพความผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ จึงประเมินว่ากลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมสำหรับปี 2568 คือ การลงทุนแบบเก็งกำไร ซึ่งต่างจากปี 2567 ที่เคยให้มุมมองว่าเป็นปีแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ A Year of Value Investing เนื่องจากภาพรวมตลาดหุ้นที่ราคาหุ้นไม่ได้ Undervalue เหมือนกับช่วงต้นปี 2567 อีกแล้ว

 

ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกจะถูกขับเคลื่อนด้วยแรงสำคัญ 4T ได้แก่ 

 

  1. Transition – การเปลี่ยนผ่านจากภาวะเงินเฟ้อสูงมาสู่ภาวะ Soft Landing  
  2. Trump – การกลับมาของนโยบาย America First 
  3. Technology – พลังขับเคลื่อนจาก AI และเทคโนโลยีสีเขียว 
  4. Turmoil – ความปั่นป่วนทั่วโลกอันเนื่องมาจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ด้านเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ 4 ประการ (4T) ได้แก่ 

 

  1. Tightened Economy – ภาคการผลิตของไทยกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน 
  2. Time to Cut – นโยบายการเงินตึงตัวเกินไป ธปท. ต้องพิจารณาลดดอกเบี้ยเร็วและต่อเนื่อง 
  3. Tax Reform – ภาครัฐจำเป็นต้องปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงวิกฤตการคลัง 
  4. Temperature Rising – ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรง 

 

สำหรับเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโต 2.7% จากปัจจัยหนุนด้านนโยบายการคลังที่ยังผ่อนคลาย ขณะที่นโยบายการเงินขึ้นอยู่กับการลดดอกเบี้ยของ ธปท. เป็นหลัก โดยหากลดช้าจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ณ เดือนมกราคม 2568 เราคาดการณ์ว่าการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนเติบโต 0.5% และ 2.2% ขณะที่นักท่องเที่ยวคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคน ด้านการส่งออกมีแนวโน้มไม่ขยายตัว

 

สุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ความท้าทายสำคัญในปี 2568 ได้แก่ 

 

  1. นโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมืองโลกของ โดนัลด์ ทรัมป์ 
  2. ตลาดการเงินโลกจะผันผวนมากขึ้นไปตามกระแสของข้อมูลข่าวสารที่คาดว่าจะมีความถี่เพิ่มขึ้นมาก 
  3. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่ายังมีแนวโน้มสดใส แต่ Valuation ของหุ้นที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้มีโอกาสเกิดการปรับตัวลดลงได้ หากเกิดเหตุการณ์ที่ผิดคาด 
  4. เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับ 2 ปัญหาใหญ่ คือ ระดับหนี้สูง และผลกระทบจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง 
  5. ผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ คาดว่าจะส่งผลให้เกิดสงครามค่าเงิน (Currency War) ตามมา 

 

 

วิศกรณ์ คีรีวรรณ CFA, ผู้อำนวยการ Investment Strategist ฝ่าย Wealth Products & Strategy บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า การจัดสรรเงินลงทุนปี 2568 ยังคงแนะนำลงทุนในตราสารทุนมากกว่าตราสารหนี้ โดยใช้ทองคำในการกระจายความเสี่ยง 

 

สิ่งที่นักลงทุนควรคำนึงอยู่เสมอในปี 2568 ก็คือการเลือกลงทุน เนื่องจากเป็นปีแห่งการเข้าสู่ภาวะปกติ (Normalization) ดังนั้นการเติบโตของกำไรตลาดดังเช่นในปี 2567 อาจไม่ได้เห็นในปีนี้

 

แนะนำเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นขนาดกลาง-เล็กสไตล์คุณค่าของสหรัฐฯ เพื่อรอรับจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ที่จะมาถึง พร้อมทั้งเน้นลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่น และได้รับผลกระทบด้านภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าในอดีต อย่างตลาดหุ้นจีนและเวียดนาม ส่วนตราสารหนี้แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้โลกที่มีอายุ (Duration) ไม่เกิน 3-5 ปี เพื่อล็อกผลตอบแทน และกระจายความเสี่ยงในทองคำควบคู่กันไปด้วย

The post อินโนเวสท์ เอกซ์ ชี้ การลงทุนปี 68 ‘ผันผวนสูง ผลตอบแทนต่ำ’ แนะเก็งกำไรแทนลงทุนยาว หลังราคาไม่ถูกอีกแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBX แนะ 5 กลยุทธ์สร้างกล้ามเนื้อองค์กร ดันสมอง AI ให้ขับเคลื่อนตามเป้าหมาย https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-15112024/ Fri, 15 Nov 2024 02:21:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1008901

SCBX เผย 5 วิธีปรับตัวเพื่อให้องค์กรสามารถนำ AI มาใช้ให […]

The post SCBX แนะ 5 กลยุทธ์สร้างกล้ามเนื้อองค์กร ดันสมอง AI ให้ขับเคลื่อนตามเป้าหมาย appeared first on THE STANDARD.

]]>

SCBX เผย 5 วิธีปรับตัวเพื่อให้องค์กรสามารถนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริงตามเป้าหมายที่วางไว้

 

ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2024: BRAVE NEW WORLD เศรษฐกิจไทย ไล่กวดโลกใหม่ ในหัวข้อ Building Corporate AI Muscles: The SCBX Playbook AI เสริมองค์กรแกร่ง พร้อมแข่งในโลกธุรกิจ ว่าทุกวันนี้เราได้ยินคำว่า AI ทุกวัน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ ซึ่ง 87% ของการสำรวจความเห็นซีอีโอก็บอกว่า AI จะเข้ามากระทบธุรกิจไม่ว่าเชิงบวกหรือเชิงลบ

 

สิ่งที่น่าแปลกใจคือมีบริษัทเพียง 9% เท่านั้นที่บอกว่าสามารถใช้ AI แล้วเกิดประโยชน์ได้จริงตามเป้าหมายที่ต้องการ

 

SCBX เป็นหนึ่งในองค์กรที่พยายามนำ AI เข้ามาปรับใช้กับธุรกิจและแต่ละภาคส่วนของงานอย่างเข้มข้น แต่ ดร.อารักษ์ ก็ยอมรับว่าบริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายคล้ายกับอีกหลายๆ บริษัท และเพื่อที่จะก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ SCBX พยายามจะสร้างสิ่งที่เรียกว่า Corporate Muscle ขึ้นมา

 

“ผมคิดว่า AI คือสมอง แต่สมองจะไม่สามารถขับเคลื่อนอะไรได้ถ้าไม่มีร่างกาย แขนขา และกล้ามเนื้อ ความท้าทายคือเราจะทำอย่างไรให้องค์กรมีร่างกาย แขนขา และกล้ามเนื้อ เพื่อให้ AI ทำงานได้จริง” ดร.อารักษ์กล่าว

 

ดร.อารักษ์ กล่าวต่อว่า เพื่อจะสร้าง Corporate Muscle องค์กรต้องดำเนินการ 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่

 

  1. เรื่องคน (People Muscle)

คนทุกระดับต้องมีความเข้าใจในเทคโนโลยี และมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน หาก 3 กลุ่มนี้ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน กล้ามเนื้อจะไม่สามารถทำงานได้

 

เราพยายามสร้างความรู้ความเข้าใจในแบบเดียวกัน ตั้งแต่คณะกรรมการที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย ผู้บริหารที่มีหน้าที่ผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริง และเสริมความรู้พนักงานให้ถูกต้อง โดยตั้งเป้าให้พนักงาน 100% มีความรู้ความเข้าใจว่า AI คืออะไร ใช้อย่างไร ไม่ควรใช้อย่างไร

 

  1. เรื่องข้อมูล (Data Muscle)

เป็นการบริหารจัดการข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ข้อมูลที่มีคุณภาพเป็นอาหารอันทรงคุณค่าแก่สมองขององค์กร

 

SCBX ได้ตั้ง DataX เพื่อรวบรวมและจัดการข้อมูลของทั้งกลุ่มบริษัท โดยมองว่าชุดข้อมูลที่ต่างกันจะทำให้การใช้เทคโนโลยี AI ของแต่ละบริษัทต่างกัน

 

  1. เรื่องขีดความสามารถ (Capability Muscle)

การสร้างขีดความสามารถทางเทคโนโลยี นำ AI ออกไปใช้งานจริง บนพื้นฐานของระบบ กระบวนการ และข้อมูลขององค์กร เพื่อลดอุปสรรคในการนำไปใช้

 

ในกลุ่ม SCBX ได้นำ AI ไปใช้ร่วมกับหลายส่วนงาน เช่น การทดลองให้ AI อนุมัติสินเชื่อ เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการ ทำให้การอนุมัติสินเชื่อที่มีมูลค่าไม่สูงมากทำได้ในหลักวินาที หรือการใช้ AI ช่วยพัฒนาซอฟต์แวร์ เป็นต้น

 

  1. เรื่องการให้อำนาจ (Empowerment Muscle)

เป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดโอกาสและส่งเสริมบรรยากาศให้กลายเป็นองค์กรที่ทำเป็น ทำเร็ว โดยไม่กลัวความล้มเหลว และอยู่บนความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 

SCBX พยายามผลักดันให้พนักงานในองค์เข้ามาร่วมแสดงความเห็น ทดลองใช้ และพัฒนาทักษะด้าน AI ผ่านอีเวนต์ต่างๆ ตลอดทั้งปี

 

  1. เรื่องการผลักดันจากศูนย์กลาง (Enablement Muscle)

เป็นการสร้างแรงขับเคลื่อนแห่งการเปลี่ยนแปลง ผ่านการมีส่วนร่วม สนับสนุน และผลักดันอย่างเป็นระบบจากทุกระดับ

 

สิ่งสำคัญคือในองค์กรที่มีพนักงานกว่า 30,000 คน จึงต้องจัดตั้งองค์กรที่ทำหน้าที่รวบรวมไอเดียและสร้างกระบวนการพัฒนาร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนและแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ

 

 

The post SCBX แนะ 5 กลยุทธ์สร้างกล้ามเนื้อองค์กร ดันสมอง AI ให้ขับเคลื่อนตามเป้าหมาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
11 แบงก์ไทยทำกำไรรวม 6.58 หมื่นล้านบาท โต 7% ใน 3Q67 https://thestandard.co/profits-of-11-thai-banks/ Wed, 23 Oct 2024 06:52:56 +0000 https://thestandard.co/?p=999270

ผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 ธนาคารช่วงไตรม […]

The post 11 แบงก์ไทยทำกำไรรวม 6.58 หมื่นล้านบาท โต 7% ใน 3Q67 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้ง 11 ธนาคารช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ยังออกมาในทิศทางบวก โดยมีเพียงธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) และทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ที่กำไรหดตัวลง

 

โดยทั้ง 11 ธนาคารมีกำไรสุทธิรวมกัน 6.58 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.04% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 2.53 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.99%

 

ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เป็นธนาคารที่มีรายได้จากการดำเนินงานสูงสุด 4.8 หมื่นล้านบาทในไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนธนาคารที่มีกำไรสุทธิมากที่สุดคือธนาคารกรุงเทพ (BBL) ทำได้ 1.14 หมื่นล้านบาท

 

ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในไตรมาสล่าสุดเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีเพียง 3 ธนาคารที่ NPL ลดลง ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) และ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG)

 

ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ กลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่าผลประกอบการของกลุ่มธนาคารที่ออกมาแข็งแกร่งนั้น ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากเงินลงทุนและการตั้งสำรองที่ลดลง

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ยังคงกดดันผลประกอบการกลุ่มธนาคารอยู่คือเรื่องของคุณภาพหนี้ เนื่องจากสัดส่วน NPL ของธนาคารส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อทำได้ยากขึ้น

 

“การลดการตั้งสำรองเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ แต่รายได้ดอกเบี้ยค่อนข้างอ่อนแอ เพราะแนวโน้มในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารค่อนข้างตึงจากความต้องการลดความเสี่ยง” ตฤณกล่าว

 

หากมองไปที่ไตรมาส 4 ซึ่งปกติจะเป็นโลว์ซีซันของกลุ่มธนาคาร เนื่องจากจะเป็นช่วงที่ธนาคารจะบันทึกค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่อนข้างมาก และยังถูกกดดันจากการลดดอกเบี้ย ทำให้รายรับจากดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา

 

ส่วนแนวโน้มปี 2568 ตฤณมองว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโตในกรอบเลขตัวหลักเดียว เนื่องจากแนวโน้มของดอกเบี้ยขาลงทำให้มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลง แต่การตั้งสำรองจะลดลงเช่นกัน เนื่องจากคุณภาพหนี้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้ว

 

 

ภาพประกอบ: กันยกร กาญจนวิไล

The post 11 แบงก์ไทยทำกำไรรวม 6.58 หมื่นล้านบาท โต 7% ใน 3Q67 appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBX เผยไตรมาส 3/67 มีกำไร 1.09 หมื่นล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนกำไรสุทธิลดลง 0.9% เหตุรับรู้ผลขาดทุนขายแอป Robinhood https://thestandard.co/scbx-3-67-profit/ Mon, 21 Oct 2024 08:55:49 +0000 https://thestandard.co/?p=998509 SCBX

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB มีกำไรสุทธิ […]

The post SCBX เผยไตรมาส 3/67 มีกำไร 1.09 หมื่นล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนกำไรสุทธิลดลง 0.9% เหตุรับรู้ผลขาดทุนขายแอป Robinhood appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBX

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 จำนวน 10,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 32,236 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ในไตรมาส 3 ปี 2567 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 32,635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ ในขณะที่ยอดสินเชื่อโดยรวมลดลงเล็กน้อยในอัตรา 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ภายใต้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีความท้าทายรอบด้าน

 

รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ มีจำนวน 9,985 ล้านบาท ลดลง 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลหลักๆ มาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัย และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ

 

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวน 17,606 ล้านบาท ลดลง 4.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ไม่รวมผลกระทบจากการขายแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี Robinhood อยู่ที่ 40.9%

 

บริษัทตั้งเงินสำรองลดลง 10.4% จากปีก่อน เนื่องจากไตรมาสนี้ไม่มีการตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยงจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ดังเช่นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพคงอยู่ในระดับสูงที่ 163.9%

 

คุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 อยู่ที่ 3.4% ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.3% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 19.0%

 

อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากอุทกภัยในหลายพื้นที่ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มุ่งเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพและเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน

 

ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทร่วมกับ 2 ธนาคารดิจิทัลชั้นนำในภูมิภาค ได้แก่ KakaoBank และ WeBank ยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) บริษัทเชื่อมั่นว่า Virtual Bank จะเข้ามาช่วยขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงิน อีกทั้งยังส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ บริษัทขายกิจการแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี Robinhood ให้กับกลุ่มผู้ลงทุนซึ่งนำโดยบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ภายใต้เจตนารมณ์ที่ต้องการส่งต่อแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีของคนไทยเพื่อคนไทยต่อไป ทั้งนี้ การขายกิจการดังกล่าวเป็นไปตามกรอบการรักษาเงินที่รอบคอบ เพื่อสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน

The post SCBX เผยไตรมาส 3/67 มีกำไร 1.09 หมื่นล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนกำไรสุทธิลดลง 0.9% เหตุรับรู้ผลขาดทุนขายแอป Robinhood appeared first on THE STANDARD.

]]>