Sandbox – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 12 Oct 2023 08:30:32 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 TDRI แนะรัฐบาลทำ Sandbox ศึกษาตัวคูณทางเศรษฐกิจ และใช้เงินในงบประมาณ เพื่อลดความเสี่ยงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท https://thestandard.co/tdri-recommend-sandbox-for-digital-wallet/ Thu, 12 Oct 2023 08:30:32 +0000 https://thestandard.co/?p=853990 สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์

TDRI เสนอรัฐบาลทำ Sandbox ศึกษาตัวคูณทางเศรษฐกิจจากนโยบ […]

The post TDRI แนะรัฐบาลทำ Sandbox ศึกษาตัวคูณทางเศรษฐกิจ และใช้เงินในงบประมาณ เพื่อลดความเสี่ยงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์

TDRI เสนอรัฐบาลทำ Sandbox ศึกษาตัวคูณทางเศรษฐกิจจากนโยบายแจกเงินดิจิทัล โดยเริ่มจากกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อนกระจายทั่วประเทศ แนะดำเนินการผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณ เพื่อความโปร่งใส-สร้างกระบวนการเรียนรู้ ห่วงใช้เงินนอกงบสร้างภาระให้ลูกหลานในอนาคต

 

สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้เสนอให้รัฐบาลทำ 2 เรื่องเพื่อลดความเสี่ยงจากการทำนโยบายแจกดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เรื่องแรกคือจัดทำ Sandbox คือทดลองแจกเงินให้กับประชาชนก่อน โดยเริ่มจากกลุ่มคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยและมีตัวคูณทางเศรษฐกิจสูงที่สุด ซึ่งเชื่อว่าภายใน 6 เดือน รัฐบาลจะมีข้อมูลที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับผลของตัวคูณทางเศรษฐกิจ

 

“ก่อนจะแจกทั่วประเทศและแจกทุกคน หากนักวิชาการและรัฐบาลยังเห็นไม่ตรงกันเรื่องตัวคูณทางเศรษฐกิจว่าจะเป็นเท่าไร ทางออกคือการทำ Sandbox รัฐบาลบอกว่าลมพายุหมุนเร็ว คิดว่าภายใน 6 เดือนก็รู้ผลแล้ว แล้วตัวเลขจะออกมาเองว่านักวิชาการที่ไปลงรายชื่อกันคัดค้านหรือรัฐบาลใครจะถูก” ประธานสถาบัน TDRI กล่าวในรายการ WEALTH IN DEPTH ของ THE STANDARD 

 

สมเกียรติกล่าวอีกว่า ส่วนตัวค่อนข้างมีความกังวลกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล เพราะต้องใช้งบประมาณสูงมาก ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าที่มาของเงินที่นำมาใช้จะมาจากไหน ขณะเดียวกันก็มีข้อถกเถียงกันถึงตัวคูณเศรษฐกิจว่าจะสูงเหมือนที่รัฐบาลคาดหวังไว้หรือไม่ 

 

โดยผลการศึกษาทั้งในต่างประเทศและไทย เช่น กรณีของสำนักงบประมาณของรัฐสภาพบว่า นโยบายแจกเงินในรูปแบบนี้ตัวคูณจะอยู่ที่ไม่เกิน 1 เท่า ในสหรัฐอเมริกาก็เคยศึกษาและพบข้อมูลที่สอดคล้องกัน เว้นแต่กรณีที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจติดลบที่การแจกเงินจะได้ผลมากหน่อย นอกจากนี้ยังมีผลการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่พบว่าตัวคูณของนโยบายลักษณะนี้จะอยู่ที่ 0.4% เท่านั้น 

 

“มีคนออกมาแย้งว่าตัวเลขที่นักวิชาการนำมาอ้างอิงเป็นตัวเลขเก่า โครงการนี้ไม่เหมือนกับนโยบายอื่นๆ ที่เคยทำมา แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงการนี้ก็เป็นเรื่องใหม่ รัฐบาลเองไม่มีข้อมูลในอดีตมารองรับ แล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าตัวคูณเศรษฐกิจจะเกิน 1 ซึ่งในกรณีที่ไม่เกิน 1 จะมีปัญหาตามมามากมาย” สมเกียรติกล่าว

 

ประธานสถาบัน TDRI ระบุว่า ปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหากประสิทธิภาพของนโยบายนี้ไม่เป็นไปตามคาดของรัฐบาลคือ หนี้สาธารณะที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 61% ในปัจจุบัน หรือในกรณีที่รัฐเลือกใช้เงินนอกงบประมาณ ซึ่งเป็นการกู้แบบไม่ลงบัญชีผ่านธนาคารเฉพาะกิจของภาครัฐ ความโปร่งใสก็จะลดลง ทำให้บริษัทเครดิตเรตติ้งและนักลงทุนที่จับตาประเทศไทยอาจมีความเชื่อมั่นลดลง นำไปสู่การถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ 

 

นอกจากนี้ แม้วิกฤตเศรษฐกิจจะยังไม่เกิดขึ้นในขณะนี้และมีหลายประเทศที่หนี้สาธารณะสูงกว่าไทย แต่หากมองไปข้างหน้าคงปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยกำลังจะกลายเป็นสังคมสูงวัย เปรียบเสมือนคนที่กำลังจะเกษียณอายุ แรงงานในระบบจะลดลง คนต้องการบำนาญ ค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น แต่ระบบประกันสังคมของไทยมีความเสี่ยงจะแตกในอีก 20 ปี เพราะมีเงินขาออกมากกว่าเงินขาเข้า 

 

“ในกรณีที่เกิดวิกฤตหนักเหมือนโควิดอีกรอบ เราจะอยู่กันอย่างไร หนี้สาธารณะจะกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ เช่น กรณีสงครามในยูเครน อิสราเอล หากลากยาวมันจะมีผลเยอะแยะไปหมด แล้วไทยจะไปต่ออย่างไร วันนี้ยังไม่มีวิกฤต แต่อนาคตน่าเป็นห่วง เลยอยากให้เก็บกระสุนไว้ก่อนจะดีที่สุด” สมเกียรติกล่าว

 

อย่างไรก็ดี ประธานสถาบัน TDRI เปิดเผยว่า ในมุมหนึ่งก็เข้าใจฝ่ายการเมืองที่ต้องทำตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ และเชื่อว่าการกลับลำไม่ทำเลยหรือแม้แต่จะลดขนาดคงเป็นเรื่องยาก แม้นักวิชาการจะมีข้อมูลมายืนยันก็ตาม ดังนั้นข้อเสนอที่ 2 ของตนคือ หากรัฐบาลยังอยากจะทำนโยบายนี้จริงๆ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ขอให้รัฐบาลดำเนินการด้วยเงินงบประมาณ โดยไม่สั่งให้แบงก์รัฐออกเงินไปก่อน เพราะนั่นถือเป็นการกู้แบบหนึ่งเหมือนกันแม้จะไม่ถูกนับเป็นหนี้สาธารณะ

 

ทั้งนี้ หากอ้างอิงจากเอกสารที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นต่อ กกต. ไว้ในช่วงหาเสียง งบของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะอยู่ที่ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งที่มาของเงินจะมาจากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นต่อยอดจากรัฐบาลก่อน 2.6 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าโครงการนี้จะทำให้เกิดเงินหมุน ทำให้รัฐเก็บภาษีได้เพิ่มมาอีก 1 แสนล้านบาท นอกจากนี้จะไปบริหารจัดการงบต่างๆ ที่มีอยู่ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท และไปตัดสวัสดิการที่ซ้ำซ้อนอีก 9 หมื่นล้านบาท 

 

สมเกียรติกล่าวอีกว่า หากรัฐบาลอยากจะใช้เงิน 5.6 แสนล้านบาทเพื่อรักษาสัญญากับประชาชนไว้จริงๆ ก็ควรทำตามที่แจ้ง กกต. ไว้ โดยจัดทำพระราชบัญญัติงบประมาณ แล้วไปขออนุมัติรัฐสภา ซึ่งจะมีกระบวนการกลั่นกรองอีกหลายขั้นตอน อันดับแรกคือพรรคร่วมรัฐบาลกันเองจะได้รู้ว่าเงินที่ตัวเองอยากเอามาทำโครงการอื่นๆ จะหายไป เพราะมันจะถูกโยกไปใช้กับดิจิทัลวอลเล็ต ทำให้พรรคร่วม 11 พรรคต้องตกลงกันให้ได้ภายในก่อน

 

“ถ้าทำแบบนี้ผมคิดว่าความเสียหายจะน้อยและเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ทำเป็น พ.ร.บ.งบประมาณ ดีที่สุด เพราะทุกฝ่ายรวมถึงประชาชนเองจะได้เรียนรู้ว่าการได้มาคนละ 10,000 บาทภายใต้งบประมาณที่มีจำกัด เท่ากับบางเรื่องจะถูกตัดไป คนที่คิดว่าจะได้ 10,000 บาทฟรีๆ จะพบว่ามันไม่ได้ฟรีอีกต่อไป มันต้องเสียอะไรบางอย่าง แต่กระบวนการเรียนรู้นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากเราไปยืมเงินอนาคตมาแล้วทำเสมือนว่าเป็นของฟรี โดยให้คนที่รับภาระเป็นลูกหลานในอนาคต” สมเกียรติกล่าว

The post TDRI แนะรัฐบาลทำ Sandbox ศึกษาตัวคูณทางเศรษฐกิจ และใช้เงินในงบประมาณ เพื่อลดความเสี่ยงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘The New Signal’ อีเวนต์น่ารักที่ผนวกโลกของไวนิลเข้ากับ NFT https://thestandard.co/the-new-signal-nft/ Tue, 27 Sep 2022 11:59:08 +0000 https://thestandard.co/?p=687565 The New Signal

การฟังเพลงจากไวนิลกลายเป็นเทรนด์สำคัญของนักฟังยุคใหม่ที […]

The post ‘The New Signal’ อีเวนต์น่ารักที่ผนวกโลกของไวนิลเข้ากับ NFT appeared first on THE STANDARD.

]]>
The New Signal

การฟังเพลงจากไวนิลกลายเป็นเทรนด์สำคัญของนักฟังยุคใหม่ที่ชื่นชอบกลิ่นอายของการฟังเพลงยุคอนาล็อก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกเราในยามนี้กำลังตื่นตัวกับระบบบล็อกเชนและ Metaverse เช่นกัน และจะเป็นอย่างไรถ้าเราเอา 2 อย่างนี้มารวมกัน

 

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Gadhouse แบรนด์ Music & Lifestyle ผู้ผลิตเครื่องเสียงแบรนด์ไทย จับมือกับ SoundKoh Collective จัดงาน ‘The New Signal’ อีเวนต์เล็กๆ น่ารัก ที่นำเอาโลกของไวนิลมาผนวกเข้ากับโลก NFT โดยเชิญ 11 ศิลปิน NFT ทั้งจากไทย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานบนเครื่องเล่นแผ่นเสียง อุปกรณ์เสริม และเฟอร์นิเจอร์จาก Gadhouse ซึ่งนอกจากจะมีผลงานในโลกความเป็นจริงแล้ว ชิ้นงานทั้งหมดจะถูกแปลงไปอยู่บนโลกดิจิทัลโดยเหล่าศิลปิน 3D จาก Site of Projects บนแพลตฟอร์ม Sandbox เพื่อใช้เป็นช่องทางประมูลสินค้าบนแพลตฟอร์ม OpenSea รายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่อการจัดกิจกรรมที่สนับสนุนศิลปิน นักดนตรีหน้าใหม่ และชุมชนท้องถิ่นต่อไป

 

แม้ตัวงานอีเวนต์หลักจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ตัวนิทรรศการยังคงจัดแสดงจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. ณ TOWNHOUSE SPACE ซอยอารีย์ 4 แต่หากอยากประมูลชิ้นงาน NFTs สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://opensea.io/Gadhouse มีเจ๋งๆ เพียบเลย

 

The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal The New Signal

The post ‘The New Signal’ อีเวนต์น่ารักที่ผนวกโลกของไวนิลเข้ากับ NFT appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธปท. เผยมีนวัตกรรมการเงินผ่าน Sandbox แล้ว 38 โครงการ ยังรอความชัดเจนเกณฑ์ Virtual Bank และคริปโต ก่อนเปิดให้ทดสอบ https://thestandard.co/bank-of-thailand-unveiled-sandbox/ Mon, 23 May 2022 10:19:10 +0000 https://thestandard.co/?p=632737 Sandbox

สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบ […]

The post ธปท. เผยมีนวัตกรรมการเงินผ่าน Sandbox แล้ว 38 โครงการ ยังรอความชัดเจนเกณฑ์ Virtual Bank และคริปโต ก่อนเปิดให้ทดสอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sandbox

สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการทดสอบนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงินภายใต้ Regulatory Sandbox ของ ธปท. ว่านับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 จนถึง ณ สิ้น ไตรมาส 1 ปี 2565 มีโครงการที่เข้ามาทดสอบใน Regulatory Sandbox แล้วทั้งหมด 78 โครงการ โดยมีโครงการที่การทดสอบประสบผลสำเร็จและออกให้บริการในวงกว้างแล้วจำนวน 38 โครงการ มีรายละเอียดดังนี้

 

  1. การใช้ QR Code เพื่อการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดการใช้เงินสดและทำให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้ทั่วถึงมากขึ้นจำนวน 18 โครงการ โดยปัจจุบันมีจุดวาง QR code ทั่วประเทศแล้วกว่า 7.2 ล้านจุด และมีผู้ใช้งานลงทะเบียน PromptPay กว่า 69.5 ล้านหมายเลข

 

  1. การยืนยันตัวตนโดยใช้ลักษณะทางชีวภาพของแต่ละบุคคล (Biometrics) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการของภาครัฐและเอกชน ผ่านระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลที่น่าเชื่อถือได้ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย จำนวน 10 โครงการ โดยปัจจุบันมีหน่วยงานที่เข้าร่วมใช้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม NDID แล้ว 94 หน่วยงาน มีลูกค้าที่ลงทะเบียนแล้วกว่า 5 ล้านราย เปิดบัญชีเงินฝากผ่าน NDID แล้วกว่า 7 แสนบัญชี และขอข้อมูลเครดิตจากเครดิตบูโรเพื่อสมัครสินเชื่อสำเร็จแล้วกว่า 8 ล้านรายการ

 

  1. การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ (e-LG) และโอนเงินระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของการออกหนังสือค้ำประกันและการโอนเงินระหว่างประเทศจำนวน 9 โครงการ ซึ่งช่วยให้การออกหนังสือ e-LG ทำได้รวดเร็วขึ้น ภายใน 1-8 ชั่วโมง (จากเดิม 3-7 วัน) โดยมีปริมาณธุรกรรมรวมกว่า 65,000 ใบ มูลค่ารวมกว่า 120,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังช่วยลดระยะเวลาการโอนเงินระหว่างประเทศเหลือ 3-5 นาที (จากเดิม 3-5 วัน) โดยลูกค้าได้รับค่าธรรมเนียมลงเหลือ 199 บาทต่อรายการ (เดิม 500-600 บาทต่อรายการ)

 

  1. การขอสินเชื่อผ่านระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล (P2P Lending Platform) เพื่อเพิ่มโอกาสแก่ผู้กู้ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือสินเชื่อ และเป็นแหล่งลงทุนใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นจำนวน 1 โครงการ โดยปัจจุบันมีผู้ให้บริการได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังแล้ว 1 ราย เมื่อ 22 เมษายน 2565 

 

“ภายในเดือนมิถุนายนนี้จะมีโครงการที่การทดสอบประสบผลสำเร็จและออกให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 10 โครงการ ส่วนที่เหลืออยู่จะเป็นกลุ่มที่ทดลองแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันบน NDID ซึ่งคาดว่าจำนวนมากจะออกจากการทดลองได้ภายในปีนี้เช่นกัน” สิริธิดากล่าว

 

สิริธิดากล่าวอีกว่า โครงการใหม่ๆ ที่เข้ามาทดสอบภายใต้ Regulatory Sandbox ของ ธปท. ในระยะต่อไปจะเน้นไปที่โครงการที่ถูกออกแบบหรือพัฒนาเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานหรือมาตรฐานกลาง ซึ่งต้องการการทดสอบร่วมกันในวงกว้าง หรือกรณที่มีกฎหมายหรือหลักเกณฑ์กำหนดให้ต้องเข้าทดสอบใน Regulatory Sandbox ขณะที่โครงการที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีและธนาคารที่ให้บริการในรูปแบบใหม่บนช่องทางดิจิทัลโดยไม่มีสาขา หรือ Virtual Bank นั้น ยังต้องรอความชัดเจนในเรื่องกฎเกณฑ์การกำกับที่จะออกมาก่อนจะเข้าสู่กลไกที่เปิดให้ทำการทดลอง

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post ธปท. เผยมีนวัตกรรมการเงินผ่าน Sandbox แล้ว 38 โครงการ ยังรอความชัดเจนเกณฑ์ Virtual Bank และคริปโต ก่อนเปิดให้ทดสอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เห็นด้วยร่างหลักเกณฑ์ห้ามใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้า เตรียมเข้าร่วมเฮียริ่งเพื่อเสนอความเห็น แนะตั้ง Sandbox เพื่อทดลองก่อน https://thestandard.co/digital-asset-business-owners-disagree-on-prohibit-product-payment/ Wed, 26 Jan 2022 11:14:26 +0000 https://thestandard.co/?p=587006 ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เห็นด้วยร่างหลักเกณฑ์ห้ามใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้า

กวิน พงษ์พันธ์เดชา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บร […]

The post ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เห็นด้วยร่างหลักเกณฑ์ห้ามใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้า เตรียมเข้าร่วมเฮียริ่งเพื่อเสนอความเห็น แนะตั้ง Sandbox เพื่อทดลองก่อน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เห็นด้วยร่างหลักเกณฑ์ห้ามใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้า

กวิน พงษ์พันธ์เดชา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด (Bitazza) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเข้าไปแสดงความคิดเห็นกับหน่วยงานกำกับดูแล กรณีที่มีการออกร่างหลักเกณฑ์ ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งเบื้องต้นยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ดังกล่าวในบางประเด็นว่าอาจทำไม่ได้ในเชิงปฏิบัติ และอาจทำให้ไทยสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต

 

“ประเด็นแรกที่เรากังวลก็เช่น การระบุให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องตรวจสอบ กรณีที่ลูกค้านำบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการ โดยต้องดำเนินการยกเลิกการให้บริการซื้อขายหรือระงับบัญชี เพราะในทางปฏิบัติการจะทราบถึงวัตถุประสงค์ของลูกค้าว่ามีการโอนไปเพื่อชำระสินค้าหรือทำอย่างอื่น คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะทำได้ในทางปฏิบัติ” กวินกล่าว

 

ประเด็นต่อมาคือ การที่หน่วยงานกำกับออกเกณฑ์ ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลไทยให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการนั้น หากร้านค้ายังมีความประสงค์จะรับชำระด้วยคริปโตเคอร์เรนซีหรือสเตเบิลคอยน์อยู่ ก็ยังสามารถไปเปิดบัญชีกับแพลตฟอร์มต่างประเทศได้อยู่ดี ซึ่งการตรวจสอบจะไม่สามารถทำได้เลย และยังไม่มีการแปลงธุรกรรมให้กลับเป็นเงินบาทอีกด้วย

 

“ถ้าหน่วยงานกำกับกังวลเรื่องการฟอกเงิน ก็ต้องบอกว่าร้านค้าที่มาใช้บริการกับผู้ประกอบการที่มีไลเซนส์จะต้องผ่าน KYC และมีการตรวจกับ ปปง. ตามหลักสากล นอกจากนี้ ข้อดีของการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระ คือ สามารถตามรอยได้บนบล็อกเชน โปร่งใส และไร้ตัวกลาง ส่วนในเรื่องข้อกังวลเรื่องความผันผวนของคริปโต ปัจจุบันผู้ประกอบการก็ได้สร้างโซลูชันสำหรับเรื่องนี้ โดยช่วยให้ร้านค้าเปลี่ยนกลับมาเป็นเงินบาท ซึ่งตอบโจทย์ตลาดได้อยู่แล้ว” กวินกล่าว

 

กวินกล่าวอีกว่า การมีกฎหมายปิดกั้นไม่ให้ผู้ประกอบการไทยให้บริการที่เกี่ยวกับการชำระสินค้าในลักษณะนี้ อาจจะทำให้ไทยสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต หากเศรษฐกิจดิจิทัล อย่างเช่นในโลก Metaverse มีการเติบโตขึ้น โดยมองว่าหน่วยงานกำกับควรชั่งน้ำหนักระหว่างผลดีและผลเสียจากข้อห้ามที่ออกมาให้ดี

 

“เราอยากเข้าไปพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจถึงข้อกังวลต่างๆ ของหน่วยงานกำกับให้แน่ชัด เพื่อที่จะได้ร่วมกันหาทางออกต่อเรื่องนั้นๆ เราอยากอธิบายว่าร้านค้ามาหาเรา เพราะเขาต้องการแก้ Pain Point บางอย่าง โดยเราจะเข้าไปแสดงความเห็นตามขั้นตอน หรืออาจจะมีการหารือกันภายในสมาคมผู้ประกอบสินทรัพย์ดิจิทัลก่อนแล้วเข้าไปพร้อมกัน” กวินกล่าว

 

เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โดยส่วนตัวเข้าใจว่าการออกเกณฑ์ห้ามผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลยุ่งเกี่ยวกับการชำระสินค้าในครั้งนี้ เกิดจากการที่หน่วยงานกำกับกังวลเรื่องความผันผวนของราคา ค่าธรรมเนียมแอบแฝง และที่กลัวมากที่สุดคงเป็นเรื่องเสถียรภาพของเงินบาท

 

“ผมไม่เข้าใจว่าคริปโตเป็นอันตรายต่อเงินบาทขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ยังใช้คริปโตเพื่อการลงทุนเท่านั้น มีเพียงส่วนน้อยมากๆ ที่ใช้ชำระสินค้า สิ่งที่ผมอยากเห็นมากกว่าคือ ธปท. และ ก.ล.ต. จับมือกันตั้ง Sandbox ขึ้นมาให้ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระสินค้าไปเลย องค์กรใดอยากลองก็มาลอง เพื่อทดสอบความปลอดภัย ความสะดวก Pain Point และ Key Success ต่างๆ แทนที่จะปิดกั้นโอกาสกันแบบนี้เลย” เอกลาภกล่าว

 

เอกลาภกล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่การพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในไทยถูกปิดกั้น แทนที่จะถูกฟูมฟักให้ไปในทิศทางที่ถูกต้องจากหน่วยงานกำกับ ซึ่งอาจทำให้ไทยพลาดโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยเชื่อว่าหากไทยสามารถพัฒนาระบบ Crypto Payment ได้ดี จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้อีกมาก เนื่องจากไม่จำเป็นต้องแลกเป็นเงินบาท ทั้งนี้หากมีข้อกังวลเรื่องความผันผวนและการฟอกเงิน ก็สามารถกำหนดเงื่อนไขขึ้นมาป้องกันได้ เช่น การจำกัดให้ใช้สเตเบิลคอยน์ หรือจำกัดให้หนึ่งบัญชีคริปโตใช้ชำระสินค้าได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อวัน เป็นต้น

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เห็นด้วยร่างหลักเกณฑ์ห้ามใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้า เตรียมเข้าร่วมเฮียริ่งเพื่อเสนอความเห็น แนะตั้ง Sandbox เพื่อทดลองก่อน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทีมพัฒนา Sandbox วางแผนย้ายเกมสู่ Polygon และเปิด DAO ภายในปี 2022 เพื่อให้เจ้าของแลนด์มีส่วนร่วมพัฒนา https://thestandard.co/sandbox-coo-views-the-ethereum-metaverse-game-as-a-digital-nation/ Thu, 30 Dec 2021 09:51:52 +0000 https://thestandard.co/?p=577814 Sandbox

Sebastien Borget ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานฝ่ายปฏิบัติการข […]

The post ทีมพัฒนา Sandbox วางแผนย้ายเกมสู่ Polygon และเปิด DAO ภายในปี 2022 เพื่อให้เจ้าของแลนด์มีส่วนร่วมพัฒนา appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sandbox

Sebastien Borget ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Sandbox ให้สัมภาษณ์กับ Decrypt สื่อออนไลน์เกี่ยวกับคริปโต ประเด็นเรื่อง Metaverse และก้าวต่อไปของ The Sandbox หลัง Alpha Test เสร็จสิ้น ซึ่งบางส่วนของบทสัมภาษณ์เผยว่า หนึ่งก้าวสำคัญต่อไปของ The Sandbox คือการย้ายเกมไปยัง Polygon และเปิดตัว DAO ในปี 2022

 

โดย The Sandbox วางแผนเปิดช่วงทดสอบระบบคล้ายๆ กันทุก 2 เดือน ในปี 2022 เพื่อฟังความคิดเห็นจากเจ้าของแลนด์ต่างๆ และเพื่อให้ค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมถูกลงและไหลลื่นขึ้น ตัวเกมจะถูกย้ายไปยังเชน Polygon ซึ่งเป็นเชนเลเยอร์สองที่อยู่บน Ethereum นอกจากนี้ ยังเปิดตัว DAO หรือ Decentralized Autonomous Organization องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ ที่ทำให้เจ้าของแลนด์มีสิทธิ์มีเสียงในการร่วมกันพัฒนาอนาคตของเกมอีกด้วย

 

“Metaverse ต้องสร้างขึ้นโดยผู้คน พวกเขาสร้างขึ้นจากเครื่องมือของเรา และสร้างสรรค์ประสบการณ์ต่างๆ ที่พร้อมเผยแพร่สู่คนอื่นๆ และเราจะอยู่บนเลเยอร์สองเพื่อเผยแพร่ประสบการณ์ของพวกเขา ผมคิดว่านั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้น” Borget กล่าวทิ้งท้าย

 

อ้างอิง:

The post ทีมพัฒนา Sandbox วางแผนย้ายเกมสู่ Polygon และเปิด DAO ภายในปี 2022 เพื่อให้เจ้าของแลนด์มีส่วนร่วมพัฒนา appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ สั่งปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันนี้ ให้เวลาล้างท่อที่เข้ามาก่อนหน้า 2 แสนคน ส่วนคนไทยต้องกักตัว 14 วัน https://thestandard.co/pm-ordered-prohibit-foreign-tourists/ Tue, 21 Dec 2021 08:59:31 +0000 https://thestandard.co/?p=574066 ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (21 ธันวาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมน […]

The post นายกฯ สั่งปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันนี้ ให้เวลาล้างท่อที่เข้ามาก่อนหน้า 2 แสนคน ส่วนคนไทยต้องกักตัว 14 วัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (21 ธันวาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ถึงมาตรการรับมือโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ประเทศไทยจะไม่รับนักท่องเที่ยวรายใหม่แล้ว ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาผ่านระบบ Sandbox และ Test & Go ประมาณ 110,000 คน รวมอนุมัติให้เดินทางเข้าประเทศ 200,000 คน เหลือค้างในระบบที่จะเดินทางเข้ามาอีก 90,000 คน

 

ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม แต่ให้ไปติดตามคนเหล่านี้ที่จะเข้ามาตามช่องทางต่างๆ แต่เราจะไม่มีการอนุมัติและอนุญาตให้เข้ามาอีก 

 

พล.อ. ประยุทธ์กล่าวอีกว่า คนไทยที่ยื่นเรื่องขออนุญาตเข้าประเทศไทยหลังจากวันนี้ไปแล้วต้องทำเรื่องขออนุญาตในระบบใหม่ ทุกคนต้องกักตัวและตรวจ RT-PCR ซ้ำ

 

ส่วนจะเพิ่มวันกักตัวจากเดิม 14 วันหรือไม่นั้น ยังไม่ขอพูดถึง ขอแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้ก่อน ส่วนเชื้อจะพัฒนาสายพันธ์ุไปหรือไม่ต้องรอดู เพราะก็ไม่รู้ว่าโอไมครอนจะมาในช่วงนี้ แต่หากสถานการณ์หลังจากนี้จะเปลี่ยนไปก็ต้องแก้ไปตามลำดับ

 

ขณะเดียวกันการประชุมวันนี้ ยังมีการสอบถามถึงความพร้อมรับมือ หากมีการติดเชื้อกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา สามารถจะรองรับได้หรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งว่ารับได้ และที่สำคัญความรุนแรงของสายพันธุ์โอไมครอนยังควบคุมได้อยู่ ติดเชื้อเร็วแต่รักษาได้ง่าย ไม่มีผลกระทบรุนแรงต่อการเสียชีวิตมากนัก ซึ่งต้องเดินหน้าไปให้ได้ทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ 

 

พล.อ. ประยุทธ์ระบุว่า รัฐบาลกำลังพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้ก่อน ดังนั้นขอสื่อมวลชนอย่าพึ่งมาถาม ในกรณีเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว และจะตรวจหาเชื้อไม่เจอในช่วงที่เดินทางเข้ามา เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ทราบมาก่อนว่าสายพันธุ์โอไมครอนจะเข้ามาตอนนี้ แต่ทั้งหมดเราก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนในประเทศ โดยจะต้องแก้ไขไปตามลำดับ ส่วนมาตรการปีใหม่ ยังคงเป็นมาตรการเดิม วันนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 

 

ด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากนี้เราจะงดรับนักท่องเที่ยวชั่วคราว ซึ่งจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งหลังปีใหม่ในวันที่ 4 มกราคม 2565 โดยรัฐบาลตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เพราะขณะนี้อยู่ในช่วงไฮซีซัน หากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ก็พร้อมเปลี่ยนมาตรการ ส่วนมาตรการล็อกดาวน์นั้นเป็นสิ่งสุดท้าย 

 

โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด พร้อมกำชับเรื่องความปลอดภัยแต่ละจังหวัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้พิจารณามาตรการในแต่ละพื้นที่

The post นายกฯ สั่งปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่วันนี้ ให้เวลาล้างท่อที่เข้ามาก่อนหน้า 2 แสนคน ส่วนคนไทยต้องกักตัว 14 วัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เอกชนเสียงแตก หนุน-ค้านภาครัฐยกเลิก Test & Go คุมโอไมครอนระบาด ห่วงท่องเที่ยวซึมยาวถึงต้นปีหน้า https://thestandard.co/private-broken-voices-support-and-objection-of-test-and-go/ Mon, 20 Dec 2021 13:18:15 +0000 https://thestandard.co/?p=573751

เมื่อวานนี้ (20 ธันวาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนต […]

The post เอกชนเสียงแตก หนุน-ค้านภาครัฐยกเลิก Test & Go คุมโอไมครอนระบาด ห่วงท่องเที่ยวซึมยาวถึงต้นปีหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวานนี้ (20 ธันวาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอให้ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) และคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศแบบ Test & Go ไปก่อน คงเหลือเฉพาะรูปแบบ Sandbox และมาตรการการกักตัว

 

เนื่องจากพบการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนประเทศเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนแล้วเป็นจำนวน 63 ราย และมีผู้ที่รอการยืนยันผลอีกกว่า 20 ราย

 

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโอไมครอนในประเทศไทยเกือบทั้ง 63 ราย เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด มีเพียง 1 รายเป็นการติดเชื้อในประเทศ จากเคสที่สามีเป็นนักบินและนำเชื้อมาติดภรรยา ซึ่งแม้ว่าในเคสนี้เชื้อยังไม่แพร่กระจายไปแต่หากปล่อยให้เกิดกรณีแบบนี้ไปเรื่อยๆ เชื้อจะต้องแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง ทำให้ไทยจำเป็นต้องกลับไปใช้มาตรการที่เข้มงวดอีกครั้ง

 

รมว.สาธารณสุข ยังได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนชะลอการเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากเชื้อโอไมครอนมาจากคนไทยที่กลับจากต่างประเทศ โดยปัจจุบันทั่วโลกมีการตรวจพบการระบาดของเชื้อโอไมครอนแล้ว 89 ประเทศ และยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุก 1 วันครึ่งถึง 3 วันหากมีการแพร่ระบาดในชุมชน

 

นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าแม้ในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงก็ยังพบการแพร่ระบาดของโอไมครอนในอัตราที่ค่อนข้างรวดเร็ว โดยขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าสาเหตุที่โอไมครอนสามารถติดต่อกันได้เร็วนั้นเป็นเพราะสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนหรือภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติได้หรือไม่ 

 

การเตรียมยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศแบบ Test & Go แล้วกลับไปใช้วิธีการกักตัวแบบ State Quarantine ของ ศบค. ได้สร้างความกังวลให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับภาคการท่องเที่ยวและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งมีทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวและฝ่ายที่มองว่าการเพิ่มความเข้มงวดขึ้นชั่วคราวเป็นสิ่งที่รับได้

 

เริ่มจาก สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ออกมาระบุอย่างชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับยกเลิกการเดินทางในประเทศแบบ Test & Go แล้วกลับไปใช้วิธีการกักตัวแบบ State Quarantine เนื่องจากมองว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง

 

โดยมองว่าการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว หากกลับไปใช้ระบบ State Quarantine นักท่องเที่ยวจะไม่เข้ามา ทำให้ช่วงเทศกาลปลายปีซบเซา ความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจได้รับผลกระทบไปด้วย เปรียบเสมือนการประกาศเดินหน้าได้ไม่ทันไรก็จะกลับไปถอยหลังแล้ว

 

ประธาน ส.อ.ท. ระบุด้วยว่า ผลการศึกษาของหลายประเทศในขณะนี้บ่งชี้ตรงกันว่าเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนมีความรุนแรงและก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตน้อยกว่าหลายเท่า ขณะที่การฉีดวัคซีนก็สามารถป้องกันได้ระดับที่น่าพอใจ จึงอยากเสนอให้ภาครัฐเดินหน้านโยบาย Test & Go ต่อ โดยใช้มาตรการทางสาธารณสุขที่มีอยู่เข้าไปดูแลแทน

 

ขณะที่ สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประเมินว่า หากภาครัฐยกเลิกการเดินทางในประเทศแบบ Test & Go แล้วกลับไปใช้วิธีการกักตัวแบบ State Quarantine จะส่งผลกระทบให้การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยของชาวต่างชาติปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ยาวไปถึงไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า

 

อย่างไรก็ดี ยังเชื่อว่าผลกระทบน่าจะจำกัดอยู่แค่ภายในไตรมาสแรกของปีเท่านั้น โดยเชื่อว่าเมื่อข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโอไมครอนถูกเผยแพร่ออกมามากขึ้น ความกังวลของประเทศต่างๆ จะลดลงและสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น ทำให้คาดว่าภายในไตรมาส 2 นักท่องเที่ยวน่าจะกลับมาท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ หอการค้ายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการท่องเที่ยวไทยในปีหน้า โดยเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาไม่ต่ำกว่า 6 ล้านคน และในกรณีที่โอไมครอนไม่รุนแรงก็มีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขจะสูงถึง 10 ล้านคน ขณะที่ GDP ของไทยในปี 2565 ก็น่าจะขยายตัวได้ 3-4.5% ขึ้นอยู่กับผลกระทบจากโอไมครอน

 

ด้าน นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) มองว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่เริ่มรุนแรงขึ้นในโลก โดยเฉพาะในแถบยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้การพิจารณายกเลิกการเดินทางในประเทศแบบ Test & Go แล้วกลับไปใช้วิธีการกักตัวแบบ State Quarantine ของไทยเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เนื่องจากปัจจุบัน 49% ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมาจากยุโรปและ 16% มาจากสหรัฐฯ ซึ่งล้วนมีความเสี่ยงสูง

 

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบีประเมินว่า การยกเลิกการเดินทางในประเทศแบบ Test & Go จะส่งผลกระทบให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้และปีหน้าลดลงอย่างแน่นอน อย่างก็ไรดี หากชั่งน้ำหนักกับความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดที่จะนำไปสู่การล็อกดาวน์รอบใหม่ก็ยังเป็นสิ่งที่ควรทำ และอาจมีความคุ้มค่ามากกว่าในทางเศรษฐศาสตร์ 

 

โดย ttb analytics จะมีการประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้และปีหน้าใหม่อีกครั้ง จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 3 แสนคน ส่วนปีหน้าจะอยู่ที่ 7.5 ล้านคน

 

พร้อมระบุว่าสิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญในเวลานี้คือการป้องกันอย่าให้เกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่การล็อกดาวน์ เพื่อรักษาระดับการบริโภคในประเทศเอาไว้ เนื่องจากแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจไทยเวลานี้อาศัยการบริโภคในประเทศและการส่งออกเป็นหลัก ขณะที่การท่องเที่ยวแม้ว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด

 

ขณะที่ เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า หากภาครัฐยกเลิกการเดินทางในประเทศแบบ Test & Go จะส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังฟื้นตัวเกิดการสะดุด โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนธันวาคมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.5-2 แสนคนต่อเดือน และในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3 แสนคนต่อเดือน อาจจะออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 

 

อย่างไรก็ดี ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของมาตรการ ซึ่งในกรณีเลวร้ายคือนักท่องเที่ยวต้องกักตัวทั้งจากฝั่งขาเข้าไทยและขากลับไปประเทศต้นทาง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในปีหน้าอาจลดเหลือ 2 ล้านคน ขณะที่การใช้จ่ายในประเทศและการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยเองก็อาจได้รับผลกระทบทำให้ GDP ไทยในปี 2565 อาจขยายตัวได้เพียง 2.8%

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post เอกชนเสียงแตก หนุน-ค้านภาครัฐยกเลิก Test & Go คุมโอไมครอนระบาด ห่วงท่องเที่ยวซึมยาวถึงต้นปีหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
เหรียญ SAND พุ่งกว่า 27% หลัง Meta รีทวีตตอบกลับข้อความของ The Sandbox https://thestandard.co/crypto-sand-coins-up-27-percent/ Wed, 24 Nov 2021 08:55:10 +0000 https://thestandard.co/?p=563595 เหรียญ SAND

ราคาเหรียญ SAND ในช่วงเช้าวันนี้ (24 พฤศจิกายน) ปรับตัว […]

The post เหรียญ SAND พุ่งกว่า 27% หลัง Meta รีทวีตตอบกลับข้อความของ The Sandbox appeared first on THE STANDARD.

]]>
เหรียญ SAND

ราคาเหรียญ SAND ในช่วงเช้าวันนี้ (24 พฤศจิกายน) ปรับตัวขึ้นกว่า 27% มาเคลื่อนไหวในกรอบ 5.1-6.5 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ ‘Meta’ หรือชื่อเก่าว่า ‘Facebook’ เข้าไปตอบทวิตเตอร์ของ The Sandbox ที่ได้ทวีตข้อความหลังจากที่ Adidas บริษัทเสื้อผ้ากีฬาชั้นนำของโลกเข้ามาซื้อพื้นที่ในเกม Sandbox

 

โดย The Sandbox ทวีตข้อความถึงการที่ Adidas เข้ามาซื้อที่ดินบน Sandbox พร้อมข้อความว่า “ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้บน Metaverse แล้วถ้าเราจะชวนเหล่านักคิดมาออกแบบอนาคตร่วมกันล่ะ?” ก่อน Adidas จะรีทวีตข้อความต่อไปว่า “adiVerse anyone?” แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง Meta ก็ได้เข้ามารีทวีตข้อความดังกล่าวพร้อมกับระบุว่า “Impossible is nothing. but these possibilities are everything” หรือ “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่ความเป็นไปได้เหล่านี้คือทุกสิ่ง” ซึ่งเป็นการนำสโลแกนของ Adidas มาเล่นคำ

 

สำหรับเหรียญ ‘SAND’ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ราคาปรับขึ้นมาแล้วกว่า 87.6%

 

แพลตฟอร์มโลกเสมือนชื่อดัง The Sandbox มี อาร์เธอร์ มาดริด เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอของแพลตฟอร์มดังกล่าว สร้างแพลตฟอร์ม Sandbox ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงประสบการณ์โลกเสมือนต่างๆ ผ่านช่องทางในแพลตฟอร์ม อาทิ Voxeditor ไว้สำหรับการสร้างตัวละครหรืออุปกรณ์ในระบบนิเวศ ช่องทางถัดมาคือ Marketplace สำหรับผู้ใช้งานซื้อ-ขายไอเท็มที่สร้างจาก Voxedit และอีกช่องทางคือ Game Maker ไว้ให้ผู้เล่นสร้างเกมเป็น User-Generated Content โดยเตรียมเครื่องมือไว้ให้ผู้เล่นสร้างเกมขึ้นมา

 

โดยในแพลตฟอร์มของ Sandbox ยังเตรียมพื้นที่ไว้ให้ไปจับจองความเป็นเจ้าของบนโลกเสมือนได้ ด้วยรูปแบบการทำงานของ NFTs ที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชน ซึ่งมีเหรียญคริปโตฯ บนระบบนิเวศนี้ชื่อ ‘SAND’ ไว้สำหรับการทำธุรกรรมภายในระบบนิเวศดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีโทเคน ‘LAND’ ซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ในรูปแบบ NFTs ไว้สำหรับซื้อ-ขาย หรือให้เช่าภายในเกม

 

อ้างอิง:

 


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

The post เหรียญ SAND พุ่งกว่า 27% หลัง Meta รีทวีตตอบกลับข้อความของ The Sandbox appeared first on THE STANDARD.

]]>
อดีตรองนายกฯ อธิบายปม ‘Sandbox’ หลังนายกฯ เทียบเป็นปราสาททราย เผยเป็นความหมายเก่ากว่า 500 ปี ปัจจุบันมีวิธีคิดใหม่แล้ว https://thestandard.co/former-vice-pm-explain-sandbox-issue/ Sat, 03 Jul 2021 11:12:27 +0000 https://thestandard.co/?p=508063

วันนี้ (3 กรกฎาคม) ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐ […]

The post อดีตรองนายกฯ อธิบายปม ‘Sandbox’ หลังนายกฯ เทียบเป็นปราสาททราย เผยเป็นความหมายเก่ากว่า 500 ปี ปัจจุบันมีวิธีคิดใหม่แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (3 กรกฎาคม) ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง Sandbox ว่าเป็นปราสาททรายว่า ตนเองหวั่นอยู่แล้วว่านายกรัฐมนตรีจะพูดเรื่อง Sandbox ตามความเข้าใจของท่านขึ้นมาแล้วจะยุ่ง 

 

ท่านพูดว่าอยากให้ภูเก็ตเป็นปราสาททรายที่แข็งแกร่งไม่ล่มสลาย ผมขอยืนยันได้ว่า นับแต่ศตวรรษที่ 15 (เกือบ 600 ปีมาแล้ว) คำว่า Sandbox ปรากฏขึ้นมา ไม่มีคำว่า ปราสาททรายเลย แต่ในทางตรงกันข้ามคำว่าปราสาททรายนี้กลับมีความหมายถึง ความฝันที่อาจพังทลายลงได้ง่าย เพราะทรายเป็นของไม่เสถียร เหมือนเพลงที่ Pat Boon ร้องเมื่อปี 1957 คือ Love Letter in the Sand (ความรักที่สัญญากันและเขียนไว้บนทรายนั้นสลายหายไปเมื่อคลื่นซัดมา) และเพลง นำ้เซาะทราย ของเราที่มีความหมายว่า เมื่อคลื่นซัดมาทรายซึ่งเปรียบเสมือนความรักก็พังทลายหายไป 

 

ดร.ปลอดประสพ ระบุว่า ตนเองได้คุยกับลูกศิษย์ที่ดูแลงานวางแผนการพัฒนาประเทศที่สำคัญคนหนึ่งแล้ว มีความเห็นว่าควรทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จึงขอสรุปความเป็นมาของคำว่า Sandbox (Sb) พอสังเขป ดังนี้

 

  1. ศตวรรษที่ 16 Sandbox หมายถึงกล่องใส่ทรายที่ใช้โรยบนเอกสารเพื่อทำให้แห้ง (สมัยนั้นใช้น้ำหมึกเขียน) แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นใช้เกลือหรือผงกระดองหมึกแทนเพราะดูดน้ำได้ดีกว่า

 

  1. ต้นศตวรรษที่ 19 Sandbox หมายถึงทรายที่บรรจุไว้ที่หัวรถจักรไอน้ำ ใช้โรยรางเวลารถจอดเพื่อสร้างแรงเสียดทานไม่ให้ลื่นไถล

 

  1. กลางศตวรรษที่ 19 เมื่อโลกพัฒนาระบบไอที มีการนำคำว่า Sandbox มาใช้อีกครั้ง แต่ในความหมายว่า เป็นกรอบการทดสอบการสร้างโปรแกรมใหม่ๆ ที่ถูกควบคุมจำกัดขอบเขตและตัดขาดจากคลังข้อมูล หรือ Main Frame เพื่อป้องกันความเสียหาย

 

  1. มาถึงปัจจุบัน Websites และ Internet ถูกพัฒนาขึ้นมา ข้อมูลทั้งหมดถูกนำไปเก็บไว้ใน Cloud ดังนั้น Sandbox จึงถูกใช้ไปทำหน้าที่เสมือนสร้างกรอบใหม่ขึ้นมาสำหรับขบวนการทดลอง ตรวจสอบและช่วยในการปรับแต่งจนเกิดเป็น Program Solfware หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขึ้นมาก่อนถูกนำไปใช้จริง

 

ดังนั้น ‘Phuket Sandbox’ ในที่นี้จึงหมายถึง การทำระบบปิดในเกาะเพื่อตัดขาดจากโควิดไม่ให้เข้ามาหรือออกไปลุกลามทำร้ายจังหวัดอื่น และยังได้นำแนวคิด Regulatory Sanbox มาประกอบใช้คือ 

 

  1. การสร้างสภาพแวดล้อมภายใต้ข้อจำกัดใหม่
  2. การสร้างกฎเกณฑ์เฉพาะ
  3. ขบวนการผ่อนปรนมาผสมผสานกัน ดูเหมือนคุณหมออภิสมัย รองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะออกมาพูดเรื่องนี้บ้างแล้ว แต่ พล.อ. ประยุทธ์จะไม่ฟังหรือฟังไม่เข้าใจ ยังคิดเพียงเป็นของเด็กเล่น ภาษาอังกฤษเก่าเรียกว่า Sandpit

 

ดร.ปลดประสพ กล่าวอีกว่า ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล ท่านจะเลือกเอา Sandbox ในความหมายเก่าแก่ 500 ปีที่แล้วสำหรับเด็กเล่นปราสาททราย (ซึ่งก็พังทุกครั้งที่เล่นเสร็จ) หรือจะเอา Sandbox ของยุคปัจจุบัน คือการสร้างผลิตภัณฑ์ (ท่องเที่ยว) ใหม่ ท่ามกลางข้อจำกัดโรคระบาดโควิด-19 ก็แล้วแต่

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post อดีตรองนายกฯ อธิบายปม ‘Sandbox’ หลังนายกฯ เทียบเป็นปราสาททราย เผยเป็นความหมายเก่ากว่า 500 ปี ปัจจุบันมีวิธีคิดใหม่แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: เมื่อท่องเที่ยวกลับมา หุ้นกลุ่มไหนได้ไปต่อ | Morning Wealth 23 มีนาคม 2564 https://thestandard.co/morning-wealth-23032021-6/ Tue, 23 Mar 2021 01:22:07 +0000 https://thestandard.co/?p=467750

ประเมินสถานการณ์ หลังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียม […]

The post ชมคลิป: เมื่อท่องเที่ยวกลับมา หุ้นกลุ่มไหนได้ไปต่อ | Morning Wealth 23 มีนาคม 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
  • ประเมินสถานการณ์ หลังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมความพร้อมแผนการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยจะนำโมเดล ‘Sandbox’​ เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนเข้ามาในประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว นำร่อง 3 จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ
  • วิเคราะห์กลุ่มหุ้นได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว กับ วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
  • กลุ่มเจ มาร์ทประกาศรุกโลจิสติกส์-โบรกเกอร์ประกัน งัดกลยุทธ์สร้าง Synergy จากสินทรัพย์ทั้งเครือ ผลักดันผลกำไรและลดต้นทุน กลยุทธ์ธุรกิจในปี 2564 ของกลุ่มเจ มาร์ทเป็นอย่างไร พูดคุยกับ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ มาร์ท หรือ JMART

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: เมื่อท่องเที่ยวกลับมา หุ้นกลุ่มไหนได้ไปต่อ | Morning Wealth 23 มีนาคม 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>